บทสง่ ท้าย: โอกาสโคเน้ือไทย หรอื เพียงปกปอ้ ง อตุ สาหกรรมเนอ้ื โคของประเทศ แนวทางการเพมิ่ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ใหก้ บั อตุ สาหกรรมเนอื้ โคไทย ภายใตส้ ถานการณ์ ทส่ี �ำคญั 3 สถานการณ์ คอื การผลติ ใหเ้ พียงพอต่อการบรโิ ภคภายในประเทศ การลดการน�ำเข้า และ เพ่ิมการสง่ ออกโคมีชวี ิต โอกาสของอุตสาหกรรมแยกตามสถานการณ์ ไดด้ งั น้ี 1. สถานการณก์ ารปกปอ้ งอุตสาหกรรมเนื้อโคในประเทศ และลดการนำ� เขา้ เพ่ือการบรโิ ภค ในตลาด 3 ระดับ ปริมาณการบริโภครวมประมาณ 1.2 ล้านตัวต่อปี การจัดการเชิงระบบต้องการ การออกแบบระบบบรหิ ารจดั การโซอ่ ุปทานในแนวระนาบ โดย 1.1 ปัจจบุ นั มฐี านการผลติ ที่ยงั มีอุปทานส่วนขาดประมาณ 2-3 แสนตัวต่อปี ประเทศไทย ยงั มอี ตุ สาหกรรมโคนมทมี่ ฝี งู แม่โคนมประมาณ 5 แสนตวั ซ่ึงจะมลี ูกโคเพศผู้ ประมาณ 2 แสนตัวต่อปี เกษตรกรส่วนใหญ่ขายท้ิงในราคาต่�ำ ไม่นิยมน�ำมาเล้ียงขุน ซ่ึงหากมี การจัดการเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การใชอ้ าหารขน้ หมัก สามารถเพิม่ ประสทิ ธิภาพ สร้างอัตราผลตอบแทนท่ีคุ้มค่าในการลงทุน โดยคุณภาพเน้ือโคนมมีคุณลักษณะนุ่ม แตไ่ มม่ ไี ขมันแทรก สามารถทำ� การตลาดในตลาดระดับกลาง และระดบั บน 1.2 เพื่อลดการน�ำเข้าช้ินส่วนและผลิตภัณฑ์เนื้อโค คอขวดส�ำคัญคือการจัดการโรงฆ่า ท่ีปัจจุบันยังเป็นโรงฆ่า ฆจส. 2 ที่ไม่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ความรู้และทักษะของผู้ท�ำงานในโรงฆ่ายังต้องการการพัฒนาให้ได้เนื้อที่มี คณุ ภาพทำ� ใหผ้ บู้ รโิ ภคขาดความมนั่ ใจในดา้ นอาหารปลอดภยั นอกจากนผ้ี ปู้ ระกอบการ ท่ีใช้บริการโรงฆ่าได้ซากและเน้ือที่มีการสูญเสียสูง ในขณะท่ีปัญหาดังกล่าวมีโอกาส เกิดขนึ้ ไดน้ อ้ ยมากจากโรงฆ่าทไ่ี ด้มาตรฐาน GMP 1.3 การสนับสนุนให้เกิดการกระจายผลิตภัณฑ์จากการลดต้นทุนการขนส่ง ท่ีเคยส่งไปยัง ศูนย์กระจายสนิ คา้ ของกลมุ่ ห้าง modern trade มาสู่การสร้างจดุ กระจายผลิตภณั ฑ์ ในพ้ืนที่การตลาดในระดับภูมิภาค ซ่ึงมีโรงฆ่าและศูนย์ตัดแต่งในระดับจังหวัดที่มี การเล้ียงโคขุนแล้ว การออกแบบและการบริหารจดั การงานวจิ ยั เพ่ือมุ่งผลลพั ธ์ 99
1.4 ตลาดภายในประเทศต้องได้รับการปกป้องจากการรุกของตลาดต่างประเทศจาก ผลกระทบ FTA (Free Trade Area) ทสี่ ง่ ผลให้ผลติ ภัณฑ์เนอ้ื โคน�ำเข้า (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย) การมีมาตรการลงโทษข้ันเด็ดขาดกรณีการลักลอบน�ำเข้าชิ้นส่วน เน้อื โค 1.5 กลุ่มเกษตรกรท่ีเป็นวิสาหกิจ/สหกรณ์โคเน้ือ โดยเฉพาะกลุ่มท่ีมีความคล่องตัว มี ประสิทธิภาพในการท�ำ line การผลิต จะเป็นกลุ่มธุรกิจท่ีต้องแข่งขันท่ีภาครัฐควรให้ การหนุนเสริมให้เกิดการจัดการในโซ่อุปทานในแนวต้ัง รวมท้ังการเติมเต็มองค์ความรู้ และนวัตกรรมการจัดการโซ่อุปทานกลางน�้ำและปลายน�้ำ ซ่ึงมีอัตราผลตอบแทนใน การลงทุนสูง อีกท้ังการขยายโอกาสทางการตลาดของโซ่ขั้นกลางน้�ำและปลายน�้ำ สามารถสร้างงาน สร้างผู้ประกอบการใหม่ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน และยกระดับ ขีดความสามารถของอตุ สาหกรรมเนอื้ โคไทย 1.6 สำ� หรบั กลมุ่ เกษตรกร (สหกรณ/์ วสิ าหกจิ ) ทยี่ งั ขาดประสทิ ธภิ าพ ควรไดร้ บั การเชอ่ื มโยง เป็นเครอื ขา่ ยเชิงระบบกบั กลมุ่ ท่เี ขม้ แขง็ สร้างแรงจูงในดา้ นการตลาด 100 แพลตฟอร์มวิจัยด้านเกษตร
2. สถานการณ์การส่งออกโคมีชีวิตเพิ่ม เพ่ือรองรับโอกาสทางการตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ประมาณ 4 แสนตวั ตอ่ ปี ประเทศไทยยังมตี ้นทุนการผลติ โคขุนสูง เมื่อเทยี บกับตน้ ทุนประเทศคแู่ ขง่ และยังมีส่วนเหลื่อมการตลาดต�่ำ (ส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อและต้นทุนการผลิตของเกษตรกร) แนวทางการเพิ่มปริมาณการผลิต และประสิทธิภาพแก่กลุ่มเกษตรกรควรร่วมกับหน่วยงานพ่ีเล้ียงใน ระดับจงั หวัด 2.1 การจดั ทำ� ยทุ ธศาสตรโ์ คเนอื้ ของจงั หวดั โดยมงุ่ เนน้ การจดั การโซอ่ ปุ ทานแนวตงั้ จดั กลมุ่ ผเู้ ลย้ี งทส่ี อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรโ์ คเนอ้ื ของประเทศ โดยมงุ่ เนน้ การยอมรบั และปรบั ใช้ เทคโนโลยี ในการลดตน้ ทนุ การผลติ (การผลติ ลกู โคของไทยมตี น้ ทนุ เฉลยี่ สงู เมอ่ื เทยี บกบั ประเทศคู่แข่ง ต้นทุนอาหารสัตว์ ท่ีประเทศไทยมีความได้เปรียบจากความพร้อมและ ความหลากหลายของทรัพยากรอาหารสัตว์ท่ีเพียงพอสามารถใช้หมุนเวียนตลอดปี มีเทคโนโลยีในการพฒั นาสูตรอาหารทีเ่ หมาะสมกับโคเนอ้ื ในระยะต่างๆ) 2.2 การจดั ท�ำฐานข้อมลู ทรัพยากรเพือ่ การผลิต ท้ังจ�ำนวนแมโ่ คต้นนำ�้ (แยกตามสายพนั ธุ)์ ทรัพยากรพืชอาหาร เพื่อการใช้ประโยชน์ แนวทางการบริหารจัดการเชิงระบบเพื่อ การเชอ่ื มโยงเชงิ ระบบ ลดตน้ ทนุ ต่อหน่วยของการขนส่งและลดการพึง่ พาภายนอก การออกแบบและการบรหิ ารจดั การงานวจิ ัยเพือ่ มุง่ ผลลพั ธ์ 101
2.3 ควรส่งเสริมการบริหารจัดการผลพลอยได้ทางการเกษตรในพ้ืนที่ให้เป็นรูปธรรม (หน่วยงานรัฐสนับสนุนและผลักดัน) เพ่ือใช้เป็นอาหารหยาบ หรืออาหารผสมเสร็จ ซ่ึงนอกจากจะตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วย BCG model (Bio-Circular-Green Economy Model) ในมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียนจาก การน�ำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด ท่ีส�ำคัญคือมุ่งไปที่ การลดปริมาณของเสยี ให้นอ้ ยลงหรอื เท่ากบั ศูนย์ (zero waste) แล้ว การใชป้ ระโยชน์ ผลพลอยได้ทางการเกษตรยังสามารถทดแทนการปลูกหญ้าเพ่ือการเลี้ยงโค เน่ืองจาก การท�ำแปลงหญ้านอกจากจะใช้พื้นท่ีกว้างแล้วยังใช้น้�ำในปริมาณมาก ผลพลอยได้ ทางการเกษตรมากซงึ่ เปน็ ขอ้ จ�ำกัดและมีตน้ ทุนการผลิตสูง 2.4 การเพมิ่ คณุ คา่ เนอ้ื โคคณุ ภาพจากเนอื้ โค ดว้ ยโซข่ น้ั กลางนำ้� และขนั้ ปลายนำ�้ โดยเฉพาะ นวัตกรรมบริการร้านอาหารของประเทศไทย มีศักยภาพในการสร้างแฟรนไซส์ ในประเทศเพ่ือนบ้านกลมุ่ CLMV (Cambodia-Laos-Myanma-Vietnam) ซ่ึงภาครัฐ ควรให้การสนับสนุน ทั้งมาตรการการค้า การลงทุนแก่ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ในการแข่งขัน ซึง่ จะมมี ลู คา่ เชิงเศรษฐกจิ ท่ีสงู กว่าการสง่ ออกโคมชี วี ิต 2.5 ตลาดส่งออก (ประเทศผู้น�ำเข้าโคเน้ือประเทศไทย ได้แก่ จีน ประมาณ 500,000- 800,000 ตัวต่อปี และเวียดนาม ประมาณ 50,000- 100,000 ตวั /ปี สะทอ้ นให้เห็น โอกาสตลาดส่งออกยังมีความต้องการจ�ำนวนมาก กลุ่มเกษตรกรควรมีการจัดการ พนั ธ์ุทสี่ อดคล้อง เชน่ โคขุนลูกผสมท่ีโตเรว็ เลยี้ งดว้ ยอาหารขน้ ทม่ี ีประสทิ ธิภาพ อัตรา การเตบิ โตตอ่ วนั สงู เชน่ อาหารผสมสำ� เรจ็ รปู TMR (Total Mixed Ration) อาหารผสม ครบส่วนหมัก FTMR (Fermented Total Mixed Ration) แต่ปัจจุบันการปรับใช้ เทคโนโลยีอาหารโภชนาการสูงยังอยใู่ นระดบั ต่ำ� 102 แพลตฟอรม์ วจิ ัยดา้ นเกษตร
ตรังโมเดล เพอ่ื พฒั นาเศรษฐกจิ ฐานราก ของคนชายฝ่ัง รองศาสตราจารย์มยรุ ี จัยวฒั น์ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ด้านผลิตภณั ฑ์ประมง อนกุ รรมการพจิ ารณากลั่นกรองมาตรฐานสัตวน์ ำ้� และผลิตภัณฑ์สตั ว์นำ�้ ส�ำนกั งานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดตี • อาจารย์คณะประมง มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ • ผู้ชว่ ยผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ยั (สกว.) ดา้ นสอ่ื สารสงั คม • นักเขยี น (ผลงานคอลัมน์ ป.ปลา นติ ยสารพลอยแกมเพชร) ความเชย่ี วชาญ • ดา้ นเทคโนโลยีการแปรรปู สตั วน์ ำ�้ การแชแ่ ข็งสตั วน์ �้ำและผลิตภัณฑ์ • การผลติ ปูมา้ นิม่ เชงิ พาณิชย์
ตรงั โมเดล: เพ่ือพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากของคนชายฝัง่ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด “โควิด-19 ระบาดท่ัวโลก” ต้ังแต่ปลายปี 2562 จนถึงวันท่ี เขียนบทความน้ี (กรกฎาคม 2563) เราทุกคนต่างไดร้ ับผลกระทบ วิถชี วี ติ เปลย่ี นไป ทัง้ ความเป็นอยู่ และการประกอบอาชีพ ผลกระทบด้านดีที่ยังมีเหลืออยู่หน่ึงในหลายอย่างคือเร่ืองราวของท้องทะเล ท่ีกลับมาใสสะอาดอย่างไม่เคยเป็นมานานมากแล้ว สัตว์น้�ำหลากชนิดกลับมาเริงร่า บางชนิดที่ปกติ ฝงั ตวั ในพนื้ ทราย ออกมาใหจ้ บั อยา่ งงา่ ยดายในปรมิ าณทเ่ี หลอื เชอื่ อาทิ หอยลายทช่ี ายฝง่ั เพชรบรุ แี ละ อกี หลายจังหวดั มีมากจน “ล้น” แทบทกุ ตลาด ซอื้ -ขาย ในราคาถูกแสนถูก เมอื่ นกั ทอ่ งเทยี่ วไมม่ ี การขนสง่ หยดุ ชะงกั ราคาสตั วน์ ำ้� ทกุ ชนดิ ถกู ลงแบบไมน่ า่ เชอื่ สตั วน์ ำ้� แชแ่ ขง็ หลายรูปแบบและหลากชนดิ ถูกน�ำมาเลหลงั ทั้งลดทั้งแถมในตลาดสดทุกแหง่ ทยี่ ังมีการซ้อื -ขาย ปูม้า “สตั วน์ ำ้� ชายฝง่ั ยอดนยิ ม” กอ่ นหนา้ นต้ี อ้ งซอื้ ปมู า้ สดนงึ่ ขนาด 4-5 ตวั ตอ่ กก. ในราคา 750-1,000 บาท ตอ่ กก. หลงั เกดิ โควดิ -19 ไดไ้ มน่ าน ราคาปมู า้ สดนง่ึ แชเ่ ยอื กแขง็ สง่ ถงึ มอื ลกู คา้ ทก่ี รงุ เทพฯ โดยรถขนสง่ หอ้ งเยน็ ในสภาพดี คณุ ภาพถกู ปาก แตจ่ า่ ยเพยี ง 380-450 บาท สวรรคเ์ ปน็ ของนกั กนิ แตค่ นทนี่ า่ สงสาร คือชาวประมงชายฝั่ง จากท่ีมีรายได้ตำ�่ อยู่แล้ว ยิ่งต�่ำลงไปอีก บางวันขาดรายได้ บางวันรายได้ลดลง จากที่ต้องงดออกนอกฝั่งเฉพาะบางช่วงในฤดูมรสุม กลับเป็นงดออกนอกฝั่งแบบไม่มีก�ำหนดเพราะ คนกินตอ้ งหยุดอยกู่ ับบา้ น งานวิจัยโครงการ “การขับเคล่ือนห่วงโซ่คุณค่าใหม่ของธุรกิจอาหารทะเลในจังหวัดตรัง เพื่อ ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนประมงชายฝั่ง”1 ขับเคล่ือนกลไกจากผลวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า เสริมด้วยความรู้ด้านวิชาการและการตลาด ส�ำรวจการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึน เสร็จทันก่อนวิกฤต ลุกลาม ผลวิจัยนอกจากตอบโจทย์ตามเป้าหมาย สามารถยกระดับเศรษฐกิจหมุนเวียนรวมในห่วงโซ่ อปุ ทานสัตว์น้�ำจากการประมงชายฝ่งั ได้ โดยผูป้ ระกอบการ (หว่ งโซป่ ลายน�้ำ) สามารถเพิม่ รายได้จาก การประกอบการหลังปรับเปลี่ยนและเสริมกลไกเพ่ิมคุณค่าได้สูงสุด 40.88% สูงกว่าผู้รวบรวม (กลางน้�ำ) และ ชาวประมง (ต้นน�้ำ) รวมทั้งได้ต้นแบบฐานความร่วมมือระหว่างชุมชนกับนักวิจัย สร้างการเรียนรู้ใหม่ร่วมกันของทีมนักวิจัยจากหลากหลายศาสตร์ ท่ีส�ำคัญ ได้ร่วมกับนักธุรกิจ ก่อตั้ง “บริษัทตรังวิสาหกิจเพ่ือสังคม” วิสาหกิจชุมชนของคนตรังซึ่งจะเป็น “ผู้รับไม้” ขยายผล การขบั เคลอื่ นหว่ งโซค่ ณุ คา่ ใหมข่ องธรุ กจิ อาหารทะเล สรา้ งผลกระทบจากการเปลยี่ นแปลงสคู่ นชายฝง่ั อยา่ งยตุ ธิ รรมและย่งั ยืน โดยใช้ “ตรังโมเดล” เป็นต้นแบบตอ่ ไป...... 1 อภริ ักษ์ สงรกั ษ์ และคณะ, 2563. รายงานวิจัยโครงการ “การขบั เคล่อื นหว่ งโซค่ ณุ ค่าใหมข่ องธุรกิจอาหารทะเลในจังหวัดตรัง เพ่ือยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนประมงชายฝั่ง” ส�ำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยละนวัตกรรม (สกสว.) ภายใตก้ รอบการพฒั นาระบบเศรษฐกจิ หมุนเวยี นในพ้นื ท่ี 104 แพลตฟอร์มวิจัยด้านเกษตร
การประมงชายฝ่งั การประมงไทยมีหลายประเภท หลายระดับ แบ่งตามกลุ่มกิจกรรมหลักได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ การประมงชายฝ่งั การประมงทะเล และการเพาะเลยี้ งประมง การประมงชายฝ่งั (Inshore Fisheries) หรือ การประมงพืน้ บา้ น (Artisanal Fisheries) เป็น การท�ำประมงทะเลขนาดเล็กในเขตทะเลชายฝั่ง ไม่ว่าจะใช้เรือประมง หรือใช้เคร่ืองมือประมง โดยไม่ใช้เรือประมง หากใช้เรือประมงต้องไม่ใช่เรือประมงพาณิชย์ท่ีมีขนาดใหญ่เกินสิบตันกรอส ปัจจุบันชาวประมงพื้นบ้านบางรายที่ใช้เรือประมงใหญ่ที่มีขนาดมากกว่าสิบตันกรอสแต่ไม่ถึง สิบห้าตันกรอสยังมีอยู่ เพราะได้จดทะเบียนเป็นเรือส�ำหรับท�ำการประมงไว้ และได้รับอาชญาบัตร ก่อนวันที่พระราชก�ำหนดใช้บังคับ จึงสามารถท�ำการประมงพ้ืนบ้านต่อไปได้จนกว่าจะเลิกท�ำ2 ท�ำใหช้ าวประมงชายฝัง่ กล่มุ นไ้ี ดร้ ับการยกเว้น สามารถจับสตั ว์น�้ำได้มากข้นึ ท้ังชนดิ และปรมิ าณ โดยทวั่ ไปชาวประมงชายฝง่ั ใชเ้ รอื พนื้ บา้ นขนาดเลก็ ซงึ่ ปจั จบุ นั สว่ นใหญต่ ดิ เครอ่ื งยนต์ ใชเ้ ครอ่ื งมอื ประมงพื้นบ้าน เช่น แห เบ็ด อวนลอยชายฝั่ง อวนด�ำคืนเดียว เป็นการท�ำประมงในช่วงเวลาส้ัน ระยะเวลาจับภายในวัน หรอื เฉพาะช่วงเวลา สว่ นใหญ่ออกเรอื ก่อนฟา้ สวา่ งไมก่ ่ชี วั่ โมง เป็นการท�ำเพื่อ การยังชีพ สัตว์น้�ำที่จับได้ น�ำมาเป็นอาหาร ท่ีเหลือจึงขาย สร้างรายได้และก่อให้เกิดการสร้างงาน ขนาดเล็กในชุมชน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการท�ำประมงกันแทบทุกครัวเรือนในแต่ละชุมชนที่อยู่ใกล้ ชายฝง่ั แตป่ ริมาณการจับสัตวน์ ้�ำมเี พียง 10% ของปรมิ าณสตั ว์น�้ำจากการประมงทะเลของประเทศ3 ชาวประมงกลุ่มน้ีถูกปลูกฝังให้มีจิตส�ำนึกการอนุรักษ์มาแต่ดึกด�ำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน มีแรงงานท่ีอยู่ ในกจิ กรรมนอ้ ยทส่ี ดุ นอ้ ยกวา่ การประมงเพาะเลย้ี ง และโดยประมาณเพยี ง 1 ใน 3 ของการประมงทะเล ผู้ท่ีเก่ียวข้องเป็นคนในพื้นถ่ิน ต่างกับการประมงทะเลซ่ึงส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว ออกไปกับ เรือประมงพานิชย์คร้ังละนานๆ อาจนานเป็นเดือนหรือหลายเดือน ใช้เคร่ืองมือประมงท่ีพัฒนาแล้ว สามารถจับสัตวน์ ำ�้ ได้คร้ังละมากๆ เพอื่ ส่งเขา้ โรงงานแปรรปู ในภาคอตุ สาหกรรม ผลผลิตที่ท�ำให้ประเทศไทยเป็นหน่ึงในประเทศผู้ผลิตสินค้าประมงท่ีส�ำคัญของโลกจึงไม่ได้ มาจากการประมงชายฝง่ั แตม่ าจากการประมงทะเลและการเพาะเลย้ี งประมงเปน็ หลกั ความสำ� คญั ของ ชาวประมงชายฝั่งจงึ อยู่ทค่ี วามมนั่ คงทางอาหารภายในประเทศ 32 มาตรา 174 แห่งพระราชกำ� หนดการประมง พ.ศ. 2558 เผดมิ ศักดิ์ จารยะพนั ธุแ์ ละคณะ. ฐานข้อมูลความรทู้ างทะเล (Marine Knowledge Hub). http://www.mkh.in.th/. (เขา้ ถงึ ได้ 1 ก.ค. 2563) การออกแบบและการบริหารจัดการงานวจิ ยั เพ่ือมงุ่ ผลลัพธ์ 105
สตั วน์ ำ�้ ทจี่ บั ไดจ้ ากการประมงชายฝง่ั มคี วามหลากหลายตามความสมั พนั ธข์ องชว่ งการเจรญิ เตบิ โต ของชนิดสัตว์น้�ำและการหากินของสัตว์น�้ำกับความเค็มของน้�ำ หลายชนิดเป็นท่ีนิยมของผู้บริโภค และมรี าคาสงู ไดแ้ ก่ ปมู ้า ปูดำ� ก้งุ แชบว๊ ย ซึง่ มชี ่วงการเจรญิ ของวยั ออ่ นในน้�ำทีม่ คี วามเค็มคอ่ นขา้ งต่�ำ เม่ือโตขึ้นจึงออกหากินและเติบโตนอกฝั่งที่มีความเค็มสูงข้ึน แต่ละครัวเรือนเลือกจับสัตว์น้�ำ ตามเคร่ืองมือท่ีมี และที่ตนถนัด บางครัวเรือนก็จับไม่เลือกชนิดสุดแล้วแต่พื้นที่ ความชุกชุม หรือ ความสามารถของชาวประมง สตั วน์ ำ้� ทไ่ี ดจ้ ากการประมงชายฝง่ั มคี วามหลากหลาย ทง้ั ชนดิ และปรมิ าณ มที ง้ั พวกทอี่ าศยั อยใู่ นนำ้� ตามพน้ื ผวิ ดนิ ใตน้ ำ้� หรอื เกาะตามโขดหนิ เสาไม/้ เสาปนู อาทิ ปมู า้ กงุ้ แชบว๊ ย ก้งุ กุลาด�ำ ปลากะพงขาว ปลาเก๋า ปลานวลจันทรท์ ะเล ปลาทราย หอยทะเล แมงกระพรนุ สัตว์น�้ำยอดฮิตติดอันดับจากการประมงชายฝั่งคือ “ปูม้า”4 สามารถพบได้ทุกจังหวัดท่ีอยู่ติด ชายทะเล ท้ังฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย เป็นสัตว์กินเน้ือ หากินในเวลากลางคืน โดยฝังตัวอยู่ใต้ พ้นื ทราย โผลม่ าแตล่ ูกตา จนกว่าจะมีอาหารจึงออกมาจับกิน สามวันก่อนลอกคราบจะไมก่ ินอาหาร เคล่อื นไหวน้อยมาก ฝงั ตวั นิ่งใต้พ้นื ทราย ชาวประมงปูม้าจงึ ออกเรือในชว่ งกลางคนื ซึ่งเปน็ เวลาทป่ี มู า้ ออกหากนิ ปมู า้ พบไดใ้ นระดบั น�้ำลกึ ไมเ่ กนิ 40 เมตร พบได้ชกุ ชุมทร่ี ะยะห่างจากฝ่ัง 7–30 เมตร 4 ปูมา้ . วกิ ิพเี ดีย. https://th.wikipedia.org/wiki/ปมู า้ (เข้าถึงได้ 1 ก.ค. 2563) 106 แพลตฟอร์มวิจัยดา้ นเกษตร
คณุ ภาพสตั วน์ ำ้� จากการประมงชายฝง่ั สว่ นใหญย่ งั มชี วี ติ เมอื่ ขน้ึ ฝง่ั สว่ นทต่ี ายกอ็ ยใู่ นสภาพสดมาก สตั วน์ �้ำกลุ่มน้ีจึงมคี ณุ ภาพดีท่ีสุด เปน็ เสน่ห์ท่ีดึงดดู ใจนักทอ่ งเท่ยี วและนกั บริโภค ให้อยากเขา้ มาสมั ผสั และอยากมาเทย่ี วซำ้� ราคาผลผลติ สตั วน์ ำ้� ทีจ่ บั ได้ ชาวประมงขายในราคาถกู โดยเฉล่ยี เพยี งประมาณ 1 ใน 3 ของราคาในตลาดทผี่ บู้ รโิ ภคตอ้ งจา่ ย ไมว่ า่ จะเปน็ สตั วน์ ำ�้ หลกั ทอ่ี ยใู่ นความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค และหอยบางชนิดที่มีแหล่งก�ำเนิดและเจริญได้ดีในท้องทะเลเฉพาะท่ี นักบริโภคสัตว์น้�ำสดจึงต้อง ดนั้ ดน้ ไปเสาะหากนิ ถงึ ถนิ่ สรรหาของกนิ ทอ่ี รอ่ ยและถกู ปากในราคาถกู ทจ่ี ดุ ตน้ นำ�้ กลายเปน็ สงิ่ ดงึ ดดู ใจ นกั ท่องเท่ยี วไปในตัว ชาวประมงชายฝั่งได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของมรสุมท่ีอยู่เหนือการควบคุมทุกปี พวกเขา ไม่สามารถสร้างรายได้จากท้องทะเลได้อย่างต่อเน่ืองตลอดฤดูมรสุม นอกจากน้ี ปัญหาความผันผวน ของสภาพอากาศ ทั้งอากาศท่ีร้อนข้ึน และฝนที่ตกมากข้ึน ยังส่งผลให้ปริมาณสัตว์น�้ำทะเลลดลง อย่างเห็นได้ชัด ชาวประมงจึงต้องเผชิญปัญหาท่ีซ้อนปัญหาตลอดเวลา ปัญหาท่ีส�ำคัญคือ การขาด ความรทู้ างวชิ าการทจี่ ะใชใ้ นการบรหิ ารจดั การทรพั ยากร และปญั หาดา้ นการตลาด แมจ้ ะมหี นว่ ยงาน ภาครัฐและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเข้ามาให้การสนับสนุน ชาวประมงชายฝั่งส่วนใหญ่ยังมีฐานะ ความเปน็ อยทู่ างเศรษฐกจิ และสงั คมที่ด้อยกว่าชาวประมงกลุม่ อ่ืนๆ แมร้ ัฐบาลจะมีนโยบายชว่ ยเหลอื และพัฒนาตลอดมา ปจั จุบนั การประมงชายฝง่ั กย็ งั คงเหมอื นเดมิ ความเจรญิ กา้ วหน้าไมแ่ ตกตา่ งจาก หกสบิ ปที ผี่ า่ นมาอยา่ งมนี ยั สำ� คญั เมอื่ มโี ครงการวจิ ยั ทมี่ เี ปา้ หมายยกระดบั เศรษฐกจิ ใหก้ บั ประมงชายฝง่ั โดยเฉพาะอย่างย่งิ จะไมม่ ีการเน้นเพ่ิมปรมิ าณการจับจึงเป็นเร่ืองทนี่ ่ายินดี ปญั หาดา้ นการตลาด เปน็ ปญั หาหลกั ของชาวประมงชายฝง่ั ในขณะทรี่ าคาสตั วน์ ำ�้ มคี วามผนั ผวน ราคาสตั ว์นำ�้ ไม่จูงใจผูผ้ ลิต (ผ้จู บั ) เกษตรกรขาดอำ� นาจตอ่ รองทางการตลาด ผรู้ วบรวม แพปลา หรอื พอ่ คา้ คนกลางเปน็ ผกู้ ำ� หนดราคาและไมม่ กี ารประกนั ราคา ขาดขอ้ มลู เศรษฐกจิ และการตลาดทท่ี นั สมยั รวดเร็ว รวมถึงไม่มีองค์กรเชื่อมโยงข้อมูลและสร้างระบบ เพ่ืออ�ำนวยการต่อรองราคาและควบคุม คุณภาพตามมาตรฐานของตลาดเหมือนสินค้าเกษตรบางชนิด เช่น ปาล์ม ยาง ทั้งหมดนี้เป็นที่มา ของโจทย์วิจัยที่ท้าทาย ท�ำอย่างไรจึงจะสามารถยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชาวประมงให้สูงขึ้น ทัง้ ระบบ ตัง้ แต่การพัฒนาศักยภาพคนในชมุ ชน และพัฒนาการจัดการสูเ่ ปา้ หมายด้านการตลาดได้ การออกแบบและการบริหารจดั การงานวิจยั เพ่อื มุ่งผลลพั ธ์ 107
เศรษฐกจิ ของชุมชนประมงชายฝงั่ ในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตอาหารทะเลของชุมชนชายฝั่ง กรณีศึกษาของโครงการวิจัยฯ5 ในพื้นที่อ�ำเภอหาดส�ำราญและต�ำบลเกาะสุกร อ�ำเภอปะเหลียน ผลการส�ำรวจในช่วงเริ่มต้นด�ำเนิน การพบวา่ การผลิตอาหารทะเลของชุมชนประมงชายฝั่ง (ต้นน้�ำ) มีรายได้ครัวเรือนเฉล่ียต่อเดือน 15,275 บาท เปน็ รายได้ทเ่ี ป็นตัวเงิน 11,596 บาทต่อเดอื น รายไดท้ ่ไี ม่เป็นตัวเงนิ 3,679 บาทต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายเฉล่ีย 9,285 บาทต่อเดือน ชุมชนประมงชายฝั่งมีสัดส่วนในการ สร้างรายได้ในห่วงโซ่อุปทานโดยประมาณเพียง 19% ซึ่งต�่ำที่สุด ในขณะท่ีผู้รวบรวม/ แพรับซือ้ และผกู้ ระจายสินคา้ (กลางน�้ำ) มีสดั ส่วนรายไดป้ ระมาณ 23% (สงู ขน้ึ 1.23 เทา่ ) รายได้ส่วนใหญ่ ประมาณ 58% (สูงกว่าของผู้ผลิตต้นน�้ำ 3.22 เท่า) จึงตกเป็นของ กระบวนการจัดการปลายน้�ำ หรอื การตลาดส่ผู ู้บริโภค สตั วน์ ำ้� ทม่ี คี ณุ ภาพดเี มอ่ื ถงึ มอื ผบู้ รโิ ภคจะมรี าคาสงู ขนึ้ โดยประมาณสามถงึ สเ่ี ทา่ ตวั เชน่ ปมู า้ มชี วี ติ 1 กก. ชาวประมงขายไดร้ าคา 160 บาท ผรู้ วบรวมจะขายได้ 200 บาท พอถงึ รา้ นอาหาร ผบู้ รโิ ภคอาจตอ้ งซอ้ื ในราคาสงู ถงึ 650 บาท กงุ้ แชบว๊ ย 1 กก. ชาวประมงขายในราคา 220 บาท ผรู้ วบรวมขาย 250 บาท ถึงร้านอาหารผบู้ ริโภคอาจต้องจ่าย 800 บาท เปน็ ต้น ผลการส�ำรวจฐานเดิมของชาวประมงชายฝั่ง 5 กลุ่ม ทีมผู้วิจัยพบว่ารายได้ครัวเรือนขึ้นอยู่กับชนิดสัตว์น้�ำ ความนิยมของผูบ้ รโิ ภคและราคา ปริมาณสัตว์นำ้� ทจ่ี ับได้ และชว่ งเวลาทส่ี ามารถจบั สตั ว์นำ�้ ไดต้ ่อปี โดยชาวประมง ทที่ ำ� ปมู า้ มรี ายไดเ้ ฉลย่ี ตอ่ เดอื นสงู สดุ คอื 21,654.65 บาท (120 ครัวเรือน) รองลงมาคือชาวประมงกุ้งแชบ๊วย มี รายได้เฉล่ียต่อเดือน 19,524.48 บาท (112 ครัวเรือน) ชาวประมงหมกึ หอมมรี ายไดเ้ ฉลยี่ ตอ่ เดอื น 9,232.44 บาท (26 ครัวเรือน) ชาวประมงปลาทรายมีรายได้ต่อเดือน 9,893.33 บาท (10 ครัวเรือน) ชาวประมงหอยตะเภา มรี ายได้ต่อเดอื น ต�ำ่ สุดคือ 2,912.50 บาท (4 ครัวเรอื น) เพราะท�ำได้เฉพาะบางช่วงเวลาและสามารถจับหอยได้ เพียง 2-3 เดือนตอ่ ปี 5 อภริ ักษ์ สงรักษ์ และคณะ, 2563. รายงานวิจยั โครงการ “การขบั เคลอื่ นหว่ งโซค่ ุณคา่ ใหม่ของธุรกิจอาหารทะเลในจงั หวดั ตรงั เพ่ือยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนประมงชายฝั่ง” ส�ำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยละนวัตกรรม (สกสว.) ภายใต้กรอบการพัฒนาระบบเศรษฐกจิ หมุนเวยี นในพ้นื ที่ 108 แพลตฟอรม์ วิจยั ด้านเกษตร
เมอ่ื วเิ คราะห์ผลตอบแทนตอ่ ต้นทนุ (Return on Investment; ROI) ค่า ROI ไมไ่ ด้เปน็ ไปตาม รายได้เสมอไป แต่ข้ึนอยู่กับจ�ำนวนเงินลงทุน ปริมาณและราคาสัตว์น้�ำท่ีขายได้ ครัวเรือนของชาว ประมงกุ้งแชบ๊วยแม้จะมีรายได้เฉลี่ยต่�ำกว่าชาวประมงปูม้า แต่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดคือ 25.27% รองลงมาคือชาวประมงปูม้า ชาวประมงหมึกหอม ชาวประมงปลาทราย ส่วนชาวประมงหอยตะเภา มรี ายไดเ้ ฉลยี่ ตำ�่ สุด และไดร้ ับผลตอบแทนต่�ำสดุ ด้วย (ภาพท่ี 1) ชาวประมงกงุ แชบวย ชาวประมงปูมา ROI = 25.27% ROI = 21.27% ชาวประมงหมกึ หอม ชาวประมงปลาทราย ชาวประมงหอยตะเภา ROI = 13.81% ROI = 10.78% ROI = 12.84% ภาพที่ 1 ผลตอบแทนต่อตน้ ทนุ (Return on Investment; ROI) แยกตามชนดิ สินคา้ การออกแบบและการบรหิ ารจัดการงานวจิ ัยเพื่อมงุ่ ผลลัพธ์ 109
ทำ� ไมเลอื กจงั หวดั ตรังเป็นต้นแบบ การพฒั นาธรุ กิจอาหารทะเลชายฝ่งั ความเหมาะสมของพ้ืนท่ี ประเทศไทยมีชายฝั่งทะเลยาว 1,874.80 กม. มีพื้นที่ชายฝั่งทะเล 456,280 ตร.กม. มีความ อุดมสมบรู ณส์ ูง แบง่ ออกเป็น 2 ฝงั่ คอื ฝงั่ อ่าวไทยและฝ่งั อันดามนั อ่าวไทยมีสภาพเป็นชายฝงั่ น�้ำตน้ื ทมี่ คี วามลกึ สงู สดุ เพยี ง 85 เมตร ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากนำ�้ จดื ทำ� ใหน้ ำ�้ ทะเลในอา่ วไทยมคี วามเคม็ คอ่ นขา้ งตำ�่ มีความโปร่งแสงต่�ำ เนื่องจากมีตะกอนถูกพัดพาลงสู่อ่าวไทยในปริมาณมาก ส่วนฝั่งอันดามัน น้�ำมี ความโปร่งแสงสูงและมีความเค็มค่อนข้างคงท่ี แสงสามารถส่องลงไปได้ลึกจึงมีชนิดของสัตว์ทะเล ท่ีมคี วามหลากหลายสงู กวา่ ทางฝงั่ อา่ วไทย ตรงั เปน็ จงั หวดั หนงึ่ ในภาคใตข้ องประเทศไทย เปน็ จงั หวดั ทอ่ งเทยี่ ว 1 ใน 13 จงั หวดั ทางภาคใต้ ที่มีพื้นที่ติดชายทะเลฝั่งทะเลอันดามันตลอดแนวยาวของจังหวัด 135 กม. ประกอบด้วยเกาะเล็ก เกาะใหญ่มากถึง 46 เกาะ เป็นผู้ผลิตอาหารทะเลที่ส�ำคัญท้ังจากการประมงชายฝั่ง เพื่อการบริโภค ภายในจังหวัดและภายในประเทศ และจากการเพาะเลี้ยงชายฝั่งเพ่ือภาคอุตสาหกรรม มีชุมชน ท�ำการประมงชายฝัง่ ท้ังจากแผน่ ดนิ ทต่ี ิดชายทะเล และบนเกาะ มากกวา่ 4,000 ครวั เรอื น มีผลผลิต สตั วน์ ้�ำชายฝั่งตอ่ ปี 6,835 ตนั มูลคา่ 522.24 ล้านบาท อาหารทะเลที่เปน็ ทรัพยากรทางประมงทมี่ คี ุณภาพดีเยี่ยมของจงั หวัดตรงั ไดแ้ ก่ ปมู า้ กุ้งแชบว๊ ย หมึกหอม ปลากระพง ปลากุเลา ปลาทราย ปลาจาระเม็ด หอยชักตีนและหอยตะเภา ส�ำหรับ หอยชักตีนและหอยตะเภา เป็นสัตว์น้�ำท่ีหาไม่ได้ในจังหวัดชายทะเลอ่ืนๆ จึงเพ่ิมความน่าสนใจให้กับ แหลง่ ทอ่ งเท่ียวและนักทอ่ งเทีย่ ว แมจ้ ะมปี รมิ าณไม่มากแตไ่ ด้เพิ่มเสน่หแ์ ละสง่ เสรมิ การทอ่ งเที่ยวของ จงั หวดั ไดอ้ ยา่ งดี 110 แพลตฟอร์มวิจัยด้านเกษตร
ความพรอ้ มของนักวิจยั นอกจากจงั หวดั ตรงั มพี นื้ ทตี่ ดิ ชายฝง่ั มชี มุ ชนประมงชายฝง่ั มากพอทจ่ี ะนำ� รอ่ งตน้ แบบของธรุ กจิ อาหารทะเลชายฝั่ง และเป็นสถานที่ท่ีเหมาะสมกับการวิจัยเชิงพ้ืนท่ีแล้ว จังหวัดตรังยังเป็นท่ีตั้งของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั (มทร.ศรวี ชิ ัย) วทิ ยาเขตตรัง ท�ำงานวิจัยเชิงพน้ื ท่ตี อ เนอื่ งมา ประมาณ 20 ป มีความพยายามในการดูแลลมุ นำ้� จนถึงเกาะลิบง พน้ื ทท่ี ศี่ ึกษาคร้ังน้ีเปน พน้ื ที่ตอนลาง ตดิ กบั จงั หวดั สตลู ซง่ึ พน้ื ทดี่ งั กลา วมคี วามนา สนใจ เนอ่ื งจากมคี วามอดุ มสมบรู ณข องทรพั ยากรสตั วน ำ�้ และเปนแหลง วางไขของสัตวน�้ำทดี่ ี มทร.ศรวี ชิ ยั มีหนว่ ยจัดการงานวิจยั เพอ่ื พฒั นาเชิงพื้นที่ มีนกั วจิ ัย ทมี่ ปี ระสบการณด์ า้ นประมงเปน็ ทนุ เดมิ จากการมคี ณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารประมงเปน็ แหลง่ ใหค้ วามรดู้ า้ นประมงหลายสาขา อาทิ การเพาะเลยี้ งสตั วน์ ำ้� เทคโนโลยปี ระมง เศรษฐศาสตรก์ ารประมง จึงมีผลงานวิจัยด้านประมงเชิงอนุรักษ์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน การด�ำเนินการวิจัยโครงการ “การขับเคล่ือนห่วงโซ่คุณค่าใหม่ของธุรกิจอาหารทะเลในจังหวัดตรัง เพ่ือยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ของชมุ ชนประมงชายฝง่ั ” ภายใตค้ วามรบั ผดิ ชอบของ มทร.ศรีวชิ ยั จึงมีความเหมาะสมในระดบั สูง นอกจากน้ัน การรวมสรรพก�ำลังนักวิจัยต่างสาขา ต่างประสบการณ์จากทั้ง 3 วิทยาเขตของ มทร.ศรีวชิ ัย (สงขลา ตรงั และนครศรีธรรมราช) มารว่ มกนั ดำ� เนนิ งาน โดยมี ผศ.ดร.อภริ ักษ์ สงรักษ์ ผู้คร�่ำหวอดกับงานวิจัยด้านประมงมาโดยตลอดเป็นหัวหน้าโครงการ ผศ.ดร.อภิรักษ์ สงรักษ์ มปี ระสบการณ์จดั ท�ำโครงการธนาคารปูมา้ ทีต่ รงั และขยายผลไปอกี หลายแห่ง มีเครอื ขา่ ยชาวประมง ในพ้ืนท่ีมากมาย ท่ีส�ำคัญมีความตั้งใจช่วยเหลือชาวประมง มุ่งม่ันพัฒนาศักยภาพชาวประมงด้วย วิชาการ มสี ัมพันธภาพทด่ี ีงามกบั ชมุ ชน สามารถ “เขา้ ใจ เข้าถงึ และพฒั นา” การรวมตวั ของนักวจิ ยั ของ มทร.ศรวี ชิ ัย ด้วยวิชาการจากฐานความร้เู ดิมซึ่งมีอยู่ และประสบการณต์ ่างสาขา (อุตสาหกรรม เกษตร วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยผี ลติ ภณั ฑป์ ระมง เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยกี ารจดั การ และวทิ ยาการ คอมพิวเตอร)์ ในครงั้ นี้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความลงตัวสำ� หรับโครงการนี้อย่างยง่ิ การออกแบบและการบรหิ ารจดั การงานวิจัยเพอื่ มุ่งผลลพั ธ์ 111
ความสนใจร่วมใช้ผลงานวจิ ัยของชุมชนและเครอื ขา่ ยเอกชน พน้ื ทที่ ศ่ี กึ ษาของโครงการ เปน็ ชมุ ชนชายฝง่ั ในอำ� เภอหาดสำ� ราญและอำ� เภอปะเหลยี น จงั หวดั ตรงั ครอบคลมุ พนื้ ท่ี 3 ตำ� บล 10 หมบู่ า้ น ประกอบดว้ ยกลมุ่ ตวั อยา่ งผมู้ สี ว่ นรว่ มและจะใชผ้ ลงานวจิ ยั โดยตรง รวม 365 ครวั เรอื น ผรู้ วบรวมผลผลติ สตั วน์ �้ำในชมุ ชน 23 ราย ผปู้ ระกอบการรา้ นอาหารในจงั หวดั ตรงั 10 ราย มีภาคีที่เก่ียวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนอีก 14 ราย (เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทตรังวิสาหกิจเพ่ือ สงั คมจำ� กดั 4 ราย) โครงการวจิ ยั ดำ� เนนิ การเตม็ ตามแผนกจิ กรรมแมจ้ ะมอี ปุ สรรคจากวกิ ฤตโรคระบาด จากโควดิ -19 ทำ� ใหท้ งั้ นกั วจิ ยั และชมุ ชนผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ตอ้ งหยดุ วจิ ยั แบบปกตไิ ปประมาณ 3 เดอื น ชว่ งกอ่ นปดิ โครงการ เกดิ บทเรยี นใหมท่ ง้ั โดยตรงและโดยออ้ ม ทส่ี ำ� คญั เกดิ การสะสมฐานความรู้ ขอ้ มลู เครือ่ งมอื วิจัยใหม่ๆ ซึ่งลว้ นมคี ่าทัง้ ต่อนักวิจยั ชมุ ชนประมง ภาคเี ครอื ขา่ ย และผเู้ ก่ยี วขอ้ ง สร้างความ กระตือรอื รน้ ความเหน็ อกเห็นใจซ่งึ กันและกนั อยา่ งต่อเนอื่ ง กลไกการจดั การงานวิจยั เคร่ืองมือ และผลงานวิจยั 1. เปา้ หมายวจิ ยั ตัวชวี้ ดั และวัตถุประสงค์ต้องชดั เจน เป้าหมายวิจัย โครงการวิจัยฯ มีเป้าหมายในการยกระดับห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ของ การท�ำประมงชายฝั่งให้เป็นธุรกิจอาหารทะเล เพื่อเป็นส่วนส�ำคัญในการยังประโยชน์ให้ผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับต้นน�้ำของห่วงโซ่ เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้เพิ่มข้ึนอย่างน้อย 30% ทีมวิจัยมีจุดมุ่งหมายวิจัยและพัฒนาผลผลิตอาหารทะเล เพื่อพัฒนาศักยภาพชาวประมงชายฝั่ง โดย 1) สนับสนุนใหกลุมชาวประมงสามารถเก็บรักษาผลผลิตอาหารทะเลได้อยางมีคุณภาพด้วยความรู้ 2) พฒั นาการแปรรปู ข้นั ตน ใหแกก ลมุ ชาวประมง 3) พัฒนานวัตกรรม บรรจภุ ัณฑผ ลผลิตอาหารทะเล เพื่อการจ�ำหนาย 4) พัฒนากรรมวิธกี ารแปรรปู อาหารทะเลเพ่ือเพม่ิ รายไดแ กช ุมชน ตวั ชวี้ ดั รปู ธรรมความสำ� เรจ็ ของโครงการตามเปา้ หมาย คอื 1) เกดิ กลมุ่ ผปู้ ระกอบการแปรรปู ขน้ั ตน้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 กลมุ่ 2) เกดิ กลมุ่ ผปู้ ระกอบการรวบรวมอาหารทะเลทมี่ คี ณุ ภาพไมน่ อ้ ยกวา่ 1 กลมุ่ 3) มีวธิ ีการการยืดอายกุ ารเกบ็ รักษาความสดของสัตว์นำ�้ ไมต่ �่ำกว่า 5 วิธกี ารใหม่ 4) ไดผ้ ูป้ ระกอบการร้าน อาหารภายในจงั หวดั ไม่นอ้ ยกว่า 10 ราย นอกจงั หวดั ไมน่ อ้ ยกว่า 2 ราย 5) เกิดนวัตกรรมการพฒั นา โปรแกรม DSEA ใหเ้ ปน็ ตน้ แบบระบบฐานขอ้ มลู ผลผลติ สตั วน์ ำ้� ของประมงชายฝง่ั เพอ่ื ประโยชนใ์ นการ เก็บขอ้ มูลวิจยั วเิ คราะหส์ ถานการณ์ และจะขยายผลให้ใช้ประโยชนไ์ ดจ้ รงิ ตอ่ ไป เพ่ือให้เกิดการเขา้ ถงึ ปรมิ าณผลผลติ ในแต่ละวนั ของผเู้ ก่ยี วข้อง ตลอดหว่ งโซอ่ ปุ ทาน (supply chain) 112 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ด้านเกษตร
วัตถุประสงค์ การจัดการงานวิจัยสู่เป้าหมายประกอบด้วยวัตถุประสงค์ 4 ประการ ได้แก่ 1) เพื่อจัดการห่วงโซ่คุณค่าของระบบอาหารทะเลในจังหวัดตรัง 2) เพ่ือการจัดการด้านการตลาด ภายในจงั หวัดตรงั 3) เพื่อจัดการการตลาดอาหารทะเลภายนอกจงั หวดั ตรงั 4) เพือ่ พฒั นาการบริหาร จดั การงานวจิ ัยกบั ภาคเี ครือขา่ ยความรว่ มมือทม่ี ีสว่ นเก่ยี วข้อง แนวทางการจัดการวัตถุดิบอาหารทะเลใหเกิดการพัฒนาอยางยั่งยืน 5 ประการ ประกอบด้วย 1) การสื่อสารทำ� ความเขาใจสรา งความตระหนกั เพือ่ ใหเกดิ การยอมรับการเปล่ียนแปลงในทางทดี่ ีข้นึ 2) การใหความรูพ้ืนฐานดานการจับ การดูแลคุณภาพสัตวน้�ำภายหลังการจับใหแกชาวประมง 3) การวิเคราะหขอมูลความตองการของตลาด เพ่ือน�ำมาเปนแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑใหตรง กับความตองการของตลาด 4) การฝกทักษะการปฏิบัติที่เหมาะสมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหแก่ กลุมแปรรูปเบ้ืองตน และ 5) การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑใหมีความสม่�ำเสมอ และเพียงพอตอความตองการของตลาด แนวทางดังกล่าวนับเป็นเร่ืองท้าทายและยากย่ิงโดยเฉพาะ กับชาวประมงผู้ท่ีมั่นคงกับกรอบคิดเดิมและความมั่นใจในตนเอง แนวทางที่ต้องท�ำให้ส�ำเร็จจึงต้อง อาศยั ความศรัทธา ความจริงใจและไดใ้ จ สมั พนั ธภาพที่ดงี าม และผลงานที่เคยประจกั ษ์มาก่อนหนา้ น้ี การออกแบบและการบริหารจัดการงานวจิ ยั เพ่อื ม่งุ ผลลัพธ์ 113
โครงการนีม้ ีการจัดท�ำ กรอบวิจัยเหตผุ ลสัมพันธ์ (Log Frame) เปน็ การใชห้ ลกั การแสดงความ สัมพันธ์ในเชิงเหตุและผล แสดงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบที่เป็นโครงสร้างพ้ืนฐานของโครงการ ได้แก่ เป้าประสงค์ (goal) วัตถุประสงคข์ องการดาํ เนินโครงการ (objective) ปจั จัยนําเขา้ (input) กจิ กรรม (activity) ผลผลิต (output) ไว้อยา่ งละเอียด ก�ำหนดตวั ช้ีวัดความสำ� เรจ็ เป็นรูปธรรม และ ครอบคลุมภาพรวมของการด�ำเนิน ท�ำให้ทีมงานวิจัยสามารถท�ำความเข้าใจโครงการและด�ำเนินงาน ตามได้งา่ ย เม่ือนำ� มาใช้ในการตรวจเชค็ ผลการด�ำเนินงาน จะสามารถประเมินผลสมั ฤทธิไ์ ด้ตลอดทาง ท่ีส�ำคัญเม่ือเสร็จส้ินโครงการ ทีมวิจัยสามารถตรวจเช็คได้ว่า ในภาพรวมการด�ำเนินวิจัยครอบคลุม ผลผลติ ทตี่ ้องการทกุ ข้อหรอื ยัง สามารถแสดงตวั ช้ีวัด และหลกั ฐานสนับสนนุ ได้ มีการเรียนรเู้ พม่ิ เตมิ มีวิธีที่จะขยายผลต่อได้ หรือได้ยุติบางกิจกรรมท่ีอาจไม่เกิดผลสนับสนุนเป้าหมาย หรือมีอุปสรรคจน ไมส่ ามารถด�ำเนนิ การตอ่ ได้ 2. กลไกการขับเคล่อื น เครือ่ งมอื วจิ ัย และผลวิจัย 1. หว่ งโซค่ ณุ คา่ (value chain) เปน็ เครอื่ งมอื วจิ ยั ทช่ี ว่ ยใหส้ ามารถอธบิ ายกจิ กรรมภายใน หว่ งโซอ่ ปุ ทาน ซง่ึ ประกอบไปดว้ ยกลมุ่ กจิ กรรมการมคี วามสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั และมคี วามเกย่ี วเนอ่ื ง กบั การสรา้ งคณุ คา่ เพมิ่ ใหก้ บั วตั ถดุ บิ ใชแ้ นวคดิ เรอ่ื งหว่ งโซค่ ณุ คา่ ในการจดั การกจิ กรรม การเปลยี่ นแปลง ที่เกดิ ขน้ึ กับปจั จัยน�ำเข้า (input) ในโครงการนีค้ ือวตั ถดุ ิบสตั วน์ ้�ำชายฝั่งทคี่ ณะผู้วจิ ยั เลือกไว้ 5 ชนิด ตามคุณลักษณะท่ีโดดเด่นและแตกต่าง เช่น ปริมาณผลผลิตมาก มีความต้องการสูงและราคาสูง มคี วามพิเศษเฉพาะตวั ให้เปน็ ผลติ ผล (output) ทมี่ ีคณุ ภาพตรงตามความตอ้ งการของลูกคา้ ในกรณีศึกษาน้ี ห่วงโซ่อุปทานของสัตว์น�้ำท้ัง 5 ชนิดท่ีศึกษามีความคล้ายคลึงกัน มีผู้เก่ียวข้อง ในการผลิต 3 ระดับเหมือนกัน ประกอบด้วยชาวประมงชายฝั่ง ซ่ึงเป็นผู้จับสัตว์น�้ำจากธรรมชาติ เปน็ หว่ งโซแ่ รก (ตน้ นำ�้ ) ผรู้ บั ซอื้ /แพรบั ซอื้ ผทู้ ำ� หนา้ ทร่ี วบรวมสตั วน์ ำ้� และแปรรปู เบอ้ื งตน้ (ปนู ง่ึ แกะเนอื้ ) ซงึ่ อาจเปน็ คนเดยี วกนั หรอื มากกวา่ มผี รู้ วบรวมและกระจายสนิ คา้ ทอ่ี าจมมี ากกวา่ 1 ระดบั (หลายคน/ กลุ่มคน) เป็นห่วงโซ่ล�ำดับถัดมา (กลางน�้ำ) และ ร้านอาหาร โรงงานแปรรูป ท�ำหน้าที่แปรรูปเป็น ผลิตภัณฑอ์ ยา่ งงา่ ยท่สี ามารถเกบ็ รกั ษาคณุ ภาพดว้ ยการแชแ่ ขง็ (อาทิ สตั ว์น้�ำสดพร้อมปรงุ ผลิตภณั ฑ์ พร้อมรับประทานบางชนิด) เป็นห่วงโซ่ล�ำดับท่ีสาม (ปลายน้�ำ) ความสัมพันธ์ของ 2 ห่วงโซ่ท่ีติดกัน มีความใกล้ชิดกันมากกว่าและเป็นไปในรูปแบบคู่ค้าที่พ่ึงพากัน ท�ำให้ชาวประมงมีสัมพันธภาพที่ดี กับผรู้ วบรวมและผูร้ ับซือ้ ส่วนผ้รู วบรวมและผรู้ ับซอ้ื มสี มั พนั ธภาพทดี่ ีกบั ผู้ประกอบการ แต่เน่อื งจาก สายห่วงโซ่อุปทานส้ัน ท�ำให้ผลตอบแทนส่วนใหญ่อยู่ปลายสายโซ่ ห่วงโซ่ท่ีอยู่ใกล้ผู้บริโภคมากที่สุด คือ ผูป้ ระกอบการ จะไดร้ บั ผลตอบแทนสูงสุดโดยธรรมชาติ 114 แพลตฟอรม์ วิจยั ดา้ นเกษตร
ตน นำ้ กลางนำ้ ปลายนำ้ ผบู รโ� ภค (ชาวประมง) (ผรู บั ซอ้ื /ผูรวบรวม/แพ/ (รา นอาหาร/ ผแู ปรรูปสัตวน ้ำเบอ้ื งตน ) โรงงานแปรรปู ) 1.1 กิจกรรมต้นน้�ำ ผลวิเคราะห์พบปัญหาการจัดการวัตถุดิบสัตว์น�้ำท่ียังไม่ดีพอ ชาวประมง ขาดความตระหนักด้านการจัดการดูแลรักษาสัตว์น้�ำหลังจับ (handling) และด้าน สุขลักษณะของสถานที่จัดวางผลผลิตท่ีจับได้ระหว่างรอผู้รับซ้ือ หากสามารถปรับเปลี่ยน วิธีการจัดการได้จะก่อให้เกิดมูลค่าท่ีดีขึ้นและสูงขึ้นกว่าเดิม ทีมวิจัยได้ใช้เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์สัตว์น้�ำกับการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าอาหารทะเลต้นน�้ำโดย 1) ด้านสุขลักษณะ มีการท�ำความสะอาดพ้ืนที่และอุปกรณ์ที่ใช้ ท้ังก่อนและหลังการด�ำเนินการ เพ่ือป้องกัน การปนเปือ้ นและการสะสมของจุลชีพ 2) การควบคมุ ความเยน็ สัตว์น้ำ� สด (กุง้ ปลา และ ปตู ายหรอื ใกลต้ าย) ดว้ ยนำ�้ แขง็ 3) การใหอ้ อกซเิ จนแกส่ ตั วน์ ำ้� ทมี่ มี ลู คา่ สงู ขณะมชี วี ติ หลงั จบั บนเรอื จนถึงมอื ผู้รวบรวม (ปมู ้า) การออกแบบและการบรหิ ารจดั การงานวจิ ัยเพือ่ มุง่ ผลลพั ธ์ 115
กระบวนการจัดการ เป็นการจัดการดูแลรักษาคุณภาพสัตว์น�้ำหลังจับให้สอดคล้องกับความ ต้องการของตลาดผา่ นผรู้ วบรวม ชาวประมงตน้ น�้ำเปน็ หว่ งโซ่ขอ้ แรกทส่ี ามารถเพม่ิ คุณค่า สนองความ ต้องการของห่วงโซ่ถัดข้ึนไป มีการจัดการดูแลหลังจับตั้งแต่อยู่บนเรือ การปรับเปล่ียนอุปกรณ์และ ภาชนะบรรจุท่ใี ช้ การรกั ษาความสะอาดของสถานที่ ผลลัพธ์ท่ีเกิดขึ้นนอกจากจะช่วยพัฒนาความสามารถของชุมชนแล้ว ชาวประมงยังได้รับผลดี มีรายรับสูงข้ึนอีกด้วย โดยชาวประมงกุ้งแชบ๊วยและชาวประมงปลาทรายหลังเพ่ิมการดูแลรักษาให้มี ความสดนานข้ึนโดยการรักษาด้วยความเย็นจากการใช้น�้ำแข็ง เกิดผลก�ำไรสุทธิต่อปีเพ่ิมข้ึนสูงสุด 19.8% และ 19.32% รองลงมาคือชาวประมงหมึกหอมมีผลก�ำไรสุทธิต่อปีเพ่ิมขึ้น 16.47% ชาวประมงปูม้าต้องลงทุนเคร่ืองมือให้อากาศด้วย ผลก�ำไรสุทธิต่อปีที่สูงข้ึน เฉล่ียจากชาวประมง 120 คนได้ต่�ำสดุ คือ 12.68% (ภาพท่ี 2) ชาวประมงกุง แชบว ย ชาวประมงหมกึ หอม ผลกำไรสุทธติ อปเพม� ขน�้ ผลกำไรสุทธิตอปเ พม� ข�น้ 19.8% 16.47% ชาวประมงปลาทราย shaannitdaltiniogn ชาวประมงปูมา ผลกำไรสุทธติ อปเ พ�มขน้� คา เฉลยี่ ผลกำไรสุทธติ อ ปเพ�มขน�้ 19.32% 17.07ผลกำไรสทุ ธติ อ ปเพม� ข้น� 12.68% % ภาพที่ 2 ผลกำ� ไรสุทธติ ่อปขี องชาวประมงท่ีเพม่ิ ขึ้นหลังการปรบั เปลี่ยนวธิ กี ารดแู ลรกั ษาสัตวน์ ำ้� หลังจับ 1.2 กจิ กรรมกลางนำ้� ผลวเิ คราะหจ์ ากงานวจิ ยั พบวา่ การจดั การวตั ถดุ บิ สตั วน์ ำ้� ของผรู้ วบรวม ยงั ไม่ดพี อ ผู้รวบรวมขาดความตระหนกั ดา้ นสุขลักษณะของสถานที่ และการจดั การดแู ลรกั ษาสัตว์น้�ำ หลังการรวบรวม โดยบริเวณรวบรวมสัตว์น�้ำไม่มีการดูแลรักษาความสะอาด อุปกรณ์ท่ีใช้ เช่น ถังบรรจุสัตว์น�้ำไม่สะอาด ตาช่ังมีความหลากหลายแบบ ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่พร้อมใช้งาน ไม่ได้ใช้ น�้ำแข็งลดอุณหภูมิของสัตว์น้�ำท่ีตายแล้วทันที โดยเฉพาะการรับซื้อปูมีชีวิตแต่ตายเม่ือถึงแพรับซื้อ รวมทัง้ ไม่ไดส้ นใจสรา้ งความหลากหลายของผลผลติ กอ่ นจำ� หนา่ ยให้ผู้ประกอบการ 116 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ด้านเกษตร
กระบวนการจัดการ ปรับเปลี่ยนวิธีการด้านสุขลักษณะและการจัดการตามชนิดของสัตว์น�้ำ ด�ำเนินการโดย 1) รักษาความสะอาดของสถานที่รวบรวมสัตว์น้�ำ มีโต๊ะคัดขนาดท่ียกสูงจากพ้ืน มีการล้างก่อนและหลังการใช้งาน 2) ปูมีชีวิต มีการคัดขนาด และให้ออกซิเจนต่อเนื่องในถังหรือ ภาชนะสะอาดบรรจุน�้ำทะเล 3) ปูเพลียหรือเพ่ิงตาย เมื่อต้มไม่ได้ทันทีต้องท�ำให้เย็นโดยใช้น้�ำแข็ง 4) ปูต้มแล้วรอแกะเนื้อ ใช้น�้ำแข็งในการเก็บรักษาคุณภาพตลอดเวลา 5) สถานท่ีแกะเน้ือปูสะอาด และเย็น 6) การปฏิบัติงานของคนงานแกะปูและบริเวณแกะปูท�ำให้ได้เทียบเท่ามาตรฐานสุขอนามัย ของสถานแปรรูปสัตวน์ �้ำเบื้องตน้ 7) เนื้อปแู กะแลว้ มกี ารแยกชนิด (เนือ้ กรรเชยี ง เนือ้ กอ้ น เนอ้ื ก้าม เนื้อก้ามเล็ก เศษเนื้อ) เก็บในภาชนะบรรจุท่ีสะอาดในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนท�ำให้ความเย็น ไม่ทั่วถึง 8) เกบ็ รกั ษาด้วยความเยน็ ทันทใี นน้�ำแขง็ ที่สะอาด กุ้งแชบ๊วย ปลาทราย และหมึกหอม ใช้น�้ำแข็งบดหรือน้�ำแข็งเกร็ดที่สะอาดและเพียงพอ ไม่แช่ สัตว์น้�ำสดในน้�ำเย็นจากการละลายของน้�ำแข็งนานเกินไป บรรจุในภาชนะ (หลัวพลาสติก) ท่ีสะอาด มกี ารแยกชนดิ สตั วน์ ำ�้ สว่ นหอยตะเภา มกี ารกำ� จดั เศษหนิ ทรายทปี่ ะปนมา และรกั ษาใหม้ ชี วี ติ ในทโี่ ลง่ และชน้ื หรอื ตามความต้องการของผ้ปู ระกอบการปลายนำ้� ในกระบวนการกลางนำ�้ อาจมผี รู้ วบรวมมากกวา่ 1 ลำ� ดบั โดยผรู้ วบรวมลำ� ดบั ท่ี 1 จำ� หนา่ ยสตั วน์ ำ้� ให้กับผู้รวบรวมท่ี 2 มีการจ�ำหน่ายไปยังตลาดในจังหวัด 60% ส่งไปยังตลาดนอกจังหวัด 30% อีก 10% ส่งให้กับผู้ประกอบการ หรือโรงงานแปรรูปสัตว์น้�ำ กระบวนการจัดการในข้ันตอนกลางน�้ำ จงึ มคี วามซบั ซอ้ นขนึ้ ตอ้ งใชว้ ชิ าการเขา้ ไปชว่ ยจดั การ แตเ่ นอ่ื งจากการพฒั นาคณุ ภาพสตั วน์ ำ�้ ใหเ้ ปน็ ไป ตามความตอ้ งการของผซู้ อ้ื หรอื ผปู้ ระกอบการ หรอื โรงงานแปรรปู มคี วามแตกตา่ งกนั ซงึ่ เปน็ การเพมิ่ คณุ คา่ ใหแ้ กผ่ รู้ วบรวม ทำ� ใหผ้ รู้ วบรวมยอมรบั การปรบั ปรงุ แกไ้ ขไดด้ กี วา่ และมากกวา่ ชาวประมงทว่ั ไป ซง่ึ ทำ� ให้ไดร้ บั ผลดี มรี ายรบั สงู ข้ึนมากกวา่ ด้วย การออกแบบและการบริหารจดั การงานวจิ ยั เพ่ือมุ่งผลลัพธ์ 117
การวิเคราะห์ต้นทุน-ผลตอบแทนก่อนการปรับเปล่ียนวิธีการจัดการ จากจ�ำนวนผู้รวบรวม รวมในพ้ืนที่จ�ำนวน 23 ราย มีต้นทุนรวมเฉลี่ย 720,463.00 บาท/ปี/ราย มีก�ำไรสุทธิรวมเฉลี่ย 156,754.53 บาท/ปี/ราย หลังการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการ แยกตามชนิดสัตว์น้�ำพบว่า ผู้รวบรวม กงุ้ แชบว๊ ยหลงั เพมิ่ การดแู ลรกั ษาใหม้ คี วามสดนานขน้ึ โดยการใชน้ ำ�้ แขง็ มผี ลกำ� ไรสทุ ธติ อ่ ปเี พม่ิ ขนึ้ สงู สดุ คิดเปน็ 24.21% ผรู้ วบรวมหมกึ หอมและปลาทราย หลังเพม่ิ การใชน้ ้�ำแขง็ รักษาความสด และรกั ษา สุขลักษณะของสถานท่ีรวบรวมผลผลิต มีผลก�ำไรสุทธิต่อปีเพิ่มขึ้น คิดเป็น 23.96% ส่วนผู้รวบรวม ปูม้าหลังการเพิ่มการให้อากาศแก่ปูเป็น ใช้น�้ำแข็งเก็บรักษาปูตายและเน้ือปูแกะ มีผลก�ำไรสุทธิต่อปี เพมิ่ ขึ้น คิดเปน็ 14.59% (ภาพที่ 3) 23ผูรวบรวม 14.59ผูรวบรวมปมู า % ราย ผลกำไรสุทธิตอปเพ�มขน้� 720,4ตน6ท3นุ .ร0ว0มเฉบลาที่ย/ป/ราย 156ก,7ำไ5รส4ทุ .ธ5ริ 3วมบเาฉทล/่ียป/ราย 24.21ผรู วบรวมกุง แชบวย % ผลกำไรสทุ ธติ อ ปเพ�มข�น้ 23.96ผรู วบแรลวะมปหลมาึกทหรอามย % ผลกำไรสุทธติ อปเพ�มขน้� 20.92คาเฉลยี่ ผลกำไรสุทธิตอปเพ�มข้�น % ภาพที่ 3 ก�ำไรสทุ ธิตอ่ ปีของผรู้ วบรวมแยกตามชนดิ สตั วน์ ำ้� 1.3 กิจกรรมปลายนำ้� ผลวิเคราะหพ์ บว่า ผปู้ ระกอบการส่วนใหญ่เปน็ เจ้าของกจิ การรา้ นอาหาร มีผู้รวบรวมบางรายท�ำหน้าท่ีเป็นผู้ประกอบการเอง สถานที่ประกอบการในข้ันตอนนี้เน้นโครงสร้าง โรงเรือน/ห้อง/อุปกรณ์ท่ีสัมผัสอาหารต้องสะอาดตลอดเวลา โดยผู้ประกอบการและผู้สัมผัสสัตว์น้�ำ ต้องมีสุขอนามัยดี คุณภาพผลิตภัณฑ์ข้ึนอยู่กับคุณภาพวัตถุดิบ และผู้จัดเตรียมสินค้า รวมทั้ง ชนิดผลิตภัณฑ์ เม่ือคุณภาพวัตถุดิบดี คุณภาพผลิตภัณฑ์ก็จะดีด้วยเป็นเบื้องต้น การเพิ่มคุณค่าของ สตั วน์ ำ้� ในล�ำดบั สดุ ทา้ ยของห่วงโซ่อปุ ทานขน้ึ อย่กู บั รูปแบบการพัฒนาผลติ ภณั ฑเ์ ป็นหลกั ทมี ผวู้ ิจยั ได้ ใชค้ วามรแู้ ละประสบการณแ์ สดงผลวจิ ยั ใหเ้ หน็ วา่ ผปู้ ระกอบการสามารถปรบั เปลย่ี นการจดั การโดยวธิ ี ใดได้บา้ ง เชน่ การพัฒนารปู แบบผลิตภณั ฑ์ ภาชนะบรรจุ การจัดช่องทางการจ�ำหน่าย รูปแบบการนำ� เสนอ การส่งเสรมิ การขาย ซ่งึ พบวา ผบู รโิ ภคสว นใหญเ ปนคนรนุ ใหม/แมบ านรุนใหม มกี ารซื้อบรโิ ภค สปั ดาหละ 2 ครงั้ มคี วามตอ งการบริโภคอาหารท่มี าจากแหลงท่มี าเฉพาะ ดงั นัน้ คุณคาของอาหาร คอื ความสด ใหม สะอาด การขนสงมีคุณภาพดี เกดิ ชอ งทางการตลาดในการขายสนิ คา เชน ตลาด ออนไลน การโฆษณาขายผา่ น Facebook หรือขายตรงกลมุ่ เปา หมาย 118 แพลตฟอร์มวิจยั ดา้ นเกษตร
กระบวนการจัดการ การพัฒนารปู แบบผลิตภัณฑ์ ขน้ั ต้น อาจทำ� ไดโ้ ดยวธิ กี ารใดวธิ กี ารหนงึ่ อาทิ เพม่ิ การแปรรปู เบอ้ื งตน้ การพฒั นาปมู า้ นงึ่ (ตม้ ในนำ�้ ปรมิ าณนอ้ ย) แชแ่ ขง็ โดย 1) แยกตาม ขนาดปูเพ่ือควบคุมเวลาการท�ำให้สุก ล้างน้�ำสะอาดก่อนต้ม 2) ทำ� ใหส้ กุ ประมาณรอ้ ยละ 80 เพ่อื รกั ษานำ�้ หนกั 3) บรรจใุ น ถุงพลาสติกท่ีทนต่อการฉีกขาดโดยเล็บปู 3) ปิดผนึกแบบ สุญญากาศ 4) แช่แข็งแบบรวดเร็ว 5) เก็บรักษาที่อุณหภมิ ไม่สูงกว่า -18๐C การพัฒนาเนื้อปูม้าแช่แข็งโดย 1) แยกชนิด เนอื้ ปทู แี่ กะแลว้ 2) แบง่ บรรจใุ นถงุ พลาสตกิ ในขนาดทเี่ หมาะสม ต่อการท�ำให้เย็นได้ท่ัวถึงในเวลารวดเร็ว เช่น ถุงละ 100 กรัม หรือ 200 กรัม ไม่ควรเกิน 500 กรัม 3) แช่แข็งแบบรวดเร็ว 4) เก็บรักษาท่ีไมส่ ูงเกบ็ รักษาทีอ่ ณุ หภูมไิ ม่สูงกว่า -18๐C การพฒั นาสตั วน์ ำ้� สดแชแ่ ขง็ เชน่ กงุ้ หมกึ ปลา มกี ารจดั การดงั น้ี 1) แยกขนาดใสใ่ นตะกรา้ พลาสตคิ 2) ล้างให้สะอาด ปล่อยให้สะเด็ดน้�ำ โดยควบคุมความเย็น 3) แยกบรรจุในถุงพลาสติกในปริมาณ ท่ีเหมาะสม เชน่ 250 กรัม 500 กรัม 4) แช่แข็งแบบรวดเร็ว 5) เกบ็ รกั ษาที่อุณหภูมิไมส่ ูงกว่า -18๐C การพฒั นาสตั วน์ ำ�้ สดแชแ่ ขง็ รว่ มกบั การเพม่ิ ชอ่ งทางการจดั จำ� หนา่ ยและการตลาด ไดส้ ง่ ผลให้ ผปู้ ระกอบการใหมซ่ ่ึงเปน็ ผลผลติ จากโครงการมกี �ำไรสุทธิเพ่มิ ข้ึนต่อปสี ูงถงึ 40.88% 2. ระบบฐานขอ้ มูล การพัฒนาระบบฐานข้อมูลผลผลิตจากชุมชนประมงชายฝั่งเป็นวัตถุประสงค์ของทีมวิจัยที่จะท�ำ DSEA ใหเ้ ปน็ ระบบทพ่ี ฒั นาขน้ึ เพอื่ เปน็ ฐานของการพฒั นาโมเดลธรุ กจิ ใชข้ อ้ มลู จาก DSEA บรหิ ารจดั การ วตั ถดุ บิ สัตวน์ �้ำตลอดหว่ งโซอ่ ุปทาน ใหเ้ กดิ ช่องทางการตลาดออนไลน์ ท่สี ามารถบรหิ ารจดั การสนิ คา้ ถึงมือผู้บริโภค (ผู้ซื้อ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงต้องอาศัยฐานข้อมูลปริมาณสัตว์น�้ำ การจัดการ ดา้ นการดแู ลรกั ษา และการจดั การดา้ นการแปรรปู ฐานขอ้ มลู ทพ่ี ฒั นาขนึ้ จงึ จะมผี ใู้ ชป้ ระโยชนท์ ส่ี ามารถ เขา้ ถงึ ขอ้ มลู จากโปรแกรมดังกลา่ วทุกห่วงโซ่ เพื่อประกอบกจิ กรรมล�ำดับถัดไป แม้จะมองเห็นช่องทางการพัฒนาการกระจายสินค้าอาหารทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพจาก การใช้โปรแกรมเชื่อมโยงข้อมูลให้เกิดประโยชน์จริง แต่เมื่อมีอุปสรรคในการเข้าถึงภาคีในห่วงโซ่ ช่วงการระบาดของโควิด-19 โปรแกรมนี้จึงส�ำเร็จเพียงบางส่วน ใช้ได้เฉพาะงานเก็บข้อมูลในช่วงท�ำ การวิจัย จึงเกิดความท้าทายให้มีการพัฒนาต่อไปจนเป็นแอพพลิเคชั่น ให้สามารถใช้ประโยชน์ใน การเขา้ ถงึ ของผ้เู ก่ยี วข้องทกุ ห่วงโซอ่ ุปทาน การออกแบบและการบริหารจัดการงานวจิ ัยเพือ่ มุ่งผลลัพธ์ 119
3. โมเดลธรุ กิจชมุ ชน กระบวนการจดั การพฒั นาดา้ นการตลาด นอกจากการปรบั เปลยี่ นวธิ กี ารจดั การโดยการพฒั นา ผลติ ภณั ฑต์ ามความตอ้ งการของตลาดและผบู้ รโิ ภคแลว้ เพอ่ื สรา้ งรปู แบบการสง่ เสรมิ การขายครบวงจร สรา งการเปลยี่ นแปลงทางดา นรายได โครงการฯ ยงั ไดใ้ ชโ้ มเดลธรุ กจิ เปน็ เครอื่ งมอื ทชี่ ว่ ยในการวางแผน ธรุ กิจ การกำ� หนดกลยุทธ์ ประเมนิ ความส�ำเรจ็ ของแผนงาน และเลือกรูปแบบธุรกิจท่ีมีประสทิ ธภิ าพ และเหมาะสมกับธรุ กจิ ใหม่ ทอี่ าจมีนวตั กรรมสินคา้ คือแบบจำ� ลองธรุ กิจวา่ ธรุ กิจของเราจะใหบ้ รกิ าร หรอื ขายอะไร? ขายใหใ้ คร? ขายอย่างไร? ขายทไี่ หน? ผลติ ด้วยอะไร? ใครมาช่วยผลติ ? มรี ายได้และ ค่าใช้จา่ ยอย่างไร? รวมถงึ มกี ำ� ไรจากการให้บริการและสินคา้ ตวั ไหนบา้ ง? ดังนั้นโมเดลธรุ กจิ จงึ ควรคดิ กอ่ นการเรมิ่ ธรุ กจิ ผทู้ ไ่ี ดท้ ำ� ธรุ กจิ ไปแลว้ กย็ งั สามารถนำ� โมเดลธรุ กจิ มาปรบั ปรงุ โดยปรบั เปลยี่ นใหด้ ขี นึ้ คดิ ให้เป็นภาพรวมมากขึน้ โครงการวจิ ยั นีไ้ ด้ใช้ BMC (Business Model Canvas) เปน็ แมแ่ บบช่วยในการออกแบบโมเดล ธรุ กจิ ซง่ึ มปี ระโยชนใ์ นสองเรอ่ื งคอื ชว่ ยแจกแจงองคป์ ระกอบตา่ งๆ 9 สว่ น เพอ่ื ใหง้ า่ ยตอ่ การวเิ คราะห์ ไดแ้ ก่ 1) กลุม่ ลูกคา้ เป้าหมาย 2) คณุ ค่าทีม่ อบใหแ้ ก่ลกู คา้ 3) ชอ่ งทางการเข้าถึงลูกคา้ 4) การสรา้ ง ความสัมพันธ์กับลูกค้า 5) รูปแบบการหารายได้ 6) การจัดสรรทรัพยากรหลัก 7) กิจกรรมหลัก ที่จ�ำเป็นต้องท�ำ 8) การสร้างเครือข่ายสนับสนุน และ 9) โครงสร้างต้นทุน การท่ีทราบถึงกิจกรรม ทั้งหมดท่ีต้องท�ำ ท�ำให้ได้คิดเร่ืองต้นทุนและค่าใช้จ่าย เม่ือจะขายก็สามารถตั้งราคาท่ีมีก�ำไรได้ และยังสามารถขายไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในช่องทางท่ีถูกต้องได้ รวมทั้งการขยายตลาดไปยัง กลุ่มเปา้ หมายก็ประชาสมั พนั ธ์ไดต้ รงกล่มุ ในตน้ ทนุ ทต่ี �่ำอกี ด้วย คณะผวู้ จิ ยั ไดเ้ ลอื กพฒั นาชอ่ งทางการจดั จำ� หนา่ ยรว่ มกบั ผปู้ ระกอบการ โดยรวบรวมและวเิ คราะห์ ขอ้ มลู ความตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภคในจงั หวัด (แบบสุม่ ) จำ� นวน 400 คน ก�ำหนดกลยทุ ธท์ างการตลาด เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค ทง้ั ชนดิ /ประเภท/รปู แบบ/ราคาของสนิ คา้ และชนดิ ผลติ ภณั ฑ์ ประจวบกับช่วงด�ำเนินการวิจัยเป็นช่วงวิกฤตจากไวรัสโคโรน่า ช่องทางกระจายสินค้าด้วยการซ้ือ ขายผา่ นระบบออนไลน์ การขนสง่ ผ่านรถห้องเยน็ จงึ สามารถตอบโจทย์ไดด้ ี ท้งั ชนดิ สนิ คา้ (สว่ นใหญ่ เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีใกล้เคียงของสดพร้อมปรุง ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน อายุการเก็บนาน คุณภาพ เปล่ยี นแปลงนอ้ ย) ขนาดบรรจุ และบรรจภุ ัณฑ์ ตราสัญญลกั ษณ์สินคา้ “กลางเล” สามารถส่ือความ หมายให้ผูพ้ บเห็นเข้าใจงา่ ย กลยุทธก์ ารตลาด การส่งเสริมการขาย และราคา จึงสรา้ งมูลค่าเศรษฐกิจ หมนุ เวยี นได้สงู กว่าเปา้ หมาย 120 แพลตฟอร์มวจิ ยั ด้านเกษตร
“กลางเลโมเดล” ถอื เปน็ โมเดลธรุ กจิ ใหมท่ เี่ พม่ิ ชอ่ งทางการตลาด เปน็ ผลงานวจิ ยั ของโครงการฯ เป็นความส�ำเร็จที่ประจักษ์ เกิดขึ้นโดยร่วมมือระหว่างนักวิจัยกับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารทะเล ในชุมชนซึ่งได้ปรับเปล่ียนจากการเป็นผู้รวบรวมสัตว์น้�ำในพื้นที่ เป็นผู้จัดจ�ำหน่ายอาหารทะเลท่ี ตอบโจทย์ตลาดในยุคปัจจุบัน ก�ำนันต�ำบลตะเสะ อ�ำเภอหาดส�ำราญ จังหวัดตรัง นายศักดา ทุ่ยอ้น หรือ “ก�ำนันจันทร์” เป็นผู้น�ำยุคใหม่ที่มีความคิดก้าวหน้า เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในการสนับสนุน ให้ชาวประมงในพ้ืนที่ มีรายได้เพ่ิมข้ึน โดยการน�ำผลงานวิจัยของโครงการมาพัฒนาเป็นโมเดลธุรกิจ ใหม่ของอาหารทะเลแบบสด มีคณุ ภาพ ผ่านการเกบ็ รักษาอย่างถูกวิธี ดว้ ยการแชแ่ ข็ง พร้อมสง่ ต่อถึง ผบู้ รโิ ภค ไดอ้ ย่างรวดเร็ว ในราคาทเี่ ป็นธรรมกับผู้บริโภค และยงั คงความสดของอาหารทะเล การพัฒนาผู้ประกอบการภายใต้แบรนด์ “กลางเล” ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และการออกแบบ บรรจภุ ัณฑ์ท่ีเหมาะสมกับการขนส่ง ตลอดจนการจัดการ ระบบโลจสิ ติกส์ เป็นการเพ่มิ ช่องทางการจัดจ�ำหน่าย ท�ำให้ สามารถสร้างผลก�ำไรให้ผู้ประกอบการ 1 รายซ่ึงน�ำเสนอ ผลิตภัณฑ์สินค้าจากสัตว์น้�ำที่ใช้เป็นตัวอย่าง 4 ชนิดใน แผนการวจิ ยั (อกี 1 ชนดิ คอื หอยตะเภาไมม่ กี ารทำ� เนอ่ื งจาก ไม่ใช่ฤดูกาล) เพ่ิมข้ึนถึง 40.88% สูงกว่าชาวประมงต้นน�้ำ และผู้รวบรวม โดยประมาณ 1 เทา่ ตวั การออกแบบและการบรหิ ารจัดการงานวิจัยเพอื่ มุ่งผลลพั ธ์ 121
4. ตลาดออนไลน์ การสร้างตลาดออนไลน์ตามกระแสนิยมเป็นทางเลือกหนึ่งท่ีโครงการได้ร่วมมือกับ ผู้ประกอบการใช้เป็นช่องทางการจัดจ�ำหน่าย รวมท้ังความจ�ำเป็นภาคบังคับท่ีต้องกระจายสินค้า แขง่ กบั การเสอื่ มคุณภาพของสตั วน์ ้�ำสดซึง่ เสอ่ื มเสียเร็วกวา่ อาหารทวั่ ไป ในชว่ งเกดิ โรคระบาด ได้เกิด ผลกระทบรุนแรงต่อการท่องเท่ียวและการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ท�ำให้เกิดการระบายสินค้า ในราคาต�่ำกว่าทุนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง การลดกระหน่�ำด้านราคามีให้เห็นในทุกแหล่งที่ยังสามารถ เปิดด�ำเนินการซื้อ-ขาย ได้ ตลาดออนไลน์ที่ดูเหมือนว่าจะประสบความส�ำเร็จ โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในช่วงเร่ิมต้น แต่ในระยะต่อมา ยังมีปัจจัยท่ีท�ำให้ความส�ำเร็จลดลงหลายปัจจัย หากผู้ประกอบการ ไม่สามารถพัฒนากลไกทางการตลาดออนไลน์ได้ เช่น มีการสร้างความหลากหลายของชนิดสินค้า การสรา้ งโปรโมชน่ั ดา้ นราคาเพอ่ื จงู ใจ และเนอื่ งจากมี “ผจู้ ะขาย” มงุ่ หนา้ เขา้ สตู่ ลาดออนไลนจ์ ำ� นวนมาก และมากขนึ้ เร่ือยๆ ผู้คา้ จึงตอ้ งเขา้ ใจและตอ้ งพฒั นาตนเองตลอดเวลา ทส่ี �ำคัญต้องมวี ธิ ีการดแู ลรกั ษา อาหารทะเลสดตลอดเส้นทางโลจิสติกส์ เน่ืองจากอาหารทะเลสดเป็นกลุ่มอาหารท่ีเส่ือมเสียง่าย มีความเฉพาะตัวสูง การสร้างความหลากหลายทั้งเรื่องตัวสินค้าและราคาอยู่ในระดับยากข้ึน รวมทั้ง ผู้ประกอบการต้องมีพื้นที่เพียงพอท่ีสามารถรักษาคุณภาพไว้ได้ในระยะหนึ่ง ก่อนจัดการกระจาย ให้ออกจากคลังสนิ คา้ ตอ่ ไป จากกรณีศึกษา ผลรวมเศรษฐกิจหมุนเวียนหลังพัฒนาตามกิจกรรมห่วงโซ่คุณค่าใหม่เพิ่มข้ึน มากกว่าเป้าหมาย (30%) เม่ือพิจารณาจากล�ำดับในห่วงโซ่อุปทาน ผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในล�ำดับ ห่วงโซ่ท่ีใกล้ผู้บริโภคที่สุด ลงทุนมากท่ีสุด สามารถท�ำรายได้เพ่ิมข้ึนต่อปีสูงสุด และลดหลั่นลงมายัง ผู้รวบรวม และชาวประมง ซ่ึงลงทุนต่�ำกว่า อยู่ห่างจากผู้บริโภคมากกว่า รายได้ท่ีเพ่ิมข้ึนเป็นไปใน ทศิ ทางเดยี วกบั ลำ� ดบั ในห่วงโซ่ 122 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ด้านเกษตร
การพัฒนาผ้ปู ระกอบการธุรกจิ เพือ่ สังคม (Social Enterprise) การจดั การงานวิจัยชิน้ นีเ้ ปน็ เพยี งโครงการนำ� รอ่ ง เกิด “ตรงั โมเดล” เปน็ ต้นแบบการขับเคลื่อน กลไกการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากจากชาวประมงชายฝั่งในระยะเวลาส้ันและจ�ำกัด การขยายผล และการติดตามผลกระทบ (impact) อาจมีข้อจ�ำกัดหากนักวิจัยจะท�ำเอง โครงการจึงได้ร่วมกับ นกั ธรุ กจิ หลายรายซง่ึ มปี ระสบการณใ์ นการจดั การธรุ กจิ อาหารแปรรปู การจดั การวตั ถดุ บิ อาหารทะเล การจดั การธรุ กจิ รา้ นอาหารทะเล การตลาด การบม่ เพาะผปู้ ระกอบการ การพฒั นาเมอื ง Smart City และ การจดั การธรุ กจิ เพอื่ สงั คม อาทิ คณุ สกั ขฉฐั เชยี่ วภู่ ผจู้ ดั การโรงกาแฟมาเจอน่ี คณุ ชณมนตั ทองสถานสุ ถ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บลิสต์ฟูดส์มาร์เก็ต จ�ำกัด คุณไพฑูรย์ นงค์นวล ประธานกรรมการ บริษัท บ้านยายศล จ�ำกัด คุณธีรภัทร์ วุฒศักด์ิ กรรมการผู้จัดการบริษัทกลางอากาศเอ็กซ์ จ�ำกัด คุณพงศกร พรหมรัตน์ นักออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ ก่อต้ัง “บริษัท ตรังวิสาหกิจเพ่ือ สังคม” ได้ส�ำเร็จเป็นโมเดลธุรกิจจากกระบวนการการมีส่วนร่วมระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการและ นักวิจัยโดยใช้แบบจ�ำลองธุรกิจต้นแบบท�ำหน้าที่ขับเคลื่อนธุรกิจอาหารทะเลด้วยการพัฒนา แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ “Coast to Table” สร้างคุณค่าสินค้าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้�ำสด ตรงจากประมงชายฝั่ง เกิดเครือข่ายกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การสั่งซ้ือและช�ำระเงินผ่านระบบออนไลน์ มีกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์เป็นพันธมิตร ท่ีสามารถรับประกันคุณภาพสินค้าจากต้นทางถึง ปลายทาง มีการแชร์ทรัพยากรอุปกรณ์และเคร่ืองมือ ที่ส�ำคัญมีการจัดสรรก�ำไรเป็นเงินปันผลกับ ผู้ถือหุน้ อยา่ งยุติธรรม นับเป็นเรอื่ งท้าทายที่บรษิ ัทตรังวิสาหกิจเพื่อสังคมจะต้องสานงานต่อ สวมบทบาทเป็นคู่คิด พฒั นาการท�ำธุรกิจอาหารทะเล เปิดโอกาสให้ชาวประมงเขา้ มาเปน็ พนั ธมิตรรว่ มทุนกับบรษิ ทั ชว่ ย ชาวประมงสรา้ งความหลากหลายของผลติ ภณั ฑจ์ ากการแปรรปู ทง้ั ทตี่ อ้ งเกบ็ ดว้ ยความเยน็ ทำ� แหง้ ทำ� เคม็ และผลติ ภณั ฑพ์ รอ้ มรบั ประทานในตำ� หรบั พื้นบา้ นแตถ่ กู ปากคนเมอื ง ใชช้ อ่ งทางการตลาดที่ โครงการวิจยั ทำ� ฐานไว้แล้ว จะชว่ ยให้ชาวประมงซึมซับวิธีการท�ำธุรกจิ ไดม้ ากขน้ึ เป็นพันธมติ รคู่คา้ กับผู้ประกอบการมากขน้ึ รวมทั้งเป็นผู้ประกอบการเองในรูปแบบใหม่ๆ แม้การเปล่ียนแปลงจะท�ำได้ ช้าและยากอยบู่ า้ ง แตเ่ ป็นเรื่องดแี ละเปน็ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นจริงได้ การออกแบบและการบรหิ ารจัดการงานวิจัยเพ่ือมุ่งผลลัพธ์ 123
ขอ้ ค้นพบจากโครงการวจิ ยั “ตรงั โมเดล” ทโี่ ครงการฯ ใชแ้ กป้ ญั หาโจทย์ 2 ประการ ไดแ้ ก่ การขาดความรทู้ างวชิ าการทจี่ ะใช้ ในการบรหิ ารจดั การทรัพยากรสัตวน์ �้ำใหค้ งคณุ ภาพสดนาน ดว้ ยวิธพี ฒั นาสขุ ลักษณะของสถานทแ่ี ละ ใช้ความเย็นในการเก็บรักษา รวมท้ังการให้อากาศแก่สัตว์น�้ำท่ีมีชีวิต ผู้ท่ียอมรับการใช้วิชาการใน การจดั การทรพั ยากรตงั้ แตห่ ลงั การจบั คอื ชาวประมง และผรู้ วบรวม ซงึ่ ตา่ งกไ็ ดร้ บั ผลตอบแทนทสี่ งู ขนึ้ วตั ถุดบิ สตั ว์น�้ำเม่ือถงึ มอื ผู้ประกอบการมีคณุ ภาพดขี น้ึ สว่ นปัญหาดา้ นการตลาด มกี ารใช้วถิ กี ารตลาด แบบใหม่ทั้งการพฒั นารปู แบบสินค้า การตลาดออนไลน์ ตลอดจนการสง่ เสริมการขายทม่ี ีทมี วิจัยเป็น ผู้น�ำด้านความคิดและช่วยออกแบบ ผู้ท่ีให้การยอมรับ คือผู้ประกอบการ (เป็นหลัก) ในกรณีศึกษา ผปู้ ระกอบการทา่ นนเ้ี ดมิ เปน็ ผรู้ วบรวมทไี่ ดผ้ นั ตวั เองตามเหตผุ ลและแรงจงู ใจจากโครงการฯ ซง่ึ จดั เปน็ ผลจากการสรา้ งผปู้ ระกอบการใหมเ่ พยี ง 1 รายในชว่ งเวลาทจ่ี ำ� กดั และเกดิ วกิ ฤต สามารถแสดงใหเ้ หน็ วา่ กลไกทางการตลาดที่ใช้ชักน�ำการสร้างผลกำ� ไรสุทธติ อ่ ปีตอ่ รายสูงขน้ึ ถึง 40.88% (ภาพท่ี 4) พัฒนากระบวนการจดั การ พัฒนาชองทางการตลาด ดูแลรกั ษาสัตวน ำ้ หลงั การจับ และสง เสร�มการขาย New value chain • sanitation ชาวประมง ตรงั วส� าหกจิ ผูรวบรวม • DSEA • handling ผูรวบรวม เพอ่� สังคม ผปู ระกอบการ • dperovdeluocptment • aeration • quick freezing • icing • logistic • marketing • branding ภาพท่ี 4 ตรังโมเดลเพือ่ พฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากของคนชายฝั่ง การขยายผลสู่การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจฐานรากจะเกิดขึ้นได้ยากหากข้อค้นพบจากงานวิจัย หยดุ อยเู่ พยี งเทา่ นี้ และยงั ไมถ่ กู นำ� ไปใชเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ โอกาสการขยายผลทเี่ ปน็ ไปไดค้ อื การขยายผล ด้วย “ตรังโมเดล” ในแนวราบสู่ชุมชนชายฝัง่ ทีท่ มี นกั วจิ ยั ใกลช้ ิดกบั ชุมชนในพน้ื ท่จี ังหวัดสงขลา และ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซง่ึ มวี ิทยาเขตของ มทร.ศรวี ิชัย ต้ังอยู่ สว่ นการขยายผลในแนวดง่ิ ยงั ทา้ ทาย ความสามารถของ “ตรังวิสาหกิจเพื่อสังคม” ท่ีจะสร้างการเปลี่ยนแปลง ยกระดับความเป็นอยู่และ เศรษฐกิจฐานรากของชาวประมงชายฝั่งตามพันธกิจจากโมเดลการใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีและการ ตลาด รวมทัง้ การพัฒนาแอพพลเิ คช่นั เช่ือมโยงขอ้ มูลสัตวน์ ้�ำจาก DSEA ท่ที มี วิจยั ไดเ้ รม่ิ ต้นไว้ สกู่ ารใช้ ประโยชน์เตม็ รูปแบบในกลุ่มผผู้ ลติ ตอ่ ไป 124 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ดา้ นเกษตร
บทส่งทา้ ย ผลงานช้ินนี้ ผู้ท่ีควรได้รับค�ำนิยมและกล่าวถึงคือ “ทีมวิจัย” ที่มี ผศ.ดร.อภิรักษ์ สงรักษ์ เปน็ หวั หนา้ ทมี ดว้ ยประสบการณแ์ ละสมั พนั ธภาพดเี ยย่ี มกบั ผรู้ ว่ มงานทกุ ระดบั เขา้ ถงึ พนื้ ท่ี เขา้ ถงึ จติ ใจ ชุมชนในพนื้ ท่ี เปน็ นกั บรหิ ารที่มฉี นั ทะ ม่งุ มั่นทำ� วจิ ัยดา้ นประมง สรา้ งการเจริญเติบโตใหช้ มุ ชน และ ผปู้ ระกอบการทำ� ประมงชายฝง่ั อยา่ งครบวงจรและตอ่ เนอ่ื ง แมย้ ามวกิ ฤตกพ็ ยายามฟนั ฝา่ ปรบั เปลยี่ น วิธกี ารดำ� เนินการโดย เปล่ยี นรูปแบบการท�ำงานเปน็ Work from Home ใชก้ ารประชุมออนไลน์กบั ทมี วจิ ยั ประสานงานกับผู้ช่วยวิจยั ในพน้ื ที่และชุมชนบ่อยขึน้ ปรับรปู แบบการช่วยเหลอื ชุมชนชายฝ่งั และบุคคลท่ีเก่ียวข้องผ่านระบบการช่วยเหลือออนไลน์ ท่ีออกแบบโดยทีมวิจัย จัดอาสาสมัคร แบบ RUTS Volunteer โดยมอบหมายให้ อาจารย์เจษฎา รม่ เย็น ผูร้ ว่ มวจิ ัย เปน็ ผ้จู ดั การ ท�ำให้การด�ำเนิน การสามารถทำ� ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง และสามารถใหก้ ารชว่ ยเหลอื กบั ชมุ ชนไดท้ นั การณ์ ทส่ี ำ� คญั ไดก้ ระตนุ้ ใหช้ าวประมงใชค้ วามรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการรว่ มทำ� วจิ ยั มาใชป้ ระโยชน์ พฒั นาคณุ ภาพการดแู ลและเกบ็ รกั ษา ผลผลติ สตั ว์นำ้� พร้อมๆ กับการสง่ เสรมิ ให้ชาวประมงจ�ำหนา่ ยผลผลติ สตั ว์นำ�้ โดยตรง ผา่ นชอ่ งทาง ตลาดออนไลน์ ในพนื้ ทห่ี รือไปจำ� หนา่ ยในตลาดชุมชน ทำ� ให้ชาวประมงก้าวสลู่ �ำดับห่วงโซ่อุปทาน ที่ใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น เกิดความคาดหวังเพ่ิมพูนเศรษฐกิจที่ดี โดยให้ความส�ำคัญกับชนิดสัตว์น้�ำ ที่สามารถน�ำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากข้ึน สามารถเก็บรักษาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ได้นาน เปน็ ตัวเลอื กท่ีมคี วามหลากหลายส�ำหรับลูกค้าในตลาดออนไลน์ การออกแบบและการบริหารจดั การงานวิจยั เพ่ือมุง่ ผลลพั ธ์ 125
อย่างไรก็ตาม หลังสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดตรังผ่อนคลายวิกฤต คณะผู้วิจัยสามารถเดินทาง ภายในจังหวัดได้ มีการติดตามเพ่ือพบปะชาวประมง ท�ำให้พบว่าชาวประมงยังพอมีรายได้เล้ียง ครอบครัวแต่ลดลง ไมเ่ พียงพอกบั การใช้จา่ ยได้เปน็ ปกติ รวมทั้งไม่มเี งินออมด้วย ส�ำหรบั ผูร้ วบรวมผลผลิตอาหารทะเล /แพรับซอื้ สัตว์นำ้� การพัฒนาศักยภาพเป็นผ้ปู ระกอบการ ท�ำให้เกิดช่องทางจ�ำหน่ายผลผลิตสัตว์น�้ำผ่านระบบกลไกตลาดสมัยใหม่ สร้างโอกาสในการจ�ำหน่าย ผลผลิตสัตว์น้�ำในสถานการณ์ที่เปล่ียนแปลงได้ในระดับหน่ึง มีการจ�ำหน่ายผลผลิตสัตว์น้�ำให้กับ ผบู้ รโิ ภคโดยตรง โดยเพ่มิ บรกิ ารจัดส่งอาหารในเขตอ�ำเภอเมือง วันละ 1 รอบ มีการพฒั นาช่องทาง การจำ� หนา่ ยสินคา้ อาหารทะเล โดยใชโ้ มเดลธรุ กจิ ภายใตช้ อ่ื แบรนด์ “กลางเล” สำ� หรบั ผปู้ ระกอบการธรุ กจิ อาหารทะเล เนอ่ื งจากไมส่ ามารถดำ� เนนิ การไดต้ ามปกติ ผปู้ ระกอบการ ร้านอาหารในเครือข่ายวิจัย “ปูม้าปาร์ต้ี” ต้องปิดตัวลงเช่นเดียวกับร้านอาหารอื่นๆ จึงมีการปรับตัว โดยการท�ำงานร่วมกับคู่ธุรกิจท่ีร่วมวิจัย โดย ปรับรูปแบบการจ�ำหน่ายสินค้าแบบบริการส่งถึงบ้าน โดยให้พนักงานในรา้ น ท�ำหนา้ ทใี่ ห้บรกิ าร ปรับเปล่ียนการใหบ้ ริการเป็นจ�ำหน่ายผลผลติ อาหารทะเล แปรรูปพร้อมปรุง ส่งให้กับลูกค้าถึงบ้าน ในพ้ืนท่ีจังหวัดตรัง โดยให้พนักงานในร้านเป็นผู้ท�ำหน้าท่ี ใหบ้ รกิ าร เพอ่ื ใหเ้ กดิ การจา้ งงานพนกั งานในชว่ งวกิ ฤตตอ่ ไปไดด้ ว้ ย รวมทง้ั ไดป้ รบั เปลย่ี นหนา้ รา้ นเปน็ ธุรกิจส่งอาหารทะเลให้กับลูกค้านอกพ้ืนท่ีจังหวัดตรัง โดยใช้ระบบขนส่งของเอกชน ได้แก่ Inter Express และ SCG Logistic เป็นผู้จัดส่งสินค้า ในระบบรถห้องเย็น สามารถเก็บรักษาความเย็น ตลอดการขนสง่ และสามารถขนสง่ สนิ คา้ ไดภ้ ายใน 24-48 ช่วั โมง กลไกการจัดการของทีมวจิ ัยนอกเหนือจากการขับเคล่ือนห่วงโซ่คุณค่าด้วยหลักวิชาการ ด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเก่ียว การตลาด และพ้นื ฐานด้านโลจิสติกส์แล้ว ทีมวิจัยได้เลือกใช้ เครือ่ งมือวจิ ัยใหม่ท่ีได้รับในช่วงการด�ำเนินงานเกือบครบทุกชนิด ในจังหวะท่ีเหมาะสมตาม วตั ถปุ ระสงคท์ มี่ งุ่ ตรงสเู่ ปา้ หมาย ทส่ี ำ� คญั ไดส้ รา้ งฐานความใกลช้ ดิ ระหวา่ งทมี วิจยั กบั ภาคเี ครือขา่ ย ในโซ่อุปทาน สร้างความเข้าใจซ่ึงกันและกันระหว่างห่วงโซ่คุณค่าทั้งสามระดับ มากกว่าการเป็น พันธะของคู่ซ้ือ-ขายท่ีมีมาแต่เดิม เมื่อส่งต่อผลงานให้กับบรษิ ัทตรังวสิ าหกิจเพอ่ื สังคม วิสาหกิจน้ี ก็สามารถสานต่อความสัมพันธ์นี้ได้ทันที การปรับวัฒนธรรมจากผู้ผลิตต้นน้�ำเข้าสู่การเป็น ผปู้ ระกอบการ ดว้ ยจดุ เดน่ ของผลติ ภณั ฑพ์ รอ้ มเสรฟิ จากสตั วน์ ำ�้ สดสเู่ มนพู ้ืนบา้ นแตถ่ กู ปากนกั กนิ สงิ่ ท่ีไม่ลมื คือ เพม่ิ เตมิ กลุม่ พันธมิตรเปา้ หมาย ตวั แทนนักกินท่ีจะเปน็ ผ้ทู ดสอบเมนกู ่อนเขา้ สู่ตลาด ท่อี อกแบบไว้ พร้อมนกั วชิ าการผตู้ รวจสอบคณุ ภาพตามมาตรฐานด้วยหลกั วชิ าการใหด้ ว้ ย 126 แพลตฟอรม์ วิจัยดา้ นเกษตร
แดพิจติลตลั ฟอร์ม เพิ่มช่องทางการตลาดของ ธรุ กจิ เกษตรอินทรยี ์ไทย สู่สังคมเก้อื กูล ดร.ปยิ ะทัศน์ พาฬอนรุ กั ษ์ • ผ้จู ดั การโครงการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ • ผูช้ ่วยผู้ประสานงาน สำ� นักประสานงาน “งานวจิ ัยเชงิ นโยบายเกษตรและเสริมสรา้ งเครือข่ายงานวิจัยเชงิ นโยบาย” สำ� นกั งานการวจิ ยั แห่งชาติ ความเช่ยี วชาญ • นกั เศรษฐศาสตร์การเกษตรและทรพั ยากรรนุ่ ใหม่ • การประเมนิ ผลกระทบด้านเศรษฐศาสตรจ์ ากการลงทุนงานวจิ ยั
ดจิ ิตลั แพลตฟอร์ม: เพม่ิ ช่องทางการตลาด ของธรุ กิจเกษตรอินทรยี ์ ไทยสู่สงั คมเกอ้ื กลู 1 ในชว่ ง 2 ทศวรรษทผ่ี า่ นมา การทำ� การเกษตรและอาหารปลอดภยั เปน็ เรอ่ื งทผี่ คู้ นเรม่ิ ใหค้ วามสำ� คญั โดยเฉพาะประเทศทพี่ ฒั นาแลว้ ตลาดสนิ คา้ เกษตรอนิ ทรยี ์ รวมถงึ สนิ คา้ เกษตรปลอดภยั มกี ารขยายตวั มากขึ้นในแต่ละปี สอดคล้องกับเป้าหมายที่สองของการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ กล่าวคือ การมีระบบการผลิตอาหารที่ย่ังยืน ด�ำเนินการตามแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่มีภูมิคุ้มกันในการเพ่ิม ความสามารถในการผลิตและช่วยรักษาระบบนิเวศ ในส่วนของประเทศก�ำลังพัฒนา การมีอาหารท่ี เพยี งพออมิ่ ทอ้ งนน้ั อาจจะเปน็ ประเดน็ ความสำ� คญั ในระดบั ตน้ ๆ แตอ่ ยา่ งไรกด็ ผี คู้ นทม่ี รี ายไดป้ านกลาง และสงู มแี นวโนม้ ทจ่ี ะบรโิ ภคสนิ คา้ เกษตรปลอดภยั หรอื เกษตรอนิ ทรยี เ์ พม่ิ มากขนึ้ ตลาดสนิ คา้ ดงั กลา่ ว จึงขยายตวั เพ่ิมมากข้ึน ส�ำหรับประเทศไทย ความท้าทายของการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์มีอยู่หลายด้าน ด้วยกัน อาทิ การขาดขอ้ มลู ความรคู้ วามเขา้ ใจด้านมาตรฐานและประเภทของการผลิตเกษตรอินทรีย์ และเกษตรปลอดภัย ทัง้ ความหลากหลายของมาตรฐานในประเทศไทยเองและมาตรฐานสากล อกี ทัง้ ในตลาดยังขาดความหลากหลายของสินค้า เน่ืองจากไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้น สินค้าเกษตรอินทรีย์ มรี าคาค่อนขา้ งสูงเมือ่ เทียบกบั สนิ ค้าท่ัวไป ผูบ้ รโิ ภคยงั ขาดความเชือ่ ม่ัน ขาดความไว้วางใจในคณุ ภาพ และมาตรฐานของสนิ คา้ เกษตรอนิ ทรยี ์ เมอื่ พจิ ารณาหว่ งโซอ่ ปุ ทานตน้ นำ้� เกษตรกรยงั ใหค้ วามเชอ่ื มน่ั วา่ สารเคมกี ำ� จัดศตั รพู ชื มปี ระสทิ ธภิ าพในการควบคมุ ความเสยี หายในผลติ ผลเกษตร สว่ นดา้ นผจู้ �ำหนา่ ย ปจั จยั การผลติ ยงั คงสรา้ งแรงจงู ใจกระตนุ้ การใชส้ ารเคมขี องเกษตรกรเพอ่ื เพมิ่ ยอดจดั จำ� หนา่ ย สารกำ� จดั ศตั รพู ชื ชวี ภาพยงั มขี อ้ จำ� กดั ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจในการใช้ ดา้ นการตลาด เกษตรกรยงั ไมส่ ามารถเปน็ ผกู้ ำ� หนดราคาสนิ คา้ ได้ สดั สว่ นกำ� ไรสว่ นใหญจ่ งึ อยกู่ บั พอ่ คา้ คนกลาง ประกอบกบั พน้ื ท่ี “ตลาดสเี ขยี ว” ท่ชี ว่ ยใหผ้ ูบ้ รโิ ภคซือ้ สินค้าได้โดยตรงยงั มีอยู่จ�ำกัด อยา่ งไรกด็ ี การซ้อื ขายออนไลน์ ผา่ นโซเชยี ลมีเดยี และส่ือต่างๆ ได้รับความนิยมมากข้ึน โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโรค Covid-19 พร้อมกับ เกิดการขยายตัวของช่องทางการขนส่ง ซ่ึงเป็นกลไกสนับสนุนส�ำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรมีช่องทาง การจดั จ�ำหนา่ ยสินคา้ ได้มากข้ึน 1 มูลนิธิสังคมสุขใจ. 2563. การพัฒนาโมเดลใหม่ทางธุรกิจผ่านดิจิตัลแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพ่ิมช่องทาง การตลาดของเกษตรอนิ ทรยี .์ รายงานฉบบั สมบรู ณ.์ สำ� นกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม (สกสว.) 128 แพลตฟอรม์ วิจัยด้านเกษตร
จากประเด็นปัญหาข้างต้น “มลู นธิ สิ ังคมสุขใจ” จึงได้รเิ ร่มิ “สามพรานโมเดล: โมเดลเกอ้ื กูล สังคม” ในปี พ.ศ. 2553 มงุ่ ประสงคท์ จี่ ะด�ำเนนิ การขับเคลอื่ นสงั คมแหง่ การเรยี นรู้จากการมสี ว่ นรว่ ม บนฐานการค้าท่ีเป็นธรรม โดยมีเป้าหมาย “ชีวิตท่ีสมดุล อันประกอบด้วยการมีสุขภาพ สิ่งแวดล้อม สงั คมและเศรษฐกจิ ทด่ี ”ี สามพรานโมเดล จงึ เปน็ โมเดลทางธรุ กจิ ทเี่ ชอ่ื มตอ่ หว่ งโซจ่ ากเกษตรกรตน้ นำ�้ สผู่ ปู้ ระกอบการกลางนำ้� และผบู้ รโิ ภคทปี่ ลายนำ้� มกี ารศกึ ษาถอดบทเรยี นและพฒั นามาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง จนเม่อื ปี พ.ศ. 2556 ไดน้ ำ� PGS (Participatory Guarantee System) หรือ ระบบการรบั รอง แบบมสี ว่ นรว่ มทไ่ี ดร้ บั การยอมรบั ในระดบั สากลมาเปน็ เครอื่ งมอื สรา้ งความโปรง่ ใสในกระบวนการผลติ สินค้าเกษตรอินทรีย์ ผ่านการตรวจสอบรับรองของกลุ่มซึ่งเหมาะสมกับการเสริมสร้างการมีส่วนร่วม ของชมุ ชน พรอ้ มกบั สรา้ งความเชอ่ื ม่นั ให้กบั ผู้บริโภค อีกท้ังยงั ชว่ ยแก้ปัญหาของเกษตรกรจ�ำนวนหนง่ึ ทไี่ มส่ ามารถเขา้ ถงึ วธิ กี ารรบั รองสนิ คา้ เกษตรอนิ ทรยี จ์ ากหนว่ ยงานภายนอกทม่ี คี า่ ใชจ้ า่ ยคอ่ นขา้ งสงู ได้ มลู นธิ ฯิ มกี ารทำ� งานรว่ มกบั เกษตรกรอนิ ทรยี อ์ ยา่ งใกลช้ ดิ ตลอดกระบวนการผลติ ตงั้ แตร่ ะยะปรบั เปลย่ี น จากการผลิตท่ัวไปมาเป็นเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน พร้อมกับส่งเสริมด้านการตลาด การสร้าง แบรด์สินค้าอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกร ประกอบกับหนุนเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ ผู้บรโิ ภคและภาคส่วนต่างๆ ตลอดห่วงโซ่คุณคา่ จากการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้และการคา้ ทเ่ี ปน็ ธรรม นอกเหนือจากการนำ� PGS มาเปน็ เคร่ืองมือสรา้ งมาตรฐานสินคา้ อนิ ทรีย์และสร้างความเชือ่ มั่น ใหก้ บั ผบู้ รโิ ภคแลว้ สามพรานโมเดล ยงั นำ� เครอ่ื งมอื Social Movement Marketing หรอื การตลาด แบบสงั คมขบั เคลอื่ น โดยมเี ปา้ หมายใหผ้ ทู้ มี่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ เกษตรกรผผู้ ลติ สนิ คา้ เกษตรอนิ ทรยี ์ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ได้ร่วมเป็นแรงขับเคล่ือนสังคมเกษตรอินทรีย์ร่วมกัน โดยการสร้าง แรงบันดาลใจผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมท่ีมูลนิธิฯ เป็นผู้สนับสนุน แล้วผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องได้ลงมือ ปฏิบัติจริงตามบทบาทและความสนใจของตน เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งกนั และกัน (Inspire > Learn > Act > Share) Inspire Learn Act Share การออกแบบและการบรหิ ารจดั การงานวิจัยเพอื่ ม่งุ ผลลัพธ์ 129
เพอื่ การขยายผล สามพรานโมเดลยงั สนบั สนนุ กลมุ่ เกษตรกรอนิ ทรยี ใ์ หเ้ ปน็ ผปู้ ระกอบการ SMAE (Small Medium Agriculture Enterprises) สามารถดำ� เนนิ การคา้ ทงั้ กบั องคก์ รธรุ กจิ แบบ Business to Business (B2B) หรือ Business to Consumer (B2C) ซึ่งเป็นการยกระดับเกษตรกรให้เกิด ความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น สามารถขยายช่องทางการตลาดและเป็นผู้ประกอบการสินค้า เกษตรอินทรีย์เอง พร้อมกับเชิญชวนผู้ประกอบการ อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร ผู้แปรรูป เกิดเป็น ธุรกิจเก้ือกูลสังคมและส่ิงแวดล้อม และรวมถึงกระตุ้นผู้บริโภคท่ีตื่นตัว มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เพียงซื้อหรือบริโภคสินค้า แต่เป็นผู้บริโภคท่ีสนใจเรียนรู้ ติดตามข้อมูลข่าวสาร เขา้ รว่ มกจิ กรรมของสามพรานโมเดล แลว้ นำ� ไปทดลองปฏบิ ตั ิ สะทอ้ นความคดิ เหน็ เพอื่ ใหเ้ กดิ การพฒั นา ปรบั ปรงุ แลว้ แบง่ ปนั ประสบการณข์ องตนเองใหก้ บั ผบู้ รโิ ภคอน่ื ๆ เกดิ ผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลง ไปสสู่ งั คม แห่งการเรยี นรแู้ ละการมีสว่ นร่วม สามพรานโมเดล โ ม เ ด ล ธุ ร กิ จ เ กื้ อ กู ล สั ง ค ม THAI ORGANIC PLATFORM จากการพัฒนาโมเดลธุรกิจเกื้อกูลสังคมอย่างต่อเน่ือง ขยายผลการพัฒนาโมเดลใหม่เพ่ือให้เกิด การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบตลอดห่วงโซ่คุณค่า เป็นการด�ำเนินธุรกิจผ่านดิจิตัลแพลตฟอร์ม (Digital platform) จนเกิดเป็น Thai Organic Platform โดยในช่วงแรกได้รับการสนับสนุน การพัฒนาซอฟต์แวร์จากส�ำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ซึ่งช่วยให้เครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการธุรกิจกลางน้�ำ และผู้บริโภค สามารถขยายเครือข่ายความร่วมมือของพันธมิตรใน วงกว้างขึ้น ลดทอนข้อจ�ำกัดเชิงกายภาพในการเช่ือมโยงช่องทางการค้า และมีการรวบรวมสร้าง ฐานขอ้ มูลเพ่ือน�ำไปสกู่ ารวิเคราะห์ วางแผนด้านการตลาดต่อไป 130 แพลตฟอร์มวิจัยดา้ นเกษตร
Thai Organic Platform ประกอบดว้ ยงาน 3 ส่วนระหวา่ งกล่มุ เครือข่ายพนั ธมิตรซึง่ เปน็ ผูท้ ม่ี ี ส่วนเก่ยี วขอ้ งหลัก ไดแ้ ก่ ส่วนแรก คือ งานต้นน้ำ� หรือระบบจดั การเพาะปลกู และการสร้างมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์ เพ่ือช่วยให้เกษตรกรอินทรีย์สามารถวางแผนการผลิต ผ่านการบันทึกข้อมูลกิจกรรม และปัจจัยการผลิตผ่าน Application ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ 3 ประการ คือ 1) ช่วยค�ำนวณ ต้นทุน ประเมินปริมาณผลผลิต และการจัดจำ� หน่ายสินค้า ซ่ึงข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้ประกอบการ ขอรบั รองมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ์ แลว้ ยังช่วยสนบั สนนุ ระบบการตรวจสอบยอ้ นกลบั (traceability) 2) งานส่วนทส่ี อง คอื การจัดการค้าแบบ e-commerce ให้กับกลุ่มเกษตรกรอินทรยี ์ที่ได้บันทึกข้อมลู การผลติ ข้างตน้ ได้เสนอขายผลผลิตสนิ คา้ ในราคาทเ่ี กษตรกรเป็นผกู้ ำ� หนด พร้อมกบั ถ่ายทอดเรอ่ื งราว ในกระบวนการผลิต ท้ังการจัดจ�ำหน่ายแบบ B2B หรือ B2C ผ่านตลาดออนไลน์ (marketplace) โดยลูกค้าที่เป็นท้ังผู้ประกอบการกลางน้�ำและผู้บริโภคสามารถให้ข้อเสนอแนะย้อนกลับมาเป็น ข้อมูลที่ช่วยพัฒนาด้านการผลิตและการบริการ รวมถึงการรีวิวให้คะแนนความพึงพอใจ 3) ในงาน สว่ นสดุ ทา้ ยนน้ั เปน็ สว่ นงานปลายนำ้� คอื การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของลกู คา้ (customer engagement) ซึ่งเป็นการเช่ือมโยงลูกค้าผ่านกิจกรรมและการสื่อสารท่ีคาดว่าลูกค้าให้ความสนใจ อาทิ ช้อป กิน เที่ยว เรียนรู้ ซ่ึงเป็นกิจกรรมท่ีจัดขึ้นโดยกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการกลางน�้ำ และภาคีพันธมิตร ในเครอื ข่าย การออกแบบและการบริหารจดั การงานวิจัยเพอ่ื มุ่งผลลพั ธ์ 131
จากแนวคดิ การการด�ำเนินงาน Thai Organic Platform ข้างตน้ และการสนับสนนุ นวัตกรรม ซอฟต์แวร์ โดย ส�ำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ได้พัฒนามาสู่การต่อยอดใน โครงการ “การพัฒนา โมเดลใหม่ทางธุรกิจผา่ นดิจิตัลแพลตฟอร์ม เพ่อื สร้างความเช่อื มนั่ และเพมิ่ ช่องทางการตลาดของ เกษตรอนิ ทรยี ”์ โดยการสนบั สนนุ การวจิ ยั จากสำ� นกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และ นวัตกรรม (สกสว.) เพ่ือน�ำ Thai Organic Platform (TOP) ไปเผยแพร่ในกลุ่มผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้อง การพัฒนาระบบ verification เพิ่มเติม กล่าวคือ การตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับ ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ท่ีจะช่วยสร้างความเช่ือมั่นให้กับทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้องในห่วงโซ่คุณค่า พร้อมกับ พัฒนาโมเดลใหม่ทางธุรกิจสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยโมเดลใหม่ทางธุรกิจผ่านดิจิตัลแพลตฟอร์มนี้ เปน็ งานวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โดยมี “มลู นธิ สิ งั คมสขุ ใจ” เปน็ ผขู้ บั เคลอื่ นหลกั ทางโครงการฯ ไดว้ เิ คราะห์ ผู้ท่ีมีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง (stakeholders) ที่จะมีอิทธิพลต่อความส�ำเร็จของ โครงการ มีแนวโนม้ จะเขา้ มาเป็นภาคหี ุน้ ส่วน (boundary partners) ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทงั้ ในและ นอกเครอื ขา่ ยสามพรานโมเดลมากกวา่ 500 รายในพื้นที่ 10 จังหวัด กลุม่ ผปู้ ระกอบการกลางน้�ำ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ผผู้ ลิตสินค้าแปรรปู ประมาณ 60 ราย และผู้บริโภคเกอื บ 3,000 รายที่มแี นวโน้ม ที่จะยอมรับและใช้ TOP ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆ ท่ีสามารถช่วยสนับสนุน อาทิ สถาบันการศึกษา ธนาคารการเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น จากการวเิ คราะห์ผมู้ สี ่วนไดส้ ่วนเสีย ทำ� ใหโ้ ครงการฯ สามารถระบุภาคีห้นุ ส่วนทที่ างโครงการฯ จะด�ำเนินการด้วย โดยจัดกลุ่มของเกษตรกรตามลักษณะ ความพร้อม เงื่อนไขและข้อจ�ำกัด ท่ีจะน�ำ ไปสกู่ ารสรา้ งความร่วมมอื ทแ่ี ตกต่างกนั ออกเปน็ 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ “กลุ่มชวนทำ� ” กล่าวคือ เกษตรกร ทม่ี คี วามพรอ้ ม มที กั ษะ มกั เปน็ เกษตรกรรนุ่ ใหมห่ รอื ผทู้ เี่ ปดิ รบั การเรยี นรู้ ซงึ่ ทางโครงการฯ จะเรมิ่ ตน้ ให้เกษตรกรกลุ่มน้ีเป็นต้นแบบในการใช้ TOP แล้วเชิญชวนกลุ่มเกษตรกรที่เหลือให้เริ่มทดลอง “กลมุ่ พาทำ� ” คอื เกษตรกรทม่ี คี วามสนใจและทกั ษะเบอื้ งตน้ แตต่ อ้ งอาศยั การนำ� พาใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ เคร่ืองมืออย่างเป็นระบบ โดยมีเจ้าหน้าที่ของโครงการฯ ช่วยสนับสนุนให้ทดลองใช้ TOP จนเกิด ความมนั่ ใจ ซ่งึ เกษตรกรกลมุ่ นเี้ ป็นกลุ่มใหญ่ทส่ี ุดใน 3 กลมุ่ “กลมุ่ ช่วยท�ำ” คอื เกษตรกรท่มี ขี ้อจ�ำกัด ในการเรียนรู้และการใช้เทคโนโลยี เชน่ กลุ่มผสู้ ูงวยั ซ่งึ ทางโครงการฯ ต้องช่วยสนบั สนุนอยา่ งใกล้ชิด และตอ่ เน่อื ง เพ่อื ใหเ้ กษตรกรกลุ่มนไ้ี ดม้ โี อกาสเรียนรู้ ทดลองใช้ จนกระทัง่ คุ้นเคยและเกิดความมนั่ ใจ ท่ีจะใช้งาน TOP ด้วยตนเอง หรือในบางกรณีต้องหาแรงหนุนเสริม เช่น ลูกหลานท่ีมีความคุ้นเคย กบั เทคโนโลยี หรอื กลมุ่ เกษตรกรทมี่ ที กั ษะมาชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ทงั้ น้ี กระบวนการดำ� เนนิ งานของ โครงการฯ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ให้กับกลุ่มเกษตรกร เร่ิมแรกจะต้องสื่อสารสร้างความเข้าใจ กับเกษตรกร เพื่อให้เกิดการเปิดใจเรียนรู้ โดยให้เห็นถึงกระบวนการท�ำงานในภาพรวมทั้งหมด จากแผนภาพ พรอ้ มลำ� ดบั ขัน้ ตอนการดำ� เนินงานของ TOP ระหวา่ งการเรยี นรู้ทดลองใช้นนั้ เกษตรกร จะเห็นการเคล่ือนผ่านจากล�ำดับหนึ่งไปสู่อีกล�ำดับหนึ่งท�ำให้ทราบถึงเส้นทางการท�ำงานของทั้งระบบ แลว้ ใหเ้ กษตรกรลงมือปฏบิ ตั เิ องและมีการทำ� ซ�ำ้ จนเชีย่ วชาญ พรอ้ มกับเปดิ รบั ฟังเสยี งสะทอ้ น เพื่อน�ำ ข้อมูลไปปรับปรงุ ระบบ TOP ใหส้ มบรู ณ์มีประสิทธภิ าพยง่ิ ขนึ้ 132 แพลตฟอร์มวิจยั ดา้ นเกษตร
ในสว่ นของผปู้ ระกอบการกลางนำ้� ทส่ี นใจเขา้ รว่ มโครงการฯ สว่ นใหญม่ กั มคี วามสนใจเกษตรอนิ ทรยี ์ และวิถีอินทรีย์เป็นทุนเดิม ดังนั้น การแนะน�ำ TOP จึงเน้นเพ่ือสร้างความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ ทมี่ ากกวา่ การซอื้ ขายวตั ถดุ บิ ทางการเกษตรแบบทว่ั ไป แตร่ วมไปถงึ สรา้ งความเขา้ ใจถงึ ขอ้ จำ� กดั ในแตล่ ะ ฤดกู าลผลติ ของเกษตรกร ความแปรปรวนจากสภาพดนิ ฟา้ อากาศ เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ระกอบการสามารถปรบั ตวั มีแผนส�ำรองมารองรับ ตลอดจนส่ือสารสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภค ซึ่งหัวใจส�ำคัญที่ผู้ประกอบการ ต้องการ คอื คณุ ภาพของสินค้าเกษตรอนิ ทรยี ์ทเ่ี ช่ือม่นั ได้ ภายใต้ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ และ ความต่อเนือ่ งในปริมาณเพือ่ นำ� ไปวางแผนธุรกจิ รวมถึงราคาท่ีเป็นธรรม ซึง่ ในกรณที ใี่ ช้ TOP จะเป็น การเช่ือมตรงร่วมวางแผนการเพาะปลูกกับกลุ่มเกษตรกร เป็นการสร้างความมั่นใจและเป็นโอกาส ทางการตลาดในการร่วมขับเคล่ือนสังคมอินทรีย์ที่เป็นจุดขายใหม่ และสร้างความแตกต่างจาก ผู้ประกอบการรายอ่ืน กล่าวได้ว่า ผู้ประกอบการกลางน�้ำมีบทบาทส�ำคัญในการเป็นผู้สนับสนุน ให้เกิดการขยายตัวของกลุ่มเกษตรกรและเพิ่มก�ำลังการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ และรวมถึงเป็น ผู้สื่อสารเชื่อมโยงผู้บริโภคท่ีเป็นลูกค้าของผู้ประกอบการให้เข้ามาเรียนรู้ท�ำความรู้จักแหล่งท่ีมา ของวตั ถดุ บิ นบั เปน็ การสรา้ งฐานตลาดทก่ี วา้ งขวางขนึ้ นอกจากน้ี ผปู้ ระกอบการบางรายสามารถจดั ทำ� โปรโมชน่ั รว่ ม (co-promotion) ใหเ้ กษตรกรและผบู้ รโิ ภคไดม้ ารว่ มกจิ กรรมสง่ เสรมิ เรยี นรดู้ า้ นเกษตร อนิ ทรีย์ซ่งึ ถือได้ว่าเป็นการบริหารความสัมพันธ์กบั ลูกค้าดว้ ยเชน่ กัน ด้านความต้องการของผู้บริโภคผู้สนใจเป็นสมาชิก TOP ถือได้ว่าเป็นภาคส่วนส�ำคัญในการ ขบั เคลอ่ื นสงั คมเกษตรอนิ ทรยี ไ์ ทย ผบู้ รโิ ภคสว่ นใหญเ่ ปน็ กลมุ่ ทส่ี นใจซอ้ื หาสนิ คา้ อนิ ทรยี อ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ผ่านช่องทางของร้านค้าหรือตลาดเป็นหลัก TOP จึงเป็นช่องทางการซ้ือสินค้าอินทรีย์ทางออนไลน์ ท่ีอ�ำนวยความสะดวกพร้อมกับสร้างความเช่ือม่ันให้กับผู้บริโภคได้ พร้อมกันน้ี ความสนใจของ ผู้บรโิ ภคไมเ่ พียงจ�ำกัดแตส่ ินคา้ คณุ ภาพเพ่ือสขุ ภาพที่ดี แตย่ ังรวมถึงตอ้ งการสนับสนนุ เกษตรกรผู้ผลติ สินค้าอินทรีย์ จึงเป็นโอกาสที่จะส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมเกษตรอิทรีย์ ผ่านกจิ กรรมการเรียนรู้ ทอ่ งเท่ยี ว การฝกึ อบรมตา่ งๆ การออกแบบและการบริหารจดั การงานวจิ ัยเพื่อมุ่งผลลัพธ์ 133
ในขอบเขตของโครงการฯ ที่สามารถบรหิ ารจัดการ หรอื ควบคุมได้ (sphere of control) คือ การพัฒนาโมเดลธุรกิจดิจิตัลแพลตฟอร์มส�ำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ หรือเรียกได้ว่าเป็นผลผลิต (output) ของโครงการวิจัย ซ่ึงการผลักดันให้ถูกน�ำไปใช้จนเกิดเป็นผลลัพธ์ (outcome) ได้นั้น เม่ือจัดท�ำแผนที่ผลลัพธ์ (outcome mapping)2 ซึ่งเป็นเคร่ืองมือที่แสดงความเช่ือมโยงกิจกรรม ที่เกิดขึ้นจากการน�ำผลผลิตของโครงการไปขยายผลกับภาคีหุ้นส่วนต่างๆ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ทง้ั ในในด้านพฤติกรรม ทัศนคติ ความสมั พันธ์ หรือการยอมรับ ทางโครงการฯ จะต้องให้ความส�ำคญั กบั ขอบเขตทอี่ ยนู่ อกบรบิ ทของโครงการวจิ ยั แตโ่ ครงการสามารถมอี ทิ ธพิ ลถงึ ได้ (sphere of influence) โดยเน้นการท�ำงานร่วมกับภาคีหุ้นส่วนท่ีคาดว่าจะมีปฏิสัมพันธ์ หรือมีโอกาสที่จะมีอิทธิพลให้เกิด การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ ซง่ึ เมอ่ื เกดิ การเปลย่ี นแปลงในวงกวา้ ง (sphere of concern) กจ็ ะเกดิ ผลกระทบต่อสังคมตามมา Thai Organic Platform (TOP) TOP scpohnecreeronf spcohnertreool f sinpfhlueerencoef มูลนธิ สิ ังคมสขุ ใจ เกษตรการเคร�อขา ยอ่ืน ผบู รโ� ภค เกษตรกรสามพรานโมเดล ผปู ระกอบการกลางนำ้ หนวยงานสนับสนุนอนื่ ๆ เชน สถาบนั การศกึ ษา ธ.ก.ส. 2 แผนที่ผลลัพธ์ ถูกพัฒนาโดย International Development Research Centre (IDRC) และองค์กรพันธมิตร สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Earl, Sarah. F. Carden. T. Smutylo. (1971-). “Outcome mapping: building learning and reflection into development program”. International Development Research Centre (IDRC). Canada. ISBN 0-88936-959-3 134 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ดา้ นเกษตร
ทางโครงการฯ จะต้องวาดภาพ ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ (outcome challenges) ของแต่ละ ภาคีหุน้ ส่วน ซง่ึ เมือ่ นำ� มาจัดเรยี งตามเกณฑบ์ ง่ ชคี้ วามก้าวหนา้ (progress markers) ของโครงการฯ จะสามารถพจิ ารณาไดเ้ ปน็ 3 ระดบั คอื ระดบั ท่ีคาดว่าจะเกดิ ข้ึน หรอื “Expect to see” ซ่งึ เปน็ ส่งิ ท่เี กดิ ขึ้นงา่ ยท่ีสดุ หรืออาจกล่าวไดว้ า่ เป็นเกณฑท์ ่ีบง่ บอกถงึ ความสำ� เรจ็ ของโครงการฯ ในเบือ้ งต้น ระดบั ทอ่ี ยากจะใหเ้ กดิ ขึ้น หรอื “Like to see” เปน็ เกณฑ์ท่ียากขนึ้ มา ซ่ึงบง่ ชถี้ ึงความส�ำเร็จของ โครงการฯ ในขอบเขตทกี่ วา้ งขน้ึ และในสว่ นสดุ ทา้ ย คอื ระดบั ทถี่ า้ เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ะดมี าก หรอื “Love to see” ซ่งึ เปน็ สิ่งที่โครงการฯ ไม่ได้คาดหวงั แตห่ ากเกดิ ขึน้ ก็สามารถบง่ ชีไ้ ดถ้ ึงความส�ำเรจ็ ของโครงการ อย่างยั่งยืน Love to see Expect to see Like to see • เกษตรกรในโครงการฯ สามารถนำ�เสนอแนวคิดจาก • เกษตรกรในโครงการฯ ท่ผี า่ น • เกษตรกรทม่ี ที ักษะช่วยแนะนำ� ประสบการณ์การใช้ TOP การอบรม ใช้ TOP ในระบบการ การใช้ TOP ให้กบั เกษตรกร เพอื่ พัฒนารปู แบบการตลาด ผลติ และขาย B2B และ B2C ทมี่ ขี อ้ จำ�กัดในการเรยี นรู้ สนิ ค้าเกษตรอนิ ทรยี ์ไทยให้ • เกษตรกรในโครงการฯ สามารถ สอดคลอ้ งกับพลวัตของ • ผปู้ ระกอบการทีท่ างโครงการฯ เผยแพร่ TOP สง่ ผลใหเ้ กษตรกร การตลาด ไดไ้ ปแนะนำ� มีการยอมรับและ อื่นๆ สนใจใช้ ใช้ TOP ในการวางแผนธุรกิจ • ผปู้ ระกอบการทีเ่ ข้ารว่ ม • ผู้ประกอบการมีบทบาทสำ�คญั • ผู้บริโภคทีไ่ ดร้ ับขอ้ มูล โครงการฯ สามารถส่งเสรมิ ในการพฒั นารปู แบบธรุ กิจ ประชาสมั พันธจ์ ากโครงการฯ และแลกเปลีย่ นแนวคดิ เก้ือกูลสงั คม ใช้ TOP ในการสั่งซอื้ สนิ ค้า การใช้ TOP ให้กบั ผ้บู ริโภค และผปู้ ระกอบการอืน่ • ผบู้ ริโภคสนบั สนุนให้ข้อเสนอแนะ • ผูบ้ รโิ ภคอนื่ ๆ สนใจเป็นสมาชิก เพอื่ กำ�หนดทิศทางของระบบ และใช้ TOP ในการสงั่ ซือ้ สินค้า สนิ ค้าเกษตรอนิ ทรยี ไ์ ทยให้เกิด ความย่ังยืน การออกแบบและการบรหิ ารจดั การงานวจิ ยั เพื่อมุ่งผลลัพธ์ 135
โดยสรปุ การพัฒนาโมเดลใหม่ทางธรุ กจิ ผา่ นดิจิตลั แพลตฟอรม์ เพ่ือเพม่ิ ช่องทางการตลาดให้กบั ธุรกจิ เกษตรอนิ ทรียไ์ ทยจดั ไดว้ า่ เปน็ เสน้ ทาง (pathway) หน่งึ ทีช่ ่วยยกระดบั ภาคการเกษตรอินทรีย์ ของไทยให้มีคุณภาพมาตรฐาน เสริมสร้างความเช่ือมั่นให้กับผู้ประกอบการกลางน้�ำและผู้บริโภค สนับสนุนการค้าที่เป็นธรรม เช่ือมโยงแต่ละภาคส่วนให้ร่วมกันเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และเก้ือกูล ซ่ึงกันและกัน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายอีกหลายประเด็นท่ีต้องทุกภาคส่วนจะต้องเรียนรู้ และกา้ วต่อไป อาทิ การยกระดับปัจจัยการผลิตทที่ ดแทนสารเคมใี หม้ คี ณุ ภาพและมาตรฐานสามารถ หาซอื้ ไดง้ า่ ย การสรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจในตรารบั รองมาตรฐานสนิ คา้ ในแตล่ ะประเภท เชน่ ผกั อนิ ทรยี ์ ผักปลอดภัย การพัฒนารูปแบบระบบการรับรองสินค้าเกษตรอินทรีย์ การปฏิบัติทางการเกษตรท่ีดี และการจัดท�ำระบบควบคุมภายในท่ีมีความเหมาะสมในทางปฏิบัติกับกลุ่มเกษตรกรแต่ละขนาด การเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์รูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นต้น เพ่ือใหเ้ กษตรอินทรียไ์ ทยมคี วามเขม้ แข็งและยงั่ ยนื ยงิ่ ขน้ึ “การทำ� งานรว่ มกบั ภาคีหุ้นสว่ นพร้อมกับระบแุ ผนท่ผี ลลพั ธ์ทพี่ งึ ประสงค.์ . จะชว่ ยใหโ้ ครงการวิจยั เดินตามเส้นทางสผู่ ลกระทบทีค่ าดหวังได้...” 136 แพลตฟอรม์ วิจยั ด้านเกษตร
ตอนที่ 3 เสียงสะทอ้ น จากนกั วิจยั
เสียงสะท้อนจากนกั วิจัย โครงการวจิ ัยชุด “การจดั การการยกระดบั ห่วงโซ่อปุ ทานสินค้าเกษตร” ในแผนงานการพฒั นา ภมู ภิ าคและจงั หวดั 4.0 (SIP4) ไดใ้ หก้ ารสนบั สนนุ โครงการยอ่ ยรวม 10 โครงการ ระยะเวลาดำ� เนนิ การ 1 ปี มีเป้าหมายเพ่ือสร้างมูลค่าเพิ่มให้เอ้ือต่อเกษตรกรต้นน้�ำ มีรูปแบบ/กลไก/ระบบขับเคล่ือน เศรษฐกจิ หมนุ เวยี นในพนื้ ทผ่ี า่ นหว่ งโซค่ ณุ คา่ (value chain) ทส่ี ะทอ้ นสเู่ กษตรกร มพี นื้ ทดี่ ำ� เนนิ งานท่ี ค�ำนึงถึงภูมิประเทศที่มีสินค้าเกษตรที่ส�ำคัญและมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรต้นน้�ำสูง มีโอกาสพัฒนาศักยภาพที่จะเป็นตัวแทนในการสนับสนุนการศึกษา ที่กระจายอยู่ท่ัวภูมิภาคของ ประเทศไทย ไดแ้ ก่ ภาคเหนอื : โคเนอ้ื ไก่ และไมส้ กั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื : โคเนอ้ื และไก่ ภาคกลาง: เมล็ดพนั ธ์ุข้าว และผักอินทรยี ์ ภาคใต้: อาหารทะเล เงาะ และทเุ รยี น ชุดโครงการฯ มีความคาดหวังให้งานวิจัยภายใต้กรอบงานนี้ สามารถสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ในพื้นที่ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มข้ึนให้ได้อย่างน้อย 30% ดังนั้นการพิจารณาโครงการ ย่อยของชุดโครงการจึงต้องมีความเข้มข้นในทุกข้ันตอน ต้ังแต่การคัดกรองข้อเสนอโครงการ การติดตามประเมินและช้ีแนะการด�ำเนินกิจกรรม การรับฟังรายงานผลการด�ำเนินงาน 2 คร้ังจาก ผทู้ รงวฒุ ทิ ี่เก่ยี วขอ้ งด้านเนือ้ หา ดา้ นเศรษฐศาสตรเ์ กษตร ดา้ นกำ� หนดนโยบาย และด้านสอื่ สารสังคม จนไดผ้ ลงานภายในกำ� หนดเวลา หัวใจส�ำคัญของชุดโครงการฯ น้ีคือ กลไกวิธีการจัดการวิจัยให้ผู้เก่ียวข้องในห่วงโซ่มีรายได้ดีข้ึน มีวิธีการท่ีสามารถเปล่ียนเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการ หรือหาทางเช่ือมเกษตรกรกับผู้ประกอบการ เพื่อดึงรายได้ของภาคการเกษตรให้เพ่ิมข้ึนด้วยความรู้ในการใช้งาน ให้ความรู้เข้าไปช่วยยกระดับ เศรษฐกิจฐานราก นักวจิ ยั จงึ ตอ้ งเข้าใจหว่ งโซอ่ ุปทาน (supply chain) ตอ้ งท�ำความเขา้ ใจผู้เกย่ี วข้อง ในหว่ งโซ่อุปทาน เพื่อท่ีจะได้วางแผนวจิ ัยใหเ้ กดิ ผลกระทบกับคนหรอื ชมุ ชนได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ชุดโครงการฯ ได้จัดให้มีการฝึกอบรมพิเศษ เพ่ือเพิ่มทักษะการบริหารและท�ำวิจัยรวม 4 คร้ัง ครง้ั ที่ 1: Log Frame เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเขยี นแผนงานโครงการ ครงั้ ที่ 2: การจดั การ Supply Chain และโมเดลธุรกิจ BMC (Business Model Canvas) คร้ังท่ี 3: Objective Key Result เพื่อผลที่ ตรงตามวัตถุประสงค์และเปนรูปธรรม คร้ังท่ี 4: การประเมินผลกระทบจากการวิจัย SMAE สูการ ใชประโยชน์ท่ีได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอยางเปนรูปธรรม ท้ังน้ีเพ่ือให้นักวิจัยเข้าใจงานวิจัยท่ีก�ำลัง ดำ� เนนิ การ มีวิธวี ิจัยทเี่ หมาะสม เขา้ ใจเป้าประสงคข์ องหน่วยจดั สรรทุน สามารถสร้างผลลพั ธ์งานวจิ ัย มีผนู้ ำ� ผลวจิ ัยไปใช้งาน เกิดผลกระทบจากการเปล่ยี นแปลง สร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพน้ื ท่ี เป้าหมาย รวมท้ังสามารถขยายผลสพู่ นื้ ทอี่ ื่นให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงทว่ั ประเทศ 138 แพลตฟอรม์ วิจัยด้านเกษตร
เม่ือส้ินสุดการด�ำเนินงานของโครงการวิจัย ชุดโครงการฯ จึงประสงค์จะรับฟังความคิดเห็นจาก นกั วจิ ยั ทเ่ี ปน็ ฝา่ ยรบั ทนุ สะทอ้ นการดำ� เนนิ งาน สะทอ้ นประโยชนจ์ ากการสนบั สนนุ และระบบการจดั การ ของชดุ โครงการฯ สะทอ้ นอปุ สรรคระหว่างการดำ� เนนิ งานว่ามมี ากน้อยเพยี งใด? และไดแ้ ก้ไขอยา่ งไร? มคี วามอึดอดั คับขอ้ งใจทอี่ ยากเสนอให้มกี ารปรับปรงุ หรอื ไม่? ตอ่ ไปนเี้ ปน็ ความคิดเห็นจากนักวิจยั ทง้ั 10 โครงการในด้านต่างๆ ทไี่ ดร้ วบรวมและสรุปไว้ 1. ประเด็นทุนวิจยั เป้าหมาย วิธกี าร งบวจิ ยั เป็นทุนวิจยั ทด่ี ีมาก เนน้ กลุ่มเปา้ หมายในท้องถิน่ ชัดเจน วัตถุประสงคม์ ีความชดั เจนและ เปน็ ประโยชนท์ จ่ี บั ตอ้ งได้ งบวจิ ยั เหมาะสมและครอบคลมุ เนอื้ หาการทำ� งานไดด้ ี แตง่ บวจิ ยั ทจ่ี า่ ยมายงั นกั วจิ ยั คอ่ นขา้ งลา่ ชา้ โดยเฉพาะกบั โครงการทว่ี จิ ยั สนิ คา้ มฤี ดกู าล จำ� เปน็ ตอ้ ง เรง่ รดั งานให้ทนั ตามแผนทกี่ �ำหนด ท�ำให้มผี ลกระทบตอ่ การท�ำงานท้ังกระบวนการ มีการก�ำหนดเป้าหมายของการรับข้อเสนอโครงการวิจัยที่ชัดเจน ท�ำให้นักวิจัยได้มุ่งเน้น เป้าหมายในการด�ำเนินการวิจัยได้ตรงเป้าหมายชุดโครงการฯ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามท่ี แหล่งทุนได้ก�ำหนด นอกจากนั้น ในข้ันตอนการพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยได้มีการ จัดอบรมในหัวข้อที่มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งท�ำให้การจัดท�ำข้อเสนอโครงการมีความสมบูรณ์ เพม่ิ มากขนึ้ และนำ� ไปสกู่ ารดำ� เนนิ งานวจิ ยั ไดต้ ามแผนและมตี วั ชวี้ ดั ในการประเมนิ ผลลพั ธ์ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน การพจิ ารณางบประมาณสอดคลอ้ งกบั กจิ กรรมการดำ� เนนิ โครงการ การออกแบบและการบริหารจัดการงานวจิ ัยเพอ่ื มงุ่ ผลลัพธ์ 139
มกี ารก�ำหนดประเด็นการวิจัยในการให้ทุน เปา้ หมาย และแนวทางชดั เจน ใหโ้ จทย์การวจิ ยั ท่ีเช่ือมโยงกับสถานการณ์และความต้องการที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ ท�ำให้การออกแบบวิจัย ตลอดจนการขบั เคลอ่ื นงานวจิ ยั ทม่ี ผี มู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งได้ มกี ารทำ� งานรว่ มกบั ชมุ ชนอยา่ งแทจ้ รงิ การให้ค�ำแนะนำ� ของที่ปรึกษาโครงการชว่ ยใหก้ ารกำ� หนดวิธกี ารวจิ ัยมีความชัดเจนขน้ึ และ ท�ำให้มองเหน็ ผลของการวิจัยท่ีจะไดร้ บั ชดั เจนดว้ ย เปา้ หมายของชุดโครงการฯ มคี วามชดั เจน แตก่ ารถ่ายทอดใหก้ บั นักวิจยั กอ่ นเร่ิมการพัฒนา ข้อเสนอโครงการ (proposal) ไม่ได้เน้นย�้ำ ท�ำให้หลังพัฒนาโครงการวิจัยแล้ว นักวิจัย ต้องยดึ ทขี่ ้อเสนอโครงการเปน็ หลกั งบวจิ ัยเหมาะสมและเพยี งพอตอ่ กิจกรรมท่เี สนอ ทำ� ให้ สามารถท�ำได้ทกุ กิจกรรมทกี่ ำ� หนดในข้อเสนอโครงการ เปา้ หมายชดุ โครงการฯ ชัดเจน ทำ� ให้การวางเปา้ หมายโครงการมคี วามชัดเจนด้วย อยากให้ เนน้ เกษตรกรฐานรากแบบนี้ งบประมาณอาจตอ้ งกระเบยี ดกระเสยี นบา้ ง วงเงนิ ควรอยใู่ นชว่ ง 5-10 ลา้ น/ปี แต่ก็นับวา่ เหมาะสมกบั เป้าหมายและระยะในการท�ำงานครั้งนี้ เห็นด้วยกับการระบุเป้าหมายท่ีชัดเจนของผู้ให้ทุน เพ่ือให้นักวิจัยท�ำงานได้ตรงเป้า โดยใช้ องค์ความรู้เดิมท่ีมีอยู่ วิธีการวิจัยท่ีมี และองค์ความรู้จากศาสตร์ต่างๆ เข้ามาประกอบกัน เพื่อให้งานตอบโจทย์ได้ชัดเจน ด้วยงบประมาณท่ีได้รับซ่ึงเหมาะสมกับกรอบงาน ส�ำหรับ บางโครงการทสี่ ามารถตอ่ ยอดตอ่ ไปได้ เพอื่ ใหเ้ นอ้ื งานมคี วามสมบรู ณ์ นำ� ไปสกู่ ารใชป้ ระโยชน์ กับชุมชนหรือผู้ประกอบการได้อย่างชัดเจนควรได้รับการสนับสนุน อยากให้ยังคงมีทุนวิจัย ในลักษณะน้ีต่อไปอย่างต่อเน่อื ง 140 แพลตฟอร์มวิจยั ด้านเกษตร
งบสนบั สนนุ เหมาะสมกบั เปา้ หมายโครงการทเ่ี นน้ การสรา้ งอาชพี เกษตรกร ใหม้ เี ศรษฐกจิ หมนุ เวยี นเพม่ิ ข้นึ ไม่ต�่ำกวา่ 30% รวมตลอดโซอ่ ปุ ทาน โดยใชท้ ุนความรจู้ ากงานวิจยั เดิม รวมทงั้ พนั ธส์ุ ตั ว์ ซงึ่ จำ� กดั ใชไ้ ดเ้ ฉพาะพนั ธส์ุ ตั วป์ กี ทผี่ า่ นการปรบั ปรงุ พนั ธเ์ุ ปน็ พนั ธแ์ุ ทเ้ ทา่ นนั้ แต่โครงการกเ็ ปดิ กว้างใหใ้ ช้ไกพ่ ันธ์ุอ่นื ได้ งบสนับสนุนมีความเหมาะสม เป้าหมาย KR ท่ีแนะน�ำให้ใช้เป็นสิ่งใหม่ส�ำหรับทีมวิจัย ช่วงแรกต้องปรับตัวและทัศนคติเกี่ยวกับการท�ำงานวิจัย เพื่อเปล่ียนจากการท�ำวิจัย รูปแบบเดมิ เปดิ กวา้ งในการเสนอโครงการโดยมงุ่ เปา้ ชดั เจนในการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานราก ทำ� ใหเ้ กดิ ความหลากหลายและครอบคลมุ ในลักษณะงาน วธิ ีการวิจยั เอือ้ ใหเ้ กดิ การมสี ่วนรว่ มของ ชุมชนและภาคสว่ นทีเ่ กย่ี วข้อง สรปุ : การท่ผี ู้ให้ทุนใหร้ ายละเอยี ดและมีเปา้ หมายชัดเจน ทำ� ใหน้ กั วจิ ัยเขา้ ใจ จัดท�ำโครงการ ให้มีเป้าหมายชัดเจนด้วย การสนับสนุนด้วยการอบรม ฝึกฝนและทดลองปฏิบัติอย่าง ต่อเน่ือง ท�ำให้นักวจิ ัยได้รับการพัฒนา สามารถด�ำเนินการงานวจิ ัยในรูปแบบใหม่ ทุนวิจัย มีความเหมาะสมครอบคลุมกรอบงานและแผนกิจกรรม กรอบวจิ ัยเอ้ือต่อการมีส่วนร่วม ของชมุ ชนและการสรา้ งภาคที ่เี กีย่ วข้อง การออกแบบและการบริหารจัดการงานวจิ ัยเพอื่ มงุ่ ผลลัพธ์ 141
2. ประเด็นระบบสนบั สนุน และติดตามหนนุ เสริมโครงการ ดเี ยย่ี ม ดีมาก มีระบบตดิ ตามท่ีดี และเป็นการพัฒนานกั วิจยั ไปในตัว ดีมาก ชอบกิจกรรมสนับสนุนท่ีฝ่ายประสานงาน (สถาบันคลังสมองของชาติ) จัดให้ เรียนรู้และได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบงานวิจัย ชอบการก�ำกับงานของฝ่ายประสานงาน และ การตดิ ตามผลอยา่ งสม่�ำเสมอ มกี ารตดิ ตามอยา่ งเป็นระบบ ทำ� ให้การส่งงานตรงตามเวลา และมกี ารพฒั นาเคร่ืองมือใน การท�ำงานให้กับนักวิจัยด้วยการอบรม เช่น การท�ำ Log Frame, Business Model Canvas เปน็ ต้น ทำ� ให้เหน็ ภาพการทำ� งานได้ชัดขึน้ มีการติดตาม ลงพื้นท่ีเพื่อท�ำความเข้าใจบริบทการท�ำงาน ทีมบริหารชุดโครงการฯ เปดิ ชอ่ งทาง พรอ้ มใหข้ อ้ คดิ เหน็ และคำ� ปรกึ ษาเพอื่ การพฒั นาทง้ั กบั โครงการทด่ี ำ� เนนิ การอยู่ และโอกาสงานในอนาคต เห็นด้วยกับระบบสนับสนุนที่ทางชุดโครงการฯ ด�ำเนินการเป็นข้ันตอน (steps) เช่น การจัด workshop ต่างๆ เป็นการสร้างแนวคิดและการท�ำงานให้แก่นักวิจัยได้เข้าใจ อย่างกระจ่าง ส่วนการติดตามจากผู้ทรงคุณวุฒิ ท้ังการลงพื้นท่ีและการรับฟังรายงาน ความกา้ วหนา้ ท�ำให้สามารถปรับการทำ� งานใหอ้ ย่ใู นทิศทางท่ีมงุ่ สู่เปา้ ได้ตรงมากขน้ึ มีระบบการติดตามที่ดี ในระหว่างการด�ำเนินงานมีผู้ทรงคุณวุฒิลงพ้ืนท่ีให้ข้อเสนอแนะ มาเยย่ี มให้ก�ำลังใจนักวิจัย พร้อมขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ การจดั อบรมให้ความรูแ้ กน่ กั วจิ ยั ก่อเกิดประโยชนต์ อ่ การท�ำงาน ระหว่างการด�ำเนินการวิจัย มีการลงพ้ืนท่ีวิจัยในชุมชน มีการจัดประชุมรายงาน ความก้าวหน้าของโครงการ และมีการอบรมการประเมินโครงการในเชิงเศรษฐศาสตร์ ด้านธุรกิจ ท้ังหมดนี้เป็นการเติมเต็มให้งานวิจัยด�ำเนินการไปสู่เป้าหมายได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มีการติดตามโครงการ และมีการเยี่ยมชมโครงการโดยคณะผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชา ผู้ใช้ประโยชน์งานวิจัย เพ่ือให้เห็นวิธีด�ำเนินการวิจัย เป็นโอกาสให้ได้ร่วมพูดคุยกับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholder) ซ่ึงในบางประเด็นอาจมีการปรับเปล่ียนตามสภาพ การด�ำเนนิ งานของพนื้ ท่ี ตามสถานการณท์ ่ีเกดิ ข้นึ จริง 142 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ด้านเกษตร
เน่ืองจากการพัฒนาโจทย์มุ่งเป้าให้เกิดผลจริงในพื้นที่ ชุมชนรับรู้ได้ถึงผลที่จะเกิดขึ้น เม่ือเข้าร่วมการวิจัย ท�ำให้การด�ำเนินงานได้รับการสนับสนุนอย่างดีเย่ียมจากชุมชน มีการสอื่ สารทใี่ กลช้ ิดกบั นักวจิ ยั การหนุนเสรมิ ของชุมชนและการใหค้ วามร่วมมืออย่างดี สรา้ งพลงั ในการท�ำงานวิจยั อย่างชัดเจน ทีมวิจัยได้รับการสนับสนุนและการติดตามอย่างต่อเน่ือง ผ่านหลายช่องทางทั้งการคุย ผ่านไลน์กลุ่ม จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และโทรศัพท์ ท�ำให้ทีมวิจัยต่ืนตัวตลอดเวลา ทีมวิจัยได้รับการอบรมเพื่อพัฒนาการใช้เครื่องมือวิจัยท่ีทันสมัย สอดคล้องกับเป้าหมาย ทกี่ ำ� หนดไว้ นอกจากนน้ั ทปี่ รกึ ษายงั ใหเ้ วลา ใหค้ ำ� แนะนำ� กบั ทมี วจิ ยั อยา่ งใกลช้ ดิ ตอบสนอง ความต้องการของทีมวิจัย และให้เวลาในการปรับแก้ไขตามข้อเสนอแนะอย่างเพียงพอ มีการติดตามให้การสนับสนุนการด�ำเนินงานวิจัยที่ดี ตามระยะเวลาท่ีเหมาะสม รวมท้ัง เพิ่มเติมการพัฒนาความรู้และทักษะเพ่ือหนุนเสริมการด�ำเนินงานผ่านการจัดอบรม ระหว่างการด�ำเนินการวิจัย มีการลงพื้นที่วิจัยในชุมชน มีการจัดประชุมรายงานความ ก้าวหน้าของโครงการ มีการอบรมในเร่ืองของการประเมินโครงการในเชิงเศรษฐศาสตร์ ด้านธุรกจิ ซ่งึ เปน็ การเตมิ เตม็ ให้งานวิจัยดำ� เนินการไปสเู่ ป้าหมายได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ การติดตามเพ่ือเยี่ยมชมโครงการจากคณะผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาและผู้ใช้ประโยชน์ งานวจิ ยั เพอื่ ใหเ้ หน็ รปู แบบของการดำ� เนนิ การวจิ ยั มกี ารรว่ มพดู คยุ กบั ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี (stakeholder) ซงึ่ ในบางประเดน็ อาจมกี ารปรบั เปลย่ี นตามสภาพการดำ� เนนิ งานของพนื้ ท่ี ทีเ่ กิดข้ึนจริงดว้ ย นักวิจัยได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ระหว่างท�ำงานอย่างดียิ่ง สามารถน�ำไปใช้ในการ ปฏิบัติงานวิจัยและเขียนงานวิจัยได้ชัดเจนข้ึน มีการติดตามและช่วยแก้ปัญหาให้นักวิจัย ตลอดเวลา สรปุ : ในภาพรวมจดั วา่ ดถี งึ ดมี าก ผวู้ ิจยั ทกุ โครงการชอบระบบตดิ ตาม ชอบการจดั ฝกึ อบรม เพือ่ พัฒนานักวิจัย ได้อาวุธใหม่ๆ ในการพัฒนาและปรับตัวเข้าสู่การเป็นนักวิจัยแบบใหม่ ชอบการเยี่ยมชมการด�ำเนินงานวิจัยในพน้ื ท่ีของทีมผู้ให้ทุนและผู้ทรงคุณวฒุ ิ เปิดโอกาส ให้ผู้ร่วมโครงการในพื้นท่ีแลกเปล่ียนเรียนรู้ และชอบค�ำช้ีแนะ การประเมินผล ทั้งจากการ เยยี่ มชมโครงการ และการรายงานผลการด�ำเนินงานของนกั วจิ ยั จากผ้ทู รงคุณวุฒิ การออกแบบและการบริหารจัดการงานวิจัยเพอื่ มุ่งผลลัพธ์ 143
3. ประเดน็ นเิ วศวิจยั และบรบิ ทของพื้นทที่ ำ� การเกอ้ื หนนุ /ขอ้ จำ� กดั เปลย่ี นแปลง ผลวิจยั หรอื ไม?่ อยา่ งไร? นิเวศวิจัยและบริบทของพื้นท่ีมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อการด�ำเนินการวิจัย เน่ืองจากโจทย์ มาจากปัญหาจริง ส่วนกระบวนการพัฒนาและติดตามของผู้ให้ทุนช่วยให้นักวิจัยเดินบน เส้นทางที่ถูกตอ้ ง นเิ วศและพนื้ ทที่ แ่ี ตกตา่ งกนั สง่ ผลอยา่ งมากตอ่ ความแตกตา่ งในการดำ� เนนิ งานวจิ ยั ตงั้ แต่ คุณภาพวตั ถดุ ิบ พฤตกิ รรมของผู้ท่ีเก่ยี วขอ้ งในห่วงโซ่ และการจดั การ ส่วนการลงท�ำงาน ในพน้ื ที่ เนอ่ื งจากมหาวทิ ยาลยั มปี ฏสิ มั พนั ธท์ ดี่ กี บั ชมุ ชนมาเปน็ เวลานาน ทำ� ใหก้ ารทำ� งาน สะดวกและงา่ ยขน้ึ เกดิ การยอมรบั ในชมุ ชนไดอ้ ยา่ งดี โดยเฉพาะการทำ� งานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง งานวจิ ัยน้ีจงึ เหมาะกับมหาวิทยาลัยในพนื้ ที่ เนอ่ื งจากนกั วจิ ยั อยใู่ นพน้ื ทศ่ี กึ ษา ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจบรบิ ทของผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งและนเิ วศวจิ ยั ในพนื้ ท่ี เปน็ อย่างดี ไมพ่ บปัญหาหรืออุปสรรคต่อการดำ� เนนิ งานวิจยั บรบิ ทของพนื้ ทไี่ มไ่ ดท้ ำ� ใหผ้ ลวจิ ยั เปลย่ี นแปลง เพราะนกั วจิ ยั มคี วามสมั พนั ธก์ บั เกษตรกร และพื้นท่ีมาก่อนเป็นอย่างดี กิจกรรมที่ท�ำเป็นท่ีสนใจของคนในพ้ืนท่ีด้วย จึงได้รับ ความร่วมมือดมี าก 144 แพลตฟอร์มวจิ ัยด้านเกษตร
บริบทพ้ืนท่ีและเครือข่ายสามพรานโมเดลสนับสนุนให้เกิดการสื่อสารได้อย่างต่อเน่ือง แม้ในสถานการณ์โควิด-19 ย่ิงเพ่ิมโอกาสการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหาทางแก้ปัญหา ขณะทเ่ี ครอื ขา่ ยในพนื้ ทอ่ี นื่ พบข้อจ�ำกัดการเดินทางในช่วงโควดิ -19 การทำ� งานวจิ ยั ในพน้ื ทข่ี องนกั วจิ ยั หรอื นกั วจิ ยั ทอ้ งถนิ่ ทำ� ใหเ้ กดิ การตดิ ตามงานไดใ้ กลช้ ดิ ความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน ส่งผลต่อคุณภาพของงานวิจัย และการพัฒนางานต่อเนื่อง รวมทัง้ ต่อยอด ลกั ษณะของพน้ื ทเ่ี ปา้ หมายในการดำ� เนนิ การวจิ ยั ไมท่ ำ� ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงผลการวจิ ยั เนื่องจากได้มีการศึกษาถึงสภาพพื้นท่ีก่อนเริ่มด�ำเนินการวิจัยแล้ว อย่างไรก็ตามยังมี พ้ืนที่ใกล้เคียงกลุ่มเป้าหมายที่ศึกษาต้องการให้โครงการขยายผลไปถึงกลุ่มต่างๆ ให้เพมิ่ มากขึ้นด้วย จากสถานการณป์ ญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ ไมท่ ำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ วจิ ยั และผลวจิ ยั เปลยี่ นแปลง เนอ่ื งจาก โครงการได้พัฒนาต้นแบบในพ้ืนที่และสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียไว้แล้ว ท�ำใหก้ ารติดตามผลและการด�ำเนนิ การชว่ ยทีมงานในชว่ งท่ีผ่านมาไมส่ ะดดุ พื้นท่ี 4 จังหวัดที่ศึกษามีระยะทางท่ีห่างไกลกัน นับว่าเป็นปัญหาในระยะแรกของ การเร่ิมต้นโครงการ แต่ต่อมาโครงการได้อาศัยนักวิจัยและเครือข่ายในพ้ืนท่ีช่วยติดตาม และรายงานผลผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ แอพพลิเคช่ันไลน์ เดิมการสร้างอาชีพจะใช้ ไก่ประดหู่ างด�ำเพียงชนดิ เดียว แตบ่ รบิ ทของพ้นื ท่ีและตลาดมคี วามหลากหลาย โครงการ จงึ ขอปรบั เปลยี่ นแผนงาน โดยเพมิ่ สายพนั ธไ์ุ กท่ ใ่ี ชส้ รา้ งอาชพี ทเี่ หมาะสมกบั พน้ื ทแี่ ละตลาด ซง่ึ ไดร้ ับความเห็นชอบให้ด�ำเนินการได้ สรุป: มหาวิทยาลัยในพ้นื ที่มีบทบาทส�ำคัญต่อการเก้ือหนุนงานวิจัยในพืน้ ที่ การที่นิเวศ และบริบทพน้ื ท่ีแตกต่างกันหรอื เปล่ียนแปลง ย่อมมีผลต่อการด�ำเนินงาน แต่ความคุ้นเคย กับชุมชนในพ้ืนท่ีศึกษา และสัมพันธภาพที่มีอยู่เดิมท�ำให้อปุ สรรคและผลกระทบน้อยลง มี 1 โครงการที่ขอปรับแผนด�ำเนินการให้เหมาะสมตามบรบิ ทและตลาดของพ้นื ที่ท่ีศึกษา ซึง่ มหี ลายแหง่ และได้รับความเหน็ ชอบ จึงสามารถด�ำเนินงานวิจยั ตอ่ และไดผ้ ลวจิ ัยระดับดี การออกแบบและการบรหิ ารจดั การงานวจิ ัยเพื่อมงุ่ ผลลัพธ์ 145
4. ปจั จัยสำ� คญั ทมี่ ผี ลต่อความส�ำเรจ็ ของโครงการ ความรว่ มมอื ของคนในพน้ื ทแี่ ละผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ใหข้ อ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ งและเปน็ จรงิ สามารถ บอกปัญหาทเ่ี กิดขน้ึ จริง (ไมใ่ ชป่ ญั หาทอ่ี ยากบอก) การมภี าคเี ครอื ขา่ ยภาครฐั และภาคเอกชนทเ่ี ขา้ ใจ เขา้ รว่ มดำ� เนนิ งาน และใหก้ ารสนบั สนนุ รวมทง้ั ขยายผล พรอ้ มขบั เคลอ่ื นไปสแู่ ผนยทุ ธศาสตรจ์ งั หวดั ทำ� ใหง้ านวจิ ยั ตอบโจทยข์ อง พ้ืนท่ี รายได้ของเกษตรกรสูงข้ึน (มีก�ำไรมากขึ้น) สามารถยกระดับคุณภาพและรายได้ ของธรุ กจิ เกษตรได้จริงและไดท้ ง้ั ระบบ การให้ก�ำหนดเป้าหมายชัดเจน มีโจทย์ชัดเจน การส่งมอบผลงานและวิธีการส่งมอบ ผลงานชัดเจน ความชัดเจนของการเข้ามาร่วมด�ำเนินโครงการ (ความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างกลุ่ม รว่ มด�ำเนินการกบั วตั ถุประสงค์ของโครงการ) เกษตรกรในพ้ืนท่ีมีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะรับและเรียนรู้เทคโนโลยีต่างๆ เพ่ือเพิ่ม ประสิทธภิ าพการผลิต หวั หนา้ โครงการ มวี สิ ยั ทศั น์ มคี วามเปน็ ผนู้ ำ� มคี วามมงุ่ มน่ั มสี มั พนั ธภาพดกี บั คนทกุ ระดบั มีศักยภาพและความสามารถในการสร้างการยอมรบั ของชมุ ชน มหาวิทยาลัยในพ้ืนท่ีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน สร้างผลงานท่ีเป็นประโยชน์เป็นท่ี ประจักษม์ านาน นักวิจยั มคี วามรู/้ ความเชี่ยวชาญ มคี วามเขม้ แข็ง เกาะตดิ พ้นื ท่ี มคี วามตั้งใจพัฒนาตนเอง เรยี นรสู้ งิ่ ใหม่ๆ ร่วมกัน ท�ำงานเป็นทีมแบบบูรณาการทุกศาสตร์ ทมี วจิ ัยควรมีเทคโนโลยที ีส่ ามารถเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลติ สนิ คา้ ทีเ่ ลือกท�ำวิจยั ผ้ทู รงคณุ วฒุ คิ วรมบี ทบาทต้งั แตเ่ ร่มิ ต้น ระหวา่ งจดั ทำ� ข้อเสนอโครงการ การให้ความเห็น ภายหลังทีโ่ ครงการท�ำไปแลว้ จะเปลีย่ นแปลงแกไ้ ขยาก ทป่ี รึกษาโครงการคอยตดิ ตามและใหค้ ำ� ปรึกษา ระบบสนบั สนนุ ตดิ ตามและหนนุ เสริมโครงการ ท�ำให้นักวิจยั เรียนร้แู ละเกิดการพัฒนา ระยะเวลาในการดำ� เนนิ การวจิ ยั ควรเหมาะสม ความยดื หยนุ่ ในการใหโ้ อกาสแกน่ กั วจิ ยั ปรบั แผนระหวา่ งทาง หรอื ขยายเวลาเพอ่ื ใหบ้ รรลุ วตั ถปุ ระสงคท์ ตี่ งั้ ไว้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สนิ คา้ เกษตรทม่ี ฤี ดกู าลเฉพาะ สายพนั ธส์ุ ตั วท์ เ่ี ปน็ ความต้องการของตลาดชุมชน 146 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ด้านเกษตร
สรปุ : ปัจจัยทีส่ �ำคญั ทีส่ ดุ ของความส�ำเรจ็ ท่ีทกุ โครงการเหน็ ตรงกัน ได้แก่ 1) ความรว่ มมือ ของคนในพืน้ ท่ีและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การให้ข้อมูลท่ีถูกต้องและเป็นจรงิ สามารถวิเคราะห์ ปัญหาท่ีเกิดข้นึ จริง 2) การมีภาคีเครอื ข่ายจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้าใจ เข้าร่วม ด�ำเนินงาน และให้การสนับสนุน รวมท้ังขยายผลเกิดผลลัพธ์และผลกระทบในวงกว้าง 3) การก�ำหนดเป้าหมายชัดเจน มีโจทย์ชัดเจน สามารถสร้างความเข้าใจท่ีตรงกันระหว่าง กลุม่ รว่ มด�ำเนนิ การได้ ปจั จยั ความสำ� เรจ็ ทสี่ ำ� คญั ในอนั ดบั รอง ไดแ้ ก่ 1) ความเปน็ ผนู้ ำ� และความสามารถพเิ ศษ ของหวั หนา้ โครงการ 2) ความสามารถของผรู้ ว่ มวจิ ยั และการทำ� งานอยา่ งเปน็ ทมี แบบเกาะตดิ 3) ประวัตผิ ลงานระดับพน้ื ท่ขี องมหาวิทยาลัย 3) ความพร้อมของชุมชน ปัจจยั เก้ือหนุนความส�ำเร็จ ได้แก่ 1) การจดั อบรมของผู้ใหท้ ุน หนนุ เสรมิ อาวุธ ทกั ษะ ในหลกั สูตรต่างๆ เพื่อพฒั นานักวจิ ัย 2) การมีผู้ทรงคณุ วุฒิ ที่ปรกึ ษา ผู้กำ� กบั และติดตาม ให้คำ� ชแี้ นะ ปจั จยั ความสำ� เร็จอ่นื ๆ คอื เงนิ ทุนสนบั สนนุ ทเ่ี หมาะสม ระยะเวลาการด�ำเนิน และความ ยดื หยุ่นในการปรบั แผนงานทเี่ หมาะสมกบั สนิ คา้ เกษตรบางประเภททีม่ ีความเฉพาะ การออกแบบและการบริหารจดั การงานวิจัยเพ่ือม่งุ ผลลพั ธ์ 147
5. ประเดน็ สงิ่ ทอ่ี ยากเหน็ /ข้อเสนอแนะตอ่ ฝ่ายให้ทุนในประเดน็ อ่นื ๆ เป้าหมาย การก�ำหนดเป้าหมายท่ีกว้างข้ึนจะท�ำให้ได้พื้นที่และการจัดท�ำโจทย์วิจัย สอดคลอ้ งกับพื้นทีไ่ ด้มากข้ึน การให้ทุนวิจัยด้านเกษตร ควรมีความยืดหยุ่นด้านเวลาและกิจกรรม เน่ืองจากงานวิจัย ด้านเกษตรมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้หลายปัจจัย ความมีฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวอาจจะมี ผลต่อการด�ำเนินงานของโครงการท่ีอาจไม่ครอบคลุม ส่งผลให้ผลการวิจัยคลาดเคล่ือน หรอื ไดผ้ ลไม่ครบถ้วนตามแผน การสนับสนนุ โครงการ ควรเป็นระยะยาวเพ่อื สร้างความตอ่ เนือ่ ง พร้อมการเชือ่ มโยงกับ พันธมิตรเพ่ือสร้างการขยายผลการด�ำเนินงาน และการติดตามการเชื่อมต่องานระหว่าง โครงการตา่ งๆ ใน SIP ระยะเวลาในการด�ำเนินการ การด�ำเนินการในด้านการเกษตรอาจจะต้องใช้ระยะเวลา ในการด�ำเนินการที่มากกว่า 1 ปี จึงจะเห็นผลจากการด�ำเนินการวิจัยได้ชัดเจน ระบบ การให้ทุนแบบงบประมาณวงเงินรวม (block grant) จะมีความเหมาะสมในการวิจัย ทางดา้ นการวิจยั ประยุกต์ทางการเกษตรมากกว่า ระยะเวลาทำ� งานวจิ ยั เพอ่ื สรา้ งอาชพี เพอื่ ใหเ้ กดิ เศรษฐกจิ หมนุ เวยี นจะใชเ้ วลาคอ่ นขา้ งนาน ควรใหเ้ วลาเพ่ิมขน้ึ ตามความจ�ำเปน็ ควรสนับสนุนการดำ� เนินงานตอ่ เนอื่ งระยะ 3-5 ปี เพือ่ ให้เกิดการพัฒนาพืน้ ทอี่ ยา่ งยง่ั ยืน อยากท�ำวิจัยต่อเน่ืองอีก 3 ปี เพื่อที่จะได้ข้อมูลครบท้ัง SC ของการผลิตโคเน้ือในพื้นท่ี ภาคเหนือ การคัดเลือกโครงการ อยากให้ผู้ให้ทุนมองโครงการที่มีศักยภาพด้านวิจัย และทาบทาม ทีมวิจัยที่เหมาะสมโดยตรงเพื่อพัฒนาข้อเสนอโครงการ อย่างน้อยนักวิจัยจะเห็นโอกาส ในการรับทุน ศักยภาพของนักวิจัย นักวิจัยท่ีมีประสบการณ์เฉพาะทาง ไม่ว่าจะสังกัดหน่วยงานใด ส่วนใหญ่จะมีความสามารถที่จะน�ำพาโครงการให้สู่เป้าหมายได้แน่นอน การมอบโอกาส แก่นักวิจัยในมหาวิทยาลัยน้องใหม่จึงเป็นโอกาสดีในการกระจายองค์ความรู้ไปสู่พ้ืนท่ี และชมุ ชนได้อย่างครอบคลุม และตรงประเดน็ การเปล่ียนหน่วยงานให้ทุน เมื่อมีการโอนงานสนับสนุนการวิจัยทั้งในด้านงบประมาณ และกิจกรรมสนับสนุนไปให้กับ วช. อยากให้ วช. มีวิธีคิดและกระบวนการสนับสนุน เชน่ เดียวกบั สกว. ไมใ่ ช่ตอบสนองต่อเป้าหมายของรัฐบาลอย่างเดยี ว 148 แพลตฟอรม์ วจิ ยั ด้านเกษตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156