Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความเสี่ยงทางธุรกิจ

ความเสี่ยงทางธุรกิจ

Published by สุชาดา ขวัญแก้ว, 2021-02-21 12:15:08

Description: ความเสี่ยงทางธุรกิจ

Search

Read the Text Version

1 \\

2 ความเส่ียงธรุ กิจ ปัจจยั ภายในและภายนอก การประกอบธรุ กจิ เริ่มต้นมาจากความสามารถในการมองเห็นโอกาสของผูป้ ระกอบธุรกิจ แตใ่ นขณะทธี่ รุ กิจเร่ิม ดาเนนิ การไปนนั้ หากผ้ปู ระกอบธุรกิจสนใจแต่โอกาสจนลมื มองสิ่งสาคญั อีกเรื่องหน่ึงไป กอ็ าจจะทาให้โอกาสท่ีมี กลับมา สร้างความเสยี หายใหก้ บั ธรุ กิจทีด่ าเนนิ การอยไู่ ด้ และส่ิงนัน้ ก็คือ “ความเสีย่ ง” (Risk) ความเสีย่ งโดยความหมายทวั่ ไปหมายถึง “ความไม่รู้” ความไม่แนน่ อน (Uncertainty) ท่ีสถานการณบ์ างอย่า งจะ เกดิ หรอื ไม่เกดิ ข้นึ แลว้ ส่งผลกระทบเชิงลบ (Negative impact) เม่อื คาว่า “ความเสย่ี ง” ถกู จากัดความอยู่ในกรอบของ “ความเส่ยี งทางธรุ กิจ” (Business Risk) มันจงึ กลายเป็นความไมแ่ นน่ อนซง่ึ ผู้ประกอบธุรกิจไม่มีทางรูค้ วามเป็ นไปได้ที่ สถานการณ์ท่จี ะเกิดข้นึ อย่างแน่ชดั และผลกระทบของความเส่ยี งจะสรา้ งความเสยี หายใหก้ ับธรุ กิจได้ เรามักจะเหน็ ความเส่ยี งในเร่ืองเดียวกนั แตก่ ลับส่งผลเสียกับแต่ละธุรกจิ แตกต่างกนั เนื่องจาก ในแตล่ ะธุรกิจมขี นาดต่างกัน ซึ่งผลเสียจะมากหรือน้อยนั้นข้ึนอยู่กับการเตรียมพร้อมรับมือ และค วามสามารถในการจัดการความเสี่ยง (Risk management) ของผปู้ ระกอบการ โดยความเส่ียงหลกั ที่ผปู้ ระกอบธุรกิจทกุ คนควรทาความรู้จักแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. ความเสยี่ งภายใน (Internal risk) หรอื ความเสีย่ งที่ไม่เป็นระบบ (Unsystematic Risk) เป็นความเสย่ี งท่ีเกิดข้นึ ภายในเฉพาะธรุ กจิ ใดธุรกิจหน่ึง หรอื เกิดผลกระทบกบั อุตสาหกรรมท่ีธุรกิจถกู จดั ประเภทให้ อยู่ในน้ัน ซึง่ เมือ่ เกิดเหตุการณ์แลว้ ผลกระทบจะถกู จากดั อยู่ในวงแคบ ไมแ่ พรก่ ระจายไปยังธรุ กจิ ชนิดอ่นื ทีอ่ ยู่ในร ะบบ เศรษฐกจิ เดียวกนั โดยผู้ประกอบธุรกิจสามารถควบคุมความเสี่ยงของธรุ กจิ ตนเองได้ และจัดการกับความเสย่ี งท่อี าจจะเกดิ ข้ึนกับธุรกิจได้ง่ายกว่าความเสี่ยงภายนอก สามารถเรยี กความเส่ียงน้ ีได้ว่า “ความเสี่ยงทางธุรกิจ” ( Business Risk) ยกตัวอยา่ งเชน่ • ความเสย่ี งจากการบรหิ าร (Management risk) ผลเสียหายจะเกดิ จากความสามารถในการบรหิ ารธุรกิจของผู้ ประกอบธรุ กิจ ซ่ึงผลเสยี หายท้งั หมดจะเกดิ จากนโยบายและการวางแผนการบริหารภายในธรุ กิจเทา่ นัน้ ผูป้ ระกอบ ธุรกิจต้องมีความรอบคอบ และปรบั ปรุงนโยบายการบริหาร (Management policy) เพื่อลดความเส่ียงจากการ บริหารให้เหลือนอ้ ยที่สุด • ความเสยี่ งดา้ นโครงสรา้ งทางการเงิน (Financial risk) เป็นความเสี่ยงทางธุรกจิ ทผ่ี ลเสียหายจะเกิดข้นึ กับธุรกิจท่ี มหี น้ สี นิ มาก เพราะธรุ กจิ มโี อกาสท่ีจะสญู เสยี กาไรจากการมีภาระหน้ สี ิน และต้นทนุ ทางการเงิน (ดอกเบ้ยี จา่ ย) ที่ สงู กว่าธุรกจิ อนื่ และยังมีความเสี่ยงทีธ่ ุรกิจจะลม้ ละลาย หากธุรกจิ ไมส่ ามารถสรา้ งกาไรหรือกระแสเงินสดออกมา เพื่อชาระคืนหน้ สี นิ ทีม่ ีได้ โครงสรา้ งทางการเงนิ ของธุรกิจที่มีหน้ สี ินสูงกวา่ ส่วนของเจ้าของ (Equities) จึงมีความ เสี่ยงในการประกอบธรุ กจิ สูงกว่าธรุ กจิ อืน่

3 • ความเสย่ี งเก่ียวกบั พนกั งาน (Employee risk) เป็นความเส่ยี งที่มีสาเหตมุ ากจาก พนักงานภายในองคก์ ร เช่น การ ลาออกของพนักงานทม่ี ีตาแหน่งหน้าที่ท่ีสาคัญต่อการดาเนนิ ธุรกิจ หรือการทางานโดยทุจรติ เป็ นต้น ซึ่งการ ปอ้ งกันความเส่ยี งเหล่าน้ ี คอื การสร้างความความจงรกั ภักดี (Loyalty) ตอ่ องค์กร ไมว่ ่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่ บคุ ลากร (Human capital) ในองคก์ รเพ่อื สรา้ งสง่ิ แวดลอ้ มที่ดใี นการทางานใหแ้ ก่พนักงาน รวมไปถงึ การสรา้ งแรง ดึงดูดในการทางานใหพ้ นักงานเช่น การให้เงินเดอื นบวกกับค่าคอมมิสชั่น เพ่ือสร้างพลังในการทางานให้แก่ พนักงานเป็ นตน้ 2. ความเส่ียงภายนอก (External risk) หรือ ความเสี่ยงท่เี ป็นระบบ (Systematic Risk) คือความเสยี่ งทีม่ ีเหตกุ ารณ์ซง่ึ สง่ ผลกระทบกับสภาพแวดลอ้ มภายนอกของธุรกิจทอ่ี ยู่ในระบบหนึ่ง และผู้ประกอบ ธุรกิจไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงที่เป็ นระบบได้ โดยคาว่า “ระบบ” นั้นเป็ นไปไดท้ ้ังระบบเศรษฐกิจของโลก ระบบ เศรษฐกิจของประเทศ โดยผลเสยี หายจะมผี ลต่อธรุ กิจท้งั หมดในระบบไปในทศิ ทางเดียวกนั แตข่ นาดความเสยี หายอาจจะไม่ เทา่ กัน ยกตัวอย่างเชน่ • ความเสย่ี งของสภาพเศรษฐกิจและนโยบายของภาครฐั (Economic risk) คือ ความเสยี่ งทเ่ี กิดข้นึ กบั เศรษฐกิจ โลก หรอื เศรษฐกิจภายในประเทศ โดยผลเสยี หายจะเกิดข้นึ กบั ธุรกจิ ท้งั หมดทีอ่ ยูบ่ นโลก หรอื ในบางประเทศ เป็น ผลใหภ้ าครัฐทดี่ แู ลอยู่ตอ้ งออกนโยบายการคลงั (Fiscal Policy) และนโยบายการเงิน (Monetary Policy) เพ่ือรบั มือ กับผลเสียหายเหล่านนั้ โดยนโยบายภาครัฐจะส่งผลโดยตรงกบั อุปสงค์ (Demand) และอปุ ทาน (Supply) ภายใน ระบบเศรษฐกิจ และจะสง่ ผลกระทบสบื เน่ืองมายังอุตสาหกรรม ตอ่ เน่อื งมาจนถงึ ตวั เลขซึ่งเป็นยอดขาย หรอื กาไร ของธรุ กจิ เช่น การข้นึ ราคานา้ มันที่สง่ ผลกบั ตน้ ทุนการขนสง่ ของธุรกิจทั้งระบบ หรอื การปรับข้นึ อตั ราดอกเบ้ยี ทาให้ ตน้ ทนุ การก้ยู ืมของธรุ กจิ ตา่ งๆ สงู ข้นึ พรอ้ มกนั • ความเส่ียงทางดา้ นการเมืองและสังคม (Political risk) คือ ความเสย่ี งทจี่ ะเกิดการเปลยี่ นแปลงทางดา้ นการเมอื ง ซ่ึงจะมีผลเมื่อมกี ารเปลยี่ นแปลงผูน้ าที่นาพานโยบายทางการเมืองใหมเ่ ข้ามาบริหารจดั การประเทศ รวมไปถงึ ความ รุนแรงทางการเมอื งท่สี ร้างผลเสยี หายให้ระบบเศรษฐกจิ ต้องหยดุ ชะงัก หรือเกดิ ความเสยี หายกับธรุ กิจในพ้ืนท่ีท่ีมี การใช้ความรุนแรง • ความเส่ยี งทางภยั พิบัติธรรมชาติ (Natural risk) คือ ผลเสียหายท่ีอาจจะเกดิ ข้นึ เมื่อมีภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ (Natural Disaster) เช่น น้าท่วม แผ่นดินไหว พายุ เป็นต้น ส่งิ เหล่าน้ อี ยเู่ หนอื การคาดเดาของมนษุ ย์ เป็นความ เส่ียงที่สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจได้มาก เพราะเป็ นความเสี่ยงท่ีผู้ประกอบธุรกิจมีเวลาน้อยมากท่ี จะ เตรียมพร้อมรับมือได้ทันสถานการณ์

4 การบรหิ ารความเสีย่ งของผู้ประกอบธรุ กจิ ความเสยี่ ง (Risk) เป็นสิง่ ทผ่ี ปู้ ระกอบธรุ กิจทุกคนต้องเจอ และควรให้ความสนใจ เพราะความเสี่ยงในการประกอบ ธรุ กจิ สามารถสง่ ผลกระทบทางลบใหก้ บั ธรุ กจิ ในระยะยาวได้ หากผปู้ ระกอบธุรกจิ ไม่จดั การความเสยี่ ง (Risk Management) ทัง้ หลายใหห้ มดไป หรอื อย่างนอ้ ยกค็ วรจดั การความเสีย่ งเหล่าน้ันใหเ้ หลือนอ้ ยลง การบรหิ ารความเส่ียงท้งั หมด ผปู้ ระกอบธรุ กิจต้องมีความร้คู วามเขา้ ใจในอตุ สาหกรรม (Industry) และธรุ กจิ ที่ตนเ อง ประกอบการอยู่ เพอ่ื ลดอัตราความสญู เสีย หรือผลกระทบในเชิงลบ (Negative impact) ให้ได้มากทส่ี ดุ ดังนั้นผู้ประกอบ ธุรกิจต้องรวบรวมขอ้ มลู ทีต่ นเองมีอยู่สาหรับการบริหารความเสี่ยง และวางขั้นตอนในการบรหิ ารความเสีย่ งของธุรกิจเป็ น ลาดับไป การระบุความเสย่ี งของธรุ กจิ (Risk identification) ผปู้ ระกอบธรุ กิจที่สามารถบริหารความเสี่ยงไดด้ ีเริ่มตน้ ที่การระบุความเสี่ยงทั้งหมดทต่ี นเองทราบ โดยสามารถ เตรยี มตัวรบั มอื กบั ความเสย่ี งเหล่าน้ันใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด สามารถเตรยี มแผนการเพ่อื ลดผลเสยี หายจากความเสีย่ งท่เี ก่ียว ข้อง กับธรุ กจิ ของตนเอง การระบุความเสย่ี งของธรุ กิจเริ่มตน้ จากการรวบรวมขอ้ มูลทั้งหมดท่เี กี่ยวข้องกับการประกอบธรุ กิจ เชน่ ภาพรวม ของเศรษฐกิจและการเมอื งภายในประเทศ สภาพอุตสาหกรรมที่ธุรกิจประกอบการอยู่ ราคาวตั ถุดบิ ความพรอ้ มของ กระบวนการผลิต อานาจต่อรองกบั Supplier ความสามารถในการบริโภคของกลุม่ ลกู ค้า เป็นต้น การระบคุ วามเสีย่ งของธุรกจิ ก็เพอ่ื ดูวา่ ณ ปัจจบุ นั น้ ธี ุรกิจมคี วามพรอ้ มในการรบั มอื กบั เร่ืองดงั กลา่ วดีแล้วหรอื ยัง? ความเสี่ยงที่ผปู้ ระกอบการต้องระบุให้แน่ชัดเพอ่ื การเตรยี มรับมือ หาวิธีการแก้ไข ประกอบด้วยความเสย่ี ง ภายนอก และ ความเสี่ยงภายใน ซ่ึงทงั้ สอง มแี นวทางการแก้ปญั หาทีแ่ ตกต่างกัน เน่อื งจากเกดิ มาจากสาเหตุทแ่ี ตกตา่ งกนั และยงั แตกตา่ ง กนั ในส่วนของความสามารถในการควบคุมปัญหาเหล่านั้นของแต่ละธุรกจิ ด้วย เมื่อสามารถระบคุ วามเสีย่ งทเี่ กดิ ข้นึ ไดแ้ ลว้ ลาดับต่อมา ผู้ประกอบการจะต้องรวู้ ธิ ีการจดั เรยี งความสาคัญของความ เส่ยี ง เพอ่ื เป็นการเนน้ ย้าวา่ ความเส่ยี งขอ้ ใดควรใหค้ วามสาคญั กบั การจัดการมากทสี่ ุดเพอ่ื ลดอตั ราความเสียหายทอ่ี า จจะ เกดิ ข้นึ ได้

5 การประเมินและวางลาดบั ความสาคัญของความเสยี่ ง (Risk analysis and prioritization) เมื่อผูป้ ระกอบธุรกิจรวู้ า่ ธุรกิจท่ีตนเองประกอบการอยู่จะได้รบั ผลเสยี หายจากความเส่ยี งในเรอ่ื งใดสูงที่สุด และมี ความเป็นไปได้ท่ีจะเกิดผลเสียหายมากท่ีสุดจาก ความเสี่ยงนั้นจะถูกนามาบรหิ ารเพ่ือลดความเส่ียงใหเ้ หลือน้อย ที่สุด ตามมาด้วยการพจิ ารณาตอ่ ไปวา่ ความเสยี่ งใดที่มีโอกาสเกิดตา่ กว่า และความเสยี่ งใดมีผลเสียหายต่อธรุ กจิ น้อยกวา่ และ บรหิ ารจดั การไปตามลาดบั ในการบรหิ ารความเสย่ี งของธุรกิจของผปู้ ระกอบการแต่ละคนจะแตกตา่ งกนั ออกไป บางคนให้ความสาคญั กบั ความเส่ียงทม่ี ี โอกาสเกิดมากกวา่ หรอื บางคนใหค้ วามสาคญั กบั ความเส่ียงที่มีผลเสียหายรุนแรงมากกว่า ทงั้ น้ ขี ้นึ อยกู่ ับดลุ ยพินิจของผู้ ประกอบธรุ กิจและประเภทของธรุ กิจท่ีประกอบการอยู่ ตัวอยา่ งเชน่ ธุรกจิ คา้ ปลีกจะใหค้ วามสาคัญกบั ความเสี่ยงท่ีมคี วามเป็นไปไดใ้ นการเกดิ ข้นึ เยอะกว่า เพราะผลเสียหายจาก ธุรกิจจะไม่รนุ แรงมาก ต่างกับธุรกจิ อสังหาริมทรัพย์ที่ม่งุ เน้นการจดั การความเส่ียงทีม่ ีผลกระทบเสยี หายรุนแรงกว่า เพราะ ผลเสยี หายเหล่านัน้ รุนแรงมากหากเกิดข้นึ เป็นต้น เมื่อผู้ประกอบการสามารถระบุความเส่ียง และลาดับความสาคญั ของความเสยี่ งท่ตี อ้ งจดั การกอ่ นหลงั เรยี บร้อยแลว้ ต่อมาคือการคดิ หาวธิ จี ดั การการบริหารความเส่ียง (Risk management) โดยผูป้ ระกอบการอาจเรม่ิ ตน้ หาแนวทางการลด ความเสยี่ งของธรุ กจิ ด้วยการวิเคราะห์ จดุ อ่อนและจุดแข็งของธรุ กิจ เพ่อื ช่วยให้ผ้ปู ระกอบการสามารถแกไ้ ขปญั หาได้อยา่ งถกู วิธแี ละตรงกบั แนวทางของธรุ กจิ ทกี่ าลังดาเนินอยู่ โดยการทา SWOT Analysis เนอ่ื งจากการรบั มอื แก้ปัญหาในธุรกจิ แต่ละ ธรุ กจิ ไม่สามารถใช้แนวทางเดยี วกันได้ แตต่ ้องดปู จั จัยท่เี ก่ยี วข้องกับธุรกิจนั้นๆ โดยตรง การทา SWOT Analysis จึงเป็นตวั ช่วยใหก้ ารจดั การกับความเสย่ี งแบบตรงตวั โดยอ้างองิ จากการวเิ คราะห์จุดออ่ นและจุดแข็งของธรุ กิจนนั้ ๆ เฉพาะนนั่ เอง

6 การทา SWOT Analysis ผู้ประกอบธุรกิจท่มี คี วามสามารถในการบรหิ ารจัดการ ย่อมรดู้ ีวา่ เครื่องมอื พ้นื ฐานอย่าง SWOT Analysis ท่ี เป็น เครื่องมือที่มีความสาคัญในการตรวจดูข้อได้เปรียบ (Strengths) จุดอ่อน (Weeknesses) โอกาส (Opportunities) และ อุปสรรคภาย (Threats) ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ธุรกจิ ของตนเอง แลว้ นาสิง่ ที่วิเคราะห์ (Analyze) ไดไ้ ปแก้ไขปญั หาหรอื รอยรวั่ ที่ธุรกจิ มีอยใู่ นตอนน้ ี และพฒั นาความสามารถในการแข่งขันเป็นลาดับไป ความสามารถในการวิเคราะหป์ จั จัยที่ส่งเสริม และปจั จัยที่สรา้ งผลลบต่อธรุ กจิ โดยรวมได้ ทาใหน้ ักลงทนุ สามารถวเิ คราะห์ แยกแยะ และสรุปว่าความเส่ยี ง หรือเหตุการณ์ทีส่ ง่ ผลเสยี ใหแ้ กธ่ รุ กิจควรได้รับการจัดการและดแู ละอย่างไร พดู ง่ายๆ การ ทา SWOT Analysis เป็นโครงร่างการวางแผนในการดาเนินงาน และวธิ ีจดั การกับปัญหาต่างๆ ทีเ่ กิดข้นึ กบั ธุรกิจนั่นเอง SWOT Analysis ประกอบไปด้วยการวเิ คราะห์ปจั จยั สาคัญที่สง่ ผลต่อธรุ กจิ 4 ปจั จยั ดังน้ ี Strengths จุดแข็งที่ช่วยใหธ้ รุ กิจไดเ้ ปรียบค่แู ข่ง จดุ แข็งคอื ปัจจัยภายใน (Internal Origin) ทส่ี ง่ ผลดชี ว่ ยให้ธรุ กิจมีความแข็งแกร่ง และได้เปรยี บในเชิงการแ ข่งขัน (Competitive advantage) ธรุ กจิ ทม่ี ีจุดแข็งมากกว่าค่แู ข่งจะมีผลลัพธ์ท่ีโดดเดน่ แสดงออกมาผา่ นผลประกอบการทง้ั เร่ื อง รายไดท้ ่ีมากกวา่ ธุรกจิ อืน่ ในอตุ สาหกรรม ความสามารถในการควบคุมตน้ ทนุ อัตราการทากาไรทส่ี ูง รวมไปถึงการมีฐานะ ทางการเงินทีบ่ ง่ บอกถึงความมนั่ คงเชน่ การมหี น้ สี ินน้อยทาให้ความเสี่ยงในการทาธรุ กิจนอ้ ยลง ตวั อยา่ งจดุ แขง็ ของธุรกิจท่วี เิ คราะห์ผา่ นเคร่อื งมือ SWOT เช่น ความสมั พันธ์กับผขู้ ายที่ดี การมแี บรนดท์ ่ีโดดเด่น การเข้ามา สตู่ ลาดเป็นรายแรก มีผ้บู ริหารธุรกิจท่ีมคี วามสามารถ ธุรกิจรา้ นคา้ ต้ังอยใู่ นทาเลทโี่ ดดเดน่ เป็นตน้ ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ ท่ีมีความเขา้ ใจในจุดแขง็ ของธุรกจิ ของตนเองเป็นอย่างดี จะมุ่งมนั่ พัฒนาจุดแข็งน้ เี พอื่ ใหเ้ กิดความสามารถ ทางการแข่งขนั ในระยะยาว และรกั ษาจดุ แขง็ ให้อยู่กบั ธุรกจิ ตอ่ ไปอยา่ งยงั่ ยืน Weaknesses จดุ ออ่ นท่ีทาให้ธุรกจิ เสยี เปรยี บคแู่ ข่ง จุดอ่อนของธรุ กิจ เป็นปจั จยั ภายในเช่นเดยี วกบั จดุ แขง็ แต่จดุ ออ่ นจะสง่ ผลเสียใหก้ ับธรุ กจิ หากมมี ากจนเกินไปธุรกิจ ก็จะเสียเปรียบเชิงการแขง่ ขนั ถ้าจดุ อ่อนของกิจการไม่ได้รับการวิเคราะห์ให้ละเอยี ด ในอนาคตธรุ กจิ กจ็ ะมีความเส่ยี งที่จะ เกิดความเสียหายได้ ผลลัพธข์ องการมีจุดออ่ นจะแสดงผา่ นผลการดาเนนิ งานของธุรกิจ ทาใหธ้ รุ กจิ มยี อดขายท่ีลดลงอย่าง ตอ่ เนือ่ ง มตี ้นทุนทีส่ ูงข้นึ การวิเคราะห์จดุ อ่อนและจุดแข็งจึงเป็นสิ่งท่ผี ปู้ ระกอบธุรกิจให้ความสาคญั และทบทวนอยู่เสมอ ตวั อยา่ งจุดออ่ นของธุรกิจทว่ี เิ คราะห์ผ่าน SWOT เช่น ไม่มแี บรนด์ให้ลกู ค้าจดจา ผบู้ รหิ ารไม่มีความชานาญในธุรกิจ ขาด เงนิ ทนุ ในการพัฒนาธุรกจิ มีหน้ สี นิ ท่ีมภี าระดอกเบ้ยี สงู เกินความจาเป็น เป็นตน้ เมอื่ วเิ คราะห์จุดออ่ นของธรุ กจิ อย่างละเอยี ดแล้ว ผู้ประกอบหารจะหาวธิ แี ก้ไขจดุ ออ่ นที่วิเคราะห์ออกมาได้ เพื่อลดความเสย่ี ง ทีธ่ รุ กจิ จะสญู เสยี ประโยชน์ในอนาคต ไมค่ วรมองขา้ มจุดอ่อนและจดุ แข็งทมี่ เี พราะสงิ่ เหลา่ น้ ีจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ อย่างยงั่ ยืน

7 Opportunities โอกาสเก่ียวกับธรุ กจิ โอกาสเป็นปัจจยั ภายนอก (External Origin) ทีเ่ ป็นแรงผลกั ดนั ให้ธรุ กจิ สามารถเตบิ โตตอ่ ไปได้ โดยธุรกจิ ท่ีมโี อกาส มากจะมีขนาดของการเตบิ โตมากกว่าธุรกิจทม่ี ีโอกาสน้อย โดยส่วนใหญโ่ อกาสจะอยู่ลอ้ มรอบตัวธุรกิจ ผ้ปู ระกอบธุรกิจท่ี วเิ คราะห์โอกาสไดเ้ ยอะ จะมองเหน็ ช่องทางในการดาเนนิ ธุรกจิ ได้ ตัวอยา่ งของการวิเคราะห์โอกาสของธุรกิจในเครื่องมือ SWOT Analysis เช่น โครงสร้างพ้นื ฐานของรฐั บาลท่ีสนับสนุนทุก อุตสาหกรรมในไทย สทิ ธปิ ระโยชนท์ างภาษีที่มีใหธ้ ุรกจิ บางประเภท การเพมิ่ ข้นึ อย่างต่อเนือ่ งของจานวนนกั ทอ่ งเทยี่ ว เป็น ต้น โอกาสเป็นปัจจัยภายนอกที่ช่วยเก้อื หนนุ ธรุ กจิ หากผูป้ ระกอบธุรกจิ วิเคราะห์จดุ แข็งและจุดออ่ นของธรุ กจิ ไดล้ ะเอยี ด รอบคอบแลว้ การมองเหน็ โอกาสจะช่วยให้ธรุ กิจก้าวไปข้างหนา้ ได้ไกลย่ิงข้นึ Threats ความเส่ียงหรืออปุ สรรคท่ีอาจจะเกดิ ข้นึ กับธุรกจิ ความเส่ียง หรืออุปสรรคของธรุ กิจเป็นปจั จัยภายนอกเช่นเดียวกับโอกาส ผู้ประกอบธุรกจิ ไมส่ ามารถทราบลว่ งหน้า ได้ว่าความเส่ยี งทว่ี ิเคราะห์ได้นน้ั จะสรา้ งความเสียหายใหก้ บั ธุรกิจเมื่อใด แตก่ ารมองเหน็ อปุ สรรคและรบั รวู้ า่ ความเสยี่ งของ ธุรกจิ คืออะไร จะชว่ ยใหผ้ ู้ประกอบธุรกิจหาทางป้องกันและรบั มอื กบั ปัจจยั ภายนอกเหล่าน้ ไี ด้ดีทสี่ ุด ตวั อยา่ งของความเส่ียงหรืออุปสรรคใน SWOT Analysis เช่น ทาเลของสานักงานหลักหรอื รา้ นค้าตงั้ อยู่ในพ้นื ทเ่ี ส่ียงภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ การชะลอตวั ของสภาพเศรษฐกิจ การมเี ทคโนโลยีสมยั ใหม่เขา้ มาแทนทสี่ ินค้าหลกั ของกจิ การ เป็นต้น การวิเคราะห์ SWOT นอกจากจะเป็นวธิ ีหน่ึงในการช่วยวิเคราะห์หาข้อไดเ้ ปรยี บหรือเสยี เปรยี บในการจัดการ กับ ปญั หาหรอื ความเส่ยี งทีจ่ ะเกดิ ข้นึ ยงั ถือเป็นบันไดกา้ วแรกกอ่ นที่ผูป้ ระกอบธรุ กิจจะวางแผนจดั การธุรกิจ เป็นการหาจดุ แขง็ เพื่อนามาพัฒนาตอ่ ยอด ลบจดุ ออ่ นทม่ี ีให้เหลอื น้อยท่สี ุด มุ่งเนน้ ที่จะสร้างธุรกิจให้เตบิ โตตามโอกาสและความเป็นไปได้ แต่ ขณะเดยี วกันกไ็ ม่ประมาทในการเตรียมพร้อมรบั มอื กับความเสี่ยงและผลเสยี หายท่ีอาจเกิดข้ ึน มากไปกวา่ นั้นผูป้ ระกอบ ธรุ กจิ ตอ้ งไม่ละเลยท่ีจะทบทวนการวิเคราะหป์ ัจจยั ทสี่ าคญั ของธุรกิจอยา่ งสมา่ เสมอ เพราะธรุ กจิ ทีร่ ู้จักจดุ แข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคตนเองดที ี่สุด จะมีโอกาสเติบโตเป็นธรุ กจิ ท่ีแขง็ แกรง่ ได้ในอนาคต

8 Business Risk – การบรหิ ารความเสีย่ งทางธุรกจิ การบรหิ ารความเสยี่ งทค่ี วรจะถอื ว่าเป็นการบรหิ ารจัดการหลักของกิจการทุกกิจการ คอื การบริหารความเสี่ยงทาง ธุรกิจ (Business Risk) เพราะผลกระทบของความเส่ียงทางธรุ กิจคอื ผลประกอบการโดยรวมหรือความสามารถในการทา กาไรของกจิ การ ซ่งึ เราอาจจะเรยี กความเส่ยี งประเภทน้ อี กี อย่างหนึง่ วา่ “Company Risk” วธิ กี ารบรหิ ารจัดการกับความเส่ียงทางธรุ กิจ ก็คอื การมองดทู ่ีสถานการณ์และสภาพแวดล้อมภายในกิจการควบคู่กับ สภาพแวดล้อมภายนอก เพอ่ื คน้ หาปจั จัยความเสยี่ ง และจัดการกบั ปัจจัยความเสี่ยงเหลา่ น้ อี ย่างเหมาะสมและเพยี งพอ ปัจจัยความเสยี่ งภายนอกท่กี ่อใหเ้ กดิ เหตุการณค์ วามเสีย่ งทางด้านธุรกิจ ได้แก่ การเปล่ียนแปลงของความตอ้ งการ สินค้า และบริการท่ีอาจจะมีแนวโนม้ ลดลงจากเดมิ ไม่วา่ จะเป็นไปตามวฏั จักรทางธุรกิจหรือวงจรชวี ติ ของผลติ ภัณฑ์หรือไ ม่ก็ ตาม ตา่ งกส็ ง่ ผลต่อการสูญเสียทางธรุ กจิ ใหแ้ ก่ค่แู ขง่ ขันทงั้ ส้นิ หากเป็นกรณขี องปจั จัยความเสีย่ งทางธรุ กิจท่ีมาจากภายนอกกิจการแล้ว กเ็ ป็นการยากทกี่ จิ การจะบรหิ ารจัดการ ปจั จัยความเส่ยี งดังกล่าวได้ ด้วยวิธีการควบคุม เหมือนกับการควบคุมภายใน ในส่วนของปจั จยั ความเส่ยี งทีม่ าจากสภาพแวดลอ้ มภายในกจิ การ อย่างเชน่ ก) ความไร้ประสิทธิภาพของกจิ กรรมทางการตลาด หรือ ข) คณุ ภาพและศักยภาพของทีมขาย จนทาให้ผลประกอบการออกมามาเป็นไปตามความคาดหมายหรอื เป้าหมาย ที่กาหนดไว้ กรณขี องปัจจัยความเสยี่ งทางธุรกิจที่มาจากภายในกิจการเช่นน้ ี ผู้บรหิ ารกจิ การสามารถบริหารจดั การไดด้ ้วยการ ปรับ แผนงานสง่ เสริมทางการตลาดหรือปรับปรุงทีมงานขาย หรือเพ่มิ การอบรมเพอื่ เพิ่มศกั ยภาพของทีมขายได้ หรือในกรณีท่ีงานการผลิตสินค้าและบริการเป็นปจั จัยความเสีย่ งทางธุรกิจเป็นความเสย่ี งสาคญั ผู้บริหารก็สามารถท่ีจะปรบั โครงสร้างการผลติ เพอ่ื ทีจ่ ะลดความเสย่ี งทางธรุ กจิ ลง

9 สภาพแวดล้อมทางธุรกจิ ในปัจจุบนั และในอนาคต ความเสี่ยงทางธรุ กจิ ก็จะยังคงเป็นความเสยี่ งสาคญั ที่กจิ การทุก กิจการยงั คงต้องบริหารจดั การเป็นงานประจาวันอย่างตอ่ เนอ่ื งและสมา่ เสมอ เนื่องจาก 1) สภาพแวดลอ้ มภายในและตัวธุรกจิ เองมีการเปล่ยี นแปลงอยู่เสมอ ไมค่ งที่ ไม่แนน่ อน 2) สภาพแวดลอ้ มภายนอกกิจการเอง ตลอดจนสถานการณต์ า่ ง ๆ ก็มีความเปล่ียนแปลงอยูต่ ลอดเวลา และสามารถสร้าง ภัยคุกคามและอุปสรรคต่อการดาเนนิ งานของกิจการได้เสมอ ในตา่ งประเทศเคยมีการสารวจความคิดเหน็ ของกิจการต่าง ๆ เกี่ยวกับความเสย่ี งทางธรุ กจิ และผลการสารวจในปี 2010 ได้ให้ข้อมลู ทนี่ า่ สนใจหลายประการ การสารวจได้ให้ความสาคัญกบั การสารวจความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั 10 ปจั จยั เสยี่ งทางธุรกจิ ทกี่ จิ การตา่ ง ๆ ต้องเผชิญหน้าอยู่ โดยแยกประเภทธุรกจิ ออกเป็น 14 ประเภท

10 บทสรปุ ทคี่ วรกลา่ วถงึ ในผลการสารวจดังกลา่ ว ไดแ้ ก่ ประการท่ี 1 ปัจจยั ความเสีย่ งทางธรุ กจิ ที่มีความสาคัญ คอื 1. การปรับตัวและการปฏิบัติใหเ้ ป็นไปตามก เกณฑ์ ระเบยี บทีเ่ กดิ ใหม่ และ มีอยู่แลว้ กอ่ นหนา้ น้ัน รวมทั้งเงอ่ื นไขทเ่ี ป็นขอ้ กาหนดทรี่ ะบใุ นกรมธรรม์ ประกนั ภัย รวมท้ังการประกันภัยพบิ ัติ 2. นโยบายและประเด็นปัญหาทางการเมอื ง และการตัดสนิ ใจทางการเมอื งท่ี กระทบต่อสภาพแวดลอ้ มทางธุรกจิ และผลประกอบการทางธรุ กิจ ทัง้ น้ ี ปัจจยั ความเส่ียงทางธุรกจิ 10 ประการที่ใชใ้ นการสารวจ ได้แก่ 1. การกากบั ใหก้ ารปฏิบตั ิงานในกิจการเป็นไปตามกลยุทธ์ของกิจการ 2. การบรหิ ารงานพนั ธมติ รทางธุรกิจ 3. การบรหิ ารลขิ สทิ ธิ สิทธิบัตร ภูมปิ ัญญาของกิจการ 4. ความลา่ ชา้ ในการกอบกธู้ ุรกจิ หากเกดิ การหยุดชะงัก 5. ภาวะเศรษฐกิจตกต่า 6. ความยากลาบากในการขอสนิ เชอ่ื แหล่งเงนิ และสถาบันการเงนิ 7. การปรบั ลดตน้ ทุนการดาเนินงาน 8. การบรหิ ารความเส่ยี งทีส่ งั คมโดยรวมยอมรบั ไดแ้ ละบทบาทและ โปรแกรมความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม 9. แนวโน้มความต้องการใหใ้ ชแ้ นวคดิ “กรนี ” ในการดาเนินธุรกิจ 10.การเปลี่ยนแปลงและเพม่ิ ข้นึ ของก เกณฑ์ ระเบียบ รวมท้งั ก เกณฑ์ ท่ีมีอยแู่ ลว้ ประการท่ี 2 ปัจจยั ความเสย่ี งทเ่ี พ่ิมความสาคัญและถือว่าเป็นความเส่ยี งเกิดใหม่ของปี 2010 คือ บทบาทและโปรแกรมความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม เพราะกจิ การเช่อื ว่าเป็นปัจจยั ความเส่ยี งท่จี ะกระทบต่อช่ือเสยี งความไวว้ างใจของลกู คา้ และ สงั คมท่มี ตี ่อกจิ การ และอาจจะกระทบไปถงึ ภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรม โดยรวมดว้ ย

11 ประการท่ี 4 กจิ การท่ตี อบแบบสอบถามระบวุ ่ามกี ารติดตาม วเิ คราะห์และสแกน สถานการณข์ องสภาพแวดลอ้ มภายนอกกิจการอยเู่ สมอ เพือ่ คน้ หาและระบุ ประการที่ 5 ความเสย่ี งเกิดใหม่ในด้านธุรกิจ และเห็นว่าการมีความเสีย่ งเกดิ ใหม่เป็นตัว ประการท่ี 6 เพ่ิมความไมแ่ น่นอนในการทาธรุ กจิ ของกจิ การมากทส่ี ดุ จนกระทบต่อ มลู คา่ ของกิจการทง้ั ระยะสั้นและระยะยาว ในระยะหลัง ๆ กจิ การไดข้ ยายขอบเขตของการติดตาม วเิ คราะห์ และคน้ หา สถานการณ์ด้านสภาพแวดลอ้ มเพ่ือหาปัจจยั ความเสย่ี งทางธรุ กจิ ออกไปสู่ ห่วงโซอ่ ุปทานมากข้นึ โดยครอบคลมุ 1) ซบั พลายเออร์ 2) ลูกคา้ 3) พันธมติ รทางธุรกจิ 4) ผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสียหลัก นอกเหนือจากการติดตาม วเิ คราะห์ และสแกนในสภาพแวดลอ้ มภายนอก แลว้ การคน้ หาและระบปุ ัจจัยความเสีย่ งด้านธรุ กจิ ที่สาคัญในระยะหลงั ๆ คอื การวเิ คราะหด์ ้วยฉากทศั น์ (Scenario Analysis) เพ่ือพยายามคน้ หาและ สรา้ งภาพของปัจจยั ความเสย่ี งท่ไี มเ่ คยเกิดข้นึ มาก่อนในอดีต อนั เป็นการลด ความเสี่ยงจากการผกู ติดอยกู่ บั อดีต และทาใหก้ จิ การสามารถตอบโต้กับ ความเสยี่ งจากความไม่แน่นอน (Uncertainty Risk) ได้อยา่ งทนั ทว่ งที ซ่งึ ทา ใหก้ ิจการส่วนใหญ่ทาแผนเตรียมความพรอ้ มและเตรยี มรบั มือต่อความ เปลี่ยนแปลงในสถานการณม์ ากข้นึ กจิ การส่วนใหญเ่ ห็นวา่ การปรับตัวต่อมาตรฐานหรือก เกณฑใ์ หม่เพียงพอ น้ัน ไมอ่ าจจะทาได้ในระยะสั้น ๆ จาเป็นตอ้ งทาเป็น Roadmap เพ่ือวาง กิจกรรมระยะยาวและใชก้ ารสอ่ื สารทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการกากบั และ ปฏิบตั ิงานของบุคลากรภายในองคก์ ร

12 ตวั อย่างปัจจยั เสยี่ งของหน่วยงาน โดยลักษณะความเสย่ี งสามารถจาแนกเป็น 3 ส่วน ดังน้ ี • ปัจจยั ความเส่ียง (Risk Factor) คือ สาเหตุทจ่ี ะทาใหเ้ กิดความเส่ียง โดยตอ้ งระบุวา่ เหตกุ ารณ์น้ันเกดิ ท่ีไ หน เมอ่ื ใด และเกิดข้นึ อยา่ งไร และทาไม ทง้ั น้ สี าเหตุความเสย่ี งทรี่ ะบคุ วรเป็นสาเหตแุ ท้จริงเพื่อวเิ คราะหแ์ ละกาหนดมาตรการ ลดความเสยี่ งในภายหลังอย่างถกู ตอ้ ง • เหตุการณเ์ สยี่ ง (Event) คือ เหตกุ ารณ์ทสี่ ่งผลกระทบต่อการดาเนนิ งานหรอื นโยบาย • ผลกระทบจากความเสยี่ ง (Impact) คือ ความรนุ แรงของความเสยี หายที่น่าจะเกิดข้นึ จากเหตกุ ารณเ์ สยี่ ง

13 ดงั น้ันเป้าหมายหลักของการบริหารความเสยี่ งองค์กร ไดแ้ ก่ • ลดความเสย่ี งท่ีมีผลกระทบต่อหนว่ ยงานให้อยใู่ นระดบั ทยี่ อมรับได้ โดยผ้บู ริหารควรต้องรู้ความเสยี่ งท้งั หมดของ องคก์ ร แตห่ น่วยงานหรือองค์กรจะมีการควบคุมภายในหรอื ไมข่ ้นึ อยู่กับความคมุ้ ค่าและความสบายใจการทางาน • การติดตามประเมนิ ผลการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ การดาเนนิ งานควรเป็นในเชิง ปรมิ าณ (Quantitative) หากเป็นนามธรรมตอ้ งใชด้ ุลยพนิ ิจประเมนิ ในเชิงคุณภาพโดยทวั่ ไปการดาเนินการจะผสมผสา นทั้ง เชงิ ปรมิ าณและเชงิ คณุ ภาพ กิจกรรมบางประเภทเมื่อตัดความเสย่ี งออกไป หน่วยงานตอ้ งตดิ ตามดแู ล โดยใช้ประสบการณ์ มาพิจารณาทบทวนว่ายังมีความเสีย่ งอยู่หรอื ไม่ ตามมาตรฐานใหม่ การบริหารความเส่ียงทีฝ่ ังแน่นในวัฒนธรรมของ หน่วยงานจะมีการทบทวนปรับปรุงทกุ 2–5 ปี ทมี่ งุ่ บรหิ ารความเส่ียงทวั่ ทั้งองค์กร โดยมผี ู้บรหิ ารระดบั สูง คณะกรรมการ บรษิ ทั ตลอดจนพนกั งานทุกระดับมสี ว่ นร่วม

14 การวเิ คราะหผ์ ลกระทบความเสยี่ ง สว่ นการบรหิ ารความเสี่ยงทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ล เกิดจากปัจจัยหลกั ดังน้ ี • การสนับสนุน ผบู้ รหิ ารระดบั สูงตอ้ งให้การสนับสนุนและแสดงความรับผิดชอบ รวมท้ังความมสี ว่ นร่วมบริหาร ความเสย่ี ง • กระบวนการ โดยมุ่งบรหิ ารความเสยี่ งทสี่ ามารถปรับเปลีย่ นให้สอดคลอ้ งกับการปฏบิ ตั ิงานจริงขององค์กรและ สามารถปฏิบัติไดอ้ ย่างต่อเน่ืองทวั่ ท้ังองคก์ ร • บุคลากร โดยมงุ่ สรา้ งความร่วมมอื ท่ีดาเนินการโดยพนกั งานทุกระดับและกาหนดหน้าท่ีความรับผดิ ชอบอย่าง ชัดเจน • การสอื่ สาร โดยมกี ารสือ่ สารขอ้ มูลเกี่ยวกับความเสีย่ งอย่างต่อเนื่องและจดั ให้มกี ารอบรม ตลอดจนใช้กลไก บริหารทรพั ยากรบคุ คลและเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ เผยแพร่ข้อมลู การบริหารความเสี่ยง กรอบบรหิ ารความเส่ียง เน่ืองจากการบริหารความเส่ียงองค์กรยคุ ใหมค่ รอบคลุมถึงการบูรณาการอย่างลงตัวของวัฒ นธรรมองค์กร กระบวนการและโครงสร้างองค์กร ซ่ึงมผี ลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการบริหารงานและผลได้ผลเสียของธรุ กิจ ทาใหก้ าร ดาเนินการควรเรม่ิ ตน้ จากคณะกรรมการและผู้บรหิ าร ตลอดจนพนักงานทาความเขา้ ใจใหต้ รงกนั ต่อนยิ ามความเส่ยี งเพ่อื ให้ ทกุ คนสามารถบ่งช้โี อกาสเกิดความเสีย่ งในทิศทางเดยี วกบั การดาเนินงานและสร้างความมนั่ ใจในการปฏิบัติตามก ระเบียบ ดังน้ ี 1. ความสอดคลอ้ งกันระหวา่ งความเส่ียงท่ยี อมรบั ไดก้ บั กลยุทธ์องค์กร โดยความเสีย่ งทย่ี อมรบั ได้คอื ความไม่ แน่นอนโดยรวมทีอ่ งคก์ รยอมรับไดโ้ ดยยงั คงใหธ้ รุ กจิ สามารถบรรลเุ ป้าหมาย ความเส่ียงท่ียอมรบั ไดเ้ ป็นปัจจัยสาคญั ในการ ประเมินทางเลอื กดาเนนิ กลยุทธ์ ทาใหผ้ ู้บรหิ ารพจิ ารณาความเสยี่ งทยี่ อมรบั ไดท้ ีส่ อดคลอ้ งกบั กลยทุ ธ์องค์กร 2. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างการเตบิ โต ความเสย่ี ง และผลตอบแทนธรุ กิจ โดยสนบั สนุนใหอ้ งคก์ รสามารถบ่งช้ี เหตุการณ์ ประเมินความเส่ยี งและจดั การความเส่ียงใหส้ อดคล้องกับวตั ถุประสงค์การเตบิ โตและผลตอบแทนขององคก์ ร 3. การบริหารจัดการความเส่ียง เนือ่ งจากการบริหารความเสีย่ งคลอบคลมุ เหตุการณท์ ้ังหมดที่จะเกิดข้ึน โดยไม่ จาเป็นตอ้ งจากดั เฉพาะส่ิงท่ีเป็นความเสยี หาย ทาให้ผู้บริหารสามารถบ่งช้แี ละใช้ประโยชน์จากเหตุการณเ์ ชิงบวกอย่าง รวดเรว็ และเกิดประสทิ ธิภาพ 4. ลดความสูญเสยี จากปัจจัยความเสี่ยงการดาเนินงาน โดยกาหนดวิธีจดั การเพ่อื ลดปัจจัยทผ่ี ลต่อความสญู เสีย ตอ่ องค์กร

15 5. การบริหารความเสย่ี งทวั ่ ทั้งองคก์ ร เนอ่ื งจากปจั จัยความเสย่ี งมีความเชือ่ มโยงระหวา่ งกัน ดังนนั้ บรหิ ารจัดการ ความเสยี่ งโดยรวมจึงควรพจิ ารณาความเส่ียงในภาพรวมขององค์กร 6. การสรา้ งโอกาส การพิจารณาเหตกุ ารณท์ ้งั หมดทอ่ี าจเกิดข้นึ ต่อองคก์ รโดยไม่จากดั เฉพาะความเสี่ยงทเี่ ป็นความ เสยี หาย ทาใหผ้ ้บู รหิ ารสามารถบง่ ช้แี ละใช้ประโยชน์จากโอกาสหรือเหตกุ ารณ์เชงิ บวกเกิดประสทิ ธภิ าพมากข้นึ

16 ข้ันตอนประเมินความเสี่ยง สาหรับการประเมนิ ความเส่ียงควรจัดทาลงในตารางประเมินและดาเนินการประเมินความเสี่ยงใหมห่ ลังจาก ดาเนนิ การแล้วระยะหนง่ึ เพื่อตดิ ตามผลว่าความเสย่ี งลดลงหรือไม่ ถา้ ยังไมด่ ขี ้นึ ก็ต้องทาแผนตอบสนองความเส่ียงเพิม่ หาก ทาแผนเพม่ิ หลายครัง้ แล้วความเส่ียงไม่ลดลงก็ต้องยอมรับความเส่ยี งน้ัน แตท่ ้ังน้ แี นวทางจดั การความเส่ยี งมีหลายวธิ ี ซึ่ง ต้องพจิ ารณาตามวัตถุประสงคเ์ พอ่ื หาแนวทางจดั การให้เหมาะสม เพื่อใหส้ ามารถติดตามและแกไ้ ขไดง้ ่ายทันทว่ งที ดงั นั้น ชว่ งการทา Workshop ตอ้ งพิจารณา โอกาสและผลกระทบใหด้ ีเพ่อื ให้เกิดความผดิ พลาดในการประเมิน ถา้ ไม่แนใ่ จอาจใส่ ค่าเฉล่ีย แต่ต้องมกี ารตกลงและยอมรบั กนั ก่อน รวมถึงการกาหนด หน่วยวดั ท่ีต้องจับตอ้ งไดแ้ ละระดับทย่ี อมรับได้ให้ สอดคล้องกนั โดยทวั่ ไปการประเมินความเส่ียงสามารถดาเนินการได้ท้งั ก่อนและหลังการดาเนินงาน ซึ่งพจิ ารณาตาม ความสาคญั รวมถึงการประเมินทว่ี ัดเชงิ คุณภาพด้วยตารางวดั ความเส่ียงโดยใช้ระบบสเกลหรือการใชเ้ ทคนคิ เชงิ โดยจดั แบง่ เป็นระดบั ความเสยี่ งและแสดงเป็น Risk Profile แบง่ พ้นื ท่เี ป็น 4 สว่ น (4 Quadrant) เพื่อใชเ้ กณฑ์การจาแนก ดังน้ ี 1. ระดับความเสี่ยงตา่ (Low) คะแนนระดบั ความเสยี่ ง 1–4 คะแนน ยอมรับความเส่ยี ง กาหนดเป็นสีเขียว 2. ระดบั ความเส่ียงปานกลาง (Medium) คะแนนระดบั ความเส่ียง 5–9 คะแนน ยอมรับความเสยี่ งแต่มีแผนควบคมุ ความเสย่ี ง กาหนดเป็นสีเหลอื ง 3. ระดับความเสยี่ งสูง (High) คะแนนระดบั ความเสยี่ ง 10–15 คะแนน โดยมแี ผนลดความเสย่ี ง กาหนดเป็นสีสม้ 4. ระดับความเสี่ยงสูงมาก (Extreme) คะแนนระดับความเส่ียง 16–25 คะแนน ต้องมีแผนลดความเสี่ยงและ ประเมินซา้ หรือถ่ายโอนความเสี่ยง กาหนดเป็นสีแดง

17 การจาแนกระดับความเสีย่ ง เมือ่ ประเมนิ คา่ ระดบั ความเส่ียงแล้วจะนามาจดั ลาดับความรุนแรงของความเส่ียงทีม่ ีผลกระทบต่อการดาเนินงาน เพื่อระบุกจิ กรรมควบคมุ แต่ละสาเหตคุ วามเส่ียงหลักใหเ้ หมาะสม โดยพจิ ารณาระดบั ความเสีย่ งตามตารางประเมินความ เสย่ี งท่ีจัดเรยี งตามลาดับจากระดับสงู มาก สงู ปานกลาง ตา่ และเลือกความเสย่ี งท่มี ีระดบั สงู มากและสูง เพือ่ จัดทาแผนการ บรหิ ารความเส่ยี งในขั้นต่อไป ซ่ึงการประเมินความเสยี่ งจะต้องจัดทาแผนภูมคิ วามเสีย่ ง (Risk Profile) ทไี่ ด้จากการจัดระดับ ความสาคัญความเส่ยี งจากโอกาสท่จี ะเกิดความเสย่ี ง (Likelihood) และผลกระทบท่เี กิดข้นึ (Impact) รวมทั้งขอบเขตระดับ ความเสี่ยงท่ีสามารถยอมรับได้ (Risk Appetite Boundary) แสดงดว้ ยความสัมพนั ธ์ ดังน้ ี ระดบั ความเสีย่ ง = โอกาสการเกิดเหตกุ ารณ์ x ความรนุ แรงของเหตกุ ารณ์ (Likelihood x Impact) โดยองค์กรควรมเี ครอ่ื งมอื ชว่ ยระบุประเมินและแสดงผลการประเมนิ ความเสย่ี งปฏิบตั กิ าร เช่น แผนภมู ิความเส่ียง (Risk Map) ดชั นชี ้วี ัดความเสย่ี ง (Key Risk Indicators) และแผนผงั ข้นั ตอนการทางาน (Business Process Map) เป็นตน้ ทั้งน้ อี าจกาหนดรูปแบบและเงื่อนไขการประเมนิ ความเสยี่ งตามแนวทางทเ่ี ห็นสมควรนอกเหนือจากทกี่ ลา่ วไวข้ า้ งต้น อาทิ วิธีคานวณเฉพาะตามหลักการคณิตศาสตรแ์ ละค่าสมั พันธ์ทางสถติ ิหรอื ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป แนวทางหรือ วิธกี ารคานวณดงั กลา่ วต้องสอดคลอ้ งกบั ลักษณะ ขอบเขต การดาเนินธุรกจิ และความสามารถในการยอมรับความเส่ยี งหลกั องค์กรควรตดิ ตามการจดั การความเสยี่ งและบนั ทึกไวเ้ ป็นเอกสาร ซึ่งมีการระบุรายละเอียดชัดเจนเพื่อใช้ในการตรวจสอบ และประเมินประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยง ส่วนการพิจารณาวา่ จะตอบสนองต่อความเสยี่ งอย่างไร ฝ่ายจัดการจะต้อง ประเมนิ ผลกระทบทมี่ ีต่อโอกาสทอี่ าจเกิดข้นึ และผลกระทบความเสย่ี ง รวมทัง้ ต้นทุนและผลประโยชนท์ ี่จะได้รับ เพ่ือเลือก แนวทางการตอบสนองต่อความเส่ยี งใหค้ วามเสยี่ งทีย่ ังคงเหลอื อยู่ (Residual Risk) ภายในช่วงความเบยี่ งเบนของความ

18 เสีย่ งทยี่ อมรบั ได้ (Risk Tolerances) ฝ่ายจดั การควรระบโุ อกาส (Opportunities) ที่อาจจะยังมอี ยู่ รวมถึงมองประเด็นความ เสีย่ งระดบั องค์กรแล้วพิจารณาวา่ ความเสย่ี งท่เี หลอื อยู่โดยรวมอย่ใู นระดับทอ่ี งคก์ รยอมรบั ไดห้ รือไม่ โดยมีขัน้ ตอน ดังน้ ี การประเมินความเส่ยี งขน้ั ตน้ และความเสย่ี งคงเหลือ • ระบุกลยทุ ธ์ แนวทางและมาตรการท่ีเป็นทางเลือกเพ่ือดาเนินการขจดั หรือลดความเสี่ยงเพ่ือใหค้ วามเสี่ยงที่เหล่ือ อยใู่ นระดบั ท่ยี อมรบั ได้ • ศกึ ษาความเป็นไปได้และค่าใช้จ่ายแตล่ ะทางเลือก รวมถึงพิจารณาประโยชนแ์ ต่ละทางเลือก • เลือกแนวทางดที ่สี ุด โดยกาหนดผ้รู ับผิดชอบและกรอบระยะเวลา เพอื่ กาหนดแผนปฏบิ ตั กิ าร และมาตรการใน การตดิ ตามผล • ดาเนนิ การขออนุมตั แิ ผนจดั การความเสยี่ ง • รายงานผลการประเมินความเส่ียงใหผ้ บู้ ริหารระดับสูงและคณะกรรมการตรวจสอบ

19

20 แบบทดสอบ 1.ความเสี่ยงหลักทผี่ ปู้ ระกอบธุรกจิ ควรรู้ 2 ประเภทคือ ก. ความเสี่ยงภายในและความเส่ยี งภายนอก ข.ความเส่ียงจากการบริหารและความเสีย่ งเกย่ี วกบั พนักงาน ค. ความเสยี่ งของสภาพเศรษฐกจิ และความเสยี่ งทางด้านการเมอื ง ง. ความเส่ยี งทางภัยพบิ ตั ิธรรมชาตแิ ละความเสีย่ งภายนอก จ. ความเสีย่ งภายในและความเสย่ี งที่เป็นระบบ 2.ผปู้ ระกอบธรุ กิจต้องมีความรอบคอบและปรบั ปรงุ นโยบายการบริหารเพ่ืออะไร ก. เพอ่ื ชาระคืนหน้ สี ินทม่ี ีได้ ข. เพอ่ื สรา้ งพลงั ในการทางานให้แก่พนกั งาน ค. เพือ่ ลดความเสยี่ งจากการบริหารใหเ้ หลอื น้อยทส่ี ดุ ง. เพ่อื รับมือกับผลเสีย จ. เพื่อควบคุมปัญหา 3.ตัวอยา่ งความเส่ยี งภายใน คือ ก. ความเสย่ี งที่เป็นระบบ ข. ความเสย่ี งของสภาพเศรษฐกจิ และนโยบายของภาครฐั ค. ความเสย่ี งทางดา้ นการเมอื งและสังคม ง. ความเสี่ยงทางภยั พบิ ัติธรรมชาติ จ. ความเสย่ี งดา้ นโครงสร้างทางการเงิน

21 4.ความเสี่ยงภายนอก คอื ก. ความเเส่ยี งทเ่ี กิดข้นึ ในธุรกิจผลกระทบจะถกู จากดั ในวงแคบ ข. ความเสี่ยงทางธรุ กิจจะเกิดข้นึ กบั ธรุ กจิ ท่มี ีหน้ สี นิ มาก ค. ความเสย่ี งที่ส่งผลกระทบกับธุรกจิ ไมส่ ามารถควบคุมความเสย่ี งได้ ง. ความเส่ยี งที่มสี าเหตุมาจากพนกั งาน จ. ความเสย่ี งทีเ่ กดิ จากนโยบายและการวางแผนการบรหิ าร 5.ผปู้ ระกอบธุรกิจตอ้ งรวบรวมขอ้ มูลทีม่ ีอยู่และวางขั้นตอนในการบริหารความเสยี่ งของธรุ กจิ เรยี กว่าอะไร ก. การบรหิ ารความเส่ียงของผปู้ ระกอบธุรกิจ ข. การระบุความเส่ียงของธรุ กิจ ค. การประเมินและวางลาดบั ความสาคญั ของความเสย่ี ง ง. การทา SWOT จ. การระบคุ วามเสีย่ งของธรุ กิจเพอื่ เตรยี มรับมือ 6. Risk identification คืออะไร ก. การประเมนิ ความเสยี่ ง ข. การบรหิ ารความเสยี่ งของผู้ประกอบธรุ กจิ ค. การวางลาดบั ความสาคญั ความเสยี่ ง ง. การระบคุ วามเส่ยี งทางธรุ กิจ จ. การคาดการณ์ความเสีย่ ง

22 7. ความเส่ียงหรอื อุปสรรคของธรุ กิจเกยี่ วข้องกบั ปัจจัยด้านใด ก. ภายนอก เช่นเดยี วกบั โอกาสไมส่ ามารถทราบได้ล่วงหนา้ า ข. ภาระดอกเบ้ยี สงู เกนิ ความจาเป็น ค. ทดต้นทุนในการทาธรุ กจิ ง. ผ้บู ริหารไมม่ ีความชานาญ จ. ธรุ กจิ มโี อกาสน้อย 8.ความเสี่ยงหรืออุปสรรคใน SWOT Analysis คือขอ้ ใด ก. มธี ุรกิจเพิ่มข้นึ อย่างต่อเนื่อง ข. องคก์ รไมม่ คี วามละเอยี ดรอบคอบ ค. การชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจ ง. มกี ารพฒั นาทต่ี ่อเนอ่ื ง จ. ธุรกิจมแี รงผลักดันที่สามารถเติบโตได้ดี 9.ขอ้ ใดคอื จดุ แขง็ ทีช่ ว่ ยใหธ้ รุ กจิ ไดเ้ ปรยี บคู่แข่ง ก. การเพิ่มข้นึ ของจานวนนักทอ่ งเที่ยว ข. ธรุ กจิ สามารถเตบิ โตไปได้อยา่ งยงั่ ยนื ค. การมีหน้ สี ินน้อย ง. รา้ นค้าต้ังอยใู่ นทาเลทีโ่ ดดเด่น จ. มีการสนับสนนุ จากอตุ สาหกรรมอนื่ ๆ

23 10. ขอ้ ใดคอื จุดออ่ นทท่ี าใหธ้ ุรกจิ เสยี เปรยี บค่แู ข่ง ก. การเขา้ สู่ตลาดเป็นรายแรก ข. ไมม่ แี บรนด์ใหล้ ูกค้าจดจา ค. มที าเลท่ีโดดเด่น ง. การมหี น้ สี ินมากเกนิ ไป จ. ธุรกจิ ไมม่ กี ารพฒั นา Scan Me !

24 บรรณานกุ รม Moneywecan. (2561).ความเสี่ยงธรุ กิจ ปัจจยั ภายในและภายนอก [Online] เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.moneywecan.com/risk-management/business-risk-management/internal-external- %20risks/. [2564, กมุ ภาพันธ์ 15] เกยี รตพิ งษอ์ ดุ ม ธ นะธีระ. (2560).การจัดลาดับความสาคญั ความสาเรจ็ (Risk Matrix) [Online] เขา้ ถึงได้จาก : https://iok2u.com/index.php/article/e-book/193-risk-matrix. [2564, กุมภาพันธ์ 15] ไอเดีย เมคเกอร์ เทคโนโลยี. (2560). SWOT ANALYSIS [Online] เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.108ideajobs.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538775043. [2564, กมุ ภาพันธ์ 15] จิรพร สเุ มธปี ระสิทธิ. (2559).การบริหารความเสยี่ ง [Online] เข้าถึงไดจ้ าก : https://chirapon.wordpress.com/tag/. [2564, กมุ ภาพนั ธ์ 15] โกศล ดศี ีลธรรม. (2559).ตัวอย่างปัจจัยเสี่ยงของหน่วยงาน [Online] เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.thailandindustry.com/onlinemag/.[2564, กมุ ภาพนั ธ์ 15]

25 จัดทาโดย อภัสรา ขวญั เมอื ง 6212404001145 ชนนิ าถ ดาเกาะ 6212404001146 ฐติ ิมา นิธิธนากร 6212404001159 วรญั ญา สมั พนั ธ์ 6212404001163 สุชาดา ขวญั แกว้ 6212404001174 กลุ่มเรียน 62063.122

26


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook