ผ้าลายน้าไหลไทลื้อ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งช้าง
ประวัตคิ วามเป็นมาของชาวไทลอ้ื ไทล้ือ หรือ ไตล้ือ คือกลุ่มชาติพันธุ์ ไท หรือ ไต ถิ่นฐานเดิม ซึ่งได้แตกแขนงมากมายและอพยพไป ตามพ้ืนที่ต่าง ๆ บนแผ่นดินใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการสันนิษฐานว่าถิ่นฐานโบราณดั่งเดิม ของชาวไทน่าจะอยู่ในบริเวณเขตสิบสองปันนา (ปัจจุบันอยู่ในเขตมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน) ซึ่งมีทั้งลักษณะเป็นภูเขาสูงและเป็นที่ราบ ซ่ึงมีประชาคมของชุมชนของชาวไทกระจัด กระจายอยทู่ วั่ ไป ชาวไทล้อื มีวัฒนธรรมร่วมกับคนไทยท่ีต้ังถิ่นฐานอยู่ทางใต้ลงมา ตั้งแต่ภาคเหนือของไทยลงมาถึง บริเวณลุ่มแม่น้าเจ้าพระยา ซึ่งผู้ปกครองเมืองนับถือพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคติชาวไทลื้อในมณฑลสิบ สองปันนาที่รับพุทธศาสนาไปเป็นศาสนาหลัก โดยได้ประสานกลมกลืนร่วมกับการนับถือผี วิญญาณในธรรมชาติ บรรพบุรุษ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งช้าง
ประวตั คิ วามเป็นมาของชาวไทลอื้ ( ต่อ ) ทาให้เห็นว่ารากฐานทางวัฒนธรรมของชาวไทลื้อมีลักษณะใกล้เคียงกับคนไทยกลุ่มอื่น ๆ ท่ีมีพุทธ ศาสนาเป็นพ้ืนฐาน ดังน้ันเมื่อเกิดการอพยพของชาวไทลื้อเข้ามาในดินแดนของชาวไทยกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะใน ภาคเหนอื จึงไมเ่ ปน็ อุปสรรคหรอื มคี วามแปลกแยกใด ๆ ตอ่ การผสมกลมกลนื ทางวฒั นธรรม ในประเทศไทย น่าน ถือเป็นจังหวดั ทเ่ี ราสามารถมองเหน็ วฒั นธรรมไทล้ือได้เด่นชัด ท้งั การแต่งกาย อาหารการกิน สถาปัตยกรรม จิตรกรรมฝาผนัง จนกลายเป็นแหล่งรวบรวมวัฒนธรรมไทลื้อท่ีสาคัญ อย่างไรก็ ตาม วฒั นธรรมไทลื้อหรอื ไตล้ือในเขตจังหวดั นา่ น เพิ่งเร่ิมปรากฏให้เห็นชัดขึน้ เม่อื ราวพุทธศตวรรษท่ี 23-24 ซ่ึง ตรงกับสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หลังจากไทยได้ขับไล่พม่าออกไปจากล้านนา เชียงแสน และบริเวณภาคเหนือ เจา้ ฟา้ อตั ถวรปญั โญ ซง่ึ เป็นเจา้ เมืองนา่ นไดส้ วามภิ กั ดต์ิ ่อกรงุ เทพฯ รชั กาลท่ี 1 ทรงมีพระราชดาริให้เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญไปกวาดต้อนผู้คนชาวไทล้ือในเขตสิบสองปันนา ลงมาต้ังรกรากในเขตเมืองน่าน เพ่อื แกป้ ัญหาจานวนประชากรของเมือง จึงปรากฏวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณี แบบไทลอ้ื ในจังหวดั นา่ นและจงั หวดั ใกลเ้ คยี งของไทยมาจนถึงปัจจุบนั ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ช้าง
ประวตั คิ วามเปน็ มาของชาวไทลอื้ ( ต่อ ) ด้วยเหตนุ ้ีชาวไทลื้อจึงกลายเป็นคนพื้นถิ่นของเมืองน่าน และวัฒนธรรมของชาวไทลื้อได้กลายเป็น วัฒนธรรมหลักของเมืองน่าน ศิลปวัฒนธรรมไทลื้อที่สาคัญๆ ในจังหวัดน่าน ได้แก่ วัดหนองบัว และวัดหนอง แดง มีสถาปัตยกรรมและภาพจิตรกรรมไทลื้อท่ีหาดูได้ยาก ปัจจุบันกรมศิลปากรเข้าไปอนุรักษ์ไว้ ภาพจิตรกรรม ของวัดภูมนิ ทร์ ซึ่งมีภาพจิตรกรรมที่โดง่ ดัง เรียกวา่ กระซิบรกั บันลือโลก นอกจากนี้ ผา้ ทอลายนา้ ไหล หรือซนิ่ นา้ ไหล ซิน่ ขากา่ น ซนิ่ มา่ น ของชาวไทลอ้ื ยังได้สร้างช่อื เสียง ใหก้ บั เมอื งนา่ น และกลายเป็นชดุ พื้นเมอื งประจาจังหวัด ผูค้ นนิยมแต่งกายในงานบญุ หรือโอกาสงานสาคญั ปจั จุบันการแตง่ กายแบบไทล้อื ยังแพรห่ ลายไปในจงั หวดั เชียงใหม่ เชยี งราย แพร่ ซึ่งเรยี กเหมารวมการแต่งกาย แบบไทล้ือน้ีไปวา่ การแต่งกายแบบล้านนา นับได้วา่ เมอื งน่านเปน็ จังหวดั หน่งึ ท่ี ชาวไทลื้อ หรือ ไตล้ือ กลุ่มชนชาติ พนั ธท์ุ ี่พดู ภาษาตระกลู ไทยอาศยั อยู่มาก จงึ มีวัฒนธรรมประเพณีท่นี า่ สนใจ มีการรักษาและสืบทอดขนบประเพณี ของตน ทงั้ เร่ืองการแต่งกาย พธิ กี รรม มาจนถึงทกุ วันนี้ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งช้าง
ผา้ ทอลายนา้ ไหล #ผา้ ลายนา้ ไหลไทลื้อ ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทงุ่ ชา้ ง
ผา้ ทอลายนา้ ไหล ผ้าทอลายน้าไหล เป็นผ้าทอท่ีเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทลื้อ จังหวัดน่าน และยังคงรักษาประเพณี วัฒนธรรมโบราณของตนเองสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสันนิฐานว่าการออกแบบลายผ้าทอชาวไทล้ือ สืบเชื้อ สายมาจากชาวไทลื้อในดินแดนสบิ สองปนั นา ประเทศจีน อพยพเข้ามาอยใู่ นประเทศไทยต้งั แต่ปี พ.ศ. 2379 โดย ตง้ั ถน่ิ ฐานทีบ่ า้ นล้าหลวง อ.เชยี งคา จ.พะเยา และต้งั ถิ่นฐานอยทู่ ีบ่ า้ นหนองบัว บ้านต้นฮ่าง ต.ป่าคา อ.ทา่ วงั ผา จ.น่าน และบ้านดอนมูล อ.ท่าวังผา จ.น่าน โดยการนาของเจ้าหลวงเมืองล้า ชาวไทลื้อ มีภาษาพูด และประเพณี วัฒนธรรมเป็นของตนเอง และรักษาสืบทอดจนถึงปัจจุบันน้ี ประวัติดังกล่าวได้ปรากฎในจิตรกรรมฝาผนังวัด ภมู นิ ทร์ ซึ่งเป็นฝีมือช่างสกุลล้ือ ที่ได้วาดลวดลายของผ้าซ่ินของผู้หญิงในรูปเป็นลายผ้าซิ่นทั้งหมดด้วยผ้าทอลาย นา้ ไหลทดี่ ัดแปลงมาจากผ้าลายชาวลือ้ สมัยแรก ๆ นิยมใช้ไหมเงนิ และไหมคาดา้ น ลายผ้าตรงส่วนท่เี ป็นหยกั ของ กระแสน้า จากนั้นใช้ลายมุกรูปสัตว์แทรกเพ่ือแสดงว่าผู้คิดลายน้าไหลไม่ได้ลอกแบบของชาวล้ือมาทั้งหมด ผ้าทอ ลายนา้ ไหลไทลอ้ื เร่มิ ทอกนั ครัง้ แรกทีบ่ ้านหนองบวั อ.ท่าวังผา จ.นา่ น ซง่ึ เป็นศิลปะของการทอผ้าดว้ ยมือ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทงุ่ ชา้ ง
ผา้ ทอลายนา้ ไหล ( ต่อ ) สาเหตุท่ีเรียกผ้าทอลายน้าไหล เพราะว่าลวดลายท่ีอออกมามีลักษณะเหมือนลายน้าไหล จึงเรียกว่า ผ้าลายน้าไหล แต่ปัจจุบันได้คิดพลิกแพลงลวดลายต่าง ๆ เพิ่มข้ึนมาอีกมากมาย และได้ขยายพ้ืนที่การทอผ้า เพิ่มข้นึ เป็นจานวนมาก แต่ยงั คงเรยี กชือ่ เดมิ ว่าผ้าลายนา้ ไหล ปจั จบุ นั มกี ารทอลวดลายตา่ ง ๆ มากมาย ลายนา้ ไหล มลี กั ษณะเปน็ คล่นื เหมือนขน้ั บันไดมองดูเหมือนสายน้ากาลงั ไหลเป็นทางยาว นับว่าเป็น ลายต้นแบบ และดั้งเดิม จึงเรียกลายน้าไหลนอกจากนี้ ลายจรวด เป็นการเพ่ิมหยักในลายน้าไหลเป็นลายที่มี ลักษณะคล้ายจรวดกาลังพงุ่ หรอื ตอปิโด ลายดอกไม้หรือลายแมงมุม เมื่อนาผ้าลายน้าไหลมาต่อกันมีจุดช่องว่าง ตรงกลางเตมิ เสน้ ลายขาเลก็ ๆ แยกออกรอบตัว มองดูคล้ายดอกไม้หรือแมงมุม เรียกว่าลายดอกไม้หรือลายแมง มุม ลายปลาหมึก มีลักษณะลวดลายคล้ายแมงมุม แต่ท้ิงหางยาวกว่าลายแมงมุม ลายเล็บมือนาง คือ การนาลาย นา้ ไหลมาหักมุมให้ทู่ และทอสอดสีด้ายให้เล่ียมเป็นชั้นๆ ลายกาบ ลักษณะใช้เส้นฝ้ายหลายสีทอซ้อนกันหลายช้ัน เป็นกาบ ลายใบมีด มีลักษณะการสอดสีด้ายหลายๆ สีในผืนผ้าดูลักษณะเหมือนใบมีดโกนบางๆ สลับสีหลายสีใน ผนื ผ้า สาหรบั ลายลายนา้ ไหลเป็นลายท่มี ีความนิยม และมยี อดจาหนา่ ยมากท่ีสุด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอทงุ่ ชา้ ง
A Picture Is Wผ้าoทrอtลhาaยน้าไหลไทลอ้ื Thouบs้านanหลd่ายท่งุ Woตr. dปอsน อ. ทุ่งชา้ ง จ.นา่ น ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
ผา้ ทอลายนา้ ไหลไทลอื้ บา้ นหลา่ ยทุง่ เปน็ ผ้าทอลายดัง้ เดิมจากบรรพบรุ ษุ ท่ีมีเชื้อสายไทลอ้ื สบื ทอดกนั มาหลายชัว่ อายุคน “เดิมนั้นมกั จะ ทอผา้ ซ่นิ ลายมดั ยอ้ ม ซิ่นลายตาเดียว ตาลอน ซน่ิ เคร่อื ง ผา้ หลบ ผ้าเติ้ม ผ้าขะม้า ถุงย่าม และตุง โดยลวดลายท่ี ใชจ้ ะเป็นลายดงั้ เดมิ สืบทอดมาต้ังแตบ่ รรพบรุ ุษ ทั้ง ลายเก็บ ลายกาบสัก ลายขอลว้ ง ลายหนว่ ย ลายน้าแป ลายส่ี แปหบั ลายกด ลายกดู ลายปู ลายเฉลย่ี ง และลายขอกลับ ซ่ึงลายท้งั หมดนถี้ ูกเก็บลายใส่เสน้ ดา้ ยเพยี ง 3 เขาไม้ แลว้ นาไปประยกุ ต์เป็นลายตา่ งๆ ได้ ” ต่อมาในปี 2523 นางแสงเดอื น ดอกเกย๋ี ง ได้นาลวดลายผ้าแบบชนเผ่าไทลอ้ื ดั้งเดิมมาผสมผสาน กบั ลายซน่ิ หงส์สา ซนิ่ ตนี จก ซ่ินลายป้องเตม็ ตวั ซน่ิ ม่านฝา้ ย มาทอเป็นผ้านุง่ ไปทาบุญ และแจกให้กบั ญาติพน่ี อ้ ง ซึ่งเปน็ ที่ถกู ใจแกผ่ พู้ บเห็น เน่ืองจากมลี วดลายสวยงามไมเ่ หมือนผา้ ซน่ิ ทั่วไป ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทงุ่ ช้าง
ผา้ ทอลายนา้ ไหลไทลอื้ บา้ นหลา่ ยทงุ่ ( ตอ่ ) และในปี 2526 ได้สร้างสรรคล์ วดลายจากจินตนาการ จากวถิ ชี วี ิตท่อี ยูท่ า่ มกลางธรรมชาติ ห้อมลอ้ มไปดว้ ยภเู ขา มสี ายนา้ ไหลจากทางเหนอื ลงไปทางใตผ้ ่านเกาะแกรง่ ตา่ งๆ เวลานา้ ไหลกระทบกับแสงแดด จะเกิดประกายระยิบระยบั สวยงาม มีตน้ กดู ขึ้นตลอดสองฝงั่ ลานา้ กอ่ ให้เกดิ เป็นลายผ้าทอท่ีสวยงาม อย่าง ลาย นา้ ไหล ลายดอกกูด ลายภเู ขา ลายน้าไหลผสมไทลื้อ และลายน้าไหลเต็มตวั ซ่ึงถกู สืบทอดมาถึงปัจจุบัน “ส่วนเอกลักษณ์ของผ้าทอบา้ นหล่ายทุ่ง ถือเปน็ ผา้ ฝา้ ยทอมือทมี่ คี วามสวยงามและโดดเดน่ ในความ เป็นเอกลกั ษณข์ องชนเผ่าชาวไทลื้อ ทไ่ี ด้สบื ทอดมาตง้ั แต่บรรพบรุ ุษจนถึงปัจจุบัน โดยการทอผ้าของกลมุ่ ช่างทอ ได้นาเอาลวดลายท้ังเกา่ และใหม่มาผสมผสานกนั ไดอ้ ย่างลงตวั สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายและจุดเด่น ของผา้ ทอบา้ นหล่ายทงุ่ ทเ่ี ห็นไดช้ ดั เจน คอื ผา้ ทอลายไทล้อื แต่โบราณ และมกี ารประยกุ ตล์ ายให้ดอกเลก็ ลง” ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทงุ่ ช้าง
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
Thank You ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุง่ ช้าง
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: