Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 00 เล่มประชุมกรรมการบัณฑิตศึกษา ครั้ง 4 ปี 2564

00 เล่มประชุมกรรมการบัณฑิตศึกษา ครั้ง 4 ปี 2564

Published by grad.ptwit, 2021-04-05 13:11:07

Description: 00 เล่มประชุมกรรมการบัณฑิตศึกษา ครั้ง 4 ปี 2564

Search

Read the Text Version

327 i?Miuna{rj:lr,ruxfingrt Itnt?nA0unuouu?YluluYlu6la{!nioulua?, 1,1-ritn 0vlA!!:0lBqlurJduunl!''ru rfrl]ar:}iaouiuur nud,t!',uqaf_irarfa,o na6' tln156nu1[n sfl 0taLto:'ru.li0nflrn:1!n1laoui- ururiuE d.t518.ttan. o. lr.]-t! t) {n:.rqrulinrauon riurJtorun::rnr:sau tB-ana hnocl J.t olut{u.t rYl 1.i 0u fadn 4,r1, tr6\\ O In:finri o7. rtunr:unr:nat o\\ drSr.na' s) oror:drJ*rimin6r: rtunr:rnr:aou na-ina a) arar:tirj:co'rsdn[r: rf,un::unr:6ott ti a-ana 5) olelrdinjinuinfi fu udxdn ta_ana uro(.6''__1__a___a_ hqcy'o___- .0u r uK.as. d* rj::trundnda: xfr.- --1----,.r. 6t' U .1. w\"q (riofrfnyrrrrrnot) €fU\".roauuuna1: uarqtlalfirioulmrltorinruodr.:1 nrltou-.rfirrirf;ranr:{nnrf,ntr.iufiurjruirf,nnr n.r. e-:oz udzjri qrualuha:urhllun,r:laaouimurirruri 6wosuomu:n::lnr:riruirimnrfrafim:onioU au.l -S!E--- n.ll:uurJ'lH,trtDtu:r- nl:,] .;;;;Ja---------F-----r-.--f-a-l-T---g----------_--v t!?9lc). 2-.tJ/x 2 ' ,-r-a.T6 - a ;1.1 (mrlriurorui) .6rauati.au.nssunrtu-ruinf nurml{ou-ra'ur r#af, rr:rutfiutou (,---... ---- ). -) ?U lnur:itn 21m nunrrriu ldlutiuli'to::lttigrnr:aaui arfinuri mdori.rr{urnrr n 7 io 33.4 rrnc:gr0t unr:!6udrs::tliulr n.;.2556 B I'ru:uriu lo,0oo uifl (n:d6suinariru6bidru) t ) ?lJ?1 /........-.-1 nir z rrn 3

328

329

330 บทความวิจัย (Research Article) วารสารวชิ าการสถาบันการอาชีวศกึ ษาเกษตร ปท ี่ 5ฉบับท่ี 1 • มกราคม – มิถนุ ายน 2564 ผลของความเขมแสงตอการอนบุ าลลกู กบนา (Hoplobatrachus rugulosus) Effect of Light Intensity on Nursing of Frog Tadpoles (Hoplobatrachus rugulosus) ศศมิ า ตรีพลอักษร1* และ ณัฐกร อนิ ทรวิชะ1 Sasima Treepolaugson1* and Nuttakorn Intaravicha1 ไดร ับบทความ: 13 ม.ิ ย. 2563 ไดร ับบทความแกไ ข: 28 พ.ย. 2563 ยอมรับตพี ิมพ: 6 ม.ี ค. 2564 บทคัดยอ การศกึ ษาครงั้ นม้ี วี ัตถปุ ระสงคเ พือ่ ศกึ ษาความเขมแสงที่มีผลตอการอนุบาลลูกกบนา ดําเนินการวิจัยโดยวาง แผนการทดลองแบบสุมสมบูรณ (Completely Randomize Design : (CRD)) ประกอบดวยชวงความเขมแสง 4 ระดับ ระดับละ 4 ซํ้า คือ 900 – 1,100 1,900 – 2,100 3,900 – 4,100 และ 7,900 – 8,100 ลักซ ตามลําดับ เก็บรวบขอมูลนํ้าหนัก ความยาว อัตราการรอด อัตราการแลกเนื้อ อัตราการกินอาหาร และอัตราการ เจรญิ เติบโตจําเพาะ ผลการศึกษาพบวา นํ้าหนกั ความยาว อตั ราการแลกเน้อื อตั ราการกนิ อาหาร และอัตราการ เจรญิ เตบิ โตจาํ เพาะของลกู กบนาทีอ่ นุบาลทกุ ชว งความเขมแสงมีคาไมแตกตางอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) อัตราการรอดตายมีคา แตกตางอยางมีนัยสาํ คญั ทางสถิติ (p<0.05) โดยชวงความเขมแสง 900 – 1,100 ลักซ มีอัตรา การรอดตายสูงสุด เทากับ รอยละ 69.33±7.57 สวนชวงความเขมแสง 7,900 – 8,100 ลักซ มีอัตราการรอดตาย ตา่ํ สดุ เทา กบั รอ ยละ 56.67±1.15 คาํ สําคัญ : ความเขม แสง การอนบุ าล ลกู กบนา 1หลกั สตู รเทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ มเพื่อการเกษตร คณะวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยีปทมุ วนั กรงุ เทพฯ 10330 1Department of Environmental Technology for Agriculture, Faculty of Science and Technology, Pathumwan Institute of Technology, Bangkok 10330 * ผูนพิ นธประสานงาน (Corresponding author) e-mail: [email protected]

331 บทความวิจยั (Research Article) วารสารวชิ าการสถาบันการอาชวี ศกึ ษาเกษตร ปท ี่ 5ฉบบั ที่ 1 • มกราคม – มิถนุ ายน 2564 ABSTRACT The study had the objective is studied with the effect of light intensity on the nursing of tadpoles, Completely Randomize Design: CRD with 4 levels of intensity 4 replications, the treatments were: 900 – 1,100, 1,900 – 2,100, 3,900 – 4,100 and the 7,900 – 8,100 Lux respectively, that was collected tadpole yields which were weight, length, survival rate, feed conversion ratio daily feed intake and specific growth rate. The result showed, weight length feed conversion ratio daily feed intake and specific growth rate data were not significantly different the specific growth rates of tadpoles at the light intensity. (p>0.05). The survival rate of tadpoles was significantly different (p<0.05), the highest and lowes survival rate were found in 900 – 1,100 Lux and 7,900 – 8,100 Lux, were 69.33±7.57 % and 56.67±1.15 % respectively. Keywords: light intensity; nursing; tadpoles บทนํา กบนา มีช่ือวิทยาศาสตรวา Hoplobatrachus rugulosus เปนสัตวคร่ึงบกคร่ึงนํ้าที่จัดอยูในวงศ Raninae เปนกบท่ีมีขนาดกลาง มีลําตัวยาวประมาณ 90 – 180 มิลลิเมตร มีนํ้าหนักประมาณ 100 – 350 กรมั หวั สน้ั เปนรูปสามเหลี่ยม ขาคูหนาส้ันมี 4 น้ิว ขาคูหลังยาวมี 5 นิ้ว สีของลําตัวดานหลังเปนสีเขียวปน นํ้าตาลและมีจุดดํากระจายเปน ประอยูทั่วตวั มถี ิ่นอาศัยหากินอยูต ามหวย หนอง บึงและทองนา พบไดท่ัวไป ในทุกภาคของประเทศไทย และมคี วามสําคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง เน่ืองจากเน้ือกบเปนอาหารโปรตีนท่ี นยิ มบริโภคทัว่ ไป สามารถสงออกจาํ หนา ยไปยงั ตางประเทศ เชน ฮองกง ญี่ปุน มาเลเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหรฐั อเมรกิ า [1] ปจจุบันกบนาที่พบตามธรรมชาตมิ ีปริมาณลดลงเนอื่ งจากแหลงที่อยูอาศัยของกบนาถูก ทาํ ลาย มีการใชสารเคมีกาํ จดั ศตั รูพชื เพิ่มมากขนึ้ รวมทง้ั การจบั กบนาโดยไมค ํานึงถึงฤดูกาลและขนาด [2] เพื่อนาํ มาบริโภค ดวยเหตุนี้การเลี้ยงกบนาจึงไดรับความสนใจจากเกษตรกรมากข้ึนเนื่องจากสามารถสราง รายไดใ หแกเกษตรกรผเู ล้ียง อยางไรก็ตามในการเล้ียงกบนามกั ประสบกับปญหาความไมสมํ่าเสมอของขนาด จึงตองมกี ารคัดขนาดกบนาทม่ี ีขนาดใกลเคียงกันเลย้ี งไวด ว ยกนั หรือการแบง ชว งระยะเวลาการเลี้ยง ซ่ึงเปน เร่อื งท่ยี ุง ยากในการดูแลและจัดการระหวางการเล้ียง [3] จากการศึกษาของอนุวัติ และพัชรี[4] พบวาลูกกบ นาอายุ 35 วัน ทม่ี นี ้ําหนกั 2.0 - 4.3 กรัม จะมีอัตรารอดคอนขา งต่ําอยูระหวางรอยละ 46.24-66.93 ทําให ไดลูกกบนาท่ีจะนําไปเลี้ยงนอยลงไปดวย การอนุบาลลูกกบนาเปนชวงที่สําคัญที่จะชวยในการพัฒนาการ เลยี้ งกบนาในทางการคาทม่ี ีคณุ ภาพ อยา งไรก็ตามการเจรญิ เตบิ โตของกบขน้ึ อยกู ับสภาพแวดลอมในการเลี้ยง [2] กรรณกิ าร และวุฒชิ ัย[5] พบวา ปญ หาเรื่องอตั ราการตายของกบ สวนใหญเกิดจากการกัดหรือกินกันเอง เนื่องจากกบมีการเจริญเติบโตไมเทากัน และอัตราการตายของกบสวนใหญเกิดกับกบขนาดเล็ก [6] เพ็ญ พรรณและวิรัช [7] ไดทําการศึกษาผลของความยาวชวงแสงตอพัฒนาการของรังไข โดยสุมปลอยแมปลา จิตรลดา 3 พบวา ความยาวชวงแสงวันละ 16 ช่ัวโมง มีผลเชิงบวกตอคุณภาพและปริมาณของไขปลานิล ศดานันท [8] พบวา แสงเปนปจจยั ท่ีมีความสําคัญตอการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอาหารและและการ หลบหลกี ศัตรขู องปลาวยั ออ นและปลาระยะวัยรนุ เพ่ือใหสามารถดํารงชีวิตอยูในระบบนิเวศได โดยการใช แสงไฟฟลูออเรสเซนตสีแดงสงผลใหมีการแสดงออกของพฤติกรรมไดดีที่สุดและสงผลตอขนาดช้ันเซลลรับ 2

332 บทความวจิ ยั (Research Article) วารสารวชิ าการสถาบันการอาชีวศกึ ษาเกษตร ปที่ 5ฉบับที่ 1 • มกราคม – มิถุนายน 2564 ภาพ วนิ ัยและคณะ[9] กลา ววาหลงั จากนาํ ลูกกบขน้ึ มาจากบอดิน พักไวในบอซีเมนต ในบริเวณที่มีแสงแดด สอ งถงึ พบวา ลกู กบเจรญิ เติบโตไปเปนตัวเต็มวัยไดดีกวาลูกกบท่ีอยูในบริเวณท่ีรม ซึ่งมีความสอดคลองกับ ผลการอนุบาลลูกคางคกที่พบวาลูกคางคกที่อนุบาลภายใตความเขมแสง 1,660 ลักซ มีความยาวลําตัว มากกวาลูกคางคกที่อนุบาลภายใตความเขมแสง 14 ลักซ [10] จากความสําคัญของแสงซึ่งเปนโครงสราง สงิ่ แวดลอมธรรมชาตใิ นแตล ะพ้นื ท่ีมีลักษณะเฉพาะแตกตางกันไป การควบคุมโครงสรางธรรมชาติในแตละ พื้นที่ใหมีความเหมาะสมตอ ความตองการของส่ิงมชี วี ติ จะสง ผลดีตอ ผลผลิตทางการเกษตรนน้ั ๆ การศึกษาวจิ ัยครัง้ นี้ จึงนําหลักการควบคุมโครงสรางธรรมชาติโดยเลือกโครงสรางแสงที่มีตอการ อนุบาลลกู กบนา โดยมวี ัตถปุ ระสงคเพอื่ ศกึ ษาความเขมแสงท่ีมีผลตอการอนุบาลลูกกบนา แบงข้ันตอนการ ดําเนินงานออกเปน 2 ขั้นตอนคือ 1) ศึกษาความสําคัญและกลไกทางวิทยาศาสตรของแสง ที่มีผลตอการ อนบุ าลลกู กบนา จากบทความ งานวิจยั บทความวิชาการ และวิทยานิพนธ และ 2) ออกแบบการทดลองเพ่ือ ศึกษาความสัมพันธของแสง 4 ระดับท่ีมผี ลตอการอนุบาลลกู กบนา นาํ ผลการศกึ ษาทีไ่ ดมาสรุปเปนโครงสราง แสงท่ีเหมาะสมตอการอนุบาลลูกกบนา ผลจากการศึกษาวิจัยครั้งน้ี นอกจากจะไดระดับความเขมแสงที่ เหมาะสมตอการอนุบาลลูกกบนาแลวยังสามารถนําผลการศึกษาท่ีไดไปเปนแนวทางหน่ึงในการออกแบบ เทคโนโลยีควบคมุ แสงตอ ไป วธิ ีดําเนนิ การวิจัย เพ่อื บรรลุวตั ถุประสงคของการศึกษา มรี ายละเอยี ดดงั นี้ วางแผนการทดลองเพือ่ ประเมินความเขม แสงท่ีมีผลตอการอนุบาลลูกกบนา 1. ตัวแปรตาม จํานวน 12 ตวั แปร ไดแก อุณหภูมิ ความเปนกรดดาง ปริมาณออกซิเจนท่ี ละลายในนํ้า ความเปนดางของน้ํา ความแอมโมเนีย ความชื้นสัมพัทธ ความขุน อัตราการเจริญเติบโต อตั ราการรอด อตั ราการแลกเน้อื อัตราการกินอาหาร และอตั ราการเจริญเติบโตจําเพาะ ตัวแปรตน 1 ตัว แปรไดแก ชวงความเขมแสง 4 ระดับ คือ 900–1,100, 1,900–2,100, 3,900–4,100, และ 7,900–8,100 ลักซ ตามลําดับ และตัวแปรควบคุม จํานวน 6 ตัวแปร ไดแก ลูกกบนาอายุ 20 วัน จํานวนลูกกบนา เริ่มตน 50 ตัวตอหนวยทดลอง ปริมาตรน้ําเร่ิมตน 5 ลิตร การเปล่ียนถายน้ํา อาหารลูกกบนา และ อตั ราสว นพนื้ ท่แี หง พื้นท่ีเปยกดังแสดงรายละเอียดของตัวแปรตาม ตัวแปรตน และตัวแปรท่ีควบคุมในตาราง ท่ี 1 2. การวางแผนการทดลองแบบสุมสมบูรณ (Completely Randomize Design : (CRD)) ประกอบดว ย 4 ชุดการทดลอง 4 ซ้ํา ภายในหองขนาด 4 × 8 เมตร ในแตล ะชดุ การทดลองใชลูกกบท่ีมีอายุ 20 วัน มีลกู กบอยจู ํานวน 50 ตวั ปริมาณน้าํ ทีใ่ ช 5 ลิตร โดยเปล่ียนถายน้ํา 2 วันครั้ง คร้ังละรอยละ 100 วนั ท่ี 1 – 30 ใชอ าหารสําเร็จรูปชนดิ เมด็ ลอยนํา้ โปรตีนไมนอ ยกวารอยละ 37 อตั ราสวนพ้ืนที่แหงรอยละ 30 ของพ้ืนที่อนุบาล ชวงความเขมแสง 4 ระดับ คือ 900–1,100, 1,900–2,100, 3,900–4,100 และ 7,900– 8,100 ลกั ซ ตามลําดบั 3. อุปกรณท ี่ใชใ นการศึกษา ไดแก เคร่ืองวัดความเขมแสง เครื่องวัดอุณหภูมิ ชุดเคร่ืองมือ การไตรเตรทหาคาปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ํา เครื่องวัดความเปนกรดดาง ชุดการวัดแอมโมเนียดวย spectrophotometer ชุดเครือ่ งมือการไตรเตรทหาคาความเปนดา งของนํ้า เครื่องวัดความช้ืนสัมพัทธ ชุด การวัดความขุนดวย spectrophotometer ไมลอยน้ํา กลองพลาสติกขนาด 46 × 35× 30 เซ็นติเมตร จํานวน16 กลอง ทอพีวีซี อาหารสําเร็จรูปสําหรับลูกออดชนิดเม็ดลอยนํ้า ลูกกบนาอายุ 20 วัน จํานวน 800 ตัว เคร่อื งช่งั น้ําหนกั ลกู กบ อปุ กรณว ัดความยาวลกู กบ 3

333 บทความวจิ ยั (Research Article) วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร ปท ่ี 5ฉบบั ท่ี 1 • มกราคม – มิถนุ ายน 2564 ตารางท่ี 1 ตัวแปรที่ใชในการศกึ ษา ตัวแปรตาม y ตวั แปรตน x ตัวแปรควบคมุ 1. อุณหภูมิ ชว งความเขม แสง มี 4 ระดับ คือ 1. ลูกกบนาอายุ 20 วนั 2. ความเปน กรดดา ง 1. ชว งความเขมแสงท่ี 900 – 2. จํานวนลูกกบนาเร่ิมตน 3. ปริมาณออกซเิ จนที่ละลายในน้าํ 1,100 50 ตวั ตอ หนวยทดลอง 4. ความเปน ดางของนา้ํ 2. ชว งความเขม แสงที่ 1,900 – 3. ปริมาณน้าํ 5 ลิตร 5. แอมโมเนีย 2,100 4. การเปลี่ยนถา ยนํ้า 6. ความช้ืนสัมพทั ธ 3. ชวงความเขมของแสงท่ี 3,900 – 5. อาหารลูกกบนา 7. ความขุน 4,100 ลักซ 6. อตั ราสว นพนื้ ทีแ่ หงพื้นที่ 8. อัตราการเจริญเตบิ โต 4. ชวงความเขม ของแสงท่ี 7,900 – เปยก 9. อตั ราการรอด 8,100 ลักซ 10. อตั ราการแลกเนอ้ื 11. อัตราการกินอาหาร 12. อัตราการเจรญิ เติบโตจําเพาะ 4. วธิ ีการศกึ ษาและเกบ็ รวบรวมขอ มูล 4.1 เตรียมชุดการทดลองโดยใชกลองพลาสติกขนาด 46 x 35 x 30 เซ็นติเมตร จํานวน 16 กลอง เจาะขางกลอ งเพ่อื ใชในการเปล่ยี นถา ยน้าํ 4.2 เตรียมความเขมของแสงโดยเตรียมหองทดลองขนาด 4 x 8 เมตร กั้นแสงจาก ภายนอกโดยใชกระดาษทบึ ใชหลอดไฟ LED ขนาด 6,500 K daylight 4.3 การใหอาหารในชว งอายุการทดลองวนั ท่ี 1 – 30 ใชอาหารสําเร็จรูปชนิดเม็ดลอยน้ํา โปรตีนไมนอยกวารอยละ 37 โดยใหก ินจนอิม่ ภายในเวลา 30 นาที ใหอาหารวันละ 4 ครั้ง คือ เวลา 06.00, 10.00, 14.00 และ 18.00 น. 4.4 การเกบ็ ขอ มูลตวั แปรตาม รายละเอียดมีดงั นี้ 1) อตั ราการเจรญิ เติบโตในวนั ท่ี 1 และวนั ท่ี 30 โดยการชั่งนา้ํ หนัก (กรมั ) และ วดั ความยาว (เซนตเิ มตร) 2) อัตราการรอดโดยนับจาํ นวนลูกกบท่ตี ายในแตละวนั ต้งั แตวันที่ 2 ถึงวันท่ี 30 วนั ละ 1 คร้ัง เวลา 09.00 น. (รอ ยละ) 3) อตั ราการแลกเนอื้ และอัตราการกนิ อาหาร (รอ ยละ) โดยการชั่งนํ้าหนักลูก กบเร่ิมตน การทดลองและสิน้ สุดการทดลอง และอาหารทลี่ กู กบนากินตลอดการทดลอง 4) อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส) ความเปนดางของนํ้า (มิลลิกรัมตอลิตร) แอมโมเนยี (มลิ ลิกรมั ตอ ลิตร) ความชน้ื สมั พทั ธ (รอ ยละ) ความเปนกรดดาง ปริมาณออกซิเจนที่ละลายใน นํา้ (มลิ ลิกรัมตอลติ ร) และความขุน (NTU) วันละ 1 คร้ัง เวลา 08.00 น. 4.5 การวิเคราะหขอ มูล 1) อัตราการเจริญเตบิ โต โดยการคาํ นวณคา เฉลยี่ ของนํ้าหนัก ความยาว 2) อตั ราการรอดของลูกกบนา โดยการคํานวณหารอยละการรอดของลูกกบนา = จํานวนลูกกบเมือ่ สนิ้ สดุ การทดลอง x 100 จํานวนลูกกบเม่อื เร่มิ ตนการทดลอง 4

334 บทความวิจยั (Research Article) วารสารวชิ าการสถาบันการอาชวี ศกึ ษาเกษตร ปท่ี 5ฉบับที่ 1 • มกราคม – มิถนุ ายน 2564 3) อตั ราแลกเน้ือ (feed conversion ratio) = นํา้ หนักอาหารแหง ท่ีลูกกบกนิ (กรมั ) = น้ําหนักลูกกบทเ่ี พิ่มข้ึน(กรมั ) ตอวนั 4) อัตราการกนิ อาหาร (daily feed intake) หนวยเปนรอยละตอวัน น้าํ หนักอาหารที่กินเฉล่ยี ตอวัน x 100 (นํา้ หนักเรม่ิ ตน + นา้ํ หนกั ส้ินสุด) / 2 5) อัตราการเจริญเติบโตจาํ เพาะ (specific growth rate)หนว ยเปนเปอรเซน็ ต = ln(น้ําหนกั เฉล่ียเม่ือสิ้นสดุ การทดลอง(กรัม))–ln(นาํ้ หนกั เฉลย่ี เมอื่ เริ่มการทดลอง(กรมั ) x 100 ระยะเวลาท่ีใชในการทดลอง 6) คณุ ภาพน้ํา ขอ มูลทเี่ ก็บคือ อุณหภมู ิ ความเปนกรดดา ง และความช้ืน สัมพัทธ โดยการเกบ็ คาในแตล ะวัน ปรมิ าณออกซเิ จนทีล่ ะลายในนาํ้ และความเปน ดางของน้ํา โดยการไตร เตรทและนาํ คาทไ่ี ดมาคาํ นวณคา เฉลีย่ แอมโมเนียและความขุน โดยการใช spectrophotometer วัด นํา คามาตรฐาน (Standard) ที่ไดมาทํากราฟมาตรฐานเพ่ือใหไ ดส มการเชิงเสน และนําคาตัวอยางนาํ้ ที่ไดมา คาํ นวณในสมการเชิงเสน 7) วิเคราะหคาความแปรปรวนแบบ Analysis of Variance (ANOVA) เปรียบเทียบความแตกตางของคาเฉลี่ยโดยวิธี Duncan's New Multiple Range Test (DMRT) ท่ีระดับ ความเช่อื มน่ั 95% ผลการวิจัย ผลของความเขมแสงทม่ี ตี อการอนุบาลกู กบนาประกอบไปดวย 6 สวน คือ อัตราการเจริญเติบโตของ ลกู กบนา อตั ราการรอดของลกู กบนา อัตราการแลกเน้ือ อัตราการกินอาหาร และคุณภาพนํ้าที่ใชอนุบาล ลูกกบนา รายละเอียดมดี ังนี้ 1. อตั ราการเจริญเตบิ โตของลูกกบนา 1.1 นาํ้ หนกั ของลกู กบนา เม่อื นํามาวเิ คราะหท างสถติ พิ บวา น้ําหนักสุดทายเฉลี่ยของกบนาทุก ชุดการทดลองไมแตกตางอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) มีนํ้าหนักสุดทายเฉลี่ย 29.44±3.12, 28.56±1.06, 30.97±1.09 และ 31.42±1.11 กรัม ตามลําดบั (ตารางที่ 2) 1.2 ความยาวของลูกกบนา เมื่อนํามาวิเคราะหทางสถิติ พบวาทุกชุดการทดลองมีคาความ ยาวเฉล่ียไมแตกตางอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) มีความยาวเฉล่ีย 7.21±0.33, 7.80±1.12, 7.13±0.26 และ 7.33±0.34 เซน็ ติเมตร ตามลําดบั (ตารางที่ 2) 2. อตั ราการรอดของลูกกบนา เมื่อนํามาวิเคราะหทางสถิติ พบวาชุดการทดลองที่ 1 และ 2 มีคา อัตรารอดตายไมแ ตกตา งอยางมนี ัยสาํ คญั ทางสถิติ (p>0.05) สวนชุดการทดลองที่ 3 และ 4 มีคาอัตรารอด ตายไมแตกตางอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) อยางไรก็ตามเม่ือพิจารณาถึงอัตราการรอดตายของชุด การทดลองที่ 1 และ 2 กับชุดการทดลองท่ี 3 และ 4 พบวามีความแตกตางอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ 5

335 บทความวิจัย (Research Article) วารสารวชิ าการสถาบนั การอาชีวศึกษาเกษตร ปท ี่ 5ฉบบั ท่ี 1 • มกราคม – มถิ นุ ายน 2564 (p<0.05) มีอัตราการรอดเฉลี่ยรอยละ 69.33±7.57, 68.50±4.43, 62.00±1.63 และ 56.67±1.15 ตามลําดับ (ตารางท่ี 2) 3. อัตราแลกเนื้อของลูกกบนา เมื่อนํามาวิเคราะหทางสถิติ พบวาทุกชุดการทดลองไมแตกตาง อยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) ใน 4 ชุดการทดลองมีคา 0.59±0.06, 0.59±0.02, 0.59±0.01 และ 0.60±0.04 ตามลาํ ดับ (ตารางที่ 2) 4. อตั ราการกินอาหารของลกู กบนา เมื่อนาํ มาวเิ คระหทางสถติ ิ พบวาทุกชุดการทดลองไมแตกตาง อยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) มีคารอยละ 2.80±0.14, 2.83±0.06, 2.87±0.06 และ 2.84±0.15 ตามลําดับ (ตารางที่ 2) 5. อัตราการเจริญเติบโตจําเพาะของลูกกบนา มีคารอยละ 9.57, 9.38, 9.61 และ 9.83 ตามลาํ ดบั เม่ือนาํ มาวเิ คระหท างสถติ ิ พบวาทุกชุดการทดลองไมแตกตางอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) (ตารางที่ 2) ตารางที่ 2 ผลของความเขมแสงทม่ี ีผลตอ การอนบุ าลลูกกบนา ในระยะเวลาการเล้ียง 30 วนั พารามิเตอร ชว งความเขมแสง 900 – 1,100 1,900 – 2,100 3,900 – 4,100 7,900 – 8,100 นาํ้ หนักเฉลย่ี (กรัม) 29.44±3.12 28.56±1.06 30.97±1.09 31.42±1.11 ความยาวเฉล่ีย (เซน็ ติเมตร) 7.21±0.33 7.80±1.12 7.13±0.26 7.33±0.34 อตั ราการรอดเฉลี่ย (รอ ยละ) 69.33±7.57a 68.50±4.43a 62.00±1.63ab 56.67±1.15b อตั ราแลกเนอ้ื 0.59±0.06 0.59±0.02 0.59±0.01 0.60±0.04 อตั ราการกนิ อาหาร (รอยละ) 2.80±0.14 2.83±0.06 2.87±0.06 2.84±0.15 อตั ราการเจริญเติบโตจาํ เพาะ 9.57±0.28 9.38±0.14 9.61±0.18 9.83±0.19 (รอ ยละ) หมายเหตุ 1. ตวั อกั ษรภาษาอังกฤษทีต่ างกันตามแนวนอนแสดงวา มคี วามแตกตางอยางมนี ัยสาํ คญั ทาง สถิติ (p<0.05) 2. %CV ของความยาว = 41.87%, %CV ของนา้ํ หนัก = 24.48%, %CV ของอตั ราการรอด = 11.48%, %CV ของอตั ราการแลกเนือ้ = 5.47% %CV ของอัตราการกินอาหาร = 4% 6. คุณภาพน้ําทใ่ี ชอนบุ าลลูกกบนา จากการวิเคราะหคุณภาพน้ําท่ีใชในการอนุบาลลูกกบนา พบวา ชุดการทดลองที่ 1 – 4 มี แอมโมเนียมีคา 0.47-118.81, 0.39-112.17, 0.57-105.89 และ 0.51 120.93 มิลลิกรัมตอลิตร ตามลําดับ อัลคาไลนิตี้มีคา 37.08-645.00, 37.08-654.17, 32.92-676.67 และ 36.67-632.92 มิลลิกรัมตอลิตร ตามลําดับ ความขุนมีคา 24.81-493.24, 26.08-485.30, 23.43-434.00 และ 26.21-456.84 NTU ตามลําดับ ปริมาณออกซิเจนท่ีละลายในน้ํามีคา 0-2.4, 0-3.1, 0-1.7 และ 0-2.4 มิลลิกรัมตอลิตร ตามลําดบั อุณหภูมินํ้ามีคา 25.18-26.48, 25.53-26.53, 25.28-26.73 และ 25.33-26.80 องศาเซลเซียส ตามลําดับ ความเปน กรดดางมคี า 7.1-7.9, 7.1-7.9, 7.1-7.8 และ 7.1-7.9 ตามลําดับ ดังแสดงในตารางท่ี 3 6

336 บทความวิจัย (Research Article) วารสารวชิ าการสถาบันการอาชวี ศึกษาเกษตร ปท่ี 5ฉบบั ที่ 1 • มกราคม – มิถนุ ายน 2564 ตารางท่ี 3 คา คุณภาพนาํ้ ในการอนุบาลลกู กบนา ในระยะเวลาการเล้ียง 30 วัน พารามิเตอร ชวงความเขมแสง 900 – 1,100 1,900 – 2,100 3,900 – 4,100 7,900 – 8,100 แอมโมเนยี (มลิ ลกิ รมั ตอลิตร) 0.47-118.81 0.39-112.17 0.57-105.89 0.51-120.93 ความเปนดา งของน้ํา (มลิ ลิกรมั ตอ 37.08-645.00 37.08-654.17 32.92-676.67 36.67-632.92 ลิตร) ความขุน (NTU) 24.81-493.24 26.08-485.30 23.43-434.00 26.21-456.84 ปรมิ าณออกซิเจนทลี่ ะลายในนํ้า 0-2.4 0-3.1 0-1.7 0-2.4 (มลิ ลิกรัมตอลิตร) อณุ หภูมินาํ้ (องศาเซลเซยี ส) 25.18 - 26.48 25.53 - 26.53 25.28 - 26.73 25.33 - 26.80 ความเปนกรดดาง 7.1 - 7.9 7.1 - 7.9 7.1 - 7.8 7.1 - 7.9 อภปิ รายและสรปุ ผลการวิจัย จากการทดลองอนุบาลลกู กบนาทีค่ วามเขมแสงตางกัน 4 ระดับ โดยใชแสงจากหลอดไฟ LED ขนาด 6,500 K daylight จะเห็นไดวานํ้าหนัก ความยาว อัตราแลกเน้ือ อัตราการกินอาหาร และอัตราการ เจรญิ เตบิ โตจําเพาะ ของลกู กบนาทอี่ นุบาลครบ 30 วัน เม่ือนํามาวิเคราะหทางสถิติ พบวาทุกชวงความเขม แสงมีคาไมแตกตางกัน การเจริญเติบโตดานความยาวและอัตราการเจริญเติบโตเฉล่ียตอวันไมแตกตาง ถึงแมวา จากการศึกษาของวินัยและคณะ [9] Gerald T. Ankley et.al. [10] และ Guo-Hua DING et al. [11] รายงานวาความเขม แสงมีผลตอ การมองเหน็ และการเจริญเติบโตของกบและคางคก แตการเจริญเติบโต ของกบในการทดลองนี้พบวาไมแ ตกตา งอยางมนี ัยสําคัญทางสถิติ เปน เพราะวาการเจริญเติบโตของกบในชวง น้ี มีคา ความชนั ของกราฟการเจริญเตบิ โต คอนขางนอยเม่อื เทยี บกบั กบนาวยั รุน หรือโตเต็มวัย จึงทําใหตรวจ พบความแตกตางของการเจริญเติบโตของกบไดไมชัดเจนนัก [12] และยังพบวาแสงมีผลตอการพัฒนาของ อวยั วะสบื พนั ธอุ กี ดวย [13] สว นอตั ราการรอดตายเมอ่ื นํามาวเิ คราะหทางสถติ ิ พบวา ชวงความเขมแสง 900 – 2,100 ลักซ และ ชวงความเขมแสง 3,900 - 8,100 ลักซ มีคาแตกตางกัน ทุกๆ ความเขมแสงอัตราการ รอดของลูกกบจะอยูในชวงรอยละ 56.67±1.15 - 69.33±7.57 ซึ่งไมถึงรอยละ 100 สอดคลองกับ Baker and Richardson [14] พบวาแสงมีผลตอการกระตุนกบเพศผูใหมีการเคล่ือนไหวมากขึ้น เมื่อเลี้ยงใน สภาพแวดลอ มแบบปดจึงสง ผลใหก บมีการกนิ กันเองโดยกบตวั เลก็ จะตกเปน เหย่ือของกบตัวทใี่ หญก วา สําหรับคุณภาพนาํ้ อนั ไดแ ก คาแอมโมเนีย คา ความเปน ดางของน้ํา คาความขุน คาปริมาณออกซิเจน ทีล่ ะลายในนาํ้ คา ความเปนกรดดา ง และอณุ หภูมินาํ้ ตลอดระยะเวลาการทดลองพบวาท้ัง 4 ชุดการทดลอง มีคาคุณภาพนํ้าไมแตกตางกัน กลาวคือ มีคาสูงกวาคามาตรฐานการควบคุมการระบายนํ้าท้ิงจากบอ เพาะเลี้ยงสัตวน ้าํ จดื [15] ทง้ั น้ีเน่อื งมาจากการเลีย้ งในพ้ืนท่ีจํากดั ท่ีมคี วามหนาแนนในการเลี้ยงสูง เปนผลให ส่ิงขับถาย เมือกและเศษอาหาร กลายเปนของเสียตกคางเกิดการยอยสลายของจุลินทรียในน้ําสงผลให คุณภาพนาํ้ ลดตาํ่ ลงจนสูงกวา คา มาตรฐานดงั กลาวได 7

337 บทความวิจัย (Research Article) วารสารวชิ าการสถาบันการอาชีวศกึ ษาเกษตร ปที่ 5ฉบบั ที่ 1 • มกราคม – มถิ นุ ายน 2564 เอกสารอางอิง [1] จริ าภรณ ชวี ะปรชี า. (2534). กบไทยไปนอก. วารสารสงเสริมการลงทุน. 2(1): 25-27. [2] อนุวตั ิ อุปนันไชย และคณะ. (2549). ความถี่ในการใหอ าหารตอการเจริญเตบิ โตของกบนาระยะวัย ออน. กรงุ เทพฯ: สํานักวิจยั และพัฒนาประมงนํา้ จดื กรมประมง. [3] เฉดิ ฉัน อมาตยกลุ และคณะ. (2538). กบนา common lowland frog (Rana rugulosa, Wiegmann). กรุงเทพฯ. สาํ นกั วิจัยและพฒั นาประมงนํ้าจดื กรมประมง. [4] อนวุ ตั ิ อุปนันไชย และพัชรี สิงหสม. 2547. การอนุบาล ลูกออดกบนาดวยอัตราความหนาแนนที่ แตกตา งกนั . กรงุ เทพฯ: สํานกั วจิ ยั และพัฒนาประมงนา้ํ จืด กรมประมง. [5] กรรณิการ กาญจนชาตรี และวุฒิชยั เจนการ. (2540). ศกึ ษาการผสมพันธุกบ อาหารกบระยะตางๆ และเทคนคิ การใหอ าหาร. วารสารการประมง . 50 (1): 11-19. [6] สมศักด์ิ พิภพภิญโญ และนิวุฒิ หวังชัย. (2540). การเล้ียงกบบลูฟรอก (Bull Frog, Ranna catesbeina) โดยใชอ าหารสาํ เรจ็ รูป. วารสารการประมง. 50 (1): 79-85. [7] เพญ็ พรรณ ศรีสกลุ เตยี ว และวิรชั จ๋ิวแหยม. (2548). ผลกระทบของความยาวชวงแสงตอพัฒนาการ ของรังไขและการวางไขของปลานลิ . เรอื่ งเต็มการประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ครงั้ ท่ี 43: สาขาประมง สาขาการจัดการทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอม,: 120-128. [8] ศดานันท แกวปราณี. (2561). ผลกระทบจากความยาวคลื่นแสงที่แตกตางกันตอพฤติกรรมการ ตอบสนองและศึกษาโครงสรางชน้ั เซลลร บั ภาพของปลากะพงขาว Lates calcarifer (Bloch , 1790) ระยะวัยรนุ . โครงการการเรยี นการสอนเพือ่ เสรมิ ประสบการณ, ภาควิชาวิทยาศาสตรทางทะเล คณะ วทิ ยาศาสตร จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย. [9] วินยั จัน่ ทับทิม และคณะ .(2552). การเพาะและอนุบาลกบนา Rana rugulosa (Wiegmann) ในบอ ดนิ ผนงั คอนกรีต ศูนยวจิ ยั และพฒั นาประมงน้าํ จืดรอ ยเอ็ด .วารสารการประมง 62 (4) : 359-365. [10] Gerald T. Ankley et.al. (1998). EFFECTS OF ULTRAVIOLET LIGHT AND METHOPRENE ON SURVIVAL AND DEVELOPMENT OF RANA PIPIENS. Environmental Toxicology and Chemistry. 17(12): 2530-2542. [11] Guo-Hua DING. et al. (2014). Effects of light intensity on activity in four sympatric anuran tadpoles. Zoological Research. 35(4): 332-337. [12] Pattamon Thummek.et.al. (2016). Growth Performance and Intestinal Morphology of Common Lowland Frog (Rana rugulosa) Fed Diets Supplemented with Lotus (Nelumbo nucifera Gaertn.) Stamen Extract. KKU Res. J. 21(2): 18-29. [13] Bijoy Krishna Borah.et.al. (2019). Seasonality in terai tree frog (Polypedates teraiensis): Role of light and temperature in regulation of seasonal breeding. Journal of Photochemistry and Photobiology B: Biology. 191: 44-51. [14] B.J. Baker and J.M.L. Richardson. (2006). The effect of artificial light on male breedingseason behaviour in green frogs, Rana clamitans melanota. Canadian Journal of Zoology. 84:1528-1532. [15] กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดลอม. (2551). กําหนดมาตรฐานควบคุมการะบายน้ําทิ้งจากบอ เพาะเลี้ยงสตั วน ้าํ จดื . ราชกิจจานุเบกษา. 125 : 21 ง. 16-19. 8

338 วาระท่ี 5.14 พิจารณาอนุมตั ผิ ลการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ระดบั ปริญญาโทและปรญิ ญาเอก ประจาภาค การศกึ ษาที่ 2/2563 ตามที่สถาบันฯได้จัดให้มีการสอบปลายภาคการศึกษาท่ี 2/2563 นั้น ทั้งนี้ฝ่ายทะเบียนนักศึกษา ได้รายงานผลการศึกษาประจาภาคการศึกษาที่ 2/2563 ประกอบกับข้อบังคับฯ หมวด 9 ข้อ 49 ให้ฝ่ายทะเบียน นักศึกษาเป็นผู้ดาเนินการประมวลผลและรายงานผลการศึกษา เสนอให้คณะกรรมการบัณฑิตศึกษาเป็นผู้พิจารณา อนมุ ตั ิผลการศกึ ษา โดยคณบดเี ป็นผู้มอี านาจลงนามอนมุ ตั ผิ ลการศึกษา ในการน้ฝี า่ ยเลขานุการจงึ ขอเสนอคณะกรรมการบณั ฑติ ศกึ ษาพจิ ารณาอนุมัติผลการศึกษา ประจาภาคการศึกษาที่ 2/2563 ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก (ดังเอกสารดงั แนบ) จึงเรยี นมาเพอ่ื โปรดพจิ ารณา ความเหน็ คณะกรรมการ . . . . .. . .. . . .. . . .. . .. . . .. มตทิ ปี่ ระชมุ .. . .... . . . .. . .... . . . .. . .... . . . กรรมการบณั ฑติ ศกึ ษา

339 ระเบยี บวาระที่ 6 เร่อื งอ่ืนๆ เพ่อื พจิ ารณา -ถา้ ม-ี . . ความเหน็ คณะกรรมการ . . .. . . . . . . . . . \\มติที่ประชมุ . . . . . กรรมการบัณฑิตศึกษา . . ปิดประชมุ เวลา น.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook