The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ตารางท่ี 3 สรุปผลการตรวจผูติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงในกลุมเส่ียงท่ีใกลชิดกับผูติดเช้ือวัณโรคของเขต สุขภาพท่ี 5 แบงตามระดับโรงพยาบาลและจังหวัด ขอ มลู กลมุ เสยี่ งทใ่ี กลช ดิ กบั ผตู ดิ เชอื้ วณั โรคแบง ตาม มีรอยละการติดเชื้อ วัณโรคระยะแฝงในเพศชายตํ่า เพศและจงั หวดั กวาเพศหญิง ซึ่งอาจจะขึ้นกับสัดสวนประชากรเพศ เมื่อแยกการติดเชื้อวัณโรคแฝงในกลุมเส่ียงท่ี ชายและหญงิ ของแตล ะจงั หวดั แตกตา งกนั จงึ มรี อ ยละ ใกลช ดิ กบั ผตู ดิ เชอ้ื วณั โรค ตามเพศและจงั หวดั พบวา การตดิ เชอื้ วณั โรคระยะแฝงแตกตา งกนั พบวา จาํ นวน เพศหญิงจะมีรอยละการใหผลบวกคือติดเช้ือวัณโรค การติดเชื้อระหวางเพศชายกับเพศหญิงโดยรวม ระยะแฝงต่ํากวาเพศชาย ยกเวนจังหวัดสมุทรสาคร ในเขตสุขภาพท่ี 5 เพศหญิงสงู กวาเพศชาย 2.5 เทา และราชบรุ ี ทม่ี รี อ ยละการตดิ เชอื้ วณั โรคระยะแฝงใน (ผหู ญงิ 401 ราย ผูชาย 161 ราย) ดงั แสดงในตาราง เพศชายและหญงิ ใกลเ คยี งกนั สว นจงั หวดั กาญจนบรุ ี ที่ 4 ตารางท่ี 4 ขอ มลู กลมุ เสยี่ งทใ่ี กลช ิดกับผตู ิดเชอื้ วณั โรคแบง ตามเพศและจังหวัด đóýßć÷ đóýĀâÜĉ ÝĆÜĀüĆé ÝćĞ îüîìęĊ ñúïüÖ ñúïüÖ ñúúï ñú ÝćĞ îüîìĊę ñúïüÖ ñúïüÖ ñúúï ñú êøüÝ (øć÷) (øć÷) (øĂš ÷úą) (øć÷) Indeterminate êøüÝ (øć÷) (øć÷) (øĂš ÷úą) (øć÷) Indeterminate (øć÷) (øć÷) ÿöìč øÿćÙø 34 8 23.5 26 0 166 38 22.9 128 0 4 ÿöčìøÿÜÙøćö 47 14 29.8 32 1 97 23 24.7 70 5 øćßïčøĊ 346 67 19.4 279 0 977 189 19.3 783 2 ÖćâÝîïčøĊ 136 31 22.8 105 0 172 46 26.7 124 1 ÿóč øøèïčøĊ 92 19 20.6 73 0 315 47 15.0 267 1 3 đóßøïčøĊ 7 2 28.6 4 1 22 5 22.7 16 16 ðøąÝüïÙĊøĊ×îĆ íŤ 80 20 25.0 60 0 282 53 18.6 226 øüö 742 161 22.5 579 2 2,031 401 19.7 1,614 49
วารสารสํานกั งานป้ องกันควบคมุ โรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 วจิ ารณ สรุป การศกึ ษานพ้ี บวา มรี อ ยละความชกุ ของผตู ดิ เชอ้ื ความชุกของการติดเชื้อวัณโรคแฝงในกลุม วัณโรคระยะแฝงในกลุมเส่ียงที่ใกลชิดกับผูติดเชื้อ เสี่ยงท่ีใกลชิดกับผูติดเช้ือวัณโรคของเขตสุขภาพที่ 5 วัณโรคของเขตสุขภาพท่ี 5 ท่นี อ ยกวา การศกึ ษาของ เปนขอ มูลในการคนหาผูป ว ยวัณโรคระยะแฝง ใหก ับ บุญเชิด กลัดพวงและคณะ(6) ในปพ.ศ. 2564 ท่ีพบ โรงพยาบาลตา ง ๆ ในเขตสขุ ภาพท่ี 5 ไดท ราบถงึ ความ อัตราการติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงในกลุมบุคลากร ชกุ การตดิ เชอ้ื วณั โรคแฝง เพอื่ วางแนวทางทเ่ี หมาะสม ทางการแพทยของพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย ในการควบคุมการแพรเชื้อวัณโรคในกลุมเสี่ยงท่ี รอยละ 29.04 ปจจัยที่สงผลใหการศึกษาคร้ังนี้ ใกลชิดกับผูติดเช้ือวัณโรค ของแตละโรงพยาบาล แตกตางกันกับผลการศึกษาของ บุญเชิด กลัดพวง เชนการปรับปรุงการไหลเวียนอากาศภายในอาคาร และคณะ อาจมาจากการเกบ็ ตวั อยา งในกลมุ ประชากร การใหอุปกรณปองกันสวนบุคคลที่เหมาะสม แก และในพ้ืนท่ีที่แตกตางกัน ซ่ึงมีปจจัยสงเสริมให บุคลากรทางการแพทย เปนตน นอกจากน้ีควรจะ รับเชื้อวัณโรคเขาสูรางกายไดดีไมเทากัน เปนปจจัย มีการตรวจหาการติดเชื้อวัณโรคแฝงในกลุมเส่ียงที่ ที่อาจทําใหพบรอยละการติดเช้ือวัณโรคระยะแฝง ใกลชิดกับผูติดเชื้อวัณโรคซ้ําทุกป ในกลุมเส่ียงท่ีใกล ที่นอยกวา เชน ปจจัยดานส่ิงแวดลอม(10) หากเก็บ ชดิ กบั ผตู ดิ เชอื้ วณั โรคทใ่ี หผ ลลบ จากการศกึ ษาครง้ั นี้ ตัวอยางจากที่อยูอาศัย หรือโรงพยาบาลที่อากาศ เพราะมีโอกาสท่ีผูท่ีใหผลลบจะกลายเปนผูติดเช้ือ ถายเทไมดี จะสงผลใหพบผูติดเชื้อวัณโรคระยะแฝง วณั โรคระยะแฝงได ถา ตดิ เชอื้ วณั โรคระยะแฝงภายใน สงู กวา พนื้ ทอี่ น่ื หรอื ปจ จยั สว นบคุ คลของผสู มั ผสั รว ม 2 ปแรก พจิ ารณาใหย ารักษาการติดเชื้อวณั โรคระยะ บา น(10) หากในพน้ื ทเี่ กบ็ ตวั อยา งมจี าํ นวน ผสู มั ผสั รว ม แฝงได เนื่องจากมโี อกาสทจ่ี ะพฒั นาปวยเปนวณั โรค บา นมโี รคประจาํ ตวั หรอื มจี าํ นวนผมู ภี มู ติ า นทานของ ไดสูง หรือในกลุมผูติดเชื้อเอชไอวีท่ีติดเชื้อวัณโรค รางกายออนแอสูง จะสงผลใหพบผูติดเช้ือวัณโรค ระยะแฝง มโี อกาสปว ยเปน วณั โรคไดม ากกวา คนทไี่ ม ระยะแฝงสูงกวาพ้ืนที่อ่ืน หรือความสัมพันธระหวาง ติดเชอ้ื เอชไอวี 21 เทา จงึ ตองไดร ับยารกั ษาวณั โรค ผูสัมผัสรวมบานกับผูปวยวัณโรค หากเปนคูสามี ระยะแฝงทันที ภรรยา(10) จะสง ผลใหพบผตู ิดเช้อื วัณโรคระยะแฝงสงู กวา พนื้ ทอี่ น่ื หรอื ปจ จยั จากพฤตกิ รรมผสู มั ผสั รว มบา น ขอ เสนอแนะ ผูปวยวัณโรคท่ีชอบสูบบุหร่ี(10) มีจํานวนมากในพ้ืนท่ี 1. ควรมีการวิเคราะหเกี่ยวกับปจจัยอ่ืน ๆ ที่ ทลี่ งเกบ็ ตวั อยา ง จะสง ผลใหพ บผตู ดิ เชอื้ วณั โรคระยะ อาจทําใหเกิดความเสี่ยงตอการติดเช้ือวัณโรคระยะ แฝงสูงกวาพ้ืนท่ีอื่น แตอัตราสวนจํานวนการติดเช้ือ แฝง เชนอายุ จํานวนเวลาที่ใกลชิดกับผูปวยวัณโรค วณั โรคระยะแฝง ระหวา งเพศหญงิ และเพศชายในเขต ขนาดพื้นท่ีท่ีอาศัยรวมกับผูปวยวัณโรค รายได การ สขุ ภาพที่ 5 พบวา เพศหญงิ สงู กวา เพศชาย 2.5 เทา ซง่ึ ศกึ ษาเปน ตน เหมือนกบั การศึกษาของบญุ เชดิ กลัดพว ง และคณะ และจนั ทรฉ าย คาํ แสน และคณะทพ่ี บเพศหญงิ สงู กวา ขอจํากัดการศกึ ษา เพศชาย 6.5 และ 4.0 เทา ตามลําดบั 1. การศกึ ษานไี้ มส ามารถแยกกลมุ เสย่ี งทใ่ี กลช ดิ กบั ผูติดเชื้อวณั โรคออกเปน กลุมผสู มั ผัสใกลช ดิ ผูปวย 50
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 วัณโรค ผูติดเช้ือเอชไอวี และบุคลากรแพทยและ 3. Hartman-Adams H, Clark K, Juckett G. สาธารณสขุ ได Update on latent tuberculosis infection. Am Fam Physician 2014;89:889-96. 2. การศึกษานี้ไมทราบตําแหนงของบุคลากร แพทยแ ละสาธารณสขุ เพอ่ื ใหท ราบวา บคุ ลากรแพทย 4. Hfocus.org [อินเทอรเน็ต]. อุดรธานี. มูลนิธิ และสาธารณสุข ตําแหนงใดในโรงพยาบาลของเขต ภวิ ัฒนสาธารณสขุ ไทย; 2555. กรมควบคมุ โรค สขุ ภาพที่ 5 ทพี่ บการตดิ เชอื้ วณั โรคระยะแฝงสงู จะได เผย ไทยเรงดําเนินการเพ่ือลดปญหาวัณโรค วางแผนในการปองกันการติดเช้ือวัณโรคระยะแฝง อยางเขมขน ภายใต พ.ร.บ.โรคติดตอ; 2562 ในโรงพยาบาลนั้นไดอ ยางมปี ระสทิ ธภิ าพ [สบื คนเมอื่ วันที่ 10 ม.ิ ย. 2565]. จาก: https:// www.hfocus.org/content/2019/02/16860 3. การศึกษานี้ยังขาดตัวอยางจากโรงพยาบาล ในจังหวัดนครปฐม เพื่อจะไดทราบความชุกของการ 5. สํานักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวง ตดิ เชอ้ื วณั โรคระยะแฝง ไดถ กู ตอ งมากขนึ้ ทราบขนาด สาธารณสุข. แนวทางการควบคุมวัณโรค ของปญหาการติดเชอื้ วัณโรคระยะแฝงไดด ีข้ึน ประเทศไทย พ.ศ. 2561.พมิ พค รงั้ ที่ 1. กรงุ เทพฯ: กิตติกรรมประกาศ สาํ นักพมิ พอักษรกราฟฟค แอนดดีไซน; 2561. การศึกษาวิจัยฉบับน้ีสําเร็จลุลวงไดดวยความ 6. บุญเชิด กลัดพวง, ชํานาญ ยุงไธสง, รวมมือของ เจาหนาที่กลุมหองปฏิบัติการทางการ ผลนิ กมลวทั น. อตั ราความชกุ การตดิ เชอ้ื วณั โรค แพทย สาํ นกั งานปอ งกนั ควบคมุ โรคที่ 5 จงั หวดั ราชบรุ ี ระยะแฝงในบุคคลากรทางการแพทยและ ที่รวมมือเก็บรวบรวมขอมูล และใหขอเสนอแนะ สาธารณสุขในโรงพยาบาลขนาดใหญจาก ทเี่ ปน ประโยชน ผวู จิ ยั ขอขอบคณุ ทกุ ทา นเปน อยา งสงู การตรวจดว ยวธิ ี Interferon-Gamma Release ไว ณ โอกาสนี้ Assay (IGRA). วารสารโรคเอดส [อนิ เตอรเน็ต]. เอกสารอา งองิ ต.ค. 2563-ม.ค.2564 [สบื คน เมอื่ 1 พ.ค. 2565]; 33: 21-35. เขาถึงไดจาก: https://he02. 1. สาํ นกั วณั โรค [อนิ เทอรเน็ต]. กรุงเทพฯ. สาํ นัก tci-thaijo.org/index.php/ThaiAIDSJournal/ วัณโรค; 2018 [สบื คน เมอื่ วันท่ี 10 ม.ิ ย. 2565]. article/view/ 248082/169792 แหลง ขอ มลู : https://tbthailand.org/picture/ inforgraphic/1.png 7. Imsanguan W, Bupachat S, Wanchai thanawong V, Luangjina S, Thawtheong 2. สาํ นกั วณั โรค [อนิ เทอรเน็ต]. กรุงเทพฯ. สาํ นัก S, Nedsuwan S, et al. Contact tracing for วัณโรค; 2018 [สบื คน เม่อื วันที่ 02 พ.ค. 2565]. tuberculosis, Thailand. Bull World Health แหลงขอมูล: https://www.tbthailand.org/ Organ 2020; 98: 212-8. download/สถานการณว ณั โรคของประเทศไทย %2010%20พย.%2060%20final%201.pdf 8. จันทรฉาย คําแสน, จณิศรา ฤดีอเนกสิน, โสภา ศรีสังขงาม, เบญจวรรณ เพชรสุขศิริ, วิพัฒน กลายุทธ, สุปราณี บุญชู. การตรวจ การติดเชื้อวณั โรคดวยวธิ ี Interferon Gamma ReleaseAssay(IGRA)ในบคุ ลากรทางการแพทย 51
วารสารสาํ นักงานป้ องกนั ควบคมุ โรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564 ของเขตสุขภาพท่ี 10 ระหวางป พ.ศ. 2562- 10. นาปเสาะ มะเซ็ง, สมเกียรติยศ วรเดช, 2563. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2565;31 ปุญญพัฒน ไชยเมล. ปจจัยท่ีมีความสัมพันธ (1):164-71. ตอการติดเชื้อวัณโรคในผูสัมผัสรวมบานผูปวย 9. จตพุ ร วนั ไชยธนวงศ, วภิ า รชี ยั พชิ ติ กลุ , อภชิ าติ วัณโรค: การทบทวนวรรณกรรม. วารสารวิจัย โซเ งนิ . การคดั กรองและรกั ษาการตดิ เชอื้ วณั โรค สาธารณสุขศาสตร มหาวิทยาลัยราชภัฏ ระยะแฝงในผสู มั ผสั รว มบา น. ศรนี ครนิ ทรเ วชสาร อุบลราชธานี ก.ค.-ธ.ค. 2563;9:32-46. 2563;35:639-48. 52
นิพนธต น ฉบับ The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 Original Article การระบาดและปจ จยั ท่ีมผี ลตอการเสยี ชีวิตของผปู วยโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ตาํ บลเจดียห ัก อําเภอเมือง จงั หวดั ราชบุรี Outbreaks and Factors Affecting Mortality with COVID-19 patients in Chedi Hak Subdistrict, Mueang District, Ratchaburi Province สมจิตร มั่นคง* ศษ.บ.(สขุ ศกึ ษา) Somjit Munkong B.Ed.(Health Education) ชนินทร อทุ ยาน* สบ.(สาธารณสุขศาสตร) Chanin Udtthayan B.P.H.(Public Health) นาตยา ปองเปน ** วทบ.(สาธารณสุขชมุ ชน) Narttaya pongpen B.Sc.(Public Health) บทคัดยอ การศึกษาแบบ case-control study เพ่ือศึกษาการระบาดและปจจัยท่ีมีผลตอการเสียชีวิต ของผูปว ยโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตาํ บลเจดยี ห กั อําเภอเมือง จงั หวดั ราชบรุ ี โดยรวบรวม ขอมลู ทตุ ิยภมู ิจากฐานขอมูลเฝาระวงั โรค ระหวางวนั ที่ 1 มกราคม 2564 ถงึ วันที่ 30 มิถนุ ายน 2565 จาํ นวน 3,866 ราย แบงเปน 2 กลุม ไดแ ก กลุม ศึกษา (case) ไดแกผ ตู ิดเชือ้ เสียชวี ติ จาํ นวน 8 ราย และกลมุ ควบคุม (control) ไดแกผูติดเช้ือท่ีรักษาหาย จํานวน 3,858 ราย วิเคราะหขอมูลการกระจายของโรคดวยสถิติเชิง พรรณนา (รอ ยละ) และอธบิ ายความสมั พนั ธต ัวแปรกับการเสยี ชวี ิตดวยการใชส ถติ ิ Multivariable logistic regression นําเสนอคาความสมั พนั ธดว ยคา Adjusted odds ratio (ORadj) และคาชว งความเช่ือม่ัน 95% Confidence interval ผลการวจิ ัย หมูบา นท่พี บผูต ิดเชอ้ื สงู ไดแก หมูท่ี 10 รอยละ 20.98 สัญชาติทพี่ บติดเชื้อสงู สดุ เปน สัญชาติไทย รอยละ 96.40 สวนใหญเปน เพศชายรอ ยละ 50.57 กลุม อายุทพ่ี บติดเชอ้ื สงู สุด ไดแก 15-19 ป รอยละ 72.07 [คา มัธยฐาน 33 ป อายุนอยสุด 1 เดือน อายุมากสดุ 96 ป พสิ ยั ควอไทล 29 (20,49) อาชีพรบั จา งติดเช้ือ สูงสดุ รอยละ 30.94 ผูตดิ เช้ือสว นใหญไดร บั วคั ซนี รอ ยละ 50.59 ซงึ่ จาํ นวนวคั ซนี ที่ไดรบั สงู สดุ คือ 2 เข็ม รอยละ 57.06 อาการทีก่ ลุม ผูต ิดเชือ้ มีมากท่สี ดุ ไดแ ก ไข รอ ยละ 53.68 กลุมผูปวยเสียชีวิต เปนสัญชาติไทยทั้งหมด หมูท่ี 8 เปนหมูบานท่ีพบผูเสียชีวิตมากที่สุด รอยละ 50.00 อัตราปวยตายรอยละ 0.07 เพศหญิงพบเสียชีวิตสูงสุด รอยละ 62.50 สวนใหญเปนกลุมอายุตั้งแต 60 ปขึ้นไป รอยละ 87.50 ผูเสียชีวิตทุกรายไมไดรับวัคซีน มีโรคประจําตัว รอยละ 87.50 โรคประจําตัว เปนปจจัยท่ีมีความสัมพันธตอการเสียชีวิต โดยผูท่ีมีโรคประจําตัวเสียชีวิตเปน 27.40 เทาของผูท่ีไมมีโรค ประจําตัว (ORadj= 27.40,95% CI 1.07-700.82) * โรงพยาบาลสง เสริมสขุ ภาพตําบลเจดียหกั อําเภอเมอื ง จงั หวัดราชบรุ ี ** โรงพยาบาลสง เสรมิ สุขภาพตําบล บานหวยหมู ตาํ บลเจดียห ัก อาํ เภอเมอื ง จงั หวัดราชบรุ ี 53
วารสารสํานักงานป้ องกนั ควบคมุ โรคที่ 5 ราชบุรี : ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 Abstract This research was a retrospective analytical study (Case-control study) aimed to Compare factors of Affecting fatality with COVID-19 patients. Chedi Hak Subdistrict, Mueang District, Ratchaburi Province By collecting secondary data from the disease surveillance database. Between January 1, 2021, and June 30, 2022, divided into 2 groups of COVID-19 patients were 3,866 case, Sample group: Death with COVID-19 patients were 8 cases. Control group: COVID-19 patients were 3,858 cases. The distribution of disease data was analyzed by descriptive statistics and the variable relationship with mortality was described using Multivariable logistic regression. Presents correlations size with Adjusted odds ratio (ORadj) and confidence interval, 95% The results The villages with the highest cases of infection were among the 10th, 20.98%, the nationality with infection being Thai nationality, 96.40%, most of them were males, 50.57%. The age group with infections was 15-19 years old, 72.07%. Median 33 years, youngest age 1 month, highest age 96 years, quartile range 29 (20,49), occupational occupations infected 30.94 %, infected 50.59%. The received was 2 injections, 57.06%. The most common symp- tom in the infected group was fever, 53.68%. Deceased patient group All are Thai nationals, The Village 8 th is found the most deaths, 50.00%, mortality rate 0.07%, females found 62.50%, most of them were aged 60 years and over, 87.50% of deaths. Not all of them were vaccinated. 87.50% had the congenital disease. The congenital disease was a factor that was associated with death. Those with underlying disease died 27.40 times more than those without underlying disease (ORadj=27.40,95% CI 1.07-700.82) ประเด็นสําคญั : Key words : โรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ปจ จยั การเสยี ชีวติ Factors Affecting Mortality การระบาด Outbreaks of COVID-19 54
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 บทนํา โรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (Coronavirus ของไวรัสเปนไวรัสซารส-โควี-2 (Severe Acute disease 2019 หรือ COVID-19) เกิดจากการติดเชื้อ Respiratory Syndrome-Corona virus-2; SARS- ไวรสั โคโรนาใน Family Coronaviridae มรี ะยะฟก ตวั CoV-2) และในเดือนถัดมาจึงตั้งช่ือโรคท่ีเกิดจาก เฉลย่ี 5-6 วนั ถงึ 14 วนั สามารถแพรก ระจายเชอื้ จาก การติดเช้อื ไวรัสดังกลาว เปน โรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา คนสโู ดยการสมั ผสั กบั สารคดั หลง่ั จากทางเดนิ หายใจ 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus disease หรือแพรกระจายเช้ือของฝอยละอองน้ํามูก นํ้าลาย 2019; COVID-19) การระบาดของโรคโควิด 19 ได จากผูปวยที่มีเชื้อโดยการไอหรือจาม ผูที่ติดเชื้อสวน กระจายเปนวงกวางอยางรวดเร็วจากเริ่มแรกมีการ ใหญไ มแ สดงอาการรอ ยละ 45 และหากมอี าการมกั จะ ระบาดใน สาธารณรฐั ประชาชนจนี เพยี งประเทศเดยี ว แสดงอาการเลก็ นอ ยเทา นน้ั เชน ไข ไอ นาํ้ มกู สญู เสยี ตอมาไดกระจายไปยังประเทศและภูมิภาคอ่ืนๆ การไดกลนิ่ การรบั รส เปน ตน รอยละ 10 ทม่ี ีอาการ ทวั่ โลก โดย ในวนั ท่ี 11 มนี าคม 2563 องคก ารอนามยั รุนแรงต้ังแต เกิดภาวะปอดอักเสบ (pneumonia) โลก จงึ ไดป ระกาศใหโ รคโควดิ 19 เปน โรคระบาดใหญ จนทําใหเสียชีวิตได(1) โดยกลุมเส่ียงท่ีพบจะมีภาวะ ทั่วโลก (pandemic) ประเทศไทยเริ่มพบผูปวยโรค ปอดอักเสบรุนแรงจนเสียชีวิต ไดแก กลุมผูสูงอายุ โควิด 19 รายแรกเปนนกั ทองเทีย่ วหญงิ ชาวจีน อายุ ผูมีโรคประจําตัว เชน โรคอวน โรคเบาหวาน 61 ป เขามาในประเทศไทย เม่อื เดอื นมกราคม 2563 โรคความดนั โลหติ สงู โรคเกยี่ วกบั ระบบทางเดนิ หายใจ นับตง้ั แตนัน้ มาจึงพบการระบาดในประเทศไทย เรอ้ื รงั เปน ตน การตรวจหาเชอื้ SARS-CoV-2 ปจ จบุ นั สถานการณป ระเทศไทย(2) ตงั้ แตว นั ที่3มกราคม เราสามารถทาํ ได 2 วธิ ี ไดแ ก Reverse Transcription 2563 ถึงวันท่ี 30 มิถุนายน 2565 พบผูติดเชื้อ Polymerase chain Reaction (RT-PCR) เปนวิธี ยนื ยนั สะสม 4,522,915 ราย เสยี ชวี ิตสะสม 30,648 มาตรฐานทย่ี อมรบั ทส่ี ดุ ในปจ จบุ นั และ Antigen test ราย อัตราปวยตายเทากับ 0.68 เปนการติดเชื้อใน kit (ATK) เปน ชดุ ตรวจสาํ เรจ็ รปู ทที่ กุ คนสามารถตรวจ ประเทศ 4,497,884 ราย ตา งประเทศ 25,031 ราย หาเช้ือ Covid-19 ไดด ว ยตนเอง สถานการณเ ขตสขุ ภาพท่ี 5 ขอ มลู ในชว งเวลาเดยี วกนั พบผปู ว ยรายแรกดว ยโรคปอดอกั เสบ ไมท ราบ พบผตู ดิ เชอื้ ยนื ยนั สะสม 560,333 ราย เสยี ชวี ติ สะสม สาเหตุ จากเมอื งอฮู น่ั (Wuhan) มณฑลหเู ปย (Hubei) 3,828 ราย อตั ราปว ยตายเทา กบั 0.68 เปน การตดิ เชอ้ื สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปลายเดือนธันวาคม ในประเทศ 559,791 ราย ตางประเทศ 542 ราย 2562 ตอ มาในเดือนมกราคม 2563 ศนู ยค วบคมุ และ จงั หวดั สมทุ รสาครมผี ตู ดิ เชอ้ื สะสมสงู สดุ 171,419 ราย ปองกันโรคแหงสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese รองลงมา จงั หวดั ราชบรุ ี 86,961 ราย เสียชวี ิตสะสม Center for Disease Control and Prevention; 494 ราย อัตราปว ยตายเทากับ 0.57 เปน การติดเช้อื China CDC) ไดประกาศอยา งเปน ทางการถึงสาเหตุ ในประเทศ 86,956 ราย ตางประเทศ 5 ราย ปจจยั ของโรคปอดอกั เสบดงั กลา ว เกดิ จากเชอื้ ไวรสั โคโรนา การติดเชื้อพบวา เกิดจากการสัมผัสใกลชิดผูติดเช้ือ ชนดิ ใหม หลงั จากนนั้ The International Committee จาํ นวน 46,582 ราย รองลงมาอยใู นสถานท่เี ส่ียงที่มี on Taxonomy of Viruses (ICTV) ประกาศ ชือ่ ใหม การรวมตัวหนาแนน 31,062 ราย และเปนกลุมเสี่ยง 55
วารสารสํานักงานป้ องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564 ท่ีไดรับการคัดกรองเฝาระวัง 5,577 ราย สําหรับ ประชากรศกึ ษา อําเภอเมืองจังหวัดราชบุรี มีผูติดเช้ือจํานวน ผูติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตําบลเจดียหัก 23,404 รายกระจายในทุกตําบล ซึ่งยังมีรายงาน อําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ต้ังแตวันท่ี 1 มกราคม การพบผูติดเชือ้ อยางตอ เนอ่ื ง เพราะความเปนชุมชน 2564 ถงึ วนั ท่ี 30 มถิ นุ ายน 2565 จาํ นวน 3,866 ราย เมือง มีความเจริญทางดานเศรษฐกิจ รวมท้ังมีการ เคล่ือนยายประชากรในพ้ืนที่ตลอดเวลา ดังน้ันการ กลมุ ตวั อยาง ที่เราจะกําหนดมาตรการในการเฝาระวังโรคเพ่ือ เปนขอมูลขอมูลทุติยภูมิของผูติดเช้ือไวรัส เปน การตรวจจบั ทร่ี วดเรว็ ลดการระบาดและลดผลก โคโรนา 2019 ตามฐานขอ มลู เฝา ระวงั โรค COVID-19 ระทบความรุนแรงดานสุขภาพของโรคดังกลาวหรือ โดยเลือกกลุมตัวอยางแบบเฉพาะเจาะจง แบงเปน โรคที่มีลักษณะการแพรกระจายเชื้อแบบเดียวกันกับ 2 กลุม ดังนี้ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จําเปน กลุมศึกษา (Case) คือ ผูติดเช้ือไวรัสโคโรนา ท่ีตองทราบขอมูลดังกลาวใชประกอบการตัดสินใจ 2019 ท่เี สยี ชีวติ จํานวน 8 ราย กําหนดมาตรการตางๆ ดงั นั้น จึงไดด ําเนนิ การศกึ ษา กลุมควบคุม (Control) คือ ผูติดเชื้อไวรัส การระบาดและปจ จยั ทมี่ ผี ลตอ การเสยี ชวี ติ ของผปู ว ย โคโรนา 2019 จาํ นวน 3,858 ราย โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตําบล เจดียหัก อําเภอเมือง จงั หวดั ราชบรุ ี เครอื่ งมอื ทีใ่ ชใ นการศกึ ษา วิเคราะหขอมูลการกระจายของโรคดวยสถิติ วตั ถปุ ระสงคข องการศกึ ษา เชงิ พรรณนา ไดแ ก การแจกแจงความถ่ี รอ ยละ อตั รา 1. เพ่ือศึกษาลักษณะทางประชากรและอัตรา ปวยตาย ในการอธิบายลกั ษณะทางประชากร อัตรา การตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การติดเช้ือและการกระจายทางระบาดวทิ ยาของโรค 2. เพื่อศึกษาการกระจายทางระบาดวิทยา อธบิ ายความสมั พนั ธต วั แปรกบั การเสยี ชวี ติ ของผปู ว ย ในผตู ิดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ติดเชื้อ โดยวิเคราะหความสัมพันธระหวางตัวแปร 3. ปจจัยท่ีมีผลตอการเสียชีวิตของผูปวย อิสระตาง ๆ กับตัวแปรตามทีละตัว โดยใช สถิติ โรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) Chi-square test หรอื Fisher-exact test ในกรณี ที่พบวาไมผานขอตกลงเบื้องตน ของ Chi-square วัสดุและวิธกี ารศึกษา test นาํ เสนอคา Crude odds ratio (OR) ชว งความ เปน การศกึ ษาระบาดวทิ ยาแบบ case-control เชื่อมั่นท่ี 95% และ p-value <0.05 และใชสถิติ study โดยรวบรวมขอมูลทุติยภูมิจากฐานขอมูลเฝา ถดถอยพหโุ ลจสิ ตกิ ส (Multiple logistic regression) ระวังโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา2019 ของสํานักงาน เทคนิคการนําตัวแปรเขา โดยผูศึกษาเปนผูพิจารณา สาธารณสขุ อาํ เภอเมอื งและรายงานสอบสวนโรคของ (Enter selection) ควบคุมตัวแปรท่ีอาจมีความ พน้ื ท่ี สมั พนั ธเ บื้องตน กบั การเสียชีวิต โดยพิจารณาตัวแปร ที่ใหคา p-value นอยกวา 0.20 จาก univariate ลงใน model และนําเสนอคา Adjusted odds 56
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ratio (OR adj) ชวงความเชื่อมั่นที่ 95% มาเดือนกมุ ภาพันธ 2565 และเดือนกันยายน 2564 (สทิ ธิชยั บรรจงเจรญิ เลศิ )(3) โดยมีจํานวนผูติดเชื้อ จํานวน 885 574 และ 437 รายตามลาํ ดับ ดงั รูปท่ี 1 สัญชาติไทยรอ ยละ 92.03 ผลการศึกษา สญั ชาติพมารอ ยละ 7.80 ตามตารางที่ 1 อาการกอ น ผูติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระหวางวัน ที่จะมารับการตรวจหาเช้ือ SARS-CoV-2 พบวา ที่ 1 มกราคม 2564 ถงึ วนั ท่ี 30 มถิ นุ ายน 2565 ไมมอี าการ รอ ยละ 65.80 โดยเพศชาย ไมม ีอาการ ตําบลเจดียหัก อําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จํานวน รอยละ 66.91 และเพศหญิงไมมีอาการ รอยละ 3,866 ราย พบวา ในเดือน มีนาคม 2565 รองลง 64.68 ตามตารางที่ 2 รูปท่ี 1 จาํ นวนผตู ดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 ตาํ บลเจดยี ห กั อาํ เภอเมอื ง จงั หวดั ราชบรุ ี ระหวา งวนั ท่ี 1 มกราคม 2564 ถึง วันท่ี 30 มิถนุ ายน 2565 แยกตามรายเดือน êćøćÜìĊę 1 úÖĆ þèąìćÜøąïćéüĉì÷ć×ĂÜñĎšêéĉ đßĚČĂĕüøÿĆ ēÙēøîć 2019 Ē÷ÖêćöÿâĆ ßćêĉĒúąđóý đóý øüö (n=3,866) ÿĆâßćêĉ ßć÷ ĀâÜĉ (n=1,955) (n=1,911) ĕì÷ 1,864 (95.30) 1,863 (97.49) 3,727 (96.40) óöćŠ 90 (4.60) 47 (2.46) 137 (3.54) ÖĆöóĎßć 1 (0.05) 0 (0.00) 1 (0.03) úćü 0 (0.00) 1 (0.00) 1 (0.03) 57
วารสารสาํ นักงานป้ องกนั ควบคุมโรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 êćøćÜìęĊ 2 úÖĆ þèąìćÜøąïćéüĉì÷ć×ĂÜñĎšêéĉ đßĂĚČ ĕüøÿĆ ēÙēøîć 2019 Ē÷ÖêćöĂćÖćøĒúąđóý đóý øüö (n=3,866) ĂćÖćø ßć÷ ĀâĉÜ (n=1,955) (n=1,911) öĊĂćÖćø 647 (33.19) 675 (35.32) 1,322 (34.19) ĕööŠ ĊĂćÖćø 1,308 (66.91) 1,236 (64.68) 2,544 (65.81) ผตู ดิ เช้อื ทีม่ อี าการจํานวน 1,322 ราย พบวาอาการ พบวา หมูท่ีมีอัตราปวยตาย (Case Fatality risk) ที่พบมากที่สุดไดแก ไข รอยละ 53.68 (712 ราย) สงู สุดไดแ ก หมูท ่ี 8 (รอยละ 0.70) รองลงมา หมูท่ี 5 ไอ รอ ยละ 52.27 (691 ราย) เจ็บคอ รอยละ 28.74 (รอยละ 0.56) และ หมูที่ 3 (รอยละ 0.037) และ (380 ราย) และปวดศีรษะ รอ ยละ 10.67 (141 ราย) หมูบา นที่พบผูตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 สูงสุด ไดแก ตามรปู ที่ 2 การวเิ คราะหข อ มลู แบง เปน 2 กลมุ ไดแ ก หมทู ี่ 10 รอยละ 20.98 (811 ราย) หมทู ี่ 8 รอ ยละ กลุมท่ีไมเสียชีวิต จํานวน 3,858 ราย กับกลุมท่ี 14.69 (568 ราย) และหมทู ่ี 3 รอ ยละ 14.05 (543 ราย) เสียชีวิต จํานวน 8 ราย เปรียบเทียบรายหมูบาน ตามตารางท่ี 3 รูปที่ 2 จํานวนผตู ดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 ทีม่ ีอาการ แยกตามอาการแสดงกอ นเขา รับการตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 ( n=1,322) 58
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ตารางที่ 3 ลักษณะทางระบาดวิทยาของผูตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 แยกรายกลมุ ไมเสียชวี ติ และเสยี ชีวติ เปรียบเทยี บรายหมบู า น สถานะทางสขุ ภาพ อตั รา รวม ปว ยตาย (n=3,866) หมบู าน ไมเสยี ชีวิต เสยี ชีวิต (CFR = 0.21) (n=3,858) (n=8) หมทู ี่ 2 205 (5.31) 0 (0.00) 0.00 205 (5.30) หมทู ี่ 3 541 (14.02) 2 (25.00) 0.37 543 (14.05) หมูที่ 4 174 (4.51) 0 (0.00) 0.00 174 (4.50) หมูที่ 5 358 (9.28) 2 (25.00) 0.56 360 (9.31) หมทู ี่ 6 307 (7.96) 0 (0.00) 0.00 307 (7.94) หมูท ่ี 7 102 (2.64) 0 (0.00) 0.00 102 (2.64) หมูท่ี 8 564 (14.62) 4 (50.00) 0.70 568 (14.69) หมทู ่ี 9 288 (7.47) 0 (0.00) 0.00 288 (7.45) หมูท่ี 10 811 (21.02) 0 (0.00) 0.00 811 (20.98) หมทู ่ี 11 0 (0.00) 0.00 72 (1.86) หมทู ่ี 12 72 (1.87) 0 (0.00) 0.00 173 (4.47) หมทู ่ี 13 173 (4.48) 0 (0.00) 0.00 86 (2.22) หมูที่ 14 86 (2.23) 0 (0.00) 0.00 177 (4.58) 177 (4.59) กลุมที่ไมเสียชีวิตพบวาชวงอายุ 15-59 ป เพศชาย ในกลุมที่ไมเสียชีวิตท้ังเพศชายและเพศหญิง อาชีพ ผูติดเช้ือรอยละ 69.67 (1,360 ราย) และเพศหญิง รับจาง มีจํานวนผูติดเชื้อสูงสุดรอยละ 32.17 (628 รอยละ 74.76 (1,425 ราย) สวนในกลุมที่เสียชีวิต ราย) และ 29.75 (567 ราย) ตามลําดบั สว นในกลมุ พบวา ชว งอายมุ ากกวา หรอื เทา กบั 60 ป เปน เพศชาย ที่เสียชวี ิตพบวา เพศชายทีเ่ สียชีวิตทั้ง 3 ราย มอี าชพี ทงั้ 3 ราย และเพศหญงิ รอ ยละ 80 (4 ราย) ตามตาราง ขาราชการบํานาญ งานบาน และ รับจาง รอยละ ที่ 4 คา มธั ยฐาน 33 ป อายนุ อ ยสดุ 1 เดอื น อายมุ ากสดุ 33.33 (อาชีพละ 1 ราย) และเพศหญิง อาชีพงาน 96 ป [พสิ ัยควอไทล 29 (20,49)] บานมจี ํานวนผตู ิดเช้ือสูงสดุ รอยละ 40.00 (2 ราย) อาชีพของผูติดเช้ือ(ระบุอาชีพจํานวน ตามตารางที่ 5 3,299 ราย ไมร ะบุอาชพี จํานวน 564 ราย) พบวา 59
วารสารสาํ นักงานป้ องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 ตารางที่ 4 ลกั ษณะทางระบาดวิทยาของผตู ดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 แยกรายกลมุ ไมเสยี ชีวิตและเสียชีวติ เปรียบเทียบชว งกลมุ อายแุ ละเพศ ไมเ สยี ชวี ติ (n = 3,858) เสยี ชวี ิต (n=8) อายุ ชาย หญงิ ชาย หญงิ (n=1,952) (n=1,906) (n=3) (n=5) นอยกวา 15 ป 337 (17.26) 301 (15.79) 0 (0.00) 0 (0.00) 15-59 ป 1,360 (69.67) 1,425 (74.76) 0 (0.00) 1 (20.00) 3 (100.00) 4 (80.00) มากกวา เทากบั 60 ป 255 (13.06) 180 (9.44) ตารางที่ 5 ลกั ษณะทางระบาดวิทยาของผตู ิดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 แยกรายกลุมไมเสยี ชีวติ และเสยี ชีวติ เปรียบเทียบอาชพี และเพศ ไมเ สียชวี ิต (n = 3,858) เสยี ชีวิต (n=8) อาชพี ชาย หญิง ชาย หญิง (n=1,952) (n=1,906) (n=3) (n=5) เกษตรกร / เลีย้ งสตั ว 7 (0.35) 3 (0.15) 0 (0.00) 0 (0.00) รบั ราชการ / 141 (7.22) 115 (6.03) 1 (33.33) 1 (20.00) ขาราชการบํานาญ 129 (6.61) 155 (8.13) 0 (0.00) 0 (0.00) คา ขาย 127 (6.50) 155 (8.13) 1 (33.33) 2 (40.00) งานบาน 0 (0.00) 0 (0.00) นักขา ว 1 (0.05) 0 (0.00) 0 (0.00) 0 (0.00) 427 (21.87) 387 (20.30) 0 (0.00) 0 (0.00) นกั เรียน / ในปกครอง 178 (9.12) 172 (9.02) 0 (0.00) 0 (0.00) พนกั งานบริษทั 0 (0.00) 0 (0.00) พนกั งานสงอาหาร 6 (0.31) 0 (0.00) 1 (33.33) 0 (0.00) 0 (0.00) 1 (0.05) 0 (0.00) 1 (20.00) นักบวช / พระ / แมช ี 628 (32.17) 567 (29.75) 0 (0.00) 1 (20.00) รับจาง 53 (2.71) 43 (2.25) วา งงาน 255 (13.06) 308 (16.15) ไมระบุ 60
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 การเขาถึงวัคซีนปองกันโรคติดเช้ือไวรัส ประวตั ผิ ตู ดิ เชอื้ ทไี่ ดร บั วคั ซนี 1,956 ราย พบวา โคโรนา 2019 ของผูติดเชื้อพบวาในกลุมท่ีไมเสีย จํานวนวัคซีนท่ีไดรับมากท่ีสุด คือ 2 เข็ม รอยละ ชวี ติ เพศชาย มีประวตั ไิ มไดร บั วัคซนี รอ ยละ 50.26 57.06 (1,116 ราย) และเม่ือแยกตามเพศ พบวา (989 ราย) และเพศหญงิ มปี ระวัติไดรับวคั ซนี รอ ยละ เพศชายและเพศหญิง มปี ระวตั ิการไดร บั วคั ซีน ไดแก 52.73 (993 ราย) สว นในกลมุ ทเี่ สยี ชวี ติ พบวา เพศชาย 2 เขม็ รอยละ 59.50 (573 ราย) และรอยละ 54.68 และเพศหญิงท่ีเสียชีวิตท้ัง 8 ราย มีประวัติไมไดรับ (543 ราย) ตามลาํ ดับ ตามตารางที่ 7 วคั ซนี รอยละ 100 (8 ราย) ตามตารางท่ี 6 ตารางท่ี 6 ลกั ษณะทางระบาดวทิ ยาของผตู ดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 แยกรายกลุมไมเ สียชวี ติ และเสียชวี ติ การไดร บั วคั ซีนและเพศ ประวตั ิการไดร บั ไมเสียชีวิต (n = 3,858) เสียชวี ติ (n=8) วคั ซนี COVID-19 ชาย หญงิ ชาย หญงิ (n=3) (n=5) (n=1,952) (n=1,906) ไดร ับวคั ซีน 963 (49.74) 993 (52.73) 0 (0.00) 0 (0.00) ไมไ ดรบั วัคซีน 989 (50.26) 913 (47.27) 3 (100.00) 5 (100.00) ตารางที่ 7 จาํ นวนวคั ซีนปอ งกนั โรคทผ่ี ูติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 ไดร บั แยกตามเข็มท่ไี ดรับและเพศ จาํ นวนวัคซนี ชาย หญิง รวม COVID-19 (n=963) (n=993) (n=1,956) ทไ่ี ดรบั 1 เข็ม 43 (4.47) 51 (5.14) 94 (4.81) 2 เข็ม 573 (59.50) 543 (54.68) 1,116 (57.06) 3 เขม็ 328 (34.06) 365 (36.76) 693 (35.43) 4 เข็ม 19 (1.97) 34 (3.42) 53 (2.71) ปจจัยที่มีผลตอการเสียชีวิตของผูปวยโรค รอยละ 28.57 (โรคละ 2 ราย) ตารางที่ 8 คา ดัชนี ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดานโรค มวลกาย (Body Mass Index) ของผูติดเชื้อไวรัส ประจําตัวของกลุมผุติดเช้ือที่เสียชีวิต พบวา มีโรค โคโรนา 2019 เสยี ชีวติ พบวา อยูในระดบั ปกติ (BMI ประจาํ ตัว รอ ยละ 87.50 (7 ราย) โดยโรคประจําตัว นอ ยกวา 23 kg/m2) รอ ยละ 50 (4 ราย) และในระดบั ทพ่ี บมากที่ ไดแ ก โรคเบาหวานและโรคความดนั โลหติ อันตราย-อวนมาก (BMI มากกวาเทากบั 30 kg/m2) สงู รอ ยละ 42.86 (โรคละ 3 ราย) โรคไตวาย โรคหวั ใจ รอยละ 37.50 (3 ราย) ตามตารางที่ 9 โรคไขมนั ในเลอื ดสงู 61
วารสารสํานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564 ตารางที่ 8 โรคประจําตัวของผตู ดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 เสียชวี ติ โรคประจาํ ตวั * จาํ นวน (n=7) รอยละ ภาวะอวน 1 14.29 เบาหวาน 3 42.86 ไตวาย 2 28.57 หวั ใจ 2 28.57 หลอดเลอื ดสมองตีบ 1 14.29 ความดนั โลหติ สงู 3 42.86 ไขมันในเลือดสูง 2 28.57 อัมพาต 1 14.29 จติ เวช 1 14.29 * ผูเ สียชวี ติ บางรายมีโรคประจาํ ตัวมากกวา 1 โรค ตารางท่ี 9 คา Body Mass Index ของผเู สยี ชวี ติ ตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 BMI (kg/m2) จํานวน (n=8) รอ ยละ นอยกวา 23 4 50.00 23-29 1 12.50 มากกวาเทา กบั 30 3 37.5 ปจจัยท่ีมีความสัมพันธตอการเสียชีวิตของผูปวย ปจจัยท่ีไมพบความสัมพันธกับการเสียชีวิต โรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 วเิ คราะหแ บบ Univariate นาํ เสนอคา เปน Crude OR โดยการวิเคราะหดวย Chi-square test พบวา เช้อื ชาติ เพศ และอาการ ไมมีความสมั พันธกับ พบวา อายตุ งั้ แต 60 ปข น้ึ ไป การมโี รคประจาํ ตวั ไดแ ก การเสียชีวิต ตามตารางท่ี 11 โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคความดนั โลหติ สงู และโรคไขมนั ในเลอื ดสงู รวมทงั้ การไดรับวัคซีน (P<0.05) แตไมพบความสัมพันธ ระหวาง เช้อื ชาติ เพศ และอาการ (p=1.000, 0.503 และ 0.457) ตามลําดับ ตามตารางที่ 10 62
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ตารางที่ 10 การวิเคราะหปจจยั ที่มคี วามสัมพันธต อ การเสยี ชีวติ ของผูปว ยโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 ปจจยั จาํ นวน n P-value กลุมเสียชวี ิต กลุม ไมเสียชีวิต (3,866) (n=8) (n=3,858) เชอ้ื ชาติ 8 (0.21) 3,719 (99.79) 3,727 1.000b คนไทย 0 (0.00) 139 (100.00) 139 0.503b คนตา งชาติ 3 (0.15) 1,952 (99.85) - <0.001b 5 (0.26) 1,906 (99.74) 1,955 <0.001b เพศ 1 (0.03) 3,423 (99.97) 1,911 0.002b ชาย 7 (1.58) 435 (98.42) 3,424 <0.001b หญงิ 1 (0.03) 3,617 (99.97) 442 <0.001b 7 (2.82) 241 (97.18) 3,618 0.002b อายุ 5 (0.13) 3,720 (99.87) 248 ตํา่ กวา 60 ป 3 (2.13) 138 (97.87) 3,725 60 ป ขึน้ ไป 6 (0.16) 3,854 (99.84) 141 2 (33).33 3,860 โรคประจําตัว 6 (0.16) 4 (66.67) 6 ไมม ี 2 (40.00) 3,855 (99.84) 3,861 มี 7 (0.18) 5 1 (100.00) 3 (60.00) 3,865 โรคเบาหวาน 3,858 (99.82) 1 ไมม ี มี 0 (0.00) โรคไต ไมมี มี โรคหัวใจ ไมม ี มี โรคหลอดเลอื ดสมอง ไมม ี มี 63
วารสารสาํ นักงานป้ องกนั ควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี : ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 ตารางท่ี 10 การวิเคราะหปจจยั ทีม่ คี วามสัมพนั ธตอการเสียชีวิตของผปู วยโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019(ตอ ) ปจ จยั จาํ นวน n P-value กลุมเสยี ชวี ิต กลมุ ไมเ สียชีวติ (3,866) (n=8) (n=3,858) โรคความดันโลหิตสงู 5 (0.13) 3,707 (99.87) 3,712 0.003b ไมม ี 3 (1.95) 151 (98.05) 154 0.010b มี 6 (0.16) 3,790 0.457b 2 (2.63) 3,784 (99.84) 76 0.004b โรคไขมันในเลือดสงู 4 (0.16) 74 (97.37) 2,544 ไมมี 4 (0.30) 1,322 มี 8 (0.42) 2,540 (99.84) 1,910 0 (0.00) 1,318 (99.70) 1,956 อาการ 1,902 (99.58) ไมม ี 1,956 (100.00) มี การไดร ับวคั ซีน ไมไ ดรับ ไดร บั หมายเหตุ a Chi-square test, b Fisher’s Exact , มนี ยั สาํ คัญทางสถิตทิ ่ี P-value < 0.05 ตารางท่ี 11 ปจจัยเบ้ืองตนท่ีมีความสัมพันธตอการเสียชีวิต จากการวิเคราะหแบบ univariate ท่ีไมมี นยั สาํ คัญทางสถิติ จํานวน Crude ปจจัย กลมุ เสยี ชวี ิต กลมุ ไมเ สยี ชวี ิต odds ratio 95% CI P-value (n=8) (n=3,858) (OR) เชอ้ื ชาติ 8 (0.21) 3,719 (99.79) 0.00 - 0.585 คนไทย 0 (0.00) 139 (100.00) คนตา งชาติ 3 (0.15) 1,952 (99.85) 0.59 (0.14-2.45) 0.459 เพศ 5 (0.26) 1,906 (99.74) ชาย หญิง 4 (0.16) 2,540 (99.84) 1.93 (0.48-7.72) 0.346 4 (0.30) 1,318 (99.70) อาการ ไมมี มี 64
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ปจ จยั ทสี่ มั พนั ธต อ การเสยี ชวี ติ วเิ คราะห ความสมั พนั ธ จาก univariate ลงใน model และนําเสนอคา ระหวา งตวั แปรอสิ ระตา ง ๆ กบั ตวั แปรตามทลี่ ะหลาย Adjusted odds ratio (ORadj) ชว งความเชือ่ ม่ันที่ ตัวแปร โดยใชสถิติถดถอยพหุโลจิสติก (Multiple 95% อยา งมนี ยั สําคญั (p<0.05) พบวา โรคประจํา logistic regression) เทคนิคการนําตัวแปรเขาโดย ตัวมีความสัมพันธกับการเสียชีวิตของผูปวยโดยผูท่ี ผูศึกษาเปนผูพิจารณา (Enter selection) ควบคุม มีโรคประจําตัวเสียชีวิตเปน 27.40 เทาของผูท่ีไมมี ตัวแปรท่ีอาจมีความสัมพันธเบ้ืองตนกับการเสียชีวิต โรคประจาํ ตวั (ORadj=27.40,95% CI 1.07-700.82) โดยพจิ ารณาตวั แปรทใี่ หค า p-value นอ ยกวา 0.20 ตามตารางท่ี 12 ตารางท่ี 12 ปจ จยั ท่ีความสมั พันธกบั การเสียชวี ติ จากการวิเคราะหแบบ Multiple logistic regression จาํ นวน OR ORadj (95% CI) (95% CI) ปจจัย กลมุ เสยี ชีวติ กลุม ไมเ สียชีวิต P-value (n=8) (n=3,858) อายุ 1 (0.03) 3,423 (99.97) 0.02 (0.00-0.15) 6.52 (0.44-97.62) 0.174 ตํา่ กวา 60 ป 7 (1.58) 435 (98.42) 0.01 (0.00-0.08) 27.40 (1.07-700.82) 0.045 60 ป ขนึ้ ไป 1 (0.03) 0.62 (0.01-0.26) 0.39 (0.04-3.34) 0.386 7 (2.82) 3,617 (99.97) 0.01 (0.00-0.02) 9.42 (0.62-143.86) 0.107 โรคประจาํ ตวั 5 (0.13) 241 (97.18) 0.01 (0.00-0.02) 23.03 (0.63-847.58) 0.088 ไมม ี 3 (2.13) 1.000 มี 6 (0.16) 3,720 (99.87) -- 0.902 2 (33).33 138 (97.87) 0.07 (0.02-0.29) 1.15 (0.12-10.52) โรคเบาหวาน 6 (0.16) ไมมี 2 (40.00) 3,854 (99.84) มี 7 (0.18) 4 (66.67) 1 (100.00) โรคไต 5 (0.13) 3,855 (99.84) ไมม ี 3 (1.95) 3 (60.00) มี 3,858 (99.82) โรคหัวใจ 0 (0.00) ไมม ี มี 3,707 (99.87) 151 (98.05) โรคหลอดเลือดสมอง ไมม ี มี โรคความดันโลหติ สงู ไมม ี มี 65
วารสารสํานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564 ตารางที่ 12 ปจจัยทค่ี วามสัมพนั ธกับการเสยี ชีวิตจากการวเิ คราะหแ บบ Multiple logistic regression (ตอ ) จาํ นวน OR ORadj (95% CI) (95% CI) ปจ จัย กลุมเสียชีวติ กลุมไมเสียชวี ิต P-value (n=8) (n=3,858) โรคไขมันในเลือดสงู ไมม ี 6 (0.16) 3,784 (99.84) 0.06 (0.01-0.29) 0.93 (0.12-7.25) 0.945 มี 2 (2.63) 74 (97.37) การไดรับวัคซีน ไมไ ดรบั 8 (0.42) 1,902 (99.58) - - ไดร บั 0 (0.00) 1,956 (100.00) 0.983 วจิ ารณและขอ สรปุ ใชสถานบันเทิง การอยูสถานท่ี ชุมนุม และผูท่ี จากการศึกษาการระบาดและปจจัยท่ีมีผลตอ เดนิ ทางไปรว มพธิ ที างศาสนาในตา งประเทศ ลกั ษณะ การเสียชีวิตของผูปวยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 การกระจายโรคทางประชากรพบวาในกลุมเพศชาย ตําบลเจดยี ห กั อําเภอเมือง จังหวดั ราชบรุ ี จากขอ มลู รอ ยละ 50.57 จากการศกึ ษาพบวา เพศชายทีม่ อี าชีพ ทุตยิ ภมู ิ ระหวางวนั ที่ 1 มกราคม 2564 ถึง วนั ท่ี 30 รับจา งมีการติดเช้ือรอยละ 32.17 เชอ้ื SARS-CoV-2 มิถุนายน 2565 พบวา การกระจายของโรคในพ้ืนท่ี สายพันธุที่มีการเปล่ียนแปลงทางโครงสรางของไวรัส พบการระบาดใน 2 ชวงไดแ กกรกฎาคม-พฤศจกิ ายน สรางความรุนแรงตอรางกายผูติดเช้ือมีระดับความ 2564 ซง่ึ เปน ผลมาจากการพบการระบาดใหญใ นพนื้ ที่ รนุ แรงนอ ยลง เมอ่ื ตดิ เชอื้ แลว จะมอี าการไมม าก จาก ตลาดกลางกงุ จงั หวดั สมทุ รสาคร เมอื่ มกราคม 2564 การศกึ ษาพบวา รอ ยละ 65.81 ไมม อี าการหรอื อาการ แลว แพรก ระจายไปยงั สถานประกอบการตลาดคา สง ไมร นุ แรง สอดคลอ งกบั การศกึ ษาของสวรรยา จนั ทตู า ทม่ี ีการชุมนุมคนอยางหนาแนน โดยบรบิ ทประชากร นนท (2565)(5) ศึกษาเรอื่ งระบาดวทิ ยาของเชอื้ ไวรัส ในพน้ื ทตี่ ําบลเจดยี หักจะมอี าชีพรบั จาง เชน คาขาย SARS-CoV2 สายพันธุเบตา (B1.351) และปจจัย เขน็ ของ ในตลาดคา สง เปน จํานวนมาก ซึ่งเมือ่ สถาน เสี่ยงตอการเกิดอาการรุนแรงในภาคใตตอนลางของ ท่ีดังกลาวเกิดการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ประเทศไทย ชว งเมษายน-กนั ยายน 2564 พบวา ผปู ว ย 2019 เม่ือชวงประมาณเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ยนื ยนั สายพนั ธุเบตา 551 ราย (รอ ยละ 18.93) เกดิ 2564 ทาํ ใหม กี ารนาํ เชอ้ื มาแพรก ระจายในชมุ ชน โดย อาการรุนแรงของโรคหรือเสียชีวิต จํานวน 14 ราย เฉพาะคนในครอบครวั เพอ่ื นบานทใ่ี ชช ีวติ ประจําวัน (จากผูปวยที่รักษาในโรงพยาบาล 286 ราย) รว มกนั เชน การสงั สรรค ซึง่ สอดคลอ งกับการศกึ ษา การกระจายของโรคในหมบู า นทพ่ี บผตู ดิ เชอื้ สงู ไดแ ก ของ เอกรตั น โพธ์ิทอง (2563)(4) ศึกษาการระบาด หมทู ี่ 10 รอยละ 20.98 และหมูที่ 8 รอยละ 14.62 เชงิ พน้ื ทข่ี องไวรสั โควดิ -19 ในประเทศไทย พบวา การ เนอ่ื งจากในหมดู งั กลา ว มคี วามหนาแนข องประชากร แพรระบาดในประเทศไทยน้ันเกิดจากการสัมผัสกับ ในพ้ืนท่ีมากและเปนหมูบานเอ้ืออาทรท่ีมีจํานวน ผูปวย การเขารวมกิจกรรมในสนามมวย การเขาไป หลังคาเรือน และประชาชนอยูอาศัยในจํานวนมาก 66
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ซึ่งสอดคลองกับ การศึกษาของ สุปราณี ลิสวัสด์ิ กาฬสนิ ธุ พบวา อายทุ เ่ี พม่ิ ขน้ึ ทกุ 10 ป จะมคี วามเสย่ี ง (2564)(6) ในการศึกษาปจจัยท่ีมีผลตอจํานวนผูติด ในการเสยี ชวี ิตเพิม่ ข้ึน 2.2 เทา (ORadj=2.2, 95% CI เชื้อ COVID-19 ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า ไดผลสรุป : 1.4-3.7, p<0.001) วา จาํ นวนประชากร ความหนาแนน ประชากร มคี วาม ผูเ สยี ชีวติ มโี รคประจําตัว รอ ยละ 87.50 โดย สมั พนั ธในทิศทางเดยี วกับ จํานวนผูติดเช้อื โควิด-19 พบโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง รอยละ ในกลุมผูติดเช้ือที่มีอาการจํานวน 1,322 ราย 42.86 โรคไตวาย โรคหวั ใจ โรคไขมนั ในเลอื ดสงู รอ ยละ พบวาอาการที่พบมากที่สุดไดแก ไข รอยละ 53.68 28.57 สอดคลอ งกบั การศกึ ษาของ ปย นชุ ปฏภิ าณวตั ร และไอ รอยละ 52.27 สอดคลองกับการศึกษาของ (2565)(9) พบวาปจจัยท่ีมีผลตอการเสียชีวิตของ กชพร อนิ ทวงศ (2565)(7) ศกึ ษาเรอื่ งการสอบสวนการ ผูปวยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 อยา งมีนยั สําคญั ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในอําเภอ ทางสถิติ คือ ผูปวยโรคเบาหวานจะมีความเส่ียง เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม ในผูปวยโรคติดเชื้อไวรัส ในการเสียชีวิตเพ่ิมข้ึน 4.4 เทา ผูปวยโรคเบาหวาน โคโรนา 2019ท้ังทีไ่ มมแี ละมีอาการแสดงระหวางวนั (ORadj=4.4, 95% CI : 1.7-11.5, p<0.001) จาก ท่ี 25 กรกฎาคม–19 สงิ หาคม 2564 พบวา ในพ้ืนท่ี การศึกษาในคร้ังนี้ก็พบวาโรคประจําตัวเปนปจจัย 3ตาํ บลของอาํ เภอเชยี งดาวไมพ บผปู ว ยทม่ี อี าการหนกั ที่มีความสัมพันธกับการเสียชีวิตของผูปวยโรคติด หรือเสียชีวิต อาการท่ีพบมากท่ีสุด คือ ไอ รอยละ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ตําบลเจดียหัก อําเภอเมือง 81.48 การเขา ถงึ วคั ซนี ปอ งกนั โรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา จงั หวดั ราชบุรี เชนกนั โดยผทู มี่ โี รคประจําตัวเสียชีวติ 2019 ของผูติดเช้ือในการศึกษาครั้งนี้ พบวา กลุมที่ เปน 27.40 เทาของผูที่ไมมีโรคประจําตัว (ORadj= ไมเสยี ชีวิตมีประวัติไดร บั วคั ซนี รอยละ 51.11 โดยได 27.40,95% CI 1.07-700.82) สอดคลอ งกบั ศริ ลิ กั ษณ รับสว นใหญจ ํานวน 2 เขม็ รอยละ 57.06 และกลมุ ที่ ไทยเจริญ (2565)(8) พบวาปจจัยเสี่ยงท่ีมีอิทธิพลตอ เสยี ชวี ติ มปี ระวตั ไิ มไ ดร บั วคั ซนี รอ ยละ 100 สอดคลอ ง การเสียชีวิตอยางมีนัยสําคัญ ทางสถิติ (P-value < กบั การศกึ ษาของ ศริ ลิ กั ษณ ไทยเจรญิ (2565)(8) ศกึ ษา 0.05) ไดแก มโี รคประจาํ ตวั (aOR 31.70 95% CI ปจจัยเสี่ยงตอการเสียชีวิตของผูปวยโรคติดเชื้อไวรัส 4.17–19.16) โคโรนา 2019 จังหวดั สุราษฎรธานี พบวา ปจ จัยเส่ียง ที่มอี ิทธิพลตอการเสยี ชวี ิต ไดแก ไดร บั วคั ซีนไมค รบ ขอจาํ กัดในการศึกษา โดส (aOR 35.59, 95% CI 12.58–149.84) เนื่องจากเปนโรคอุบัติใหม การเสียชีวิตจึงไม ปจ จยั ทม่ี ผี ลตอ การเสยี ชวี ิตของผูปวย จาํ นวน สามารถ เลือกเคสหรือจัดกลุมปจจัยไดใกลเคียงกัน 8 ราย พบวา CFR เทา กบั รอ ยละ 0..21 เมอื่ วเิ คราะห ทางผูศึกษาจึงใชขอมูลการเสียชีวิตดวยโรคติดเชื้อ แยกตามรายหมบู าน คา CFR หมูท ่ี 8 เทากบั รอยละ ไวรัสโคโรนา 2019 ทกุ ราย 0.70 และหมทู ี่ 5 เทากบั รอ ยละ 0.56 กลมุ อายุที่พบ เสยี ชวี ติ มากทสี่ ดุ ไดแ ก มากกวา เทา กบั 60 ป รอ ยละ 87.50 สอดคลอ งกบั การศกึ ษาของปย นชุ ปฏภิ าณวตั ร (2565)(9) ศึกษาเรื่องปจจัยมีผลตอการเสียชีวิตของ ผูปวยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 โรงพยาบาล 67
วารสารสํานักงานป้ องกนั ควบคมุ โรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 ขอเสนอแนะ เอกสารอา งองิ 1. กลมุ ผสู ูงอายุ (อายุตง้ั แต 60 ปข ้นึ ไป) และ 1. อมร ลีลารัศมี.เรื่องนารูเก่ียวกับโรคติดเช้ือ มีการไมไดรับวัคซีนปองกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 จากเช้ือไวรัส SARS-CoV-2 2019 เปน ประชากรทเ่ี สยี่ งตอ การเสยี ชวี ติ รวมทงั้ จาก [อินเตอรเน็ต]. [สืบคนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม การศกึ ษาพบวา โรคประจําตวั มคี วามสมั พันธก ับการ 2565]. แหลงขอมูล : https://tmc.or.th/ เสยี ชวี ติ ดงั นน้ั กลมุ เสยี่ งดงั กลา วควรทจี่ ะเขา ถงึ วคั ซนี covid19 อยางนอยเขม็ กระตุน และไดรบั การดแู ลอยางใกลชดิ 2. กระทรวงสาธารณสขุ .สรปุ สถานการณโ รคตดิ เชอ้ื เมื่อพบติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา 2019 [อินเตอรเน็ต]. [สืบคนเมื่อ 2. การใหความรูเพ่ือเนนใหมีพฤติกรรมการ วนั ที่ 1 กนั ยายน 2565]. แหลง ขอมูล: https:// ปองกันตัวท่ีถูกตองเม่ือเขาไปประกอบอาชีพในพ้ืนท่ี ddc.moph.go.th/covid19-dashboard เสยี่ งตอ การตดิ โรคมคี วามจาํ เปน ทต่ี อ งดาํ เนนิ การเปน 3. สทิ ธชิ ยั บรรจงเจรญิ เลศิ , พศิ าล ชมุ ชนื่ . อตั ราตาย ประจาํ และตอเนอื่ ง และปจจัยที่มีความสัมพันธกับการเสียชีวิตของ 3. กลมุ เปราะบางในชุมชน เชน กลมุ ผสู งู อายุ ผูปวยโรคโควิด-19 โรงพยาบาลดําเนินสะดวก กลุมผูพิการ กลุมผูปวยติดเตียง กลุมโรคประจําตัว จังหวัดราชบุรี.วารสารวิจัยเพ่ือการสงเสริม เรื้อรัง เปนกลุมที่ตองใหความสําคัญดานสุขภาพ สุขภาพและคณุ ภาพชีวิต 2565;2(1):25-36. มีการติดตามอยางตอเน่ืองและกระตุนใหมีการเขา 4. เอกรตั น โพธทิ์ อง. ศกึ ษาการระบาดเชงิ พน้ื ทขี่ อง ถึงโปรแกรมการปองกันโรคลวงหนา เพื่อจะลดผล ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย [วิทยานิพนธ กระทบทางสุขภาพทร่ี นุ แรงเมื่อเกดิ การเจ็บปวย ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต]. พิษณุโลก : 4. การศึกษาในคร้ังนี้มีเปนการศึกษาในระดับ มหาวิทยาลยั นเรศวร; 2563. 84 หนา . ตําบลขอ มูลกลมุ ประชากรศกึ ษามีจาํ นวนนอย ดังนั้น 5. สวรรยา จนั ทูตานนท, ชพู งศ แสงสวาง. ระบาด เพอ่ื ใหไ ดข อ มลู ทเ่ี ปน ประโยชนเ พมิ่ ขน้ึ ควรขยายพนื้ ท่ี วิทยาของเช้อื ไวรสั SARS-CoV2 สายพนั ธุเบตา ศึกษาออกไปเปน ระดับอําเภอ ระดับจังหวดั (B1.351) และปจจัยเสี่ยงตอการเกิดอาการ รุนแรงในภาคใตตอนลางของประเทศไทย กิตตกิ รรมประกาศ ชวงเมษายน-กันยายน 2564. วารสารกรม ผูศึกษาขอขอบพระคุณผูรับผิดชอบงาน วิทยาศาสตรท างการแพทย 2565;2:81-92. ระบาดวทิ ยาของสาํ นกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั ราชบรุ ี 6. สปุ ราณี ลิสวสั ด,ิ์ ชนิศา ธนัตวชั รกรกุล, วิวรรธณี สํานักงานสาธารณสุขอําเภอเมอื งราชบุรี ทส่ี นับสนนุ เดชกุลทอง และคณะ. ปจจัยท่ีมีผลตอจํานวน ขอมูลทุติยภูมิสําหรับการศึกษาในคร้ังนี้ เจาหนาที่ ผูติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตําบลเจดียหัก ที่ชวย [อินเตอรเน็ต]. [สืบคนเมื่อวันที่ 1 กันยายน ในการตรวจสอบและเพม่ิ เตมิ ขอ มลู ใหม คี วามสมบรู ณ 2565]. แหลง ขอ มลู : http://www.journalgrad. ครบถว น และผบู ริหารในทุกระดับทีใ่ หก ารสนับสนนุ ssru.ac.th/index.php/8thconference/ และแนวคิดในการศึกษาในคร้ังนี้ article/view/2492 68
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 7. กชพร อินทวงศ. การสอบสวนการระบาดของ 9. ปยนุช ปฏิภาณวัตร. ปจจัยท่ีมีผลตอการ โรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 ในอาํ เภอเชยี งดาว เสียชีวิตของผูปวยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา จังหวัดเชียงใหม. วารสารสาธารณสุขลานนา 2019 (COVID-19) โรงพยาบาลกาฬสินธุ. 2565;1: 92-106. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดลอมศึกษา 2565;7 (1):64-71. 8. ศิริลักษณ ไทยเจริญ, สุกาญดา หม่ืนราษฎร, สุรชาติ โกยดลุ ย, ละมุน แสงสุวรรณ. ปจจยั เส่ยี ง ตอ การเสยี ชวี ติ ของผปู ว ยโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 จังหวัดสุราษฎรธานี [อินเตอรเน็ต]. [สบื คน เมอื่ วนั ท่ี 1 กนั ยายน 2565]. แหลง ขอ มลู : https://wesr-doe.moph.go.th/wesr_new 69
วารสารสํานักงานป้ องกนั ควบคุมโรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564 จริยธรรมการวิจยั ในคน สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแหงชาติ บทนํา ปจ จบุ นั เปน ทย่ี อมรบั วา การศกึ ษาวจิ ยั หรอื การ Declaration of Helsinki, International Ethical ทดลองในคนทําใหเกิดความเจริญกาวหนาทางดาน Guidelines for Biomedical Research Involving การแพทย เพื่อใหมีความรูเกี่ยวกับโรคระบาดวิทยา Human Subjects (CIOMS), International Ethical การเกดิ โรค สรรี พยาธขิ องโรค การวนิ จิ ฉยั การปอ งกนั Guidelines for Epidemiological Studies (CIOMS การรักษา เพ่ือยืนยนั efficacy และ safety ของยา and WHO) และ ICH GCP Guidelines ตลอดจน ทาํ ใหพ ฒั นาวธิ กี ารตรวจวนิ จิ ฉยั การปอ งกนั รกั ษาโรค กฎหมาย ขอบังคับและขอกําหนดขององคกรกํากับ และการดูแลสุขภาพใหกาวหนาข้ึน อยางไรก็ตาม ดูแลในประเทศไทย ไดแ ก คําประกาศสทิ ธิของผปู วย การศกึ ษาวจิ ยั ดา นสงั คมศาสตร พฤตกิ รรมศาสตร และ พ.ศ.2541 พระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแหง ชาติ พ.ศ.2550 มนษุ ยศาสตร ทเ่ี ขาใจวามคี วามเสี่ยงนอยตอ รา งกาย ขอบังคับแพทยสภา วาดวยการรักษาจริยธรรมแหง ของอาสาสมคั รในการวจิ ยั นนั้ อาจกอ ใหเ กดิ อนั ตราย วชิ าชพี เวชกรรม พ.ศ. 2549 หมวด 9 พระราชบญั ญตั ิ ตอจิตใจ สถานะทางสังคม ฐานะทางการเงิน และ สขุ ภาพจิต พ.ศ. 2551 ขอ บังคบั แพทยสภา วา ดว ย อนั ตรายทางกฎหมาย เชน ถกู จับกุมได ประเทศไทย การรักษาจริยธรรมแหงวิชาชีพเวชกรรม เรื่อง ยังไมมีบทบัญญัติทางกฎหมายเก่ียวกับการทดลอง การปลกู ถา ยเซลลต น กาํ เนดิ เพอ่ื การรกั ษา พ.ศ. 2552 ในคนโดยเฉพาะ (ขณะนอ้ี ยรู ะหวา งการรา ง) นอกจาก และครอบคลมุ การวจิ ยั ทางคลนิ กิ การวจิ ยั ทางระบาด พระราชบัญญัติสุขภาพแหงชาติ คําประกาศสิทธิ วิทยา การวิจัยทางสังคมศาสตร การวิจัยเกี่ยวกับ ผูปวย และขอบังคับแพทยสภาวาดวยการรักษา วัคซีน การวิจัยเกี่ยวกับเน้ือเยื่อ การวิจัยทางมนุษย จรยิ ธรรมแหง วชิ าชพี เวชกรรมแลว ผเู กย่ี วขอ งกบั การ พันธุศาสตร การวิจัยเกี่ยวกับเซลลสืบพันธุ ตัวออน วิจัยในคนใหการยอมรับหลักจริยธรรมการทําวิจัยใน และทารกในครรภ ซ่งึ สถาบนั ตางๆ ในประเทศไดใ ช คนทเี่ ปน หลกั สากล และยดึ ถอื ปฏบิ ตั มิ าอยา งยาวนาน เปนแนวทางปฏิบัติดานจริยธรรมการทําวิจัยในคน ช ม ร ม จ ริ ย ธ ร ร ม ก า ร ทํ า วิ จั ย ใ น ค น ใ น อยางกวา งขวาง ประเทศไทย ไดจัดทํา “แนวทางจริยธรรมการทํา ดานการกํากับดูแลโดยกระทรวงสาธารณสุข วจิ ยั ในคนแหง ชาติ” ครัง้ แรกในป พ.ศ. 2545 และได มีพระราชบัญญัติยาและกฎกระทรวง (Drug Act ปรับปรงุ เพิม่ เตมิ เปน “แนวทางจริยธรรมการทาํ วิจยั and Ministerial Regulations) ท่ีใชบังคับการนํา ในคนในประเทศไทย พ.ศ. 2550” เผยแพรใหส มาชกิ ยาใหม หรือเคร่ืองมือแพทยเขามาใชในการศึกษา ทั่วประเทศ ทง้ั คณะกรรมการพิจารณาจรยิ ธรรมการ วิจัย โครงการวิจัยนั้นตองไดรับการอนุมัติจากคณะ วิจัยในคนและนักวิจัยใหใชเปนแนวทางปฏิบัติดาน กรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนของสถาบันท่ี จรยิ ธรรมในการทําวิจยั ในคน แนวทางจริยธรรมการ สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาใหก ารยอมรบั วจิ ยั ในคนแหง ชาตฉิ บบั นสี้ อดคลอ งกบั หลกั จรยิ ธรรม ทั้งนี้ คณะกรรมการดงั กลาวตอ งดาํ เนินการใหเ ปน ไป สากลท่ีใชยึดถือปฏิบัติ ไดแก Belmont Report, ตามมาตรฐานสากล 70
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ปจ จบุ นั การปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องคณะกรรมการพจิ ารณา ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ จรยิ ธรรมการวจิ ยั ในหลายสถาบนั ไดพ ฒั นาเขา สรู ะบบ คณะแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร คุณภาพ และไดรับการรับรองคุณภาพจาก SIDCER รวม 11 สถาบัน เปนการใหความเช่ือมั่นวา (The Strategic Initiative for Developing Capacity อาสาสมัครในการวิจัยจะไดรับการคุมครองสิทธิ of Ethical Review) ซึง่ อยภู ายใต TDR/WHO ไดแ ก ศักด์ิศรี ความปลอดภัยและความเปนอยูที่ดี คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของกรมแพทย ตลอดระยะเวลาทอี่ ยใู นโครงการวจิ ยั และหลงั เสรจ็ สน้ิ ทหารบก (วิทยาลัยแพทยศาสตรพระมงกุฎเกลา) การวิจยั และทําใหไดผลการศกึ ษาวจิ ยั ท่เี ชอื่ ถือได คณะแพทยศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย จริยธรรมการทําวิจัยในคนฉบับนี้จะกลาวถึง กรมพัฒนาแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก หลกั จรยิ ธรรมและแนวทางปฏบิ ตั ิ หรอื การประยกุ ตใ ช กระทรวงสาธารณสขุ คณะแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลยั โดยบางสวนนํามาจาก “แนวทางจริยธรรมการทํา เชียงใหม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสุขภาพ วิจัยในคนในประเทศไทย พ.ศ. 2550” ของชมรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม มหาวิทยาลัยขอนแกน จริยธรรมการทําวิจัยในคนในประเทศไทย (Forum วิทยาลัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข จุฬาลงกรณ for Ethical Review Committee in Thailand มหาวทิ ยาลัย คณะเวชศาสตรเขตรอน มหาวิทยาลัย หรือFERCIT) หลักจริยธรรมสากล และรายงาน มหิดล คณะกรรมการกลางพิจารณาจริยธรรม โครงการสงเสริมพัฒนามาตรฐานดานจริยธรรมการ การวจิ ัย (Central Research Ethics Committee วิจัยในคน สนับสนุนโดยสํานักงานคณะกรรมการ หรือ CREC ช่ือเดิมคือ JREC) คณะแพทยศาสตร วิจยั แหงชาติ นยิ าม จริยธรรม หมายถึง หลักปฏิบัติอันเหมาะสม หมายถึง แนวทางหรือหลักเกณฑดานจริยธรรม เปนที่ยอมรับในกลุมบุคคลหรือสังคมใหยึดถือปฏิบัติ เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยและการทดลองในคน เชน สอดคลองกับหลักสากล และไมขัดตอวัฒนธรรม คําประกาศกรุงเฮลซิงกิ หรือปฏิญญาเฮลซิงกิ ประเพณขี องทองถน่ิ (Declaration of Helsinki) กฎหมาย ขอบังคับ การทาํ วจิ ยั ในคน หมายถงึ กระบวนการศกึ ษาท่ี ขอกําหนดและแนวทางท่ีองคกรกํากับดูแลระดับ เปน ระบบเพอื่ ใหไ ดม าซงึ่ ความรทู างดา นสขุ ภาพ หรอื ประเทศ (National Regulatory Authorities, NRA) วิทยาศาสตรการแพทยท่ีไดกระทําตอรางกายหรือ และสถาบันกําหนด จิตใจของอาสาสมัครในการวิจัย หรือท่ีไดกระทําตอ คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย หมายถึง เซลล สว นประกอบของเซลล วสั ดสุ ง่ิ สง ตรวจ เนอื้ เยอ่ื คณะกรรมการทสี่ ถาบนั องคก ร หรอื หนว ยงานแตง ตงั้ นา้ํ คดั หลงั่ สารพนั ธกุ รรม เวชระเบยี น หรอื ขอ มลู ดา น ข้ึนเพื่อทําหนาท่ีพิจารณาทบทวนดานจริยธรรมการ สขุ ภาพของอาสาสมคั รในการวจิ ยั และใหห มายความ วจิ ยั ของขอ เสนอโครงรา งการวจิ ยั ในคน เพอ่ื คมุ ครอง รวมถึงการศึกษาทางสังคมศาสตร พฤติกรรมศาสตร สทิ ธิ ศกั ดศิ์ รี ความปลอดภยั และความเปน อยทู ด่ี ขี อง และมนุษยศาสตร ที่เก่ียวกับสขุ ภาพ อาสาสมัครในการวิจัย คณะกรรมการจริยธรรมการ แนวทางจริยธรรมการวิจัยและการทดลองในคน วิจัยของสถาบันตองมีองคประกอบและวิธีดําเนิน 71
วารสารสํานักงานป้ องกนั ควบคมุ โรคที่ 5 ราชบุรี : ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 การมาตรฐาน (SOPs) ของคณะกรรมการจริยธรรมฯ ความหมายของ Confidentiality คือขอมูล ท่ีชัดเจนสอดคลองกับ กฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ (data) เปนวิธีการรักษาความลับของขอมูลสวนตัว และแนวทางของประเทศตลอดจนแนวทางสากล ของอาสาสมัคร โดยมีขอจํากัด ขอมูลเหลาน้ันไดแก หลักจริยธรรมการทําวิจัยในคนทั่วไป หรือ แบบบันทึกขอมูล (case report form) ใบยินยอม Belmont Report ประกอบดวยหลัก 3 ประการ (consent form) การบันทึกเสียงหรือภาพ (tape, ไดแ ก video and photo) มาตรการรักษาความลับ เชน 1. หลักความเคารพในบุคคล (Respect for ใชรหัส เก็บในตูมีกุญแจล็อค (locked cabinet) person) เก็บในคอมพิวเตอร (computer) ที่มีรหัสผาน 2. หลักคุณประโยชน ไมกอ อนั ตราย (Benefi- (password) ขอ มลู สง ทางเมลอเิ ลค็ โทรนกิ ส (e-mail) cence) มกี ารทําใหเ ปนรหสั (encrypted) 3. หลกั ความยุติธรรม (Justice) 1.4 เคารพในความเปน ผอู อ นดอย เปราะบาง (Respect for vulnerable persons) แนวทางปฏบิ ัติหลักจรยิ ธรรมขอ 1 ความหมายของ ผูออนดอย เปราะบาง คือ หลกั ความเคารพในบคุ คล (Respect for person) บุคคลที่ไมสามารถปกปองตัวเองไดอยางเต็มที่ หลักความเคารพในบุคคล คือการเคารพใน ไมสามารถทําความเขาใจกับขอมูลเก่ียวกับการวิจัย ศักด์ิศรีความเปนมนุษย (Respect for human ท่ีไดรับ ไมสามารถตัดสินใจไดโดยอิสระ เชน ผูท่ี dignity) ซึ่งเปนหลักสําคัญของจริยธรรมการทําวิจัย มีความบกพรองทางสติปญญาหรือทางจิต ผูปวย ในคน หลกั นเี้ ปนพื้นฐานของแนวทางปฏบิ ัติ ไดแ ก โรคเอดส (HIV/AIDS) ผูปวยหมดสติ (comatose) 1.1 เคารพในการขอความยินยอมโดยให ผูปวยพิการ(handicapped) นักโทษ (prisoners) ขอ มลู อยา งครบถว นและใหอ าสาสมคั รตดั สนิ ใจอยา ง นกั เรยี น นสิ ติ นกั ศกึ ษา (students) ทหาร (soldiers) อิสระ ปราศจากการขม ขู บงั คบั หรือใหส ินจางรางวัล กลมุ คนทม่ี พี ลงั อาํ นาจนอ ย (marginalized people) (Respect for free and informed consent และ เชน ผูอพยพ (immigrants) ชนกลุมนอย (ethnic Respect to autonomy of decision making) minority) กลมุ เบย่ี งเบนทางเพศ หรอื กลมุ รกั รว มเพศ 1.2 เคารพในความเปน สว นตวั ของอาสาสมคั ร (homosexuality) กลมุ เปราะบางทางสงั คม (socially (Respect for privacy) vulnerable) เชน ผใู หบ รกิ ารทางเพศ (sex workers) ความหมายของ Privacy คอื ตวั บคุ คล (person) ผตู ดิ ยาเสพติด (drug addicts) ความเปนสว นตวั สทิ ธิสวนบคุ คล พฤติกรรมสว นตวั CIOMS Guideline 13 และ 14 ระบุวาการ พฤตกิ รรมปกปด การเคารพในความเปน สวนตวั ของ ทําวิจยั ในกลุมนี้ตองมีเหตุผลสมควร (Justification) อาสาสมัคร ทําโดยจดั สถานทีใ่ นการขอความยนิ ยอม ตองขออนุญาตและมีลายเซ็นของผูแทนที่ชอบดวย และการซักประวัติตรวจรางกาย การไมมีปายระบุ กฎหมาย และมีการขออนุญาตบุคคลผูน้ันดวย ชื่อคลนิ ิก เชน “คลนิ ิกโรคเอดส” “คลนิ กิ ยาเสพติด” การทาํ วจิ ยั ในเดก็ ไมส มควรทาํ การศกึ ษาในสถานเลยี้ ง 1.3 เคารพในการเกบ็ รกั ษาความลบั ของขอ มลู เด็กกําพรา ยกเวนอาสาสมัครเด็กกําพราอาจจะได สว นตวั ของอาสาสมคั ร(Respectforconfidentiality) รับประโยชนโดยตรง หรือผลการวิจัยอาจจะเกิด 72
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 ประโยชนตอกลุมเด็กกําพราคนอื่นๆ และอนุโลม ไมใ ชป ระโยคทแี่ สดงการบงั คบั ลดสทิ ธิ ชกั จงู ใหผูดูแลเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกําพราเปนผูให หรือใหป ระโยชนเ กนิ ไป ความยินยอม ทงั้ น้ี ตองดาํ เนนิ การขอ assent ตาม เปนการสื่อสาร 2 ทางแลกเปลี่ยนขอมูล ขอ กาํ หนดเชน กัน ระหวางผูวิจัยและอาสาสมัครท่ีไดรับเชิญใหเขารวม การใหความยินยอมโดยไดรับขอมูล เปน ในการวจิ ัย กระบวนการ (Informed Consent process) เรม่ิ ตน เปนกระบวนการตอเน่ืองและอาจมีการ จากการติดตอคร้ังแรก (initial contact) และ เปลี่ยนแปลงได (reconsent) ตลอดระยะเวลาที่รว ม กระบวนการตอเน่ืองไปตลอดระยะเวลาการศึกษา ในการวิจัย วจิ ยั ประกอบดว ย 3 องคป ระกอบ (elements) ไดแ ก อาจขอความยินยอม ดว ยวาจา (verbal/by 1) Information ใหขอ มูลครบถวนไมปด บงั action โดยมีเหตผุ ลเหมาะสม) หรอื ดวยการลงนาม 2) Comprehension ผูรับขอมูลมีความ (written) เขาใจอยางถองแท ผูขอความยินยอมตองตรวจสอบ อาจขอความยินยอมจาก อาสาสมัคร หรือ ความเขาใจของผูท่ีไดรับเชิญใหเขารวมเปน ผูแ ทนโดยชอบดวยกฎหมาย (อายุตํ่ากวา 18 ป หรอื อาสาสมัครในการวิจัย ผูท่ีอยูในภาวะที่ไมมีความสามารถทําความเขาใจ 3) Voluntariness ตดั สนิ ใจโดยอสิ ระ (เขา รว ม หรือตัดสินใจ ผปู ว ยหมดสต)ิ การวิจัย/ถอนตัวออกจากการวิจัย) โดยปราศจาก ใหขอมูลครบถวน ตอบคําถามทุกขอ การขูบังคับ (free of coercion) การชกั จูงเกนิ เหตุ ตรวจสอบวา อาสาสมัครเขา ใจ (undue inducement) และแรงกดดนั (unjustifiable เอกสารขอ มลู สาํ หรบั เดก็ 7-12 ขวบ ใหใ ช pressure) ภาษางา ยที่เหมาะสมกบั เด็ก แบบฟอรมการใหความยินยอมโดยไดรับ ใหเ วลาอาสาสมคั รอยา งเพยี งพอทจี่ ะปรกึ ษา ขอมูล (Informed Consent Form หรือ ICF) กบั ครอบครวั หรอื บคุ คลอน่ื กอ นการตดั สนิ ใจโดยอสิ ระ ที่สมบรู ณตองประกอบดวย 2 สวน ไดแ ก ถา อาสาสมคั ร/ผแู ทนโดยชอบดว ยกฎหมาย 1) เอกสารขอ มลู คาํ อธบิ ายสาํ หรบั ผเู ขา รว มเปน ไมส ามารถอา น หรอื เขียนได ตองมพี ยานท่ีเปนกลาง อาสาสมัครในการวิจัย (participantinformation (impartial witness) อยูดวยตลอดเวลาท่ีขอ sheet) ความยนิ ยอม 2) เอกสารแสดงความยินยอมเขารวมการวิจัย ผูใหความยินยอม/พยาน ลงนามและวันที่ (consent form) ดวยตนเอง (การลงนามไมส าํ คญั เทา กระบวนการ) ใหเอกสารขอมูลแกอาสาสมคั รไว 1 ชดุ คําแนะนาํ การเตรยี มเอกสาร ใหสาํ เนาใบยนิ ยอมแกอ าสาสมัครไว 1 ชุด ใชสรรพนามใหถูกตอง ขอความเขาใจงาย ชัดเจน ภาษาชาวบา น ประโยคสัน้ ๆ กะทดั รดั ไมใ ชศ ัพทท างวิชาการ และภาษาองั กฤษ 73
วารสารสํานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี : ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564 เอกสารขอมูลคําอธิบายสําหรับอาสาสมัคร 16. เหตุผลท่ีอาจถอนอาสาสมัครออกจาก ผูเขารวมการวิจัย (participant information การวิจัย sheet) CIOMS Guideline 5 ระบุขอมลู ท่จี าํ เปน ใน 17. ระยะเวลาท่ีอาสาสมคั รเขา รวมในการวจิ ัย เอกสารขอ มลู ฯ (essential information) ไดแก 18. จาํ นวนอาสาสมคั ร 1. ระบวุ า เปน โครงการวจิ ัย 2. วัตถุประสงคห รือจุดมงุ หมายของการวิจัย การยกเวน การขอความยินยอม 3. การรกั ษาทจ่ี ะใหแ ละโอกาสทอ่ี าสาสมคั รจะ CIOMS Guideline 4 ระบุวาผูวิจัยไมควรทํา ไดรบั การสุม เขากลมุ ศกึ ษา (ถาม)ี วจิ ยั โดยไมไ ดร บั informed consent จากอาสาสมคั ร 4. ข้ันตอนวิธีดําเนินการวิจัยที่จะปฏิบัติตอ ยกเวน วา ไดร บั การพจิ ารณาอนมุ ตั /ิ รบั รอง (approval) อาสาสมคั ร จากคณะกรรมการจรยิ ธรรมการวจิ ยั และการวจิ ยั นนั้ 5. หนาท่ี/รบั ผดิ ชอบของอาสาสมัคร มคี วามเสย่ี งไมเ กนิ “ความเสย่ี งนอ ย (minimal risk)” 6 ความเสยี่ งจากการวจิ ยั ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ กบั อาสา การขอความยินยอม ไมสามารถทําไดในทางปฏิบัติ สมัคร เปนภาวะฉุกเฉิน (emergency, impractical or 7. ประโยชนที่อาสาสมัครอาจไดรับโดยตรง impossible) คณะกรรมการจรยิ ธรรมฯ อาจพจิ ารณา หากไมไดรับประโยชนตองระบุดวย และประโยชน ใหย กเวนขอมลู บางสว นหรอื ทง้ั หมด อาจอนมุ ัติใหใช อ่ืนๆ เชน ประโยชนตอผูปวยรายอื่น ประโยชนตอ วิธีใหความยินยอมโดยการรวมมือ (consent by ชุมชน action) เชนการตอบแบบสอบถามโดยกลุมหญิง 8. วิธีการรักษาที่เปนทางเลือกอ่ืน หากไม อาชีพพิเศษ ผูติดยาเสพติด ผูเบี่ยงเบนทางเพศ เขา รวมเปนอาสาสมคั รในการวจิ ยั ผูถกู ลวงละเมิดทางเพศ 9. คาชดเชยกรณีเกิดอันตราย โดยอาจทํา การวิจัยท่ีใชแฟมประวัติผูปวย (medical ประกนั ชวี ติ หรอื ระบวุ า ผวู จิ ยั และผสู นบั สนนุ การวจิ ยั records) และตัวอยางทางชีวภาพ (biological เปนผูรบั ผิดชอบคาใชจา ย specimens) 10. คาเดินทาง คา เสยี เวลา และความไมส ะดวก การใช medical records และ biological ไมส บายฯ (ถา ม)ี specimens จากการใหบริการเพ่ือการวิจัย 11. คาใชจายท่ีอาสาสมัครตองจายเอง (ถามี) ถา ทําตาม พ.ร.บ สขุ ภาพแหง ชาติ มาตรา 9 จะตอ ง และคา ใชจา ยทผ่ี วู ิจยั /ผูส นับสนนุ การวจิ ัยรบั ผิดชอบ ขอความยินยอม แตในการปฏิบัติอาจขอยกเวน 12. การเขา รวมเปนอาสาสมคั รในการวิจยั หรือ การขอความยินยอมถาผูวิจัยแสดงเหตุผลสมควร การถอนตวั ออกจากการวจิ ยั โดยสมัครใจ และคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยของ 13. ระบุการเก็บรักษาความลับและขอบเขต สถาบนั อนมุ ัติ เชนกรณดี ังตอ ไปน้ี การรักษาความลับ ใครสามารถเขาถงึ ขอ มูลความลบั การวจิ ัยนน้ั จะตอบคาํ ถามทส่ี ําคญั มาก 14. การใหขอมลู ใหมในระหวางดําเนินการวิจัย การวจิ ยั มี minimal risk 15. บคุ คลทอี่ าสาสมคั รจะตดิ ตอ และรบั แจง เหตุ ไมมีการลวงละเมิดสิทธิหรือประโยชนของ ผูปวย 74
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 รับรองวาจะรักษาความลับและความเปน ใหผ ปู กครองลงนามใน assent form ของ สวนตวั เดก็ ดว ย การขอความยินยอมไมสามารถทําไดในทาง เดก็ อายเุ กนิ 12 - ตาํ่ กวา 18 ป ใหใ ชเ อกสาร ปฏบิ ัติ ขอมูลที่มีขอความเหมือนฉบับสําหรับผูปกครองได การวจิ ยั ในสถานการณฉ กุ เฉนิ (Research in โดยปรับสรรพนามใหส อดคลอ ง Emergency Situations) การกําหนดอายุของเด็กที่จะให assent การวิจัยในผูปวยท่ีไมสามารถใหความ อาจแตกตางกนั ในแตล ะสถาบัน ยินยอมได เชนมีปญหาท้ังรางกายและจิตใจ เชน ผขู อความยินยอม หมดสติไมรูสึกตัวเปนโรคจิตเภท กรณีนี้จะทําได ตองระมัดระวังเปนพิเศษหากแพทยเปน ก็ตอเม่ือสภาวะทางกายและจิตใจนั้นเปนลักษณะ ผูดูแลผูปวยที่แพทยจะเชิญเขารวมการวิจัย เพราะ ของประชากรที่จะใชในการวิจัย ในสถานการณ ผูปวยอาจใหความยินยอมดวยความเกรงใจ หรือ เชนน้ี แพทยควรขความยินยอมจากผูแทนโดยชอบ เหมือนถูกบงั คับ ดวยกฎหมาย ผขู อ informed consent ควรเปนผทู ไ่ี ดร ับ ถาไมมีผูแทนโดยชอบดวยกฎหมาย และ การอบรมและมคี วามรูอยา งดีเกีย่ วกบั การวจิ ยั การวจิ ัยไมส ามารถรอได (delay) ใหทาํ การศึกษาได เปนผทู ไ่ี มมคี วามสัมพนั ธก บั อาสาสมคั ร โดยไดรับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมฯ การขอความยินยอมใหม (reconsent) หรือ และใหข อความยนิ ยอมจากผปู ว ย หรอื ผแู ทนโดยชอบ ขอความยนิ ยอมเพ่มิ เตมิ (additional consent) ดวยกฎหมายในทนั ทีท่ีทําได ระหวางดําเนินการวิจัยเมื่อมีการเปล่ียนแปลง ผูวิจัยควรพยายามหากลุมประชากรที่มี ใดๆ ที่จะมีผลตอการตัดสินใจของอาสาสมัคร แนวโนม วา จะเกดิ ภาวะ (condition) ทผี่ วู จิ ยั ตอ งการ ในการอยูในการวิจัยหรือถอนตัวออกจากการวิจัย ศึกษา แลวเชิญเขารวมการวิจัย ขอความยินยอม เชน มีขอมลู ใหมเ พ่มิ ขึน้ มกี ารตรวจบางอยางเพิม่ ขนึ้ ลวงหนาในขณะที่ผูปวยอยูในสภาวะที่สามารถให มกี ารเปล่ียนแปลงวธิ วี จิ ยั ฯลฯ ความยินยอมได แนวทางปฏบิ ัตหิ ลกั จรยิ ธรรมขอ 2 ความเส่ียงที่อาจเกิดข้ึนการใหส่ิงทดสอบ หลักคณุ ประโยชน ไมก ออนั ตราย (Beneficence) หรือ intervention และวธิ ีการวิจัย จะตองมเี หตุผล การประเมินความเสยี่ ง หรืออนั ตรายที่อาจเกิด สมควร (justified) จากการวจิ ัย ไดแ ก การขอความยนิ ยอมโดยไดร บั ขอ มลู ในอาสาสมคั รเดก็ 1) อนั ตรายตอรางกาย (Physical harm) (Assent of the child) 2) อันตรายตอ จติ ใจ (Psychological harm) เดก็ อายุ 7 - ตํา่ กวา 18 ป ใหข อ assent 3) อันตรายตอสถานะทางสังคม และฐานะ “การยอมตาม” ทางการเงนิ (Social and economic harms) เดก็ อายุ 7 -12 ป ใหมีเอกสารขอมลู ฉบับที่ 4) อนั ตรายทางกฎหมาย เชน ถูกจับกมุ งายสาํ หรบั เดก็ ทจี่ ะเขา ใจได อาจมรี ปู ภาพ ประกอบคาํ อธิบาย 75
วารสารสาํ นกั งานป้ องกันควบคมุ โรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 การประเมินการใหค ุณประโยชน (Benefit) ห ลั ก คุ ณ ป ร ะ โ ย ช น ไ ม ก อ อั น ต ร า ย 1) ประโยชนที่ผูปวยที่เขารวมการวิจัยไดรับ (Beneficence) โดยตรง ก า ร พิ จ า ร ณ า ว า มี “ ค ว า ม เ สี่ ย ง น อ ย 2) ประโยชนท่ีผูปวยคนอ่ืนจะไดรับจากผล (minimal risk)” มีตัวอยางดงั นี้ การศกึ ษา การศึกษาทดลองทางสรีรวิทยาเกี่ยวกับ 3) ประโยชนตอวงการวทิ ยาศาสตร หรอื สังคม การออกกาํ ลงั กาย 4) ประโยชนต อ ชุมชนทอ่ี าสาสมัครอยู การเกบ็ ตัวอยางปส สาวะ การวดั สวนสูง ช่งั น้าํ หนกั ตัว การใหค ณุ ประโยชน (Benefits) อาจเปนได การเก็บตัวอยางโดยตัดเล็บหรือตัวอยางผม หลายรปู แบบ ไดแ ก ปริมาณเลก็ นอย 1) ประโยชนท างรา งกาย (Physical benefits) การประเมนิ เกยี่ วกับพัฒนาการ เชน อาการของโรคดขี นึ้ (Improvement of disease) การตรวจรา งกายทีเ่ ปนวธิ ปี กติ (routine) 2) ประโยชนทางดานจิตใจ (Psychological การสังเกตการณเก่ียวกับพฤติกรรม benefits) เชน รูสึกสบายขึ้นจากความทุกขทรมาน โภชนาการ หรอื การเปลี่ยนแปลงโภชนาการ (Comfort from suffering) รูสึกวาไดชวยผูอื่น การเจาะเลอื ดเพยี งครง้ั เดยี วจากหลอดเลอื ด ในอนาคต (Feeling of helping others in the ดาํ ของผูใหญหรอื เด็กโตสุขภาพดี future?) 3) ประโยชนทางดานเศรษฐานะ (Economic แนวทางปฏิบัตหิ ลกั จริยธรรมขอ 3 benefits) เชน ไดรับเงินจากการเขารวมในการ หลักความยตุ ธิ รรม (Justice) วิจัย (Financial benefits related to research การใหความเปนธรรมประเมนิ จาก participation?) 3.1 การเลือกอาสาสมัคร (Selection of 4) ประโยชนตอวงการวิทยาศาสตร / สังคม Subjects) (Benefit to science/society) เชน ไดค วามรูท ่ีนํา มเี กณฑก ารคัดเขา และคดั ออกชัดเจน ไปใชได (Generalizable knowledge) ไดวธิ กี ารทมี่ ี ไมมอี คติ (selection bias) ประสทิ ธภิ าพใชใ นอนาคต (Effective interventions ไมเ ลือกกลมุ ตัวอยางท่หี างา ย ส่งั งาย คนจน in the future) เปลี่ยนแปลงวธิ กี ารรกั ษามาตรฐาน ผูดอยการศึกษา ทําใหลดความพิการและลดอัตราตาย (Change in 3.2 การจดั อาสาสมัครเขา กลมุ ศึกษา practice standards decreasing morbidity and มีการสมุ เขากลุมศกึ ษา (randomization) mortality) ชง่ั นํ้าหนกั ระหวา งประโยชน และความเส่ียง 1) ผูวิจยั ตอ งลดความเสี่ยงใหน อ ยที่สดุ 2) เพม่ิ คุณประโยชนม ากทีส่ ดุ 76
The office of disease prevention and control 5, Ratchaburi province Journal : Volume 5 No. 2 Jul-Dec 2021 สรุปแนวทางปฏบิ ตั ิ 1. ผวู จิ ยั ตอ งเขยี นขอ เสนอโครงรา งการวจิ ยั ทมี่ ี หรือประโยชนอ่ืนๆ อาจเกิดความเส่ียงอะไรตอตัว พนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตรถ กู ตอ ง (Scientific validity) อาสาสมคั ร ผวู จิ ยั จะเกบ็ รกั ษาความลบั ของอาสาสมคั ร 2. ในระเบียบวิธีวิจัย หรือวิธีดําเนินการวิจัย โดยในแบบบนั ทกึ ขอมูลจะไมมี identifier ทจ่ี ะระบุ กอนจะดําเนนิ การใดๆกับอาสาสมัคร เชน การตรวจ ถงึ ตัวอาสาสมัคร คัดกรอง (screening) ผูวิจัยตองเขียนขั้นตอน หลักความยุติธรรม (Justice) คือมีเกณฑ กระบวนการขอความยินยอมกอน ไดแก ผูที่จะทํา การคัดเขาและออกชัดเจน ไมมีอคติ มีการกระจาย หนาท่ีขอความยินยอม สถานที่ท่ีจะขอความยินยอม ประโยชนและความเส่ียงอยางเทาเทียมกันโดยวิธี การใหขอมูลคําอธิบาย ฯลฯ ตอบขอสงสัย ใหเวลา การสุม ตัดสนิ ใจโดยอสิ ระกอ นลงนามใหค วามยนิ ยอม 4. ผูวิจัยเสนอตารางแผนการดําเนินการวิจัย 3. เพื่อแสดงวาผูวิจัยจะปฏิบัติตามหลัก ทง้ั นข้ี นั้ ตอนการทดลองกบั อาสาสมคั ร การเกบ็ ขอ มลู จริยธรรมการวจิ ัยในคน (Ethical principles) ผวู ิจัย จะตองดําเนินการหลังจากขอเสนอโครงรางการ จะตองเขียนหัวขอ “ขอพิจารณาดานจริยธรรมการ วิจัยไดรับการพิจารณาอนุมัติหรือรับรองจาก วิจัย (Ethical consideration)” โดยวิเคราะหตาม คณะกรรมการจรยิ ธรรมการวจิ ยั แลว เสมอ หลักจริยธรรมการวิจัยในคน 3 ขอ แตละขอผูวิจัย ทําอยางไรตามที่ไดกลาวไวในแนวทางปฏิบัติขางตน หมายเหตุ : ผวู จิ ยั สามารถเขา ดตู วั อยา งเอกสาร ไดแก เอกสารขอ มูลฯ และใบยนิ ยอมตนแบบ (template) หลักความเคารพในบุคคล (Respect for จาก web site ของ CREC (Central Research Ethic person)โดยการขอความยินยอมจากผูท่ีเปนกลุม Committee) ท่ีอยูภายใตสํานักงานคณะกรรมการ ประชากรเปาหมายของการวิจัย ใหเขารวมเปน วจิ ัยแหง ชาติ อาสาสมคั รในการวจิ ัย อางอิง : ระบบขอมูลสารสนเทศวิจัยและ หลักการใหประโยชน ไมกอใหเกิดอันตราย นวัตกรรมแหงชาติ. จริยธรรมการวิจัยในคน (Beneficence/Non-maleficence) โดยระบุวา [อินเทอรเน็ต]. [สืบคนเม่ือวันที่ 1 ตุลาคม 2565]. อาสาสมคั รจะไดร บั ประโยชนห รือไม ประโยชนอ ะไร แหลง ขอมลู : https://nriis.go.th/ 77
วารสารสํานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที่ 5 ราชบรุ ี : ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 78
Search