Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงร่างงานวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เสาวนีย์

โครงร่างงานวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เสาวนีย์

Published by doliverpooldo, 2021-09-22 18:21:29

Description: โครงร่างงานวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เสาวนีย์

Search

Read the Text Version

โครงร่างวิจัย โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวดั เชียงใหม่ การพฒั นาแบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เรอ่ื ง การอ่านจบั ใจความสาคญั ประกอบการจัดการเรียนรู้รูปแบบ SQ3R สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่ ปีการศึกษา 2564 นางสาวเสาวนยี ์ ต๊ะตา๋ ตาแหน่ง ครผู ชู้ ว่ ย กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่ สังกัดสานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

โครงร่างวจิ ัย ชอ่ื เรอื่ ง การพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการ จัดการเรยี นรู้รูปแบบ SQ3R สำหรับนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ผวู้ จิ ัย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจม่ จังหวดั เชยี งใหม่ ปีการศกึ ษา นางสาวเสาวนีย์ ตะ๊ ต๋า 2564 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและ เสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติใหม้ คี วามเป็นไทย เป็นเคร่ืองมือในการติดต่อสื่อสาร เพื่อสร้างความเขา้ ใจ และความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบธรุ ะ การงานและดำเนินชีวิตร่วมกันในสังคมประชาธปิ ไตย ได้อย่างสันติสุข (กาญจนา ภูสมศรี, 2552 : 1) ภาษาเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ และประสบการณ์จาก แหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิด ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (บุญชู สนสกุล, 2553 : 1) อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิทยาการในสาขา ต่าง ๆ เป็นสื่อกลางในการสืบทอดและเป็นหลักฐานของวัฒนธรรม ทำให้เราสามารถศึกษาถ่ายทอด เพื่อการ อนุรักษ์และสร้างสรรค์ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยสืบต่อกันมา หากทุกวงการตระหนักในคุณค่าของ ภาษาไทย และปรับปรุงเรื่องการใช้ภาษาติดต่อสื่อสารระหว่างกันให้มีประสิทธิภาพก็จะเกิดผลในทาง สร้างสรรค์ (ชนิกา คำพุฒ, 2551 : 1) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มุ่งหมายจัดการศึกษาตามมาตรา 6 การจัดการศึกษา ต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มี จริยธรรมและวฒั นธรรมในการดำรงชีวติ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อืน่ ได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศกึ ษาธิการ : 4) และมาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และ ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ โดยจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันแก้ปัญหาและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กอรปกับมีการเปลี่ยนแปลง อยา่ งรวดเรว็ ของสังคมและเทคโนโลยี ก่อใหเ้ กดิ ทงั้ ผลดีและผลเสยี ต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของบุคคล ทำ ใหเ้ กิดความยุ่งยากซบั ซ้อนมากยิ่งข้ึน จำเป็นต้องปรับเปลีย่ นการดำเนินชีวติ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และมีความสุข (ดวงพร เฟื่องฟู, 2560 : 12) และในมาตรา 23 เน้นการจัดการศึกษา ในระบบและตามอัธยาศัย ให้ความสำคัญในการบูรณาการความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ตามความ เหมาะสมของระดับการศึกษา (นติ ยา ผูกเกษร, 2551 : 12) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซึ่งเป็นกำลังของ ชาติใหเ้ ปน็ มนษุ ย์ที่มคี วามสมดุลทั้งดา้ นรา่ งกาย ความรู้ คณุ ธรรม มีจติ สำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็น พลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และ ทกั ษะพ้นื ฐาน รวมทั้งเจตคติท่จี ำเป็นตอ่ การศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวติ โดยมงุ่ เนน้

ผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ 2551 : 4) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดสาระและ มาตรฐานการเรียนรู้เป็นเกณฑ์ในการกําหนดคณุ ภาพของผู้เรยี น เน้นการสอนภาษาในฐานะเครือ่ งมือของการ เรยี นรู้ เพ่ือให้นักเรยี นสามารถแสดงความรู้ได้ดว้ ยตนเอง มุ่งส่งเสริมการสอนภาษาเพ่ือพฒั นาความคิด ผู้เรียน ต้องมีประสบการณ์มากพอที่จะสร้างความคิดได้ลึกซึง้ ขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นให้ผู้เรียนรกั ภาษาไทย ในฐานะที่ เป็นวัฒนธรรมของชาติ (กรมวิชาการ, 2550 : 2) ด้วยเหตุนี้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยจึงได้นําแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดทําเป็นสาระการเรยี นรู้ มาตรฐานวิชา ภาษาไทย โดยกําหนดคุณภาพของผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้นไว้อย่างชัดเจนตามโครงสร้างของหลักสูตร (กรม วิชาการ, 2544 : 12) โดยเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้ง 5 สาระ ได้แก่ สาระที่ 1 การอ่าน ในด้านการอ่านโดยใช้ กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อนำไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการ อ่าน สาระที่ 2 การเขียน สามารถใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน เรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศเละรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ สาระท่ี 3 การฟัง การดแู ละการพูด สามารถเลือกฟงั และดอู ย่างมวี จิ ารณญาณ พดู แสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษา เข้าใจธรรมชาติของภาษา และหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา พลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็น สมบัติของชาติ และสาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรมไทยอย่างมีคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ดังนั้นการเรียนภาษาไทย จึงต้องเรียนรู้เพื่อให้ เกิดทักษะอย่างถกู ตอ้ ง ผู้เรียนต้องฝกึ ฝนจนเกิดความชำนาญ ในการใช้ภาษาเพื่อการสือ่ สารนัน้ การอ่าน การ ฟัง การดู เป็นทักษะการรับรู้เรื่องราวความรู้และประสบการณ์ ส่วนการพูดและการเขียนเป็นทักษะของการ แสดงออกด้วยการแสดงความคิดเห็น ความรู้ และประสบการณ์ การเรียนภาษาไทยจึงต้องเรียนเพื่อการ สื่อสารให้สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างพินิจพิเคราะห์และมีประสิทธิภาพ รวมถึงเพื่อให้ผู้เรียนมีเหตุผล สามารถใช้ภาษาเพื่อพัฒนาตนเองและส่งเสริมการเรียนรู้ในกลุ่มวิชาประสบการณ์อื่น ๆ การรู้จักวัฒนธรรม ประจำชาตอิ ีกทงั้ การฝึกปฏบิ ตั ติ นให้ถูกตอ้ งตามข้อปฏิบตั แิ ละหลักเกณฑ์ (สารสนิ เล็กเจรญิ , 2554 : 14) การอ่านเป็นสาระที่ 1 ของกลุ่มสาระการเรียนรูและในมาตรฐานที่ ท 1.1.2 กำหนดให้ผู้เรียนมี ความสามารถในการจับใจความสำคัญจากเรือ่ งทีอ่ ่าน การอ่านมีความสำคัญต่อชวี ิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนโตและ จนกระทั่งถึงวัยชรา การอ่านทำให้รู้ข่าวสารต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ ผู้อ่านมีความสุข มีความหวัง และมีความอยากรู้อยากเห็น อันเป็นความต้องการของมนุษย์ทุกคน การอ่านมี ประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง คือ พัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต ทำให้เป็นคนทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์และมีความอยากรู้อยากเห็น การจะพัฒนาประเทศเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ต้องอาศัย ประชาชนท่ีมคี วามรู้ความสามารถ ซงึ่ ความรู้ตา่ ง ๆ กไ็ ดม้ าจากการอ่านนน่ั เอง (ฉวีวรรณ คหู าภินนั ท์ม, 2542 : 11) การอ่านหนังสือนั้น มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตคนเราอย่างยิ่ง ประการแรก การอ่านหนังสือ ทำให้ไดเ้ นื้อหาสาระความรู้มากกว่าการศึกษาหาความร้ดู ว้ ยวธิ ีอื่น ๆ ประการทส่ี อง ผูอ้ า่ นสามารถอ่านหนังสือ ได้โดยไม่มีการจำกัดเวลาและสถานที่ สามารถนำไปไหนมาไหนได้ ประการที่สาม หนังสือเก็บได้นานกว่าส่ือ อย่างอน่ื ซง่ึ มีอายุการใช้งานจำกัด ประการทีส่ ี่ ผ้อู า่ นสามารถฝกึ การคดิ และสร้างจนิ ตนาการไดเ้ องในขณะอ่าน ประการที่ห้า การอ่านส่งเสริมให้มีสมองดี มีสมาธินานกวา่ และมากกว่าส่ืออยา่ งอื่น ทั้งนี้เพราะขณะอ่านจติ ใจ จะต้องมุ่งมั่นอยู่กับข้อความ พินิจพิเคราะห์ข้อความนั้น ๆ ประการที่หก ผู้อ่านเป็นผู้กำหนดการอ่านได้ด้วย ตนเอง จะอ่านคร่าว ๆ อ่านละเอียด อ่านข้ามหรืออ่านทุกตัวอักษร เป็นไปตามใจของผู้อ่านหรือจะเลือกอ่าน

เลม่ ไหนก็ไดเ้ พราะหนังสือมีมากสามารถเลือกอ่านได้เอง ประการที่เจ็ด หนงั สอื มหี ลากหลายรูปแบบและราคา ถูกกว่าสือ่ อยา่ งอ่ืน จึงทำให้สมองของผอู้ า่ นเปดิ กว้างแนวคิดและทัศนคติได้มากกวา่ ทำใหผ้ ้อู า่ นไมย่ ดึ ติดอยู่กับ แนวคิดใด ๆ โดยเฉพาะ และประการสุดท้าย ผู้อ่านเกิดความคิดเห็นได้ด้วยตนเอง วินิจฉัยเน้ือหาสาระไดด้ ้วย ตนเอง รวมทั้งหนังสือบางเลม่ สามารถนำไปปฏิบัติแลว้ เกิดผลดี (จติ นา ใบกาซูยี, 2543 : 23) ทุกคร้ังท่ีอ่านจะ มีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกนั ออกไป อาทิ อา่ นเพ่ือความรู้ อ่านเพ่ือความเข้าใจ อา่ นเพือ่ แสดงความคิดเห็น อ่าน เพือ่ วิจารณ์ อ่านเพื่อทดสอบความเข้าใจ (กรมวชิ าการม, 2541 : 24) ทุกคร้ังที่อ่านต้องมีการต้ังจุดมุ่งหมายใน การอ่าน ควรแปลงหัวเรื่องเป็นคำถามให้ติดเป็นนิสัย โดยการตั้งคำถามแบบเปิดว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร (สมพร จารุนัฎ, 2549 : 46) และขณะที่อ่านจับใจความควรจำแนกแยกแยะองค์ประกอบของสิ่งหนึ่ง สิ่งใดออกเป็นส่วน ๆ เพื่อค้นหาว่าทำมาจากอะไร ประกอบขึ้นมาได้อย่างไร เชื่อมโยงกันอย่างไร (เกรียงศักด์ิ เจริญวงศ์ศกั ด,์ิ 2546 : 2) การอ่านจับใจความนับว่าเป็นหัวใจของการอ่าน การจับใจความอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ผู้อ่านรู้ และเข้าใจเรื่องราวตา่ ง ๆ ที่อ่านได้ ผู้อ่านจึงสามารถนำความรู้ไปพัฒนาตนเอง ความเข้าใจในการอ่านถือเปน็ หวั สำคัญของการอ่าน เพราะว่า ถ้าผอู้ า่ นไม่สามารถเขา้ ใจในส่ิงท่ีอ่าน และไม่สามารถจับใจความสำคัญของสิ่ง ที่อ่านได้ ผู้อ่านก็ไม่สามารถที่จะนำความรู้ และข้อเสนอไปใช้ปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองได้ การอ่านน้ัน จึงถือว่าเป็นการอ่านที่ไม่สมบูรณ์ (ศิริวรรณ, 2541 : 40) ดังนั้นจึงกล่าวสรุปได้ว่า การอ่านมีความสำคัญและ จำเปน็ อยา่ งยงิ่ ในการพฒั นาสติปญั ญา ความรู้ ความสามารถ ประสบการณใ์ นการดำเนินชีวติ และการอ่านจับ ใจความที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ผู้อ่านรับรู้สาระเรื่องราวของเรื่องที่อ่านด้วยความเข้าใจ และสามารถนำ สาระความรจู้ ากเรื่องทอี่ า่ นมาพฒั นาปรับตนเองให้เข้ากับสถานการณ์การเปลย่ี นแปลงไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ทำให้ มีคณุ ภาพชวี ติ ทีด่ แี ละอยูใ่ นสังคมอย่างมคี วามสุข ปัจจุบันการเรียนการสอนภาษาไทยในภาพรวมทั้งประเทศไม่เกิดประสิทธิผลเท่าที่ควร นักเรียนจบ การศึกษาในระดับประถมศึกษา บางคนยังไม่สามารถใช้ทักษะต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเปน็ การฟัง การอ่าน การพูด และการเขียน ดังคำกล่าวของ (พันทิพย์ เกื้อเพชร, 2545 : 53) กล่าวว่า อุปสรรคปัญหาที่พบในการเรียนวชิ า ภาษาไทย คือ การขาดทักษะการอ่าน โดยเฉพาะการอ่านในระดับพื้นฐาน คือ การอ่านจับใจความสำคัญของ สาร ซง่ึ จะต้องผ่านการฝึกฝนการอ่านเป็นอย่างดี จากการวเิ คราะห์ปัญหา พบว่า ปญั หาทส่ี ำคัญ คือ นอกจาก ครูจะไม่ได้จดั ทำแผนการจัดการเรียนรู้และนวัตกรรมประกอบการสอน ครูไม่ไดใ้ ห้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตาม แผนการสอน ครูไม่ส่งเสริมให้นักเรียนค้นคว้าหาคำตอบหรือปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษา คุณลักษณะของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ เรียนในกลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย แล้วพบว่า นักเรยี นมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความ สำคัญต่ำและขาดทักษะความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญที่ถูกต้อง นักเรียนยังไม่เข้าใจหลักเกณฑ์ ในการอ่านจับใจความสำคัญในรูปของนามธรรมที่ถูกต้อง ตลอดจนมีผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนภาษาไทยโดย เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ซึ่งการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ เป็น สิ่งที่ต้องอาศัยการฝึกหัดต่อเนื่องของกิจกรรมแต่ละเนื้อหา ต้องมีการวางแผนการสอนล่วงหน้าและต้อง คำนงึ ถึงการเสริมสร้างประสบการณ์ที่ถูกต้องให้แก่นกั เรยี น ครยู ังไมม่ ีระเบียบแบบแผนในการจัดการเรียนการ สอนอนั เปน็ แกน่ แท้ในการสอนภาษาไทย เรอื่ ง การอา่ นจบั ใจความสำคญั โดยนำเอาสื่อนวัตกรรมมาใช้ในการ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะการอ่าน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ตาม มาตรฐานและตวั ชว้ี ดั ท่กี ำหนดไว้ (วชิ าการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31. 2561) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดสำนัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ

สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีนักเรียนจำนวน 920 คน โดยโรงเรียนได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาการ เรยี นรู้ของนักเรยี นกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ดังนี้ ตาราง 1 แสดงผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรยี น ราชประชานเุ คราะห์ 31 ปีการศึกษา 2561 - 2563 ปีการศึกษา ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน (รอ้ ยละ) เป้าหมาย (รอ้ ยละ) 2561 75 80 2562 70 80 2563 70 80 ทม่ี า : วิชาการ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31, 2563 จากตาราง 1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 ปีการศึกษา 2561 – 2563 มีเป้าหมายการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนร้อยละ 80 โดยพบวา่ ปีการศกึ ษา 2561 นักเรยี นมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเทา่ กับร้อยละ 75 ปกี ารศกึ ษา 2562 นักเรียน มผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรียนเท่ากับรอ้ ยละ 70 และปกี ารศกึ ษา 2563 เทา่ กบั รอ้ ยละ70 ซึ่งมีคะแนนตำ่ กว่าเกณฑ์ ท่โี รงเรียนกำหนดไว้ คือ ร้อยละ 80 ตาราง 2 แสดงผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 โรงเรยี น ราชประชานุเคราะห์ 31 จำแนกตามหนว่ ยการเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2561 – 2563 ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2561 ปีการศกึ ษา 2562 ปกี ารศกึ ษา 2563 คะแนน เป้าหมาย คะแนน เปา้ หมาย คะแนน เป้าหมาย 1. การอา่ นจบั ใจความสำคญั 75 80 70 80 70 80 2. สรา้ งสรรค์งานเขียน 80 80 80 80 85 80 3. ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร 80 80 80 80 85 80 4. หลกั ภาษาน่ารู้ 80 80 80 80 85 80 5. นทิ านพนื้ บ้าน 85 82 82 80 80 80 6. สบื สานวรรณคดี 83 80 85 80 84 80 ท่มี า : กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31, 2563 จากตาราง 2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียน ราชประชานเุ คราะห์ 31 ปีการศึกษา 2561 – 2563 หน่วยการเรียนรู้ที่จำเปน็ ต้องได้รับการพฒั นา คือ หน่วย การเรยี นรู้การอ่านจบั ใจความสำคัญ มีคะแนนไม่เป็นไปตามเป้าหมายของสถานศึกษา ดังนี้ ปีการศึกษา 2561 ได้คะแนน 75 ปีการศึกษา 2562 ได้คะแนน 70 ปีการศึกษา 2563 ได้คะแนน 70 ซึ่งมีคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ที่ โรงเรยี นกำหนดไว้ คือ ร้อยละ 80 จากตารางแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนข้างต้น หน่วยการเรียนรู้ที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนา คือ หน่วยการเรียนรู้การอ่านจับใจความสำคัญ ซึ่งเป็นปัญหาที่ครูผู้สอนต้องแก้ไขอย่างจริงจังและจริงใจ เพราะ การอ่านถือเป็นหัวใจของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในทุก ๆ สาระวิชา และมีความสำคัญยิ่งต่อการ นำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จ การพัฒนาการเรียนการสอนมีปัจจัยที่สำคัญ คือ ครูต้องพัฒนาความรู้ ความสามารถและมีความกระตือรือร้นที่จะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูต้องมีการ จัดทำแผนการสอน ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจทั้งระบบ เพราะต้องคิดวิเคราะห์เพื่อวางแผนคิดกิจกรรมการ เรียนการสอนและประเมินผลที่มีคุณภาพอย่างหลากหลายและนำผลการบนั ทึกไปปรบั ปรุงเพื่อวางแผนใหม่ใน

ระยะเวลาต่อไป (ชุมพล ศรีทองกูล, 2544 : 3) ตลอดทั้งครูยังต้องพัฒนาตนเอง และพัฒนาสื่อนวัตกรรมช่วย สอนเพ่อื พฒั นาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนผา่ นเกณฑ์ทีโ่ รงเรยี นกำหนดไว้ สื่อนวัตกรรมประกอบการจัดการเรียนการสอนของครูที่น่าสนใจมีหลากหลายรูปแบบ เช่น บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน บทเรียนการ์ตูน บทเรียนสำเร็จรปู ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หนังสือส่งเสริมการอ่าน และ แบบฝกึ ทักษะ เปน็ ตน้ ส่ือต่าง ๆ เหล่าน้ีตอ้ งคำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้ที่จะทำให้ผู้เรียนบรรลุ จุดประสงค์ และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการอ่านจับใจความสำคัญ ผู้วิจัยจึงได้พัฒนานวัตกรรมที่จะส่งเสริมให้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น และส่งเสริมให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาภาษาไทย ซึ่ง แบบฝึกทักษะเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีความน่าสนใจและมี ประสิทธิภาพมากขึ้น (คำพวน ประสงค์สันต์, 2554 : 4) แบบฝึกทักษะจะทำให้นักเรียนเกิดความแม่นยำ คล่องแคล่วในแต่ละทักษะ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินทักษาทางภาษาของนักเรียน ช่วยให้ นักเรียนมีพัฒนาการทางภาษาดีขึ้น เพราะแบบฝึกทักษะสามารถนำความรู้ที่เรียนมาแล้วมาฝึกให้เกิดความ เข้าใจไดด้ ยี ง่ิ ข้ึน (สมลักษณ์ สุวรรณวงศ์, 2550 : 28) แบบฝกึ ทกั ษะเป็นสือ่ การเรยี นการสอนที่จะช่วยฝึกทักษะ และเสริมสร้างทักษะให้กับผู้เรียน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ได้รวดเร็วและชัดเจนมากขึ้น ทำให้การเรียนการ สอนบรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ (กมล ชูกลิ่น, 2550 : 31) ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ พัชรา พราหมณี (2551 : 3) การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า 1) แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรบั นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.14/81.63 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 2) ความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ทีเ่ รยี นโดยใช้แบบฝึกทักษะการ อ่านจับใจความสำคัญหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) เจตคติที่มีต่อ การเรยี นการอ่านจับใจความสำคัญภาษาไทย ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ท่เี รยี นโดยใชแ้ บบฝึกทักษะใน ภาพรวมอยู่ในระดับชอบมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (mean) เท่ากับ 4.39 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) เทา่ กับ 0.33 และสอดคล้องกับผลการวจิ ัยของ คำพวน ประสงคส์ ันต์ (2554 : 2) การพัฒนาแบบ ฝึกทักษะภาษาไทยเรื่องการเขียนสะกดคำประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 1) การพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วย เพื่อน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.53/83.75 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การ เขียนสะกดคำประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 3) ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะภาษาไทยเรื่องการเขียนสะกดคำประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อนช่วย เพื่อน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าประสิทธิผล เท่ากับ 0.6210 นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนหลังจาก เรียนดว้ ยแบบฝึกทกั ษะเพ่ิมขน้ึ รอ้ ยละ 62 และ 4) ความพงึ พอใจของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ท่ีมีต่อการ เรยี นด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การเขยี นสะกดคำประกอบการเรยี นรู้แบบกลุ่มเพ่ือนช่วยเพ่ือน อยู่ใน ระดับมากที่สุด จากการศึกษาแนวคิดดังกล่าว จึงเป็นที่เชื่อมั่นได้ว่าแบบฝึกทักษะเป็นนวัตกรรมที่สามารถ นำไปใช้ในการฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญแก่ผู้เรียนได้ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสนใจ ไม่เบื่อหน่าย เป็น แรงจูงใจให้ผู้เรียนเพิ่มความพยายามมากขึ้น ในส่วนของครูนับว่ามีประโยชน์มาก เพราะแบบฝึกทักษะช่วย ประหยัดเวลา แรงงาน ครูสามารถใช้แบบฝึกทกั ษะเป็นเครื่องมอื สำหรับการประเมินผลการเรียน ทำให้ทราบ พฒั นาการด้านทกั ษะของนักเรยี น ซึ่งผลท่ไี ด้จากการทดลองคร้งั น้จี ะช่วยใหน้ ักเรียนมคี วามสามารถในการอ่าน จับใจความสำคัญสงู ขึน้ อกี ทั้งยงั เป็นแนวทางในการพัฒนาแบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทยอีกด้วย

การจัดการเรียนรู้ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ภาษาไทย ครูผู้สอนต้องพิจารณาออกแบบการ จัดการเรียนรู้ เลือกวธิ ีการสอนและเทคนคิ การสอน สือ่ แหลง่ เรียนรู้ การวดั และการประเมนิ ผล เพื่อให้ผู้เรียน ไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ และบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรซู้ ึ่งเปน็ เปา้ หมายที่กำหนด กระทรวงศึกษาธิการ 2552 : 25) กระบวนการจัดการเรยี นรกู้ ารสอนจับใจความสำคญั มดี ้วยกนั หลากหลายรูปแบบ ไม่วา่ จะเปน็ การ สอนอ่านแบบปฏิบัติ การสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา การสอนแบบใช้แผนผังความคิด การสอนโดยใช้ ระเบียบวิธีวิทยาศาสตร์ การสอนโดยใช้วิธี PANAROMA การสอนวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนทำให้ผู้เรียนมี ทักษะการอ่านจับใจความมากขึ้น วิธีการสอนอีกวิธีหนึ่งที่สามารถส่งเสริมให้นักเรียนจับใจความสำคัญของ เรื่องที่อ่านได้ และส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น คือ วิธีการสอนอ่านแบบ SQ3R เป็นการสอนที่ Robinson ได้แนะนำไว้ในการสอนอ่าน มีจุดเด่น คือ หลังจากให้อ่านเรื่องอย่างคร่าว ๆ แล้ว จะให้ผู้อ่านตั้ง คำถาม ซึ่งคำถามจะทำให้นักเรียนมีความอยากรู้อยากเห็น และช่วยให้การอ่านเป็นไปอย่างมีจุดมุ่งหมายและ สามารถจับประเด็นสำคัญไดถ้ ูกต้อง (พมิ พ์สิริ เจรญิ กิจ, 2554 : 4) โดยมกี ระบวนการสอนอ่าน 5 ขึ้น คือ อ่าน อย่างครา่ ว ๆ (กวาดสายตา) เพ่ือสำรวจหาใจความสำคญั ของเรื่องท่ีอา่ น (Survey-S) หลงั จากอ่านสำรวจเสร็จ ให้ตั้งคำถามในเรื่องที่ได้ทำการสำรวจ (Question-Q) อ่านเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบ โดยอ่านให้เข้าใจและ จับประเดน็ ทสี่ ำคัญ เพอื่ คน้ หาคำตอบให้ตรงกบั คำถามทตี่ ั้งไว้ (Read-R1) สรุปใจความสำคัญ และพิจารณาว่า สามารถตอบคำถามให้ไดค้ รบถ้วนตามข้อสงสยั หรือไม่ แล้วจดบนั ทกึ ย่อไวเ้ พื่อเตือนความจำ (Recitc-R2) และ ทบทวนส่ิงต่าง ๆ ท่ีได้จดบนั ทกึ ไว้ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจเนือ้ เรอื่ งทง้ั หมดทอ่ี า่ นมา (Review-R3) เมื่อพิจารณากระบวนการสอนอ่าน 5 ขั้นตอนแล้วพบว่า ทุกขั้นตอนของการอ่านแบบ SQ3R ช่วยให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง สอดคล้องกับผลการวิจัยของ วรรณพร อภิธรรมาวิวัฒน์ (2552 : 94) การศึกษา ความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ด้านการอ่านจับใจความ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-3 จากการสอนอ่านดว้ ยวธิ ี SQ3R ร่วมกับหนงั สืออิเล็กทรอนิกส์มาตรฐาน Epub 3 พบว่า 1) ความสามารถการอ่านจับใจความของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการอ่านจับ ใจความ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1-3 หลงั การสอนอา่ นดว้ ยวิธี SQ3R ร่วมกับหนงั สืออิเล็กทรอนิกส์มาตรฐาน Epub 3 อยใู่ นระดับ (ค่ามธั ยฐานเทา่ กบั 14 คะแนน จากคะแนนเตม็ 25 คะแนน ; n = 6, t = 1, P–value = 0.1094) 2) ความสามารถการอ่านจับใจความของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้าน การอ่านจับ ใจความ ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 หลังการสอนอ่านด้วยวิธี SQ3R ร่วมกบั หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์มาตรฐาน Epub 3 สูงขึ้น (T = 0, p<.5) และ 3) ความสามารถการอ่านจับใจความของนักเรียนที่มีความบกพร่อง ทางการเรียนรูด้ ้าน การอา่ นจับใจความ ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1-3 หลงั การสอนอ่านดว้ ยวิธี SQ3R และการ สอนอ่านด้วยวิธี SQ3R ร่วมกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มาตรฐาน Epub 3 แตกต่างกัน (u = 2, P-value = .019) และสอดคล้องกับผลการวิจัยของ อรุณี พงษ์ไพบรู ณ์ (2550 : 83) การพฒั นาแผนการจัดการเรียนรู้การ อ่าน โดยใช้วิธี SQ3R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเขวาไร่ศึกษา พบว่า 1) แผนการจัดการ เรียนรู้การอ่าน โดยใช้วิธี SQ3R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 82.32 / 84.19 ซึ่งสูง กว่าเกณฑ์ที่ตัง้ ไว้ 2) ดชั นีประสทิ ธผิ ลของแผนการจดั การเรียนรู้การอ่าน โดยใชว้ ธิ ี SQ3R สำหรบั นักเรยี น ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 มคี ่าเท่ากับ 0.6446 แสดงวา่ นักเรยี นมคี วามกา้ วหน้าในการเรยี นรอ้ ยละ 64.46 และ 3) นักเรียนทีเ่ รียนดว้ ยแผนการจัดการเรียนรูก้ ารอ่าน โดยใช้วิธี SQ3R มีผลสัมฤทธิ์การอ่านหลังเรียนสงู กว่าก่อน เรียน อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากความสำคัญและเหตุผลดงั กล่าว ผู้วิจัยมีความสนใจสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านจบั ใจความสำคัญ ภาษาไทย และนำวิธีการสอนอ่านแบบ SQ3R มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อใช้เสริมการสอนของครู สามารถนำผลการวิจัยไปเป็นแนวทางการสอนอ่าน เพื่อพัฒนาความเข้าใจใน

ด้านการอ่านให้เกิดประสิทธิภาพ อันเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน และมีความจำเป็นที่จะพัฒนา นวตั กรรมทางการศึกษาตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 1. เพื่อศึกษาและพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ SQ3R สำหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพอ่ื หาค่าดัชนีประสิทธผิ ลของแบบฝึกทักษะ เร่ือง การอา่ นจับใจความสำคัญ ประกอบการจัดการ เรียนรรู้ ูปแบบ SQ3R สำหรบั นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการจัดการเรียนรู้รปู แบบ SQ3R สำหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 คำถามการศกึ ษา 1. การศึกษาและพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ SQ3R สำหรบั นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 มีประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 หรือไม่ อย่างไร 2. การหาค่าดัชนปี ระสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการจัดการ เรียนรู้รปู แบบ SQ3R สำหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 มีความก้าวหน้าทางการเรียนหรอื ไม่ อย่างไร 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการ จดั การเรยี นรู้รปู แบบ SQ3R สำหรับนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 อย่ใู นระดบั ใด กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย ตัวแปรตาม - ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวแปรตน้ - ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 - แบบฝกึ ทักษะ เร่ือง การอ่านจับ ใจความสำคญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 - รปู แบบการสอนแบบ SQ3R ขอบเขตของการวิจัย 1. ขอบเขตด้านประชากรและกลุม่ ตัวอย่าง 1.1 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดสำนกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน จำนวน 123 คน 1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster random Sampling) ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน จำนวน 31 คน 2. ขอบเขตด้านเนื้อหา การศกึ ษาครัง้ นี้ ผศู้ กึ ษาไดว้ ิเคราะห์เน้ือหาทีเ่ หมาะสมสำหรบั การพัฒนาแบบฝึกทักษะ เร่อื ง การอ่าน จับใจความสำคัญ จากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรกลุ่มสาระการ

เรียนรภู้ าษาไทย สาระท่ี 1 การอ่าน มาตรฐานที่ ท 1.1 ม.3/3 ระบุใจความสำคัญและรายละเอยี ดของข้อมูลที่ สนบั สนนุ จากเรอ่ื งทีอ่ ่าน กำหนดเป็นเนื้อหาในการสรา้ งแบบฝึกทักษะได้ 5 เลม่ ดงั น้ี เลม่ ท่ี 1 พนื้ ฐานการอ่านจับใจความสำคญั เล่มที่ 2 การอา่ นจับใจความนิทาน เล่มที่ 3 การอา่ นจบั ใจความขา่ ว เล่มท่ี 4 การอ่านจบั ใจความบทความ เลม่ ท่ี 5 การอา่ นจบั ใจความบทรอ้ ยกรอง 3. ขอบเขตดา้ นตัวแปร 3.1 ตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ - แบบฝกึ ทกั ษะ เรอื่ ง การอ่านจบั ใจความสำคญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 - รปู แบบการสอนแบบ SQ3R 3.2 ตวั แปรตาม - ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 - ความพึงพอใจของนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 4. ขอบเขตด้านระยะเวลา ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถนุ ายน 2564 – 1 ตลุ าคม 2564 (รวมวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นกอ่ นเรียนและหลงั เรียน) นยิ ามศพั ท์เฉพาะ แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ หมายถึง การออกแบบและปรับปรุงรายละเอียด กิจกรรมของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้ศึกษา สร้างขน้ึ ให้มีคณุ ภาพ นักเรียน หมายถึง ผู้ที่เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 ตำบลชา่ งเค่งิ อำเภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชยี งใหม่ สงั กดั สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง เอกสารที่แสดงรายละเอียดของกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับนักเรียน เพื่อให้ครูนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝกึ ทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งประกอบด้วย สาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้ือหาสาระ กระบวนการเรียนรู้ สือ่ แหล่งเรยี นรู้ และการวดั ผลประเมินผล ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะภาษาไทย หมายถึง เกณฑ์ในการพิจารณาการหาประสิทธิภาพของ แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มี ประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 80 ตัวแรก หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทุกคนที่ได้จากการวัดพฤติกรรม ทกั ษะการปฏบิ ตั ทิ ดสอบย่อยหลงั เรียน ซง่ึ ได้คะแนนเฉลย่ี ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 80 ตัวหลงั หมายถงึ รอ้ ยละของคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทกุ คนที่ได้จากการทำแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ซ่ึงไดค้ ะแนนเฉลีย่ ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการ ประเมินผลการปฏิบัติของนกั เรยี นที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทกั ษะ เรอ่ื ง การอา่ นจบั ใจความสำคัญ สำหรบั นกั เรยี น ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ความพึงพอใจของนักเรียน หมายถึง สภาพจิตใจ ความรู้สึก ความคิดหรือท่าทีของนักเรียนที่มีต่อ การเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประเมิน จากแบบสอบถามท่ีสร้างขนึ้ โดยใชม้ าตราสว่ นประมาณคา่ 5 ระดับ ประโยชนท์ ี่ได้รับ 1. ได้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการจัดการเรียนรู้รูปแบบ SQ3R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้แบบฝึกทักษะเป็นสื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน วิชาภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 2. ไดแ้ บบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน เพอื่ นำไปจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนให้แกน่ ักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ท่มี ีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และไดท้ ราบระดบั การอา่ นจับใจความสำคญั 3. ได้แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความ สำคัญ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ประกอบการจัดการ เรยี นรรู้ ปู แบบ SQ3R สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 แก่ครูผูส้ อนและผู้ท่เี ก่ยี วข้อง 4. ผู้เรียนมีความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย การอ่านจบั ใจความสำคญั ดีขน้ึ