Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิเคราะห์การเสริมสร้างจิตสาธารณะของ...(สรช.) ตามกระบวนทรรศน์หลังนวยุค

วิเคราะห์การเสริมสร้างจิตสาธารณะของ...(สรช.) ตามกระบวนทรรศน์หลังนวยุค

Published by tawanyen2558, 2018-07-03 23:47:19

Description: วิเคราะห์การเสริมสร้างจิตสาธารณะของ...(สรช.) ตามกระบวนทรรศน์หลังนวยุค

Search

Read the Text Version

สำนกั งำนคณะกรรมกำรวจิ ัยแห่งชำติ โครงกำรวิจัยเด่ยี ว (ฉบบั ปรบั ปรุงปี พ.ศ. ๒๕๕๘)แบบเสนอโครงการวิจัย (Research Project)ประกอบการเสนอของบประมาณ ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ -----------------------ชื่อโครงการวิจัย (ภาษาไทย) : วิเครำะห์กำรเสรมิ สร้ำงจติ สำธำรณะของสภำสง่ เสริมกำรเรยี นรู้และพฒั นำทกั ษะชีวติ เดก็ และเยำวชนจงั หวัดชยั ภูมิ (สรช.) ตำมกระบวนทรรศนห์ ลังนวยุค (ภาษาอังกฤษ) : An Analysis the addition builds of Public mind of The Councilof learning enhadcing and life skills Development for Chaiyaphum Children and Youthsfollow the artfulness sees after postmodern.สว่ น ก : ลกั ษณะโครงการวจิ ัย  โครงกำรวิจยั ใหม่  โครงกำรวจิ ัยตอ่ เนอ่ื ง ระยะเวลำ…….ปี................เดอื น ปีน้เี ปน็ ปีที่..…....….....…. ๑. ยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ ยทุ ธศำสตรก์ ำรวจิ ยั ท่ี ๑ : ด้ำนกำรเสรมิ สร้ำงและพฒั นำศักยภำพทุนมนษุ ย์ เป้าประสงค์ -ไม่ตอ้ งระบุ- กลยทุ ธ์ -ไม่ต้องระบุ- ๒. นโยบายและยุทธศาสตรก์ ารวจิ ัยของชาติ ยุทธศาสตร์ ยทุ ธศำสตรก์ ำรวจิ ยั ท่ี ๑ : เร่งสง่ เสรมิ กำรวจิ ัยและพัฒนำเพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปำ้ หมำยและ สนองตอบต่อประเด็นเรง่ ดว่ นตำมยทุ ธศำสตรแ์ ละแผนพัฒนำประเทศ และภำรกิจของหน่วยงำน กลยทุ ธ์ ยทุ ธศำสตรก์ ำรวจิ ัยที่ ๑ : กลยุทธ์ท่ี ๑ : เร่งสง่ เสริมและสนบั สนุนให้หน่วยงำนและ นักวจิ ัยผลติ ผลงำนวจิ ยั องคค์ วำมรู้ นวตั กรรม และเทคโนโลยจี ำกกำรวิจยั แผนงานวิจยั -ไมต่ ้องระบุ- ๓. ยุทธศาสตรก์ ารวิจัยของชาตริ ายประเด็น ยทุ ธศำสตร์กำรวิจัยด้ำน มนษุ ยศำสตร์ ๔. ยุทธศำสตรช์ ำติ กำรสร้ำงควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขัน และควำมม่ันคงง ๕. นโยบำย/เปำ้ หมำยของรัฐบำล  ระเบียบวำระแหง่ ชำติ ไม่ระบุ  โครงกำรทำ้ ทำยไทย ๑.๓ ดำ้ นคุณภำพชีวิตและสังคม  นโยบำยรัฐบำล ..........................................................................................การตรวจสอบทรพั ยส์ ินทางปัญญาหรอื สิทธบิ ัตรทีเ่ ก่ียวข้อง  ไมม่ ีกำรตรวจสอบทรพั ยส์ ินทำงปญั ญำ และ/หรือ สิทธิบัตรทเ่ี กย่ี วข้อง

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หนำ้ ๒ ตรวจสอบทรัพยส์ ินทำงปัญญำแลว้ ไม่มีทรพั ย์สินทำงปญั ญำ และ/หรอื สิทธบิ ตั รท่ีเกี่ยวข้อง ตรวจสอบทรัพยส์ ินทำงปัญญำแลว้ มีทรพั ยส์ ินทำงปญั ญำ และ/หรือ สิทธบิ ัตรทเี่ กี่ยวข้องหนว่ ยงานร่วมลงทุน ร่วมวจิ ยั รบั จ้างวจิ ัย หรือ Matching fund ชอ่ื หนว่ ยงำน/บริษัท .............................................................................................. ทีอ่ ยู่ .............................................................................................. เบอรโ์ ทรศพั ท์ .............................................................................................. ชอ่ื ผปู้ ระสำนงำน .............................................................................................. เบอรโ์ ทรศพั ท์ผูป้ ระสำนงำน .............................................................................................. เบอร์โทรสำรผู้ประสำนงำน .............................................................................................. อเี มล์ผปู้ ระสำนงำน ..............................................................................................การเสนอขอ้ เสนอหรอื ส่วนหนงึ่ ส่วนใดของงานวจิ ยั นี้ต่อแหล่งทุนอื่น หรอื เป็นการวิจยั ต่อยอดจากโครงการวจิ ัยอื่น  มี  ไมม่ ีมาตรฐานการวิจยั  มีกำรใช้สัตว์ทดลอง  มีกำรวิจยั ในมนษุ ย์  มีกำรวิจัยดำ้ นเทคโนโลยชี วี ภำพสมัยใหมห่ รือพันธวุ ิศวกรรม  มกี ำรใช้ห้องปฏบิ ตั ิกำรทเ่ี กีย่ วกับสำรเคมีสว่ น ข : องค์ประกอบในการจัดทาโครงการวจิ ัย๑. ผู้รบั ผดิ ชอบโครงการวิจัยประกอบด้วย คา ชอื่ -สกลุ ตาแหน่งในโครงการ สดั สว่ นการ เวลาที่ทาวิจยันาหน้า มีส่วนร่วม (ชัว่ โมง/ สัปดาห์)พระมหำ วิฑูรย์ (สิทธฺ ิเมธ)ี บงั สันเทียะ หวั หน้ำโครงกำร ๑๐๐ ผรู้ ่วมวจิ ยั ๒๐ ผูป้ ระสำนงำน๒. ประเภทการวจิ ยั กำรวิจัยพน้ื ฐำน (basic research) สาขาการวิจยั หลกั OECD ๑. มนษุ ยศำสตร์ สาขาการวจิ ยั ย่อย OECD ๑. มนุษยศำสตร์ : กำรวจิ ยั และพัฒนำจติ พฤตกิ รรม- ด้านการวจิ ัย เยำวชนและสังคมไทย๓. สาขาวิชาการ สงั คม/มนุษยศำสตร์๔. คาสาคัญ (keywords) สำขำวชิ ำปรชั ญำ

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๓ คาสาคัญ (TH) จิตสำธำรณะ, กระบวนทรรศน์หลงั นวยคุ , คาสาคัญ (EN) Public mind, Post-modern paradigm,๕. ความสาคญั และทีม่ าของปัญหาที่ทาการวจิ ยั จังหวัดชัยภูมิ เป็นจังหวัดหน่ึงในภำคตะวันออกเฉียงเหนือ ท่ีมีพ้ืนท่ีประมำณ ๑.๓ หมื่นตำรำงกิโลเมตร ซ่ึงใหญ่เป็นอันดับ ๗ ของประเทศ มีประชำกรมำกกว่ำ ๑.๒ ล้ำนคน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพกำรเกษตร เป็นกำรสะท้อนให้เห็นถึงกำรจะได้มำซึ่งมำตรฐำนของระดับคุณภำพชีวิต และปัจจัยหลักยอ่ มมำจำกกำรศึกษำ คือกำรรูห้ นังสือในระดับที่ไม่เพียงพอที่จะใช้งำนได้ จำกกำรประเมินหลำยครั้งพบว่ำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนของนักเรียนจังหวัดชัยภูมิยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ำพอใจ มีเด็กและเยำวชนนักเรียนนักศึกษำยังอ่ำนไม่ออกอ่ำนไม่คล่องเขียนไม่ได้เป็นจำนวนมำก ออกกลำงคันและไม่สำเร็จกำรศึกษำ กำรคลีค่ ลำยและแกป้ ัญหำดังกล่ำวยอ่ มต้องพ่ึงพำทง้ั กระบวนกำรบริหำรจัดกำรในระบบและกระบวนกำรคขู่ นำนที่ทุกฝ่ำยโดยเฉพำะพลังร่วมระหว่ำงบ้ำน วัด โรงเรียน (บวร) ท่ีจะเป็นกลไกในกำรระดมควำมคิด ปัจจัยทรัพยำกร กระบวนกำร ช่วยขับเคลื่อนพลังของครูท่ีมีบทบำทหน้ำท่ีโดยตรงในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนเพื่อเป้ำหมำยในกำรยกระดบั กำรเรยี นรูใ้ หเ้ ด็กและเยำวชนจงั หวดั ชยั ภูมใิ ห้เปน็ ไปตำมมำตรฐำนอนั พงึ ประสงค์ ในปีกำรศึกษำ ๒๕๕๔ จังหวัดชัยภูมิเป็น ๑ ใน ๑๐ จังหวัดทั่วประเทศ ซ่ึงได้รับรำงวัลจังหวัดดีเด่นท่ีมีกระบวนกำรคัดเลือกครูสอนดี โดยสำนักงำนส่งเสริมสังคมแห่งกำรเรียนรู้และคุณภำพเยำวชน(สสค.) ได้ให้กำรสนบั สนุนจังหวัดท่ีได้รับกำรคัดเลือกเป็นจังหวัดดีเด่น ขณะเดียวกันได้สถำปนำสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ข้ึน โดย สรช. และภำคีเครือข่ำยเห็นด้วยกับกำรแก้ไขปัญหำเด็กและเยำวชนนั้น จะต้องเร่ิมต้นที่ครูผู้สอนอันถึงพร้อมด้วยจรรยำบรรณ มีกระบวนกำรและเครื่องมือใหม่ๆ ในกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีครอบคลุมทั้งในกำรด้ำนกำรเรียนรู้ สัมมำชีพ เพื่อสำมำรถตรึงเดก็ และเยำวชนให้อยู่ในสภำพแวดล้อมเชิงบวก ในท่ำมกลำงบรบิ ทกำรประคับประคองช่วยเหลือของพลงั “บวร” เพ่อื ใหไ้ ดม้ ำซึ่งฐำนพลงั ครูอนั จะนำไปสกู่ ำรป้องกนั และแก้ปัญหำอยำ่ งยัง่ ยนื ต่อไป ปัญหำด้ำนศีลธรรมและปัญหำด้ำนควำมปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภำพชีวิตของคนไทยและกำรพัฒนำประเทศไทยในระยะยำว กำรพัฒนำศักยภำพของคนที่พึงปรำรถนำจะต้องพัฒนำให้ทุกคนได้รับกำรพัฒนำตำมศักยภำพอย่ำงเต็มท่ี ทั้งทำงด้ำนร่ำงกำยและจิตใจ ปัญญำและทักษะฝีมือ เพ่ือให้คนเป็นคนดี มีคุณธรรม มีสุขอนำมัยที่ดี และมีส่วนร่วมในกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ตลอดจนมีจติ สำนึกและมีบทบำทในกำรดูแลอนุรกั ษ์ทรัพยำกรธรรมชำติส่ิงแวดล้อมและวัฒนธรรมท่ีดีงำม ทั้งในระดับชำติและระดับท้องถิ่นซ่ึงจะช่วยทำให้กำรพัฒนำประเทศมีควำมสมดุลยั่งยืนอยู่บนพื้นฐำนของควำมเป็นไทย (ธีระพล อรุณะกสิกร และคณะ, ๒๕๔๐) สภำวะปัจจุบันของกลุ่มเยำวชนในจังหวัดชัยภูมิ กำลังเผชิญปัญหำท่ีสำคัญหลำยเรื่อง ในจำนวนหลำยเรื่องน้ันคือเร่ืองขำดกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะ จึงมีปัญหำเร่ืองรำวเกี่ยวกับกลุ่มเยำวชนบ่อยครั้ง ในแง่ที่ไม่สร้ำงสรรค์ เช่นแสดงออกในเชิงชู้สำวในสวนสำธำรณะ แสดงออกในลักษณะของควำมรุนแรง ก่อกวนทะเลำะวิวำทในงำนเทศกำลหรืองำนบุญประเพณีต่ำงๆ ท่ีหน่วยงำนรำชกำรหรือองค์กรต่ำงๆ จัดขึ้นในวันสำคัญต่ำงๆ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมำกกว่ำส่วนรวม ขำดจิตสำนึกต่อระเบียบวินัยในตนเอง และขำดควำมรับผิดชอบต่อสังคม

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หนำ้ ๔ส่วนรวม จึงมีควำมจำเป็นที่จะต้องพัฒนำหลำยๆ ด้ำน เพื่อชว่ ยกันแก้ปัญหำสังคมให้ดำเนินไปในทิศทำงที่สร้ำงสรรค์จนนำไปสู่มิติตัวอย่ำงทำงสังคม โดยอำศัยร่มเงำของกระแสควำมคิดหลังสมัยใหม่ ท่ีมีปัจจัยทำงควำมคิดท่ีก่อตัวเป็นแรงปรำรถนำ ภำยใต้ภำวะสังคมทันสมัย (modernity) ให้เพ่ิมเติมแนวคิดใหม่ๆ จะได้ไม่ต้องจมอยู่กับจุกเล็กๆ หรือแนวคิดเดิมๆ แม้จะเปลี่ยนแปลงทำงแนวคิดไปตำมพลวัตและกระแสสังคมก็ตำม ท้ังนี้ล้วนเป็นกำรเสริมเติมช่วยในกำรพัฒนำไปสู่จุดที่สมบูรณ์นำให้เข้ำถึงควำมประเสริฐสุดในชีวิตได้เช่นกัน เมือ่ ปญั หำเกิดขึ้นกับเยำวชน จำเป็นอย่ำงยิง่ ท่ีทกุ ฝ่ำยตอ้ งร่วมกันหำทำงป้องกันและแกไ้ ขปัญหำทเ่ี กิดข้ึนกับเด็ก และวัยรุน่ แต่สงิ่ ที่สำมำรถปอ้ งกันและช่วยแก้ไขปัญหำท่ีเกิดขน้ึ ได้เปน็ อย่ำงดี คือกำรปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมกับวัยรุ่น โดยกำรนำเอำหลักคำสอนทำงศำสนำเข้ำมำช่วยในกำรแก้ปัญหำ (สมบูรณ์ สุขสำรำญ, ๒๕๓๐) ยุทธศำสตร์ใหม่ท่ีเป็นหัวใจสำคัญของกำรพัฒนำเศรษฐกิจสังคมแห่งชำติ ฉบับท่ี ๘ พ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๔๔ ได้กำหนดทิศทำงของกำรพัฒนำเพ่ือเสริมสร้ำงให้คนโดยเฉพำะกลุ่มผู้ด้อยโอกำสทุกกลุ่มได้รับกำรพัฒนำเตม็ ศักยภำพตำมขีดควำมสำมำรถของแต่คะบคุ คลอยำ่ งเป็นองค์รวม คือ พัฒนำท้ังทำงด้ำนร่ำงกำย สติปัญญำ คุณธรรม จริยธรรม จิตใจ อำรมณ์ สังคม รวมทั้งกำรคุ้มครองช่วยเหลือให้ได้รับกำรบรกิ ำรพน้ื ฐำนทำงสงั คมทุกด้ำนอยำ่ งเหมำะสม ทั่วถึงและเปน็ ธรรม เพ่ือใหบ้ ุคคลเหล่ำน้ันสำมำรถดำรงชวี ิตอยู่ในสังคมได้อย่ำงปกติสุขและสมศักด์ิศรีรวมท้ังกำรพัฒนำระบบควำมม่ันคงทำงสังคม ทั้งครอบครัวและชุมชนเพ่ือสร้ำงสภำพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อกำรพัฒนำคนและสังคมต่อไป (สำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริมและประสำนงำนเยำวชนแห่งชำติ, ม.ป.ป.) ควำมเจริญทำงด้ำนวัตถุในยุคสมัยใหม่นี้ ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงค่ำนิยมของคนในสังคมอย่ำงฝุ่นตลบ สังคมจึงให้ค่ำควำมสำคัญในกำรแสวงหำเงินทองอำนำจมำกกวำ่ ให้ควำมสำคัญดำ้ นจิตใจ ควำมมืดบอดเร่ิมแผ่เขำ้ ปกคลุมทกุ พื้นท่ีทำงสงั คม ปัญหำมำกมำยต่ำงทยอยผุดขึ้นลุกลำมสลับทับซ้อนกันไป กำรปลูกฝังจิตใจให้บุคคลมีควำมรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมขณะนี้จึงมีควำมเร่งดว่ นทท่ี กุ ภำคส่วนจำต้องร่วมระดมช่วยกนั เยยี วยำขนำนใหญ่ ด้วยเหตนุ ้ีจงึ มีกำรกลำ่ วถึงคำว่ำ \"จิตสำธำรณะ\" มำกข้ึน เพ่ือประโยชน์ที่จะเป็นแนวคิดต่อตนเอง อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกำรพัฒนำสังคม เพื่อชี้ให้เห็นประเด็นในแง่ของกำรจัดกำรศึกษำที่แท้จริงว่ำต้องจัดกระบวนกำรควำมคิด เพื่อนำไปสู่กำรเปล่ียนผ่ำนเรียนรู้จนตกผลึกควำมเห็นในกำรพัฒนำเชิงประจักษ์ร่วมกัน ดังน้ัน เม่ือกำรจัดกระบวนกำรเรยี นรู้ในเร่ืองของจิตสำธำรณะไดอ้ ยำ่ งถกู ต้องแล้ว จะส่งผลถึงสงั คมของกลุ่มเยำวชนจะให้ไดร้ ับกำรพัฒนำในเรื่องจิตสำธำรณะนอี้ ยู่ถงึ ๓ ประกำร ไดแ้ ก่ ๑. คุณภำพจิต ได้แก่ สร้ำงเสริมจิตใจให้ดีงำมด้วยคุณธรรมต่ำงๆ มีจิตใจสูง ประณีต ให้มีเมตตำ มีควำมรัก มีควำมเพียร มีควำมปรำรถนำประโยชน์แก่ผู้อื่น มีควำมกรุณำอยำกช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ มีมทั วะ ควำมอ่อนโยน กตญั ญู รู้คณุ ค่ำแหง่ กำรกระทำของผอู้ น่ื เป็นตน้ ๒. สมรรถภำพจติ คือ ควำมสำมำรถของจิต เช่น ควำมมีสติดี มีวริ ยิ ะ ควำมเพียรพยำยำมสู้งำนมีขันติควำมอดทนและทนทำน มีสติจิตใจแน่วแน่ มีสัจจะ มีควำมจริงจัง เอำจริงเอำจัง มีอธิษฐำน มีควำมเด็ดเดี่ยวต่อควำมมุ่งหมำย มีควำมหนักแน่นเข้มแข็งมั่นคงในจิตใจที่จะทำงำนให้ได้ผลสมบูรณ์ โดยเฉพำะงำนทำงปัญญำ มคี วำมคิดพจิ ำรณำใหเ้ หน็ ควำมจรงิ แจ่มแจ้งชัดเจน ๓. สุขภำพจิต เพ่ือใหเ้ ด็กและเยำวชนเปน็ คนมคี วำมสุข มสี มำธิสงบเยอื กเย็นเป็นคนแจ่มใส รำ่เรงิ พอใจในสงิ่ ทีต่ นมี ยินดใี นส่ิงทตี่ นได้ และเพื่อสง่ เสรมิ บทบำทของสถำบันในกำรพฒั นำจิตใจ ซ่งึ จะนำไปสู่

เสนอโครงกำรวจิ ยั ประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๕ควำมเปน็ ครอบครวั อบอุ่น ชุมชนเขม้ แขง็ สังคมสันติ ส่งิ แวดลอ้ มย่งั ยนื ในโอกำสตอ่ ไป (พระรำชวรมุนี (ประยทุ ธ ปยุตฺโต), ๒๕๓๐) ดังนั้น ผู้วิจัยจึงได้เลือกศึกษำวิเครำะห์กำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพฒั นำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ตำมกระบวนทรรศน์หลังนวยุค เพื่อให้สอดคล้องตำมยุทธศำสตร์กำรพัฒนำประเทศตำมแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติและของรัฐบำลอีกด้วย กำรจะสร้ำงเยำวชนต้นแบบของจังหวัดชัยภูมิ ได้นำต้นแบบของบุคคลสำคัญในจังหวัดมำให้ได้ศึกษำเรียนรู้เพื่อยึดเป็นแนวทำง หรือปรับประยุกต์ให้เข้ำกับบริบทของตนเอง เพื่อต้องกำรศึกษำวิเครำะห์ว่ำ ยุคหลังสมัยใหม่น้ียังมีวิธีคิด วิธีปฏิบัติ วิธีให้คุณค่ำ หรือแนวทำงอื่น ที่สำมำรถนำมำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนในเขตจังหวัดชัยภูมิ เพ่ือให้เกิดควำมหลำกหลำยอย่ำงยั่งยืนได้อีกหรือไม่ท่ำทีขององค์กรหรือหน่วยงำนท้ังเอกชนและปัจเจกชนทจี่ ะเข้ำมำมีส่วนร่วมเปน็ อยำ่ งไร มีวธิ กี ำรอย่ำงไรทจ่ี ะให้ทุกภำคส่วนได้เข้ำมำมีส่วนร่วมเพ่ิมมำกขึ้น ท้ังน้ีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่หนักแน่นและเพียงพอต่อกำรวินิจฉัยปัญหำและเป็นแบบอย่ำงหรือแนวทำงในกำรนำกำรวิจัยน้ีไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในกำรพัฒนำตำ มบริบทขององค์กรหรือหนว่ ยงำนต่ำงๆ อยำ่ งแพรห่ ลำยตอ่ ไป๖. วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการวิจัย ๖.๑ เพอื่ ศกึ ษำแนวคดิ และกระบวนกำรเสรมิ สร้ำงจิตสำธำรณะของสภำสง่ เสริมกำรเรียนรแู้ ละพัฒนำทักษะชีวิตเดก็ และเยำวชนจงั หวดั ชยั ภูมิ (สรช.) ๖.๒ เพือ่ ศึกษำกำรบูรณำกำรหลักพทุ ธธรรมในกำรเสรมิ สรำ้ งจิตสำธำรณะ ๖.๓ เพ่อื วเิ ครำะห์กำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสรมิ กำรเรยี นรู้และพฒั นำทักษะชวี ิตเดก็ และเยำวชนจงั หวดั ชัยภูมิ (สรช.) ตำมกระบวนทรรศนห์ ลังนวยคุ๗. ขอบเขตของโครงการวิจยั ๗.๑ ขอบเขตด้านเนอ้ื หา ในกำรวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตด้ำนเนื้อหำโดยกำรทบทวนเอกสำร ตำรำ และผลงำนวิจัยท่ีเก่ียวข้อง โดยจะศึกษำเฉพำะเนื้อหำหรือประเด็นท่ีเก่ียวข้องกับกรอบแนวคิดเรื่อง “จิตสำธำรณะตำมกระบวนทรรศนห์ ลังนวยคุ ” อธบิ ำยกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำสง่ เสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) งำนวิจัยช้ินนี้จะศึกษำเฉพำะจิตสำธำรณะตำมกระบวนทรรศน์หลังนวยุค ในกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเดก็ และเยำวชนจงั หวดั ชยั ภูมิ โดยแบ่งออกเปน็ ๔ ประเดน็ คือ ๑) แนวคิดเรื่องจิตสำธำรณะในพระพทุ ธศำสนำ ๒) แนวคิดเร่ืองจติ สำธำรณะตำมกระบวนทรรศนห์ ลงั นวยุค ๓) กำรเสรมิ สร้ำงจิตสำธำรณะในพระพุทธศำสนำ ๔) กำรเสรมิ สรำ้ งจิตสำธำรณะตำมกระบวนทรรศน์หลงั นวยุค ๗.๒ ผูใ้ ห้ข้อมลู สาคญั /ขอบเขตดา้ นประชากรและกลุม่ ตัวอย่าง ๗.๒.๑ ผู้ให้ขอ้ มลู สาคญั ผู้ให้ขอ้ มูลท่สี ำคญั ในเร่ืองน้ีประกอบไปด้วย

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๖ ๑) ผใู้ หข้ อ้ มูลสำคัญด้ำนกำรสัมภำษณ์เชิงลกึ (In-depth Interview) กำรวิจัยครัง้ นี้วิเครำะหก์ ำรเสรมิ สร้ำงจติ สำธำรณะของสภำสง่ เสริมกำรเรยี นรู้และพัฒนำทกั ษะชีวิตเดก็ และเยำวชนจงั หวัดชยั ภมู ิ (สรช.) ตำมกระบวนทรรศนห์ ลงั นวยุค ผ้ใู ห้ข้อมูลสำคัญด้ำนกำรสัมภำษณเ์ ชิงลึก โดยคัดเลือกแบบเจำะจงโดยเกณฑก์ ำรคัดเลอื กจำกหน่วยงำนของภำครฐั ท่ใี ห้เกยี่ วขอ้ งกับกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสรมิ กำรเรียนรู้และพัฒนำทกั ษะชีวติ เดก็ และเยำวชนจังหวดั ชยั ภูมิ (สรช.) จำนวน ๘๐ คน ๒) ผู้ให้ข้อมูลสำคัญด้ำนกำรสนทนำกลุ่มเฉพำะ (Focus Group Discussion) โดยคัดเลือกแบบเจำะจงโดยเกณฑ์กำรคัดเลือกจำกหน่วยงำนของภำครัฐท่ีให้เก่ียวข้องกับกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชวี ิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) จำนวน ๑๖คน ๗.๒.๒ ประชากร ประชำกรท่ีใชใ้ นกำรวจิ ัยครัง้ นี้ ประกอบด้วยกลุ่มผ้เู กี่ยวข้องกับกำรเสริมสรำ้ งจติสำธำรณะของสภำสง่ เสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทกั ษะชีวิตเด็กและเยำวชนจงั หวดั ชัยภูมิ (สรช.) ทั้ง ๑๖อำเภอจำนวน ๕๐๐ คน ๗.๒.๒ กลุ่มตวั อยา่ ง กลมุ่ ตัวอยำ่ งของประชำกร ได้แก่ ผู้เกยี่ วข้องกบั กำรเสรมิ สร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ท้ัง ๑๖ อำเภอ ๆ ละ ๕ คนจำนวน ๘๐ คน ๗.๓ ขอบเขตด้านพน้ื ที่ ขอบเขตดำ้ นพ้ืนที่ ผูว้ จิ ยั ตอ้ งกำรทำกำรศกึ ษำวเิ ครำะห์ในเรอื่ งน้ี ได้แก่ สภำส่งเสริมกำรเรยี นร้แู ละพัฒนำทกั ษะชวี ติ เดก็ และเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ภำยใน ๑๖ อำเภอของจงั หวดั ชยั ภมู เิ ท่ำนนั้ ๗.๔ ขอบเขตดา้ นระยะเวลา ขอบเขตด้ำนระยะเวลำน้ี ผ้วู ิจัยได้กำหนดช่วงเวลำในกำรดำเนนิ กำรวจิ ัยไว้ ๒ ระยะ ได้แก่ระยะของ ๖ เดือนแรก และระยะของ ๖ เดอื นหลัง รวมเปน็ ๑๒ เดอื น (ภำยใน ๑ ปี)๘. ทฤษฎี สมมติฐาน (ถ้าม)ี และกรอบแนวคดิ ของโครงการวจิ ัย ในกำรวิจยั ครัง้ น้ี เป็นกำรศกึ ษำวิเครำะห์กำรเสริมสรำ้ งจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทกั ษะชีวติ เดก็ และเยำวชนจงั หวัดชัยภมู ิ (สรช.) ตำมกระบวนทรรศน์หลังนวยคุ สมมตฐิ ำนกำรวจิ ัยคือ เยำวชนภำยในจังหวัดชัยภูมิที่ประสบปัญหำด้ำนต่ำง ๆ แต่ด้วยกำรรวมตัวของเหล่ำบรรดำผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเกษียณรำชกำรไปบ้ำงแล้วก็มี ยังคงปฏิบัติรำชอยู่ก็มี และอีกจำกหลำยหน่วยงำน ได้มีควำมคิดเป็นเอกภำพรว่ มกันวำ่ ปัญหำทีเ่ กิดกับลูกหลำนชัยภูมเิ รำ ถ้ำไม่มีผใู้ หญอ่ ยำ่ งพวกเรำเข้ำมำช่วยเหลอื พวกเรำแล้ว ปญั หำที่ทับถมเยำวชนของเรำจะยิ่งเพิ่มทวีขึ้น....จึงเกิดกลุ่มผู้เสียสละด้วยหวังจะช่วยกลุ่มเป้ำหมำยคือเยำวชนในเขตจังหวัดชัยภูมิ ภำยในกลุ่มก็มีเป้ำหมำยเพ่ือเน้นจุดยืนในด้ำน “จิตสำธำรณะ” เป็นประเด็นให้เกิดกลุ่มสรช. นี้ข้ึนมำ ซึ่งมีปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยเกื้อหนุน มีควำมสัมพันธ์กับกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะใน

เสนอโครงกำรวิจัยประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๗พระพุทธศำสนำและกำรเสรมิ สรำ้ งจิตสำธำรณะตำมกระบวนทรรศนห์ ลังนวยคุ เพือ่ นำไปประยกุ ต์ใช้แก้ปญั หำดำ้ นจิตสำธำรณะของตนกรอบแนวคิดของโครงการวิจยั แนวคิดเรื่องจิตสาธารณะใน การเสริมสร้างจิตสาธารณะใน พระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธศาสนา- ทาน การให้ - อิทธิบาท ๔ - พรหมวิหาร ๔- ปี ยวาจา พดู ดีมีประโยชน์ - มรรค ๘- อตั ถจริยา บาเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์- สมานตั ตตา ปฏิบตั ิตนในทางดีอยา่ งสม่าเสมอ แนวคิดเร่ืองจิตสาธารณะตาม การเสริมสร้างจิตสาธารณะตาม กระบวนทรรศน์หลงั นวยุค กระบวนทรรศน์หลงั นวยุค - ฝึกระเบียบวนิ ยั- คิดในทางบวก - การมีกิจกรรม- มีส่วนร่วม - ฝึกฝนใหเ้ ด็กไดป้ ฏิบตั ิจริง- ทาตวั เป็นประโยชน์ - เป็นตวั อยา่ งท่ีดีใหแ้ ก่ลูก- ไม่เห็นแก่ตวั - ร่วมมือกบั โรงเรียนในการปลูกฝัง- มีความเขา้ ใจ จิตสาธารณะ- มีใจกวา้ ง- มีความรัก- มีการส่ือสารที่ดี๙. การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ (Information) ท่ีเก่ยี วขอ้ ง ๙.๑ แนวคิดเกี่ยวกับจติ สาธารณะและกระบวนทรรศน์หลังนวยคุ กำรปฏิวัติทำงวิทยำศำสตร์ (Scientific Revolution) เป็นยุคสมัยภำยหลังจำกยุค อภินิพัติ(Renaissance) ซ่ึงพ่วงติดมำด้วยกำรปฏิวัติอุตสำหกรรม (Industrial Revolution) คือ ในรำวปลำยคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๘ ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ ประเทศทำงฝั่งตะวันตกเร่ิมก้ำวเข้ำ สู่ยุคสมัยท่ีเรียกกันว่ำยุคสมัยใหม่ หรือ นวยุค (Modern Age) ท่ีอุตสำหกรรมได้เข้ำมำเป็น ตัวกำหนดยุคสมัยและเป็นเกณฑ์ในกำรวัดควำมเจริญก้ำวหน้ำ หรืออำรยธรรม สังคมโลกถือว่ำ สังคมสมัยใหม่ (Modern Society) ก็คือ สังคมอุตสำหกรรม (Industrial Society) ควำม เปล่ียนแปลง และควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีต่ำงๆ ท่ีมำ

เสนอโครงกำรวิจัยประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๘พร้อมกับกำรปฏิวัติทำง วิทยำศำสตร์นี้เอง ทำให้วิถีชีวิตควำมเป็นอยู่ของมนุษย์เกิดควำมสะดวกสบำยจนกระทั่งเกิด ควำมนิยมและต่ืนตัวในวิทยำศำสตร์มำกข้ึน ท้ังเกิดทัศนะว่ำ วิทยำศำสตร์จะสำมำรถนำพำมนุษย์ไปสู่ควำมเจริญกำ้ วหน้ำอย่ำงไม่มีที่ส้ินสุด โลกเกิดควำมสนใจและนิยมชมช่ืนในควำมรู้ ควำมก้ำวหน้ำทำงวิทยำศำสตร์มำกขึ้น ทำให้คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๘ ได้ช่ือเรียกว่ำเปน็ ศตวรรษ แห่งควำมร้แู จ้ง หรอื ยุคพุทธิปัญญำ (The Enlightenment)๒ แสดงถึงควำมภำคภูมิใจในตนเอง ของนักปรำชญ์ในยุคสมัยนั้น เป็นยุคสมัยท่ีเชื่อว่ำแสงสว่ำงของปัญญำและเหตุผล ช่วยทำให้ มนุษย์มีควำมเจริญก้ำวหน้ำ เป็นยุคซ่ึงลดทอนควำมเชื่อหลักคำสอนใดๆ ที่สักแตว่ ่ำยึดถือกนั มำ ตำมศรทั ธำแห่งศำสนำ หรอื ประเพณีนยิ ม แตส่ นับสนุนใหใ้ ช้เหตุผลโดยเสรี และใหใ้ ช้ ประสบกำรณเ์ ปน็ หลกั พื้นฐำนของควำมเชื่อ (รำชบณั ฑติ ยสถำน, พจนำนุกรมศพั ท์ปรัชญำอังกฤษ-ไทย, ๒๕๔๓) เกิดคติแห่งควำมก้ำวหน้ำ (Idea of Progess) หรือคติแห่งควำมก้ำวหน้ำที่มิอำจหลกี เล่ียงได้ (Idea of Inevitable Progess) เกิดแนวคิดมุ่ง พิชิตธรรมชำติ หรือ กำรเป็นนำยเหนือธรรมชำติ(Conquest of Nature หรอื Dominate Over กระแสนิยมวิทยำศำสตร์น้ี ทำให้แขนงวิชำกำรสำขำต่ำงๆ เกิดกำรปรับตัวโดย พยำยำมนำกรอบวิธีวิทยำทำงวิทยำศำสตร์ (Scientific Method) มำประยุกต์ใช้ให้เข้ำกับ สำขำวิชำของตน เพื่อทำให้สำขำวิชำท้ังหลำยเหล่ำน้ันมีควำมเป็นวิทยำศำสตร์ ท่ีถือกันว่ำมี ควำมเป็นสำกล และจะได้รับกำรยอมรับมำกข้ึน เกิดกระบวนทัศน์ หรือ ทัศนะแม่บท (Paradigm) กำรมองโลกและชีวิตในควำมเข้ำใจใหม่ เกิดโลกทัศน์แบบจักรกล (Mechanistic View) หรือ จักรกลนิยม (Mechanism) เกิดโลกทัศน์แบบแยกส่วน หรือลดสว่ น (Reductionist View) หรือ คตินิยมลดทอน (Reductionism) และใช้กระบวนให้ไดม้ ำซ่ึงควำมรดู้ ้วยกระบวนกำร เชิงประจักษ์ หรือ ประจักษ์นิยม หรือ ประสบกำรณ์นิยม (Empiricism) ท่ีเรียกว่ำ ทัศนะแบบเดสค์ ำร์ต-นวิ ตนั โลกทัศน์แบบจักรกลนี้ เร่ิมขึ้นตั้งแต่ปลำยคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ โดยได้รับอิทธิพล ทำงควำมคิดจำกควำมคิดของ เดส์คำร์ต นักปรัชญำ นักฟิสิกส์ นักคณิตศำสตร์ และนัก สรีรวิทยำ ชำวฝร่ังเศส ได้เขียนหนังสือช่ือ สัตว์คือเครื่องจักร ที่ได้นำเสนอทัศนะว่ำจักรวำล เปรียบเสมือนเครื่องจักรใหญ่ ร่ำงกำยที่มีชีวิตเป็นเครื่องจักรท่ีมีควำมละเอียดอ่อนประณีต ควำมแตกต่ำงของมนุษย์และสัตว์นั้นอยู่ท่ีจำนวนฟันเฟืองที่ไม่เท่ำกัน และมนุษย์เป็นเครื่องจักร ที่มีวิญญำณ ซึ่งได้รับกำรพัฒนำแนวควำมคิดต่อไปโดยนิวตัน นิวตันน้ีเองคือ ผู้ที่นำเสนอ แนวคิดแบบแยกส่วน กระบวนทัศน์วิทยำศำสตรแ์ บบจักรกล และแนวคดิ แบบแยกส่วนน้เี องทำ ให้เกิดกำรมองโลก ส่ิงทั้งหลำย ตลอดจนถงึ สง่ิ มชี ีวิต รวมทั้งร่ำงกำยมนุษย์ว่ำเป็นสสำร หรือ วตั ถุ ท่ีรับรู้ได้ด้วยกระบวนกำรเชิงประจักษ์ และแบบเลขคณิต เห็นว่ำ ส่ิงทั้งหลำยหรือ ปรำกฏกำรณ์ต่ำงๆ เกิดจำกองค์ประกอบย่อยๆ ที่เขำ้ มำมคี วำมสัมพันธ์กันอย่ำงเป็นระบบมี ระเบยี บกฎเกณฑ์และเหตผุ ล กระบวนทศั น์วิทยำศำสตร์แบบจกั รกล และแนวคิดแบบแยกสว่ น สำหรับวงกำรวิทยำศำสตร์เองก็เกิดกำรแตกแขนงสำขำวิชำต่ำงๆ ตำมควำมชำนำญ พิเศษเฉพำะดำ้ น (Specialization) มำกข้นึ ๆ พร้อมกับกำรศึกษำในมหำวิทยำลยั ก็มีกำรแตก ขยำยสำขำกำรศกึ ษำแยกย่อยตำมควำมชำนำญเฉพำะด้ำนมำกขึ้น ถือว่ำโลกได้เขำส่ยู ุคแห่ง ควำมชำนำญพิเศษเฉพำะด้ำน (Ageof Specialization) เชื่อว่ำ วิถีชีวิตของมนุษย์จะอยู่ภำยใต้ กำกับดูแลของผู้ชำนำญกำร (Specialists) และผเู้ ช่ียวชำญตำ่ งๆ (Experts) มำกขึ้นๆ

เสนอโครงกำรวิจัยประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๙ วำรีญำ ภวภูตำนนท์ ณ มหำสำรคำม ไดก้ ล่ำวไวใ้ นจิตวทิ ยำพทุ ธศำสนำวำ่ คำสอนของพระพุทธเจ้ำทง้ั หมดรวมศูนย์ที่กระบวนกำรจิตของคนพระพุทธเจำ้ ทรงใช้ระเบียบวิธีกำรพินิจภำยในจติ ของพระองค์ และสังเกตพฤติกรรมของคนอ่ืนแลว้ เอำข้อเท็จจรงิ มำประกอบเปน็ พุทธจิตวิทยำ ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นจิตวิทยำทใ่ี ชไ้ ด้ทุกยุคทุกสมัยแม้เวลำจะล่วงเลยมำถึง ๒๕๐๐ ปี เศษแล้วก็ตำม พุทธศำสนำเริ่มด้วยกำรวินิจฉัยว่ำคนเป็นอินทรีย์พลวัตรที่ด้ินรนโลดแล่นไปเพื่อหำวัตถุและเหตุกำรณ์มำสนองตัณหำและควำมอยำกต่ำงๆ และควำมอยำกน้ีเองที่ผลักดันให้คนปรุงแต่งพฤติกรรมไปนำนำชนิด พุทธศำสนำสอนให้คนรู้วิธีต่ำงๆ ที่จะปรับปรุงตัณหำให้พอเหมำะพอดีกับเงื่อนไขและสภำวะแห่งส่ิงแวดล้อม และไม่เน้นให้คนเปลี่ยนแปลงส่ิงแวดล้อมให้เหมำะแก่ตัณหำ เพรำะตัณหำของคนน้ันยำกที่จะจำกัดขอบเขตได้จิตวิทยำก็เช่นกันคือ พยำยำมหำแนวทำงที่จะให้คน ปรับปรุงพฤติกรรมต่ำง ๆ ใหเ้ หมำะสมกับสิ่งแวดล้อม มำกว่ำท่ีจะให้เปล่ียนแปลงส่ิงแวดล้อม ให้เหมำะแก่ธรรมชำติของคนในชีวิตประจำวันของคนเรำน้ันมีปรำกฏกำรณ์ทำงจิตวิทยำ ๒ อย่ำง ท่ีควบคุมพฤติกรรมท่ีแสดงออกต่อส่ิงเร้ำ นั้นคืออำรมณ์ และเชำว์ปัญญำ กำรกระทำท้ังทำงกำย และวำจำ จึงสำเร็จมำจำกจิตเปน็ ใหญ่ในกำรบงกำร กำรกระทำทุกรปู แบบจงึ ประทับสง่ั สมไวใ้ นกำรรับร้ขู องจิตเรียกว่ำกำรส่ังสมด้วยเหตุนี้ทำงพุทธศำสนำจึงเน้นในเร่ืองกุศลกรรมและอกุศลกรรม อันมีผลสืบเนื่องต่อวิถีชีวิต ทั้งในอดีตปัจจุบนั และอนำคต ซง่ึ มผี ลส่งถงึ กนั อยำ่ งหลกี เล่ียงไมไ่ ด้ (วำรญี ำ ภวภตู ำนนท์ ณ มหำสำรคำม, ๒๕๔๔) งานวจิ ัยทเี่ กี่ยวขอ้ งกับจติ สาธารณะ พระมหำชำนำญ กตธมฺโม (บุญแพ) ได้ทำวิจัยเร่ือง กำรศึกษำจิตสำธำรณะในพระพุทธศำสนำเถรวำท ผลกำรวิจัยพบว่ำ จิตสำธำรณะหรือจิตท่ีเป็นไปกับกำรทำควำมดี ของบุคคลตำมหลักพระพุทธศำสนำนั้นเรียกว่ำ กุศลจิตหรือมหำกุศลจิต เพรำะเป็นจิตฝ่ำยดีงำม เป็นที่ต้ังแงกำรทำควำมดีหรือเป็นควำมคิดในกำรสร้ำงสรรค์และบำเพ็ญประโยชน์สุขทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่นและสังคมโดยรวม (พระมหำชำนำญ กตธมโฺ ม (บุญแพ), ๒๕๕๕) เทียม ศรีคำจักร ได้ทำวิจัยเรื่อง พุทธธรรมกับปรัชญำกำรรักษำโดยกิจกรรมบำบัด เป็นงำนวิจัยเพ่ือเปรียบเทียบหลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำกับปรัชญำกำรรักษำโดยกิจกรรมบำบัด เพื่อนำควำมรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับงำนกิจกรรมบำบัดในประเทศไทย โดยศึกษำจำกเอกสำร โดยวิเครำะห์และอภิปรำยเชิงตรรกะ เพ่ือหำแนวคิด หลักกำรและวิธีกำรทำงพระพุทธศำสนำ ท่ีเกี่ยวข้องกับกำรรักษำทำงกิจกรรมบำบัด (เทยี ม ศรคี ำจกั ร, ๒๕๓๖) ธัญศญำ ธรรมิสกุล ได้ทำวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมจิตสำธำรณะของนักศึกษำระดับประกำศนยี บัตร วิชำชีพ วิทยำลยั เทคโนโลยอี รรถวิทยพ์ ณิชยกำร ผลกำรวิจยั พบวำ่ ๑. ควำมคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมจิตสำธำรณะ (ด้ำนอำคำรและสถำนท่ี ด้ำนกำรให้บริกำรห้องเรียนพิเศษ ด้ำนพฤติกรรมครู ด้ำนกิจกรรมนักศึกษำ ด้ำนระเบียบวินัยในวิทยำลัย และดำ้ นอิทธพิ ลกล่มุ เพื่อน) ๑.๑ ควำมคิดเห็นท่ีมีต่อปัจจัยด้ำนอำคำรและสถำนที่ โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เมื่อพิจำรณำจำกค่ำเฉล่ีย พบว่ำ ข้อท่ีมีค่ำเฉลี่ยสงู สุด คือ วทิ ยำลัยมีอำคำรเรยี นและห้องเรียนเพียงพอต่อควำมต้องกำรและจำนวนของนักศึกษำ รองลงมำ วิทยำลัยมีกำรจัดตั้งท่ีทิ้งขยะเพียงพอ และข้อที่มีค่ำเฉลี่ยต่ำสุดคือ จำนวนหอ้ งส้วมทส่ี ะอำดเพยี งพอตอ่ กำรใชบ้ ริกำร

เสนอโครงกำรวจิ ยั ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หนำ้ ๑๐ ๑.๒ ควำมคิดเห็นท่ีมีต่อปัจจัยด้ำนกำรให้บริกำรห้องเรียนพิเศษ โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำกเมื่อพิจำรณำจำกค่ำเฉล่ีย พบว่ำ ขอ้ ท่ีมีค่ำเฉล่ียสูงสุด คือ ห้องสมดุ เปิดให้ใชบ้ ริกำร และ ยมื -คืน หนังสือทุกวัน รองลงมำ คือ มีกำรจัดครูหรือบรรณำรักษ์มำปฏิบัติหน้ำท่ีในห้องสมุดทุกวนั และขอ้ ที่มีค่ำเฉลี่ยต่ำสุด คือจำนวนคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณม์ ีเพียงพอต่อกำรใช้งำน ๑.๓ ควำมคิดเห็นที่มีต่อปัจจัยด้ำนพฤติกรรมครู โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เม่ือพิจำรณำจำกค่ำเฉลี่ย พบว่ำ ข้อท่ีมีค่ำเฉล่ียสูงสุด คือ คุณครูมีกำรดูแล ติดตำมพฤติกรรมนักศึกษำอย่ำงใกล้ชิดและต่อเน่ือง รองลงมำ คือ คุณครูมีควำมสัมพันธ์ที่ดีและเป็นกันเองกับนักศึกษำ และข้อท่ีมีค่ำเฉล่ียต่ำสุด คือคุณครูประพฤติปฎิบัตติ นเปน็ แบบอย่ำงทดี่ แี กศ่ ษิ ย์ ทัง้ กำย กรยิ ำ วำจำ ใจ ๑.๔ ควำมคดิ เห็นท่ีมตี อ่ ปัจจัยด้ำนกจิ กรรมนักศึกษำ โดยภำพรวมอยใู่ นระดับมำก เมอื่ พิจำรณำจำกค่ำเฉลย่ี พบว่ำ ขอ้ ทมี่ ีค่ำเฉลี่ยสงู สุดคอื นกั ศึกษำเข้ำร่วมกิจกรรมทวี่ ิทยำลัยฯ จัดขึ้นเสมอ รองลงมำ คือวทิ ยำลัยฯ เปิดโอกำศให้นักศึกษำเข้ำร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ เช่น กำรเข้ำค่ำยอำสำพัฒนำชนบท และขอ้ ทม่ี ีค่ำเฉลีย่ ตำ่ สุด คือ วิทยำลยั ฯจัดกจิ กรรมทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อนักศึกษำเป็นประจำและต่อเน่อื ง ๑.๕ ควำมคิดเห็นที่มีต่อปัจจัยด้ำนระเบียบวินัยในวิทยำลัยฯ โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำกเม่ือพิจำรณำค่ำเฉลี่ย พบว่ำ ข้อท่ีมีค่ำเฉล่ียสูดสุด คือ นักศึกษำมำเข้ำแถวร้องเพลงเคำรพธงชำติทันเวลำเสมอรองลงมำ คือ นักศึกษำปฎิบัติตำมกฎ ระเบียบของวิทยำลัยฯอย่ำงเคร่งครัด และข้อท่ีมีค่ำเฉลี่ยต่ำสุด คือนักศึกษำมสี ว่ นร่วมในกำรกำหนดกฎ ระเบยี บของหอ้ งเรยี นและช่วยกนั ดูแลให้เป็นไปตำมขอ้ ตกลง ๑.๖ ควำมคิดเห็นท่ีมีต่อปัจจัยด้ำนอิทธิพลกลุ่มเพ่ือน โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เมื่อพจิ ำรณำค่ำเฉล่ีย พบว่ำ ข้อที่มีค่ำเฉล่ียสูดสุด คือ เพื่อนสนิทชักชวนให้นกั ศึกษำดูหนังสือเพ่ือเตรียมตัวสอบรองลงมำ คือ เพื่อนสนิทของนักศึกษำชอบทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม และข้อที่มีค่ำเฉลี่ยต่ำสดุ คือ เพอ่ื นของนกั ศกึ ษำทิง้ ขยะไว้ตำมถนน สนำม ห้องเรียน โดยไมส่ นใจท่จี ะไปท้ิงในถงั ขยะ ๒. ควำมคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมจิตสำธำรณะ (ด้ำนกำรใช้ส่ิงของในวิทยำลัยฯ ด้ำนหน้ำที่รบั ผดิ ชอบ และด้ำนกำรเครำพสิทธิ) ๒.๑ ควำมคิดเห็นที่มีต่อพฤติกรรมจิตสำธำรณะด้ำนกำรใช้ส่ิงของในวิทยำลัยฯ โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เมื่อพิจำรณำค่ำเฉล่ีย พบว่ำ ข้อท่ีมีค่ำเฉลี่ยสูงสุด คือ นักศึกษำจัดเก็บอุปกรณ์กำรเรียนให้เรียบร้อยหลังจำกเลิกเรียน เช่น โต๊ะ เก้ำอี้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รองลงมำ คือ นักศึกษำเก็บรักษำอุปกรณ์ทำควำมสะอำดทุกครั้งหลังทำเวร และข้อที่มคี ่ำเฉล่ียต่ำสุด คือ นักศึกษำชอบขีดเขียนหรือวำดรปู บนกำแพงอำคำรเรียน ๒.๒ ควำมคิดเห็นที่มีต่อพฤติกรรมจิตสำธำรณะด้ำนหน้ำท่ีรับผิดชอบ โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เมื่อพิจำรำณำค่ำเฉล่ีย พบว่ำ ข้อที่มีค่ำเฉล่ียสูงสุด คือ นักศึกษำทำกำรบ้ำนส่งคุณครู รองลงมำ คือนักศึกษำปฎิบัติตำมกฎระเบียบในกำรใช้ห้องเรียนและห้องปฎิบัติกำรต่ำงๆ และข้อท่ีมีค่ำเฉลี่ยต่ำสุด คือนกั ศึกษำรบั อำสำช่วยดแู ลคอมพิวเตอร์ เพอ่ื หวงั จะได้เลน่ เกมส์ ๒.๓ ควำมคิดเห็นท่ีมีต่อพฤติกรรมจิตสำธำรณะด้ำนกำรเคำรพสิทธิ โดยภำพรวมอยู่ในระดับปำนกลำง เม่ือพิจำรำณำค่ำเฉล่ีย พบว่ำ ข้อท่ีมีค่ำเฉล่ียสูงสุด คือ เม่ือนักศึกษำไปค้นคว้ำข้อมูลในห้องสมุดแล้วบังเอิญหยิบหนังสือของห้องสมุดติดกลับไปบ้ำน นักศึกษำจะรีบนำกลับมำคืนในวันรุ่งข้ึน รองลงมำ คือ

เสนอโครงกำรวจิ ัยประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หนำ้ ๑๑นกั ศึกษำหยิบอุปกรณ์กำรเรียนของเพื่อนไปเป็นของตนเอง และข้อที่มีค่ำเฉลยี่ ต่ำสุด คือ นักศึกษำนำถังขยะของหอ้ งเรียนมำไวใ้ กล้ๆโตะ๊ เพ่ือจะไดไ้ ม่ต้องเดินไกลเวลำทง้ิ ขยะ ๓. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงปัจจัยกับพฤติกรรมจิตสำธำรณะของนักศีกษำ พบว่ำ ปัยจัยที่มีควำมสัมพันธ์ทำงบวกกับพฤติกรรมจิตสำธำรณะอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติท่ีระดับ ๐.๐๕ คือ ด้ำนอิทธิพลกลุ่มเพื่อน ด้ำนกำรให้บริกำรห้องเรียนพิเศษ ด้ำนอำคำร และสถำนที่ ด้ำนกิจกรรมนักศึกษำ ด้ำนระเบียบวนิ ยั ในวิทยำลยั และดำ้ นพฤตกิ รรมครู ตำมลำดับ ๔. ปัยจัยท่ีมีอำนำจพยำกรณ์พฤติกรรมจิตสำธำรณะ มีจำนวน ๓ ตัวแปร คือ อิทธิพลกลุ่มเพ่ือน มีอำนำจพยำกรณ์ดีท่ีสุด รองลงมำ คือ กำรให้บริกำรห้องเรียนพิเศษ และอำคำรและสถำนท่ีตำมลำดับ โดยปัจจัยท้ัง ๓ ตัวแปร มีอำนำจในกำรพยำกรณ์พฤติกรรมจิตสำธำรณะ ได้ร้อยละ ๕๒.๙๐(ธญั ศญำ ธรรมิสกลุ , ๒๕๕๑) วจิ ิตรำ อมรบุญปิติ ได้ทำกำรศึกษำวจิ ัยเรื่อง ผลของโปรแกรมพัฒนำผู้เรียนที่มีตอ่ จิตสำธำรณะของเด็กนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ ๕ โรงเรยี นชุมชนวดั สมรโกฏิ จำกผลกำรวิจัยพบวำ่ ๑. ผลกำรเปรียบเทียบคะแนนเฉล่ียจำกแบบวัดจิตสำธำรณะระหว่ำงนักเรียนกลุ่มทดลองกับนักเรียนกลุ่มควบคุม พบว่ำ คะแนนเฉลี่ยของกลุ่มทดลองสูงกว่ำกลุ่มควบคุม อย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติท่ีระดับ .๐๕ แสดงให้เห็นว่ำโปรแกรมพัฒนำผู้เรียนที่พัฒนำขึ้นทำให้นักเรียนกลุ่มทดลองมีจิตสำธำรณะสูงขึ้นซ่ึงเป็นไปตำมท่ีคำดหวัง น่ันเป็นเพรำะผู้วิจัยได้พัฒนำกิจกรรมและโปรแกรมพัฒนำผู้เรียนในเรื่องจิตสำธำรณะของเด็กนักเรียนช้ันประถมศึกษำปีที่ ๕ โรงเรียนชุมชนวัดสมรโกฏิ อย่ำงมีข้ันตอน ให้ควำมสำคัญกับควำมพร้อมและเป็นโปรแกรมที่เหมำะสมกับผู้เรียน โดยนักเรียนช่วงช้ันที่ ๒ ช้ันประถมศึกษำปีที่ ๔-๖สำมำรถเรียนรู้ที่จะสรำ้ งสรรค์ มีควำมคิดและพยำยำมทำกิจกรรมดว้ ยตัวเอง หำกได้รับกำรสนับสนุนก็จะทำให้นักเรียนมีกำรพัฒนำบุคลิกภำพและมีควำมมำนะเพียรพยำยำมที่จะแสวงหำสิ่งที่ท้ำทำยนอกจำกนี้ผู้วิจัยคำนึงถึงทักษะทำงสังคมควำมพร้อมในกำรทำกิจกรรม จึงได้จัดกจิ กรรมกำรเรียนในลกั ษณะที่เป็นกำรปฏิบัติซ่งึ เป็นกำรฝึกกำรร่วมมือ เพ่ือพฒั นำกำรมีจติ สำธำรณะของนักเรียนในด้ำนต่ำง ๆ เช่น กำรเห็นคณุ คำ่ เคำรพตนเองและผู้อ่ืน ยอมรับในควำมคล้ำยคลึงและควำมแตกต่ำงของตนเองและผู้อ่ืน โดยเรยี บเรียงและกำหนดลำดับควำมสำคัญของเน้ือหำเริ่มจำกง่ำยไปสู่ยำก ท้ังน้ีผู้วิจัยได้คำนึงถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล(individualization) กำรโต้ตอบ (interaction) กับผู้เรียนและสำมำรถแสดงผลป้อนกลับโดยทั นที(immediate eedback) และนำแนวคิดดงั กล่ำวมำพัฒนำกิจกรรมและโปรแกรมพัฒนำผู้เรยี นในเรอื่ งของกำรมีจิตสำธำรณะ และที่สำคัญผู้วิจัยหวังว่ำผู้เรียนจะนำประสบกำรณ์ในกำรเรียนไปต่อยอดควำมรู้คิดได้ด้วยตนเอง สอดคล้องกับแนวทำงทีใ่ หผ้ ู้เรยี นพ่ึงตนเองได้ (learner independence) และสำมำรถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต (lifelong learning) ตำมที่กรมวชิ ำกำร กระทรวงศึกษำธิกำรกำหนดไว้ ๒. จำกกำรเข้ำร่วมโปรแกรมพฒั นำผู้เรยี นท่ีมีต่อจิตสำธำรณะ ระดับพฤติกรรมจติ สำธำรณะของนักเรียนชั้นประถมศึกษำที่ ๕ โรงเรียนชุมชนวัดสมรโกฏิ กลุ่มทดลองมีระดับพฤติกรรมจิตสำธำรณะสูงขึ้น(ค่ำเฉลี่ยโดยรวมเพิ่มขึ้น ๒๙.๕๕ ) จำกกำรศึกษำแบบสอบถำมควำมคิดเห็นของนักเรียน โปรแกรมที่ผู้วิจัยพัฒนำขึ้นทำให้นักเรียนเข้ำใจถึงประโยชน์และสำมำรถบอกได้เกี่ยวกับกำรมีจิตสำธำรณะ น่ันเป็นเพรำะผู้วิจัยได้ประยุกต์กิจกรรมกลุ่มมำใช้ในโปรแกรมครั้งนี้ ซึ่งกิจกรรมกลุ่มจะช่วยให้บุคคลปรับพฤติกรรมของตนเองไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม (วิจติ รำ อมรบุญปติ ิ, ๒๕๕๓ )

เสนอโครงกำรวจิ ยั ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หนำ้ ๑๒ น้ำทิพย์ งำมสุทธำ ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญำดุษฎีบัณฑิต สำขำวิชำจิตวิทยำ บัณฑิตวิทยำลัยมหำวิทยำลัยเกษมบัณฑิต ปีกำรศึกษำ ๒๕๕๔ ไดท้ ำกำรศึกษำวิจยั เร่ือง กำรพัฒนำรปู แบบกำรเรียนรู้บูรณำกำรแนวคิดจิตวิทยำร่วมสมัยเพื่อเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะนักเรียนมัธยมศึกษำตอนต้น จำกกำรศึกษำวิจัยพบว่ำ รูปแบบกำรเรียนรู้บูรณำกำรแนวคิดจิตวทิ ยำร่วมสมัยเพ่ือเสริมสร้ำงจติ สำธำรณะนักเรียนมัธยมศึกษำตอนต้น เป็นรูปแบบที่บูรณำกำรแนวคิดหลักกำร และวิธีกำรตำมทฤษฎีพฤติกรรมนิยม ปัญญำนิยม มนุษยนิยม และสรรคนิยม เพ่ือเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของนักเรียนมัธยมศึกษำตอนต้นรูปแบบกำรเรียนรู้ประกอบด้วย ๖ ขั้นตอนคือ ๑) สร้ำงแรงจูงใจ ๒) สำรวจสังคม ๓) ตระหนักรู้ ๔) ปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม ๕)นำเสนอผลงำน และ ๖) ประยกุ ตใ์ ช้ ลกำรวจิ ยั พบว่ำ ๑. นักเรียนกลุ่มทดลอง มีจิตสำธำรณะระยะหลังกำรทดลอง สูงกว่ำก่อนกำรทดลองอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติท่ีระดับ .๐๑ แต่จติ สำธำรณะระยะติดตำมผลกับระยะหลงั กำรทดลองไม่แตกตำ่ งกัน ๒. นักเรียนกลุ่มทดลอง มีจิตสำธำรณะระยะหลังกำรทดลองและระยะติดตำมผล สูงกว่ำนกั เรียนกลุ่มควบคมุ อย่ำงมนี ัยสำคญั ทำงสถติ ิท่ีระดบั .๐๑ ๓. จำกกำรสังเกตพบวำ่ ร้อยละ ค่ำเฉลย่ี ของจำนวนนักเรียนทแ่ี สดงพฤตกิ รรมจติ สำธำรณะของกลมุ่ ทดลอง สงู กวำ่ กลุ่มควบคมุ อยำ่ งเด่นชัดโดยระยะติดตำมผลมีควำมแตกต่ำงเดน่ ชดั ทส่ี ุด ๔. จำกกำรอ่ำนบันทึกกำรเรยี นรู้ของผู้เรยี นสำมำรถวิเครำะหส์ ำระสำคัญของกำรบันทึกในกรอบขององค์ประกอบจิตสำธำรณะไดด้ ังนี้ ๔.๑ จิตสำธำรณะต่อบุคคลพบว่ำ มีต่อบุคคลท่ีใกล้ตัวไปสู่บุคคลที่ไกลตัวออกไป ได้แก่ เพื่อนใกลช้ ดิ เพื่อนนกั เรยี นในโรงเรียน คนพิกำร และบคุ คลท่ัวไป ๔.๒ จติ สำธำรณะตอ่ สำธำรณะสมบตั คิ รอบคลมุ ดำ้ นควำมสะอำดและดำ้ นสภำพแวดลอ้ ม ๔.๓ จติ สำธำรณะต่อกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ ตัวอย่ำงมองว่ำ เป็นกิจกรรมท่ียงั ประโยชนต์ ่อผอู้ ื่น ๕. ผเู้ รียนได้เรยี นรู้เก่ียวกบั ๑) กระบวนกำรทำงำนรว่ มกัน ซงึ่ ประกอบด้วย กำรรบั ฟงั ควำมคิดเห็นผรู้ ่วมงำน ไมเ่ อำตนเองเปน็ ศูนย์กลำง รู้จกั ใหอ้ ภยั กันควำมสำมัคคี และควำมรบั ผิดชอบในหนำ้ ท่ีของตน ๒) เรียนรลู้ กั ษณะนสิ ัยของกันและกนั ร้จู กั กันมำกขึ้น ๓) เรยี นรถู้ งึ ผลกระทบของกำรมี/ไมม่ จี ติ สำธำรณะ ๔) เรียนรู้ท่จี ะพัฒนำตนเอง เปลยี่ นแปลง และปรบั ปรงุ ตนเองในทำงท่ดี ีข้ึน (น้ำทิพย์ งำมสทุ ธำ, ๒๕๕๓) ๙.๒ งานวิจัยที่เกย่ี วขอ้ งกับกระบวนทรรศน์หลังนวยุค พิชัย สุขวุ่น ได้ทำดุษฎีนิพนธ์เร่ือง กระบวนทรรศน์หลังนวยุคในปรัชญำศิลปะ ของท่ำนพุทธทำสภิกขุ : กำรศึกษำเชิงวิเครำะห์ วจิ ักษ์ และวิธำน จำกผลกำรศึกษำวิจยั พบว่ำ ปรัชญำศิลปะของท่ำนพุทธทำสภิกขุว่ำเป็นไปตำม หลักกำรของกระบวนทรรศน์หลังนวยุคหรือไม่ ควำมเห็นของท้ังสองฝ่ำยดังกล่ำว ได้แสดง ให้เห็นข้อจำกัดว่ำ เหตุใดคนทั่วไปจึงเข้ำถึงคำสอนของท่ำนพุทธทำสภิกขุได้ยำก เพรำะ เหตุว่ำฝ่ำยตรงขำ้ ม (อำจจะเป็นคนทั่วไป) กลบั เหน็ วำ่ ทกุ อย่ำงมีตัวตนไปเสยี ทั้งหมด เพอ่ื ยืนยนั วำ่ มีตัวเรำและมสี ่ิงท่ีเรำ

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๑๓รับรู้ ในทำนองเดียวกันน้ี ควำมเห็นที่แตกต่ำงกัน ของสองกระบวนทรรศน์ทำงปรัชญำ คือ กระบวนทรรศน์นวยุคท่ีเชื่อในกฎเกณฑ์ตำยตัว ตำมกฎวิทยำศำสตร์ ก็ต้องสร้ำงกำรมีตัวตน เพ่ือเป็นหลักค้ำประกันว่ำโลกมีกฎเกณฑ์ ท่ีแน่นอน เพรำะควำมรู้สึกแห่งกำรเป็นตัวตนจะค้ำประกันว่ำ ตัวเรำนั้นมีอยู่จริง ควำมเห็นดังกล่ำวจึงบดบังควำมรู้ชนิดอ่ืนๆ จนหมดสิ้น ควำมเป็นไปทำงวิทยำศำสตร์ท่ีคิดอยู่บน ฐำนของควำมแนน่ อนแห่งกำรมอี ยู่ของตัวตนดงั กลำ่ ว จึงละเลยกำรเห็นแก่สิง่ อืน่ ที่ไม่ใช่ ตัวเอง กำรพฒั นำจึงมีปัญหำควำมขดั แยง้ มำกข้ึนเรื่อยๆ สว่ นกระบวนทรรศนห์ ลงั นวยุค เห็นว่ำควำมแน่นอนของตัวตนและสิ่งอนื่ ๆ น้ัน ไม่มี มีแต่ควำมไม่แน่นอน ซ่ึงตรงกับปรัชญำศิลปะของท่ำนพุทธทำสภิกขุที่เสนอว่ำ ตัวตน ของเรำนั้นไม่มีอยู่จริงกำรเห็นแก่ตัวจึงเป็นควำมผิดพลำด สิ่งที่รู้สึกว่ำเป็นตัวตนน้ันไม่ สำมำรถคงท่ีอยู่ได้ ตัวตนก็คือกำรเปล่ยี นแปลงนน่ั เอง โลกจงึ มกี ำรเปลี่ยนแปลงและควำม ไม่แนน่ อนเปน็ พื้นฐำน แต่เมือ่ เขำ้ ใจภำษำธรรมไมไ่ ด้ก็คิดว่ำท่ำนพุทธทำสภิกขุสอนเรื่อง อัตตำหรือกำรมีอยู่ท่ีแน่นอนตำยตัว ซึ่งเป็นกำรเข้ำใจผิด หลักคิดท่ีมองควำมเป็นไปของโลกท้ังสองกระบวนทรรศน์น้ี จึงเป็นฐำนของกำร พัฒนำในด้ำนต่ำง ๆ โดยตรง ซึ่งโลกจะเป็นอย่ำงไร ก็ข้ึนอยู่กับว่ำมนุษย์เห็นโลกเป็น อย่ำงไร ซึ่งกำรถกเถียงกันว่ำโลกมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนหรือไม่แน่นอน ย่อมปรำกฏอยู่ใน กำรดำเนินชีวิตประจำวันของทุก ๆ คน และคำดว่ำโลกในกระบวนทรรศน์ทำงวิทยำศำสตร์ จะได้รับกำรตอบรับเป็นอย่ำงดีมำกกว่ำกระบวนทรรศน์อื่น ๆ แต่กำรเป็นหลังนวยุคของ ท่ำนพุทธทำสได้วิจำรณ์ว่ำ “สิ่งท่ีเรียกว่าวิทยาศาสตร์ต้องพ้นทุกข์ได้” เครื่องมือชี้วัดว่ำ ใครเป็นวิทยำศำสตร์มำกกว่ำกัน คือกำรพ้นทุกข์น่ันเอง ดังนั้นในหลำยคร้ังที่ท่ำนพูดว่ำ “พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์” ย่อมมีควำมหมำยวำ่ สิง่ ที่พระพุทธเจ้ำคน้ พบอยเู่ หนือ วทิ ยำศำสตรเ์ สยี มำกกว่ำ เพรำะในทน่ี ั้น (อสังขตะ) ไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงใด ๆ กำรเป็น หลังนวยุคของทำ่ น กค็ ือกำรอธิบำยกำรมีอย่ขู องสิ่งที่อยู่เหนือวิทยำศำสตร์ และท่ำนเรยี ก กำรเหน็ ดังกลำ่ วว่ำเป็นปรัชญำศิลปะ คำว่ำ “เหนือวทิ ยาศาสตร์” คอื กำรไม่มีตัวตนนั่นเอง กำรเห็นโลกเช่นน้ี จึงเป็นกำรสร้ำงสันติภำพให้เกิดแก่โลกโดยตรง เพรำะเม่ือเรำ ไม่เห็นแก่ตัว เรำก็จะรับใช้สังคมส่วนรวมได้มำกขน้ึ โลกจะน่ำอยู่ขึ้นมำได้ก็เพรำะ กำรเข้ำใจว่ำ ตัวตนของเรำนั้นไม่มี หลักแห่งกำรไม่มีตัวตนและควำมไม่แน่นอนดังกล่ำว จึงสอดคล้องกับกระบวนทรรศน์หลังนวยุคอย่ำงลงตัว รำยละเอียดในข้อถกเถียง ท่ีปรำกฏในคร้ังน้ี คือปรัชญำของกำรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ โดยท่ำนผู้อ่ำนอำจมีชีวิตอยู่ใน กระบวนทรรศนใ์ ดกระบวนทรรศนห์ น่ึงก็เป็นได้ (พชิ ยั สขุ วุน่ , ๒๕๕๘) นำยภินันท์ สิงห์กฤตยำ ได้ทำกำรศึกษำวิจัยเร่ือง กำรศึกษำกำรประยุกต์ใช้กระบวนทัศน์และกระบวนกำรสร้ำงเสริมสุขภำพตำมแนวพระพทุ ธศำสนำ ผลจำกกำรศึกษำวิจัยพบวำ่ เมือ่ จะกลำ่ วถึงกำรดแู ลสุขภำพและกำรปอ้ งกันกำรเจ็บป่วยภำยใตก้ ระบวน ทัศน์พระพทุ ธศำสนำในภำพรวม เห็นได้ว่ำเน้นยำ้ ท่ีกำรดแู ลเฝ้ำระวังที่จิตใจของตนเป็นหลัก เพ่ือให้สำมำรถรู้เท่ำทันสภำพควำมเป็นจริงของสรรพสิ่งท้ังหลำย คลำยควำมหลงยึดม่ันใน อัตตำตัวตน ในร่ำงกำยของตนหรือบุคคลอ่ืน ตลอดกระท่ังส่ิงของทั้งหลำย อันจะนำควำมทุกข์ มำทับถมจิตใจ สำหรับส่วนของร่ำงกำยนั้นพระพุทธศำสนำก็ให้ควำมสนใจดูแลรักษำตำมควำมเหมำะสมในระดับหน่ึงโดยไม่หลงยึดติดในร่ำงกำย แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจจนกระท่ัง ร่ำงกำยเส่ือมโทรมลงจนไม่สำมำรถใช้ประกอบควำมเพียรใดๆ ได้ กำรดูแลร่ำงกำยก็กระทำ เพียงเพื่อกำจัดทุกขเวทนำเก่ำ ทั้งไม่ก่อให้เกิดทุกขเวทนำใหม่ขึ้นจนขัดขวำงกำรดำเนินควำม เพียรปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์แต่ไม่เกินเลยจนกระท่ังหลงติดอยู่ในควำมสะดวกสบำยด้วยกำร บำรุงบำเรอร่ำงกำยจนเป็นกำรขัดขวำงกำรบำเพ็ญเพียรทำงจิต อีกนัยหน่ึง สิ่งแวดล้อมพระ พุทธองค์ก็ทรงให้ควำมสำคัญเช่นกัน สิ่งแวดล้อมใดๆ ที่

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๑๔สำมำรถส่งเสริม หรือ ชักนำให้เกิด ควำมก้ำวหน้ำในกำรปฏิบัติธรรม และกำรบำเพ็ญเพียรพฒั นำทำงจิตเพื่อควำมหลุดพ้น พระ พุทธองค์ก็ทรงให้เลือกอยู่อำศัยในสิ่งแวดล้อมเช่นนั้น สำหรับสิ่งแวดล้อมใดๆ ทขี่ ัดขวำงกำร ปฏิบัตธิ รรมไม่ให้ก้ำวหน้ำ หรอื มีควำมยำกลำบำกในกำรดำรงตนอยู่จนเกินไป หรือเป็นสถำนที่ ที่อำจมีอันตรำยตอ่ ชวี ติ พระพุทธองคก์ ท็ รงให้หลกี เรน้ ไปเสีย (ภนิ ันท์ สิงหก์ ฤตยำ, ๒๕๕๕)๑๐. เอกสารอ้างอิงของโครงการวจิ ยั ๑. ภาษาไทย : ก. ข้อมูลปฐมภมู ิมหำจุฬำลงกรณรำชวทิ ยำลัย. พระไตรปฎิ กภาษาไทย ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหำนคร : โรงพมิ พม์ หำจฬุ ำลงกรณรำชวิทยำลยั , ๒๕๓๙.__________. อรรถกถาบาลี ฉบับมหาจุฬาอฏฺฐกถา. กรงุ เทพมหำนคร : โรงพมิ พ์มหำจุฬำลงกรณรำช วิทยำลัย, ๒๕๓๓.มหำมกุฎรำชวทิ ยำลัย. พระไตรปิฎกพรอ้ มอรรถกถา แปล ชุด ๙๑ เล่ม. กรุงเทพมหำนคร : โรงพมิ พ์มหำ มกุฏรำชวทิ ยำลัย, ๒๕๓๔. ข. ข้อมลู ทุตยิ ภูมิ (๑) หนังสือ กมล รอดคลำ้ ย, พระพุทธศาสนากบั การพัฒนาเด็ก. กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพก์ ำรศำสนำ,๒๕๓๘, คณะกรรมกำรกำรศึกษำแหง่ ชำติ, สำนกั งำน. รายงานผลการเสวนา บทบาทท่ีพงึ ประสงคข์ องวัดและพระสงฆ์กับการพฒั นาสังคมไทย. กรุงเทพมหำนคร : สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำแหง่ ชำติ,๒๕๔๒. คณำจำรย์ มหำวทิ ยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวทิ ยำลยั . มนุษย์กบั สังคม. กรงุ เทพมหำนคร : โรงพิมพม์ หำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, ๒๕๕๓. จำนง อดิวฒั นสิทธ์ิ. สงั คมวิทยำตำมแนวพทุ ธศำสตร์. กรงุ เทพมหำนคร : โรงพมิ พ์มหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลัย, ๒๕๔๕. ชัยวัฒน์ สทุ ธริ ัตน์. สอนเดก็ ให้มจี ติ สำธำรณะ. กรุงเทพมหำนคร : วี พรนิ ท์, ๒๕๕๒. ธรี ะพล อรณุ ะกสิกร และคณะ, แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ ๘ พ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๔๔, (กรงุ เทพมหำนคร : สำนกั พมิ พว์ ิญญูชน, ๒๕๔๐. สมพร เทพสทิ ธำ. บทบาทขององคก์ รเอกชนในการแกไ้ ขปญั หาสังคมและการพฒั นาสังคม.กรงุ เทพมหำนคร : โครงกำรอบรมเพ่อื พฒั นำสังคม สภำสงั คมสงเครำะห์แห่งประเทศไทย, ๒๕๒๖. สพุ ตั รำ สุภำพ. สังคมและวัฒนธรรมไทย. กรุงเทพมหำนคร : ไทยวัฒนำพำนิช, ๒๕๓๖. สมบูรณ์ สขุ สำรำญ, การพัฒนาตามแนวพระพุทธศาสนา : กรณศี กึ ษาพระสงฆ์นักพัฒนา.กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพบ์ ริษทั พิมพ์สวย จำกัด, ๒๕๓๐. สำนักงำนคณะกรรมกำรสง่ เสริมและประสำนงำนเยำวชนแห่งชำติ, แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๘ พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๔. กรุงเทพมหำนคร : โรงพมิ พอ์ งคก์ ำรสงเครำะห์ทหำรผ่ำนศกึ , ม.ป.ป.

เสนอโครงกำรวิจัยประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๑๕พระรำชวรมุนี (ประยทุ ธ ปยตุ โฺ ต). แนวทางการพฒั นาจริยธรรมไทย. กรงุ เทพมหำนคร : กรมวิชำกำร กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร, ๒๕๓๐.รำชบัณฑิตยสถำน. พจนานุกรมศัพท์ปรัชญา องั กฤษ-ไทย. พมิ พค์ ร้ังท่ี ๓ กรุงเทพมหำนคร : บริษทั เท็กซ์ แอนด์ เจอรน์ ัล พบั ลเิ คชน่ั จำกดั , ๒๕๔๓.วำรีญำ ภวภูตำนนท์ ณ มหำสำรคำม. จิตวิทยำพทุ ธศำสนำ. พมิ พ์ครั้งที่ ๓ นครปฐม : โรงพิมพ์มหำมกุฏรำชวิทยำลัย, ๒๕๔๔. (๒) วิทยานพิ นธ์ โกศล มีควำมดี. ปัจจัยทำงจิตสังคมท่เี กย่ี วข้องกับกำรมีจติ สำธำรณะของข้ำรำชกำรตำรวจ.ปริญญำนิพนธ์ วทิ ยำศำสตรมหำบัณฑิต (บัณฑิตวิทยำลัย : มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวโิ รฒ, ๒๕๔๗. ชำย โพธิสิตำ และคณะ. กำรศึกษำจติ สำนึกของคนไทยตอ่ สำธำรณสมบตั ิ : กรณีศึกษำกรุงเทพมหำนคร : งำนวจิ ยั นครปฐม : สถำบันวจิ ยั ประชำกรและสงั คม มหำวทิ ยำลยั มหิดล, ๒๕๔๓. พิริยำ นิลมำต. ปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตสำนึกสำธำรณะของนักเรียนช่วงชั้นที่ ๔ สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำจังหวัด ร้อยเอ็ด. วิทยำนิพนธ์กำรศึกษำมหำบัณฑิต บัณฑิตวิทยำลัย : มหำวิทยำลัยมหำสำรคำม, ๒๕๕๐. พระมหำชำนำญ กตธมฺโม (บุญแพ). กำรศึกษำจิตสำธำรณะในพระพุทธศำสนำเถรวำท.วทิ ยำนิพนธ์พุทธศำสตร มหำบณั ฑติ บัณฑิตวิทยำลยั : มหำวทิ ยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, ๒๕๕๕. หฤทยั อำจปรุ. ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งปจั จยั สว่ นบุคคลภำวะผู้นำรูปแบบกำรดำเนินชีวิต และควำมสำมำรถในกำรเรยี นรู้ด้วยตนเองกบั กำรมีจติ สำนกึ สำธำรณะของนักศึกษำพยำบำล. วทิ ยำนิพนธ์พยำบำลศำสตรมหำบัณฑติ บัณฑติ วทิ ยำลยั : จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลยั , ๒๕๔๔. (๒) เอกสารอื่น ๆ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม และสังคม สัญจร. (๒๕๔๓). สำนึกไทยท่ีพึงปรำรถนำ. กรุงเทพฯ :สำนกั พิมพ์เดอื นตุลำ. (๓) ภาษาอังกฤษPardun-Johannsen, Kirsten C. Social Issue Drama and Its Impact on the Social Consciousnessof Preadolescent School Children. Dissertation : Abstracts International, 2004.http://ammppwee.blogspot.com/2013/05/blog-post_26.html๑๑. ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั ๑๑.๑ ทำใหท้ รำบแนวคิดและกระบวนกำรเสริมสรำ้ งจิตสำธำรณะของสภำส่งเสรมิ กำรเรยี นรู้และพัฒนำทกั ษะชวี ติ เด็กและเยำวชนจังหวดั ชยั ภมู ิ (สรช.) ๑๑.๒ ทำใหท้ รำบกำรบูรณำกำรหลักพทุ ธธรรมในกำรเสริมสร้ำงจติ สำธำรณะ

เสนอโครงกำรวจิ ยั ประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๑๖ ๑๑.๓ ได้ทรำบองค์ควำมร้ใู หม่จำกกำรวิเครำะหก์ ำรสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำสง่ เสริมกำรเรียนรู้และพฒั นำทกั ษะชวี ติ เด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) การนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นด้าน  ดำ้ นวิชำกำร  ดำ้ นนโยบำย  ด้ำนเศรษฐกจิ /พำณิชย์/อตุ สำหกรรม  ด้ำนสงั คมและชุมชนหนว่ ยงานที่นาผลการวิจัยไปใชป้ ระโยชน์ ๑. มหำวทิ ยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวทิ ยำลัย ๒. สำนักงำนพระพทุ ธศำสนำจังหวัดชัยภูมิ ๓. สำนกั งำนวฒั นธรรมจังหวัดชยั ภูมิ ๔. พัฒนำชมุ ชนจังหวัดชัยภูมิ ๕. กระทรวงพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ ๖. องค์กำรบริหำรส่วนจงั หวัดชยั ภูมิ ๗. เทศบำลเมืองชยั ภูมิ๑๒. แผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีหรอื ผลการวิจยั สกู่ ลุ่มเป้าหมาย - เผยแพรร่ ำยงำนผลกำรวิจัยตอ่ สำนักงำนคณะกรรมกำรวิจัยแห่งชำติ - เผยแพรร่ ำยงำนผลกำรวิจัยตอ่ ในเอกสำรทำงวิชำกำรในวำรสำรต่ำงๆ - เผยแพรร่ ำยงำนผลกำรวิจัยตอ่ หนว่ ยงำนท่นี ำผลกำรวิจยั ไปใช้ประโยชน์๑๓. วิธีการดาเนนิ การวจิ ัย ๓.๑ รปู แบบการวจิ ยั กำรศึกษำวิจยั ครั้งนีเ้ ปน็ กำรศกึ ษำวิจัยแบบผสมผสำน (Mixed Method Research) ประกอบด้วยกำรวิจัยเชิงคุณภำพ (Qualitative Research) และกำรวิจัยเชิงปริมำณ (Quantitative Research) ที่มีเน้ือหำสนับสนุนผลกำรวิจัยชัดเจนมำกข้ึน สำหรับวธิ ีกำรวิจยั ได้แก่ กำรวจิ ัยเชิงคณุ ภำพ โดยผู้วิจยั ได้ศึกษำเอกสำรเอกสำรและแนวคิดเก่ียวกับงำนวิจัย กำรสัมภำษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กำรสนทนำกลุ่มเฉพำะ(Focus Group Discussion) และกำรวิจัยเชิงปริมำณโดยกำรแจกแบบสอบถำม (Survay Reseach) ซึ่งผวู้ ิจัยไดล้ ำดับข้ันตอนกำรศึกษำ ดงั นี้ ๑๓.๑.๑ ศึกษาเอกสาร ได้แก่ แนวคิด ทฤษฎีและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง แนวคิดและกระบวนกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรูแ้ ละพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชยั ภูมิ (สรช.) ๑) ศกึ ษำกระบวนกำรเสริมสรำ้ งจิตสำธำรณะของสภำสง่ เสริมกำรเรียนรู้และพฒั นำทกั ษะชวี ติ เดก็ และเยำวชนจังหวดั ชัยภูมิ (สรช.)

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๑๗ ๒) ลงพื้นท่เี พื่อดำเนินกำรตำมรูปแบบและกรอบกำรวิจัยทีก่ ำหนดไวแ้ ล้วนนั้ ในพื้นที่๑๖ อำเภอ ภำยในจงั หวดั ชัยภูมิ ๓) นำขอ้ มูลที่ได้ทงั้ หมดมำวิเครำะห์ถงึ ผลกำรวจิ ัยท่ีเก่ยี วข้องกบั กระบวนกำรเสรมิ สร้ำงจติ สำธำรณะของสภำสง่ เสรมิ กำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชวี ติ เดก็ และเยำวชนจังหวัดชยั ภูมิ (สรช.) ๔) เขียนและเรยี บเรยี งสรปุ และรำยงำนผลกำรศึกษำวิจัยต่อหนว่ ยงำนทเี่ ก่ียวข้อง ๕) จัดพิมพ์เผยแพรผ่ ลงำนวิจยั และประชำสัมพันธ์แกอ่ งค์กรภำครฐั และหน่วยงำนท่ีเกีย่ วข้องต่อไป ๑๓.๑.๒ ศกึ ษาภาคสนาม (ผู้ให้ข้อมูลสาคัญ/ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง) ๑) ผู้ใหข้ อ้ มลู สาคญั ผใู้ หข้ อ้ มลู ทีส่ ำคญั ในเรอ่ื งน้ีประกอบไปดว้ ย (๑) ผู้ให้ข้อมูลสำคัญด้ำนกำรสัมภำษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กำรวิจัยคร้ังนี้วเิ ครำะห์กำรเสริมสร้ำงจติ สำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรแู้ ละพัฒนำทักษะชีวติ เด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ตำมกระบวนทรรศน์หลังนวยุค ผู้ให้ข้อมูลสำคัญด้ำนกำรสัมภำษณ์เชิงลึก โดยคัดเลือกแบบเจำะจงโดยเกณฑ์กำรคัดเลือกจำกหน่วยงำนของภำครัฐท่ีให้เกี่ยวข้องกับกำรเสริมสรำ้ งจิตสำธำรณะของสภำสง่ เสรมิ กำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชวี ติ เด็กและเยำวชนจังหวัดชยั ภูมิ (สรช.) จำนวน ๘๐ คน (๒) ผใู้ หข้ อ้ มูลสำคัญด้ำนกำรสนทนำกล่มุ เฉพำะ (Focus Group Discussion) โดยคัดเลือกแบบเจำะจงโดยเกณฑ์กำรคัดเลือกจำกหน่วยงำนของภำครัฐที่ให้เกี่ยวข้องกับกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชยั ภูมิ (สรช.) จำนวน ๑๖คน ๒) ประชากร ประชำกรที่ใช้ในกำรวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วยกลุ่มผู้เก่ียวข้องกับกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ท้ัง ๑๖อำเภอจำนวน ๕๐๐ คน ๓) กลมุ่ ตัวอย่าง กลุ่มตัวอยำ่ งของประชำกร ได้แก่ ผู้เกยี่ วข้องกบั กำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ทั้ง ๑๖ อำเภอ อำเภอละ ๕คน จำนวน ๘๐ คน (กำรไดม้ ำซงึ่ กลมุ่ ตัวอยำ่ ง ไดม้ ำโดยกำรเลอื กแบบเจำะจง) ๑๓.๒ เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการวิจยั ๑๓.๒.๑ เครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ เคร่ืองมือเชิงคุณภำพ ผู้วจิ ัยจะใช้เครื่องมือสำรวจข้อมูลเชิงประจักษ์ แบบสัมภำษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้ำง แบบสนทนำกลุ่มเฉพำะ กำรสังเกต และมือกำรบันทึกเสียง เพ่ือช่วยในกำรค้นหำกระบวนกำรกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ท่ีได้นำแนวคิดกระบวนกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะหลังนวยุคมำใช้ให้เกิดผลกำรเปล่ยี นแปลงตอ่ พฤตกิ รรมของเยำวชนใหม้ จี ติ สำธำรณะตำมเป้ำหมำยและวตั ถุประสงค์

เสนอโครงกำรวจิ ัยประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หนำ้ ๑๘ ๑๓.๒.๒ เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ยั เชิงปรมิ าณ เครื่องมือเชิงปริมำณ ผู้วิจัยจะใช้แบบสอบถำม โดยกำรสร้ำงเคร่ืองมือได้แก่ ผู้วิจัยได้ศึกษำเอกสำร ตำรำ และงำนวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนกำรกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) โดยเน้ือหำของแบบสอบถำมแบบสอบถำมเชิงสัมภำษณ์นั้นครอบคลุม ที่ใช้กับผู้ท่ีเกี่ยวข้องของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ทีไ่ ด้นำแนวคิดกระบวนกำรเสรมิ สรำ้ งจิตสำธำรณะหลังนวยุคมำใช้ให้เกิดผลกำรเปล่ียนแปลงต่อพฤติกรรมของเยำวชนให้มีจิตสำธำรณะตำมเป้ำหมำยและวัตถุประสงค์ โดยผู้วจิ ยั ไดอ้ อกแบบสอบถำมไว้ ๓ ขั้นตอน ได้แก่ ตอนที่ ๑ ขอ้ มูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถำม ตอนท่ี ๒ กระบวนกำรกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชวี ติ เดก็ และเยำวชนจงั หวดั ชัยภมู ิ (สรช.) ตอนท่ี ๓ หลักฐำนเชิงประจักษ์ ผลกำรเปล่ียนแปลงพฤติกรรมด้ำนจิตสำธำรณะ ขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะเร่ืองอื่นๆ (ถ้ำมี) การหาคณุ ภาพของเครอื่ งมอื กำรหำคุณภำพของเครอ่ื งมอื ผวู้ จิ ัยมีวิธกี ำรหำคณุ ภำพของเครอ่ื งมือไวด้ งั น้ี ๑) นำแบบสอบถำมท่ีผ่ำนควำมเห็นชอบจำกคณะกรรมกำรท่ีปรึกษำงำนวิจัยแล้วผู้วิจัยนำแบบสอบถำมน้ันเสนอต่อผู้เชี่ยวชำญ จำนวน ๕ ท่ำน เพื่อตรวจสอบควำมเที่ยงตรงตำมเน้ือหำ (contentvalidity) แล้วนำแบบสอบถำมที่ผ่ำนกำรตรวจสอบจำกคณะกรรมกำรผู้เชี่ยวชำญแล้วนำมำหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้องของข้อคำถำมแต่ละข้อ (Index of item Objective Congruence, หรือค่ำ IOC ) ท้ังน้ีต้องสำมำรถพจิ ำรณำข้อคำถำมทมี่ คี ำ่ ต้งั แต่ ๐.๕ ข้นึ ไป โดยใช้เกณฑ์ (ทรงศักด์ิ ภสู ีออ่ น, ๒๕๕๑) ได้ดังตอ่ ไปนี้ + ๑ หมำยควำมว่ำ มั่นใจว่ำขอ้ คำถำมมคี วำมสอดคลอ้ ง ๐ หมำยควำมว่ำ ไมม่ ั่นใจว่ำข้อคำถำมมคี วำมสอดคลอ้ ง - ๑ หมำยควำมว่ำ ข้อคำถำมไม่มคี วำมสอดคลอ้ ง ๒) หลังจำกนั้นผู้วิจัยขอหนังสือจำกสถำบันวิจัยพุทธศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย เพ่ือเชิญผู้เชี่ยวชำญตรวจสอบคุณภำพของแบบสอบถำมในกำรวิจัยคร้ังน้ี มีผลกำรตรวจสอบพบวำ่ แบบสอบถำม ตอ้ งมคี ำ่ ดัชนคี วำมสอดคล้องที่ ๐.๘๐-๑.๐๐ เท่ำนัน้ ๓) หลังจำกน้ันผู้วิจัยได้นำแบบสอบถำมไปทดลองใช้ (Try out) กับผู้ที่เก่ียวข้องกับกระบวนกำรกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะ ชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดขอนแก่น (สรช.) ท่ีไม่ใช่ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำงในพื้นท่ีจังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๓๐ คน แล้วนำข้อมูลที่ไดม้ ำคำนวณหำค่ำควำมเม่ือมนั่ (Reliability) โดยใชค้ ่ำสมั ประสิทธแ์ิ อลฟำ ตำมวิธีกำรของครอนบำค(Cronbach, Alpha Coefficiency) ต้องได้ค่ำสัมประสิทธ์ิแอลฟำเท่ำกันทั้งฉบบั จำกนั้นจึงนำแบบสอบถำมที่ได้ดังกล่ำวนำเสนอคณะกรรมกำรวิจัยเพื่อตรวจสอบควำมถูกต้องแล้วแก้ไขและให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้วิจัยต่อไป ๑๓.๓ วธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมูล ๑๓.๓.๑ การเกบ็ รวบรวมข้อมูลการวิจยั เชิงคณุ ภาพ

เสนอโครงกำรวิจัยประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๑๙ ผู้วิจัยขอหนังสือจำกสถำบันวิจัยพุทธศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัยถึงหนว่ ยงำนของภำครัฐและองค์กรทีเ่ กย่ี วขอ้ งภำยในจังหวัดชยั ภูมิ เพ่ือขออนญุ ำตเก็บรวบรวมข้อมูลกำรสำรวจขอ้ มูลเชิงประจักษ์และกำรสัมภำษณ์เชิงลึก ตำมประเด็นกำรสัมภำษณ์ที่กำหนดไว้ในแบบสอบถำมแล้ว โดยใช้กำรจดบันทึกประเด็นต่ำงๆ จำกกำรสัมภำษณ์ รวมระยะเวลำในกำรสัมภำษณ์ ๑ เดือน และผู้วิจัยได้นำผลจำกกำรสำรวจข้อมูลเชิงประจักษ์และจำกกำรสัมภำษณ์เชิงลึก มำทำกำรสังเครำะห์เพ่ือให้ได้กระบวนกำรพัฒนำศักยภำพของผู้เก่ียวข้องกระบวนกำรกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนร้แู ละพัฒนำทกั ษะชวี ิตเด็กและเยำวชนจงั หวดั ชัยภมู ิ (สรช.) ๑๓.๓.๒ การเกบ็ รวบรวมข้อมูลการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยขอหนังสือจำกสถำบันวิจัยพุทธศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัยถึงหนว่ ยงำนของภำครัฐและองค์กรท่ีเกยี่ วขอ้ งภำยในจังหวัดชัยภูมิ เพ่ือขออนุญำตส่งแบบสอบถำมและขอควำมอนุเครำะห์ให้กลุ่มตัวอย่ำงได้ตอบแบบสอบถำม จำนวน ๘๐ คน/ชุด ท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนกำรกำรเสริมสรำ้ งจติ สำธำรณะของสภำสง่ เสรมิ กำรเรยี นรแู้ ละพฒั นำทกั ษะชีวิตเด็กและเยำวชนจังหวัดชยั ภมู ิ (สรช.) ๑๓.๔ การวิเคราะหข์ อ้ มลู ๑๓.๔.๑ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ เป็นกำรวิเครำะห์และสังเครำะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีกำรวิเครำะห์เน้ือหำ (Content Analysis)โดยกำรวิเครำะห์กระบวนกำรกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะชีวิตเดก็ และเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) ในประเดน็ เร่ืองแนวคิดเร่อื งจิตสำธำรณะในพทุ ธศำสนำ แนวคิดเรื่องจิตสำธำรณะตำมกระบวนทรรศน์หลังนวยุค กำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะในพุทธศำสนำ กำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะตำมกระบวนทรรศน์หลังนวยุค เพ่ือให้เห็นองค์ประกอบตำมลักษณะของข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยอำศยั ขอ้ มลู เชิงคณุ ภำพมำประกอบกำรวิเครำะหแ์ ละสังเครำะหต์ ำมลำดบั ขนั้ ตอนตอ่ ไป ๑๓.๔.๒ การวิเคราะห์ข้อมลู เชิงปริมาณ ๑) ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถำม วิเครำะห์โดยกำรแจกแจงควำมถีแ่ ละหำค่ำร้อยละ ๒) วิเครำะห์โดยกำรหำค่ำเฉลี่ยและค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำน โดยลักษณะคำถำมในตอนท่ี ๒ เป็นกำรวิเครำะห์ แบบมำตรำส่วนประมำณค่ำ (Rating Scales) ๕ ระดับ โดยใช้หลักเกณฑ์ของลิคเอิร์ท (Likert) โดยกำหนดเกณฑก์ ำรแปลผล ดงั ต่อไปนี้ ๕ คะแนน หมำยถึง มีระดบั มำกท่ีสดุ ๔ คะแนน หมำยถงึ มรี ะดับมำก ๓ คะแนน หมำยถึง มรี ะดับปำนกลำง ๒ คะแนน หมำยถึง มรี ะดบั นอ้ ย ๑ คะแนน หมำยถงึ มรี ะดบั น้อยทส่ี ุด กำรแปลคะแนน โดยกำรนำแบบสอบถำมมำหำค่ำเฉลี่ย และค่ำเบ่ียงเบนมำตรฐำนในส่วนของกระบวนกำรกำรเสริมสร้ำงจิตสำธำรณะของสภำส่งเสริมกำรเรยี นรแู้ ละพัฒนำทักษะชีวิตเดก็ และเยำวชนจังหวัดชัยภูมิ (สรช.) สำหรับเกณฑ์กำรแปลควำมหมำยของค่ำเฉล่ีย (ไพศำล หวังพำนิช, ๒๕๕๑)โดยมีหลักเกณฑก์ ำรแปลควำมหมำยค่ำเฉลยี่ ดงั นี้

เสนอโครงกำรวจิ ัยประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๒๐ ๔.๕๑-๕.๐๐ หมำยถงึ มีระดับมำกท่ีสดุ ๓.๕๐-๔.๕๐ หมำยถึง มีระดบั มำก ๒.๕๑-๓.๕๐ หมำยถึง มีระดบั ปำนกลำง ๑.๕๑-๒.๕๐ หมำยถงึ มรี ะดับน้อย ๑.๐๐-๑.๕๐ หมำยถึง มรี ะดับน้อยทีส่ ดุ๑๔. ระยะเวลาการวิจยัระยะเวลำโครงกำร ๑ ปี ๐ เดือน-สถานท่ที าการวิจัยในประเทศ/ตา่ งประเทศ ชอ่ื ประเทศ/ พื้นท่ีท่ีทาวิจัย ชอ่ื สถานท่ี ภำคสนำม ๑๖ อำเภอ ภำยในจงั หวดั ชัยภูมิ จงั หวดัในประเทศ ชยั ภูมิในประเทศตำ่ งประเทศ-แผนการดาเนินการวจิ ยัปี กจิ กรรม ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย.๒๕๖๑ ๑. เตรยี มควำมพรอ้ มกำรกำหนดประเดน็ และวธิ ีกำรศึกษำวิจยัวตั ถปุ ระสงค์วตั ถปุ ระสงค์วตั ถปุ ระสงค์๕. วิเครำะห์ และสังเครำะห์ผลกำรศึกษำวิจัย๖. กำรรำยงำนผลงำนวิจัย๑๕. ปจั จยั ทีเ่ ออื้ ต่อการวจิ ยั (อุปกรณ์การวิจัย โครงสร้างพ้ืนฐาน ฯลฯ).....................................................................................................................................................................๑๖. งบประมาณของโครงการวิจัยปี ประเภทงบประมาณ รายละเอียด จานวน (บาท)๒๕๖๐ งบบุคลำกร ก. ค่ำรับรองที่ปรกึ ษำ งบดำเนนิ กำร : ค่ำตอบแทน ๒๘,๐๐๐

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หนำ้ ๒๑ ข. ค่ำตอบแทนคณะทำงำนเกบ็ ขอ้ มูล ค. ค่ำจดั พิมพร์ ำยงำนฉบบั ร่ำง ง. คำ่ จัดประชุมสัมมนำ จ. คำ่ ตอบแทนนกั วจิ ยั และ คณะทำงำนงบดำเนินกำร : ค่ำ ก. คำ่ ใชจ้ ่ำยกำรจัดประชุมสมั มนำสำธำรณูปโภค เครอื ข่ำย ข. ค่ำใชจ้ ่ำยในกำรวิเครำะห์ข้อมูลทำง คอมพิวเตอร์ ค. ค่ำใชจ้ ่ำยในกำรเดินทำง - ค่ำเช่ำที่พักผ้วู ิจยั - คำ่ พำหนะค่ำเดนิ ทำงสำรวจ ง. คำ่ จัดพิมพ์รำยงำนฉบบั สมบูรณ์ จำนวน ๕๐๐ เลม่ ๆ ละ ๑๐๐ บำทงบดำเนินกำร : คำ่ ธรรมเนยี มอุดหนนุ สถำบัน รวม๒๕๖๑ งบบคุ ลำกรงบดำเนนิ กำร : ค่ำใชส้ อยงบดำเนินกำร : ค่ำสำธำรณปู โภคงบดำเนนิ กำร : ค่ำธรรมเนยี มอุดหนนุ สถำบัน รวม ตลอดโครงการหมำยเหตุ : คำ่ ใช้จำ่ ยในโครงกำรสำมำรถถ่วั เฉลย่ี จำ่ ยไดต้ ำมควำมเหมำะสม๑๗. ผลสาเร็จปี ผลสาเรจ็ ทค่ี าดว่าจะได้รับ ประเภท๒๕๖๐ ควำมร่วมมือของหน่วยงำนและผเู้ ก่ียวข้องกบั กำรสร้ำงจิต Primary Resultสำธำรณะของสภำส่งเสรมิ กำรเรียนร้แู ละพัฒนำทกั ษะชีวติ เด็กและเยำวชนจังหวดั ชัยภูมิ (สรช.)๒๕๖๑ กำรประยกุ ต์ใชง้ ำนวิจัยสร้ำงและส่งเสริมกำรเรยี นรู้ เพอ่ื ใช้ในกำร Intermidiate

เสนอโครงกำรวจิ ัยประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๒๒ พัฒนำทกั ษะชีวติ ของเดก็ และเยำวชนภำยในจังหวดั ชยั ภูมิ โดยเผยแพร่ งำนวจิ ัยนี้ผำ่ นหนว่ ยงำนต่ำงๆ ของภำครฐั และผูท้ ีเ่ ก่ียวข้องกบั กำรจดั Result กำรศกึ ษำโดยตรง จำกแผนงำนโครงกำรวิจยั ดงั กล่ำว สำมำรถสรุปเปน็ ผลงำนทค่ี ำดว่ำจะได้รับดังน้ี๑. สะทอ้ นกำร...................................................................................................๒. ทรำบยทุ ธศำสตร์...................................................................................................๓. ทรำบปัญหำ/อปุ สรรค...................................................................................................๔. ข้อมลู พน้ื ฐำนในกำรใชเ้ ป็นแนวทำงเพ่อื พัฒนำ.................................................................................................๕. ทรำบพฤติกรรมและควำมคิดเหน็ ...................................................................................................๖. ได้ผลกำรวเิ ครำะห์ และกำรสังเครำะห์ผลกำรศกึ ษำวิจยั๗. ไดผ้ ลงำนวิจยั ฉบับสมบรู ณ์๘. ได้นำองคค์ วำมรูจ้ ำกกำรวจิ ยั และเอกสำรทเ่ี ก่ียวขอ้ งมำประยุกต์ใช้และไดส้ นบั สนุนงำนวิจัยอ่ืน ๆ๙. ไดเ้ ผยแผ่ผลงำนกำรวิจัยเป็นท่ปี ระจักษ์และเปน็ ประโยชน์ตอ่ สังคม๑๘. โครงการวิจยั ต่อเนอ่ื ง (คารับรองจากหวั หน้าโครงการวจิ ยั ว่าโครงการวิจยั ได้รับการจดั สรรงบประมาณจริงในปีงบประมาณทผ่ี ่านมา) ...................................................................................................................................................................๑๙. คาชี้แจงอ่ืน ๆ (ถา้ มี) .....................(ถ้ำมีปัญหำต้องช้แี จง) .....................................................................................................๒๐. ลงลายมือชอื่ หวั หน้าโครงการ พรอ้ มวัน เดือน ปี ลงชื่อ (พระมหำวิฑูรย์ สทิ ฺธเิ มธี ป.ธ.๙) หัวหนำ้ โครงกำรวิจัย วนั ที่ ๑๒ เดือน กนั ยำยน พ.ศ. ๒๕๕๙

เสนอโครงกำรวิจยั ประจำปงี บประมำณ ๒๕๖๑ หน้ำ ๒๓หวั หนา้ โครงการวจิ ัย๑. ช่อื – นามสกุล (ภาษาไทย) พระมหำวิฑูรย์ สิทธฺ ิเมธี ป.ธ.๙ชอ่ื - นามสกลุ (ภาษาอังกฤษ) Phramahawitool Sitthimethi๒. หมายเลขบัตรประจาตัวประชาชน ๓๓๖๐๒๐๐๐๗๘๒๙๓๓. ตาแหน่งปัจจุบัน อำจำรย์ประจำหลักสูตร คณะพทุ ธศำสตร์๔. หน่วยงานทีอ่ ยูท่ ส่ี ามารถติดต่อได้สะดวก : วทิ ยำลยั สงฆ์ชยั ภมู ิ ๙๗ หมู่ ๑๔ บ้ำนโนนเหลย่ี ม ตำบล นำฝำย อำเภอเมอื ง จังหวัดชัยภูมิ ๓๖๐๐๐ โทร. ๐๘๒- ๔๔๓๙๙๘๗๕. ประวัติการศึกษา๕.๑ สำเรจ็ กำรศึกษำ (วฒุ ิทำงศำสนำ) น.ธ.เอก สำนักเรียนคณะจงั หวัดชัยภมู ิ๕.๒ สำเรจ็ กำรศึกษำระดับอุดมศกึ ษำ -ปริญญำตรี : ป.ธ.๙ (เทียบวุฒิ) -ปรญิ ญำโท : พทุ ธศำสตรมหำบัณฑิต สำขำวิชำปรัชญำ มหำวทิ ยำลัยมหำจฬุ ำลกรณรำชวิทยำลัย วทิ ยำเขตขอนแก่น -ปริญญำเอก : (กำลังศึกษำทม่ี หำวทิ ยำลยั เซนตจ์ อห์น คณะปรัชญำและ ศำสนำ)หมายเหตุ ๑. กรณีท่ีหน่วยงำนมิได้ทำกำรวิจัยเองแต่ใช้วิธีจัดจ้ำง โปรดใช้ แบบ ว–๑ด โดยระบุรำยละเอียดตำมแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ให้มำกที่สุด พร้อมท้ังแนบแบบข้อกำหนด (terms of reference-TOR) กำรจัดจ้ำงทำกำรวจิ ัยดว้ ย ๒. กรณีเป็นโครงกำรวิจัยต่อเนื่องที่ได้รับกำรจัดสรรงบประมำณในปีงบประมำณท่ีผ่ำนมำ และนักวิจัยมีควำมประสงค์จะเสนอของบประมำณกำรวิจัยในปีงบประมำณต่อไป ต้องจัดทำโครงกำรวิจัยประกอบกำรเสนอของบประมำณดว้ ย ๓. ระบุข้อมูลโดยละเอียดในแต่ละหัวข้ออย่ำงถูกต้องและครบถ้วนสมบูรณ์ เพ่ือประโยชน์ในกำรประเมินผล ๔. กรณีโครงกำรวิจยั ท่ีมีกำรใชส้ ัตว์ ใหป้ ฏบิ ัตติ ำมจรรยำบรรณกำรใช้สตั ว์เพ่ืองำนทำงวิทยำศำสตร์สภำวจิ ยั แห่งชำติ (ผนวก ๑๐) และจดั ทำเอกสำรแนบตำมแบบฟอรม์ ใบรับรองในผนวก ๑๑ จำนวน ๑ ชดุ