Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เกณฑ์คุณภาพ OBECQA

เกณฑ์คุณภาพ OBECQA

Description: เกณฑ์คุณภาพ OBECQA

Search

Read the Text Version

41 3.2 ความผูกพนั ของนกั เรียนและผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสีย (Student and Stakeholders Engagement) : โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและ ประเมินความพึงพอใจและความผูกพนั (50 คะแนน) กระบวนการ ก. ความสมั พันธ์และการสนบั สนนุ นักเรยี นและผ้มู สี ่วนได้ส่วนเสีย (STUDENT and Stakeholders Relationships and Support) (1) การจดั การความสมั พนั ธ์ (Relationship Management) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการสร้างและจัดการความสัมพันธ์กับนักเรียนและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจให้แก่นักเรียน และผู้มี สว่ นได้ส่วนเสยี ส่วนตลาดเพือ่ • ให้ไดน้ ักเรียนกลมุ่ ใหม่ หรอื จำนวนนักเรียนเพิ่มขนึ้ • จดั การและยกระดบั ภาพลกั ษณ์ของโรงเรยี น • การจูงใจใหน้ กั เรียนเรยี นจนจบหลักสูตร • รกั ษานักเรียนปัจจบุ ันไว้ ตอบสนองความต้องการและทำให้เหนือกว่าความคาดหวังใน แต่ละชว่ งเวลาของการเป็นนกั เรียน (2) การเข้าถงึ และการสนับสนนุ นักเรียนและผูม้ สี ่วนได้สว่ นเสีย (STUDENT and Stakeholders Access and Support) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำให้นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถสืบค้น สารสนเทศ และไดร้ บั การสนบั สนนุ • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำให้นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถ ทำธรุ กรรมกบั โรงเรียน • วิธีการที่สำคัญในการสนับสนุนนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการสื่อสาร มีอะไรบ้าง วิธีการ และกลไกเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ระหว่างนักเรียนและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย กลุ่มนกั เรยี นและผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสีย • โรงเรียนมีวิธีการดำเนินการในเรื่องตอ่ ไปนอี้ ยา่ งไร ระบขุ อ้ กำหนดท่ีสำคญั ในการสนบั สนุนนกั เรยี นและผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสยี ถ่ายทอดข้อกำหนดดังกล่าวไปยังบุคลากรทุกคนและทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการ สนับสนุนนกั เรยี นและผมู้ สี ่วนไดส้ ่วนเสยี ให้เกิดการปฏบิ ัติ

42 (3) การจัดการกบั ข้อรอ้ งเรียน (Complaint Management) โรงเรยี นมวี ธิ จี ัดการอยา่ งไรในการจดั การกบั ข้อรอ้ งเรียนของนักเรยี นและผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสยี • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำให้ข้อร้องเรียนได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที และ มีประสิทธิผล • การจัดการข้อร้องเรียนสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลับคืนมา และสร้างเสริมความพึงพอใจและความผูกพันของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และหลีกเลี่ยงไมใ่ ห้ขอ้ รอ้ งเรียนลกั ษณะเดยี วกันเกดิ ซ้ำในอนาคตได้อย่างไร ข. การประเมนิ ความพึงพอใจและความผูกพนั ของนักเรียนและผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสีย (Determination of STUDENT and Stakeholders Satisfaction and ENGAGEMENT) (1) ความพงึ พอใจ ความไม่พึงพอใจ และความผูกพนั (Satisfaction, Dissatisfaction and ENGAGEMENT) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการประเมินความพึงพอใจ ความไม่พึงพอใจ และความผูกพัน ของนักเรยี นและผู้มสี ่วนได้สว่ นเสีย • วิธีการประเมินเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างกลุ่มนักเรียนและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียและส่วนตลาด • การวัดผลดงั กลา่ วให้สารสนเทศที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ตอ่ ได้อยา่ งไร (2) ความพงึ พอใจเปรียบเทียบกับโรงเรียนอนื่ (Satisfaction Relative to Other Organizations) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการเสาะหาสารสนเทศด้านความพึงพอใจของนักเรียนและผู้มี สว่ นได้สว่ นเสยี ที่มตี ่อโรงเรยี นเปรียบเทียบกับโรงเรยี นอืน่ โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการเสาะหาสารสนเทศด้านความพึงพอใจของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสยี ทม่ี ตี อ่ โรงเรยี น โดย • เปรียบเทียบกับระดับความพึงพอใจของนักเรียนและผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสียที่มีต่อโรงเรียน คู่แขง่ • เปรียบเทียบกับระดบั ความพงึ พอใจของนกั เรียนและผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสียท่ีมตี ่อหลักสูตร ท่ีคล้ายคลึงกนั หรอื กบั ระดับเทยี บเคยี งของมาตรฐานทางการศึกษา (BENCHMARKS) (*)

43 ค. การใช้ข้อมูลเสียงของนกั เรียนและผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสีย และสว่ นตลาด (Use of VOICE - OF - THE - STUDENT Stakeholder and Market Data) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการเลือกและใช้ข้อมูลสารสนเทศจากเสียงของนักเรียนและผู้มี สว่ นได้ ส่วนเสยี และสว่ นตลาด • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการเลือกและใช้ข้อมูลสารสนเทศจากเสียงของนักเรียน และผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสยี และส่วนตลาด เพ่ือสรา้ งวฒั นธรรมท่มี ุง่ เนน้ นกั เรยี นยิง่ ขึน้ และเพื่อสนับสนุน การตดั สินใจในการปฏบิ ตั กิ าร หมายเหตุ หมายเหตุ 3.2 “ความผูกพันของนักเรียน” หมายถึง ลักษณะความผูกพันรวมถึงการคงอยู่และความจงรักภักดี ของผู้เรียนความเต็มใจของผู้เรียนท่ีเจาะจงเลือกและยังคงศึกษาอยู่ท่ีโรงเรียน รวมถึงความเต็มใจที่จะอทุ ิศตน สนับสนนุ แนะนำผ้อู น่ื ให้รจู้ ักโรงเรยี นและหลักสตู รรวมทัง้ บริการตา่ ง ๆ อยา่ งแข็งขัน หมายเหตุ 3.2ก. “คุณลักษณะของหลักสูตรหรือแผนการเรียน ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และบริการการศึกษาอื่น ๆ” หมายถึง ลักษณะที่สำคัญทั้งหมดของหลักสูตร บริการที่ส่งเสริมการเรียนรู้และบริการการ ศึกษาอื่น ๆ ที่มี ให้กับนักเรยี นตลอดชว่ งระยะเวลาท่ีท้ังสองกลมุ่ มีการสานสมั พันธใ์ ห้กับโรงเรียน จุดเน้นควรอยู่ท่ีองค์ประกอบ ที่ทำให้หลักสูตรและบริการการศึกษาอื่น ๆ ของโรงเรียนแตกต่างจากโรงเรียนคู่แข่ง หรือโรงเรียนอื่น ๆ องคป์ ระกอบดังกล่าวอาจรวมถึง จุดเน้นของหลักสูตร การจัดหางานให้นกั เรียนหลังจากที่สำเร็จตามเป้าหมาย ของการศึกษา หรือวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม องค์ประกอบของผู้ปฏิบัติงาน กิจกรรมเสริมหลักสูตร หรือค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง หลักสูตรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และบริการการศึกษาอื่น ๆ ที่สำคัญ อาจต้องคำนึงถึงวิธีการในการสื่อสารระหว่างกัน รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น การรักษาความลับและ ความปลอดภยั เกีย่ วกบั ข้อมูลเฉพาะของนักเรยี น ควรรายงานผลลพั ธ์ของการดำเนินการทีเ่ กีย่ วกับคุณลักษณะ ของหลักสูตรที่ส่งเสริมและการบริการการศึกษาอื่นๆ ควรรายงานไว้ในหัวข้อ 7.1 ส่วนประเด็นต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้องกบั มุมมองและพฤติกรรม (ผลสัมฤทธ)์ิ ของนกั เรียนควรรายงานไว้ในหวั ข้อ 7.2 หมายเหตุ 3.2ก.(1) การสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียน อาจจะรวมถึงการพัฒนาความเป็นคู่ความร่วมมือหรือการเป็น พันธมติ ร

44 หมายเหตุ 3.2ก.(2) เป้าประสงค์ของการสนับสนุนนักเรียน คือ การทำให้หลักสูตรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และการบริการ การศึกษาอน่ื ๆ ของโรงเรยี นงา่ ยตอ่ การเขา้ ถงึ และตอบสนองตอ่ ความคาดหวงั ของนักเรยี น หมายเหตุ 3.2ข.(1) การประเมินความพึงพอใจ และความไม่พึงพอใจของนักเรียน อาจรวมถึงการใช้วิธีการบางอย่าง หรือทุกวิธี ดังต่อไปนี้ คือ การสำรวจข้อมูลย้อนกลับทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ อัตราการลาออก กลางคัน การขาดเรียน ข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งของนักเรียน ตลอดจนข้อร้องเรียน โรงเรียนอาจรวบรวม สารสนเทศเหลา่ นี้ไดจ้ ากเว็บไซต์ จากการติดตอ่ โดยตรง จากกลมุ่ บุคคลทส่ี าม หรือทางไปรษณยี ์ การประเมินความไม่พึงพอใจของนักเรียนควรพิจารณามากกว่าเพียงแค่การดูคะแนนความพึงพอใจ ทีไ่ ดน้ อ้ ย และควรถูกประเมินแยกต่างหากเพื่อวเิ คราะห์ถึงสาเหตุรากเหง้าของความไม่พึงพอใจ และสนับสนุน การแก้ไขอย่างเปน็ ระบบ เพ่อื หลีกเล่ียงความไมพ่ งึ พอใจในอนาคต หมายเหตุ 3.2ข.(2) สารสนเทศเกี่ยวกับการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเชิงเปรียบเทียบ อาจได้จากการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง หรือกับโรงเรียนที่มีหลักสูตรหรือแผนการเรียนที่คล้ายคลึงกัน แต่มิใช่ เปน็ คูแ่ ขง่ ขัน นอกจากน้ี สารสนเทศน้ี อาจรวมถงึ การค้นหาสารสนเทศว่าทำไมนักเรียนจึงเลือกโรงเรียนคู่แข่ง มากกว่าโรงเรียนของตน หมายเหตุ 3.2ค. โรงเรียนควรใช้ข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนเพื่อสนับสนุนการทบทวนผลการดำเนินการโดยรวม ที่ระบุไว้ใน 4.1ข. ข้อมูลสารสนเทศจากเสียงของนักเรียน ตลาดที่ใช้ อาจรวมถึงข้อมูลที่ประมวลผลเกี่ยวกับ ข้อรอ้ งเรยี น รวมทง้ั ข้อมลู และสารสนเทศจากสอ่ื สังคมออนไลน์ (*)

45 หมวด 4 การวดั การวเิ คราะห์ และการจัดการความรู้ (100 คะแนน) (Measurement, Analysis and Knowledge Management) ในหมวดการวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ เกณฑ์ถามว่าโรงเรียนมีวิธีการอย่างไร ในการเลือก รวบรวม วิเคราะห์ จัดการ และปรับปรุงข้อมูลสารสนเทศ และ สินทรัพย์ทางความรู้ (KNOWLEDGE ASSETS) โรงเรียนใช้ผลการทบทวนเพื่อปรับปรุงผลการดำเนินการอย่างไร และโรงเรียน มีการเรียนรู้อย่างไร 4.1 การวดั การวเิ คราะห์ และการปรบั ปรงุ ผลการดำเนินการของโรงเรยี น (Measurement, Analysis, and Improvement of Organization Performance) โรงเรียนมีวิธีการอยา่ งไรในการวดั วิเคราะห์ และปรบั ปรุงผลการดำเนินการของโรงเรยี น (55 คะแนน) กระบวนการ ก. การวัดผลการดำเนินการ (PERFORMANCE Measurement) (1) ตัววัดผลการดำเนินการ (PERFORMANCE MEASURE) โรงเรียนมวี ิธีการอยา่ งไรในการใช้ข้อมูลและสารสนเทศเพ่ือตดิ ตามการปฏิบัติการประจำวัน และผลการดำเนนิ การโดยรวมของโรงเรียน โรงเรยี นดำเนนิ การในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้อย่างไร • เลือก รวบรวม ปรับให้สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน และบูรณาการข้อมูล สารสนเทศ เพือ่ ตดิ ตามการปฏบิ ตั ิการประจำวันและผลการดำเนินการโดยรวมของโรงเรียน • ตดิ ตามความก้าวหน้าในการบรรลุวัตถปุ ระสงค์เชงิ กลยทุ ธ์และแผนปฏบิ ตั ิการ โรงเรียนมีตัววัดผลการดำเนินการที่สำคัญอะไรบ้าง รวมทั้งตัววัดด้านการเงินที่สำคญั ท้ังระยะส้ันและระยะยาว ตวั วัดเหลา่ นไ้ี ด้รับการตดิ ตามบ่อยเพยี งใด (2) ขอ้ มลู เชงิ เปรยี บเทียบ (Comparative Data) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการเลือกและใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ เพ่อื สนบั สนุนการตดั สนิ ใจโดยใช้ข้อมูลจริง (3) ความคล่องตวั ของการวดั ผล (Measurement Agility) โรงเรียนทำอย่างไรเพื่อให้มั่นใจว่าระบบการวัดผลการดำเนินการของโรงเรียนสามารถ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือที่ไม่ได้คาดคิด ทั้งภายในหรือภายนอกโรงเรียน และให้ข้อมูลทที่ นั เวลา

46 ข. การวเิ คราะห์และทบทวนผลการดำเนนิ การ (PERFORMANCE ANALYSIS and Review) โรงเรยี นมวี ิธกี ารอยา่ งไรในการทบทวนผลการดำเนินการและขีดความสามารถของโรงเรยี น • โรงเรยี นมวี ิธกี ารอยา่ งไรในการใช้ตวั วัดผลการดำเนนิ การท่ีสำคัญของโรงเรยี น รวมทั้ง ข้อมูลเชิงเปรยี บเทียบในการทบทวนเหล่าน้ี • โรงเรียนมีการวิเคราะห์อะไรบ้างเพือ่ สนับสนุนการทบทวนเหล่าน้ีและเพื่อทำให้มั่นใจ ว่าผลสรปุ นัน้ ใชไ้ ด้ • โรงเรียนและผู้นำระดับสงู ใชผ้ ลการทบทวนในเรอ่ื งตอ่ ไปน้ีอย่างไร • ประเมินผลสำเร็จของโรงเรียน ผลการดำเนินการในเชิงแข่งขัน ความมั่นคง ทางการเงนิ และความก้าวหนา้ ในการบรรลุวัตถปุ ระสงค์เชงิ กลยทุ ธ์และแผนปฏิบัตกิ าร • ตอบสนองอยา่ งรวดเรว็ ต่อความเปล่ียนแปลงในดา้ นความต้องการของโรงเรียน และความทา้ ทายในสภาพแวดล้อมท่ีโรงเรยี นดำเนนิ งานอยู่ คณะกรรมการกำกับดูแลองค์กร มีวิธีการอย่างไรในการทบทวนผลการดำเนินการของโรงเรียน และความก้าวหนา้ เมอ่ื เทียบกบั วัตถปุ ระสงค์เชิงกลยทุ ธ์และแผนปฏบิ ัติการ (*) ค. การปรบั ปรงุ ผลการดำเนินการ (PERFORMANCE Improvement) (1) ผลการดำเนินการในอนาคต (Future PERFORMANCE) โรงเรยี นมวี ิธีการอย่างไรในการคาดการณ์ผลการดำเนนิ การในอนาคตของโรงเรียน • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการใช้ผลการทบทวนผลการดำเนินการ และข้อมูลเชิง เปรียบเทยี บและเชงิ แข่งขันท่ีสำคญั เพือ่ คาดการณผ์ ลการดำเนินการ (2) การปรับปรงุ อย่างต่อเนือ่ งและนวตั กรรม (Continuous Improvement and INNOVATION) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการนำผลการทบทวนผลการดำเนินการ ไปใช้จัดลำดับ ความสำคัญของเรื่องที่ต้องนำไปปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และนำไปเป็นโอกาสในการสร้างนวัตกรรม และโรงเรียนมวี ธิ กี ารในการถ่ายทอดลำดับความสำคัญดงั กล่าวไปสู่การปฏิบตั ิในกล่มุ ต่อไปนีอ้ ย่างไร • คณะทำงานหรอื การปฏิบัติของสว่ นงานตา่ ง ๆ • ผู้ส่งมอบ พันธมิตร และคู่ความร่วมมือของโรงเรียน เพื่อทำให้มั่นใจว่ามีความสอดคล้อง ไปในแนวทางเดียวกันกบั โรงเรยี น (*)

47 หมายเหตุ หมายเหตุ 4.1 คำถามในหัวข้อนี้มีการเชื่อมโยงใกล้ชิดระหว่างกันและระหว่างหัวข้ออื่นในเกณฑ์ ตัวอย่างของ การเชื่อมโยงท่สี ำคัญ มดี งั นี้ • การวดั ผลการดำเนินการของโรงเรียน (4.1ก.) รวมถึงข้อมูลสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ ที่โรงเรียนและตัววัดผลการดำเนินการที่รายงานในเกณฑ์หัวข้ออื่น ๆ ควรรายงานในการทบทวน ผลการดำเนนิ การของโรงเรยี น (4.1ข.) • การทบทวนผลการดำเนินการของโรงเรียน (4.1ข.) ควรสะท้อนถึงวัตถุประสงค์ เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการ (หมวด 2) และผลลัพธ์ของการวิเคราะห์และทบทวนผลการดำเนินการ ระดบั โรงเรียน ควรสนับสนนุ การจดั ทำกลยุทธ์และการนำกลยทุ ธ์ไปปฏบิ ัติ รวมถึงลำดบั ความสำคัญ ในการปรับปรุงและโอกาสสำหรับสร้างนวตั กรรม (4.1ค.) • การคาดการณผ์ ลการดำเนินการของแผนปฏิบตั ิการทส่ี ำคัญของโรงเรียน ควรรายงาน ใน 2.2ก.(6) • ควรรายงานผลการดำเนนิ การของโรงเรยี นในหัวขอ้ 7.1 ถึง 7.5 หมายเหตุ 4.1ก ข้อมูลและสารสนเทศจากการวัดผลการดำเนินการ ควรนำมาใช้สนับสนุนการตัดสินใจบนพื้นฐาน ของข้อมูลจริงเพื่อกำหนดและปรับให้สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันในเรื่องทิศทางของโรงเรียน และ ทรัพยากรท่ีใชใ้ นหนว่ ยงาน กระบวนการที่สำคัญ ระดบั ฝา่ ย และระดบั โรงเรียน หมายเหตุ 4.1ก.(2) ข้อมลู และสารสนเทศเชิงเปรยี บเทียบทโี่ รงเรยี นเลือกมา ควรนำมาใชส้ นับสนุนการตัดสินใจในระดับ ปฏิบัติการ และในระดับกลยทุ ธ์ ข้อมูลและสารสนเทศเชงิ เปรยี บเทียบไดม้ าจากการเทยี บเคียงกับโรงเรียนอื่น ดว้ ยกระบวนการเทียบเคียงและการค้นหาตัวเปรียบเทยี บในเชิงแข่งขัน กระบวนการเทยี บเคียงเปน็ การเฟ้นหา กระบวนการและผลลัพธ์ที่แสดงถึงวิธีปฏิบัติและผลการดำเนินการที่เป็นเลิศในกิจกรรมที่คล้ายคลึงกัน ทั้งภายในกลุม่ หรือนอกกลุ่มการจัดการศกึ ษาของโรงเรียน การเปรียบเทียบในเชิงแข่งขันเป็นการเปรียบเทียบ ผลการดำเนนิ การระหว่างโรงเรยี นกบั คูแ่ ข่ง และโรงเรยี นอืน่ ทีม่ ีหลกั สูตรและการทำงานที่คลา้ ยคลึงกนั หมายเหตุ 4.1ก.(3) โรงเรียนอาจจำเป็นต้องมีความคล่องตัวในเรื่องระบบการวัดผลเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ต่าง ๆ ในด้านกฎระเบียบข้อบังคับ รวมท้ังการเปลี่ยนแปลงอ่ืน ๆ ของสภาพแวดล้อมด้านการเมือง นวัตกรรม ในกระบวนการหรือการจัดการศึกษาของโรงเรียน หลักสูตรของคู่แข่งรายใหม่ หรือการปรับปรุงผลิตภาพ

48 ตัวอย่างการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เช่น การใช้ตัววัดผลการดำเนินการที่แตกต่างกัน หรอื การปรับช่วงเวลาของการวัดผล หมายเหตุ 4.1ข การวิเคราะห์ผลการดำเนินการ ประกอบด้วย การประเมินแนวโน้มของผลการดำเนินการ การคาดการณ์ในระดับโรงเรียน การจัดการศึกษาของโรงเรียนและเทคโนโลยี การเปรียบเทียบความสัมพันธ์ เชิงเหตุและผล และการหาค่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน การวิเคราะห์ดังกล่าวควรสนับสนุนการทบทวน ผลการดำเนินการ เพื่อช่วยให้ทราบต้นเหตุของปัญหา และช่วยจัดลำดับความสำคัญของการใช้ทรัพยากร ด้วยเหตุนี้การวิเคราะห์จึงต้องใช้ข้อมูลทุกประเภท เช่น ข้อมูลผลการดำเนินการของหลักสูตร ข้อมูลเกี่ยวกับ นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ข้อมูลการเงินและพื้นที่บริการทางการศึกษา ข้อมูลการปฏิบัติการ และข้อมูล เชิงแข่งขัน การวิเคราะห์นี้ควรคำนึงถึงตัววัดที่เป็นมาตรการบังคับจากภาครัฐด้วย (*) รวมทั้งอาจมาจาก ผลการประเมินคุณภาพภายในของโรงเรียน หรือภายนอกของสำนักงานรับรองมาตรฐานและคุณภาพ การศึกษา (สมศ.) การตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อความเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการของโรงเรียนและความท้าทาย อาจรวมถึงการตอบสนองความจำเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมในโครงสร้างและระบบงาน ของโรงเรยี น

49 4.2 การจัดการสารสนเทศ และการจัดการความรู้ (Information, and Knowledge Management) โรงเรยี นมวี ธิ ีการอยา่ งไร ในการจดั การสารสนเทศและสินทรพั ย์ทางความรู้ ของโรงเรยี น (45 คะแนน) กระบวนการ ก. ขอ้ มูล และสารสนเทศ (Data and Information) (1) คุณภาพ (Quality) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทวนสอบและทำให้มั่นใจถึงคุณภาพของข้อมูลและสารสนเทศ ของโรงเรยี น • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรเพื่อทำให้มั่นใจว่าข้อมูลและสารสนเทศในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์และในรูปแบบอื่นมีความถูกต้อง (accuracy) เป็นไปตามวัตถุประสงค์ (validity) ความคงสภาพ (integrity) ความเชือ่ ถอื (reliability) และความเปน็ ปัจจบุ นั (2) ความพร้อมใชง้ าน (Availability) โรงเรยี นมวี ิธีการอยา่ งไรในการทำให้มน่ั ใจว่าข้อมลู และสารสนเทศของโรงเรียนพรอ้ มใช้งาน • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้ข้อมูลและสารสนเทศที่จำเป็นมีความพร้อมใช้งาน ด้วยรูปแบบที่ใช้งานง่ายและทันเวลาในการใช้งานสำหรับบุคลากร ผู้ส่งมอบ พันธมิตร คู่ความ ร่วมมือ รวมท้ังนกั เรยี น ผูป้ กครอง และชุมชน (*) • โรงเรียนมวี ิธีการอย่างไรในการทำให้ม่ันใจว่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน เชื่อถือได้และใช้งานง่าย ข. ความรู้ขององคก์ ร (Organizational Knowledge) (1) การจดั การความรู้ (Knowledge Management) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการสร้างและจัดการความรู้ของโรงเรียน และโรงเรยี นดำเนนิ การ ในเร่ืองต่อไปนี้อย่างไร • รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ของบคุ ลากร • ผสานและหาความสมั พันธร์ ะหว่างขอ้ มลู จากแหล่งต่าง ๆ เพื่อสรา้ งความรใู้ หม่ • ถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้องระหว่างโรงเรียนกับนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้ส่งมอบ พนั ธมติ ร และคูค่ วามรว่ มมือ • รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการสร้างนวัตกรรม และ กระบวนการวางแผนกลยทุ ธ์

50 (2) วิธปี ฏิบัตทิ ีเ่ ป็นเลิศ (Best Practices) โรงเรยี นมวี ิธีการอย่างไรในการแลกเปลย่ี นเรยี นร้วู ธิ ีปฏบิ ัติที่เป็นเลิศในโรงเรียน • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการค้นหาหน่วยงานหรือหน่วยปฏิบัติการ ทั้งภายใน และภายนอกโรงเรียนที่มีผลการดำเนนิ การทดี่ ี • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการค้นหาวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำไปปฏบิ ัตใิ นสว่ นอื่น ๆ ของโรงเรยี น (*) (3) การเรยี นรู้ระดบั องคก์ ร (Organizational LEARNING) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการใช้องค์ความรู้และทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้การเรียนรู้ฝังลึก ลงไปในวิถกี ารปฏิบตั งิ านของโรงเรยี น หมายเหตุ หมายเหตุ 4.2ก.(2) ตัวอย่างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ ระบบต่าง ๆ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม และ แอปพลิเคชัน ระบบสารสนเทศภายนอก เช่น ระบบที่จัดเก็บบนคลาวน์ (cloud) หรือสถานที่นอกเหนือ การควบคมุ ของโรงเรียน ตัวอยา่ งขอ้ มูลสารสนเทศทส่ี ำคัญของโรงเรียน เชน่ สารสนเทศดา้ นการเงิน สารสนเทศด้านบุคลากร สารสนเทศของนกั เรียน เปน็ ตน้ หมายเหตุ 4.2ก.(2) ความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนไม่ได้อยู่ในเกณฑ์หัวข้อนี้ โรงเรียนควร ตอบเรื่องน้ีเป็นส่วนหนึง่ ของความปลอดภยั โดยรวมและการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ในหัวข้อ 6.2 หมายเหตุ 4.2ข.(2) การผสานและหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ อาจเกี่ยวข้องกับการจัดการชดุ ข้อมลู ขนาดใหญ่และประเภทข้อมูลสารสนเทศที่แตกต่างกัน เช่น ตารางข้อมลู วีดโิ อ และข้อความและอาจเก่ียวข้อง กับการวิเคราะห์ข้อมูล (data analytics) และเทคนิควิทยาการข้อมูล (data science) ความรู้ของโรงเรียน ที่สร้างขึ้นจากข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นเพียงการประมวลจากความคิดเห็นและอาจเปิดเผยสารสนเทศที่อ่อนไหว ของโรงเรยี นหรือของบคุ คลซ่ึงตอ้ งมกี ารปกป้องจากการนำไปใช้งานดว้ ยจดุ มุ่งหมายอื่น

51 หมายเหตุ 4.2ข.(3) การเรยี นรตู้ ้องถกู ปลกู ฝงั ลงไปในวถิ ีการปฏบิ ัติงานของโรงเรยี น ซึง่ หมายความว่า การเรยี นร้คู วรเป็น • สว่ นหนง่ึ ของการปฏิบัตงิ านประจำวันทท่ี ำจนเป็นกิจวตั ร • สงิ่ ทส่ี ่งผลต่อการแก้ปัญหาทต่ี น้ เหตุโดยตรง • การเนน้ การสรา้ งองค์ความร้แู ละแบง่ ปันความรูท้ ่วั ทงั้ โรงเรยี น • สิ่งที่เกิดจากการมองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและมีความหมาย รวมทั้ง การสร้างนวัตกรรม

52 หมวด 5 บคุ ลากร (100 คะแนน) (Workforce) ในหมวดบุคลากร เกณฑ์ถามถึงโรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการประเมินความต้องการ ด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังของบุคลากร และในการสร้างสภาพแวดล้อมของบุคลากรที่ก่อให้เกิด ผลการดำเนินงานที่ดี หมวดนี้ยังถามถึงวิธีการสร้างความผูกพัน จัดการ และการพัฒนาบุคลากร เพื่อนำ ศักยภาพของบุคลากรมาใช้อย่างเต็มที่ให้สอดคล้องไปในทางเดียวกันกับความต้องการในการจัดการศึกษา โดยรวมของโรงเรียน กระบวนการ 5.1 สภาพแวดลอ้ มของบคุ ลากร (WORKFORCE Environment):โรงเรียนมีวธิ ีการอย่างไรใน การสร้างสภาพแวดล้อมของบคุ ลากรทเ่ี ก้อื หนนุ และมีประสทิ ธิผล (45 คะแนน) กระบวนการ ก. ขีดความสามารถและอัตรากำลังบคุ ลากร (WORKFORCE CAPABILITY and CAPACITY) (1) ความตอ้ งการดา้ นขดี ความสามารถและอตั รากำลัง (CAPABILITY and CAPACITY) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการประเมินความต้องการด้านขีดความสามารถ และอัตรากำลงั บคุ ลากร • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการประเมินทักษะ สมรรถนะ และหนังสือรับรองคุณวุฒิ (certifications) และจำนวนบคุ ลากรทจ่ี ำเปน็ ตอ้ งมีในแตล่ ะงาน หรอื กลุ่มงาน (staffing levels) (2) บุคลากรใหม่ (New WORKFORCE Members) โรงเรียนมีวธิ กี ารอยา่ งไรในการสรรหา วา่ จ้าง และดแู ล (onboard) บคุ ลากรใหม่ • โรงเรียนทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าบุคลากรใหม่ที่ได้รับการสรรหาจะเป็นตัวแทนท่ี สะท้อนให้เหน็ ถึงความหลากหลายทางมมุ มอง (ideas) วัฒนธรรม และวิธคี ิด (thinking) ของชุมชน ของบคุ ลากรทีไ่ ดร้ ับการสรรหาและท่โี รงเรยี นจา้ ง และชมุ ชนของนักเรยี นและผปู้ กครอง • โรงเรียนทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าบุคลากรใหม่เข้ากันได้กับวัฒนธรรมองค์กรของ โรงเรียน

53 (3) การจดั การเปลี่ยนแปลงด้านบคุ ลากร (WORKFORCE Change Management) โรงเรียนมวี ธิ กี ารอยา่ งไรในการเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลงความต้องการ ดา้ นขดี ความสามารถและอัตรากำลงั และโรงเรยี นดำเนินการในเรอ่ื งตอ่ ไปน้ีอยา่ งไร • สร้างความสมดุลด้านความต้องการของบุคลากรและของโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่า สามารถดำเนนิ การได้อยา่ งต่อเนือ่ ง ป้องกนั การลดจำนวนของบุคลากร และลดผลกระทบ ในกรณีท่ี จำเปน็ ต้องลดจำนวนบคุ ลากร • เตรยี มการและบรหิ ารในชว่ งที่มกี ารเพิม่ จำนวนของบุคลากร • เตรียมบุคลากรสำหรับการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างโรงเรียนและระบบงาน เม่ือจำเปน็ (4) ความสำเรจ็ ของงาน (Work Accomplishment) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการจัดรูปแบบการทำงาน และบริหารบุคลากร และโรงเรียนมี วิธีการอย่างไรในการจดั รปู แบบการทำงาน และบรหิ ารบุคลากรเพ่อื ให้ • งานของโรงเรยี นบรรลุผลสำเรจ็ • ใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งเต็มที่จากสมรรถนะหลักของโรงเรยี น • ส่งเสริมสนับสนุนการมุ่งเน้นนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการจัดการศึกษา ของโรงเรียน • มีผลการดำเนนิ การทเ่ี หนอื กว่าความคาดหมาย ข. บรรยากาศการทำงานของบคุ ลากร (WORKFORCE Climate) (1) สภาพแวดลอ้ มของการทำงาน (Workplace Environment) โรงเรียนดำเนินการอย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจด้านสุขภาพ ความปลอดภัย (security) และความสะดวกในการเขา้ ถึงสถานท่ีทำงานของบคุ ลากร • ตัววัดผลการดำเนินงานและเป้าประสงค์ในการปรับปรุงปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ในการทำงานมอี ะไรบ้าง (2) นโยบาย และสทิ ธิประโยชนส์ ำหรบั บุคลากร (WORKFORCE Benefits and Policies) โรงเรยี นมนี โยบายสนับสนนุ บุคลากรโดยจดั ให้มกี ารบริการ สิทธปิ ระโยชน์อยา่ งไร • โรงเรียนได้ออกแบบสิ่งดังกล่าวให้เหมาะสมตามความต้องการของบุ คลากร ทหี่ ลากหลาย รวมท้งั ความแตกต่างของกล่มุ และประเภทของบุคลากรอยา่ งไร

54 หมายเหตุ หมายเหตุ 5 ผลลัพธ์เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของบุคลากรและความผูกพันของบุคลากรควรรายงานในหัวข้อ 7.3 สำหรบั พนกั งานที่อยู่ในความควบคุมดูแลโดยผู้รบั จ้างเหมาบริการ ควรอธบิ ายในหมวด 2 และหมวด 6 โดยให้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านระบบงาน และกระบวนการทำงานภายในโรงเรียน สำหรับโรงเรียนที่ต้องพึ่งพา อาสาสมัคร หรือนักศึกษาฝึกประสบการณ์ คำว่าบุคลากรรวมถึงอาสาสมัคร หรือนักศึกษาฝึกประสบการณ์ เหล่านด้ี ว้ ย หมายเหตุ 5.1ก.(1) การประเมินความต้องการด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังของบุคลากร ควรคำนึงถึง ความจำเป็นในปัจจุบันและในอนาคต สอดคล้องตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่ระบุใน หมวด 2 และการคาดการณ์ผลการดำเนนิ การท่ีอธบิ ายใน 4.1ค.(1) หมายเหตุ 5.1ก.(3) การเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านขีดความสามารถและ อัตรากำลัง อาจครอบคลุมการฝึกอบรม การศึกษา การส่อื สารอย่างสมำ่ เสมอ การพิจารณาเกยี่ วกบั การสรรหา การจ้างบุคลากรและความพร้อมปฏิบัติงานในตำแหน่ง / หน้าที่ใหม่ของบุคลากร การให้คำปรึกษาเก่ียวกับ ความก้าวหน้า (career) รวมถงึ การชว่ ยพนกั งานหางานใหม่ (outplacement) และบริการอืน่ ๆ หมายเหตุ 5.1ก.(4) การจัดรูปแบบการทำงานและบริหารบุคลากรอาจเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างบุคลากร สำหรับ การเปลี่ยนแปลงที่โรงเรียนระบุในด้านเทคโนโลยี สภาพแวดล้อมภายนอก วัฒนธรรม หรือวัตถุประสงค์ เชิงกลยทุ ธ์ หมายเหตุ 5.1ข.(1) ความสะดวกในการเข้าถึงสถานที่ทำงานสามารถทำให้ผลิตภาพเพิ่มขึ้นด้วยการขจัดอุปสรรค ตอ่ ผพู้ กิ ารใหท้ ำงานได้ตามศักยภาพของตน สถานทที่ ำงานทม่ี ีความพร้อมต้องสามารถเขา้ ถึงได้ทง้ั ทางกายภาพ เทคโนโลยี และทัศนคติ (attitudinally accessible)

55 หากปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานและตัววัดผลการดำเนินงานหรือเป้าหมาย มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่แตกต่างกัน โรงเรียนควรอธิบาย ถึงความแตกต่างเหล่านี้ในการรายงานด้วย โรงเรียนควรอธิบายเรื่องความปลอดภัยของสถานที่ทำงาน ในหวั ขอ้ 6.2 โดยเปน็ ส่วนหน่ึงของระบบความปลอดภัยโดยรวม

56 5.2 ความผูกพันของบคุ ลากร (Workforce Engagement): โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการสร้างความผูกพันของบุคลากรเพื่อรักษาบุคลากรไว้ และมผี ลการดำเนินการท่ดี ี (55 คะแนน) กระบวนการ ก. การประเมินความผูกพันของบุคลากร (Assessment of WORKFORCE ENGAGMENT) (1) ปจั จัยขับเคลอื่ นความผูกพัน (Drivers of ENGAGMENT) โรงเรียนมวี ธิ ีการอยา่ งไรในการกำหนดปัจจัยท่ีสำคัญทีส่ ง่ ผลต่อความผกู พนั ของบคุ ลากร • วิธีการกำหนดปัจจัยขับเคลื่อนเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไรในแต่ละกลุ่มและประเภท ของบคุ ลากร (2) การประเมินความผูกพัน (Assessment of ENGAGMENT) โรงเรียนประเมนิ ความผกู พันของบคุ ลากรอย่างไร • มีวิธีการและตัววัด ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการอะไรบ้างที่ใช้ในการประเมิน ความพงึ พอใจของบุคลากร รวมทงั้ ความผูกพันของบคุ ลากร • วิธีการและตัววัดเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละกลุ่มและประเภท ของบคุ ลากร • โรงเรียนใช้ตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อประเมินและการปรับปรุงความผูกพันของบุคลากร อยา่ งไร ข. วฒั นธรรมองคก์ ร (Organizational Culture) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดการสื่อสารที่เปิดกว้าง การทำงานท่ีใหผ้ ลการดำเนินการทดี่ ี และบุคลากรมคี วามผกู พัน • โรงเรยี นมวี ิธกี ารอย่างไรในการเสริมสรา้ งวฒั นธรรมองค์กร • โรงเรียนทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าวัฒนธรรมองค์กรสนับสนุนวิสัยทัศน์และค่านิยม รวมทั้งได้ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของมุมมอง (ideas) วัฒนธรรม และวิธีคิด (thinking) ของบคุ ลากร • โรงเรียนมวี ิธีการอยา่ งไรในการใหอ้ ำนาจการตดั สินใจแก่บุคลากร

57 ค. การจดั การผลการปฏบิ ตั งิ านและการพฒั นา (PERFORMANCE Management and Development) (1) การจัดการผลการปฏิบัตงิ าน ร ะ บ บ ก า ร จ ั ด ก า ร ผ ล ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ง า น ข อ ง บ ุ ค ล า ก ร ส น ั บ ส น ุ น ใ ห ้ เ ก ิ ด ก า ร ท ำ ง า น ท ี ่ ใ ห้ ผลการดำเนินการที่ดีอย่างไร และระบบการจัดการผลการปฏิบัติงานของบุคลากรเสริมสร้างในเรื่องต่อไปนี้ อย่างไร • การบริหารคา่ ตอบแทน การให้รางวัล การยกย่องชมเชย และการสรา้ งแรงจูงใจ • การยอมรับความเสี่ยงที่ผ่านการประเมินผลได้ผลเสียอย่างรอบด้าน (INTELLIGENT RISK taking) • การมงุ่ เน้นนักเรียน ผปู้ กครอง ชุมชน และรปู แบบการจัดการศกึ ษาของโรงเรียน • การบรรลุผลสำเร็จของแผนปฏบิ ตั กิ าร (2) การพฒั นาผลการปฏบิ ัติงาน (PERFORMANCE Development) ระบบการเรียนรู้ แ ละ การพั ฒนา สนั บสนุนค วา มต ้ อง การพ ัฒนา ตนเ อง ข อง บุ ค ล า ก ร และความต้องการของโรงเรียนอย่างไร และระบบการเรียนรู้และการพัฒนาของโรงเรียนได้พิจารณา ถงึ เรอ่ื งต่อไปนี้อยา่ งไร • ความตอ้ งการในการเรยี นรู้และการพฒั นาของบุคลากร • สนับสนุนการปรับปรุงผลการดำเนินการของโรงเรียน และความเสี่ยงที่ผ่านการ ประเมนิ ผลได้ผลเสียอยา่ งรอบด้าน • สนับสนนุ จริยธรรม และวธิ ปี ฏิบัตใิ นการจัดการศกึ ษาอย่างมีจริยธรรม (3) ประสทิ ธิผลของการเรียนรู้และการพฒั นา (LEARNING and development EFFECTIVENESS) โรงเรียนมีวิธีประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของระบบการเรียนรู้และการพัฒนา อยา่ งไร และโรงเรียนดำเนนิ การในเรื่องตอ่ ไปน้ีอย่างไร • เช่ือมโยงผลลพั ธ์การเรียนรู้และการพฒั นากับผลการประเมินความผูกพนั ของบุคลากร และกบั ผลลัพธ์ทางด้านการจัดการศึกษาทสี่ ำคัญ • ใช้ผลความเชื่อมโยงนี้เพื่อระบุโอกาสในการปรับปรุงความผูกพันของบุคลากร และปรับปรุงการเรยี นรู้และการพัฒนา (4) การพัฒนาหน้าทีก่ ารงาน (Career Development) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการจัดการการพัฒนาหน้าที่การงานของบุคลากรและผู้นำใน อนาคตของโรงเรียน • โรงเรียนมีวธิ ีการอยา่ งไรในการวางแผนการพัฒนาผนู้ ำ และตำแหนง่ อ่ืนที่สำคัญ

58 (5) ความกา้ วหน้าในวิชาชพี ของบคุ ลากร (Career Advancement) โรงเรยี นมวี ิธีการอย่างไรในการพัฒนาบุคลากรให้มคี วามสัมพนั ธ์เชื่อมโยงกับความก้าวหน้า ในวิชาชีพของบุคลากร • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการสนับสนุนและส่งเสริมให้บุคลากรมีการพัฒนาตนเอง เพ่ือความกา้ วหน้าในวชิ าชีพ หมายเหตุ หมายเหตุ 5.2ก.(1) ตวั ขับเคลือ่ นความผูกพนั ของบุคลากร ตามทรี่ ะบุในโครงร่างองค์กร 1ก.(3) หมายถึง สิ่งท่ีขับเคล่ือน ความมงุ่ ม่นั ทั้งทางอารมณ์และสติปัญญาเพื่อให้งานสำเร็จ บรรลพุ นั ธกจิ และวิสัยทัศน์ของโรงเรยี น หมายเหตุ 5.2ก.(2) ตัวชว้ี ดั อื่น ๆ ท่ใี ช้ประเมินและปรบั ปรุงความผูกพันของบุคลากร เช่น อตั ราการคงอยขู่ องบคุ ลากร การขาดงาน การร้องทุกข์ ความปลอดภยั และผลติ ภาพ หมายเหตุ 5.2ค.(1) ระบบการบริหารค่าตอบแทนขององค์กรภาครัฐบางแห่งถูกกำหนดโดยกฎหมาย หรือกฎระเบียบ ขอ้ บังคับ ดังนนั้ การให้รางวัล และการยกยอ่ งชมเชยต้องใช้ทางเลือกอนื่ หมายเหตุ 5.2ค.(2) สำหรับการตอบคำถามในหัวข้อนี้ ควรรวมถึงการพิจารณาเป็นการเฉพาะในเรื่องการพัฒนาการ เรียนรู้ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของบุคลากรที่เป็นเอกลักษณ์หรือมีลักษณะเฉพาะของโรงเรียน และอาจรวมถึงโอกาสในการพัฒนาที่ตอบสนองสมรรถนะหลักของโรงเรียน ความท้าทายเชิงกลยุทธ์ และ แผนปฏิบัติการการเปลี่ยนแปลงระดับโรงเรียนและนวัตกรรม การปรับปรุงเรื่องการมุ่งเน้นนักเรียน และผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย การเสริมสร้างความรู้และทักษะใหม่ในการปฏิบัติงาน โรงเรียนควรพิจารณาถึงขอบเขตของ โอกาสในการพัฒนาที่โรงเรียนจัดให้ รวมถึงการศึกษา การฝึกอบรม การสอนงาน การเป็นพี่เลี้ยง และ ประสบการณท์ เ่ี กี่ยวกบั งานดว้ ย

59 หมวด 6 การปฏิบัตกิ าร (100 คะแนน) (Operations) ในหมวดการปฏิบัติการ เกณฑ์ถามว่าโรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการออกแบบ จัดการ ปรับปรุง และสร้างนวัตกรรม ด้านหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนการสอน และกระบวนการทำงานที่สำคัญ รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิผลของการปฏิบัติการ เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจแก่นักเรียน และผูม้ ีส่วนไดส้ ่วนเสยี และทำให้โรงเรยี นประสบความสำเรจ็ อย่างตอ่ เนือ่ ง 6.1 กระบวนการทำงาน (Work Processes) โรงเรยี นมวี ิธีการอย่างไรในการออกแบบ จัดการ และปรบั ปรงุ ด้านหลกั สตู ร กระบวนการ จัดการเรยี นการสอน และกระบวนการทำงานทส่ี ำคัญ (55 คะแนน) กระบวนการ ก. การออกแบบหลกั สตู ร และกระบวนการทำงาน (Product and PROCESS Design) (1) การจัดทำข้อกำหนดของหลกั สตู ร และกระบวนการทำงาน (Determination of Product and PROCESS Requirements) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการจัดทำข้อกำหนดที่สำคัญของหลักสูตร และกระบวนการ ทำงาน (2) กระบวนการทำงานทส่ี ำคญั (KEY WORK PROCESSES) กระบวนการทำงานที่สำคัญของโรงเรียนมีอะไรบ้าง อะไรคือข้อกำหนดที่สำคัญ ของกระบวนการทำงานเหล่านี้ (3) แนวคดิ ในการออกแบบ (Design Concepts) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการออกแบบหลักสูตร และกระบวนการทำงานเพื่อให้เป็นไป ตามขอ้ กำหนด • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการนำเทคโนโลยีใหม่ ความรู้ขององค์กร ความเป็นเลิศ ของหลักสูตร คุณค่าในมุมมองของนักเรียน การคำนึงถึงความเสี่ยงและความคล่องตัวที่ต้องการ ในอนาคต มาพจิ ารณาในการออกแบบหลกั สตู ร และกระบวนการทำงานเหล่านี้ ข. การจดั การและการปรับปรุงกระบวนการ (PROCESS Management and Improvement) (1) กระบวนการการจดั การประกนั คณุ ภาพภายในของโรงเรยี น โรงเรยี นมวี ธิ ีการอย่างไรในบริหารจัดการการประกนั คณุ ภาพภายในของโรงเรยี น

60 (2) การนำกระบวนการไปปฏิบตั ิ (PROCESS Implementation) โรงเรียนม่ันใจได้อย่างไรว่าการปฏบิ ัติงานประจำวนั ของกระบวนการทำงานเหล่าน้ีจะเป็นไป ตามข้อกำหนดของกระบวนการทสี่ ำคญั • โรงเรยี นใช้ตวั วดั หรือตัวช้วี ัดผลการดำเนนิ การทส่ี ำคัญ และตวั วดั ในกระบวนการอะไร ในการควบคุม และปรับปรุงกระบวนการทำงาน ตัววัดเหล่านี้เชื่อมโยงกับตัววัดผลการดำเนินการ และคณุ ภาพของหลักสูตร และกระบวนการจัดการเรยี นการสอนอยา่ งไร (3) การจัดการเรียนการสอนสาระการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study : IS) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการจัดการเรียนการสอนสาระการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study : IS) (4) กระบวนการสนับสนุน (Support Process) โรงเรียนมวี ิธีการอย่างไรในการกำหนดกระบวนการสนบั สนุนทสี่ ำคญั • กระบวนการสนับสนุนท่ีสำคัญของโรงเรยี นมีอะไรบ้าง • โรงเรยี นมัน่ ใจได้อยา่ งไรวา่ การปฏบิ ัติงานประจำวันของกระบวนการเหล่าน้ีตอบสนอง กระบวนการจัดการเรยี นการสอนทส่ี ำคญั (5) การปรบั ปรุงหลักสตู ร และกระบวนการทำงาน (Product and PROCESS Improvement) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการปรับปรุงด้านหลักสูตร กระบวนการทำงานที่สำคัญ และกระบวนการสนับสนุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสมรรถนะหลักของโรงเรียน และลด ความแปรปรวนของกระบวนการ ค. การจดั การเครือข่ายอุปทาน (Supply - Network Management) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการจัดการเครือข่ายอุปทาน โรงเรียนดำเนินการในเรื่องต่อไปนี้ อย่างไร • เลอื กผสู้ ง่ มอบท่ีมีคณุ สมบัติท่ตี อบสนองความต้องการด้านการปฏิบัติการ • ชว่ ยยกระดับผลการดำเนินการของโรงเรยี น • สนับสนนุ วัตถปุ ระสงค์เชิงกลยุทธ์ของโรงเรยี น • ยกระดบั ความพึงพอใจของนักเรยี นและผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสีย • ส่งเสรมิ ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกนั และความรว่ มมือในเครอื ข่ายอุปทาน • ทำให้มั่นใจว่าเครือข่ายอุปทานมีความคล่องตัวในการตอบสนองต่อความต้องการ ของนักเรียนและผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสีย ตลาด และของโรงเรยี นที่เปลยี่ นแปลงไป • สื่อสารความคาดหวังต่อผลการดำเนินการ วัดและประเมินผลการดำเนินการ ของผ้สู ง่ มอบ ใหข้ อ้ มูลป้อนกลับแก่ผู้ส่งมอบเพ่ือชว่ ยให้เกดิ การปรับปรุง และจัดการกับผู้ส่งมอบท่ีมี ผลการดำเนนิ งานท่ีไม่ดี

61 ง. การจดั การนวตั กรรม (INNOVATION Management) โรงเรยี นมีวธิ กี ารอย่างไรในการดำเนินการกบั โอกาสในการสรา้ งนวตั กรรม • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการดำเนินการตามโอกาสเชิงกลยุทธ์ที่โรงเรียนกำหนดว่า เป็นความเสี่ยงทผ่ี ่านการประเมินผลได้ผลเสยี อย่างรอบดา้ น (INTELLIGENT RISK) • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำให้ทรัพยากรด้านการเงินและด้านอื่น ๆ ที่พร้อมใช้ ในการดำเนินการในการสนบั สนุนโอกาสเหล่าน้ี • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการตัดสินใจพิจารณายุติการดำเนินงานตามโอกาสเหล่านี้ ในเวลาทีเ่ หมาะสม หมายเหตุ หมายเหตุ 6.1 ควรรายงานผลลัพธ์ของการปรับปรุงผลการดำเนินการด้านหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการในหวั ข้อ 7.1 หมายเหตุ 6.1ก.(2) ตัวย่างกระบวนการทำงานที่สำคัญ เช่น การจัดการเรียนรู้ การวัดประเมินผล การประกันคุณภาพ ภายใน การจดั การเรียนการสอนสาระการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study : IS) หมายเหตุ 6.1ก.(3) การออกแบบกระบวนการยังรวมถึงความจำเป็นในการออกแบบกระบวนการใหม่อย่างขนานใหญ่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดหรือปัจจัยอื่น ๆ ความคล่องตัวอาจจำเป็นเมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง กระบวนการทำงาน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงระบบงานโดยรวม เช่น การที่โรงเรียนนำกระบวนการ ต่าง ๆ ของเครือข่ายอุปทานมาดำเนินการเอง เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวการณ์หยุดชะงักของการจัดหาทรัพยากร อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ภายนอกที่คาดเดาไม่ได้ หรือการจ้างหน่วยงานภายนอก จัดกระบวนการเรียนรหู้ รือกระบวนการทำงานซง่ึ กอ่ นหน้านีด้ ำเนินการเองภายในโรงเรียน หมายเหตุ 6.1ข.(2) กระบวนการสนับสนุนที่สำคัญควรสนับสนุนกระบวนการที่สร้างคุณค่าของโรงเรียน กระบวนการ เหล่านี้ อาจรวมถึงกระบวนการที่สนับสนุนผู้นำและบุคลากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการ ตัวอย่างเช่น การออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสี ย การปฏสิ ัมพนั ธก์ บั นักเรียนและผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย และการจัดการเรยี นการสอนและกิจการอ่นื ๆ ของโรงเรียน

62 หมายเหตุ 6.1ข.(3) แนวทางในการปรับปรุงผลการดำเนินการของกระบวนการและลดความแปรปรวน ควรเปน็ สว่ นหน่ึงของ ระบบการปรับปรงุ ผลการดำเนินงานของโรงเรียนตามระบุไวใ้ นโครงร่างองค์กร ข้อ 2 ค หมายเหตุ 6.1ค ผู้ส่งมอบหมายถึง ผู้ที่โรงเรียนเลือกให้เข้ามามีส่วนในการจัดการศึกษา โดยที่โรงเรียนสามารถ ควบคมุ ได้ เช่น ผใู้ ห้บรกิ ารอนิ เตอร์เนต็ บริษัททใ่ี ห้บริการครตู า่ งชาติ เป็นต้น การทำให้มั่นใจว่าผู้ส่งมอบที่โรงเรียนเลือกสามารถตอบสนองความจำเป็นด้านปฏิบัติการ และ ความพึงพอใจของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โรงเรียนอาจเป็นพันธมิตรกับผู้ส่งมอบ หรือจัดตั้งกลุ่ม พันธมติ รระหว่างองค์กรต่าง ๆ ภายในเครือขา่ ยการส่งมอบ เพือ่ ผลประโยชน์ร่วมกัน การสอ่ื สารความคาดหวัง และข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้ส่งมอบควรเป็นการสื่อสารแบบสองทิศทางเพื่อให้ผู้ส่งมอบอธิบายถึงสิ่งที่ต้องการ ได้จากโรงเรียนและจากองค์กรอื่นภายในเครือข่ายอุปทาน สำหรับหลาย ๆ โรงเรียน กลไกเหล่าน้ี อาจเปลย่ี นแปลงตามความตอ้ งการของชุมชนและสงั คม นกั เรียนและผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสยี หมายเหตุ 6.1ง กระบวนการจัดการโอกาสสำหรับนวัตกรรม ควรใช้ประโยชน์จากโอกาสเชิงกลยุทธ์ ที่อธิบายใน 2.1ก.(2)

63 6.2 ประสิทธผิ ลของการปฏิบัติการ (Operational Effectiveness) โรงเรียนมีวธิ กี ารอยา่ งไรในการทำให้มนั่ ใจว่ามีการบริหารจดั การการปฏิบัติการท่มี ี ประสทิ ธิผล (45 คะแนน) กระบวนการ ก. ประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลของกระบวนการ (PROCESS Efficiency and EFFECTIVENESS) โรงเรียนมีวธิ ีการอยา่ งไรในการจดั การต้นทนุ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลของการปฏิบัตกิ าร โรงเรียนดำเนนิ การในเร่ืองต่อไปนี้อยา่ งไร • นำเรื่องของปัจจัยด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลอื่น ๆ มาใช้ในการพิจารณา กระบวนการทำงาน เช่น ลดรอบเวลา ลดข้ันตอน เพ่ิมผลติ ภาพ • ป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสีย ความสูญเปล่า ความผิดพลาดของการให้บริการ การทำงานซำ้ ซอ้ น • ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ หรือการสูญเสียผลิตภาพของนักเรียน ใหน้ อ้ ยทสี่ ุด (*) • ลดทรัพยากรโดยรวมท่ีเก่ียวข้องกับการบรหิ ารจดั การ และการตรวจสอบกระบวนการ หรือผลการดำเนินการ (PROCESS or PERFORMANCE audits) (*) • สร้างความสมดุลระหว่างความต้องการการควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพกับ ความต้องการของนักเรียนและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสยี ข. ความปลอดภยั และการรกั ษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Security and Cybersecurity) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำให้มั่นใจว่าข้อมูลสารสนเทศที่อ่อนไหวหรือสำคัญ และสินทรัพยท์ ่สี ำคญั มีความปลอดภยั และมกี ารปอ้ งกันภยั บนโลกไซเบอร์ โรงเรยี นมีวธิ ีการอยา่ งไร ในการดำเนินการสงิ่ ตอ่ ไปน้ี • การทำให้มั่นใจว่าข้อมูลและสารสนเทศทั้งในรูปแบบที่จับต้องได้และอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งระบบการปฏิบัติการที่สำคัญเป็นความลับและสามารถเข้าถึงได้ในทางกายภาพ และทาง อิเลก็ ทรอนกิ ส์ตามสิทธิที่เหมาะสม • เฝ้าระวังสิ่งคุกคามความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ทเี่ กิดขนึ้

64 • ทำให้มั่นใจวา่ บุคลากร นักเรียนและผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสยี พันธมิตร และผู้ส่งมอบ เข้าใจ และปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบของตนด้านความปลอดภัยและการรักษา ความปลอดภยั บนโลกไซเบอร์ • ระบุและจัดลำดับความสำคัญของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบปฏิบัติการ ที่สำคัญ เพอื่ ให้มีความปลอดภัย • ป้องกันระบบเหล่านี้จากเหตุการณ์ที่อาจกระทบความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ตรวจจบั ตอบสนอง และกู้คนื การถกู โจมตีบนโลกไซเบอร์ ค. การเตรียมความพรอ้ มด้านความปลอดภัยและต่อภาวะฉกุ เฉิน (Safety and Emergency Preparedness) (1) ความปลอดภัย (Safety) โรงเรียนมวี ิธีการอยา่ งไรในการทำใหเ้ กดิ สภาพแวดล้อมการปฏบิ ตั ิการที่ปลอดภัย • ระบบความปลอดภัยของโรงเรียนได้คำนึงถึงการป้องกันอุบัติเหตุ การตรวจสอบ (Inspection) การวิเคราะหต์ น้ เหตุของความล้มเหลว และการทำใหฟ้ นื้ คืนสสู่ ภาพเดมิ อย่างไร (2) ความตอ่ เนอื่ งในการเรียนรู้ (Learning Continuity) โรงเรียนมีวิธีการอย่างไร เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่า โรงเรียนมีการเตรียมความพร้อม ตอ่ ภยั พิบตั ิ สถานการณโ์ รคอุบัตใิ หมห่ รือภาวะฉุกเฉิน • ระบบการเตรียมความพร้อมต่อภัยพิบัติ สถานการณ์โรคอุบัติใหม่และภาวะฉุกเฉิน ของโรงเรยี น ได้คำนึงถึงการป้องกัน ความต่อเน่ืองของการดำเนินการ และการทำให้คืนสู่สภาพเดิม ได้อยา่ งไร • ระบบการเตรียมความพร้อมต่อภัยพิบัติ สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ และภาวะฉุกเฉิน ดงั กล่าวไดค้ ำนึงถึงการพึง่ พาบุคลากรของโรงเรยี น เครอื ขา่ ยอปุ ทานและพันธมิตรอยา่ งไร • โรงเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำให้มั่นใจว่าระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศ ของโรงเรียนมีความปลอดภัยและ พร้อมใชง้ านอยา่ งต่อเน่ือง เพอื่ ให้สามารถบริการนักเรียนและผู้มี ส่วนไดส้ ่วนเสยี และตอบสนองความตอ้ งการการจดั การเรยี นการสอนได้

65 หมายเหตุ หมายเหตุ 6.2ข ตวั อย่างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีโรงเรียนควรอธิบายถึง ใหด้ หู มายเหตุ 4.2ก.(2) หมายเหตุ 6.2ข การจัดการความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cyber security) หมายถึง การปกป้องมิให้เกิดการสูญเสียข้อมูลที่มีความอ่อนไหวเกี่ยวกับบุคลากร นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และโรงเรียน การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา การปกป้องมิให้เกิดการรั่วไหล และนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด ทส่ี ่งผลดา้ นการเงนิ กฎหมาย และช่อื เสยี งของโรงเรยี น อันจะเกดิ ข้ึนในอนาคต หมายเหตุ 6.2ค.(2) ภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉิน อาจเกี่ยวกับสภาพอากาศ ภูมิอากาศ สาธารณูปโภค การป้องกันภัย หรือเกิดจากภาวะฉุกเฉินในระดับท้องถิ่นหรอื ระดับชาติ ความครอบคลุมในการเตรียมความพร้อมต่อภัยพิบัติ สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ และภาวะฉุกเฉินขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของโรงเรียนและความอ่อนไหว ต่อการหยุดชะงักของการปฏิบัติการ ระดับการยอมรับความเสี่ยงของโรงเรียนขึ้นอยู่กับลักษณะของหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนการสอน การบริการ เครือข่ายอุปทาน รวมทั้งความต้องการและความคาดหวัง ของผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสีย

66 หมวด 7 ผลลพั ธ์ (400 คะแนน) (RESULTS) ในหมวดผลลัพธ์ เกณฑ์ถามถึงผลการดำเนินการและการปรับปรุงในด้านที่สำคัญทุกด้าน ของโรงเรียน ได้แก่ ผลลัพธ์ด้านหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการทำงานที่สำคัญ ผลลัพธ์ด้านนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผลลัพธ์ด้านบุคลากร ผลลัพธ์ด้านการนำองค์กร และการกำกับ ดูแลองค์กร ผลลพั ธ์ดา้ นการเงิน ตลาด และกลยทุ ธ์ 7.1 ผลลัพธ์ด้านหลกั สตู ร กระบวนการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการทำงานที่สำคัญ ผลลพั ธ์ (Product and Process Results) ผลการดำเนนิ งานดา้ นหลักสตู ร กระบวนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการทำงานท่ีสำคญั และประสิทธผิ ลของกระบวนการเป็นอยา่ งไร (120 คะแนน) ก. ผลลัพธ์ด้านหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการทำงานที่สำคัญ และการ บริการท่ีมุ่งเน้นนักเรยี นและผูม้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสีย (Student and Stakeholders – Focused Product and Service RESULTS) (1) หลักสตู ร กระบวนการจดั การเรยี นรู้ และกระบวนการทำงานทสี่ ำคญั ผลลัพธ์ด้านหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการทำงานที่สำคัญ และกระบวนการที่ใหบ้ ริการนกั เรยี นและผ้มู ีส่วนไดส้ ่วนเสยี เปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญของผลการดำเนินการด้านหลักสูตร หรือ แผนการเรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการทำงานที่สำคัญ และการบริการที่มี ความสำคญั ทตี่ อบสนองโดยตรงตอ่ นักเรยี นและผ้มู สี ่วนไดส้ ่วนเสยี เปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์เหล่าน้ีแตกตา่ งกนั ตามหลกั สูตรหรอื แผนการเรยี น กลุ่มนักเรียน ตลาดอย่างไร (2) การประกันคุณภาพภายใน ผลลพั ธ์ดา้ นการบรหิ ารจัดการการประกันคณุ ภาพภายในของโรงเรยี นเป็นอยา่ งไร • ผลลพั ธข์ องตวั วดั หรอื ตัวช้ีวดั ทีส่ ำคัญของผลการดำเนินการการประกนั คุณภาพภายใน เปรยี บเทยี บกบั เปา้ หมายตามมาตรฐานการประกนั คณุ ภาพภายในของโรงเรียนเปน็ อย่างไร (3) การจดั การเรยี นการสอนสาระการศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง (independent study) ผลลัพธ์ด้านการจัดการเรียนการสอนสาระการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (independent study) ของโรงเรียนเปน็ อย่างไร

67 ข. ผลลัพธ์ดา้ นประสทิ ธผิ ลของกระบวนการทำงาน (WORK PROCESS EFFECTIVENESS RESULTS) (1) ประสิทธิผลและประสิทธภิ าพของกระบวนการ (PROCESS EFFECTIVENESS and Efficiency) ผลลัพธ์ดา้ นประสิทธผิ ลและประสทิ ธภิ าพของกระบวนการเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญของผลการดำเนินการด้านการปฏิบัติการของ กระบวนการทำงานและกระบวนการสนับสนุนที่สำคัญ รวมทั้งผลิตภาพ รอบเวลา และตัววัดอื่น ๆ ที่เหมาะสมด้านประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยบนโลก ไซเบอร์ และนวัตกรรมของกระบวนการเป็นอย่างไร • ผลลพั ธ์เหลา่ นี้แตกต่างกนั ตามประเภทของกระบวนการอยา่ งไร (*) (2) ความปลอดภัยและการเตรียมพรอ้ มตอ่ ภาวะฉกุ เฉิน (Safety and Emergency Preparedness) ผลลพั ธ์ด้านความปลอดภยั และการเตรียมพรอ้ มต่อภาวะฉุกเฉินเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชว้ี ัดที่สำคญั ของประสทิ ธผิ ลในระบบความปลอดภัย และการ เตรยี มพร้อมตอ่ ภยั พิบัติ สถานการณโ์ รคอุบตั ใิ หม่ และภาวะฉุกเฉนิ เปน็ อย่างไร • ผลลัพธ์เหลา่ นี้ แตกตา่ งกันตามสถานการณ์หรอื ประเภทของกระบวนการอยา่ งไร (*) ค. ผลลพั ธ์ด้านการจัดการเครือขา่ ยอุปทาน (Supply - Network Management RESULTS) ผลลพั ธ์ด้านการจดั การเครอื ข่ายอุปทานเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญของผลการดำเนินการด้านเครือข่ายอุปทาน รวมท้ังการมสี ว่ นร่วมในการยกระดับผลการดำเนินการของโรงเรียนเป็นอยา่ งไร หมายเหตุ หมายเหตุ 7 ไม่มคี วามเชื่อมโยงแบบ 1 ตอ่ 1 ระหว่างหัวขอ้ ในหมวดผลลัพธ์กับเกณฑ์ หมวด 1 - 6 โรงเรียนควร พิจารณาผลลัพธ์อย่างเป็นระบบ ผลลัพธ์แต่ละตัวในหมวดผลลัพธ์ มักมาจากกระบวนการมากกว่า 1 หมวด ระบบการให้คะแนน (หนา้ 126) ถามถงึ ข้อมูลปัจจบุ ัน แนวโน้ม การเปรยี บเทียบ และแบ่งกลุ่ม ตามความเหมาะสม เพื่อแสดงสารสนเทศที่สำคัญ เพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์และการทบทวนผลการดำเนินการของโรงเรียน (หัวข้อ 4.1) แสดงถึงการนำความรู้ขององค์กรมาใช้ (หัวข้อ 4.2) และใช้เป็นพื้นฐานในการปฏิบัติการสำหรับ ผลลัพธ์ด้านการมุ่งนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (หัวข้อ 7.2) รวมทั้ง ด้านการเงิน ตลาด และด้านกลยุทธ์ (หัวข้อ 7.5) ผลลัพธ์บางตัวอาจเป็นเรื่องเชิงคุณภาพ หรือไม่สามารถรายงานเป็นแนวโน้มได้

68 ตัวอย่างเช่น ผลลัพธ์ด้านภาระความรับผิดชอบในการกำกับดูแลองค์กร จำนวนชั่วโมงการฝึกอบรม ผู้ส่งมอบ เกี่ยวกับหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ หรือกระบวนการใหม่ และผลลัพธ์สำหรับโครงการหรือ กระบวนการที่ดำเนินการเพียงครั้งเดียว ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบได้มาจากกระบวนการ เทียบเคียง (benchmarking) (ภายในหรือภายนอกองค์กรตามความเหมาะสม) และจากการค้นหาข้อมูล เปรียบเทยี บเชงิ แข่งขัน ในบางกรณี เชน่ ผลลัพธ์สำหรบั โครงการหรือกระบวนการที่เป็นเอกลักษณ์ในโรงเรียน อาจไมม่ ขี ้อมูลเชิงเปรียบเทยี บหรอื ไมม่ ีท่ีเหมาะสม หมายเหตุ 7.1ก ผลลัพธ์ด้านหลักสูตรและกระบวนการที่สำคัญที่ให้บริการนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควรเชื่อมโยงกับความต้องการและความคาดหวังของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามที่ระบุไว้ในโครงร่าง องค์กร หัวข้อ 1.ข.(2) โดยอ้างอิงตามสารสนเทศที่รวบรวมไว้ในหมวด 3 ตัววัดหรือตัวชี้วัดเหล่านี้ ควรตอบสนองปัจจัยที่มีผลต่อความนิยมของนักเรียนและผู้มีส่วนเสีย เช่น ปัจจัยต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในหมายเหตุ ของโครงร่างองค์กร หัวขอ้ 1ข.(2) และหวั ขอ้ 3.2ข สำหรับโรงเรียนที่มีผู้ให้ทุนสนับสนุน แหล่งผู้ให้ทุน อาจเป็นผู้กำหนดตัววัดผลการดำเนินการ ดา้ นหลักสูตร กระบวนการทำงานท่ีสำคัญ และการบรกิ ารทางการศกึ ษา จงึ ควรระบตุ ัววัดเหลา่ นี้ และรายงาน ผลไวใ้ นข้อนี้ดว้ ย หมายเหตุ 7.1ข ผลลพั ธท์ ่ีรายงานในหัวข้อ 7.1ข ควรตอบสนองข้อกำหนดที่สำคัญในการปฏิบัติการ ตามที่ระบุไว้ใน โครงรา่ งองค์กร และหมวด 6 หมายเหตุ 7.1ข.(1) ตัววัดและตัวชี้วัดที่เหมาะสมของประสิทธิผลของกระบวนการทำงาน อาจรวมถึงอัตราการสูญเสีย ผลลัพธ์ของการสร้างนวัตกรรมด้านหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการทำงานที่สำคัญ การบริการ และระบบงาน ผลลัพธ์ของการลดความซ้ำซ้อนของภาระงานภายในและการจำแนกภาระงาน การลดการสูญเสีย การปรับปรุงการวางผังงาน การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของการบังคับบัญชา รายงาน อุบัติการณ์ภายใตเ้ รอ่ื ง ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ตวั วัดหรอื ตวั ชี้วดั ผลสำเรจ็ ของการฝึกซ้อมหรือจำลอง ภาวะฉุกเฉิน เช่น รอบเวลา การควบคุม และการปฏิบัติตามมาตรฐาน และผลลัพธ์ในการซั กซ้อมโยกย้าย สถานทที่ ำงาน หรือการเตรียมพรอ้ มอืน่ ๆ

69 หมายเหตุ 7.1ค ตัววัดและตัวชี้วัดที่เหมาะสมของผลการดำเนินการด้านการจัดการเครือข่ายอุปทาน รวมถึงผลการ ตรวจสอบผู้ส่งมอบและพันธมิตร (supplier and partner audits) การส่งมอบที่ทันเวลา ผลการตรวจรับ กระบวนการจัดการเรียนรู้ การทำงานที่สำคัญ การบริการ และกระบวนการ ตัววัดและตัวชี้วัดของการ ยกระดบั ผลการดำเนินการ อาจรวมถงึ การปรบั ปรุงผลของส่วนประกอบย่อย (subassembly) และการบริการ ของผสู้ ่งมอบทีใ่ ห้แก่นักเรียนและผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสีย

70 7.2 ผลลพั ธ์ดา้ นนักเรยี นและผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี (Student and Stakeholder RESULTS) ผลการดำเนนิ การด้านการมุง่ เน้นนักเรียนและผูม้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี เปน็ อยา่ งไร(70 คะแนน) ผลลพั ธ์ ก. ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Student and Stakeholder RESULTS) (1) ความพงึ พอใจของนกั เรยี นและผู้มีส่วนได้สว่ นเสยี (Student and Stakeholder Satisfaction) ผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เปน็ อย่างไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญด้านความพึงพอใจและไม่พึงพอใจของนักเรียน และผูม้ ีส่วนได้สว่ นเสยี เป็นอย่างไร • ผลลัพธ์เหล่าน้แี ตกตา่ งกันตามหลักสูตรหรือแผนการเรียน ของกลุ่มนักเรยี นอยา่ งไร(*) ( (2ความผกู พันของนักเรยี นและผูม้ สี ่วนได้สว่ นเสีย (Student and Stakeholder ENGAGEMENT) ผลลพั ธ์ดา้ นความผกู พันของนักเรียนและผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสียเป็นอย่างไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญด้านการสร้างความผูกพันและความสัมพันธ์ กบั นกั เรยี นและผู้มีสว่ นได้ส่วนเสยี เปน็ อยา่ งไร • ผลลพั ธ์เหล่าน้เี มอ่ื เปรยี บเทียบกับช่วงเวลาของการเป็นนกั เรียนเป็นอย่างไร (*) • ผลลัพธ์เหล่านี้แตกต่างกันตามหลักสูตรหรือแผนการเรียน ของกลุ่มนักเรียนและผู้มี สว่ นไดส้ ว่ นเสีย อยา่ งไร หมายเหตุ หมายเหตุ 7.2 ผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจ ความไม่พึงพอใจ ความผูกพันของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่รายงานไวใ้ นหัวข้อนี้ ควรเชอ่ื มโยงกบั กลุ่มนักเรียนและผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสีย ที่ระบไุ วใ้ นโครงรา่ งองค์กร 1.ข.(2) รวมทั้งวธิ กี ารรบั ฟังและประเมนิ ตามท่ีระบุไวใ้ นหัวข้อ 3.1

71 7.3 ผลลัพธด์ า้ นบคุ ลากร (Workforce Results) ผลการดำเนินการด้านการมุ่งเนน้ บคุ ลากรเปน็ อย่างไร (70 คะแนน) ผลลพั ธ์ ก. ผลลพั ธ์ดา้ นการมงุ่ เนน้ บุคลากร (WORKFORCE - Focused RESULTS) (1) ขีดความสามารถและอัตรากำลงั บุคลากร (WORKFORCE CAPABILITY and CAPACITY) ผลลัพธ์ด้านขดี ความสามารถและอัตรากำลังบคุ ลากรเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังบุคลากร รวมถึงจำนวนบุคลากรที่จำเป็นต้องมีในแต่ละงานหรือกลุ่มงาน (Staffing LEVELS) และทักษะ ท่ีเหมาะสมของบุคลากรเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์เหล่านแ้ี ตกตา่ งกันตามความหลากหลายของกลุ่มบุคลากรอยา่ งไร (*) (2) บรรยากาศการทำงาน (WORKFORCE Climate) ผลลพั ธ์ด้านบรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญด้านบรรยากาศการทำงาน รวมถึงสุขภาพ ความปลอดภยั การเข้าถงึ สถานทที่ ำงาน การบรกิ ารและสิทธปิ ระโยชนส์ ำหรบั บุคลากรเปน็ อย่างไร • ผลลัพธ์เหล่าน้ี แตกต่างกันตามความหลากหลายของกลุ่มบุคลากรอยา่ งไร (*) (3) ความผกู พนั ของบุคลากร (WORKFORCE ENGAGEMENT) ผลลพั ธ์ด้านความผกู พนั ของบคุ ลากรเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดท่ีสำคัญด้านความพึงพอใจและความผกู พันของบคุ ลากร เป็นอยา่ งไร • ผลลพั ธ์เหลา่ นี้แตกต่างกนั ตามความหลากหลายของกลมุ่ บคุ ลากรอย่างไร (*) (4) การพฒั นาบคุ ลากร (WORKFORCE Development) ผลลพั ธ์ด้านการพัฒนาบุคลากรและผนู้ ำในอนาคตของโรงเรยี นเป็นอยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญด้านการพัฒนาบุคลากรและผู้นำในอนาคต ของโรงเรยี นเปน็ อย่างไร • ผลลัพธ์เหลา่ น้ีแตกตา่ งกนั ตามความหลากหลายของกล่มุ บคุ ลากรอย่างไร (*)

72 (5) ความก้าวหน้าในวิชาชีพของบคุ ลากร (Career Advancement) ผลลพั ธ์ดา้ นการพฒั นาบุคลากรใหม้ ีความกา้ วหนา้ ในวชิ าชพี เป็นอย่างไร หมายเหตุ หมายเหตุ 7.3 ผลลัพธ์ท่รี ายงานในหวั ข้อนี้ ควรสัมพนั ธก์ ับกระบวนการ ตวั วดั และตวั ชว้ี ัด ที่รายงานไว้ในหมวด 5 รวมทั้งตอบสนองความจำเป็นของกระบวนการทำงานที่สำคัญที่อธิบายไว้ในหมวด 6 และต่อแผนปฏิบัติการ ของโรงเรียน และแผนด้านบุคลากรตามที่รายงานไว้ในหัวข้อ 2.2 สำหรับโรงเรียนที่ต้องอาศัยอาสาสมัคร หรอื นกั ศึกษาฝึกประสบการณ์ ควรรายงานผลลพั ธข์ องบคุ ลากรทเ่ี ป็นอาสาสมัครดว้ ย (*)

73 7.4 ผลลัพธ์ด้านการนำองคก์ รและการกำกับดูแลองค์กร ผลลพั ธ์ (Leadership and Governance Results) ผลลัพธด์ า้ นการนำองคก์ รและการกำกบั ดูแลองค์กรเปน็ อย่างไร (65 คะแนน) ก. ผลลพั ธด์ ้านการนำองค์กรและการกำกบั ดูแลองคก์ ร และการตอบแทนสงั คม (Leadership, Governance and Societal Contribution Results) (1) การนำองคก์ ร (Leadership) ผลลัพธ์ด้านการสื่อสารของผู้นำระดับสูงและการสร้างความผูกพันกับบุคลากร นักเรียน และผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียเป็นอย่างไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดสำคัญของผู้นำระดับสูงในด้านการสื่อสารและการสร้าง ความผูกพันกับบุคลากร พันธมิตร นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์ และค่านิยมสู่การปฏิบัติ การกระตุ้นให้เกิดการสื่อสารในลักษณะสองทิศทาง และการทำให้เกิด การปฏบิ ัตกิ ารอยา่ งจริงจงั เปน็ อย่างไร • ผลลัพธ์เหลา่ นแี้ ตกต่างกันตามหน่วยงานต่าง ๆ ของโรงเรยี น กลุม่ นกั เรยี นและผู้มีส่วน ได้สว่ นเสียอยา่ งไร (*) (2) การกำกับดแู ลองคก์ ร (GOVERNANCE) ผลลพั ธด์ ้านภาระความรบั ผดิ ชอบในการกำกบั ดูแลองคก์ รเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญด้านการกำกับดูแลองค์กร และภาระ ความรับผดิ ชอบด้านการเงนิ ภายในและภายนอกเป็นอย่างไร (*) (3) กฎหมายและกฎระเบยี บข้อบังคบั (Law and Regulation) ผลลัพธ์ดา้ นกฎหมายและกฎระเบยี บข้อบงั คับเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรอื ตวั ช้วี ัดท่ีสำคญั ที่ได้ปฏบิ ัตติ ามหรือปฏิบัติได้เหนือกว่าข้อกำหนด ด้านกฎระเบียบข้อบังคับและกฎหมายเป็นอยา่ งไร • ผลลัพธ์เหลา่ นีแ้ ตกตา่ งกันตามหนว่ ยงานต่าง ๆ ของโรงเรียนอย่างไร

74 (4) จริยธรรม (Ethics) ผลลัพธ์ด้านการประพฤตปิ ฏบิ ัตอิ ยา่ งมีจริยธรรมเป็นอยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญของการประพฤติปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม พฤติกรรมที่ละเมิดการประพฤติปฏิบตั ิอย่างมีจริยธรรม และความเชื่อมั่นของผู้มีสว่ นได้ส่วนเสยี ท่มี ี ตอ่ ผนู้ ำระดับสูงและการกำกับดูแลองค์กรเปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกนั ตามหน่วยงานต่าง ๆ ของโรงเรียนอยา่ งไร (*) (5) สังคม (Society) ผลลัพธ์ดา้ นความผาสุกของสังคม และการสนบั สนนุ ชมุ ชนที่สำคัญเป็นอยา่ งไร • ผลลัพธข์ องตัววัดหรือตวั ชี้วดั ท่สี ำคญั ดา้ นการตอบแทนสังคม และการสนับสนุนชุมชน ทสี่ ำคญั เป็นอยา่ งไร หมายเหตุ หมายเหตุ 7.4 การรายงานในหัวข้อนี้ ควรสัมพันธ์กับกระบวนการสื่อสารที่ระบุไว้ในหัวข้อ 1.1 และกระบวนการ และตัววัดด้านการกำกับดูแลองค์กร กฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับ จริยธรรม และการตอบแทนสังคม ที่รายงานในหัวข้อ 1.2 ผลลัพธ์ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของบุคลากร ตัวอย่างเช่น การรายงาน การอุบัติการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย หรือโรคอุบัติใหม่ ควรรายงานไว้ในหัวข้อ 7.1ข.(2) และหัวข้อ 7.3ก.(2) หมายเหตุ 7.4ก.(2) การรายงานในหัวข้อนี้ อาจรวมถึงประเด็นที่เกี่ยวกับรายงานทางการเงินและความเสี่ยง คำแนะนำ ทม่ี ีความสำคัญของผู้ตรวจสอบภายในและภายนอก และการตอบสนองของผบู้ ริหารในเร่อื งดังกล่าว หมายเหตุ 7.4ก.(4) ตัวอย่างตัววัดของการประพฤติปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ใหด้ หู มายเหตุของหัวข้อ 1.2ข.(2) หมายเหตุ 7.4ก(5) ตัววัดการสนับสนุนให้เกิดความผาสุกของสังคม อาจรวมถึงการลดการใช้พลังงาน การใช้พลังงาน หมุนเวียน การหมุนเวียนน้ำเพื่อกลับมาใช้ใหม่ การลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ การลดและการใช้ประโยชน์ จากของเสีย และทางเลือกอื่นสำหรับการอนุรักษ์ทรัพยากร เช่น เพิ่มการประชุมแบบเสมือนจริง ( Virtual Meeting) และการปฏบิ ตั ิต่อบุคลากร นกั เรียนและผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสีย ให้เปน็ ที่ยอมรับในระดบั สากล

75 7.5 ผลลัพธ์ด้านการเงนิ ตลาด และกลยุทธ์ (Financial, Market, and Strategy RESULTS) ผลลัพธด์ ้านความม่นั คงทางการเงนิ และการนำกลยุทธ์ไปปฏิบตั เิ ป็นอย่างไร (75 คะแนน) ผลลพั ธ์ ให้แสดงข้อมูลและสารสนเทศเพอ่ื ตอบคำถามต่อไปนี้ ก. ผลลัพธ์ดา้ นการเงนิ ตลาด (Financial and Market RESULTS) (1) ผลการดำเนินการดา้ นการเงิน (Financial PERFORMANCE) ผลลพั ธก์ ารดำเนนิ การดา้ นการเงนิ เปน็ อยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตวั วัดหรือตัวช้ีวดั ท่ีสำคญั ของผลการดำเนินการด้านการเงินเปน็ อย่างไร • ความมั่นคงทางการเงิน (financial viability) และผลการดำเนินการด้านงบประมาณ (budgetary PERFORMANCE) เปน็ อย่างไร (*) • ผลลัพธเ์ หลา่ น้ีแตกตา่ งกนั ตามกลมุ่ นกั เรียนและผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี อย่างไร (*) (2) ผลการดำเนนิ การดา้ นตลาด (Marketplace PERFORMANCE) ผลลพั ธ์การดำเนินการการตอบสนองความต้องการของชมุ ชนและสังคมเป็นอยา่ งไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญของผลการดำเนินการด้านการตอบสนอง ความตอ้ งการของชุมชนและสังคมเป็นอย่างไร • การตอบสนองความตอ้ งการของตลาดกลุ่มใหม่เปน็ อยา่ งไร (*) • ผลลพั ธเ์ หลา่ น้แี ตกตา่ งกนั ตามตลาด กล่มุ นักเรยี นและผู้มีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี อยา่ งไร (*) ข. ผลลพั ธ์ด้านการนำกลยทุ ธ์ไปฏิบตั ิ (Strategy Implementation RESULTS) ผลลัพธ์ดา้ นการบรรลกุ ลยุทธ์และแผนปฏิบัตกิ ารของโรงเรียนเป็นอย่างไร • ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชี้วัดที่สำคัญของการบรรลุกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการ ของโรงเรียน รวมทั้งการดำเนินการตามความเสี่ยงที่ผ่านการประเมินผลได้ผลเสียอย่างรอบด้าน (INTELLIGENT RISKS) เปน็ อย่างไร

76 หมายเหตุ หมายเหตุ 7.5ก ผลลัพธ์เหล่านี้ควรสัมพันธ์กับตัววัดด้านการเงินตามที่รายงานไว้ในหัวข้อ 4.1ก.(1) และแนวทาง การจัดการด้านการเงนิ ตามทีร่ ายงานไว้ในหัวขอ้ 2.2 หมายเหตุ 7.5ก.(1) การรายงานในหัวข้อนี้ ควรรวมถึงตัววัดด้านความมั่นคงทางการเงิน สภาพคล่อง (liquidity) ประสิทธิภาพในการใช้สินทรพั ยแ์ ละกระแสเงินสด สำหรบั ผลการดำเนนิ การดา้ นการเงินและสินทรัพย์อาจรวมตวั วดั เก่ยี วกับผลการดำเนนิ การเทียบกับ งบประมาณ (PERFORMANCE to budget) ซง่ึ รวมถึงการเพิ่มเตมิ หรือลดลงของทนุ สำรอง (Reserve Funds) การลดความสิ้นเปลืองหรือการประหยัด การตอบสนองต่องบประมาณที่ลดลง การลดค่าใช้จ่ายให้นักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือผลตอบแทนต่อทุนซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพ เปอร์เซ็นต์ค่าใช้จ่าย การบริหารต่องบประมาณ และตน้ ทุนดา้ นการระดมทนุ เทียบกบั ทนุ ท่ีระดมได้ หมายเหตุ 7.5ก.(2) การรายงานในหัวข้อนี้ อาจรวมตัววัดด้านการบริจาคเพื่อการกุศลหรือเงินช่วยเหลือ (charitable donations or grants) และจำนวนโครงการหรือการให้บริการใหม่ หมายเหตุ 7.5 ข ตวั วดั หรือตัวชวี้ ัดการบรรลแุ ผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ัตกิ าร ควรเช่อื มโยงกบั วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ และเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ใน 2.1ข.(1) องค์ประกอบของความเสี่ยงที่รายงานใน 2.1ก.(3) และตัววัดผล การดำเนินการของแผนปฏิบัติการและการคาดการณ์ผลการดำเนินการที่ระบุไว้ใน 2.2ก.(5) และ 2.2ก.(6) ตามลำดับ

สว่ นท่ี 2 รายละเอียดท่เี กย่ี วข้องกับเกณฑร์ างวลั คณุ ภาพ แห่งสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน (Office of The Basic Education Commission Quality Award: OBECQA)

78 รายละเอยี ดทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับเกณฑ์รางวัลคุณภาพ แห่งสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (Office of The Basic Education Commission Quality Award: OBECQA) การเปลี่ยนแปลงทสี่ ำคัญจากเกณฑ์รางวัลคณุ ภาพ แหง่ สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน (OBECQA) ปี 2559 – 2560 การปรับเปลี่ยนของเกณฑ์ในครั้งนี้ มาจากวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เกณฑ์ต้องสะท้อนถึงแนวทาง ปฏิบัติที่นำสมัยของระบบการนำและผลการดำเนินการที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผล เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ปี 2563 – 2564 และ ปี 2565 – 2566 ของสถาบันเพ่มิ ผลผลิตแห่งชาติ จากเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( OBECQA) ปี พ.ศ. 2559 – 2560 และยังคงใช้ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 นั้น เกณฑ์มีวิวัฒนาการตามปัจจัยขับเคลื่อน ด้านความสามารถในการแข่งขันและความสำเร็จระยะยาวขององค์กร เกณฑ์ยังคงนำเสนอกรอบการบริหาร จัดการเพื่อความเป็นเลิศสำหรับโรงเรียนทุกโรงเรียน ซึ่งเป็นแนวทางการนำองค์กรและการบริหารจัดการ ที่ปรับใช้ได้ที่จะช่วยให้เกิดแนวทางการดำเนินงานที่เป็นระบบเพื่อความเป็นเลิศทั้งองค์กร โดยยังคงคำนึงถึง ความสมดุลที่สำคัญ 2 ประการ คือ เกณฑ์ต้องสะท้อนถึงมาตรฐานระดับชาติเพื่อการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ให้ความรู้ในทุกแง่มุมของการสร้างระบบการจัดการผลการดำเนินงานแบบบูรณาการ และเกณฑ์ต้องทำให้ ทุกโรงเรียนที่มีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันสามารถเข้าถึงและใช้งานง่าย การเปลี่ยนแปลงของเกณฑ์ OBECQA ปี 2565 – 2568 มุ่งเน้นในการเพิ่มความตระหนักของโรงเรียนเกี่ยวกับ ระบบนิเวศการเรียนรู้ (learning ecosystems) วัฒนธรรมองค์กร เครือข่ายอุปทาน และการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (cybersecurity) และมุ่งเน้นในการทำให้เกณฑน์ ้สี ามารถเข้าถงึ ได้ในมุมมองของผู้ใชเ้ กณฑ์ เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี 2565 – 2568 ยังคงให้ ความสำคัญกับมุมมองเชิงระบบของเกณฑ์ การปรับค่านิยมและแนวคิดหลักให้สอดคล้องกับ เกณฑ์รางวัล คุณภาพแห่งชาติ ปี 2565 – 2566 ตลอดทั้งมีแผนภาพองค์รวม (Overview Diagram) (หน้า 9) ที่แสดงถึง ธรรมชาติของการบูรณาการองค์ประกอบของเกณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีอภิธานศัพท์ ซึ่งประกอบด้วยนิยาม และคำอธิบาย ซึ่งเป็นการอธิบายมุมมองที่สำคัญของวิธีปฏิบัติและผลการดำเนินการของการเป็นผู้นำในยุคนี้ คำอธิบายถึงการเปลีย่ นแปลงต่าง ๆ และการเปลยี่ นแปลงทเ่ี ฉพาะเจาะจงของเกณฑด์ ังข้างลา่ งน้ี

79 ระบบนเิ วศการเรยี นรู้ (learning ecosystems) ในขณะท่โี รงเรยี นตา่ ง ๆ นำเสนอหลกั สูตรและการบริหารท่หี ลากหลายซับซ้อนมากขึน้ ผ้นู ำระดบั สงู จำเป็นต้องนำองค์กรของตนให้เป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงข้ามประเภทหรือระดับการจัดการศึกษา ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ หรือระดับโลก ซึ่งเรียกว่า ระบบนิเวศเครือข่ายความร่วมมือที่กว้างขวาง และพึ่งพาซึ่งกันและกันเหล่านี้ อาจรวมถึงพันธมิตรและคู่ความร่วมมือแบบดั้งเดิม และอาจร่วมถึงคู่แข่ง องค์กรนอกภาคส่วน ชุมชน และกลุ่มนักเรียน การเติบโตหรือพัฒนาการชองโรงเรียนอาจข้ึนอยู่กับการเติบโต โดยรวมของระบบนิเวศและความสามารถของโรงเรียนในการเตรยี มพร้อมสำหรับอนาคต เครือขา่ ยอปุ ทาน (Supply network) จากแนวคิดของระบบนิเวศการเรียนรู้ วิธีการของโรงเรียนในการกำหนดหลักสูตรและการให้บริการ กับนักเรียน เกี่ยวข้องมากกว่าเป็นเพียงห่วงโซ่อย่างง่าย ๆ จากผู้ส่งมอบไปยังโรงเรียน โรงเรียนที่มีหลักสูตร หลากหลาย อาจตอ้ งประสานกจิ กรรมต่าง ๆ กับผู้ส่งมอบจำนวนมาก โรงเรยี นบางแหง่ อาจมีความเชอ่ื มโยงกัน และพึ่งพาซ่ึงกันและกนั มากกว่าจะเป็นความสัมพันธเ์ ชิงเส้นตรง ความสำเร็จข้นึ อยู่กบั การรับรู้และการจัดการ พึ่งพาซง่ึ กันและกันเหล่าน้ี เพอื่ ใหม้ ีความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน เกณฑ์ใช้คำว่า “เครือข่ายอุปทาน” เพื่อกล่าวถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันในการจัดการหลักสูตรและการบริการของโรงเรียน ความสอดคล้อง ของเครือขา่ ยอุปทาน คู่ความรว่ มมือ และความคล่องตัวมีความสำคญั เพม่ิ ข้นึ เร่ือย ๆ ในปจั จุบนั วฒั นธรรมองค์กร (Culture) วัฒนธรรมองค์กร ความเชื่อร่วมกัน บรรทัดฐาน และค่านิยมที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์ ภายในโรงเรียน มีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจ ความผูกพันของบุคลากร ความผูกพันของนักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และความสำเร็จของโรงเรียน เกณฑ์ถามถึงค่านิยม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ ของวัฒนธรรมองค์กร และลักษณะอื่น ๆ ของวัฒนธรรมองค์กร และวิธีที่ผู้นำระดับสูงเสริมสร้างวัฒนธรรม องคก์ ร ความปลอดภยั และการรกั ษาความปลอดภยั บนโลกไซเบอร์ (Security and cybersecurity) เกณฑ์ได้ถามถึงความปลอดภัยของระบบสารสนเทศและการรักษาความลับของสารสนเทศ เนื่องจาก การรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกองค์กร เกณฑ์จึงมีการขยาย คำถามเกยี่ วกับการรักษาความปลอดภยั บนโลกไซเบอร์

80 การทำใหเ้ ขา้ ใจง่าย (Simplification) เกณฑ์มีการปรับปรุงให้ง่ายขึ้นหลายรายการ มีการเพิ่มเติมบางประการให้สอดคล้องกับภารกิจหลัก ของโรงเรียน จัดระเบียบ ปรับปรุง ย้ายที่ หรือเปลี่ยนถ้อยคำเพื่อช่วงสร้างความเข้าใจ ปรับคำอธิบาย หมายเหตุบางขอ้ ใหก้ ระชับ พรอ้ มมีตัวอย่างประกอบ คา่ นิยมและแนวคิดหลัก (Core Values and Concepts) ค่านิยมและแนวคิดหลักได้มีการปรับให้สอดคล้องกับเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งประเทศไทย ปี 2565 – 2566 สิ่งสำคัญที่สุดประการแรก คือ เกณฑ์รางวัลคุณภาพแหง่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานนำเสนอมุมมองเชิงระบบ (Systems perspective) ที่ต้องมีการนำองค์กรอย่างมีวิสัยทัศน์ (Visionary leadership) ซึ่งเป็นค่านิยมสำคัญที่สุด 2 ประการแรก ค่านิยมอีก 9 ข้อถัดมา คือ ความเป็นเลิศ ที่มุ่งเน้นนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Student and stakeholders – focused excellence) การให้ ความสำคัญกับบุคลากร (Valuing people) ความคล่องตัวและความสามารถในการฟื้นตัว (Agility and resilience) การเรียนรู้ระดับองค์กร (Organizational learning) การมุ่งเน้นความสำเร็จและการจัดการ เพ่อื นวัตกรรม (Focus on success and innovation) การจัดการโดยใชข้ อ้ มลู จริง (Management by fact) การตอบแทนสังคม (Societal contributions) จริยธรรมและความโปร่งใส (Ethics and transparency) และการสง่ มอบคณุ คา่ และผลลพั ธ์ (Delivering value and result) คำถามของเกณฑ์ (ขอ้ กำหนดของเกณฑ)์ คำถามพื้นฐาน คำถามโดยรวม และคำถามย่อย ในเกณฑ์เป็นคำถามเกี่ยวกับกระบวนการ วิธีปฏิบัติ และผลลพั ธ์ ทพ่ี บในองคก์ รทีม่ ีผลการดำเนินการท่ดี ี คำถามเหล่านม้ี ีความสำคญั แตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สนับสนุนและทำให้องค์กรประสบความสำเร็จและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับคำถาม ยอ่ ย เกณฑ์ยงั คงคาดหวงั ใหผ้ ู้สมัครขอรบั รางวลั ตอบคำถามเหล่านี้

81 การปรบั เปลยี่ นท่สี ำคญั ของหมวดต่าง ๆ ในเกณฑร์ างวัลคุณภาพแหง่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน (OBECQA) ปี 2565 – 2568 สรปุ ไดด้ งั นี้ บทนำ: โครงร่างองคก์ ร (Organizational Profile) หัวขอ้ 1. ลกั ษณะองค์กร (Organizational Description) ถามถึงลักษณะของวัฒนธรรมองค์กร นอกเหนือจากค่านิยม และถามเกี่ยวกับโครงสร้าง และกลไกของระบบการนำองค์กร หมวด 1 การนำองค์กร (Leadership) หวั ขอ้ 1.1 การนำองคก์ รของผนู้ ำระดับสงู (Senior Leadership) ถามถงึ การสร้างและเสริมวฒั นธรรมองคก์ ร หวั ข้อ 2.1การกำกับดแู ลองคก์ รและการตอบแทนสังคม (Governance and Societal Contributions) และหวั ขอ้ อื่น ๆ “ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม” เปล่ยี นเป็น “การตอบแทนสงั คม” เมื่อแนวคิด เรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมได้รับการยอมรับ องค์กรที่มีผลการดำเนินการที่ดีเห็นว่า การตอบแทนสังคมเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำมากกว่าสิ่งอื่นใด การทำให้เหนือกว่าความรับผิดชอบ ในการ ตอบแทน อาจเปน็ ตัวขบั เคลอ่ื นความผูกพนั ของนักเรียนและผู้มีสว่ นได้สว่ นเสยี และบคุ ลากร และเป็นสิ่งสร้าง ความแตกตา่ งในตลาด หมวด 3 นกั เรียนและผูม้ ีส่วนได้สว่ นเสีย (STUDENT and Stakeholder) ประเดน็ พิจารณาในหมวด 3 ถูกจดั ระเบียบใหม่ เพอื่ ทำใหเ้ กณฑเ์ ป็นเหตุเป็นผลมากขึ้นจากมุมมอง ของผ้ใู ช้ หัวข้อ 3.1 เปลี่ยนชื่อเป็น “ความคาดหวังของนักเรียนและผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสีย (Expectations OF THE STUDENT and Stakeholders)” ประกอบด้วย 2 ประเด็นพิจารณา ได้แก่ การรับฟังนักเรียน และผู้มีสว่ นได้สว่ นเสยี และการจำแนกนกั เรยี นและผมู้ สี ว่ นได้ส่วนเสีย และหลักสูตร

82 หวั ขอ้ 3.2 ความผูกพนั ของนักเรียนและผมู้ สี ว่ นได้ส่วนเสยี (STUDENT and Stakeholders Engagement) ประกอบด้วย 3 ประเด็นพิจารณา ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์และการสนับสนุน นักเรียนและผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสีย การประเมนิ ความพงึ พอใจและความผูกพันของนักเรียนและผู้มสี ่วนได้ส่วนเสีย และการใชข้ อ้ มลู เสียงของนักเรยี นและผูม้ ีส่วนได้สว่ นเสีย และตลาด หมวด 5 บุคลากร (Workforce) หัวขอ้ 5.2 ความผกู พนั ของบุคลากร (Workforce Engagement) ถามถึงการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร จากความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างการจัดการผล การปฏิบัติงานและการพัฒนาบุคลากร จึงกำหนดประเด็นพิจารณาใหม่ ได้แก่ จัดการผลการปฏิบัติงาน และการพัฒนาบุคลากร ซึ่งรวมคำถามเกี่ยวกับการเรียนรู้และพัฒนา ประสิทธิผลของการเรียนรู้และพัฒนา และการพฒั นาความกา้ วหน้าในอาชีพการงาน หมวด 6 การปฏบิ ตั กิ าร (Operations) หวั ข้อ 6.1 กระบวนการทำงาน (Work Processes) ในประเด็นพจิ ารณาท่ี 3 เรียกว่า “การบรหิ ารจดั การเครอื ข่ายอุปทาน” ได้รวมคำถาม เกี่ยวกับความสอดคล้องของเครือข่ายอุปทาน คู่ความรว่ มมือ และความคลอ่ งตวั และการสือ่ สารกับผสู้ ง่ มอบ หัวขอ้ 6.2 ประสิทธิผลของการปฏบิ ัตกิ าร (Operational Effectiveness) ประเด็นพิจารณาที่ 2 ได้รวมคำถามเกี่ยวกับบทบาทของบุคลากร นักเรียนและผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย และผู้ส่งมอบ เพื่อทำให้มั่นใจถึงความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ และเกี่ยวกับการป้องกัน ทรพั ยส์ ินทีส่ ำคัญ หมวด 7 ผลลพั ธ์ (Results) ระบบการใหค้ ะแนน (หน้า 126) ถามถงึ ข้อมูลปัจจุบัน แนวโนม้ การเปรยี บเทยี บ และแบง่ กลุ่มเพ่ือ ตอบสนองต่อรายการผลลัพธ์ เพื่อลดความสับสนเกี่ยวกับความซ้ำซ้อนระหว่างคำถามของเกณฑ์และ แนวทางการให้คะแนนผลลัพธ์ ข้อความที่สะท้อนถึงปัจจัยการประเมินระดับ แนวโน้มและการเปรียบเทียบ ถกู ตัดทิ้งออกจากหัวขอ้ ผลลัพธ์ องคก์ รยงั ควรรายงานข้อมูลเหลา่ น้ตี ามความเหมาะสมในการตอบเกณฑ์ หัวขอ้ 7.5 ผลลพั ธด์ า้ นการเงิน ตลาด และกลยทุ ธ์ (Financial, Market, and Strategy RESULTS) ถามถึงผลลัพธ์ขององค์กรในการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ โดยตระหนักว่าการดำเนินการ ตามกลยทุ ธน์ ้นั เกยี่ วขอ้ งกับความสำเร็จด้านการเงนิ และตลาดอยา่ งใกลช้ ิด

83 แนวทางการตอบเกณฑ์ (How to Respond to the Criteria) ในการเตรียมเอกสารขอรับรางวัล โรงเรียนที่สมัครขอรับรางวัลควรทำความเข้าใจกับรายละเอียด ในหัวข้อนี้ เพื่อช่วยให้โรงเรียนสามารถตอบข้อกำหนดในเกณฑ์ทั้ง 7 หมวดได้อย่างมีประสิทธิผล โรงเรียน จะต้องจัดทำรายงานวิธีการและผลการดำเนินงาน (Application Report) โดยตอบข้อกำหนดของเกณฑ์ 17 หัวข้อ ทั้งกระบวนการและผลลัพธ์ พร้อมทั้งศึกษา “ระบบการให้คะแนน” ประกอบกับแนวทาง การให้คะแนน (หน้า 85 ) ซึ่งจะอธิบายวิธีการตรวจประเมินการตอบเกณฑ์และตัดสินการบรรลุผล การดำเนินการขององคก์ ร เรมิ่ ตน้ (First Steps) 1. เรียนรเู้ ก่ยี วกบั เกณฑ์รางวลั คุณภาพแห่งสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน (Learn about the OBECQA framework) โรงเรียนควรทำความคุ้นเคยกับส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อทำความเข้าใจเกณฑ์รางวัลคุณภาพ แห่งสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน • เนื้อหาเกณฑ์ (หนา้ 14) • ระบบการใหค้ ะแนน (หน้า 126) • อภิธานศพั ท์ (หน้า 103) 2. ทำความเขา้ ใจวธิ ีการอ่านและตอบขอ้ กำหนดของหัวข้อตา่ ง ๆ ของเกณฑ์ (Understand how to read and respond to a Criteria item) ทบทวนโครงสร้างของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBECQA) (หน้า 10) ซึ่งแสดงประเภทของหัวข้อ ส่วนต่าง ๆ ของหัวข้อ และบทบาทของแต่ละส่วน ควรให้ ความสำคัญกบั ข้อกำหนดย่อยของแต่ละประเดน็ พจิ ารณา รวมทง้ั หมายเหตดุ ้วย ส่วนประเด็นพิจารณาอาจมีหลายคำถาม โรงเรียนตอ้ งตอบคำถามทุกประเด็น เนื่องจากสารสนเทศ ที่ขาดหายไปจะถือว่าเป็นความบกพร่องในระบบการจัดการผลการดำเนินการขององค์กร โรงเรียนอาจรวม การตอบหลายคำถามในประเด็นพิจารณาเดียวกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องแยกตอบ ทีละคำถาม

84 3. ทบทวนแนวทางการใหค้ ะแนน (Review the scoring guidelines) การตอบคำถามตามหัวข้อกระบวนการและผลลัพธ์ ให้อ่านทบทวนหัวข้อของเกณฑ์ร่วมกับ แนวทางการให้คะแนน (หน้า 131 และ133 ) ในการตอบคำถามในหัวข้อกระบวนการ (หมวด 1 - 6) ให้พิจารณาถึงปัจจัยการประเมินกระบวนการทั้ง 4 ของแนวทางการให้คะแนน ซึ่งให้ความสำคัญกับระดับ ความสมบูรณ์ของแนวทางความครอบคลุมของการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ ความครอบคลุมและทั่วถึงของการ เรยี นรู้ และการบูรณาการกบั องค์ประกอบอ่นื ๆ ในระบบการจดั การผลการดำเนนิ การ เชน่ เดียวกนั ในการตอบคำถามในหวั ข้อผลลัพธ์ (หมวด 7) ใหพ้ จิ ารณาถงึ ปัจจัยการประเมินผลลัพธ์ ทั้ง 4 ของแนวทางการให้คะแนน ซึ่งให้ความสำคัญกับระดับผลการดำเนินการจริง ความสำคัญของแนวโน้ม ของผลลัพธ์ ข้อมูลเปรียบเทียบที่เหมาะสม การบูรณาการกับองค์ประกอบที่สำคัญของระบบผลการจัดการ ผลการดำเนนิ การขององค์กร และผลลพั ธข์ องการปรบั ปรงุ กระบวนการ “ความสมบรู ณ”์ ของการตอบคำถามตามเกณฑ์ พจิ ารณาจากของมิติการประเมิน (ADLI / LeTCI) ให้ดู “แนวทางการตอบหวั ขอ้ ในหมวดกระบวนการ” และ “แนวทางการตอบหวั ขอ้ ในหมวดผลลพั ธ”์ ) 4. ทำความเขา้ ใจความหมายของคำสำคัญ (Understand the meaning of key terms) คำที่ใช้ในเกณฑ์อาจมีความหมายแตกต่างจากคำจำกัดความมาตรฐาน หรือคำจำกัดความที่ใช้ ในโรงเรียน คำที่ขีดเส้นใต้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในอภิธานศัพท์ (หน้า 103) การทำความเข้าใจคำเหล่านี้ จะช่วยให้โรงเรียนประเมินตนเองได้อย่างแม่นยำ และสื่อสารกระบวนการและผลลัพธ์ของโรงเรียน แก่ผ้ตู รวจประเมินทง้ั ภายในและภายนอกองคก์ รได้อยา่ งถูกต้อง 5. จัดทำโครงร่างองค์กร (Start with the Organizational Profile) โครงร่างองค์กร (หน้า16) เป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุดในการจัดทำรายงานวิธีการและผล การดำเนินงาน การจัดทำโครงร่างองค์กรหรือแม้แต่การทบทวนหัวข้อต่าง ๆ ของโครงร่างองค์กร จะช่วยให้ องค์กรนั้นเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เกี่ยวข้องและสำคัญที่สุดต่อการจัดการศึกษา พันธกิจ และผลการดำเนินการ ขององคก์ ร

85 แนวทางการตอบหัวขอ้ ในหมวดกระบวนการ (Responding to Process Items) (หมวด 1 - 6) แม้ว่าเกณฑ์จะมุ่งเน้นผลลัพธ์การดำเนินการที่สำคัญของโรงเรียน แต่เฉพาะตัวผลลัพธ์เองมีคุณค่า ทางด้านวินิจฉัยองค์กรน้อยมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าโรงเรียนมีผลลัพธ์ไม่ดี หรือมีอัตราการปรับปรุงช้ากว่าคู่แข่ง หรือโรงเรียนที่เทียบเคียงกันได้ โรงเรียนจำเป็นต้องเข้าใจถึงสาเหตุว่า “ทำไม” จึงเป็นเช่นนั้น และควรทำ “อะไร” เพื่อเร่งการปรับปรงุ ให้ดีข้ึน เจตจำนงของหัวข้อในหมวดกระบวนการ (หมวด 1 - 6) กำหนดไว้เพื่อวินิจฉัยกระบวนการที่สำคัญ ที่สุดของโรงเรียนที่ส่งผลต่อการปรับปรุงผลการดำเนินการของโรงเรียนได้มากที่สุด และนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ ของการดำเนนิ การท่สี ำคัญ การวินิจฉัยและคุณภาพของการให้ข้อมูลป้อนกลับขึ้นอยู่กับเนื้อหาและความสมบูรณ์ของรายงาน วิธีการและผลการดำเนินการ ดังนั้น โรงเรียนจึงควรตอบหัวข้อต่าง ๆ โดยเน้นสารสนเทศของกระบวนการ ท่ีสำคัญเป็นหลกั ตามแนวทางการจดั ทำและทบทวนสารสนเทศดงั ต่อไปนี้ 1. เข้าใจความหมายของคำถาม “อยา่ งไร” (Understand the meaning of how) ในการตอบหัวข้อในหมวดกระบวนการ ที่มีคำถาม “อย่างไร” องค์กรควรตอบคำถามดังกล่าว ด้วยการนำเสนอสารสนเทศของกระบวนการที่สำคัญที่แสดงถึงแนวทาง การถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ การเรียนรู้ และการบรู ณาการ (ดูระบบการใหค้ ะแนน หนา้ 126) คำตอบที่ขาดสารสนเทศดังกล่าวหรือคำตอบที่เพียงแต่ยกตัวอย่างเท่านั้นจะถูกประเมินว่า “มีสารสนเทศน้อย ไมช่ ัดเจน และไมต่ รงประเดน็ ” (Anecdotal Information) แสดงใหเ้ ห็นถึงแนวทางทีเ่ ป็นระบบ (Show that approaches are systematic) แนวทางที่เปน็ ระบบ คอื แนวทางนัน้ สามารถทำ / ใชซ้ ้ำได้ และใชข้ ้อมูลและสารสนเทศ เพ่ือให้เกิด การเรียนรู้ หรอื อาจกล่าวได้ว่า แนวทางมคี วามเป็นระบบ เมอื่ แนวทางนัน้ มีการประเมนิ มีการปรับปรุง มีการ สร้างนวตั กรรม และมีการแบง่ ปันความรู้รวมอยู่ดว้ ย ซ่ึงจะสง่ ผลให้แนวทางน้ันมีระดับความสมบูรณม์ ากขนึ้ แสดงการถา่ ยทอดสู่การปฏิบัติ (Show deployment) ในการตอบเกณฑ์ ควรสรปุ วิธกี ารนำแนวทางไปปฏบิ ตั ิในสว่ นตา่ ง ๆ ขององคก์ ร แสดงหลักฐานการเรียนรู้ (Show evidence of learning)

86 แสดงหลักฐานของวงจรการประเมินและการปรับปรุงกระบวนการ รวมทั้งโอกาสของการสร้าง นวัตกรรม แสดงให้เห็นว่ามีการแบ่งปันการปรับปรุงกระบวนการกับหน่วยงานอื่น ๆ ขององค์กรที่เหมาะสม เพื่อใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ระดบั องค์กร แสดงการบรู ณาการ (Show integration) การบูรณาการแสดงความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและความกลมกลืนระหว่างกระบวนการ แผนงาน ตัววดั การปฏบิ ตั ิการ และผลลัพธ์ ซ่ึงทำใหเ้ กิดประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลของโรงเรยี น การแสดงถึงความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันในหมวดกระบวนการและการติดตามตัววัด ที่สอดคล้องกันในหมวดผลลัพธ์จะปรับปรุงผลการดำเนินการของโรงเรียน การตอบเกณฑ์ให้แสดงถึง ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน 4 ประการ คอื • ในส่วนโครงร่างองค์กร ควรระบุใหช้ ดั เจนวา่ อะไรบ้างทีส่ ำคญั ตอ่ องคก์ ร • ในส่วนกลยุทธ์ (หมวด 2) รวมทั้งวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ และ สมรรถนะหลักขององค์กร (Core Competencies) ต้องแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงประเด็น ทม่ี ุ่งเน้นมากท่สี ุด และอธิบายวา่ การถ่ายทอดส่กู ารปฏิบตั บิ รรลุผลได้อย่างไร • ในส่วนการวิเคราะห์และการทบทวนในระดับองค์กร (หัวข้อ 4.1) ต้องแสดงถึงวิธีการ ท่ีโรงเรยี นวิเคราะหแ์ ละทบทวนสารสนเทศเก่ียวกบั ผลการดำเนินการ เพ่ือกำหนดลำดบั ความสำคัญ • ในส่วนกลยทุ ธ์ (หมวด 2) และการปฏบิ ัตกิ าร (หมวด 6) ควรแสดงให้เหน็ อย่างเด่นชัด ถึงระบบงาน และกระบวนการทำงานที่มคี วามสำคญั ต่อผลการดำเนินการโดยรวมของโรงเรยี น 2. เข้าใจความหมายของคำถาม “อะไร” (Understand the meaning of what) หวั ข้อในหมวด 1 - 6 มคี ำถาม “อะไร” อยู่ 2 แบบ ดังนี้ คำถามแบบท่ี 1 เป็นการถามถึงสารสนเทศพน้ื ฐานเกย่ี วกบั กระบวนการท่ีสำคญั และขั้นตอนการดำเนินการ การตอบ แต่เพียงว่า “ใคร” เป็นผู้รับผิดชอบอาจมีประโยชน์บ้าง แต่การตรวจประเมินหรือข้อมูลป้อนกลับต้องการให้ อธบิ ายวิธีการทำงานของกระบวนการน้ัน คำถามแบบท่ี 2 เป็นการถามให้รายงานผล แผน วัตถุประสงค์ เป้าประสงค์ หรือตัววัดที่สำคัญของโรงเรียนว่า คือ “อะไร” คำถามเหล่านี้กำหนดบริบทเพื่อให้โรงเรียนแสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน ตลอดทั้งการบูรณาการกันของระบบการจัดการผลการดำเนินการ ตัวอย่างเช่น เมื่อโรงเรียนกำหนด วัตถปุ ระสงคเ์ ชิงกลยุทธแ์ ล้ว แผนปฏบิ ตั ิการ ตัววดั ผลการดำเนินการและผลลัพธ์บางตวั ที่รายงานไวใ้ นหมวด 7 ตอ้ งสัมพนั ธก์ บั วัตถปุ ระสงค์เชิงกลยทุ ธ์ทรี่ ะบไุ ว้ดว้ ย

87 แนวทางการตอบหัวข้อในหมวดผลลพั ธ์ (Responding to Results Items) (หมวด 7) 1. มงุ่ เนน้ ผลลัพธ์การดำเนินการของโรงเรยี นทีส่ ำคัญท่ีสุด (Focus on Your Organization’s most Critical Performance Results) การรายงานผลลพั ธ์ตอ้ งครอบคลมุ ข้อกำหนดทส่ี ำคญั ทีส่ ดุ ต่อความสำเรจ็ ของโรงเรียน ตามทแ่ี สดงไว้ อย่างเด่นชัดแล้วในโครงร่างองค์กร หมวดการนำองค์กร กลยุทธ์ นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย บุคลากร รวมทัง้ การปฏบิ ัติการ 2. รายงานผลการดำเนนิ การ แนวโนม้ และการเปรียบเทียบ และแสดงการบูรณการ (Report Levels, Trends, Comparisons and Show Integration) รายงานระดบั ผลการดำเนนิ การ (Report performance levels) โดยใชม้ าตรวัดทีส่ ื่อความหมายไดช้ ดั เจน รายงานแนวโนม้ (Report Trends levels) เพื่อแสดงทิศทางของผลลัพธ์ อัตราการเปลี่ยนแปลง และขอบเขตของการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ ต้องมีข้อมูลย้อนหลังอย่างน้อย 3 ชุดข้อมูล เพื่อให้เห็นแนวโน้มชัดเจน แนวโน้มควรแสดงผลการดำเนินการ ทผี่ า่ นมาในอดตี และปจั จุบนั โดยไมร่ วมผลการดำเนนิ การที่คาดการณ์ไว้ (ในอนาคต) นอกจากนี้ ไม่มีการจำกัดช่วงเวลาขั้นต่ำของข้อมูลแนวโน้ม แต่ช่วงเวลาระหว่างชุดข้อมูลควรสื่อ ความหมายของตวั วัดท่ีรายงานข้อมลู แนวโน้มของตวั วัดบางตัวอาจมรี ะยะนานถึง 5 ปี หรือมากกว่า หรือน้อย กว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับความสำคัญของตัววัด สำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญ ๆ โรงเรียนควรรายงานข้อมูลใหม่เท่าที่มี ถึงแม้วา่ จะยังไมเ่ ห็นแนวโน้ม ทง้ั นี้ ควรอธบิ ายแนวโน้มทดี่ ีหรือแนวโน้มในทางลบด้วย รายงานการเปรียบเทยี บ (Report comparisons) เพื่อแสดงผลลัพธ์การเปรียบเทียบกับโรงเรียนอื่นที่เลือกมาอย่างเหมาะสม หรือระดับเทียบเคียง ท่ีสำคัญ รายงานการบรู ณาการ (Show integration) โดยแสดงผลลัพธ์ท่ีสำคัญท้ังหมด และจำแนกตามกลุ่มที่จดั ไว้ เช่น กลุ่มนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วน เสยี บคุ ลากร กระบวนการ และกลมุ่ หลักสูตรหรือแผนการเรยี นทส่ี ำคญั ซ่งึ ควรระบไุ วใ้ นโครงรา่ งองคก์ ร

88 การตอบเกณฑอ์ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ (Responding Efficiently) 1. อ้างอิงหัวข้ออนื่ ตามความเหมาะสม (Cross - reference when appropriate) เพื่อทำให้มั่นใจว่าคำตอบในแต่ละหัวข้อมีความสมบูรณ์ในตัวเองมากที่สุด และคำตอบของเกณฑ์ ในหัวข้อต่าง ๆ มีความสอดคล้องกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ให้โรงเรียนอ้างอิงคำตอบในหัวข้ออื่น ๆ ตามความเหมาะสมแทนการกล่าวซ้ำถึงสารสนเทศเดิม ในกรณีดังกล่าว ควรรายงานสารสนเทศ ของกระบวนการทีส่ ำคัญไว้ในหวั ข้อที่ต้องการสารสนเทศนัน้ เช่น ระบบการพัฒนาและการเรยี นรู้ของบุคลากร ควรรายงานอย่างละเอียดไว้ในหัวข้อ 5.2 และหากต้องกล่าวถึงเรื่องการพัฒนาและการเรียนรู้ในหัวข้ออื่นอีก ควรอ้างองิ หวั ขอ้ 5.2 โดยไม่ต้องอธิบายรายละเอียดซำ้ เดมิ 2. ใชร้ ปู แบบที่กระชับ (Use a compact format) เพื่อการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรนำเสนอสารสนเทศให้กระชับโดยใช้แผนภูมิแสดง การไหลของงาน (Flowcharts) ตาราง และหัวข้อสั้น ๆ (Lists) การจำกัดจำนวนหน้าของรายงานวิธีการ และผลการดำเนินการนั้น กำหนดไว้มีวัตถุประสงค์เพื่อบังคับให้โรงเรียนพิจารณาถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการบรหิ ารจัดการโรงเรียนและการรายงานผลลพั ธ์ 3. ใชก้ ราฟ และตาราง (Use graphs and tables) ผลลัพธ์ส่วนใหญ่อาจนำเสนอในรูปแบบที่กระชับโดยใช้กราฟและตาราง ผลลัพธ์ที่แสดง ความต่อเนื่องในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งหรือเปรียบเทียบกับโรงเรียนอื่นควร “ปรับให้เป็นฐานเดียวกัน” ได้แก่ การนำเสนอในรปู อัตราส่วนสำหรับขอ้ มลู ทม่ี ีความแตกตา่ งของขนาด ตัวอย่างเช่น การรายงานแนวโน้มความปลอดภัยเป็นจำนวนวันทำงานที่สูญเสียต่อจำนวนพนักงาน 100 คน จะมีความหมายมากกว่าการรายงานจำนวนวันทำงานที่สูญเสียไปทั้งหมด โดยเฉพาะถ้าจำนวน พนักงานไม่คงที่ในช่วงเวลาที่รายงานผล หรือในกรณีที่องค์กรมีการเปรียบเทียบผลลัพธ์กับองค์กรอ่ืน ที่มีจำนวนพนักงานต่างกัน ตัวอย่างกราฟ หน้า 89 แสดงถึงข้อมูลที่องค์กรอาจนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของ คำตอบหัวข้อ 7.1 ผลลัพธ์ด้านผลิตภัณฑ์และกระบวนการ ในส่วนโครงร่างองค์กร มีการระบุว่า Six Sigma เป็นองคป์ ระกอบทส่ี ำคัญในระบบการปรับปรุงผลการดำเนนิ การ โดยมขี องเสียตอ่ ลา้ นหน่วยเป็นตัววัดที่สำคัญ ตัวหนง่ึ (Defects per million opportunities)

89 ภาพประกอบ 3 ของเสียตอ่ ล้านหน่วย (Defects per million opportunities) ทม่ี า : สำนกั งานเพิม่ ผลผลิตแห่งชาติ. (2563). รางวลั คณุ ภาพแห่งชาติ ปี 2563 - 2564. หนา้ 74. ตัวอย่างกราฟภาพประกอบ 3 แสดงถึงข้อมูลที่องค์กรอาจนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ หัวข้อ7.1 ผลลัพธ์ด้านผลิตภัณฑ์และกระบวนการ ในส่วนโครงร่างองค์กร มีการระบุว่า Six Sigma เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในระบบการปรับปรุงผลการดำเนินการ โดยมีของเสียต่อล้านหน่วย (defects per million opportunities) เป็นตัววัดที่สำคัญตัวหนึ่ง กราฟดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ดีในการรายงานผลได้ชัดเจน และมีประสทิ ธิผล ดงั น้ี • ใหข้ ้อมลู รายละเอยี ดของแกนทัง้ สองแกนและหนว่ ยวดั อย่างชดั เจน • มีการแสดงระดบั และแนวโน้มข้อมูลของตัววัดผลการดำเนนิ การทสี่ ำคัญ เช่น ของเสีย ต่อล้านหนว่ ย • แสดงผลลพั ธ์ในชว่ งเวลาหลาย ๆ ปี • ลูกศรช้ีลงแสดงใหเ้ ห็นแนวโน้มท่ดี สี ำหรบั ตวั วัดน้ี • แสดงข้อมูลเปรียบเทยี บท่เี หมาะสมอย่างชดั เจน • เพยี งกราฟเดียว องคก์ รสามารถแสดงให้เหน็ ว่ามีการจดั กลุ่มออกเปน็ 3 สายผลติ ภณั ฑ์ โดยมีการตดิ ตามผลในแต่ละสายผลิตภัณฑ์

90 • มีการคาดการณ์ผลการดำเนินการท่ีปรับปรุงให้ดขี ึ้น รวมทั้งการปรบั ปรุงอย่างฉีกแนว หรือก้าวกระโดด ในปี 2562 เมื่อเทียบกับผลการดำเนินการที่ผ่านมาของสายผลิตภัณฑ์ ข. ทั้งนี้ ขอ้ มลู เนอื้ หาควรอธบิ ายถึงการเปล่ียนแปลงอย่างก้าวกระโดด และอาจอ้างวา่ เป็นผลจากการเรียนรู้ ทส่ี ำคญั จากสายผลติ ภัณฑ์ ก. การอธิบายกราฟโดยใช้แนวทางการให้คะแนน จะทำให้เป็นที่สังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการ ขององคก์ รและรักษาระดบั ความสมบูรณ์ขององคก์ ร ดังนี้ • ผลการดำเนินการโดยรวมขององค์กรในปัจจุบันอยู่ในระดับดีเยี่ยม ซึ่งสรุปได้จาก การเปรยี บเทยี บกับคูแ่ ขง่ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน และกับองค์กร “ระดับโลก” ในสายผลติ ภณั ฑ์ ก. • ผลการดำเนนิ การโดยรวมขององค์กรแสดงถงึ แนวโนม้ การปรบั ปรุงท่ีดีและยงั่ ยนื • สายผลิตภัณฑ์ ก. เป็นผู้นำด้านผลการดำเนินการในปัจจุบัน แสดงถึงผลการ ดำเนินการที่ดีและยง่ั ยนื (ของเสียตอ่ ลา้ นหนว่ ยประมาณ 5) และมแี นวโน้มทีด่ ขี ้นึ ต้ังแต่ปี 2558 • สายผลติ ภณั ฑ์ ข. มีการปรับปรุงที่รวดเร็ว โดยมีผลการดำเนนิ การใกล้เคียงกับคู่แข่ง ท่ีเกง่ ท่สี ดุ ในอตุ สาหกรรมเดียวกัน แต่ยงั ตามหลงั สายผลติ ภัณฑ์ ก. • สายผลิตภัณฑ์ ค. ซึ่งระบุในรายงานวิธีการและผลการดำเนินงานว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ใหม่ประสบปัญหาเกี่ยวกับของเสียในช่วงต้น แต่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับปรุงที่ดีขึ้น (องค์กรควร อธิบายปญั หาทเี่ กดิ ขึน้ ในชว่ งตน้ นอ้ี ยา่ งสั้น ๆ และสาเหตขุ องการปรบั ปรงุ ท่ีดีขน้ึ ) • องคก์ รมกี ารคาดการณ์ถึงการลดลงของอตั ราของเสยี ในทุกสายผลติ ภณั ฑ์ • สายผลติ ภณั ฑ์ ค. ยังคงมีการปรบั ปรุงทีล่ า้ หลังกวา่ สายผลิตภัณฑ์อน่ื ๆ • องคก์ รคาดการณว์ ่าสายผลติ ภณั ฑ์ ก. จะบรรลเุ ปา้ หมาย Six Sigma ภายในปี 2563


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook