ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง Hello. My Student. การทอผา้ พื้นฐาน อช02078
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง ประวตั ิความเป็นมาและหลกั การทอผา้ การทอผา้ นบั เป็นหัตถกรรมอย่างหนง่ึ ที่ทาสืบต่อกันมาเปน็ เวลานาน ตัง้ แตก่ ่อนสมัยสโุ ขทัยเปน็ ราชธานี สันนิษฐานจากประวตั ศิ าสตร์ไทยได้กลา่ วไว้ จากหลกั ฐานการ แตง่ กายของพระมหากษัตริย์ เจา้ นาย ขา้ ราฃการ คหบดี ในสมัยนัน้ และ ได้กลา่ วไวเ้ กยี่ วกับเรอื่ งการ ส่งส่วย มกั กล่าวว่า \"ส่งผา้ ทอเป็นมดั นา้ ผึง้ ไมห้ อม\" และอน่ื ๆ เปน็ เคร่ืองราชบรรณาการ การทอผ้านบั วา่ เปน็ ศลิ ปะอย่างหนงึ่ ทผี่ ูเ้ ป็นช่างทอจะต้องมีความสามารถ ในการใช้สขี องเสน้ ด้ายประกอบกนั ใหเ้ กดิ ความสวยงามเหมาะสม และการแตง่ แต้มสีทาให้เกิด ลวดลาย การย้อม โดยเฉพาะผา้ ที่เรยี กว่า \"ผ้ามัดหม\"ี่ หากผใู้ ดไดจ้ ับชมแลว้ ยากท่ีจะวางลงได้
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง ประวตั คิ วามเปน็ มาและหลกั การทอผา้ (ต่อ) การทอผ้านับเป็นสถาปัตยกรรมอกี ด้วย เพราะชา่ งทอผ้า ต้องออกแบบลายผา้ ของตนเองขน้ึ มา โดยการนาลักษณะต่าง ๆ ของธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ดาว เดือน สัตวข์ องใช้ มาคดิ ประดดิ ประดอยเป็นลายผา้ จนมีชอื่ เรยี ก ตามลักษณะของส่ิงเหล่าน้ัน เช่น ดอกแก้ว บ่าง กระเบี้ย (ผีเส้ือ) รันร่ม ขอคาเดือน ขิด สารวจ(จรวด) หงส์ และมีการพฒั นาลายผา้ จากทค่ี ดิ ใหม้ ีความซบั ซอ้ นสวยงามยงิ่ ข้ึน เชน่ ลายขอซ้อนน้อย(เล็ก) ซอ้ นใหญ่ ลายด่านน้อย ด่านกลาง ด่านใหญ่ หงส์นอ้ ย ลายหงสใ์ หญ่ การสืบทอด การถ่ายทอด ในสมยั โบราณผู้คน เรียนรู้หนังสอื น้อยหรอื แทบไมไ่ ดศ้ ึกษาเล่าเรียนเลย โดยเฉพาะผ้หู ญิง ซ่ึงตอ้ งมีหน้าที่ในงานบ้านเล้ยี งลกู ทางานทอผา้ เพื่อใชใ้ นการน่งุ ห่มของคนในครอบครวั
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง ประวตั คิ วามเป็นมาและหลกั การทอผา้ (ตอ่ ) การถา่ ยทอดเทคโนโลยตี ่าง ๆ ในสมยั น้นั ตอ้ งอาศยั ความจาจากการปฏิบตั ิ จงึ ทาใหเ้ กิดความชานาญ ไม่มีการบนั ทกึ เปน็ ภาพหรือ ลายลกั ษณ์อกั ษรแต่อย่างใด ถา่ ยทอดจากแมส่ ูล่ กู หรือเครอื ญาติใกลช้ ดิ จึงเปรียบเสมือนเป็น การสบื สายเลอื ดเลยกว็ ่าได้ การทอผ้าแต่โบราณจะใชไ้ ยไหม และใยฝา้ ยเปน็ วัตถดุ ิบหลกั ในการทอผา้ เพราะไม่ มเี ส้นใย สงั เคราะห์อืน่ ใดทีจ่ ะมาแทนเสน้ ใยไหมและฝ้ายได้ดี บางกลุ่มบาง สถานท่ีได้ นาวสั ดอุ ่นื มาใช้ เช่น ปา่ น ใบสับปะรด ใบเตยหนามปอ มาทาเปน็ วัสดุใน การทอผา้ แตก่ ไ็ ม่ไดร้ บั ความนยิ มเพราะ ไมเ่ กดิ ความนม่ิ ทาให้ระคายเคืองรา่ งกาย ส้ใู ยไหมและฝ้ายไมไ่ ด้
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง หลักการของการทอผา้ ขัน้ ตอนในการทอผา้ 1. สบื เสน้ ด้ายยืนเข้ากบั แกนม้วนด้ายยืนและร้อยปลายดา้ ยแตล่ ะเสน้ เขา้ ในตะกอแต่ละชุดและ ฟันหวีดึงปลายเส้นด้ายยืนท้ังหมดม้วนเข้ากับแกนม้วนผ้าอีกด้านหนึ่ง ปรับความตึงหย่อนให้ พอเหมาะ กรอดา้ ยเขา้ กระสวยเพื่อใช้เป็นด้ายพุง่ 2. เร่ิมการทอโดยกดเคร่ืองแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดท่ี 1 จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง สอดกระสวยด้ายพุ่งผา่ นสลบั ตะกอชุดที่ 1 ยกตะกอชุดท่ี 2 สอด กระสวยด้ายพุง่ กลับ ทาสลบั กันไปเรื่อย ๆ 3. การกระทบฟันหวี (ฟมื ) เม่อื สอดกระสวยด้ายพุ่งกลับกจ็ ะกระทบ ฟนั หวี เพอื่ ให้ดา้ ยพุง่ แนบติดกนั ได้เนอื้ ผา้ ที่แน่นหนา 4. การเกบ็ หรือมว้ นผา้ เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วกจ็ ะมว้ นเก็บ ในแกนม้วนผ้าโดยผอ่ นแกนด้ายยืน ใหค้ ลายออกและปรบั ความตงึ หยอ่ นใหมใ่ หพ้ อเหมาะ
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง การทอผา้ พื้น เป็นการใช้หลกั การทอผา้ เบอื้ งต้นทน่ี าเอาดา้ ยเส้นยนื และด้ายเส้นพ่งุ มาขดั กันเพือ่ ให้เกดิ เป็นผนื ผ้าโดยด้ายเส้นพุ่ง และเส้นยืนอาจเปน็ ด้ายสีเดยี วกันหรอื ต่างสกี นั หรอื นาเอา เสน้ ด้ายทเ่ี ป็นดิ้นเงินหรือดิ้นทองมาทอควบด้ายเพอื่ ให้ผา้ มี ความมนั ระยบั สวยงามยงิ่ ขน้ึ
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง เทคนิคพเิ ศษที่ใช้ในการทอผ้า การขดิ ขิด หมายถงึ กรรมวิธใี นการทอผา้ เพ่อื ให้ เกิดลวดลายตา่ งๆ ข้นึ มาโดยวธิ ีการเพิม่ เส้นด้ายพุง่ พิเศษใน ระหว่างการทอ เพอื่ ใหเ้ กิดลวดลายที่ โดด เดน่ กวา่ สีพืน้ วิธีการทาคือ ใช้ไม้เขย่ี หรือสะกิด เพือ่ ชอ้ นเส้นดา้ ยยืนขน้ึ แล้วสอดเสน้ ดา้ ยพงุ่ ไปตามแนว ทถ่ี กู จัดช้อน จังหวะการสอดเส้นด้ายพงุ่ นเี่ อง ที่ทาให้ เกิดเป็นลวดลายตา่ ง ๆ
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง เทคนคิ พเิ ศษทีใ่ ชใ้ นการทอผ้า การจก เปน็ เทคนคิ การทอผ้าเพอื่ ใหเ้ กดิ ลวดลายต่างๆ โดยเพิ่มเสน้ ด้ายพ่งุ พเิ ศษสอดขน้ึ ลง วธิ กี ารคอื ใชข้ นเม่น ไม้ หรือ น้ิว สอดเส้นด้ายยนื ขึน้ แล้วสอดเสน้ ด้ายพ่งุ พิเศษเข้าไป ซงึ่ จะทา ใหเ้ กิดเปน็ ลวดลายเป็นช่วง ๆ สามารถทาสลบั สีลวดลายได้ หลากสี ซึ่งจะแตกต่างจากการขดิ ตรงท่ีขดิ ที่เป็นการใช้เสน้ ดา้ ยพ่งุ พิเศษ เพยี งสีเดียว การทอผ้าวิธีจกใชเ้ วลานานมากมักทา เปน็ ผืนผา้ หนา้ แคบใชต้ อ่ กบั ตัวซน่ิ เรียกว่า “ซิ่นตนี จก”
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง เทคนคิ พิเศษที่ใช้ในการทอผา้ การทอมดั หมี่ ผา้ มดั หมี่ มกี รรมวิธีการทอผ้าทใี่ ช้เทคนิค การมดั และการย้อม เริ่มจากนาเสน้ ดา้ ยหรอื ไหมมายอ้ มสีแล้วมัด บรเิ วณท่ี ต้องการเกบ็ ไว้ เม่ือนาไปย้อมสอี ื่น จะไดไ้ มต่ ิดสี เพยี ง ซึมเข้ามาบางสว่ น โดยยอ้ มเรยี งลาดับจากสีอ่อนไปหาสเี ขม้ จน ครบ ตามลวดลายที่กาหนด หลังจากน้นั จึงนาด้ายกรอเขา้ หลอดตามลาดับ แล้วนาไป ทอจะเกิดลวดลายบนผืนผา้ ทม่ี ีลกั ษณะคลาด เคล่อื นเหล่อื มล้า อนั เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะของมดั หม่ี การทอผ้าชนิดน้จี งึ ตอ้ งอาศัย ความชานาญในการมดั ยอ้ มและทอเปน็ อยา่ งมาก ผา้ มดั หม่ีมี หลายชนดิ ได้แก่ 1. มดั หมีเ่ ส้นพงุ่ 2. มดั หม่ีเส้นยืน 3. มดั หมีเ่ สน้ ยนื และเสน้ พุ่ง
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ชา้ ง เทคนิคพิเศษทีใ่ ช้ในการทอผ้า การทอผา้ ยก เป็นกรรมวิธีการทอใหเ้ กดิ ลวดลายโดยการยกตะกอแยกดา้ ยเสน้ ยืน และในบางครั้งการยกดอกจะมกี ารเพมิ่ ดา้ ยเส้น พุ่งจานวนสองเสน้ หรือ มากกว่านัน้ เขา้ ไปในผืนผ้า ลวดลายทท่ี อจะเปน็ ลายทเ่ี ก่ียวข้องกับวิถชี ีวติ ส่ิงแวดล้อม และความเชื่อทางศาสนา ซ่งึ ได้แก่ ลายปราสาท ลานธรรมาสน์ ลาย สตั ว์ ลายพชื ลายจากสิ่งของเครอื่ งใช้ และลายเรขาคณิตวตั ถุดิบทีใ่ ช้ ด้าย ไหม ประดิษฐ์ สยี ้อม นา้ ยากนั สตี ก และสธี รรมชาติกระบวนการผลิต 1. เลือกด้วยนามาย้อมสธี รรมชาติ 2. เลอื กขนาดเส้นดา้ ยจัดมัดลาย 3. นาด้ายมาผูกตดิ กับกกี่ ระตกุ ถกั ทอตามลายทีต่ อ้ งการ 4. นาผลติ ภณั ฑ์ท่ไี ด้เลือกสรรและตดั ขนาดของเน้ือผา้ รอการจาหนา่ ยตอ่ ไป
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ชา้ ง เครอื่ งมือเครื่องใช้และวัสดใุ นการทอผา้ ดอกหวงิ (ระวิง) ไนปัน่ ดา้ ย หลอดดา้ ยคน้ ( ลูกค้น ) เป็นอปุ กรณ์สาหรบั หมนุ เพือ่ กรอ เปน็ อปุ กรณก์ รอเสน้ ดา้ ยอย่างหน่งึ มี เป็นอุปกรณ์สาหรบั ใช้ในการคน้ เส้นดา้ ย เสน้ ด้ายสีต่างๆเขา้ หลอดด้าย มี ลกั ษณะคลา้ ยกังหันลมมีแกนกลางวาง ลักษณะเป็นช่องสาหรบั ใสแ่ กนมว้ น ด้าย โดยเส้นดา้ ยทุกเสน้ จะถกู ม้วนหรือพัน บนฐานไมส้ องข้าง ส่วนกลางของ ดอก หวงิ มี ชอ่ งสาหรับใสเ่ สน้ ด้าย ซึง่ ผกู โยงกับดอกหวิง ปจั จบุ นั มกี ารนา เก็บไวใ้ นหลอดคน้ ซึ่งมลี ักษณะเป็น มอเตอรไ์ ฟฟา้ มาเปน็ ตวั ช่วยหมนุ เมื่อ หลอดยาวประมาณ 8 นวิ้ มอเตอร์ไฟฟา้ ทางาน เสน้ ดา้ ยในดอกหวงิ เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง ประมาณ 1 นิว้ จานวน จะหมุนดา้ ยมาเกบ็ ไว้ในแกนมว้ นด้าย 152 หลอด หลอดค้นทาจากไมไ้ ผ่ แต่ ปจั จบุ ันใช้ท่อน้าพลาสติกแทน
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง เคร่ืองมอื เครือ่ งใช้และวัสดุในการทอผ้า รางคนั หลกั คนั ตะขอเกยี่ วดา้ ย ( เบด็ เขา้ ฟมื ) เปน็ อปุ กรณ์สาหรบั เรยี งหลอดด้าย เปน็ อปุ กรณส์ าหรับพนั เสน้ ดา้ ยทค่ี ้นตาม เปน็ อุปกรณส์ าหรับเก่ียวเสน้ ด้าย เข้าฟืม ทาดว้ ยเหล็กยาวประมาณ 8 นว้ิ ค้น เพือ่ เตรยี มไวส้ าหรบั ขัน้ ตอนการเดิน จานวนความยาวท่ีตอ้ งการมลี ักษณะ เปน็ ส่วนปลายทาเป็นตะขอไวส้ าหรบั เกีย่ ว เส้นดา้ ยเข้าฟมื ซึ่งเสน้ ดา้ ยทกุ เส้น เสน้ ดา้ ยต่อไป รางคน้ มลี ักษณะเปน็ แถว สี่เหลยี่ มผนื ผ้า กวา้ งประมาณ 2 เมตร จะต้องใช้ตะขอเกี่ยวด้ายสอดไว้ในฟืม ๒ ชั้น มแี กนสาหรบั ใส่หลอดดา้ ยค้น ยาว 5-8 เมตร ท่ีหัวหลกั ค้นมีหลักสงู จนเต็มทุกชอ่ ง จานวน 152 แกนอย่บู นเสาสูงประมาณ ประมาณ 6 น้ิว จานวนประมาณ 20 หลัก 1.5 เมตร ยาวประมาณ 5-8 เมตร อยู่ทง้ั สองดา้ น
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง เครื่องมือเครือ่ งใชแ้ ละวัสดใุ นการทอผา้ เคร่อื งรองตอนเขา้ ฟมื ฟืม หรอื ฟนั หวี เป็นอุปกรณส์ าหรับเก่ียวกบั การเขา้ ฟมื ลักษณะคลา้ ยหวี ยาวเทา่ กับความกวา้ งของหน้าผ้าทาด้วยโลหะ มลี ักษณะเปน็ ซเ่ี ล็ก ๆ มกี รอบทาด้วยไมห้ รือโลหะ แต่ละซีข่ องฟมื จะ เป็นช่องสาหรับสอดด้ายยนื เข้าไป เป็นการจัดเรยี งด้ายยืนให้ห่างกัน ตามความละเอยี ดของเนอื้ ผ้า เป็นสว่ นทใ่ี ชก้ ระทบให้เสน้ ด้ายทีท่ อ เรียงตดิ กันแนน่ เป็นผนื ผา้ ฟมื สมัยโบราณทาด้วยไม้ แกะสลกั เปน็ รปู นกหรือเปน็ ลวดลายตา่ ง ๆ สวยงามมาก
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง เคร่ืองมอื เคร่ืองใช้และวสั ดใุ นการทอผ้า ลูกหดั ( ระหัด ) ไมน้ ดั เปน็ อุปกรณ์สาหรบั ม้วนเก็บเสน้ ด้ายท่คี น้ เสร็จแลว้ มี เป็นไมท้ สี่ อดอย่ใู นชอ่ งด้ายยืน เพอ่ื ชว่ ย ลกั ษณะคล้าย ระหัดวิดน้า ซึ่งอยทู่ ด่ี ้านปลายของแกน ให้ด้ายไม่พนั กนั ระหัดท้ังสองดา้ น โดยหมนุ มว้ นเส้นดา้ ยเก็บไว้เพื่อเตรียม ใส่ในเคร่อื งทอผ้า
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง เครอ่ื งมือเคร่ืองใช้และวัสดใุ นการทอผ้า ไมข้ ัดดา้ ย หรอื ฟนั ปลา เครอ่ื งมว้ นดา้ ย เป็นอปุ กรณส์ าหรบั ม้วนเกบ็ เส้นด้ายทค่ี ้นเสรจ็ แลว้ มี เปน็ ไมท้ ส่ี อดอยู่ในช่องด้ายยืน เพือ่ ชว่ ย ลกั ษณะคล้าย ระหดั วิดน้า ซึง่ อยทู่ ่ดี า้ นปลายของแกน ใหด้ า้ ยไมพ่ ันกัน ระหัดทง้ั สองดา้ น โดยหมนุ มว้ นเส้นด้ายเก็บไว้เพ่ือเตรียม ใส่ในเครือ่ งทอผา้
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง เคร่อื งมือเครื่องใชแ้ ละวัสดุในการทอผา้ เขาหูก หรอื ตะกอ / ตระกอ คือส่วนทใ่ี ชส้ อดด้ายเป็นด้ายยนื และแบ่งด้ายยืนออก เป็นหมู่ๆ ตามตอ้ งการ เพ่ือที่จะพ่งุ กระสวยเข้าหากนั ได้สะดวก เขาหูกมีอยู่ 2 อนั แตล่ ะอันเวลาสอดดา้ ยต้องสอดสลับกันไปเส้นหน่ึงเว้นเส้นหน่งึ ทเี่ ขาหกู จะมเี ชอื กผูกแขวนไว้กับด้านบน โดยผกู เชือก เสน้ เดยี วสามารถจะเล่ือนไปมาได้สว่ นล่างผูกเชือกตดิ กับคานเหยียบหรอื ตนี เหยียบไว้ เพ่อื เวลา ตอ้ งการดงึ ด้ายให้เป็นชอ่ งกใ็ ช้เท้าเหยียบคานเหยียบนี้ คานเหยยี บจะเป็นตัวดึงเขาหูกใหเ้ ลอื่ นขนึ้ ลง ถา้ หากต้องการทอเปน็ ลายๆ ก็ ต้องใช้คานเหยียบหลายอนั เชน่ ลายสองใช้คานเหยียบ 4 อนั เรยี ก ทอ 4 ตะกอ ลายสามใช้คานเหยียบ 6 อนั เรยี ก ทอ 6 ตะกอ จานวนตะกอทีช่ ่างทอผ้าเกาะยอใช้ มตี ั้งแต่ 2– 12 ตะกอ ผา้ ผนื ใดท่ที อหลายตะกอถือว่ามคี ณุ ภาพดีมลี วดลายที่ ละเอียด สวยงาม และมรี าคาแพง
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง เคร่ืองมอื เครือ่ งใชแ้ ละวัสดใุ นการทอผา้ กระสวย ไมแ้ กนมว้ นผา้ หรือ ไม้กาพนั่ คอื ไมท้ ่ีเปน็ รปู เรยี วตรงปลายท้งั สองข้าง ตรงกลาง ชาวบ้านเกาะยอเรยี กวา่ “ พ้ันรับผา้ ” เป็น ใหญ่ และมรี อ่ งสาหรับใสห่ ลอดด้ายพุ่ง ใช้สาหรบั พุ่งสอด ไมท้ ใ่ี ช้ สาหรับม้วนผา้ ทท่ี อแลว้ ไม้แกนม้วนผ้า ไปในชอ่ งดา้ ยยนื ระหวา่ งการทอผ้า หลังจากท่ีช่างทอ มขี นาดความยาวเท่ากับกี่หรอื เทา่ กบั ความกว้าง เหยยี บคานเหยียบให้เขาหูกแยกเสน้ ด้ายยืนแล้ว ของหนา้ ผา้
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง เครื่องมอื เครือ่ งใชแ้ ละวัสดุในการทอผา้ คานเหยยี บ หรือ ตีนเหยยี บ สายกระตกุ หรือ เชือกดงึ เวลาพงุ่ กระสวย เปน็ ไมใ้ ชส้ าหรับเหยียบเครอ่ื งบังคับตะกอ เพ่ือให้ จงึ เกดิ ศัพทว์ ่า “กีก่ ระตกุ ” โดยชา่ งทอผ้า เชือก ท่โี ยงต่อมาจากเขาหกู หรือตะกอดึงดา้ ยยืนใหแ้ ยก จะใชม้ อื ขา้ งหน่ึงกระตกุ สายเชือกน้ี กระสวยก็ ออกเป็นหมู่ ขณะที่ช่างทอพุ่งกระสวยด้ายพ่งุ เขา้ ไปขัดดา้ ย จะแล่นไปแลน่ มาเอง และใช้มืออกี ข้างดงึ ฟมื ให้ ยืนให้เกิดเป็นลวดลายต่าง ๆ กระแทกเนอื้ ผ้าที่ทอแล้วให้แน่น
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง เครอ่ื งมือเครื่องใชแ้ ละวสั ดใุ นการทอผา้ ระหดั ถกั ดา้ ย หลอดดา้ ยพงุ่ เป็นไม้ระหดั สาหรับมว้ นด้ายยืน เป็นหลอดไมไ้ ผท่ บ่ี รรจดุ า้ ยสีต่าง ๆ สอดอยู่ในรางกระสวย เพือ่ ใชพ้ งุ่ ไปขดั ดา้ ยยนื ในขณะทช่ี ่างทอกาลงั ทอผ้าและกระตุก สายกระตุกไปหลอดเสน้ ด้ายพงุ่ กจ็ ะพุง่ ไปขัดกับ เสน้ ด้ายยนื เกดิ เป็นลายผ้าตามต้องการ
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง เครอื่ งมือเคร่ืองใชแ้ ละวัสดุในการทอผ้า หลอดดา้ ยยนื ผงั เปน็ หลอดด้ายหลักทีข่ งึ อย่ใู นก่ีโดยสอดผ่าน เป็นไมส้ าหรบั ค้าความกวา้ งของผ้าให้หน้าผา้ ตึงพอดกี บั ฟมื ฟมื เรยี บรอ้ ยแลว้ มีลกั ษณะ อย่ใู นแนวต้งั เพอ่ื วา่ จะได้สะดวก เวลาทอ และเสน้ ด้ายตรงลายไม่คดไปคด มา ดา้ นหัวและด้านทา้ ยของผังจะผูกเขม็ ไวเ้ พื่อใช้สอดริมผ้า ทง้ั สองข้าง
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง ขนั้ ตอนและวิธกี ารเตรียมการทอผา้ ขน้ั ท่ี 1 การกรอด้าย ข้ันที่ 2 การเก็บหกู /การ ข้นั ที่ 3 การสอดฟันหวี ใสห่ ลอดใหญ่ เดนิ ดา้ ยเป็นเคร่อื งหรือการ ขั้นที่ 4 การหวหี ูก เขน็ เครือหูก(ภาษาไทยลอื้ ) ขั้นที่ 5 การรอ้ ย ขนั้ ที่ 7 การประกอบ ตะกรอหรอื การใส่ อุปกรณเ์ ข้าก่ี เขา ขั้นที่ 6 การสอดฟัน หวี ครงั้ ท่ี 2
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง การกรอดา้ ย เป็นการนาเสน้ ด้ายมาพันใส่หลอดเพ่ือใช้ในการเก็บหูกและใสก่ ระสวยสาหรับทอ อปุ กรณ์ วธิ ที า 1. ดา้ ยสาหรับกรอ 1. นาเส้นด้ายที่ลงแปง้ เรียบรอ้ ยแลว้ 1 ไจ คลอ้ งใส่ 2. หลอดใหญ่ ระวิงแลว้ คลี่ออกหาเง่ือนด้าย 3. หลอดเลก็ 2. นากวงป่ันดา้ ยมาตงั้ นาหลอดดา้ ยสอดลงใน 4. กวงปั่นดา้ ย เหล็กไนของกวงปัน่ ดา้ ย 5. ตระกรา้ ใส่หลอด 3. นาเงื่อนด้ายมาพันกบั หลอด 6. สวิง 4.ใชม้ อื ซา้ ยจับเสน้ ดา้ ยให้ตง้ั มอื ขวาจบั มอื จับของก 7. กวัก วงปัน่ ดา้ ยแลว้ หมนุ ช้าๆ มอื ซ้ายทจี่ บั เส้นด้ายปลอ่ ย ด้ายใหพ้ ันเข้าหลอด
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ชา้ ง การกรอดา้ ย เทคนคิ การจบั เส้นด้ายตอ้ งดึงเสมอกนั และ ไลจ่ ากหัวไปท้ายจากท้ายไปหัวช้าๆ ให้ห่าง จากขอบท้งั 2 ดา้ น ประมาณ 0.5 ซ.ม. จึง จะไดห้ ลอดดา้ ยทเ่ี รยี บแน่น เวลานาไปใส่ กระสวยทอ ด้ายจะไมล่ ่ยุ ออกมาพันกัน
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การเก็บหูก การเกบ็ หกู หรอื การเดินฝ้ายเป็นเครอื่ ง เปน็ วธิ กี ารนาเสน้ ด้ายเกบ็ ลายและกาหนดขนาดความ กวา้ งของหนา้ ผ้าและความยาวของผา้ ที่ต้องการ อปุ กรณ์ 1. หลอดดา้ ยขนาดใหญ่ท่ีกรอเรียบรอ้ ยแล้ว 20 หลอด 2. ราวตั้งหลอดด้าย 1 ชุด 3. ม้าเดินด้าย 1 ตวั 4. ไม้กลมขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 2-3 ซม. ยาวประมาณ 8 นว้ิ
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การเกบ็ หูก วิธีการเกบ็ 1. นาหลอดดา้ ยตงั้ บนราวตั้งหลอดแถวละ 10 หลอด 2 แถว(ถา้ เปน็ ผา้ หนา้ กว้างและต้องการ ความรวดเร็วกเ็ พ่มิ จานวนหลอดดา้ ยและจานวนแถวใหม้ ากขึ้น) 2. คานวณจานวนหลักท่จี ะเดนิ ดังนี้ ถา้ ความกว้างของมา้ เดนิ ดา้ ยเทา่ กับ 2 เมตร ตอ้ งการ ความยาวของผ้า 30 เมตร กต็ อ้ งเดนิ ดา้ ยเท่ากับ 15 หลัก 3. จบั เงอ่ื นดา้ ยท้งั 20 เง่ือน รวบเขา้ ด้วยกนั นาไปผกู ติดกับหลักบนมา้ เดินด้ายหลกั ท่ี 15 * รวบ เสน้ ดา้ ยทั้ง 20 เสน้ ใชไ้ มห้ รอื ทอ่ แอสล่อนเก่ียวคลอ้ งแล้วดึงไปคลอ้ งกับหลกั ฟากตรงขา้ ม หลักท่ี 15 โยงไปหลกั ท่ี 14 ติดกับหลกั ทม่ี ดั เริม่ ตน้ ครัง้ แรก โยงไปหลักที่ 13-12-11-10.....๑
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง การเก็บหกู วิธีการเกบ็ (ตอ่ ) 4. มือขวารวบเสน้ ดา้ ยให้ดงึ ระดบั อก ใช้น้วิ หัวแม่มอื ซา้ ยเกยี่ วเสน้ ด้ายเสน้ ท่ี ๑ ของแถวที่ ๑ ตวดั หวั แมม่ ือลงให้ด้ายพนั เก่ียวเส้นดา้ ยขึ้นให้พนั กับหวั แมม่ ือ ต่อไปตวดั เกย่ี วเอาเสน้ ด้ายเสน้ ที่ ๑ ของแถวที่ 2 แล้วไปเสน้ ที่ 2 ของแถวที่ 1 - เสน้ ที่ 2 ของแถวท่ี2 ทาเชน่ นไ้ี ปเรือ่ ยๆจนหมดทง้ั 20 เส้น 5. นาด้ายท่พี ันหัวแม่มอื ออก แลว้ คล้องลงไปไวบ้ นหลกั เกบ็ 2 หลัก จัดดา้ ยท่ีไขวก้ ันให้ตรง ใช้ เชอื กหรอื เส้นด้ายขนาดใหญ่หน่อยผกู ด้ายทีไ่ ขวก้ นั ไว้ เพ่อื สะดวกในการนบั ว่าได้กี่เทย่ี ว * 6.รวบเส้นด้ายท้ัง 20 เส้น โยงไปเกี่ยวหลัก ท่ี1-2-3-4....15 แลว้ กลับ 15-14-13-12...1 แล้ว ทาเหมอื นข้อท่ี 4-5 นับเป็นเทีย่ วที่ 2
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การเกบ็ หกู วธิ กี ารเกบ็ (ตอ่ ) 7. คานวณจานวนเทีย่ วทีต่ ้องเดนิ ดา้ ย ดังนี้ ฟนั หวเี บอร์ 40 ช่องซข่ี องฟันหวี 20 ชอ่ ง จะได้ ความกวา้ งของผา้ เท่ากับ 1 นวิ้ ฟันหวี 1 ชอ่ งใชด้ า้ ย 2 เส้น เพราะฉะนั้นเดนิ เส้นดา้ ยเทยี่ วละ 20 เส้น ไป-กลับ เปน็ 40 เสน้ ก็จะได้เทา่ กบั 1 นิ้ว ถา้ ตอ้ งการหน้าผ้า 20 นว้ิ ก็ต้องเดินด้าย ท้งั หมด 40 เที่ยว (ไป-กลับ= 20 เทีย่ ว) 8. เดินดา้ ยตั้งแต่ขอ้ ท่ี 4 -5 (*-----------------------*)จนไดข้ นาดหน้าผ้าตามท่ี ต้องการ นาเงอื่ นได้ไปผูกกับหลักแรก(ท่มี ดั เร่มิ ตน้ คร้ังแรกแลว้ ตัดด้ายออก 9. ใช้กรรไกรตัดดา้ ยท่คี ลอ้ งอยกู่ บั หลักท่ี 1 (เร่มิ ตน้ ครง้ั แรก)ทง้ั หมด จับชายดา้ ยท้งั หมดรวบเกบ็ โดยถักเปน็ โซ่ ปลดดา้ ยออกจากหลกั ถักโซต่ ามไปจนถึงหลกั ทค่ี ลอ้ งดา้ ยไขวไ้ ว้ ค่อยๆปลดด้ายออก จากหลกั ใชเ้ ชอื กสอดด้ายที่ไขว้กนั ผูกไว้
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การเก็บหกู หรอื การเดนิ ฝ้ายเปน็ เคร่ือง
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การสอดพันหวี อปุ กรณ์ในการสอดพนั หวี 1. ฟนั หวี 2. เหลก็ สอดฟนั หวี 3. ไมข้ นัดแบน 2 อัน 4. เครือดา้ ยทเี่ ขน็ เป็นเครื่องเรียบรอ้ ยแลว้ วิธกี ารสอดพนั หวี 1. นาด้ายทีเ่ ดินเสร็จแล้ว เอาทางหัวเคร่ืองออกมา 2. เอาไมข้ นัดแบน สอดไขวข้ น้ึ 1 อัน ลง 1 อัน วางพาดกับไมบ้ นหนา้ ตักบนกี่ 3. ดึงเส้นดา้ ยคูท่ ่ี 1 ออกมา ใช้เหล็กสอดฟนั หวเี ก่ียวคล้องเอาเส้นดา้ ยลงไปไวใ้ นฟันหวีช่องท่ี 1 ต่อไปดงึ เสน้ ด้ายคทู่ ่ี 2 เกย่ี วลงไปไว้ในฟนั หวชี ่องท่ี 2 ตามลาดับ ทาดงั น้จี นหมดดา้ ยทีเ่ ดนิ ไว้ การสอดฟนั หวี จะต้องดดู ว้ ยว่า ผ้าที่ทามคี วามกวา้ งกน่ี ว้ิ ผา้ จะตอ้ งอยู่ กลางฟันหวี
การหวีด้าย ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง อุปกรณ์การหวดี า้ ย วิธกี ารหวดี า้ ย 1. ไมม้ ้วนผ้าหรอื ใบพดั 2. เหลก็ ขนาด 1 หุน ยาวประมาณ 1 เมตร นาด้ายท่ีสอดฟันหวีไว้แลว้ นามาสอดใส่ สาหรับยดึ เส้นด้าย ไม้หรอื เหล็กขนาด 1 หนุ้ เพอื่ ยึดกบั ใบพดั ใชค้ น 3. กอ้ ปปอ้ี ัดดา้ ย ประมาณ 4 คนช่วยกัน ใชม้ อื เขยี่ เรียงเสน้ ดา้ ย 4. ไมข้ นัดแบน 2 อัน พร้อมทัง้ ขยบั ไม้ขนัดทั้งสองอนั เป็นการคลเ่ี รยี ง 5. ไมไ้ ผ่เหลากลมขนาดเท่าน้วิ มอื ยาวเท่ากบั เส้นดา้ นออกใหเ้ ปน็ ระเบียบโดยไม่ให้พันกัน ขยับ หนา้ ผา้ บวก อีก 5-6 นว้ิ จานวน 10-15 ฟันหวีตามมาเร่อื ย ๆ เม่อื ยาวพอควรก็มว้ นดา้ ยท่ี อัน (ถ้าผา้ มคี วามยาวก็ตอ้ งเพ่มิ จานวนมากขึ้น) เรียงเปน็ ระเบียบแลว้ เข้ากบั ใบพัด ใช้ไมไ้ ผ่ทีเ่ หลาไว้ สอดไม้มว้ นหรือใบพัดเปน็ ระยะๆเพอื่ กนั ไม่ให้ เสน้ ด้ายตกขอบ ทาดังนีเ้ รื่อย ๆ จนหมดด้ายที่เดนิ ถอดด้ายออกจากฟันหวี ผูกเงือนไวเ้ พ่อื ไมใ่ หห้ ลดุ จากไมข้ นัดแล้วเตรยี มเข้าเครอ่ื งกท่ี อผา้ ต่อไป
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การรอ้ ยตะกรอหรอื การใส่เขา อปุ กรณ์ 1. เครอื หูกที่หวเี สรจ็ แลว้ 2. ตะกรอเหลก็ (เขา) จานวน 2 มดั (หรือ คานวณตามจานวนของเสน้ ดา้ ย) 3. เข็มโครเชท์ เบอร์ 3 4. เหลก็ เส้นขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลาง .5 ซม. ยาว เท่ากบั หนา้ ผ้า บวกอกี 6 นว้ิ จานวน 4 อนั 5. เชือกยาว เสน้ ละ 1 เมตร จานวน 4 เสน้
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง การร้อยตะกรอหรอื การใส่เขา วิธที า นาตะกรอหรือเขาเหลก็ มารอ้ ยใส่เหล็กเส้นท่เี ตรียมไว้ ทงั้ หวั และท้ายอยา่ ให้สบั กัน จานวน 2 แผง โดยคานวณจานวนตะกรอเทา่ กบั เสน้ ด้ายว่ามีกคี่ ู่ เช่น ผา้ หนา้ 20 น้ิว จะมีเส้นด้ายทงั้ หมด เทา่ กบั 20X20= 400 คู่ กจ็ ะรอ้ ยตะกรอแผงละ 400 อัน ใชเ้ สน้ ด้ายผูกหวั ท้ายโยงบน-ล่างไว้ เพอื่ กันตะกรอหลุดออกจากแผง 1. ใช้เชอื กมัดหวั ทา้ ยของแผงตะกรอท่รี ้อยเสรจ็ แลว้ ขา้ งละ 1 เส้นนาไปผกู แขวนไว้บนก่ีให้ตรงกลาง ของแผงอยใู่ นระดับทจ่ี ะจบั ดา้ ยมาร้อยได้งา่ ยและสะดวก ทง้ั 2 แผง 2. นาเส้นดา้ ยที่หวีเรียบรอ้ ยแล้วมาวางพาดกับไมท้ ่ีหน้าตกั ก่ี จับเส้นด้ายเส้นท่ี 1 ใช้เขม็ โครเชท์เกีย่ ว ร้อยใสต่ ะกรออนั ที่ 1 ของแผง ก. ด้ายเส้นท่ี 2 เกี่ยวร้อยใส่ตะกรออันที่ 1 ของแผง ข. เสน้ ที่ 2
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง การรอ้ ยตะกรอหรอื การใส่เขา วิธีทา (ต่อ) 3. ใส่ตะกรออันที่ 2 ของแผง ก เส้นท่ี 4 ใส่ตะกรออนั ท่ี 2 ของแผง ข. ร้อยสลบั กนั อย่าง นไ้ี ปเรอ่ื ยๆอย่าใหห้ ลง พอทาได้ประมาณ 1 นว้ิ กใ็ หจ้ บั เงื่อนด้ายรวบมัดไวก้ ันดา้ ยหลุดออก จากตะกรอ ทาเชน่ นไ้ี ปเรอ่ื ยๆจนหมดเส้นดา้ ย หมายเหตุ การรอ้ ยตะกรอเพอ่ื ความสะดวกรวดเรว็ และแมน่ ยาควรช่วยกัน 2 คน โดยคนที่ 1 เปน็ คนจบั เสน้ ด้ายส่งให้ คนท่ี 2 เปน็ คนร้อย
การสอดฟันหวีคร้ังที่ 2 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง วธิ ีทา อปุ กรณ์การหวดี า้ ย 1. วัดความยาวของฟันหวเี พ่ือหาจุดกง่ึ กลางและจุดเรมิ่ ต้น 1. ฟนั หวี เบอร์ 20 จานวน 1 อนั 2. เหลก็ สอดฟนั หวี ให้สมั พนั ธก์ บั หน้าผ้าเพื่อให้หน้าผา้ อยกู่ ลางฟนั หวพี อดี 2. ใช้เหล็กสอดฟนั หวสี อดลงไปในช่องฟนั หวชี อ่ งที่ 1 (จดุ เรมิ่ ต้น) จบั เสน้ ดา้ ย เสน้ ที่ 1 จากตะกรอแผง ก.และเสน้ ท่ี 1 จากตะกรอแผง ข. รวบเขา้ ด้วยกันใช้ เหล็กสอดฟันหวเี ก่ียวคล้องดา้ ยลงไปในช่องฟนั หวชี ่องที่ 1 ต่อไปจบั เส้นดา้ ย เสน้ ท่ี 2 จากตะกรอแผง ก. และเสน้ ด้ายเส้นที่ 2 จากตะกรอแผง ข. เกย่ี ว คล้องลงไปในช่องฟันหวชี อ่ งท่ี 2 ทาเชน่ นีไ้ ปเรอื่ ยๆ เม่ือทาได้ประมาณ 1-2 นิ้ว ควรจับชายเส้นดา้ ยด้านล่างรวบผูกเข้าด้วยกนั เพ่อื กนั เสน้ ด้ายหลุดออกจาก ฟันหวี ทาเชน่ น้ีไปเร่อื ยๆจนหมดเส้นดา้ ย
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง การประกอบอุปกรณ์เขา้ ก่ี วธิ ที า อุปกรณ์ 1. นาเชือกผูกลกู ลอกแขวนไวบ้ นราวแขวนลูกลอกบนกี่ 1. เชอื ก ยาวเสน้ ละ 1 เมตร จานวน 6 เสน้ ซา้ ยขวาท้ัง 2 อนั 2. ไมก้ ลมขนาดเสน้ ผา่ ศนู ย์กลาง 0.5 น้ิว ยาว 2. นาไม้กลม จานวน 4 อันที่เตรยี มไว้ มดั ประกบ เท่ากับหนา้ ผ้าบวกอกี 6 น้วิ จานวน 4 อนั กบั แผงตะกรอ ท้งั บนและล่างให้แนน่ ทงั้ 2 3. ไมเ้ ทา้ เหยยี บ จานวน 2 อัน แผง วดั ไมแ้ ผงตะกรอดา้ นบนจากปลายทั่งสอง 4. ลกู ลอกขนาดเลก็ จานวน 2 อัน ข้างเข้ามาประมาณขา้ งละ 6- 8 นิว้ ใช้เชอื กมดั จดุ ปลายด้านซ้ายของแผง ก. จบั เงอื นเชอื กอีกข้าง สอดเข้าชอ่ งลกู ลอกโยงไปผกู กับจุดปลายด้านซา้ ย ของแผง ข. ใช้เชือกอีก เส้นผกู จดุ ปลายด้านขวา ของแผงตะกรอเหมอื นด้านซา้ ย
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การประกอบอุปกรณ์เข้าก่ี วธิ ที า (ต่อ) 5. วดั ไม้ประกบแผงตะกรอด้านลา่ งแผง ก. หาจุดกงึ่ กลางแลว้ ใช้ เชอื กผกู ใหแ้ น่นโยงลงไปผกู กับไมเ้ ท้าเหยียบด้านล่าง ผกู แผงตะกรอ แผง ข. เหมือน แผง ก. 6. นาฟนั หวีท่ีสอดดา้ ยเรียบร้อยแล้วใส่ลงในช่องใส่ฟันหวี ประกบ ด้วยไม้ประกบฟันหวีให้แน่น ปรับใหห้ นา้ ผ้าอยู่ตรงกลางพอดี 7. แกะเงอื่ นดา้ ยทผ่ี ูกไวเ้ ปน็ มดั ๆ ออก คลี่ใหเ้ ป็นระเบยี บ ดงึ ให้ดงึ เสมอกันผกู ไวก้ บั ไม้ม้วนหน้าผา้ ใหแ้ น่น ขอ้ ควรระวัง ต้องดงึ ด้ายทผี่ ูกนีใ้ ห้ดงึ เสมอกันตลอดหน้าผ้าจึงจะไดผ้ า้ ท่ที อออกมาแลว้ เรียบเสมอกนั ท้ัง เนือ้ ผา้ และขอบทั้ง 2 ข้าง
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ชา้ ง ลักษณะการทอผ้า “ การทอผา้ ลายสอง และลายสาม เป็นลายทอผ้าพื้นฐาน มเี อกลักษณท์ ่บี ง่ บอก ถึงความเรียบง่ายของชาวบ้านสมยั โบราณ ซึง่ ส่วนใหญ่จะทอเป็นผา้ หม่ ปัจจุบนั มกี ารดัดแปลงทอเปน็ ผา้ คลุมไหล่ มวี ิธีการทอใกล้เคียงกนั ”
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง การทอผ้าลายสอง เปน็ ผ้าทอทจี่ ัดอยใู่ นประเภทเหยียบดอก ม่ีสีเ่ หา ( ส่ี เขา หรอื สี่ตะกอ ) ลวดลาย จะถูกเกบ็ ไวล้ ่วงหน้า ในแต่ ละตะกอ บนเส้นยนื รวม 4 ตะกอ การสอดเสน้ ดา้ ยพุ่ง จะสอดตามการเหยียบไลไ่ ม้ ของผู้ทอ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ลวดลายตามทเ่ี กบ็ ไว้ ผา้ ลายสองนี้ ในสมยั กอ่ นสว่ นใหญ่ จะทอเพื่อทาเปน็ ผา้ หม่ เรยี กว่า ผา้ ห่มตาแดง (ลายสองมี ริ้วแดง ) ใช้ฝา้ ยเสน้ ใหญ่ทอ เพ่อื เพมิ่ ความอบอ่นุ ใน ปัจจบุ นั นามาดัดแปลง โดยใช้ฝา้ ยเสน้ เลก็ ทอ เพอื่ ให้ใช้ ประโยชน์ไดม้ ากขึ้น เครอื ผ้าลายสองน้ี สามารถทอ ให้ เกิดลายลกู แก้วได้ ถ้าเหยยี บไม้ไปตามลวดลาย อกี แบบ หนง่ึ
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง การทอผ้าลายสาม ในการทอผา้ ยกดอกลายสามจะเหยียบไม้4ไม้ ซึง่ รปู แบบลกั ษณะเดน่ ของผา้ ยกดอกลายสาม วิธกี ารเหยยี บ จะเหยียบไม้กลางเพยี ง2 ไม้ ตามวิธี ดังตอ่ ไปนี้ ผา้ ซน่ิ ลับแลถือเป็นผ้าทม่ี ีเอกลกั ษณเ์ ป็นของตวั เองเปน็ ที่ รู้จักมาเนนิ่ นาน จากลายผ้าทีบ่ ่งบอกถงึ ความเป็นอยู่ 1.1 ขวาออก อยา่ งเรียบงา่ ยของชาวบา้ นในสมัยก่อนได้ถกู นามา 1.2 ขวาเขา้ ประยุกต์ เมือ่ นามาทอแบบยกดอกลายสามมกี ารเลน่ 1.3 ซา้ ยออก สีสันและลวดลาย จึงยงิ่ ทาให้เนื้อผ้าและสสี นั ดูแปลกตา 1.4 ขวาออก แฝงไปดว้ ยภมู ปิ ญั ญาของชาวบ้านท่ีตอ้ งการจะพฒั นา 1.5 ขวาเข้า ผ้าซน่ิ ท่สี บื สานกนั มาแต่ปู่ยา่ ตา ยาย ให้รุ่นลกู รุน่ หลาน 1.6 ซ้ายเขา้ ได้ใชไ้ มข่ าดหายไป ****จบดอก
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: