4. ใบตรวจรบั ของ เมอื่ ผขู้ ายส่งวัตถดุ ิบมา 46 ให้ตามใบสง่ั ซ้ือ พร้อมกับใบกากบั เจา้ หน้าท่ีตรวจรบั ของจะทาการ ตรวจสอบวตั ถดุ ิบที่ไดร้ ับกบั ใบกากบั สนิ ค้าวา่ ถูกตอ้ งตรงกันหรอื ไม่ และตรง ตามทส่ี งั่ ซอ้ื ในใบสั่งซื้อหรอื ไม่ ทงั้ ชนิด คณุ ภาพ และจานวน จากน้ันกจ็ ะจดั ทา รายงานการ ตรวจรับ (Receiving Report) ใบตรวจรับของ จัดทำ 3 ฉบบั ฉบบั ท่ี 1 สง่ ให้แผนกบญั ชี ฉบบั ท่ี 2 แผนกจดั ซือ้ ฉบับท่ี 3 เกบ็ ไว้ท่แี ผนกตรวจรบั ของ
47 กำรควบคมุ เกย่ี วกบั กำรเก็บรกั ษำวตั ถดุ บิ และกำร เบกิ ใช้วตั ถดุ ิบ ที่กล่าวมาแลว้ ข้างตน้ เปน็ การกลา่ วถึงการควบคุม วัตถดุ บิ ในขั้นตอนการจัดหาวตั ถดุ ิบ ซึง่ เรม่ิ ตงั้ แต่การ สงั่ ซือ้ การตรวจรบั จนกระทง่ั วัตถุดบิ ถูกส่งเข้าคลัง วัตถดุ ิบ ในหวั ขอ้ น้ีจงึ เป็น การกล่าวถงึ การควบคมุ วตั ถุดิบในขณะที่วตั ถดุ ิบอยู่ในคลังเกบ็ เอกสารทใ่ี ช้ใน ขั้นตอนน้ี ได้แก่ 1.ใบเบกิ วตั ถุดิบ (Material Requisition หรอื Stores Requisition) 2. รายงานการส่งคนื วตั ถดุ ิบ (Returned Material Report) 1. ใบเบิกวัตถุดิบ เปน็ เอกสารทแี่ ผนก ผลิตจัดทาขน้ึ เพอื่ เบกิ วัตถุดิบจากคลังเก็บ วตั ถดุ บิ ไปใชใ้ นการผลิต ใบเบกิ วตั ถุดิบ จะมีรายละเอยี ดเก่ียวกบั จานวน ชนดิ ของวัตถดุ ิบ นาไปใชใ้ นงานใด หรอื แผนก ใด จานวนเงนิ เท่าใด
ใบเบิกวัถตุดิบ จะจดั ทำ 4 ฉบับ 48 ฉบับที่ 1 ส่งใหแ้ ผนกคลังวัตถุดิบ ฉบับที่ 2 ส่งไปท่ีแผนกบัญชยี ่อยวตั ถดุ ิบ ฉบับท่ี 3 ส่งใหเ้ จำ้ หน้ำท่บี ันทกึ บัญชยี ่อยวตั ถุดิบ ฉบบั ที่ 4 เก็บไว้ทแี่ ผนกผลติ กำรคำนวณต้นทนุ วัตถุดบิ เบิกใชแ้ ละ ตน้ ทนุ วตั ถดุ บิ คงเหลอื เมือ่ เรมิ่ ต้นการผลิต กจ็ ะต้องมีการเบิกวัตถดุ ิบรายการต่างๆ จากคลงั วตถดุ ิบเข้า ในแผนกผลดต่างๆ ซึ่งถ้ากจิ การมีการซื้อวัตถดุ ิบเข้าคลังหลายครง้ั ในราคาที่ แตกตา่ งกนั กจ็ ะประสบปญั หาใน การคานวณตน้ ทุนวัตถดุ ิบที่เบกิ ใช้และต้นทุนวัตถุดิบคงเหลือในวันสิน้ งวด เพราะมีวิธีการคานวณไดห้ ลายวิธโี ดยอาศยั หลักการบันทึกของคงเหลือ 2 วธิ ี คอื -การบันทกึ วัตถดุ ิบคงเหลือเมือ่ สิ้นงวด (Periodic Inventory Method) -การบันทกึ วัตถดุ บิ คงเหลือแบบตอ่ เน่อื ง (PerpetualInventory Method)
49 วธิ ีกำรตรี ำคำทุนหรอื มลู ค่ำสทุ ธทิ ่ีจะไดร้ บั ทต่ี ่ำกว่ำ มี 3 วธิ ี คอื 1. การตรี าคาทนุ หรือมลู ค่าสุทธิท่ีจะได้รบั ที่ต่ากวา่ โดยพจิ ารณาวตั ถุดิบ หรือสนิ ค้าแต่ละรายการ หรือแตล่ ะหน่วย โดยการเปรยี บเทยี บราคาทุนตอ่ หนว่ ยของวัตถดุ บิ มาเปรียบเทียบกบั ราคาตลาดตอ่ หน่วยของวตั ถดุ ิบชนิด นั้น ดวู า่ ราคาใดต่ากว่า ก็จะใชร้ าคานนั้ มาตรี าคาวัตถุดิบคงเหลอื 2. การตีราคาทนุ หรือมลู คา่ สทุ ธทิ จี่ ะได้รบั ที่ต่ากว่า โดยพจิ ารณาจากยอด รวม วิธีนีเ้ ปรียบเทียบราคาทุนรวมกบั มลู คา่ สุทธิทจ่ี ะได้รบั รวม แล้วเลอื ก ราคารวมทต่ี า่ กวา่ มาเป็นราคาวตั ถดุ บิ คงเหลือ 3. การตรี าคาทนุ หรือมลู ค่าสุทธิท่ีจะไดร้ บั ท่ตี ่ากวา่ โดยพิจารณาตามกลุ่ม หรือประเภทของวัตถดุ บิ กรณกี จิ การแบ่ง วตั ถดุ ิบเปน็ กลมุ่ ก็จะคานวณ ต้นทุนรวมของวตั ถุดิบ แยกตามกลุม่ แลว้ นามาเปรยี บเทียบกับราคาตลาด รวมตามกลุม่ ของวตั ถุดบิ น้ันๆ เลอื กราคาทต่ี า่ า กว่านามาเป็นตน้ ทนุ วตั ถดุ บิ คงเหลือ
50 วิธีการบนั ทึกบญั ชีวตั ถดุ ิบ วัตถดุ ิบเปน็ สนิ ค้าคงเหลือรายการหน่งึ ในกจิ การ อุตสาหกรรม ดังนนั้ วิธีการบนั ทกึ บัญชีวตั ถุดบิ จงึ ทาได้ 2 วธิ ีในลักษณะเดียวกนั กับ ทางเลือกของการบนั ทึกบัญชี สนิ ค้าคงเหลือ กล่าวคือ -วิธีการบนั ทึกบัญชีสนิ คา้ คงเหลอื (วตั ถดุ ิบ) แบบสิน้ งวด (Periodic Inventory Method) -วิธกี ารบนั ทกึ บญั ชสี ินค้าคงเหลอื (วัตถดุ ิบ) แบบต่อเนอ่ื ง (Perpetual Inventory Method)
หลกั กำรบนั ทกึ บญั ชี สนิ ค้ำคงเหลือแบบสินงวด 51 การจดบันทึกบญั ชีสนิ ค้าคงเหลอื ซ่งึ ในท่ีนี้คอื วตั ถุดิบ จะจด บนั ทึกรายการค้าใด ๆ ทม่ี ที าใหว้ ัตถดุ บิ มี การเปล่ียนแปลงเพม่ิ ขึ้น หรอื ลดลงโดยใช้ชอ่ื บญั ชตี าม รายการค้านั้นทีเ่ กิดขึ้น เชน่ เมือ่ ซอ้ื วตั ถดุ บิ จาก ผขู้ าย วัตถุดิบ ทาใหว้ ัตถดุ ิบเพ่ิมข้นึ จะจดบนั ทกึ เขา้ บัญชซี อื้ เม่อื ส่งคืน วัตถุดิบใหผ้ ู้ขาย จะใชบ้ ญั ชสี ง่ คืนและสว่ นลด แต่ถ้าเปน็ การเบิกใช้ หรอื ส่งคนื ภายในองคก์ ารจะไม่ทึก บัญชี ดว้ ยเหตนุ ี้ เมื่อตอ้ งการทราบปริมาณ วตั ถุดิบคง เหลือ ณ วันส้ินงวด จะตรวจนับเพือ่ สรุปยอดวัตถุดิบคง เหลือ ณ วนั นั้น ๆ และจดบนั ทึกเพอ่ื ปดิ บญั ชี ณ วันส้ินงวด ทที่ าการตรวจนับ วัตถุดบิ คงเหลือ ชอ่ื บัญชีท่เี ก่ยี วกับ วัตถุดบิ ไดแ้ ก่ ซ้อื คา่ ขนส่งเข้า ส่งคนื และ
หลกั กำรบันทึกบัญชสี นิ คำ้ คงเหลอื แบบต่อเน่ือง 52 การจดบนั ทกึ บัญชสี นิ คา้ คงเหลอื แบบต่อเนื่อง จะ จดบนั ทกึ รายการค้าใด ๆ ทีม่ ี ทาให้วตั ถดุ บิ มีการเปลี่ยนแปลงเพิม่ ขน้ึ หรอื ลดลงโดยใช้ผา่ นบญั ชีวตั ถุดบิ โดยตรง เช่น เม่ือซื้อวตั ถดุ บิ จากผู้ขายวตั ถุดิบ ทาให้ วตั ถุดิบเพิม่ ขน้ึ จะจดบนั ทกึ เพิ่มยอด บัญชีวตั ถุดบิ เมื่อสง่ คืนวัตถุดิบใหผ้ ูข้ าย จะจดบันทึกลดยอด บญั ชีวตั ถดุ บิ ถ้า เบิกใชว้ ัตถุดิบ หรือสง่ คืนภายในองค์การจะ บันทกึ บญั ชี เพม่ิ ยอดและลดยอดวัตถุดบิ คงเหลือตามลาดบั
53
54 บางคร้งั กิจการตรวจนบั วตั ถุดิบได้ไม่ตรงกบั ยอดคงเหลือท่ีปรากฏในบญั ชี หรือในบัตร วตั ถุดบิ กจ็ ะมกี ารปรับปรุงรายการดังกล่าว โดยปฏิบตั ิตามข้ันตอน ดงั นี้ 1. แก้ไขในบตั รวัตถุดิบ โดยบันทกึ จานวนทข่ี าดหรอื สูญหายลงในช่องจา่ ย เพอ่ื ลด ยอดบญั ชีวัตถดุ บิ ใหเ้ ทา่ กับยอดท่ีตรวจนบั ได้ แล้วคานวณตน้ ทุนตามวธิ ี ทก่ี ิจการไดป้ ฏิบัตแิ ต่ เดมิ หรือบันทึกจานวนทีต่ รวจนบั ได้เกินกวา่ ยอดในบัญชี ลงในชอ่ งรบั โดยใชร้ าคาวัตถุดิบท่เี บกิ ไปใช้คร้ังสุดทา้ ยมาคานวณต้นทุนวตั ถดุ ิบ จานวนดงั กล่าว
55 2. บันทึกรายการปรบั ปรุง ตามที่คานวณได้ จากขอ้ 1 ทั้ง 2 กรณี ดังภาพ
56 ควำมหมำยของคำ่ แรง กำรควบคุมเกย่ี วกับค่ำแรง กำรคำนวณต้นทุนคำ่ แรง กำรวิเครำะห์และจำแนกประเภทของคำ่ แรง กำรบญั ชีก่ียวกับค่ำแรง เงินพิเศษต่ำง ๆ และสวสั ดกิ ำร
57 ควำมหมำยของคำ่ แรง ค่าแรง หมายถงึ ค่าจา้ ง ( Wages ) และเงนิ เดอื น (Salaries) การ จา่ ยคา่ จา้ งมักทาเป็นรายช่วั โมง ( Hourly ) รายวนั ( Daily) รายชนิ้ ( Piecework ) หรือรายเดือน การบัญชีเกยี่ วกบั คา่ แรงกลา่ วถึงทัง้ ค่าจา้ ง และเงนิ เดอื นของลกู จ้างหรือพนกั งานทท่ี าการผลติ ในโรงงาน ในอตุ สาหกรรมจะมีโรงงานแยกจากแผนกขายของแลพแผนก บรกิ าร ในกิจการดังกล่าว จึงมีการแบ่งแผนกงานเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ - แผนกที่ทาการผลติ โดย (Production Department ) - แผนกท่ใี หบ้ รกิ ารแกแ่ ผนกผลิต (ServiceDeparment ) ดงั น้ัน จงึ แบ่งประเภทของค่าแรงออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1. ค่าแรงทางตรง เป็นคา่ แรงท่กี ิจการจ่ายใหค้ นงานที่ทาหน้าที่ ในการผลิตสินคา้ โดยตรง คอื เป้นผู้ทาการแปรสภาพวัตถดุ ิบใหก้ ลายเปน็ สนิ ค้าสาเร็จรปู 2. ค่าแรงทางออ้ ม เปน็ ค่าแรงทจี่ า่ ยใหค้ นงาน หรอื พนักงานที่ อย่ใู นแผนกอ่ืน ๆ เช่น คา่ แรงของผคู้ วบคมุ พสั ดุ เงินเดอื นยาม เงินเดอื น ผจู้ ัดการโรงงาน
58 การควบคมุ เกยี่ วกบั ค่าแรง การควบคุมการทางานและการบญั ชีท่ีดเี ก่ียวกบั ค่าแรงจึงเปน็ ส่งิ สาคัญ ในการคงบคมุ ต้นทุนประเภทน้ี ในการจดั การการเกีย่ วกับแรงจงึ ต้องมี แผนกตา่ ง ๆ ดังนีค้ อื 1. แผนกบุคลำกร Personnel Department มหี น้าทจ่ี ดั หา แรงงานต่าง ๆ เข้ามาในในโรงงาน หน้าท่ีคือ มดี ังน้ี 1.1 การกาหนดมาตรฐานแรงงาน 1.2 การวา่ จ้าง เก่ยี วขอ้ งการรบั สมัคร การสัมภาษณ์ การทดสอบ และการบรรจเุ ขา้ งาน 1.3 การฝึกอบรมเก่ียวขอ้ งกับการฝกึ อบรม 1.4 สวสั ดกิ าร 2. แผนกกำรวำงแผนกำรผลติ Production Planning Department มีหน้าทใี่ นการกาหนดแผนการผลิตและใชแ้ รงงาน ประเภทใด 3.แผนกบญั ชเี กีย่ วกบั ค่ำแรง Payroll AccountingDepartment มหี นา้ เก็บเวลาทางาน คานวณคา่ แรง วเิ คราะห์คา่ แรงเข้า และจา่ ยค่าแรง คนงาน ทีท่ าหนา้ ท่ีแบ่งออกเปน็ 3 แผนกย่อย ๆ ดังน้ี
59 ก. แผนกควบคุมเวลางาน Time-keeping Department ข. แผนกค่าแรง Payroll Department ค. แผนกบัญชีต้นทุน Cost Accounting Department เอกสารที่ใชป้ ผระกอบกระบวนการเกีย่ วกับค่าแรง 1.บัตรลงเวลา หรอื บตั รนาฬิกา จัดทาสาหรบั คนงานในแตล่ ะ่ คน ในแต่ล่ะ งวดคา่ แรงเพอื่ ให้คนงานบันทกึ เวลาท่ี เขา้ -ออก ในโรงงาน โดยสอดบตั รเขา้ ไป ในนาฬการเพือ่ ประทับเวลา ซึง่ เรียกว่า การตอกบตั ร ในวนั ถัดไป เจา้ หนา้ ที่จะรวบรวมเวลาจากบัตรลงเวลา เพอ่ื นาไปใชใ้ น การตวรจสอบค่าแรงกบั แผนกคา่ แรง
60 บตั รลงเวลำ หรือบตั รนำฬกิ ำ
2. บตั รบันทกึ เวลาทางาน (บตั ร 61 โดยสาร) คอื บตั รทใ่ี ชบ้ นั ทึกเวลาใหท้ ราบว่า พนักงานทางานประเภทไหน การบันทกึ เวลา ทางานจะชว่ ยให้การทางานตา่ งๆไดร้ บั ความ สะดวกสบายมากข้นึ (ใช้เวลาในการควบคมุ งานจากหัวหนา้ งาน) การคานวณค่าแรงเพอ่ื ให้ คนทางานตอ่ ไปจากการบันทกึ เวลาทพ่ี นักงาน ใช้ในการท่ีจะใชเ้ วลาในการคิดเงินก้อนและ การจ่ายคา่ แรงใหก้ บั พนักงาน ทางานงานของ แผนกตา่ งๆเพื่อนามาเปรยี บเทียบกบั บตั รลง เวลาเพื่อดูลกั ษณะการ 4 งานว่าทางาน ประเภทใดหรอื ทางานชน้ิ ใดเป็นประโยชนใ์ น การวเิ คราะหแ์ ละงานดังกลา่ วนั่นเองจากน้นั ก็ จะส่งบัตรบนั ทกึ เวลาทางานไปยงั แผนกคดิ คา่ แรงพนกั งานท่ีทางานในตาแหนง่ บรหิ าร หรอื ทางานในแผนกบริการไมต่ ้องทาบัตร บนั ทึกจะจัดทาให้เฉพาะพนกั งานหรอื คนงาน ท่ไี ดร้ ับค่าจา้ งเป็นราย ชิน้ หรอื รายชัว่ โมง 3. ทะเบยี นค่าแรง (Payroll Record) เป็นหน้าท่ีของแผนกค่าแรง ทจี่ ะจัดทาทะเบียนเงขึ้นเพอื่ ใชบ้ ันทกึ ค่าแรงของพนักงานทุกคนที่ คานวณไดจ้ ากบัตรบนั ทกึ เวลาทางานโดยเรายละเอยี ดทตี่ อ้ งหัก เช่นภาษเี งินไดห้ ัก ณ ทจ่ี า่ ยเงนิ ประกันสังคมเปน็ ต้นเพ่ือหาคา่ แรง สุทธิจะตอ้ งจา่ ยใหก้ บั พนักงานและคนงานแต่ละคน
62 บตั รบันทกึ เวลำทำงำน
63 ทะเบยี นคำ่ แรง (Payroll Record)
64 4. ใบสรุปตน้ ทนุ คา่ แรงงาน เม่ือมกี ารคานวณและไดว้ เิ คราะห์ จาแนกคา่ แรงแลว้ บตั รบนั ทึกเวลากจ็ ะถูกส่งไปยงั แผนกบญั ชีเพื่อ จดั ทาใบสรุปตน้ ทุนค่าแรง การคานวณต้นทุนค่าแรง เป็นหนา้ ที่ของแผนกค่าแรง (Payrol Department) ท่จี ะต้อง คานวณและจาแนกประเภทของเงนิ เดอื นและคา่ แรงต่างๆในแตล่ ะ งวดทจ่ี ะต้องจา่ ยใหก้ ับพนกั งานและคนงานโดยจะคานวณจากบัตร บันทึกเวลาทางานของคนงานแต่ละคนเปน็ ค่าแรงเบ้อื งตน้ เชน่ ภาษี เงินได้หัก ณ ทจ่ี า่ ยเงนิ ประกันสงั คมเป็นตน้ เปน็ ค่าแรงสทุ ธิจากนน้ั ก็ จะสง่ ขอ้ มลู หกั ดว้ ยรายการหกั ต่างๆเหล่าน้ไี ปยังแผนกการเงนิ และ แผนกบญั ชตี อ่ ไปเพื่อดาเนินการจ่ายคา่ แรงและบนั ทึกบญั ชตี ่อไป
65 ควำมหมำยของคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรผลติ คำ่ ใช้จำ่ ยในกำรผลิตของแผนกผลิต ค่ำใช้จ่ำยในกำรผลิตของแผนกบริกำร ลักษณะกำรเกิดคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรผลิตจรงิ และวิธีกำร บนั ทกึ กำรบัญชี คำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรผลติ คิดเข้ำงำน กำรคำนวณและกำรบนั ทึกบญั ชีเกยี่ วกับค่ำใช้จำ่ ยใน กำรผลืตคดิ เขำ้ งำน กำรปนั ส่วนคำ่ ใชจ้ ่ำยทเี่ กิดขน้ึ จรงิ จำกแผนกบรกิ ำร เขำ้ สแู่ ผนกผลิต
66 ความหมายของคา่ ใชจ้ ่ายในการผลิต ค่าใช้จ่ายตา่ งๆทเี่ กดิ ขนึ้ ในโรงงานถอื เปน็ ต้นทนุ การผลิต ชนดิ หนึง่ นอกเหนือจากวัตถดุ ิบทางตรงและค่าแรงทางตรง ซง่ึ อาจเรยี กอีกอยา่ งหนง่ึ วา่ โสหยุ้ การผลิตหรอื คา่ ใชจ้ า่ ยโรงงาน คา่ ใชจ้ ่ายในผลิตเปน็ ต้นทนุ การผลติ ท่ตี า่ งจากวตั ถดุ บิ ทางตรง และค่าแรงทางตรงในลักษณะทีต่ น้ ทุนคา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ ลักษณะของค่าใช้จา่ ยในการผลติ เป็นคา่ ใช้จ่ายเกดิ ขน้ึ เปน็ ส่วนรวมไม่ สามารถทราบแนช่ ดั วา่ เปน็ ต้นทุนในการ ผลิตสินคา้ หน่วยใด ชนดิ ใด หรือเป็นของ งานชน้ิ ใด จานวนเทา่ ใด การเกดิ ของ คา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตอาจเกดิ ข้ึนได้ทั้งใน แผนกผลิตที่ทาการผลิตสินค้าโดยตรง (Producing Department) และแผนก บรกิ าร (Service Department) ซงึ่ เป็น แผนกที่ส่งเสริมสนับสนนุ การผลติ ทางอ้อม
ค่าใช้จา่ ยในการผลิตของแผนกผลิต 67 ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตแตล่ ะแผนก หมายถงึ ค่าใช้จา่ ยในการผลติ ท่ีถอื เป็นตน้ ทนุ ของแผนกผลติ นน้ั ๆ ซงึ่ ประกอบดว้ ยคา่ ใช้จา่ ยใน การผลติ 2 ประเภทคอื ก. ค่าใช้จา่ ยทางตรงของแผนกผลิต (Direct Department Expense) ข. คา่ ใช้จา่ ยทางออ้ มของแผนกผลติ (Indirect Department Expense) ค่าใช้จา่ ยทางตรงของแผนกผลิต เป็นค่าใชจ้ ่ายที่เกิดขึ้นสาหรบั แผนกผลติ ใดแผนกผลติ หน่ึงโดยเฉพาะเพ่ือการทางานของแผนกนน้ั ๆ โดยตรง สามารถบอกไดแ้ นช่ ัดว่าเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายของแผนกใดเทา่ ไร เชน่ คา่ ควบคุมงาน ค่าแรงทางออ้ ม ค่าลว่ งเวลา วัสดทุ างอ้อมคา่ ซอ่ มแซม บารงุ รกั ษา คา่ เสือ่ มราคา-เครอ่ื งจักรอุปกรณ์ เปน็ ต้น
68 ค่าใชจ้ า่ ยทางอ้อมของแผนกผลิต เปน็ ค่าใช้จา่ ยที่ไมไ่ ด้เกิดขนึ้ ในแผนก ผลิตโดยตรงหรือไม่ได้เกิดขึ้นในการทางานของแผนกใดแผนกหนง่ึ โดยเฉพาะ เปน็ ค่าใชจ้ า่ ยท่แี ผนกผลติ ได้รับปันสว่ นมาจากแผนกบริการ หรอื ได้รบั ปัน สว่ นมาจากคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลติ ท่วั ไป ซึง่ เป็นค่าใชจ้ า่ ยทีไ่ ม่สามารถระบุ ชัดเจนว่าเปน็ ของแผนกใดแผนกหนง่ึ เช่น เงินเดือนผ้จู ดั การโรงงาน เงนิ เดอื นพนักงานบัญชี ค่าเช่าโรงงาน คา่ เส่อื มราคา-อาคารโรงงาน ค่า ประกันภยั โรงงาน เปน็ ต้น ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตของแผนกบริการ ดังไดก้ ล่าวแล้วว่าแผนกบริการเปน็ แผนกทชี่ ่วยในการผลิต ทางออ้ มหรอื ช่วยอานวยความสะดวกใหแ้ ผนกผลติ ในการผลติ สินคา้ ดังนน้ั คา่ ใช้จ่ายทเ่ี กดิ ขึน้ ในแผนกบริการจงึ ตอ้ งเป็นส่วนไปใหแ้ ผนก ผลิต เพื่อรวมคานวณเป็นต้นทนุ ผลติ ภณั ฑ์ดว้ ย ค่าใชจ้ า่ ยของแผน บรกิ ารประกอบด้วย คา่ ใช้จ่าย 2 ประเภท เชน่ เดยี วกบั ค่าใช้จา่ ยใน การผลติ คือ
69 ค่าใช้จา่ ยทางตรง เป็นค่าใช้จ่ายทเี่ กิดขึ้นในแผนกบรกิ ารเอง เช่น แผนกบริการซอ่ มแซมบารงุ รกั ษา ค่าใช้จา่ ยทางตรงกค็ ือ คาเส่ือม ราคา-เคร่ืองมืออุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการซ่อมแซมบารุงรกั ษา หรอื คาแรงท่ี จ่ายใหค้ นงานในแผนกซอ่ มแซม หรอื แผนกไฟฟา้ กาลัง ค่าใชจ้ า่ ย ทางตรงก็คอื คา่ ใช้จา่ ยทจ่ี า่ ยไปในการผลติ กระแสไฟฟ้า คา่ เสอ่ื มราคา- อุปกรณท์ ่ใี ชใ้ นการผลิตกระแสไฟฟ้า เปน็ ตน้ คา่ ใช้จา่ ยทางอ้อม เปน็ ค่าใช้จ่ายทแ่ี ผนกบริการได้รับปนั สว่ น ตามเกณฑท์ ีเ่ หมาะสมจากคา่ ใช้จา่ ยในการผลติ ทัว่ ไป เน่อื งจาก คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิตทวั่ ไป ดงั กลา่ วเป็นค่าใชจ้ า่ ยทจ่ี ่ายไปเพอื่ ประโยชน์ของทุกๆ แผนกในโรงงาน ท้งั แผนกผลิตและแผนกบริการ เชน่ ค่าเช่าโรงงานกถ็ อื เปน็ คา่ เชา่ ของทั้งโรงงานไมใ่ ชค่ า่ เช่าของแผนก ใด แผนกหนึ่ง เปน็ ตน้ สรุป คา่ ใชจ้ า่ ยของแผนกบรกิ ารจะประกอบดว้ ย คา่ ใชจ้ า่ ย ทางตรงของแผนกเองและค่าใช้จ่ายที่ได้รับปนั สว่ นมาจาก คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลติ ท่วั ไป
ลกั ษณะการเกดิ ค่าใช้จ่ายในการการผลติ 70 จรงิ และวธิ กี ารบันทกึ บัญชี คา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตที่จะกล่าวในทน่ี ้ีเป็นคา่ ใช้จา่ ยท่เี กดิ ขึน้ จรงิ เพ่อื การดาเนินการผลิตคา่ ใช้จา่ ยในการผลิตจะ ประกอบดว้ ยค่าใช้จา่ ยหลายๆ ประเภท ขึ้นอยูก่ ับลักษณะการ ผลติ ของแต่ละธรุ กิจซ่ึงมกั จะแตกต่างกนั โดยทว่ั ไปคา่ ใชจ้ ่ายใน การผลติ มีลกั ษณะการเกิดขน้ึ 3 ลักษณะ 1.เกดิ จากการจา่ ยเงิน ได้แก่ การจ่ายเงินเดอื นยาม คนงานทา ความสะอาด เงินคาล่วงเวลา ค่านา้ มันเชื้อเพลิง หรอื คา่ บริการ ซอ่ มแซมจากภายนอก เป็นตน้ สมมติในวันที่ 10 มี. ค. 47 กิจการจา่ ยค่าน้ามันเชอ้ื เพลิงสาหรับเดือน มีนาคม 2547 เปน็ เงิน 2, 000 บาท จ่ายค่าซอ่ มแซมอุปกรณ์โรงงาน 8, 000 บาท การบันทกึ บญั ชใี นสมดุ เงนิ สดจ่ายจะเปน็ ดังนี้ 2547 ม.ี ค. 10 Dr. คา่ ใช้จ่ายในการผลิต 10, 000 Cr. เงนิ สด 10, 00
71 2.เกดิ จากการโอนบัญชี เปน็ การโอนสนิ ทรพั ยห์ รอื คา่ ใช้จ่ายบางชนดิ เป็น ต้นทุนผลิต เช่น การโอนวัตถดุ ิบเป็นวตั ถดุ ิบทางอ้อม และคาแรงโอนเปน็ ค่าแรงทางออ้ ม ซงึ่ จะบนั ทกึ บัญชีโดย Dr. เข้าบัญชคี า่ ใช้จา่ ยในการผลติ ทง้ั สองบัญชีเมอื่ เกิดรายการจะบันทกึ ในสมดุ รายวนั ท่ัวไปโดยใชห้ ลกั ฐานจาก ใบเบกิ วตั ถุดบิ และบัตรลงเวลาคนงาน เช่น กิจการเบิกวัตถุดบิ ทางออ้ มไปใช้ ในการผลติ 3, 000 บาท และวตั ถุดิบทางตรง 40, 000 บาท การบนั ทกึ บัญชีจะเปน็ ดังนี้ 2547 มี. ค. 10 Dr. งานระหวา่ งทา 40, 000 ค่าใช้จา่ ยในการผลิต 3, 000 Cr. วัตถดุ ิบ 3,000
72 3. เกิดจากการปรับปรุงบัญชเี มอ่ื ส้ินงวด เชน่ รายการคา่ เสื่อมราคา คา่ เบยี้ ประกันคา่ ภาษีทรพั ยส์ นิ เป็นต้น การปรบั ปรงุ รายการจะทาในสมดุ รายวนั ท่ัวไป จากนนั้ กจ็ ะผา่ นไปยงั บญั ชีย่อย คอื ใบสรุปคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิต ประจาแผนก เช่นกนั เชน่ กจิ การคดิ คาเสื่อมราคาอุปกรณส์ านกั งาน ประจาเดอื น มีนาคม 2547 จานวน 3, 000 บาทและค่าเสื่อมราคาอาคาร) 5, 000 บาทการบนั ทกึ บัญชีเป็นดงั นี้ 2547 มี. ค. 31 Dr. คา่ ใช้จา่ ยในการผลติ 8, 000 Cr. ค่าเสื่อมราคาสะสม-อุปกรณส์ านักงาน 3, 000 คา่ เส่ือมราคาสะสม-อาคาร 5, 000 หรอื กจิ การตัดจาหนา่ ยคา่ เบยี้ ประกนั ภัยจา่ ยลว่ งหน้า (อาคาร) จานวน 4, 000 บาทบันทกึ ดงั นี้ Dr. คา่ ใชจ้ ่ายในการผลิต 4, 000 Cr. คา่ เบี้ยประกันภัยจา่ ยลว่ งหนา้ 4, 000 ในวนั ส้นิ งวดพนกั งานบัญชตี ้นทุนจะรวมยอดใบสรปุ คา่ ใช้จา่ ยในการ ผลิตทุกแผนกเข้าดว้ ยกัน และนาไปแสดงไวใ้ นใบสรุปรายละเอียดคา่ ใช้จ่าย ในการผลิต ซึ่ง
73 ตอ้ งเท่ากบั ยอดรวมของบญั ชีคมุ ยอดค่าใช้จ่ายในการผลติ ทัง้ กจิ การทไ่ี ดม้ าจากสมดุ ลงรายการขัน้ ต้น และบัญชีตา่ งๆท่ีเกย่ี วขอ้ ง คา่ ใช้จ่ายในการผลิตคดิ เขา้ งาน (Predetermined Factory Overhead) จากท่ีไดก้ ลา่ วไวเ้ กี่ยวกับการคานวณค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตเข้าเปน็ ต้นทุนผลิตภัณฑ์นั้นสามารถคานวณได้ 2 วธิ ี คอื คานวณโดยใช้ระบบ ต้นทุนจรงิ และระบบตน้ ทนุ ปกติ การคานวณโดยใชร้ ะบบตน้ ทนุ จรงิ เปน็ การนาตน้ ทนุ คา่ ใช้จ่ายในการผลิตที่เกดิ ข้ึนจรงิ ในงวดนนั้ ๆ มาคานวณ เป็นต้นทุนผลติ ภัณฑแ์ ละการท่ีจะทราบคา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ เหล่านไ้ี ด้ ครบถว้ นทกุ รายการกต็ ้องรอจนถงึ วนั สน้ิ ปซี ่ึงทาให้เกิดความล่าชา้ ขอ้ มูล ที่ไดไ้ มท่ นั กบั ความต้องการของฝา่ ยบรหิ ารซึ่งอาจต้องการข้อมูล ตลอดเวลาในระหวา่ งปเี พอ่ื นาไปใชใ้ นการวางแผนและควบคุมการผลิต และหากกจิ การต้องการคานวณตน้ ทุนผลิตภณั ฑ์
74 ตน้ ทุนผนั แปร (Variable Expenses) เปน็ ตน้ ทุนเป็นตน้ ทุนหรอื คา่ ใช้จา่ ย ประเภทท่ีจะเปลีย่ นแปลงเพ่ิมหรือลดไปแตถ่ ้าปรมิ าณกิจกรรม ถ้ากจิ กรรม เพิ่มขน้ึ จานวนค่าใชจ้ ่ายผันแปรรวมจะเพิม่ ขึน้ แต่ถ้าปรมิ าณกิจกรรมลดลง จานวนรวมของค่าใชจ้ ่ายก็จะลดลงด้วย แต่ตน้ ทนุ ต่อหน่วยกจิ กรรม ตน้ ทุนคงท่ี (Fixed Expenses)เป็นตน้ ทนุ หรอื ค่าใชจ้ า่ ยท่ตี ้นทุนรวมจะ คงทอ่ี ยใู่ นชว่ งระยะเวลาหน่ึง เมือ่ กิจกรรมเปลยี่ นแปลงไป ต้นทนุ ต่อหนว่ ย กจิ กรรมจะเปลยี่ นไป กล่าวคือ เพม่ิ ต้นทนุ คงที่ต่อหนว่ ยลดลง แต่ถ้ากจิ กรรม ลดลงต้นทุนท่ตี อ่ หน่วยจะเพม่ิ ขน้ึ ต้นทนุ กง่ึ ผนั แปร (Semivariable Expenses) หรอื คา่ ใชจ้ า่ ยกงึ่ แปรงผนั เปน็ คา่ ใช้จ่ายท่จี ะเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณกิจกรรม แตก่ ารเปล่ียนแปลงนั้น จะไม่เป็นไปตามอตั ราส่วนโดยตรงกบั การเปล่ยี นแปลงของปริมาณกจิ กรรม
อัตราคา่ ใช้จ่ายในการผลิตคิดเข้างาน หรอื อัตรา 75 คา่ ใช้จา่ ยในการผลติ จดั สรร (Predetermined Factory Overhead Rate) ในการกาหนดอัตราค่าใช้จา่ ยในการผลิตคดิ เขา้ งาน ต้อง คานงึ ถงึ เรื่องต่อไปนี้ คือ 1.จะกาหนดอตั ราตอ่ หนว่ ยใด เชน่ ตอ่ หน่งึ หนว่ ย ผลผลติ ต่อ 1 ชัว่ โมงแรงงานทางตรง ตอ่ 1 ช่ัวโมงเคร่อื งจักร หรือ จะกาหนดเปน็ อตั ราร้อยละของคา่ แรงทางตรง หรอื อตั รารอ้ ยละ ของวตั ถดุ บิ ทางตรง 2. การกาหนดอัตราคา่ ใช้จา่ ยในการผลิตคิดเขา้ งานนี้ จะกาหนด ณ ระดับกาลังการผลติ ใด จะใช้ ณ ระดับกาลังการ ผลติ ที่ปกติ ซ่ึงคานึงถงึ ปรมิ าณการผลิตที่คิดว่าจะทาในระยะยาว หรอื จะใช้ ณ ระดบั กาลงั การผลติ คาดวา่ จะทาในงวดหน้า
76 3. ค่าใชจ้ ่ายในการผลติ ทจ่ี ะนามาคานวณตน้ ทุนผลติ น้ัน จะคดิ โดย วิธีต้นทนุ รวม (Absorption Costing) ซ่ึงรวมคา่ ใช้จ่ายคงทก่ี บั คา่ ใช้จ่าย ผันแปรไว้ดว้ ยกัน หรอื จะคดิ เฉพาะคา่ ใชจ้ า่ ยไมผ่ ันแปร ส่วนค่าใช้จ่ายคงที่ จะถือเปน็ คา่ ใช้จ่ายประจางวด ซ่ึงเปน็ วิธีทเ่ี รยี กว่าตน้ ทุนโดยตรง (Direct Costing) 4. อัตราค่าใช้จา่ ยในการผลติ คิดเขา้ งานน้ีจะกาหนดเปน็ อตั รา เดยี วใช้ทั้งโรงงาน (Plant-wide หรือ Blanket Rate) หรอื จะกาหนดขึ้น เปน็ อตั ราประจาแผนก (Departmental Rate) 5. กาหนดอตั ราค่าใชจ้ ่ายในการผลิตคดิ เขา้ งานจะแยกกัน ระหวา่ งค่าใช้จา่ ยประเภทบรกิ ารหรือของแผนกบริการ และแผนกผลติ หรอื ไม่
ปัจจยั ท่ใี ชเ้ ปน็ เกณฑ์ในการกาหนดอตั รา 77 คา่ ใช้จา่ ยในการผลิตคดิ เขา้ งาน การทจี่ ะคานวณตน้ ทนุ ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตเข้าเปน็ ตน้ ทุนของสินคา้ สาเร็จรปู นน้ั จะตอ้ งอาศัยปัจจยั ทีม่ ี ความสัมพนั ธโ์ ดยตรงกับสินค้าทผี่ ลติ เพ่ือเป็นเกณฑใ์ นการ คานวณตน้ ทนุ ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตเข้าเปน็ ต้นทุนของสนิ คา้ สาเรจ็ รปู ปัจจยั หรือเกณฑ์ดงั กลา่ ว ได้แก่ ชั่วโมงแรงงาน ทางตรง ชว่ั โมงเครื่องจกั ร จานวนหนว่ ยสนิ คา้ ทีผ่ ลิตได้ ต้นทนุ ค่าแรงงานทางตรง เป็นตน้ อตั ราคา่ ใช้จ่ายในการผลิตคดิ เข้างานจึงคานวณไดโ้ ดยนา ค่าใช้จา่ ยในการผลติ ทีป่ ระมาณไวห้ ารด้วยปรมิ าณกจิ กรรม หรือตามงบประมาณดังน้ี คือ อตั ราคา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตคิดเข้างาน = ค่าใชจ้ ่ายในการผลิตท้งั ปี โดยประมาณ ปริมาณกิจกรรมรวมท้งั ปี โดยประมาณ ระดบั กำลงั กำรผลิตที่ใช้ในกำรกำหนดอตั รำคำ่ ใช้จ่ำยในกำรผลิตคิดเข้ำงำน
78 จากท่กี ลา่ วมาแล้ว เน่อื งจากค่าใชจ้ ่ายในการผลิตประกอบไปด้วยตน้ ทุน คงท่แี ละตน้ ทนุ ผันแปรซงึ่ จะมีการเปล่ียนแปลงเมือ่ ระดับการผลิตเปลย่ี นไป ดงั นั้น จงึ ตอ้ งกาหนดว่าจะประมาณค่าใชจ้ า่ ยในการผลติ ระดับใดมาคานวณ อัตราค่าใช้จ่ายในการผลิตคดิ เข้างาน ระดบั กาลังการผลติ ดังกลา่ วแบง่ ได้เป็น 4 ระดับคือ 1.ระดบั กาลงั การผลติ สงู สุดตามทฤษฎีหรือระดับอดุ มคติ (Maximum or Ideal Capacity) 2.ระดบั กาลงั การผลติ ท่พี อปฏิบัติได้ Practical Capacity 3 ระดับกาลงั การผลติ ปกติ (Normal Capacity) 4. ระดบั การผลติ ทคี่ าดวา่ จะทาในงวดหนา้ หรือระดบั ทค่ี าดว่าจะผลติ (Expected Actual Capacity or Expected Level of Activity) การคานวณและการบันทึกบัญชีเกย่ี วกบั คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลติ คิดเข้างาน ในการคานวณคา่ ใช้จ่ายในการผลิตเขา้ เปน็ ต้นทุนของสินคา้ สาเร็จรปู ในกรณที ี่ ใชอ้ ัตราคา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตคดิ เขา้ งานนนั้ คานวณโดยนาปริมาณกิจกรรมท่ี เกดิ ขึ้นจริงในงวดใดจากหน่ึงคูณดว้ ยอตั ราค่าใชจ้ า่ ยในการผลติ คดิ เขา้ งาน ผลลพั ธ์ทไ่ี ด้ทีจ่ ะเปน็ ต้นทุนคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลติ ของสนิ ค้าสาเรจ็ รปู ท่ผี ลติ ไดใ้ น งวดบญั ชนี ้ันวิธีการลงบญั ชเี ปน็ ดงั นี้ Dr. งานระหว่างทา Xx Cr. ค่าใชจ้ ่ายในการผลิตคดิ เข้างาน Xx
79 ถ้ากจิ การใช้วธิ ีการผลติ แบบต้นทุนงาน คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิตคิด เขา้ งานทคี่ านวณไดก้ จ็ ะบนั ทกึ ในบตั รตน้ ทุน งานตามปรมิ าณ กจิ กรรมของงานนัน้ ๆ และหากกิจการใชว้ ธิ กี ารผลิตแบบตน้ ทุนช่วง คา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ คดิ เข้างานกจ็ ะคานวณเข้าเปน็ ต้นทุนของแผนก ผลิตต่างๆ และบนั ทกึ ไว้ในงบต้นทุนการผลติ ตามปริมาณกจิ กรรมที่ เกดิ ขนึ้ ในแผนกนน้ั ๆ ส่วนค่าใชจ้ ่ายในการผลติ ท่ีเกิดขน้ึ จรงิ ก็จะ บนั ทึกบญั ชีไว้เชน่ กนั โดย Dr. คาใช้จ่ายในการผลิตจ่ายจรงิ xx Cr. เงนิ สด (หรอื อ่นื ๆตามทมี่ าของคา่ ใชจ้ า่ ยนนั้ ๆ) xx
80 ขั้นตอนในกำรคำนวณอัตรำคำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรผลิตคิดเขำ้ งำนประจำแผนก 1.การกาหนดระดบั ปริมาณการผลติ วา่ กจิ การต้องการกาหนดอัตราค่าใชจ้ ่ายใน การผลิต ณ ระดบั กาลงั การผลติ ปกติ หรอื คาดวา่ จะผลติ 2. ประมาณคา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตทางตรง (Direct Overhead Costs) ท้ังของ แผนกผลิตและแผนกบรกิ าร ณ ระดบั กาลงั การผลติ ทก่ี าหนดไวใ้ นขอ้ 1 3. กาหนดเกณฑ์ในการปนั ส่วนค่าใชจ้ ่ายในการผลติ ของแผนกบรกิ ารเข้าสู่แผนก ผลิต เชน่ เน้ือท่ี จานวนคนงาน เป็นต้น 4. เลือกวธิ ีทจ่ี ะปนั สว่ นคา่ ใชจ้ ่ายของแผนกบรกิ ารสูแ่ ผนกผลติ จากน้นั จัดทา ตารางการปันสว่ น 5. คานวณอัตราค่าใชจ้ ่ายในการผลิตคดิ เข้างานประจาแผนกผลติ โดยพจิ ารณา เกณฑ์ในการคานวณอัตราคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิตคดิ เข้างานอยา่ งเหมาะสม กบั ลักษณะของการผลิตในแผนกผลติ น้ันๆ สูตรการคานวณ เปน็ ดงั นี้
81 อตั ราค่าใช้จ่ายในการผลิตคิดเขา้ งานของแผนกผลิต = คา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตรวมหลงั การปันส่วน กิจกรรมในแผนกผลิต
82 วธิ ีการปนั สว่ นค่าใช้จ่ายในการผลติ ของแผนกบริการเข้าสแู่ ผนกผลติ เนอ่ื งจากแผนกบรกิ ารจะมหี ลายแผนก บางแผนกกท็ าหนา้ ท่ใี ห้บรกิ ารแก่ แผนกผลติ อย่างเดยี ว บางแผนกก็มกี ารใหบ้ ริการในระหว่างแผนกบริการ ด้วยกนั และใหบ้ ริการแก่แผนกผลิตด้วย ดังนน้ั การปันส่วนตน้ ทนุ คา่ ใชจ้ า่ ย แผนกบรกิ ารให้แผนกผลิตจึงมีอยู่ 3 วธิ ี คอื 1. วธิ ีปนั ส่วนโดยตรง (Direct Allocation Method) 2. วิธีปนั ส่วนเป็นขัน้ ๆ (Step Allocation Method) 3 .วิธีในสว่ นโดยวิธพี ชี คณติ (Algebraic or Reciprocal Allocation Method)
83 ลักษณะของบัญชตี น้ ทนุ ส่งั ทำ กำรบันทึกบญั ชีตำมรับบตน้ ทุนงำนส่งั ทำ กำรบัญชเี กย่ี วกับวสั ดุ กำรบญั ชเี ก่ียวกับของเสยี กำรบญั ชเี กี่ยวกบั ของสนิ คำ้ มีตำหนิ
ลกั ษณะของบัญชตี ้นทุนงำนสั่งทำ 84 วธิ กี ารบัญชีตน้ ทนุ งานส่งั ทา (Job Order Costing) เป็นวธิ กี ารบญั ชที ใี่ ชใ้ นกิจการท่ี ผลิตวิธีสนิ ค้าในแต่ละหนว่ ยหรอื แต่ละพวกแตกตา่ งกันหรืออาจผลิตตามลกั ษณะเฉพาะ อย่างที่ลกู ค้าต้องการ ต้นทุนการผลิตสินค้าแตล่ ะหนว่ ยหรือแตล่ ะพวกนกี้ ็แตกต่างกนั ด้วย การบนั ทึกต้นทนุ จึงต้องแยกให้ชดั เจนว่าหนว่ ยใด ประเภทใด มีต้นทุนเท่าใด ตวั อยา่ งของผลติ ภัณฑ์ทตี่ อ้ งบนั ทึกบญั ชีตน้ ทนุ งานสัง่ ทา ได้แก่ กจิ การรับเหมากอ่ สรา้ ง เฟอร์นเิ จอร์ โรงพมิ พ์ เป็นต้น
85 ลกั ษณะสำคญั ของวธิ กี ำรบญั ชีต้นทนุ งำนสัง่ ทำ 1. มกี ารแยกงานออกตามคาสง่ั ผลิตของลูกค้า เนอื่ งจากงานช้นิ ตา่ งๆของลูกค้าแต่ละ คนจะแตกต่างกันทั้งในเร่อื งของการใชว้ ัตถดุ ิบ แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการผลิต 2. ตอ้ งจดั ทางบหรือบตั รต้นทนุ งานแยกตามงานของแตล่ ะคน เพ่อื บันทกึ ตน้ ทนุ การ ผลติ ของงานนั้นๆ 3. บัตรตน้ ทนุ งานแต่ละใบ ถือเปน็ บญั ชีย่อยประกอบบญั ชีคุมยอดงานระหว่างทา ดังนั้นยอดรวมของตน้ ทุนการผลิตจากบัตรต้นทนุ งานทุกใบ จะต้องเท่ากับยอด คงเหลือในบัญชีคุมยอดงานระหวา่ งทา 4. เม่ือกิจการผลิตงานใดเสร็จสิ้นกจ็ ะนาบัตรต้นทุนประจางานนัน้ มาสรปุ ต้นทุนการ ผลิตรวม สินคา้ ทีผ่ ลติ เสร็จจะนาเข้าเก็บในคลังสินคา้ พร้อมทัง้ บันทกึ ปรมิ าณต้นทุน ของสนิ ค้าสาเรจ็ รปู ในบัตรสินคา้ หากตอ้ งการทราบตน้ ทนุ ต่อหนว่ ย กน็ าต้นทนุ ทง้ั หมดหารด้วยจานวนหนว่ ยท่ผี ลิตเสรจ็ เช่น ต้นทนุ การผลติ สินค้าท้งั สิ้น 1, 000, 000 บาทจานวนหนว่ ยท่ีผลิตได้ 1, 000 หน่วย ดงั นนั้ ตน้ ทนุ ต่อหน่วย = 1,000,000/(1,000 ) = 1,000 บาท 5. การคดิ ตน้ ทุนของงานส่ังทามักจะใชว้ ิธีตน้ ทนุ ปกติ เพือ่ ความรวดเร็วในการ คานวณตน้ ทนุ ของสินค้าสาเร็จรปู เพราะการคิดต้นทนุ ตามวิธีต้นทุนจ่ายจริง จะตอ้ ง รอข้อมูลจรงิ ทีเ่ กดิ ข้นึ ทาให้เกิดความล่าช้าในการคานวณต้นทุน
กำรบนั ทกึ บญั ชีตำมระบบต้นทนุ งำนสงั่ ทำ 86 ในการบันทึกบัญชตี ามระบบต้นทุนงานสัง่ ทาน้นั จะ บันทกึ ไปตามวงจรตน้ ทุนดงั ไดก้ ลา่ วมาแล้วในหนว่ ยท่ี 3 คือ การจัดหา การผลิต การเก็บรกั ษา และการขาย ในทีน่ ้จี ะ กลา่ วจะบนั ทกึ ไปตามวงจรต้นทุนต้งั ได้สรปุ การบันทึกบัญชี ตามวงจรตน้ ทุนดังตวั อย่าง กำรบัญชีเก่ียวกบั เศษวัสดุ การเกิดเศษวสั ดุ ของเสยี และสินค้ามีตาหนิ เป็นปรากฏการณ์ที่ เกิดข้นึ บ่อยครงั้ ในกระบวนการผลติ ของโรงงานอตุ สาหกรรม การ ดาเนินกิจการกจ็ าเปน็ ตอ้ งมีการบันทกึ บญั ชีไว้เพอื่ เปน็ ประโยชน์ในการ ควบคมุ การผลิตครั้งต่อไป เศษวัสดหุ รือเศษซาก (Scrap Material) หมายถึงเศษวัสดทุ เ่ี หลือจาก กระบวนการผลติ ทีอ่ าจจะนาไปขายได้ในราคาต่าหรืออาจนาไปใชใ้ น การผลิตไดอ้ กี ไดแ้ ก่ เศษโลหะ หรอื เศษพลาสติกทีไ่ ด้จากการดัด เจาะ ถลุง เลอื่ ย เศษไมท้ ่ไี ดจ้ ากการเล่อื ยไม้ เปน็ ต้น กิจการจาเป็นต้องมีการ ควบคมุ จานวนเศษวสั ดเุ หลา่ น้ีไว้เพื่อเป็นขอ้ มูลในการวางแผนควบคมุ และป้องกนั การทุจรติ ยกั ยอกนาไปขาย เพราะเศษวสั ดุบางชนดิ กม็ ี ราคาสูง การควบคุมทาได้โดยการบนั ทกึ เศษวัสดุ ซงึ่ จะมีรายละเอยี ด เกีย่ วกบั วันที่เกดิ เศษวัสดุ จานวนหรอื นา้ หนกั ของเศษวสั ดุ สาเหตุของ การเกิดเศษวสั ดุนน้ั ๆ จากน้นั กจ็ ะสรุปจานวนเศษวัสดุเป็นงวดๆ งวด สัปดาห์หรอื งวดรายเดอื น เพื่อรายงานตอ่ ฝ่ายบริหารตอ่ ไป
87 กำรบันทึกบญั ชีเกย่ี วกบั เศษวัสดุ การบนั ทึกบัญชเี กี่ยวกบั เศษวสั ดุ แบง่ ออกเปน็ 2 กรณี คือ 1. ไมบ่ นั ทกึ บญั ชเี ศษวัสดุเป็นสนิ ทรพั ย์ 2. บันทกึ บัญชเี ศษวัสดเุ ปน็ สนิ ทรพั ย์ กำรบัญชีเกย่ี วกับของเสีย ของเสยี หรอื สินค้าเสยี (Spoiled Goods) หมายถงึ สนิ คา้ ท่ีผลติ ไมไ่ ด้ รูปแบบตามมาตรฐานท่ีกาหนด อาจเนื่องมาจากวัตถดุ ิบดอ้ ยคุณภาพ หรอื เครือ่ งจักรชารดุ และไม่สามารถแกไ้ ขให้เปน็ ของเสยี ท่เี กดิ ขึน้ ใน กิจการจะมที ง้ั ของสนิ คา้ ดตี ามมาตรฐานได้ ตอ้ งท้ิงหรือขายได้ในราคาตา่ ของเสยี ทค่ี วบคุมไดแ้ ละควบคุมไมไ่ ด้ ของเสยี ทค่ี วบคุมได้ หมายถึง ของเสียทไ่ี มค่ วรเกดิ ขึน้ ในสภาพการผลติ ปกติ แตเ่ กดิ ขน้ึ เนอื่ งจากความไมร่ ะมดั ระวังในการผลติ การใชว้ ตั ถดุ ิบ ดอ้ ยคุณภาพของเสยี ที่เกดิ ขึ้นจากสาเหตุดังกลา่ ว เรยี กวา่ ของเสยี เกิน ปกติ (Abnormal Spoilage) ตน้ ทนุ สทุ ธิของของเสยี ชนิดนี้ จะถือเปน็ ผลขาดทนุ สาหรับงวดบญั ชีน้ันๆ
88 ของเสียทีค่ วบคุมไมไ่ ด้ หมายถงึ ของเสียที่เกิดขนึ้ ในสภาพการผลิต ปกติซ่ึงได้มกี ารวางระบบการผลติ อย่างมีประสทิ ธภิ าพแลว้ เปน็ ของ เสียทีเ่ กดิ ขึ้นอยา่ งหลกี เลีย่ งไม่ได้ ถอื วา่ เปน็ ผลอยา่ งหนึ่งของ กระบวนการผลิต ของเสยี ประเภทนี้เรียกว่า ของเสียปกติ (Normal Spoilage) ต้นทุนสุทธิของของเสียประเภทนจ้ี ะถือเปน็ ต้นทุนของ หน่วยดที ีผ่ ลติ ได้ ในกรณีทีท่ ราบวา่ หนว่ ยเสียน้นั เป็นของงานใด และ จะถือเปน็ ค่าใชจ้ า่ ยในการผลติ ในกรณีที่ต้องการกระจายต้นทนุ ของ หนว่ ยเสยี ให้เป็นตน้ ทนุ การผลิตของงานต่างๆ ทั้งหมด แทนทจ่ี ะ คานวณเข้ากับงานหน่ึงงานใดโดยเฉพาะ กำรบญั ชเี กย่ี วกับสนิ ค้ำมตี ำหนิ สินค้ามีตาหนิ (Defective Goods) สินคา้ ท่ผี ลติ ไม่ไดร้ ปู แบบ หรอื คุณภาพตามมาตรฐานทก่ี าหนด แต่เม่อื นาไปแก้ไขส่วน บกพรอ่ งกส็ ามารถนาออกไปขายได้ใหม่ ในสภาพของสินคา้ คณุ ภาพดหี รอื คุณภาพรองลงมา ค่าใชจ้ า่ ยที่เกดิ ข้นึ ในการแกไ้ ข สนิ ค้าท่มี ีตาหนใิ หเ้ ป็นสินค้าที่น้ันมวี ิธกี ารบนั ทึกบัญชีได้ 2 ลักษณะ คือ
Search