Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปนักธรรมตรี

สรุปนักธรรมตรี

Published by takfcpb4, 2021-08-30 21:22:46

Description: Summary_DhammaTri_v64

Search

Read the Text Version

ตอบ ก.ลฏั ฐิวนั เป็นสถานท่ที ่พี ระศาสดาทรงแสดงอนปุ พุ พีกถาและอรยิ สจั ๔ แด่พระเจา้ พิมพสิ ารพรอ้ มดว้ ยขา้ ราชบรพิ ารผเู้ สดจ็ ไปเขา้ เฝา้ ณ ท่ีน่นั ฯ ข. เชตวนั เป็นพระอารามซง่ึ อนาถบิณฑิกเศรษฐีสรา้ งถวาย และพระพทุ ธองคป์ ระทบั จาพรรษานานถึง ๑๙ พรรษา ฯ (ปี 45) สถานทต่ี ่อไปนมี้ ีความเกย่ี วเน่อื งกบั พระพทุ ธองคอ์ ยา่ งไร ? ก. เวฬวุ นั ข. สาลวนั ตอบ ก. เป็นพระราชอทุ ยานของพระเจา้ พมิ พิสารซ่งึ ทรงถวายเป็นท่ปี ระทบั ของพระพทุ ธองคพ์ รอ้ มกบั พระสงฆ์ เป็นสงั ฆารามแหง่ แรกฯ ข. เป็นสถานท่ีแสดงธรรมโปรดสภุ ทั ทปรพิ าชกผเู้ ป็นปัจฉิมสกั ขสิ าวก และเป็นสถานท่ปี รนิ พิ พาน ฯ ประเภทของเจดีย์ ๑.ธาตุเจดยี ์ บรรจพุ ระบรมสารีรกิ ธาตุ ๒.บรโิ ภคเจดีย์ สิ่งของหรือสถานท่ที ่พี ระพทุ ธเจา้ เคยทรงใชส้ อย มี สงั เวชนียสถาน, บาตร, จวี ร, กฏุ ,ิ วิหาร,ตมุ พสถปู (สถปู บรรจทุ ะนานทอง ท่ใี ชต้ วงพระธาตุ เม่ือพระพทุ ธเจา้ ปรนิ ิพพานแลว้ ) ,องั คารสถปู ๓.ธรรมเจดยี ์ สง่ิ ท่จี ารกึ คาสอนพระพทุ ธเจา้ เช่น คาภรี ์ พระไตรปิฎก ใบลาน แผน่ ศลิ า หนงั สือ ๔.อทุ เทสกิ เจดีย์ พระพทุ ธรูป (ปี 52) พระพทุ ธรูป สงั เวชนียสถาน ตมุ พสถปู และ องั คารสถปู อย่างไหนเป็นบริโภคเจดยี แ์ ละอทุ เทสกิ เจดยี ์ ? ตอบ สงั เวชนยี สถาน ตมุ พสถปู และ องั คารสถปู เป็นบรโิ ภคเจดยี ์ พระพทุ ธรูป เป็นอทุ เทสิกเจดยี ์ ฯ อนื่ ๆ (ปี 47) ในพิธศี ิวาราตรี ถือวา่ การอาบนา้ ชาระรา่ งกายในแมน่ า้ เป็นการลอยบาป ส่วนในทางพระพทุ ธศาสนาพระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงวิธีลอย บาปไวอ้ ยา่ งไร? ตอบ ทรงแสดงไวว้ ่า การยงั บาปใหส้ งบระงบั จากสนั ดาน ละกเิ ลสท่ที าใหเ้ ป็นผดู้ รุ า้ ยเยอ่ หย่ิงและกิเลสท่ียอ้ มจติ ใหต้ ิดแน่น ในกามารมณ์ เป็นการลอยบาป ฯ ศาสนพธิ ๊ ศาสนพิธี คือ แบบอยา่ งหรอื แบบแผนต่างๆ ท่พี ึงปฏิบตั ใิ นทางพระพทุ ธศาสนา แยกออกเป็ น ๔ หมวด ดงั นี้ ๑.กศุ ลพิธี (หมายถึง พธิ ีการบาเพ็ญกุศล) เป็นพิธีกรรมทาความดแี กต่ นเอง ไดแ้ ก่ พธิ ีแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ พธิ เี วยี นเทยี นในวนั สาคญั ทางพทุ ธศาสนา พธิ รี กั ษาอโุ บสถ ๒.บญุ พธิ ี (หมายถึง พธิ ีการทาบุญ) เป็นพิธีบญุ เน่ืองดว้ ยประเพณีในครอบครวั ของชาวพทุ ธ เกี่ยวกบั ชวี ติ ของคนไทยท่วั ไป เกี่ยวกบั เร่อื ง ฉลองบา้ น เรื่องตอ้ งการใหเ้ กิดสริ มิ งคลบา้ ง เร่อื งตายบา้ ง จงึ เกดิ มพี ธิ ีกรรมท่จี ะตอ้ งปฏบิ ัติขึน้ และถือปฏิบตั สิ ืบๆ กนั มาตงั้ แตโ่ บราณกาล ไดแ้ ก่ ทาบญุ งานมงคล ทาบญุ งานอวมงคล ๓.ทานพธิ ี พิธีถวายทานตา่ งๆ มกี าร ถวายสงั ฆทาน เป็นตน้ ๔.ปกิณกพธิ ี ขอ้ ปฏิบตั ิในพธิ กี รรมท่วั ๆ ไปท่ชี าวพทุ ธนยิ มทากนั แต่ยงั ไมเ่ ป็นหมวดมารวบรวมเป็นหมวดหมู่ ไดแ้ ก่ การแสดงความเคารพพระ การประเคนของพระ การทาหนงั สอื อาราธนาและใบปวารณาถวายจตปุ จั จยั การอาราธนาศลี อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และ การ กรวดนา้ (ปี 62, 59) ศาสนพิธี คืออะไร ? ผทู้ ่ไี ดเ้ รียนรูแ้ ลว้ ไดร้ บั ประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง ? ตอบ คอื แบบอยา่ ง หรือแบบแผนต่าง ๆ ท่พี ึงปฏบิ ตั ใิ นทางพระศาสนา ฯ 16 | P a g e

ยอ่ มไดร้ บั ประโยชน์ คอื เป็นผฉู้ ลาดในพิธีกรรมท่เี ก่ียวดว้ ยการบาเพ็ญกศุ ล การทาบญุ และการถวายทาน สามารถในการจดั พิธีตา่ ง ๆ ได้ ถกู ตอ้ งตามระเบยี บแบบแผน ช่ือว่า เป็นผรู้ กั ษาขนบประเพณีอนั งดงามของพระพทุ ธศาสนาไวไ้ ดด้ ว้ ย ฯ ปี 57) ศาสนพิธี คืออะไร? มหี มวดอะไรบา้ ง? ตอบ คือแบบอย่างหรือแบบแผนต่างๆ ท่พี งึ ปฏบิ ตั ิในทางพระพทุ ธศาสนา ฯ มี ๑. หมวดกศุ ลพธิ ี ๒. หมวดบญุ พิธี ๓. หมวดทานพธิ ี ๔. หมวดปณิณกะ ฯ (ปี 56) บญุ พธิ ีมกี ี่อยา่ ง ? อะไรบา้ ง ? ตอบ มี ๒ อยา่ ง ฯ คือ ๑. การทาบญุ งานมงคล ๒. การทาบญุ งานอวมงคล ฯ (ปี 50, 44) ศาสนพิธี คอื อะไร? เม่ือแยกเป็นหมวดจะไดห้ มวดอะไรบา้ ง การทาบญุ ขนึ้ บา้ นใหมจ่ ดั อย่ใู นหมวดไหน? ตอบ คือ แบบอยา่ งหรอื แบบแผนต่าง ๆ ท่พี ึงปฏิบตั ใิ นทางพระพทุ ธศาสนา ฯ จะได้ ๑. หมวดกศุ ลพิธี ๒. หมวดบญุ พธิ ี ๓. หมวดทานพธิ ี ๔. หมวดปกณิ กะ ฯ จดั อยใู่ นหมวดบญุ พิธี ฯ (ปี 49) กศุ ลพิธี หมายถงึ ? บญุ พธิ ี หมายถงึ ? ตอบ กศุ ลพธิ ี หมายถงึ พิธีการบาเพญ็ กศุ ลฯ บญุ พิธี หมายถงึ พธิ ีการทาบญุ ฯ (ปี 48) ศาสนพิธี คืออะไร? ผทู้ ่ไี ดเ้ รียนรูแ้ ลว้ ไดร้ บั ประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง? ตอบ คอื แบบอยา่ ง หรือแบบแผนตา่ ง ๆ ท่พี ึงปฏบิ ตั ใิ นทางพระศาสนา ฯ ย่อมไดร้ บั ประโยชน์ คอื เป็นผฉู้ ลาดในพธิ ีกรรมท่เี กี่ยวดว้ ยการบาเพ็ญกศุ ล การทาบญุ และการถวายทาน สามารถในการจดั พิธีตา่ งๆ ไดถ้ กู ตอ้ งตาม ระเบียบแบบแผน ช่ือวา่ เป็นผรู้ กั ษาขนบประเพณีอนั งดงามของพระพทุ ธศาสนาไวไ้ ดด้ ว้ ย ฯ (ปี 47) ในพธิ ีทาบญุ ตา่ งๆ มผี เู้ กยี่ วขอ้ งในการปฏิบตั กิ ี่ฝ่าย? คือใครบา้ ง? ตอบ มีผเู้ กี่ยวขอ้ งในการปฏิบตั ิ ๒ ฝ่าย คอื ๑. ฝ่ายเจา้ ภาพ คอื ทายกทายกิ า ผปู้ ระกอบการทาบญุ ๒. ฝ่ายปฏิคาหก คอื ผรู้ บั ทานและประกอบพิธีกรรมตามประสงค์ ของเจา้ ภาพ ซง่ึ เป็นบรรพชติ เรียกอกี อยา่ งว่า ฝ่ายพระสงฆ์ ฯ (ปี 46, 43) ทา่ นไดศ้ กึ ษาศาสนพิธีแลว้ เขา้ ใจเร่อื งต่อไปนีอ้ ยา่ งไร? ก.บญุ พิธี ข.ทานพิธี ตอบ ก.บญุ พิธี ว่าดว้ ยพิธีทาบญุ มี ๒ อย่าง คอื ๑. ทาบญุ งานมงคล เช่น ทาบุญขนึ้ บา้ นใหม่ ทาบญุ อายเุ ป็นตน้ ๒. ทาบญุ งานอวมงคล เช่น งานศพ เป็นตน้ ฯ ข.ทานพธิ ี ว่าดว้ ยพธิ ีถวายทานตา่ ง ๆ เช่น ถวายสงั ฆทานเป็นตน้ ฯ พุทธมามกะ (กุศลพิธ)ี หมายถงึ ผทู้ ่ีประกาศตนวา่ เป็นผรู้ บั นบั ถือพระพทุ ธเจา้ เป็นการแสดงตนใหป้ รากฏวา่ ยอมรบั นบั ถือพระพทุ ธศาสนา ประจาชวี ิตของตน (ปี 61, 58) การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ หมายถงึ อะไร ? ตอบ หมายถงึ การประกาศตนของผแู้ สดงวา่ ยอมรบั นบั ถือพระพทุ ธศาสนาประจาชวี ติ ของตน ฯ (ปี 53) พทุ ธมามกะหรอื พทุ ธมามกิ าหมายถึงบคุ คลเช่นไร? ตอบ หมายถงึ บคุ คลผเู้ ป็นชายหรอื หญิงผรู้ บั นบั ถือพระพทุ ธเจา้ เป็นของตน เป็นการยอมรบั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาประจาชวี ิตของตนน่นั เอง ฯ (ปี 49) พทุ ธมามกะ หมายถึง? (ปี 44) พิธีแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ หมายถึงอะไร? ตอบ หมายถงึ การประกาศตนของผแู้ สดงวา่ เป็นผรู้ บั นบั ถือพระพทุ ธเจา้ เป็นของตน เป็นการแสดงตนใหป้ รากฏวา่ ยอมรบั นับถือ พระพทุ ธศาสนาประจาชวี ิตของตน 17 | P a g e

การแสดงความเคารพในศาสนพธิ ี มี ๓ อย่าง (ปกณิ กพิธ)ี ประนมมอื (อญั ชล)ี คอื การไหวก้ ระพมุ่ มอื ทงั้ สองประกบกันไวร้ ะหว่างอกโดยใหท้ กุ นวิ้ ของมอื ทง้ั สองแนบชิดตดิ ตรงกนั ไหว้ (วนั ทา หรือ นมสั การ) คือการยกมือท่ปี ระนมขึน้ พรอ้ มกม้ ศีรษะเล็กนอ้ ย ใหม้ ือประนมจรดหนา้ ผาก นวิ้ มือทง้ั ๒ อย่รู ะหว่างควิ้ กราบ (อภวิ าท) คอื การแสดงอาการกราบราลงพนื้ ดว้ ยเบญจางคประดษิ ฐ์ (ปี 63, 56, 49) การแสดงความเคารพพระมกี ีว่ ิธี? อะไรบา้ ง? ตอบ มี ๓ วธิ ี ฯ คอื ๑. ประนมมือ เรยี กวา่ อญั ชลี ๒. ไหว้ เรยี กวา่ นมสั การ ๓. กราบ เรยี กวา่ อภิวาท ฯ (ปี 52) การแสดงความเคารพในศาสนพธิ ีมีอะไรบา้ ง? ในแตล่ ะอย่างมวี ธิ ีปฏบิ ตั ิอยา่ งไร? ตอบ มี ประนมมอื ๑ ไหว้ ๑ กราบ ๑ ฯ ประนมมือ คอื การกระพ่มุ มือทง้ั สองประกบกนั ไวร้ ะหวา่ งอก โดยใหท้ กุ นวิ้ ของมอื ทงั้ สองแนบชดิ ตดิ ตรงกนั ไหว้ คอื การยกมือท่ปี ระนมขึน้ พรอ้ มกม้ ศีรษะเลก็ นอ้ ยใหม้ ือประนมจรดหนา้ ผาก นวิ้ มือทง้ั ๒ อยรู่ ะหวา่ งคิว้ กราบ คอื การแสดงอาการกราบราบลงพนื้ ดว้ ยเบญจางคประดษิ ฐ์ ฯ (ปี 46) การแสดงความเคารพมกี ่วี ิธี? อะไรบา้ ง? ในแตล่ ะวิธีนนั้ มวี ธิ ีปฏิบตั ิอย่างไร? ตอบ มี ๓ วธิ ีคอื ประนมมอื ๑ ไหว้ ๑ กราบ ๑ ฯ ประนมมอื คอื การกระพ่มุ มือทงั้ สองประกบกนั ไวร้ ะหว่างอก โดยใหท้ กุ นวิ้ ของมือทง้ั สองแนบชดิ ตดิ ตรงกนั ไหว้ คอื การยกมอื ท่ปี ระนมขึน้ พรอ้ มกม้ ศีรษะเลก็ นอ้ ยใหม้ ือประนมจรดหนา้ ผาก นวิ้ มอื ทง้ั ๒ อย่รู ะหวา่ งคิว้ กราบ คอื การแสดงอาการกราบราบลงพนื้ ดว้ ยเบญจางคประดษิ ฐ์ ไดแ้ ก่กราบดว้ ยองค์ ๕ คือ หนา้ ผาก ๑ ฝ่ามือ ๒ เขา่ ๒ จรดพืน้ ฯ (ปี 45, 43) การกราบดว้ ยเบญจางคประดษิ ฐ์ หมายถงึ อย่างไร? ตอบ หมายถงึ การกราบพรอ้ มดว้ ยองค์ ๕ คือใหห้ นา้ ผาก กบั ฝ่ามือสองขา้ ง เขา่ สองขา้ งจดพนื้ ฯ การประเคนของ (ปกิณกพีธ)ี (ปี 53) ในการประเคนของถวายพระ มวี ิธีปฏิบตั อิ ยา่ งไร? ตอบ จบั ของท่ปี ระเคนดว้ ยมอื ทงั้ สอง ยกขนึ้ สงู เล็กนอ้ ยแลว้ นอ้ ยไปประเคนพระ ซง่ึ พระทา่ นจะย่ืนมือมารบั ถา้ ผปู้ ระเคนเป็นผหู้ ญิง พระผรู้ บั ทา่ นจะปผู า้ รบั ประเคนแลว้ ผปู้ ระเคนกเ็ อาของวางบนผา้ รบั ประเคน เสรจ็ พึงไหวห้ รอื กราบก็เป็นอนั เสรจ็ (ปี 44) จงอธิบายวธิ ีปฏิบตั ใิ นการประเคนของถวายพระ การเผดียงสงฆ/์ การอาราธนา การเผดยี งสงฆ์ (ปกิณกพธิ )ี หมายถงึ การแจง้ ความประสงคใ์ หส้ งฆท์ ราบ การอาราธนา (ปกณิ กพธิ ี) หมายถงึ การนิมนตพ์ ระสงฆใ์ นพิธีใหศ้ ลี สวดพระปรติ ร หรือแสดงธรรม (ปี 61) การเผดียงสงฆแ์ ละการอาราธนา ตา่ งกนั อยา่ งไร ? ตอบ ตา่ งกนั คอื การเผดยี งสงฆ์ ไดแ้ ก่ การแจง้ ความประสงคใ์ หส้ งฆท์ ราบ การอาราธนา ไดแ้ ก่ การนิมนตพ์ ระสงฆใ์ นพธิ ีใหศ้ ีล สวดพระปรติ ร หรอื แสดงธรรม ฯ (ปี 47) การเผดียงสงฆ์ และ การอาราธนา หมายถึงอะไร? (ปี 45) คาวา่ \"เผดียงสงฆ\"์ หมายถึงอะไร ? 18 | P a g e

ปาฏิบุคลิกทาน/สังฆทาน (ปี 63, 54) ปาฏบิ คุ ลิกทานและสงั ฆทาน ตา่ งกนั อยา่ งไร ? ตอบ ปาฏิบคุ ลิกทาน คอื ทานท่ถี วายเจาะจงเฉพาะพระรูปนน้ั รูปนี้ สงั ฆทาน คอื ทานท่ถี วายไมเ่ จาะจงพระรูปใด มอบเป็นของกลางใหส้ งฆเ์ ฉล่ยี กนั ใชส้ อย (ปี 60, 49, 44) ปาฏิบคุ ลกิ ทาน และ สงั ฆทาน หมายถงึ อะไร ? งานมงคล/อวมงคล (บญุ พธิ ี) (ปี 55, 45) เจรญิ พระพทุ ธมนต์ กบั สวดพระพทุ ธมนต์ ใชใ้ นพิธีตา่ งกนั อยา่ งไร? ตอบ เจรญิ พระพทุ ธมนต์ ใชใ้ นพธิ มี งคล สวดพระพุทธมนต์ ใชใ้ นพธิ ีอวมงคล (ปี 51) คาอาราธนาพระสงฆม์ าสวดมนตใ์ นพธิ ีทาบญุ งานมงคลกบั ในพธิ ีทาบญุ งานอวมงคล ต่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ ในงานมงคล ใชค้ าวา่ ขออาราธนาเจรญิ พระพทุ ธมนต์ สว่ นในงานอวมงคล ใชค้ าวา่ ขออาราธนาสวดพระพทุ ธมนต์ (ปี 51)ในพธิ ีทาบญุ งานมงคล เจา้ ภาพพึงจดุ เทยี นนา้ มนต์ เม่ือพระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนตส์ ตู รใด? ตอบ มงคลสตู ร ฯ (ปี 44) ในงานมงคลควรจดุ เทยี นนา้ มนตเ์ ม่ือไร? ตอบ เม่ือพระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนต์ ถงึ มงคลสตู ร ขนึ้ ตน้ บทว่า อเสวนา จ พาลาน พิธีเวยี นเทยี นในวนั สาคัญทางพทุ ธศาสนา (กุศลพธิ )ี วนั สาคัญทางศาสนา มี ๔ วนั (พิธีเวยี นเทยี นในวนั สาคญั ทางพุทธศาสนา) ๑.วนั มาฆบูชา ขนึ้ ๑๕ ค่าเดอื น ๓ เป็นวนั คลา้ ยวนั ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงโอวาทปาฏโิ มกขใ์ นทา่ มกลางพระอรยิ สงฆจ์ านวน ๑,๒๕๐ องค์ ๒.วนั วิสาขบชู า ขนึ้ ๑๕ ค่าเดอื น ๖ เป็นวนั คลา้ ยวนั ท่พี ระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ๓.วนั อัฏฐมีบชู า แรม ๘ คา่ เดอื น ๖ เป็นวนั คลา้ ยวนั ถวายพระเพลิงพระพทุ ธเจา้ ๔.วันอาสาฬหบชู า ขนึ้ ๑๕ ค่าเดือน ๘ เป็นวนั คลา้ ยวนั ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนา (ปี 62, 58) วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กาหนดไวก้ ี่วนั ? มีวนั อะไรบา้ ง? ตอบ ๔ วนั ฯ มวี นั วิสาขบชู า วนั อฏั ฐมีบชู า วนั มาฆบชู า และวนั อาสาฬหบชู า ฯ (ปี 60) วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาท่นี ยิ มประกอบพิธีการบชู าเป็นพเิ ศษ ในปีหน่ึง ๆ มวี นั อะไรบา้ ง ? ตอบ วนั วิสาขบชู า วนั อฏั ฐมีบชู า วนั มาฆบชู า และวนั อาสาฬหบชู า ฯ (ปี 59) วนั แรม ๘ ค่า เดอื น ๖ เป็นวนั อะไร ? มเี หตกุ ารณส์ าคญั อะไรเกดิ ขนึ้ ในวนั นน้ั ? ตอบ เป็นวนั อฏั ฐมีบชู า ฯ เป็นวนั ถวายพระเพลงิ พระพทุ ธสรีระ ฯ (ปี 50) วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาท่นี ยิ มประกอบพธิ ีกรรมมกี ารบชู าเป็นตน้ ปีหนง่ึ ๆ มีวนั อะไรบา้ ง? ตอบ วนั วสิ าขบชู า วนั อฏั ฐมีบชู า วนั มาฆบชู า และวนั อาสาฬหบชู า ฯ (ปี 50) การเดนิ เวยี นเทียนรอบปชู นยี สถานในวนั สาคญั ทางพระศาสนา เดนิ เวยี นซา้ ยหรือเดนิ เวยี นขวา? เดนิ เวยี นก่ีรอบ? แตล่ ะรอบพงึ ปฏบิ ตั ิอยา่ งไร? ตอบ การเดินเวยี นเทียนรอบสถานท่ี(ปชู นยี สถาน) เดนิ เวยี นขวา คือ เดินเวียนไปทางท่มี ือขวาของตน หนั เขา้ หาสถานท่ที ่เี วยี นนน้ั เวียน ๓ รอบ พึงปฏิบตั ิอยา่ งนี้ รอบท่ี ๑ พงึ ตงั้ ใจระลกึ ถงึ พระพทุ ธคณุ โดยนยั บท อิตปิ ิ โส ภควา อรห ฯลฯ 19 | P a g e

รอบท่ี ๒ พึงตงั้ ใจระลกึ ถงึ พระธรรมคณุ โดยนยั บท สฺวากขฺ าโต ภควตา ธมโฺ ม ฯลฯ รอบท่ี ๓ พึงตงั้ ใจระลกึ ถงึ พระสงั ฆคณุ โดยนยั บท สปุ ฏปิ นฺโ ภควโต สาวกสงฺโฆ ฯลฯ (ปี 48) วนั อาสาฬหบชู า ตรงกบั วนั อะไรทางจนั ทรคติ? มคี วามสาคญั อยา่ งไร? ตอบ ตรงกบั วนั เพ็ญเดือน ๘ กอ่ นวนั เขา้ ปรุ มิ พรรษา ๑ วนั ฯ มคี วามสาคญั เพราะเป็นวนั ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจ วคั คยี ท์ ่ปี ่าอิสิปตนมฤคทายวนั แขวงเมืองพาราณสี ในปีท่ตี รสั รูใ้ หม่ และผลของการแสดงพระธรรมเทศนากณั ฑน์ ี้ เป็นเหตใุ หพ้ ระโกณฑญั ญะ ไดด้ วงตาเหน็ ธรรม และทลู ขอบรรพชาอปุ สมบท เป็นพระอรยิ สงฆอ์ งคแ์ รกในพระพทุ ธศาสนา จงึ เป็นวนั ท่มี ีรตั นะครบ ๓ บรบิ รู ณ์ เรยี กวา่ พระ รตั นตรยั ฯ (ปี 45) วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กาหนดไวก้ ีว่ นั ? มีวนั อะไรบา้ ง ? วนั แรม ๘ คา่ เดือน ๖ เป็นวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาอยา่ งไร ? ตอบ ๔ วนั มวี นั วิสาขบชู า วนั อฏั ฐมีบชู า วนั มาฆบชู า และวนั อาสาฬหบชู า ฯ เป็นวนั อฏั ฐมีบชู า คอื วนั คลา้ ยกบั วนั ถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรรี ะ ฯ อโุ บสถ กบั ปกตอิ ุโบสถ (ปี 48) อโุ บสถ กบั ปกตอิ โุ บสถ หมายถงึ อะไร? ตอบ อโุ บสถ หมายถงึ การเขา้ จา คอื การจาศลี เป็นอบุ ายขดั เกลากเิ ลสอย่างหยาบใหเ้ บาบาง เป็นทางแห่งความสงบระงบั อนั เป็น ความสขุ อยา่ งสงู สดุ ในพระพทุ ธศาสนา ปกตอิ ุโบสถ หมายถงึ อโุ บสถท่รี กั ษากนั ในวนั พระตามปกตเิ ฉพาะวนั หนงึ่ คนื หน่ึงอยา่ งท่อี บุ าสกอบุ าสกิ ารกั ษาอย่ปู ัจจบุ นั บทสวดตอ้ งทอ่ งไปสอบ ให้ฝึ กเขยี นให้ถกู ตอ้ งทกุ บท () คาอาราธนาศลี ๕ (ออกปี 55, 51) มย ภนเฺ ต วิสุ วสิ ุ รกขฺ ณตถฺ าย ตสิ รเณน สห, ปญฺจ สลี านิ ยาจาม ทตุ ยิ มปฺ ิ, มย ภนฺเต วสิ ุ วสิ ุ รกฺขณตถฺ าย ติสรเณน สห, ปญฺจ สลี านิ ยาจาม ตตยิ มฺปิ, มยฺ ภนฺเต วสิ ุ วสิ ุ รกฺขณตฺถาย ตสิ รเณน สห, ปญฺจ สลี านิ ยาจาม คาอาราธนาพระปริตร (ออกปี 57, 54 , 45) วิปตฺติปฏพิ าหาย สพพฺ สมปฺ ตฺตสิ ทิ ฺธิยา สพพฺ ทกุ ขฺ วนิ าสาย ปรติ ตฺ พฺรูถ มงคฺ ล วปิ ตฺติปฏพิ าหาย สพพฺ สมปฺ ตฺติสทิ ธฺ ิยา สพพฺ ภยวนิ าสาย ปรติ ตฺ พฺรูถ มงฺคล วปิ ตฺตปิ ฏพิ าหาย สพฺพสมปฺ ตฺตสิ ทิ ธฺ ิยา สพฺพโรควนิ าสาย ปรติ ฺต พรฺ ูถ มงคฺ ล คาสมาทานอุโบสถศีล (ออกปี 52) => อยู่ในหมวดกศุ ลพธิ ี ๑.ปาณาตปิ าตา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ ๒.อทินฺนาทานา เวรมณีสกิ ขฺ าปท สมาทยิ ามิ 20 | P a g e

๓.อพรฺ หฺมจรยิ า เวรมณีสกิ ขฺ าปท สมาทิยามิ ๔.มสุ าวาทา เวรมณีสกิ ขฺ าปท สมาทิยามิ ๕.สรุ าเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณีสกิ ขฺ าปท สมาทยิ ามิ ๖.วิกาลโภชนา เวรมณีสิกขฺ าปท สมาทิยามิ ๗.นจฺจคตี วาทติ วสิ กู ทสฺสนา มาลาคนฺธวเิ ลปนธารณมณฺฑนวิภสู นฏฺฐานา เวรมณี สกิ ขฺ าปท สมาทยิ ามิ ๘.อจุ ฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สกิ ขฺ าปท สมาทิยามิ (ปี 52) อโุ บสถศลี มีก่ีขอ้ ? ขอ้ ท่ี ๓ วา่ อยา่ งไร? การเขา้ จาอโุ บสถศลี นอี้ ยใู่ นหมวดไหนของศาสนพธิ ี? ตอบ มี ๘ ขอ้ ฯ ขอ้ ท่ี ๓ วา่ อพรฺ หฺมจรยิ า เวรมณี สกิ ฺขาปท สมาทยิ ามิ ฯ อยใู่ นหมวดกศุ ลพธิ ี การกรวดนา้ (ปกณิ กพธิ ี ปี 49 ปี 47 ปี 43) (ปี 49, 43) การกรวดนา้ มวี ธิ ีทาอยา่ งไรบา้ ง ? คากรวดนา้ แบบยอ่ ท่สี ดุ วา่ อยา่ งไร ? ตอบ วธิ ีกรวดนา้ คือ เตรยี มนา้ สะอาดใส่ไวใ้ นภาชนะท่ใี สน่ า้ กรวด พอพระสงฆเ์ ร่มิ อนโุ มทนาดว้ ยบทว่า ยถา… ก็เรม่ิ กรวดนา้ เวลารนิ ไม่ใหน้ า้ ขาดสาย โดยตงั้ ใจนกึ อทุ ศิ ส่วนบญุ ฯ คากรวดนา้ แบบย่อวา่ อทิ เม ญาตีน โหตุ แปลวา่ ขอบญุ กศุ ลนี้ จงสาเรจ็ แกญ่ าติทง้ั หลายของขา้ พเจา้ เถิด (หรือ สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย แปลวา่ ขอญาติทงั้ หลายจงเป็นสขุ ๆ เถดิ ๆ) (ปี 47) เพ่อื ปฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ศาสนพิธี เจา้ ภาพพงึ กรวดนา้ และประนมมอื รบั พรตอนไหน? ตอบ เม่ือพระสงฆเ์ ร่มิ อนโุ มทนาดว้ ยบทวา่ ยถา วารวิ หา ฯเปฯ เจา้ ภาพพึงกรวดนา้ ไม่ใชน้ วิ้ มอื รอง เวลารนิ ไมใ่ หน้ า้ ขาดสาย พอว่าบท สพพฺ ี ตโิ ย ฯเปฯ รนิ นา้ ใหห้ มดแลว้ ประนมมือรบั พรต่อไปจนจบ ฯ (คาลากลบั บ้าน ปี 46) คาวา่ หนฺททานิ มย ภนเฺ ต อาปจุ ฺฉาม พหกุ จิ จฺ า มย พหกุ รณียา ใครเป็นผกู้ ล่าว และกลา่ วในโอกาสอะไร? ใครเป็นผู้ กลา่ วตอบคานนั้ และกลา่ ววา่ อยา่ งไร? ตอบ อบุ าสกอบุ าสิกาผไู้ ปฟังธรรมในวนั ธมั มสั สวนะเป็นผูก้ ล่าวในโอกาสลากลบั บา้ น ฯ พระสงฆก์ ลา่ ว และกลา่ วว่า ยสสฺ ทานิ ตมุ เฺ ห กาล มญฺญถ ฯ คาถวายสงั ฆทานพร้อมคาแปล (ปี 43) อมิ านิ มย ภนฺเต, ภตฺตาน,ิ สปรวิ ารานิ, ภิกขฺ สุ งฺฆสสฺ , โอโณชยาม, สาธุโน ภนฺเต, ภกิ ขฺ สุ งฺโฆ, อมิ าน,ิ ภตตฺ านิ สปรวิ ารานิ, ปฏคิ ฺคณหฺ าต,ุ อมฺ หาก, ทีฆรตฺต, หิตาย, สขุ าย แปล ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทง้ั หลายขอนอ้ มถวายซง่ึ ภตั ตาหารกบั ของท่เี ป็นบรวิ าร ทง้ั หลายเหลา่ นแี้ ด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆจ์ งรบั ซ่งึ ภตั ตาหารกบั ของทเ่ี ป็นบรวิ ารทงั้ หลาย เหลา่ นเี้ พ่อื ประโยชน์ เพ่อื ความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลายสนิ้ กาลนานเทอญ 21 | P a g e

ทบทวน วนิ ัยมขุ เรอื่ งการบวช วิธอี ปุ สมบทมี ๓ อยา่ ง ๑.เอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา พระพทุ ธเจา้ บวชให้ ดว้ ยวาจาวา่ “เธอจงเป็ นภกิ ษุมาเถดิ ” ๒.ติสรณคมนูปสมั ปทา พระสาวกบวชให้ อปุ สมบทดว้ ยการใหถ้ งึ สรณะ ๓ ในปัจจบุ นั เป็นการบวชเณร ๓.ญัตตจิ ตุตถกัมมอุปสัมปทา มอบใหส้ งฆเ์ ป็นใหญ่ในการอปุ สมบท อปุ สมบทดว้ ยกรรมมญี ตั ตเิ ป็นท่ี ๔ (ปี 47) อปุ สมั ปทา (การอปุ สมบท) มี ๓ วธิ ี ในปัจจบุ นั ใชว้ ธิ ีไหน? กาหนดสงฆอ์ ยา่ งต่าไวเ้ ทา่ ไร? ตอบ ใชญ้ ัตติจตตุ ถกมั มอปุ สมั ปทา การอปุ สมบทดว้ ยกรรมมญี ตั ตเิ ป็นท่ี ๔ ฯ กาหนดสงฆอ์ ย่างต่าไวค้ อื ในมธั ยมประเทศ ๑๐ รูป ในปัจจนั ตชนบท ๕ รูป ฯ ความหมายพระวนิ ัย พระวนิ ัย ไดแ้ ก่ พระพทุ ธบญั ญตั ิ และอภิสมาจาร [ทงั้ ๒ นเี้ รยี กวา่ พระวินยั ] พุทธบัญญตั ิ คอื ขอ้ หา้ มท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงตงั้ ขนึ้ เพ่อื ป้องกนั ความประพฤตเิ สียหาย และวางโทษแก่ภกิ ษุผลู้ ่วงละเมิดดว้ ยปรบั อาบตั ิหนกั บา้ ง เบาบา้ ง อภสิ มาจาร คอื ขนบธรรมเนยี มท่ที รงแต่งตงั้ ขนึ้ เพ่อื ชกั นาความประพฤติของภกิ ษุสงฆใ์ หด้ งี าม (ปี 62 ,58) พระวินยั คืออะไร ? ภกิ ษุรกั ษาพระวินยั แลว้ ยอ่ มไดอ้ านิสงสอ์ ะไร ? ตอบ คอื พระพทุ ธบญั ญตั แิ ละอภสิ มาจาร ฯ ไดอ้ านสิ งส์ คอื ไมต่ อ้ งเดือดรอ้ นใจ ไดร้ บั ความแชม่ ชน่ื ว่า ไดป้ ระพฤตดิ ีงาม จะเขา้ หมภู่ ิกษุผมู้ ศี ลี กอ็ งอาจไม่สะทกสะทา้ น ฯ (ปี 55) ภกิ ษุผปู้ ฏบิ ตั ิอยา่ งไร จงึ ช่อื วา่ มีศีล? ตอบ ภิกษุสารวมกายวาจาใหเ้ รยี บรอ้ ย เวน้ ขอ้ ท่ที รงหา้ ม ทาตามขอ้ ท่ที รงอนญุ าต จงึ ชื่อว่ามีศลี (ปี 53) พระวนิ ยั ไดแ้ กอ่ ะไร? สิกขาบทท่เี ป็นอเตกิจฉา คือท่ภี ิกษลุ ่วงละเมดิ แลว้ ไม่สามารถจะแกไ้ ขได้ ไดแ้ กอ่ ะไร? ตอบ ไดแ้ ก่ พระพทุ ธบญั ญตั ิ และอภิสมาจาร ฯ ไดแ้ ก่ ปาราชกิ ๔ (ปี 52) พทุ ธบญั ญตั แิ ละอภสิ มาจาร คอื อะไร? ทง้ั ๒ รวมเรยี กวา่ อะไร? ตอบ พทุ ธบญั ญตั ิ คอื ขอ้ หา้ มทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงตงั้ ขนึ้ เพ่อื ปอ้ งกนั ความประพฤติเสียหาย และวางโทษแกภ่ กิ ษุผลู้ ่วงละเมดิ ดว้ ยปรบั อาบตั ิ หนกั บา้ ง เบาบา้ ง สว่ นอภสิ มาจาร คือขนบธรรมเนยี มท่ีทรงแตง่ ตงั้ ขนึ้ เพ่อื ชกั นาความประพฤติของภกิ ษุสงฆใ์ หด้ งี าม ฯ ทงั้ ๒ นีร้ วมเรยี กว่า พระวนิ ัย ฯ (ปี 50) พระศาสดาทรงบญั ญตั พิ ระวินยั ไวเ้ พ่อื อะไร? ตอบ เพ่อื ปอ้ งกนั ความประพฤตเิ สยี หายของภกิ ษุสงฆ์ และเพ่อื ชกั นาความประพฤตขิ องภกิ ษุสงฆใ์ หด้ งี าม (ปี 49) ทาไมตอ้ งมพี ระวนิ ยั สาหรบั ปกครองหม่ภู กิ ษุ และหม่ภู ิกษุทาไมตอ้ งประพฤตติ ามพระวินยั ? ตอบ หากจะไมม่ พี ระวินยั สาหรบั ปกครอง หรือหม่ภู กิ ษุจะไม่ประพฤตติ ามพระวินยั ก็จะเป็นหมู่ภกิ ษุท่เี ลวทราม ไมเ่ ป็นท่ตี งั้ แหง่ ศรทั ธาและ เลอื่ มใส แต่ถา้ ตา่ งรูปประพฤติตามพระวนิ ยั ก็จะเป็นหมภู่ กิ ษุท่ดี ี ทาใหเ้ กิดศรทั ธาเลื่อมใส พระวนิ ยั จึงรกั ษาหม่ภู ิกษใุ หต้ งั้ อยเู่ ป็นอนั ดี และทา ใหเ้ ป็นหมทู่ ่งี ดงาม ฯ (ปี 49) พระศาสดาผเู้ ป็นสงั ฆบดิ รดแู ลภกิ ษุสงฆ์ ทรงทาหนา้ ท่ที างพระวนิ ยั อยา่ งไร ? ตอบ ทรงทาหนา้ ท่ี ๒ ประการ คอื 1|P a g e

๑.ทรงตงั้ พทุ ธบญั ญตั เิ พ่อื ป้องกนั ความประพฤตเิ สยี หาย และวางโทษแก่ภกิ ษุผลู้ ว่ งละเมิดดว้ ยปรบั อาบตั หิ นกั บา้ งเบาบา้ ง ๒.ทรงตงั้ ขนบธรรมเนียม ซ่งึ เรียกวา่ อภสิ มาจารเพ่อื ชกั นาความประพฤตขิ องภิกษุสงฆใ์ หด้ งี าม (ปี 48) ในพระวนิ ยั กาหนด ๑ ปีมีก่ีฤดู? อะไรบา้ ง? ตงั้ แตว่ นั แรม ๑ ค่าเดือน ๘ ถงึ วนั ขนึ้ ๑๕ ค่า เดอื น ๑๒ เป็นฤดูอะไร? ตอบ ๓ ฤดู คอื ฤดหู นาว ๑ ฤดรู อ้ น ๑ ฤดฝู น ๑ ฯ ฤดฝู น ฯ (ปี 46) ขอ้ ความวา่ “ พระศาสดาทรงตงั้ อยใู่ นท่เี ป็นพระธรรมราชาผปู้ กครอง ” หมายความวา่ อยา่ งไร? ตอบ หมายความวา่ ทรงตงั้ พระพทุ ธบญั ญัติเพ่ือปอ้ งกนั ความประพฤติเสยี หาย และวางโทษแก่ผลู้ ่วงละเมดิ ดว้ ยปรบั อาบตั หิ นกั บา้ ง เบาบา้ ง อยา่ งเดยี วกบั พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงตราพระราชบญั ญัติ ฯ (ปี 46) พระบญั ญัติท่ที รงตงั้ ไวเ้ ดมิ เรียกว่าอะไร ? ตอบ เรียกวา่ มลู บญั ญตั ิ ฯ (ปี 45) พระวินยั คอื อะไร? ตอบ คอื พระพทุ ธบญั ญัตแิ ละอภิสมาจาร ฯ (ปี 45) \"อาทกิ มั มกิ ะ\" ความหมายอยา่ งไร? ตอบ ภิกษุผกู้ อ่ เหตใุ หท้ รงบญั ญตั สิ กิ ขาบทขนึ้ (ปี 44) พทุ ธบญั ญตั ิ มลู บญั ญัติ อนบุ ญั ญตั ิ คอื อะไร? ตอบ พุทธบญั ญตั ิ คือขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงตงั้ ไวเ้ ป็นบทบงั คบั ใหภ้ ิกษุประพฤติ มลู บญั ญตั ิ คือขอ้ ท่ที รงบญั ญตั ไิ วเ้ ดมิ อนุบัญญตั ิ คอื ขอ้ ท่ที รงบญั ญตั เิ พม่ิ เติมภายหลงั (ปี 44) ทา่ นเปรียบพระวนิ ยั เหมอื นดา้ ยรอ้ ยดอกไม้ หมายความวา่ อย่างไร? ตอบ หมายความวา่ ดา้ ยรอ้ ยดอกไมค้ วบคมุ ดอกไมไ้ วไ้ ม่ใหก้ ระจดั กระจายฉนั ใด พระวินยั ยอ่ มรกั ษาสงฆใ์ หต้ งั้ อยเู่ ป็นอนั ดฉี นั นน้ั อานิสงสข์ องผูร้ ักษาวนิ ัยดี ๑.ไมเ่ ดือดรอ้ นใจภายหลงั (เกิดวปิ ฏิสาร) ๒.ไดร้ บั ความแชม่ ช่ืนใจ เพราะรูส้ กึ ว่าตนประพฤตดิ งี ามแลว้ ๓.มคี วามองอาจในหมภู่ ิกษุผมู้ ศี ลี (ปี 59) ภิกษุปฏิบตั ศิ ลี สมาธิ ปัญญาดแี ลว้ จะไดร้ บั ประโยชนอ์ ย่างไร ? ตอบ ย่อมไดร้ บั ประโยชน์ คือ ปฏิบตั ิศลี ทาใหเ้ ป็นผมู้ กี าย วาจาเรยี บรอ้ ย ปฏิบตั ิสมาธิ ทาใหใ้ จสงบม่นั คง ไมฟ่ งูุ้ ซ่าน ปฏิบตั ิปัญญา ทาใหร้ อบรูใ้ นกองสงั ขาร ฯ (ปี 58) พระวินยั คืออะไร ? ภิกษุรกั ษาพระวนิ ยั แลว้ ย่อมไดอ้ านสิ งสอ์ ะไร ? ตอบ คือพระพทุ ธบญั ญตั ิและอภสิ มาจาร ฯ ไดอ้ านิสงส์ คอื ไมต่ อ้ งเดอื ดรอ้ นใจ ไดร้ บั ความแชม่ ช่นื วา่ ไดป้ ระพฤตดิ งี าม จะเขา้ หมภู่ ิกษุผมู้ ศี ลี กอ็ งอาจไม่สะทกสะทา้ น ฯ (ปี 54 ,44) พระภิกษุผรู้ กั ษาพระวนิ ยั ดีโดยถกู ทางแลว้ ยอ่ มไดอ้ านสิ งสอ์ ะไร? ความหมายสกิ ขา สิกขาบท อาบตั ิ สิกขา ไดแ้ ก่ ขอ้ ท่ภี กิ ษุควรศกึ ษา มี ๓ อยา่ ง คอื สลี สิกขา จติ ตสกิ ขา และ ปัญญาสกิ ขา สิกขาบท ไดแ้ ก่ พระบญั ญตั ิมาตราหนึง่ ๆ (มาในพระปาติโมกข์ และมานอกปาตโิ มกข)์ อาบัติ ไดแ้ ก่ โทษทเ่ี กดิ เพราะความละเมิดในขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ หา้ ม 2|P a g e

(ปี 63 ,61) สิกขา คอื อะไร ? มีอะไรบา้ ง ? ตอบ คอื ขอ้ ท่ภี กิ ษุตอ้ งศกึ ษาฯ มี ๑. ศีล ความรกั ษากาย วาจา ใหเ้ รยี บรอ้ ย ๒. สมาธิ ความรกั ษาใจม่นั ๓. ปัญญา ความรอบรูใ้ นกองสงั ขาร ฯ (ปี 60) สกิ ขา กบั สกิ ขาบท ตา่ งกนั อยา่ งไร ? ตอบ ตา่ งกนั อย่างนี้ สกิ ขา ไดแ้ กข่ อ้ ท่คี วรศกึ ษา คือศลี สมาธิ และปัญญา ฯ สิกขาบท ไดแ้ ก่พระบญั ญตั มิ าตราหน่ึง ๆ ฯ (ปี 58) สกิ ขาบทท่มี าในพระปาตโิ มกขม์ ีเทา่ ไร ? สิกขาบทว่าดว้ ยปาราชกิ มีอะไรบา้ ง ? ตอบ มี ๒๒๗ สกิ ขาบท ฯ มี ๑. เสพเมถนุ ๒. ภิกษุถือเอาของทเ่ี จา้ ของเขาไม่ไดใ้ ห้ ไดร้ าคา ๕ มาสก ๓. ภิกษุแกลง้ ฆา่ มนษุ ยใ์ หต้ าย ๔. ภิกษุอวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรม (คอื ธรรมอนั ยิ่งของมนษุ ย)์ ท่ไี มม่ ใี นตน ฯ (ปี 57) สกิ ขา และ สิกขาบท ไดแ้ ก่อะไร? ตอบ สกิ ขา ไดแ้ กข่ อ้ ท่คี วรศกึ ษา สิกขาบท ไดแ้ กพ่ ระบญั ญตั มิ าตราหนงึ่ ๆ ฯ (ปี 56) อาบตั ิ คอื อะไร? อาการทภ่ี กิ ษุตอ้ งอาบตั มิ ี ๖ อยา่ ง จงบอกมาสกั ๓ อยา่ ง ฯ ตอบ คือ โทษทเ่ี กดิ เพราะความละเมดิ ในขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงหา้ ม ฯ (เลอื กตอบเพียง ๓ ขอ้ ) ๑. ตอ้ งดว้ ยไมล่ ะอาย ๔. ตอ้ งดว้ ยสาคญั ว่าควรในของท่ไี ม่ควร ๒. ตอ้ งดว้ ยไม่รูว้ า่ ส่ิงนจี้ ะเป็นอาบตั ิ ๕. ตอ้ งดว้ ยสาคญั ว่าไมค่ วรในของท่คี วร ๓. ตอ้ งดว้ ยสงสยั แลว้ ขนื ทาลง ๖. ตอ้ งดว้ ยลมื สติฯ (ปี 54) สิกขา สิกขาบท และอาบตั ิ ไดแ้ ก่อะไร? (ปี 52 ,47 ,45) สิกขากบั สิกขาบท ต่างกนั อยา่ งไร? อยา่ งไหนมเี ทา่ ไร? อะไรบา้ ง? ตอบ สกิ ขา คือ ขอ้ ท่ภี กิ ษุควรศกึ ษา มี ๓ ไดแ้ ก่ สีลสิกขา จติ ตสิกขา ปัญญาสกิ ขา สว่ นสกิ ขาบท คือ พระบญั ญตั มิ าตราหน่งึ ๆ เป็นสกิ ขาบทหนงึ่ ๆ มี ๒๒๗ สกิ ขาบท ไดแ้ ก่ ปาราชกิ ๔ สงั ฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นสิ สคั คยิ ปาจิตตีย์ ๓๐ ปาจติ ตยี ์ ๙๒ ปาฏเิ ทสนยี ะ ๔ เสขยิ ะ ๗๕ และ อธิกรณสมถะ ๗ ฯ (ปี 51) อะไรเรียกวา่ สิกขาบท? มาจากไหน? ตอบ พระบญั ญตั มิ าตราหน่ึง ๆ เรียกวา่ สกิ ขาบท ฯ มาในพระปาตโิ มกข์ ๑ มานอกพระปาตโิ มกข์ ๑ ฯ (ปี 50 ,45) สกิ ขาบทท่มี มี าในพระปาติโมกข์ มีเทา่ ไร? วา่ โดยหมวดมีอะไรบา้ ง? ตอบ มี ๒๒๗ สิกขาบท ฯ มี ปาราชิก ๔ สงั ฆาทเิ สส ๑๓ อนยิ ต ๒ นิสสคั คยิ ปาจิตตีย์ ๓๐ ปาจติ ตยี ์ ๙๒ ปาฏเิ ทสนยี ะ ๔ เสขิยะ ๗๕ อธิกรณสมถะ ๗ ฯ (ปี 45) สกิ ขา ๓ เม่ือศกึ ษาแลว้ จะไดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร? ตอบ ยอ่ มไดป้ ระโยชนด์ งั นี้ ศกึ ษาเรื่องศีล ทาใหเ้ ป็นผมู้ ีกาย วาจาเรียบรอ้ ย ศกึ ษาเร่อื งสมาธิทาใหใ้ จสงบม่นั คง ไม่ฟงุ้ ซา่ น ศกึ ษาเรอ่ื งปัญญา ทาใหร้ อบรูใ้ นกองสงั ขาร ฯ อาบตั ทิ เี่ ป็ นโลกวชั ชะ/อาบตั ทิ เ่ี ป็ นปัณณัตตวิ ชั ชะ (ปี 52 ,44) อาบตั ิ คืออะไร? อาบตั ทิ ่ีเป็นโลกวชั ชะและท่เี ป็นปัณณตั ตวิ ชั ชะหมายความว่าอยา่ งไร?จงยกตวั อยา่ งประกอบดว้ ย ตอบ คือ โทษท่เี กิดเพราะความละเมิดในขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ หา้ ม ฯ 3|P a g e

อาบัตทิ เ่ี ป็ นโลกวชั ชะหมายความวา่ อาบตั ทิ ่ีมโี ทษซง่ึ ภกิ ษุทาเป็นความผิดความเสยี คนสามญั ทากเ็ ป็นความผิดความเสียเหมือนกนั เช่น ทาโจรกรรม เป็นตน้ สว่ นทเ่ี ป็นปัณณัตติวชั ชะหมายความว่า อาบตั ทิ ่ีมโี ทษเฉพาะภิกษุทา แตค่ นสามญั ทาไมเ่ ป็นความผิดความเสีย เช่น ขดุ ดนิ เป็นตน้ ฯ อนุศาสน์ ๘ นิสสยั ๔ คอื ปัจจยั เครอื่ งอาศยั ของบรรพชติ ๑.เท่ยี วบณิ ฑบาต ๒.น่งุ หม่ ผา้ บงั สกลุ ๓.อยโู่ คนไม้ ๔.ฉนั ยาดองดว้ ยนา้ มตู รเนา่ อกรณยี กจิ ๔ คือ กิจท่ีไมค่ วรทา ๑.เสพเมถนุ ๒.ลกั ของเขา ๓.ฆา่ สตั ว์ ๔.พดู อวดคณุ พเิ ศษท่ไี ม่มใี นตน (ปี 63 ,56) อกรณียกจิ คอื กจิ ท่บี รรพชติ ไม่ควรทา มกี ี่อยา่ ง? อะไรบา้ ง? ตอบ มี ๔ อยา่ ง ฯ คือ ๑. เสพเมถนุ ๒. ลกั ของเขา ๓. ฆา่ สตั ว์ ๔. พดู อวดคณุ พเิ ศษท่ไี ม่มใี นตน ฯ (ปี 62 ,53) นิสสยั คืออะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบา้ ง ? ตอบ คือปัจจยั เครอ่ื งอาศยั ของบรรพชติ ฯ มี ๔ อย่าง ฯ ไดแ้ ก่ ๑. เท่ยี วบิณฑบาต ๒. น่งุ หม่ ผา้ บงั สกุ ลุ ๓. อยโู่ คนตน้ ไม้ ๔. ฉนั ยาดองดว้ ยนา้ มตู รเน่า ฯ (ปี 61 ,59) กิจท่บี รรพชติ ไมค่ วรทา เรยี กวา่ อะไร ? มีอะไรบา้ ง ? ตอบ เรยี กวา่ อกรณียกจิ ฯ มี ๔ คือ ๑. เสพเมถนุ ๒. ลกั ทรพั ย์ ๓. ฆ่าสตั ว์ ๔. พดู อวดคณุ วเิ ศษท่ไี ม่มีในตน ฯ (ปี 60, 47 ,44) นสิ สยั และ อกรณียกิจ คืออะไร ? ทงั้ ๒ อย่างรวมเรยี กวา่ อะไร ? ตอบ นิสสยั คือ ปัจจยั เครอ่ื งอาศยั ของบรรพชติ อกรณยี กิจคือ กจิ ท่ีบรรพชิตไม่ควรทา ฯ ทง้ั ๒ อย่าง รวมเรยี กวา่ อนศุ าสน์ ฯ (ปี 58) ปัจจยั เคร่อื งอาศยั ของบรรพชิตเรยี กวา่ อะไร ? มีก่ีอยา่ ง ? อะไรบา้ ง ? ตอบ เรยี กวา่ นิสสยั ฯ มี ๔ อยา่ งฯ คอื ๑.เท่ยี วบณิ ฑบาต ๒.นงุ่ หม่ ผา้ บงั สกุ ลุ ๓.อย่โู คนตน้ ไม้ ๔.ฉนั ยาดองดว้ ยนา้ มตู รเนา่ ฯ (ปี 55) นิสสยั ๔ ในอนศุ าสน์ ๘ อย่าง หมายถึงอะไร? มีอะไรบา้ ง? (ปี 51) อรณียกิจ ๔ คืออะไร? ขอ้ ท่ี ๓ วา่ อยา่ งไร ตอบ คอื กจิ ท่ีไม่ควรทา ๔ ฯ วา่ ฆา่ สตั ว์ ฯ (ปี 49 ,48) กจิ ท่บี รรพชติ ไม่ควรทาซง่ึ เรยี กวา่ อกรณียกจิ มีก่ีอยา่ ง? อะไรบา้ ง? อาบัติมโี ทษ ๓ สถาน • อย่างหนัก ยงั ผตู้ อ้ งใหข้ าดจากความเป็นภกิ ษุ • อยา่ งกลาง ยงั ผตู้ อ้ งใหอ้ ยกู่ รรม คอื ประพฤตวิ ตั รอยา่ งหนงึ่ เพ่อื ทรมานตน • อย่างเบา ยงั ผตู้ อ้ งใหป้ ระจานตนต่อหนา้ ภกิ ษดุ ว้ ยกนั ฯ อาบตั ิมีโทษ ๒ สถาน • อเตกิจฉา อาบตั ิท่แี กไ้ ขไมไ่ ด้ • สเตกจิ ฉา อาบตั ิท่แี กไ้ ขได้ (ปี 61) อาบตั ิ คืออะไร ? มีโทษกสี่ ถาน ? อะไรบา้ ง ? ตอบ คอื โทษทเ่ี กดิ เพราะความละเมิดในขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงหา้ ม ฯ มี ๓ สถาน ฯ คือ อยา่ งหนกั ยงั ผตู้ อ้ งใหข้ าดจากความเป็นภิกษุ 4|P a g e

อยา่ งกลาง ยงั ผตู้ อ้ งใหอ้ ย่กู รรม คอื ประพฤตวิ ตั รอยา่ งหนง่ึ เพ่อื ทรมานตน อยา่ งเบา ยงั ผตู้ อ้ งใหป้ ระจานตนต่อหนา้ ภกิ ษดุ ว้ ยกนั ฯ (หรอื จะตอบวา่ มี ๒ สถาน คอื แกไ้ ขได้ และแก้ไขไมไ่ ด้ ก็ได)้ (ปี 57) จงอธิบายความหมายของอาบตั ติ อ่ ไปนี้ ก. สเตกจิ ฉา ข. สจติ ตกะ ตอบ ก. ไดแ้ กอ่ าบตั ทิ ่ีแกไ้ ขได้ ข. ไดแ้ กอ่ าบัตทิ ตี่ อ้ งเพราะมีเจตนา ฯ (ปี 55 ,45 ,44) อเตกจิ ฉา และสเตกจิ ฉา ไดแ้ กอ่ าบตั อิ ะไร? ทง้ั ๒ อยา่ งนน้ั ภิกษุตอ้ งเขา้ แลว้ จะเกดิ โทษอยา่ งไร? ตอบ อเตกจิ ฉา อาบตั ทิ ่ี แกไ้ ขไมไ่ ด้ คอื ปาราชกิ ทาใหข้ าดจากความเป็นภิกษุ ฯ สเตกจิ ฉา อาบตั ิท่แี กไ้ ขได้ คอื สงั ฆาทเิ สส และอาบัตอิ ีก ๕ ทเ่ี หลอื ฯ สงั ฆาทิเสสตอ้ งอยกู่ รรมจงึ พน้ ได้ อาบตั ิอกี ๕ ท่เี หลอื พึงแสดงตอ่ หนา้ สงฆห์ รอื คณะหรอื รูปใดรูปหน่ึงจงึ พน้ ได้ ฯ (ปี 54) ครุกาบตั ิ ท่แี กไ้ ขไดก้ ม็ ี ท่แี กไ้ ขไม่ไดก้ ม็ ี ท่แี กไ้ ขไดไ้ ดแ้ กอ่ าบตั ิอะไร? ตอบ ท่แี กไ้ ขได้ ไดแ้ ก่ อาบตั สิ งั ฆาทิเสส ท่ีแกไ้ ม่ได้ ไดแ้ กอ่ าบตั ปิ าราชิก (ปี 50) เม่ือภกิ ษตุ อ้ งอาบตั แิ ลว้ จะพึงปฏิบตั ิอยา่ งไร? ตอบ พงึ บอกภกิ ษุดว้ ยกนั ในวนั นน้ั และพงึ แกไ้ ขตามวิธีนน้ั ๆ ฯ (ปี 49 ,44) คาวา่ ตอ้ งอาบตั ิ หมายความวา่ อยา่ งไร? อาบตั ิมีโทษก่ีสถาน? อะไรบา้ ง? ตอบ หมายความวา่ ตอ้ งโทษ คอื มคี วามผดิ ฐานละเมิดขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงหา้ ม ฯ มี ๓ สถาน คอื อย่างหนัก อยา่ งกลาง และ อยา่ งเบา (หรือจะตอบวา่ มี ๒ สถาน คอื แกไ้ ขได้ และแก้ไขไม่ได้ กไ็ ด้) สจติ ตกะ/อจติ ตกะ สจิตตกะ อาบตั ิท่ตี อ้ งเพราะมเี จตนาล่วงละเมดิ อจิตตกะ อาบตั ทิ ต่ี อ้ งแมไ้ ม่มเี จตนาล่วงละเมดิ (ปี 59) ปาราชกิ ทง้ั ๔ สกิ ขาบท เป็นสจติ ตกะหรืออจิตตกะ ? เพราะเหตใุ ด ? ตอบ เป็นสจติ ตกะ ฯ เพราะมเี จตนาล่วงละเมดิ ฯ (ปี 57) จงอธิบายความหมายของ สจิตตกะ (ปี 48) สจติ ตกะ และ อจติ ตกะ มคี วามหมายอยา่ งไร ตอบ สจติ ตกะ อาบตั ทิ ่ตี อ้ งเพราะมเี จตนาลว่ งละเมิด อจติ ตกะ อาบตั ิทต่ี อ้ งแมไ้ ม่มเี จตนาล่วงละเมดิ ฯ อาการทภี่ กิ ษุตอ้ งอาบตั ิ ๖ อย่าง ๑.ตอ้ งดว้ ยไมล่ ะอาย ๔.ตอ้ งดว้ ยสาคญั วา่ ควรในของท่ไี มค่ วร ๒.ตอ้ งดว้ ยไม่รูว้ า่ สงิ่ นจี้ ะเป็นอาบตั ิ ๕.ตอ้ งดว้ ยสาคญั วา่ ไมค่ วรในของท่คี วร ๓.ตอ้ งดว้ ยสงสยั แลว้ ขนื ทา ๖.ตอ้ งดว้ ยลมื สติ (ปี 60, 59 ,43) อาบตั ิคืออะไร ? อาการท่ภี กิ ษุตอ้ งอาบตั ิ ๖ อยา่ งนน้ั อยา่ งไหนเสยี หายมากท่สี ดุ ? ตอบ คือ โทษท่เี กิดเพราะความละเมิดในขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ หา้ ม ฯ ตอ้ งดว้ ยไมล่ ะอาย จดั วา่ เสียหายมากท่สี ดุ ฯ (ปี 56) อาบตั ิ คอื อะไร? อาการท่ภี ิกษุตอ้ งอาบตั มิ ี ๖ อยา่ ง จงบอกมาสกั ๓ อยา่ ง ฯ ตอบ คอื โทษท่เี กิดเพราะความละเมิดในขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงหา้ ม ฯ (เลอื กตอบเพียง ๓ ขอ้ ) ๑.ตอ้ งดว้ ยไม่ละอาย ๒.ตอ้ งดว้ ยไมร่ ูว้ า่ สงิ่ นจี้ ะเป็นอาบตั ิ ๓.ตอ้ งดว้ ยสงสยั แลว้ ขืนทา ๔.ตอ้ งดว้ ยสาคญั วา่ ควรในของทไ่ี ม่ควร ๕.ตอ้ งดว้ ยสาคญั วา่ ไม่ควรในของท่คี วร ๖.ตอ้ งดว้ ยลมื สติ ฯ 5|P a g e

(ปี 54) อาการท่ภี ิกษุจะตอ้ งอาบตั ิ มอี ะไรบา้ ง? (ปี 50) อาการท่ภี กิ ษุจะตอ้ งอาบตั ิ มีเทา่ ไร? ตอ้ งดว้ ยไม่ละอาย มอี ธิบายอย่างไร? ตอบ มี ๖ อยา่ ง ฯ ภิกษุรูอ้ ย่แู ลว้ และละเมดิ พระบญั ญัตดิ ว้ ยใจดา้ นไม่รูจ้ กั ละอาย ช่ือว่าตอ้ งดว้ ยไมล่ ะอาย ฯ (ปี 47) อาการท่ภี กิ ษุจะตอ้ งอาบตั ิขอ้ ท่วี า่ ตอ้ งดว้ ยสงสยั แลว้ ขืนทาลง มอี ธิบายอยา่ งไร ? ตอบ มีอธิบายว่า ภกิ ษุสงสยั อยวู่ า่ ทาอยา่ งนนั้ ๆ ผดิ พระบญั ญตั หิ รือไม่ แตข่ นื ทาดว้ ยความสะเพรา่ เชน่ นี้ ถา้ การท่ที านน้ั ผดิ พระบญั ญตั ิก็ตอ้ ง อาบตั ติ ามวตั ถุ ถา้ ไม่ผิด ก็ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏเพราะสงสยั แลว้ ขนื ทา ฯ (ปี 45) อาการท่ภี ิกษุจะตอ้ งอาบตั ิมีเทา่ ไร? อะไรบา้ ง? อาบตั วิ า่ โดยชอื่ มี ๗ อยา่ ง คือ… ๗.ทพุ ภาสติ ๑.ปาราชกิ ๒.สงั ฆาทิเสส ๓.ถลุ ลจั จยั ๔.ปาจิตตีย์ ๕.ปาฏิเทสนียะ ๖.ทกุ กฏ (ปี 63 ,57) อาบตั ิ คอื อะไร? วา่ โดยช่ือมอี ะไรบา้ ง? ตอบ อาบตั ิ คอื โทษท่เี กิดเพราะความละเมดิ ในขอ้ ท่พี ระพทุ ธเจา้ หา้ ม ฯ มี ๑. ปาราชกิ ๒. สงั ฆาทิเสส ๓. ถลุ ลจั จยั ๔. ปาจติ ตยี ์ ๕. ปาฏิเทสนยี ะ ๖. ทกุ กฏ ๗. ทพุ ภาสิต ฯ (ปี 53) อาบตั ิวา่ โดยช่ือมกี ่ีอยา่ ง? อะไรบา้ ง? อนุปสมั บนั หมายถงึ บคุ คลท่มี ใิ ชภ่ ิกษุ (ปี 54) อนปุ สมั บนั หมายถงึ ? เภสชั ๕ ไดแ้ ก่ เนยใส เนยขน้ นา้ มนั นา้ ผึง้ นา้ ออ้ ย พระภกิ ษุรับประเคนแล้วเกบ็ ไว้ฉันได้ ๗ วนั (ปี 63 ,57) เภสชั ๕ ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง? ตอบ ไดแ้ ก่ เนยใส เนยขน้ นา้ มนั นา้ ผงึ้ นา้ ออ้ ย ฯ (ปี 61 ,43) เภสชั ๕ มีอะไรบา้ ง? นา้ ตาลทรายจดั เขา้ ในเภสชั ประเภทใด? ตอบ เภสชั ๕ มี เนยใส เนยขน้ นา้ มนั นา้ ผงึ้ นา้ ออ้ ย นา้ ตาลทรายจดั เขา้ ในนา้ ออ้ ย (ปี 54 ,48) เภสชั ๕ ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง? ภิกษุรบั ประเคนแลว้ เกบ็ ไวฉ้ นั ไดก้ ี่วนั เป็นอยา่ งยง่ิ ? (ปี 51) เภสชั ๕ ในปัตตวรรคท่ี ๓ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง? รบั ประเคนแลว้ เก็บไวฉ้ นั ไดก้ ่วี นั ? ไตรครอง/อตเิ รกจวี ร/จีวรกาล จวี รกาล หมายถงึ คราวท่เี ป็นฤดถู วายจวี ร (คอื อย่จู าพรรษาแลว้ ถา้ ไม่ไดก้ รานกฐิน นบั แตว่ นั ปวารณาไป ๑ เดอื น ถา้ ไดก้ รานกฐิน เพ่ิม ออกไปอกี ๔ เดอื นในฤดหู นาว) ไตรจีวร ประกอบดว้ ย ผา้ สงั ฆาฏิ (ผา้ คลมุ ) ผ้าอตุ ตราสงค์ (จีวร หรือ ผา้ หม่ ) และอนั ตรวาสก (สบง หรอื ผา้ นงุ่ ) ผ้าไตรครอง เป็นผา้ ท่ภี ิกษอุ ธิษฐาน มีจานวนจากดั คอื ๓ ผืน อติเรกจวี ร หมายถงึ จวี รท่ไี มใ่ ชจ่ วี รอธิษฐาน [หรือ ผา้ ท่นี อกเหนอื จากผา้ ไตรครองมไี ดไ้ มจ่ ากดั จานวน] ผา้ จานาพรรษา ไดแ้ ก่ผา้ ท่ที ายกถวายแกภ่ กิ ษุผปู้ วารณาออกพรรษาแลว้ (ปี 61) ผา้ ไตรจวี ร ท่ที รงอนญุ าตใหภ้ ิกษุอธษิ ฐานไวใ้ ชม้ กี ี่อยา่ ง ? อะไรบา้ ง ? 6|P a g e

ตอบ มี ๓ อยา่ ง ฯ คอื ๑. สงั ฆาฏิ (ผา้ คลมุ ) ๒. อตุ ตราสงค์ (ผา้ หม่ ) ๓. อนั ตรวาสก (ผา้ นงุ่ ) ฯ (ปี 57) อตเิ รกจวี ร และผา้ จานาพรรษา ไดแ้ กผ่ า้ เชน่ ไร? ตอบ อตเิ รกจวี ร ไดแ้ กผ่ า้ ยาว ๘ นวิ้ กวา้ ง ๔ นวิ้ ขนึ้ ไป พอใชป้ ระกอบเขา้ เป็นเคร่อื งน่งุ ห่มได้ นอกจากผา้ ท่อี ธิษฐาน ผา้ จานาพรรษา ไดแ้ ก่ผา้ ท่ที ายกถวายแก่ภกิ ษุผปู้ วารณาออกพรรษาแลว้ ฯ (ปี 56) ไตรจวี ร อติเรกจวี ร ไดแ้ กจ่ ีวรเช่นไร? ตอบ ไตรจวี ร ไดแ้ กจ่ วี ร ๓ ผนื ประกอบดว้ ย อตุ ตราสงค์ (ผา้ ห่ม) อนั ตรวาสก (ผา้ นงุ่ ) และสงั ฆาฏิ (ผา้ คลมุ หรอื ผา้ ทาบ) ฯ อติเรกจวี ร ไดแ้ กผ่ า้ มขี นาดกวา้ ง ๔ นวิ้ ยาว ๘ นวิ้ ซง่ึ อาจนาไปทาเป็นเครอ่ื งนงุ่ ห่มได้ นอกจากผา้ ท่อี ธิษฐาน ฯ (ปี 54) อตเิ รกจวี ร หมายถงึ ? จวี รกาล หมายถึง? ตอบ อตเิ รกจวี ร หมายถงึ จีวรท่ไี มใ่ ชจ่ ีวรอธษิ ฐาน ฯ จีวรกาล หมายถงึ คราวท่เี ป็นฤดถู วายจวี ร (คืออยจู่ าพรรษาแลว้ ถา้ ไม่ไดก้ รานกฐิน นบั แตว่ นั ปวารณาไป ๑ เดือน ถา้ ไดก้ รานกฐิน เพ่มิ ออกไป อกี ๔ เดอื นในฤดหู นาว) (ปี 52) ผา้ ไตรครอง มีอะไรบา้ ง? ตา่ งจากอตเิ รกจีวรอย่างไร? ตอบ มี สงั ฆาฏิ อตุ ตราสงค์ อนั ตรวาสก ฯ ตา่ งกนั อยา่ งนี้ ผา้ ไตรครองเป็นผา้ ท่ภี ิกษุอธษิ ฐาน มจี านวนจากดั คือ ๓ ผนื ส่วนอติเรกจวี ร คอื ผา้ ท่นี อกเหนือจากผา้ ไตรครอง มีไดไ้ มจ่ ากดั จานวน ฯ (ปี 48) ผา้ ไตรจวี รคือผา้ อะไร? ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง? (ปี 48) อตเิ รกบาตร คอื อะไร? ภิกษุเก็บไวเ้ กินกี่วนั ตอ้ งอาบตั นิ สิ สคั คิยปาจิตตยี ?์ ตอบ คือ บาตรนอกจากบาตรอธษิ ฐาน ฯ เกิน ๑๐ วนั ฯ (ปี 46) อตเิ รกจวี ร ไดแ้ กจ่ วี รเชน่ ไร? การท่ที รงหา้ มไมใ่ หภ้ กิ ษุเก็บอติเรกจวี ร ดว้ ยมพี ระพทุ ธประสงคอ์ ยา่ งไร? ตอบ ไดแ้ ก่ จวี รนอกจากจวี รอธษิ ฐาน ฯ ดว้ ยมีพระพทุ ธประสงคเ์ พ่อื ปอ้ งกนั ความสรุ ุย่ สรุ า่ ย และความมกั มากของภกิ ษุ ฯ ปาจติ ตีย์ (ปี 60) ภิกษตุ อ้ งอาบตั ินสิ สคั คยิ ปาจิตตีย์ หรืออาบตั ปิ าจติ ตีย์ มวี ธิ ีแสดงอาบตั ิ ต่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ นิสสคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ตอ้ งเสยี สละวตั ถอุ นั เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ินน้ั เสยี ก่อน จงึ แสดงอาบตั ิได้ สว่ นอาบตั ปิ าจติ ตยี น์ นั้ ภกิ ษุพงึ แสดงอาบตั ิ ไดเ้ ลย ไม่มีวตั ถใุ ด ๆ ท่ตี อ้ งสละ ฯ (ปี 49 , 46 ,44) นสิ สคั คิยปาจติ ตยี ์ หมายความว่าอย่างไร? ภิกษุตอ้ งอาบตั นิ แี้ ลว้ ทาอย่างไรจึงจะพน้ ? ตอบ นิสสคั คิยปาจติ ตีย์ หมายความว่า อาบตั ิปาจติ ตียท์ ่จี าตอ้ งสละสงิ่ ของ ฯ ภกิ ษุตอ้ งอาบตั ินแี้ ลว้ ตอ้ งสละส่งิ ของอนั เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ินน้ั กอ่ นแลว้ แสดงอาบตั ิจงึ พน้ จากอาบตั ินน้ั ได้ ฯ (ปี 47) จวี รท่เี ป็นนสิ สคั คยี แ์ ลว้ ควรสละใหแ้ กใ่ คร? ถา้ จวี รนนั้ สญู หาย พึงปฏบิ ตั ิเชน่ ไร? ตอบ ควรสละใหแ้ ก่สงฆก์ ็ได้ แกค่ ณะกไ็ ด้ แกบ่ คุ คลก็ได้ ฯ ถา้ จีวรนนั้ สญู หาย พึงแสดงอาบตั เิ ทา่ นน้ั ฯ (ปี 44) ปาจิตตยี แ์ บง่ เป็น นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ และสทุ ธิกปาจติ ตีย์ เพราะเหตไุ ร? ตอบ เพราะวา่ นสิ สคั คิยปาจติ ตยี น์ น้ั จาตอ้ งเสยี สละวตั ถอุ นั เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ินน้ั เสยี ก่อน จงึ แสดงอาบตั ิได้ สว่ นสทุ ธกิ ปาจติ ตยี น์ ้ัน ภิกษุ พงึ แสดงอาบตั ไิ ดเ้ ลย ไม่มวี ตั ถใุ ด ๆ ท่จี าตอ้ งสละ (ปี 43) ในปาจติ ตีย์ ๙ วรรคนน้ั วรรคทเี่ ท่าไร มี ๑๒ สกิ ขาบท? ตอบ วรรคท่ี ๘ (สหธรรมกิ วรรค) 7|P a g e

บรขิ าร ๘ (ปี 43) บรขิ าร ๘ มีอะไรบา้ ง? ตอบ บรขิ าร ๘ มี ๑.สังฆาฏิ ๒.อุตตราสงค์ ๓.อันตรวาสก ๔.บาตร ๕.มีดโกน ๖.กลอ่ งเข็ม ๗.ประคดเอว ๘.ผ้ากรองน้า อาบตั ทิ ไ่ี ม่มมี ลู กาหนดโดยอาการอย่างไร? ๑.ไม่ไดเ้ ห็นเอง ๒.ไมไ่ ดย้ นิ เอง ๓.ไมไ่ ดเ้ กิดรงั เกียจสงสยั (ปี 60, 52 ,45) อาบตั ไิ มม่ มี ลู กาหนดโดยอาการอยา่ งไร ? โจทดว้ ยอาบตั ไิ มม่ ีมลู เป็น อาบตั อิ ะไร ? ตอบ กาหนดโดยอาการ ๓ คือ ไม่ไดเ้ ห็นเอง ๑ ไม่ไดย้ ิน ๑ ไม่ไดร้ งั เกียจ ๑ วา่ ภกิ ษุนนั้ ตอ้ งอาบตั ิช่อื นนั้ ฯ โจทดว้ ยอาบตั ปิ าราชกิ ตอ้ งสงั ฆาทิเสส โจทดว้ ยอาบตั ิสงั ฆาทิเสสตอ้ งปาจิตตีย์ โจทดว้ ยอาบตั อิ น่ื จากนตี้ อ้ งปาจติ ตยี ์ ในสมั ปชานมสุ าวาทสิกขาบท ฯ (ปี 58) ภิกษุโจทภิกษุอืน่ ดว้ ยอาบตั ปิ าราชิกอยา่ งไร ภิกษุผโู้ จทจงึ ตอ้ งอาบตั ิสงั ฆาทเิ สส ? ตอบ ภกิ ษุโกรธเคือง แกลง้ โจทภกิ ษุอ่นื ดว้ ยอาบตั ิปาราชกิ ไม่มีมลู และภิกษุโกรธเคอื ง แกลง้ หาเลสโจทภกิ ษุอืน่ ดว้ ยอาบตั ปิ าราชิก อาบตั ทิ ต่ี อ้ งใหท้ ่องจาเป็ นชดุ ๆ (ปี 46) ภกิ ษุตอ้ งอาบตั เิ พราะความซกุ ซน มีอย่างไรบ้าง? ภกิ ษุซอ่ นบาตร ซอ่ นปากกาของภกิ ษุอนื่ เพอื่ ลอ้ เลน่ ตอ้ งอาบตั อิ ะไร? ตอบ มีอย่างนี้ คือ เล่นจี้ เลน่ นา้ หลอนภกิ ษุ ซอ่ นของเพ่อื ลอ้ เล่น พดู เยา้ ใหเ้ กิดราคาญ ฯ ซอ่ นบาตร ตอ้ งอาบตั ิปาจติ ตยี ์ ซอ่ นปากกา ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ ฯ ซอ่ นบริขาร • ภิกษุซอ่ นบรขิ าร คือ บาตร จีวร ผ้าปูน่ัง กลอ่ งเข็ม ประคดเอว สง่ิ ใดสิ่งหนง่ึ ของภกิ ษุอน่ื ดว้ ยคดิ วา่ จะลอ้ เล่น ตอ้ งปาจติ ตยี ์ • ภกิ ษุซอ่ นบรขิ ารอ่นื (ไมใ่ ชบ่ าตร จวี ร ผา้ ปนู ่งั กลอ่ งเข็ม ประคดเอว) หรือซอ่ นของอนปุ สมั บนั (ผไู้ ม่ใชภ่ กิ ษุ) เป็ นทุกกฏ • เก็บบรขิ ารไม่ไดห้ มายจะลอ้ เลน่ เหน็ วางไมด่ ี ชว่ ยเก็บให้ ไม่เป็ นอาบัติ (ปี 61) ภิกษุซ่อนบาตร จีวร รม่ และรองเทา้ ของเพ่อื นภกิ ษุเพ่อื ลอ้ เลน่ ตอ้ งอาบตั อิ ะไรบา้ ง ? ตอบ ซ่อนบาตร จวี ร ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ซ่อนรม่ รองเทา้ ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ ฯ (ปี 51) ภิกษุซอ่ นผา้ อาบนา้ ฝน บาตร จวี ร กลอ่ งเขม็ ดา้ ย ของเพอ่ื นภกิ ษุหรอื สามเณรเพ่อื ลอ้ เลน่ เป็นอาบตั อิ ะไร? ตอบ ซ่อนผา้ อาบนา้ ฝน ดา้ ย ของเพ่อื นภกิ ษุ เป็นอาบตั ทิ กุ กฏ ซ่อน บาตร จวี ร กลอ่ มเขม็ ของเพ่อื นภกิ ษุ เป็นอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ซอ่ นของสามเณรทกุ อยา่ งเป็นอาบตั ทิ กุ กฏ ลักทรัพยท์ เี่ จา้ ของไมไ่ ดใ้ ห้ ตอ้ ง… ทรพั ย์ มรี าคาตงั้ แต่ ๕ มาสกขนึ้ เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ิปาราชกิ ทรพั ย์ มรี าคาไม่ถืง ๕ มาสก แตม่ ากกวา่ ๑ มาสก เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั 8|P a g e

ทรพั ย์ มรี าคาตงั้ แต่ ๑ มาสกลงมา เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ (ปี 58) ในอทนิ นาทานสกิ ขาบท กาหนดราคาทรพั ย์ เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิไวอ้ ยา่ งไรบา้ ง ? ตอบ ทรพั ยม์ รี าคาตงั้ แต่ ๕ มาสก ขนึ้ ไป เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิปาราชกิ ทรพั ยม์ รี าคาตา่ กวา่ ๕ มาสก แตส่ งู กวา่ ๑ มาสก เป็นวตั ถแุ ห่งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั ทรพั ยม์ ีราคาตงั้ แต่ ๑ มาสก ลงไป เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิทกุ กฏ ฯ (ปี 52) ในสกิ ขาบทที่ ๒ แหง่ อาบตั ิปาราชกิ ทรัพยเ์ ป็ นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ิปาราชกิ อาบัตถิ ุลลัจจัย และอาบตั ทิ ุกกฏ มกี าหนดราคา ไว้เทา่ ไร? ตอบ ทรพั ย์ มีราคาตงั้ แต่ ๕ มาสกขึน้ เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ปิ าราชกิ ทรพั ย์ มีราคาไมถ่ ืง ๕ มาสก แตม่ ากกวา่ ๑ มาสก เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั ทรพั ย์ มรี าคาตงั้ แต่ ๑ มาสกลงมา เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ิทกุ กฏ ภกิ ษุมีความกาหนัดจบั ตอ้ ง... ภกิ ษุมีความกาหนดั จบั ตอ้ งกายหญิง ตอ้ งสงั ฆาทิเสส ภิกษุมคี วามกาหนดั จบั ตอ้ งกายกะเทย(บณั เฑาะก)์ ตอ้ งถลุ ลจั จยั ภกิ ษุมคี วามกาหนดั จบั ตอ้ งกายบรุ ุษ จบั ตอ้ งสตั วด์ ิรจั ฉานทงั้ เพศผเู้ พศเมยี ตอ้ งทกุ กฏ (ปี 63, 59 ,57) ภิกษุมคี วามกาหนดั จบั ตอ้ งกายอนปุ สมั บนั ตอ้ งอาบตั อิ ะไร ? ตอบ ตอ้ งอาบตั ดิ งั นี้ ๑. จบั ตอ้ งกายหญิง ตอ้ งอาบตั สิ งั ฆาทเิ สส ๒. จบั ตอ้ งกายกะเทย(บณั เฑาะก)์ ตอ้ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั ๓. จบั ตอ้ งกายบรุ ุษ ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ ฯ (ปี 49 ,45) ภิกษุมคี วามกาหนดั จบั ตอ้ งกายหญิง กะเทย บรุ ุษ สตั วด์ ิรจั ฉานเพศผู้ สตั วด์ ริ จั ฉานเพศเมยี ตอ้ งอาบตั ิอะไร? พระภกิ ษุจบั ต้องวตั ถุอนามาสโดยไมม่ คี วามกาหนัด เป็ นอาบตั ทิ กุ กฏ หมายเหตุ อธิบายเพม่ิ เตมิ วตั ถอุ นามาส คอื สง่ิ ทพี่ ระไมค่ วรแตะตอ้ ง มี ๖ ประเภท ดงั นี้ ๑.คนหญงิ คนกะเทย เครือ่ งแตง่ กายของคนเหล่านนั้ แต่ทเี่ ขาสละแลว้ ไม่นบั ตกุ๊ ตาหญงิ สตั วด์ ริ จั ฉานตวั เมีย ๒.ทอง เงนิ มกุ ดา มณี ไพฑูรย์ ประพาฬ ทบั ทมิ บษุ ราคมั สงั ข์ทขี่ ดั แลว้ ศลิ าชนดิ ดี เชน่ หยก โมรา ๓.ศสั ตราวธุ ตา่ งชนดิ ทใี่ ชท้ ารา้ ยชีวติ รา่ งกาย ๔.เครอื่ งดกั สตั วบ์ ก-นา้ ๕.เครอื่ งประโคม ๖.ขา้ วเปลอื กและผลไมอ้ นั เกิดอย่ใู นที่ ภกิ ษุแกลง้ ฆา่ สตั วใ์ ห้ตาย ตอ้ งอาบตั …ิ ฆ่ามนษุ ยใ์ หต้ าย ตอ้ งอาบตั ิปาราชกิ ฆา่ อมนษุ ยใ์ หต้ าย และ การปลงชีวิตมนษุ ยแ์ ต่ไม่สาเรจ็ คือไมต่ าย เป็นแคบ่ าดเจบ็ ตอ้ งอาบตั ิถลุ ลจั จยั ฆ่าสตั วเ์ ดรจั ฉานใหต้ าย ตอ้ งอาบตั ิปาจติ ตยี ์ พยายามฆา่ ตนเอง ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ ฯ (ปี 63 ,59) ภกิ ษุทาคนอ่นื ใหถ้ งึ แก่ความตาย ตอ้ งอาบตั ิอะไรหรือไม่ ? 9|P a g e

ตอบ ถา้ ไมจ่ งใจ ไมเ่ ป็นอาบตั ิ แตถ่ า้ จงใจประสงคจ์ ะใหเ้ ขาตาย เป็นอาบตั ิ ฯ (ปี 57) ภิกษฆุ า่ มนษุ ย์ ฆา่ สตั วเ์ ดยี รจั ฉาน ตอ้ งอาบตั ิอะไร? ตอบ ฆา่ มนษุ ย์ ตอ้ งอาบตั ิปาราชกิ ฆ่าสตั วเ์ ดยี รจั ฉาน ตอ้ งอาบตั ปิ าจิตตียฯ์ (ปี 56) ภกิ ษุพยายามฆา่ ตนเอง แต่ทาไมส่ าเรจ็ จะตอ้ งอาบตั ิอะไร? ตอบ ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ ฯ (ปี 54) ภกิ ษแุ กลง้ ฆา่ สตั วใ์ หต้ าย ตอ้ งอาบตั อิ ะไร? ตอบ ฆา่ มนษุ ยใ์ หต้ าย ตอ้ งอาบตั ปิ าราชกิ ฆ่าอมนษุ ยใ์ หต้ าย และ การปลงชีวิตมนษุ ยแ์ ตไ่ ม่สาเรจ็ คือไม่ตาย เป็นแค่บาดเจ็บ ตอ้ งอาบตั ิถลุ ลจั จยั ฆ่าสตั วเ์ ดรจั ฉานใหต้ าย ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตีย์ พยายามฆา่ ตนเอง ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ ฯ (ปี 48 ,44) ภกิ ษุฆา่ สตั วใ์ หต้ ายและพยายามฆา่ ตนเอง ตอ้ งอาบตั อิ ะไร? (ปี 46) การปลงชวี ติ อยา่ งไร ตอ้ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั ? ตอบ การปลงชวี ติ มนษุ ยแ์ ตไ่ มส่ าเรจ็ คือไมต่ าย เป็นแคบ่ าดเจ็บ ๑ ปลงชวี ติ อมนษุ ย์ มยี กั ษ์ เปรต เป็นตน้ ๑ ฯ ภกิ ษุโจทภกิ ษุอน่ื ด้วยอาบตั ไิ มม่ มี ูล ต้องอาบัต…ิ โจทดว้ ยอาบตั ิปาราชกิ เป็นอาบตั สิ งั ฆาทเิ สส โจทดว้ ยอาบตั ินอกจากนี้ เป็นอาบตั ิปาจติ ตีย์ (ปี 53) ภกิ ษุโจทภกิ ษุอนื่ ดว้ ยอาบัติไม่มมี ูล เป็ นอาบตั ิอะไรบา้ ง ตอบ โจทดว้ ยอาบตั ิปาราชกิ เป็นอาบตั ิสงั ฆาทิเสส โจทดว้ ยอาบตั นิ อกจากนี้ เป็นอาบตั ปิ าจติ ตีย์ ภกิ ษุรู้อยู่ น้อมลาภเพ่ือ… ตอ้ งอาบัต…ิ นอ้ มมาเพ่อื ตน เป็นอาบตั ินสิ สคั คิยปาจติ ตยี ์ นอ้ มมาเพ่อื บคุ คลอน่ื เป็นอาบตั ปิ าจิตตยี ์ นอ้ มมาเพ่อื เจดียแ์ ละเพ่อื สงฆห์ มอู่ ่ืน เป็นอาบตั ทิ กุ กฏ (ปี 59 ,46) ภกิ ษุรูอ้ ยู่ นอ้ มลาภท่เี ขา จะถวายสงฆม์ าเพ่อื ตนตอ้ งอาบตั ิอะไร ? ลาภนนั้ ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ? ตอบ ตอ้ งอาบตั นิ ิสสคั คยิ ปาจิตตีย์ ฯ ไดแ้ ก่ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสชั ซ่งึ เรยี กวา่ ปัจจยั ๔ และของท่ีเป็นกปั ปิยะอยา่ งอ่ืนอีก ฯ (ปี 56) มีผนู้ าอาหารบณิ ฑบาตมาถวายแกส่ งฆ์ ภิกษแุ นะนาใหถ้ วายแกต่ นเองและไดม้ า เชน่ นจี้ ะตอ้ งอาบตั ิหรอื ไม่ ? ถา้ ตอ้ ง จะตอ้ งอาบตั ิ อะไร ? ตอบ ตอ้ งอาบตั ิ ฯ ตอ้ งอาบตั ินสิ สคั คิยปาจติ ตีย์ ฯ (ปี 53 ,47) ภิกษุรูอ้ ยู่ นอ้ มลาภท่เี ขานอ้ มไปจะถวายสงฆ์ มาเพ่อื ตน เพ่ือบคุ คลอน่ื เพ่อื เจดยี ์ เพอ่ื สงฆห์ ม่อู ื่น จะตอ้ งอาบตั ิอะไร? ตอบ นอ้ มมาเพ่อื ตน เป็นอาบตั นิ ิสสคั คิยปาจติ ตีย์ นอ้ มมาเพ่อื บคุ คลอนื่ เป็นอาบตั ปิ าจิตตีย์ นอ้ มมาเพ่อื เจดยี แ์ ละเพ่อื สงฆห์ มอู่ ืน่ เป็นอาบตั ทิ กุ กฏ (ปี 51) ภกิ ษนุ อนในทม่ี งุ ทบ่ี ังอันเดียวกบั อนุปสัมบนั (ผู้ไมใ่ ชภ่ กิ ษ)ุ เป็ นอาบตั หิ รือไม่อย่างไร? ตอบ ถา้ เป็นผชู้ าย เกินกวา่ ๓ คืน เป็นอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ถา้ เป็นผหู้ ญิง แม้ในคนื แรก เป็นอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ 10 | P a g e

เสขิยวตั ร ๗๕ คอื ธรรมเนียมหรือวตั รท่ภี กิ ษุพงึ ศกึ ษา มี ๗๕ ขอ้ ภิกษุไม่ปฏบิ ตั ิตาม ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ แบง่ ออกเป็ น ๔ หมวด ดงั นี้ ๑.สารูป วา่ ดว้ ยธรรมเนยี มควรประพฤติในเวลาเขา้ บา้ น ๒.โภชนปฏิสงั ยุต วา่ ดว้ ยธรรมเนยี มรบั บณิ ฑบาตและฉนั อาหาร (การขบฉนั ) หมวด๒ ออกขอ้ สอบบอ่ ย** ๓.ธมั มเทสนาปฏิสังยตุ ว่าดว้ ยธรรมเนียมไมใ่ หแ้ สดงธรรมแกบ่ คุ คลผแู้ สดงอาการไมเ่ คารพ ๔.ปกณิ กะ วา่ ดว้ ยธรรมเนยี มถ่ายอจุ จาระ ปัสสาวะ หมวด๔ ออกข้อสอบบอ่ ย** (ปี 63 ,49) เสขยิ วตั ร คอื อะไร? มกี ่ีขอ้ ? ภกิ ษุละเมิดตอ้ งอาบตั อิ ะไร? ตอบ คอื วตั รท่ภี กิ ษุจะตอ้ งศกึ ษา ฯ มี ๗๕ ขอ้ ฯ ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ ฯ (ปี 62 ,56) เสขยิ วตั ร คอื อะไร ? โภชนปฏสิ งั ยตุ วา่ ดว้ ยเร่อื งอะไร ? ตอบ คอื วตั รหรอื ธรรมเนยี มท่ภี กิ ษุจาตอ้ งศกึ ษา ฯ วา่ ดว้ ยเรือ่ งการรบั และการฉนั อาหาร ฯ (ปี 61, 48 ,44) เสขยิ วตั ร คืออะไร ? ภกิ ษุไม่เออื้ เฟื้อในเสขยิ วตั รนนั้ ตอ้ งอาบตั อิ ะไร ? ตอบ คอื วตั รหรอื ธรรมเนยี มท่ภี กิ ษุตอ้ งศกึ ษา ฯ ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ ฯ (ปี 59) เสขิยวตั ร คอื อะไร ? ภิกษุไม่ปฏบิ ตั ติ าม ตอ้ งอาบตั อิ ะไร ? ตอบ คอื ธรรมเนยี มท่ภี ิกษุตอ้ งศกึ ษา ฯ ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ ฯ (ปี 57) วตั รท่ภี ิกษุสามเณรจะตอ้ งศกึ ษา เรยี กว่าอะไร? มีทงั้ หมดก่ีขอ้ ? ตอบ เรยี กวา่ เสขยิ วตั ร ฯ มี ๗๕ ขอ้ ฯ (ปี 56) ภกิ ษุไมเ่ ออื้ เฟื้อในเสขิยวตั ร ปฏิบตั ิผิดธรรมเนยี มไป ตอ้ งอาบตั ิอะไร? ตอบ ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ ฯ (ปี 53) เสขยิ วตั ร คืออะไร? แบ่งเป็นกี่หมวด? หมวดท่ี ๒ วา่ ดว้ ยเรอื่ งอะไร? ตอบ คือ ธรรมเนยี มหรอื วตั รท่ภี กิ ษุพงึ ศกึ ษา ฯ แบ่งเป็น ๔ หมวด ฯ ว่าดว้ ยเร่ือง โภชนปฏสิ งั ยตุ คอื ธรรมเนียมวา่ ดว้ ยเรือ่ งการขบฉนั ฯ (ปี 51) เสขยิ วตั ร คืออะไร? มีทง้ั หมดก่ีขอ้ ? ตอบ คือ ธรรมเนยี มหรอื วตั รท่ภี กิ ษุตอ้ งศกึ ษา ฯ มี ๗๕ ขอ้ ฯ (ปี 46) เสขยิ วตั ร คืออะไร? หมวดท่ี ๒ ว่าดว้ ยเร่ืองอะไร? ภิกษุไมเ่ ออื้ เฟื้อในเสขยิ วตั ร ปฏบิ ตั ผิ ิดธรรมเนยี ม ตอ้ งอาบตั อิ ะไร? ตอบ คอื วตั รหรอื ธรรมเนยี มท่ีควรศกึ ษา ฯ หมวดท่ี ๒ วา่ ดว้ ยธรรมเนียมรบั บณิ ฑบาตและฉนั อาหาร ฯ ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ ฯ อธิกรณ์ ๔ อธกิ รณ์ ๔ คือ เร่อื งท่เี กดิ ขนึ้ แลว้ จะตอ้ งจดั ตอ้ งทา เมอื่ เกดิ ขึน้ แลว้ ตอ้ งระงบั ด้วยอธกิ รณสมถะอย่างใดอย่างหนึ่งตามสมควรแก่ อธิกรณน์ ้ันๆ มี ๔ ประเภท ดงั นี้ ๑.ววิ าทาธิกรณ์ คือ ววิ าท การเถียง ไดแ้ ก่ การเถียงวา่ สง่ิ นั้นเป็ นธรรมเป็ นวินัย ส่ิงนีไ้ มใ่ ชธ่ รรมไม่ใชว่ ินัย นจี้ ะตอ้ งไดร้ บั ชขี้ าดวา่ ถกู ว่าผิด ๒.อนุวาทาธกิ รณ์ คอื การโจทกันดว้ ยอาบตั ิ นจี้ ะตอ้ งไดร้ บั วินจิ ฉยั วา่ จรงิ หรอื ไมจ่ รงิ ๓.อาปัตตาธิกรณ์ คอื กิรยิ าท่ตี อ้ งอาบตั ิหรือถกู ปรบั อาบตั ิ นจี้ ะตอ้ งทาคนื คอื ทาใหพ้ น้ โทษ ๔.กจิ จาธกิ รณ์ คือ กิจธรุ ะท่สี งฆจ์ ะพงึ ทา เชน่ ใหอ้ ปุ สมบท นจี้ ะตอ้ งทาใหส้ าเรจ็ อธกิ รณสมถะ คือ ธรรมเครอื่ งระงบั อธิกรณ์ มี ๗ อยา่ ง เชน่ เยภยุ ยสกิ า เป็นตน้ การตดั สนิ อธกิ รณต์ ามเสียงขา้ งมาก เรียกวา่ เยภุยยสกิ า (อนั นอี้ อกขอ้ สอบบ่อย) (ปี 63 ,58) การเถียงกนั ดว้ ยเรือ่ งอะไรจึงจดั เป็นววิ าทาธิกรณ์ ? ตอบ การเถียงกนั วา่ ส่งิ นนั้ เป็นธรรมเป็นวนิ ยั สงิ่ นไี้ มใ่ ช่ธรรมไม่ใชว่ นิ ยั ฯ (ปี 61 ,56) ภิกษุเถียงกนั ดว้ ยเรือ่ งอะไร จงึ เรียกวา่ ววิ าทาธิกรณ?์ ตอบ เถียงกนั ดว้ ยเรอ่ื ง สิ่งนน้ั เป็นธรรมเป็นวินยั สง่ิ นไี้ มใ่ ช่ธรรมไมใ่ ชว่ ินยั ฯ (ปี 57) อธิกรณ์ อธิกรณสมถะ คอื อะไร? ตอบ อธิกรณ์ คือเรื่องท่เี กดิ ขนึ้ แลว้ จะตอ้ งจดั ตอ้ งทาฯ อธิกรณสมถะ คือธรรมเคร่ืองระงบั อธิกรณ์ ฯ 11 | P a g e

(ปี 54) อธิกรณค์ ืออะไร? การตดั สินอธิกรณต์ ามเสียงขา้ งมาก เรียกว่าอะไร? ตอบ อธิกรณ์ คอื เรื่องท่เี กดิ ขนึ้ แลว้ จะตอ้ งจดั ตอ้ งทา ฯ เรียกวา่ เยภยุ ยสิกา ฯ (ปี 52) อธิกรณ์ คืออะไร? เม่ือเกดิ ขึน้ แลว้ ตอ้ งทาอย่างไร? ตอบ คือ เรอื่ งท่เี กิดขนึ้ แลว้ จะตอ้ งจดั ตอ้ งทา ฯ ตอ้ งระงบั ดว้ ยอธกิ รณสมถะอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ตามสมควรแกอ่ ธิกรณน์ น้ั ๆ ฯ (ปี 51) อธิกรณสมถะ คอื อะไร? มีกี่อยา่ ง? การตดั สนิ ตามเสียงขา้ งมาก เรียกว่าอะไร? ตอบ คอื ธรรมเครือ่ งระงบั อธิกรณ์ ฯ มี ๗ อย่าง ฯ เรียกวา่ เยภยุ ยสกิ า ฯ (ปี 51) ววิ าทาธิกรณก์ บั อนวุ าทาธิกรณ์ ต่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ ววิ าทาธิกรณ์ คือการเถียงวา่ ส่ิงนน้ั เป็นธรรมเป็นวินยั ส่ิงนไี้ ม่ใชธ่ รรมไม่ใช่วินยั สว่ นอนวุ าทาธิกรณ์ คือการโจทกนั ดว้ ยอาบตั ิ ฯ (ปี 46) อธิกรณ์ คอื อะไร? อธิกรณย์ อ่ มระงบั ไดด้ ว้ ยอะไร? การแสดงอาบตั จิ ดั เขา้ ในอธิกรณสมถะขอ้ ไหน? สาหรบั ระงบั อธิกรณอ์ ะไร? ตอบ คือ เรอื่ งท่เี กดิ ขึน้ แลว้ จะตอ้ งจดั ตอ้ งทา ฯ ระงบั ไดด้ ว้ ยอธกิ รณสมถะ คือธรรมสาหรบั ระงบั อธิกรณ์ ฯ จดั เขา้ ในปฏญิ ญาตกรณะ ฯ สาหรบั ระงบั อาปัตตาธิกรณ์ ฯ (ปี 43) การอปุ สมบทจดั เป็นอธิกรณอ์ ะไร? ใครเป็นผรู้ ะงบั อธิกรณน์ นั้ ? ตอบ จดั เป็นกิจจาธิกรณ์ สงฆเ์ ป็นผรู้ ะงบั อธกิ รณน์ น้ั (ปี 43)ภิกษุเถียงกนั เร่อื งการแกป้ ัญหาจราจรเป็นอธิกรณอ์ ะไรหรือไม่ ตอบ ไมจ่ ดั เป็นอธิกรณ์ เพราะไมใ่ ช่การเถยี งกนั ปรารถพระธรรมวินยั เรอ่ื งอ่นื ๆน่าจะไม่ออกขอ้ สอบ (ปี 45 ยาก ไมไ่ ดอ้ อกนานแลว้ ) ผา้ จีวรท่ที รงอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดท้ าดว้ ยวตั ถกุ ่ีชนิด? อะไรบา้ ง? ตอบ ๖ ชนดิ คือ ๑.ทาดว้ ยเปลอื กไม้ เชน่ ผา้ ลินนิ ๔.ทาดว้ ยขนสตั ว์ เชน่ ผา้ สกั หลาด ๒.ทาดว้ ยฝา้ ย คอื ผา้ สามญั ๕.ทาดว้ ยเปลือกไม้ เช่น ผา้ ป่าน (สาณะ) ๓.ทาดว้ ยไหม คือ ผา้ แพร ๖.ทาดว้ ยสมั ภาระเจอื กนั ฯ รายละเอียดอาบตั เิ ป็ นขอ้ ๆ ปาราชกิ ๔ • สิกขาบทที่ ๑ ภกิ ษุเสพเมถนุ (รว่ มประเวณี, รว่ มสงั วาส) ตอ้ งปาราชิก • สิกขาบทท่ี ๒ ภิกษุถือเอาของท่เี จา้ ของไมไ่ ดใ้ ห้ ไดร้ าคา ๕ มาสก ตอ้ งปาราชกิ • สกิ ขาบทที่ ๓ ภกิ ษุแกลง้ (จงใจ) ฆ่ามนษุ ยใ์ หต้ าย ตอ้ งอาบตั ปิ าราชิก • สกิ ขาบทท่ี ๔ ภิกษุอวดอตุ รมิ นสุ สธรรม(คือธรรมอนั ยง่ิ ยวดของมนษุ ย)์ ท่ไี ม่มใี นตน ตอ้ งปาราชิก (ปี 62 ,45) ปาราชิก ๔ สกิ ขาบทไหนท่ภี ิกษุใชใ้ หค้ นอื่นทาก็ตอ้ งอาบตั ถิ งึ ท่สี ดุ ? ตอบ สกิ ขาบทท่ี ๒ และสกิ ขาบทท่ี ๓ ฯ (ปี 58) สกิ ขาบทท่มี าในพระปาตโิ มกขม์ ีเทา่ ไร ? สกิ ขาบทว่าดว้ ยปาราชกิ มอี ะไรบา้ ง ? ตอบ มี ๒๒๗ สิกขาบท ฯ มี ๑. เสพเมถนุ ๒. ภกิ ษุถือเอาของท่เี จา้ ของเขาไม่ไดใ้ ห้ ไดร้ าคา ๕ มาสก ๓. ภกิ ษุแกลง้ ฆา่ มนษุ ยใ์ หต้ าย ๔. ภิกษุอวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรม (คอื ธรรมอนั ยง่ิ ของมนษุ ย)์ ท่ไี มม่ ีในตน ฯ 12 | P a g e

(ปี 58) ในอทินนาทานสกิ ขาบท กาหนดราคาทรพั ย์ เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ไิ วอ้ ยา่ งไรบา้ ง ? ตอบ ทรพั ยม์ ีราคาตงั้ แต่ ๕ มาสก ขนึ้ ไป เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิปาราชิก ทรพั ยม์ รี าคาตา่ ากวา่ ๕ มาสก แตส่ งู กวา่ ๑ มาสก เป็นวตั ถแุ ห่งอาบตั ิถลุ ลจั จยั ทรพั ยม์ รี าคาตงั้ แต่ ๑ มาสก ลงไป เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิทกุ กฏ ฯ (ปี 57) สงั หารมิ ทรพั ย์ และ อสงั หารมิ ทรพั ย์ ไดแ้ ก่ทรพั ยเ์ ช่นไร? ตอบ สงั หารมิ ทรพั ย์ ไดแ้ กท่ รพั ยห์ รือส่งิ ของท่ีเคล่อื นท่ไี ด้ เชน่ สตั ว์ เงินทอง เป็นตน้ ฯ อสงั หารมิ ทรพั ย์ ไดแ้ ก่ทรพั ยห์ รอื ส่ิงของท่เี คล่ือนท่ไี ม่ได้ เชน่ ท่ดี นิ ตน้ ไม้ เรือน เป็นตน้ ฯ (ปี 50) สงั หารมิ ทรพั ย์ และ อสงั หารมิ ทรพั ยค์ ือทรพั ยเ์ ช่นไร? ภกิ ษุจะตอ้ งอาบตั ิถงึ ท่สี ดุ ในเพราะลกั ทรพั ยท์ ง้ั ๒ อย่างนน้ั เม่ือใด? ตอบ สงั หารมิ ทรพั ย์ คือทรพั ยท์ เ่ี คล่ือนท่ไี ด้ อสงั หารมิ ทรพั ย์ คอื ทรพั ยท์ ่เี คล่ือนท่ไี มไ่ ด้ ฯ สาหรบั สงั หารมิ ทรพั ย์ ภกิ ษุจะตอ้ งอาบตั ถิ งึ ท่สี ดุ ในเม่อื ทาใหท้ รพั ยน์ นั้ เคลือ่ นจากท่ีเดมิ ส่วนอสงั หารมิ ทรพั ย์ จะตอ้ งอาบตั ถิ งึ ท่สี ดุ ในเม่อื เจา้ ของทอดกรรมสิทธิ์ ฯ (ปี 45) สงั หารมิ ทรพั ย์ และอสงั หารมิ ทรพั ย์ ไดแ้ กท่ รพั ยเ์ ช่นไร ? การถือเอาทรพั ยท์ งั้ ๒ อยา่ งนน้ั กาหนดวา่ ถงึ ท่สี ดุ ไวอ้ ย่างไร? ตอบ สงั หารมิ ทรพั ย์ ไดแ้ กท่ รพั ยห์ รือสิ่งของท่ีเคลือ่ นท่ไี ด้ ทง้ั ทม่ี ีวญิ ญาณและไมม่ วี ิญญาณ เชน่ สตั วแ์ ละเงินทองเป็นตน้ ฯ ส่วน อสงั หารมิ ทรพั ย์ ไดแ้ กท่ รพั ยห์ รือส่งิ ของท่ีเคลอื่ นท่ไี มไ่ ด้ โดยตรงไดแ้ ก่ท่ดี นิ โดยออ้ มนบั ของท่ตี ดิ เน่อื งอยกู่ บั ท่นี นั้ ดว้ ย เช่น ตน้ ไมแ้ ละเรือนเป็น ตน้ ฯ สงั หารมิ ทรพั ย์ กาหนดวา่ ถงึ ท่สี ดุ ดว้ ยทาใหเ้ คล่อื นจากฐาน ฯ อสงั หารมิ ทรพั ย์ กาหนดว่าถงึ ท่ีสดุ ดว้ ยขาดกรรมสิทธิแ์ ห่งเจา้ ของ ฯ (ปี 49 ,45) คาวา่ \"ไถยจติ \" หมายถงึ อะไร? ในอทนิ นาทานสิกขาบท กาหนดราคาทรพั ยเ์ ป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิไวอ้ ย่างไรบา้ ง? ตอบ หมายถงึ จติ คิดจะลกั คอื จติ คิดถือเอาของท่เี จา้ ของไมใ่ หด้ ว้ ยอาการแหง่ ขโมย ฯ กาหนดไวอ้ ย่างนี้ ทรพั ยม์ ีราคาตงั้ แต่ ๕ มาสก ขนึ้ ไป เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิปาราชิก ทรพั ยม์ รี าคาต่ากว่า ๕ มาสก แตส่ งู กวา่ ๑ มาสก เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ถิ ลุ ลจั จยั ทรพั ยม์ ีราคาตงั้ แต่ ๑ มาสก ลงไป เป็นวตั ถแุ หง่ อาบตั ิทกุ กฏ ฯ (ปี 62) พดู อยา่ งไรเรยี กวา่ อวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรม ? ตอบ พดู อวดคณุ พเิ ศษอนั ยงิ่ ของมนษุ ย์ เช่น ฌาน วโิ มกข์ สมาธิ สมาบตั ิ มรรค ผล นพิ พาน เรยี กว่า อวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรมฯ (ปี 49) อตุ ตรมิ นสุ สธรรม คืออะไร? มอี ะไรบา้ ง? ตอบ คือ ธรรมอนั ยิง่ ของมนษุ ย์ หรอื คณุ อย่างยวดยงิ่ ของมนษุ ย์ ฯ มี ฌาน วโิ มกข์ สมาธิ สมาบตั ิ มรรค ผล นิพพาน ฯ (ปี 44) ภกิ ษุพดู อวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรมซง่ึ ไมม่ จี รงิ ในตน เมอื่ คนอน่ื ฟังแลว้ เขา้ ใจแตไ่ มเ่ ช่ือ ภิกษุนจี้ ะตอ้ งอาบตั อิ ะไร? ตอบ ตอ้ งอาบตั ปิ าราชกิ (ปี 43) ปาราชกิ ๔ ขอ้ ไหนเป็นสจติ ตกะ ขอ้ ไหนเป็นอจิตตกะ? ทาไมเป็นเช่นนน้ั ? ตอบ ปาราชกิ ๔ ขอ้ เป็นสจิตตกะ ท่เี ป็นเช่นนนั้ เพราะตอ้ งดว้ ยจงใจ เกดิ ขนึ้ โดยมีเจตนาเป็นสมฏุ ฐาน สังฆาทเิ สส ๑๓ • ๑. ภิกษุแกลง้ ทานา้ อสจุ ิเคล่อื น • ๒. ภิกษุมคี วามกาหนดั อยู่ จบั ตอ้ งกายหญิง 13 | P a g e

• ๓. ภกิ ษุมคี วามกาหนดั อยู่ พดู เกยี้ วหญิง • ๔. ภกิ ษุมีความกาหนดั อยู่ พดู ลอ่ ใหห้ ญิงบาเรอตนดว้ ยกาม • ๕. ภกิ ษุชกั สอื่ ใหช้ ายหญิงเป็นผวั เมยี กนั • ๖. ภิกษุสรา้ งกฎุ ิท่ตี อ้ งก่อและ โบกดว้ ยปนู หรือดนิ เป็นเจา้ ของจาเพาะเป็นท่อี ยขู่ องตน ตอ้ งทาใหไ้ ดป้ ระมาณ โดยยาวเพยี ง ๑๒ คบื พระสคุ ต กวา้ งเพยี ง ๗ คืบพระสคุ ต (๑ คบื พระสคุ ต = ๒๕ ซม) และตอ้ งใหส้ งฆแ์ สดงทใ่ี หก้ ่อน ถา้ ไม่ใหพ้ ระสงฆแ์ สดงท่ใี หก้ ด็ ี ทาให้ เกินประมาณก็ดี ตอ้ งสงั ฆาทิเสส • ๗. ถา้ ท่อี ย่ซู ง่ึ จะสรา้ งขนึ้ นน้ั มที ายกเป็นเจา้ ของ ทาใหเ้ กนิ ประมาณนนั้ ได้ แต่ตอ้ งใหส้ งฆ์ แสดงทใ่ี หก้ ่อน ถา้ ไม่ใหส้ ง)แสดงท่ใี หก้ อ่ น ตอ้ ง สงั ฆาทเิ สส • ๘. ภกิ ษุโกรธเคือง แกลง้ โจทภิกษุอ่ืนดว้ ยอาบตั ปิ าราชกิ ไมม่ ีมลู ตอ้ งสงั ฆาทเิ สส • ๙. ภกิ ษุโกรธเคือง แกลง้ หาเลศโจทภิกษุอ่ืนดว้ ยอาบตั ปิ าราชกิ ตอ้ งสงั ฆาทเิ สส • ๑๐. ภิกษุพากเพยี รเพ่ือจะทาลายพระสงฆใ์ หแ้ ตกกนั ภิกษุอื่นหา้ มไมฟ่ ังสงฆส์ วดกรรมเพ่อื จะใหล้ ะขอ้ ท่ปี ระพฤตินน้ั ถา้ ไมล่ ะ ตอ้ ง สงั ฆาทิเสส • ๑๑. ภิกษุประพฤติตามภิกษุผทู้ าลายสงฆน์ นั้ ภกิ ษุอน่ื หา้ มไม่ฟัง สงฆส์ วดกรรมเพ่อื จะใหล้ ะขอ้ ท่ปี ระพฤตนิ นั้ ถา้ ไม่ละ ตอ้ ง สงั ฆาทเิ สส • ๑๒. ภิกษุวา่ ยากสอนยาก ภกิ ษุอน่ื หา้ มไม่ฟัง สงฆส์ วดกรรมเพ่อื จะใหล้ ะประพฤตินนั้ ถา้ ไมล่ ะ ตอ้ งสงั ฆาทิเสส • ๑๓. ภกิ ษุประทษุ รา้ ยตระกลู คือประจบคฤหสั ถ์ สงฆไ์ ลเ่ สียจากวดั กลบั ติเตยี นสงฆ์ ภกิ ษุอนื่ หา้ มไมฟ่ ัง สงฆส์ วดกรรมเพ่อื จะใหล้ ะ ขอ้ ท่ปี ระพฤตนิ นั้ ถา้ ไมล่ ะ ตอ้ งสงั ฆาทเิ สส สงั ฆาทเิ สส ๙ สิกขาบทขา้ งตน้ ใหต้ อ้ งอาบตั ิแตแ่ รกท่เี ราเรยี กว่า “ปฐมาปัตตกิ ะ” ส่วน ๔ สิกขาบทขา้ งปลาย ใหต้ อ้ งอาบตั ติ ่อเม่ือสงฆส์ วดประกาศหา้ มครบ ๓ ครงั้ เรยี กวา่ “ยาวตติยกะ” อาบตั ิหนกั ในฝ่ายอาบตั ิท่จี ะแกไ้ ขได้ เรียกวา่ ครุกาบตั ิ มเี รอ่ื งหยาบคายอยมู่ าก จงึ เรยี กวา่ ทฏุ ฐุลลาบตั ิ ภกิ ษุผตู้ อ้ งแลว้ จะทาไดด้ ว้ ยอยู่ กรรม จงึ เรียกวา่ วุฏฐานคามนิ ี (ปี 63, 59 ,57) ภกิ ษมุ คี วามกาหนดั จบั ตอ้ งกายอนปุ สมั บนั ตอ้ งอาบตั ิอะไร ? ตอบ ตอ้ งอาบตั ิดงั นี้ ๑. จบั ตอ้ งกายหญิง ตอ้ งอาบตั สิ งั ฆาทเิ สส ๒. จบั ตอ้ งกายกะเทย(บณั เฑาะก)์ ตอ้ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั ๓. จบั ตอ้ งกายบรุ ุษ ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ ฯ (ปี 62 ,46) คาวา่ \"ภิกษุประทษุ รา้ ยตระกลู \" ในสกิ ขาบทท่ี ๑๓ แหง่ สงั ฆาทเิ สสหมายถึงการทาอยา่ งไร ? ตอบ หมายถงึ การท่ภี ิกษุประจบคฤหสั ถ์ ยอมตนใหเ้ ขาใชส้ อย เชน่ เดินสง่ ขา่ วใหเ้ ขาเป็นตน้ หรือดว้ ยการเอาเปรยี บโดยเชงิ ใหส้ ง่ิ เลก็ นอ้ ยดว้ ย หวงั ไดม้ าก ฯ (ปี 60) คาวา่ มาตคุ าม ในสงั ฆาทเิ สส สิกขาบทท่ี ๒ และ ๓ ต่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ ในสกิ ขาบทท่ี ๒ หมายรวมทง้ั หญิงท่รี ูเ้ ดียงสาและไม่รูเ้ ดยี งสา โดยท่สี ดุ แมเ้ กิดในวนั นนั้ สว่ นในสกิ ขาบทท่ี ๓ หมายเฉพาะหญิงท่ีรูเ้ ดยี งสาแลว้ เทา่ นน้ั ฯ (ปี 58) ภิกษุประพฤตอิ ยา่ งไร ช่ือว่าประทษุ รา้ ยตระกลู ? ตอบ ประจบคฤหสั ถ์ ฯ 14 | P a g e

(ปี 56) ขอ้ ความวา่ ภกิ ษุชกั สอ่ื ใหช้ ายหญิงเป็นผวั เมยี กนั ตามสกิ ขาบทท่ี ๕ แหง่ สงั ฆาทิเสสนน้ั หมายถงึ การทาอยา่ งไร? ตอบ หมายถงึ การท่ี ภกิ ษุบอกความประสงคข์ องชายแก่หญิง หรือบอกความประสงคข์ องหญิงแก่ชายในความเป็นผวั เมยี ฯ (ปี 51) สงั ฆาทิเสส มีกี่สิกขาบท? ภิกษุตอ้ งอาบตั ินจี้ ะพน้ ไดด้ ว้ ยวิธีอยา่ งไร? ตอบ มี ๑๓ สกิ ขาบท ฯ ดว้ ยวิธีอย่กู รรม ท่เี รยี กวา่ วฏุ ฐานคามินี ฯ (ปี 50) ภิกษุรูต้ วั วา่ ตอ้ งอาบตั ิสงั ฆาทิเสส จึงแสดงอาบตั นิ นั้ ตอ่ ภกิ ษุอีกรูปหนง่ึ อยา่ งนจี้ ะพน้ จากอาบตั นิ นั้ ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตไุ ร? ตอบ พน้ ไมไ่ ด้ เพราะอาบตั ิสงั ฆาทิเสสนน้ั ภิกษุผตู้ อ้ งจะพน้ ไดด้ ว้ ยอยกู่ รรม ฯ (ปี 47 ,44) คาวา่ มาตคุ าม ในสงั ฆาทเิ สส สกิ ขาบทท่ี ๒, ๓, ๔ และ ๕ ต่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ มาตคุ ามในสงั ฆาทิเสสสกิ ขาบทท่ี ๒ หมายหญิงมนษุ ยโ์ ดยท่สี ดุ แมเ้ กดิ ในวนั นน้ั รวมทง้ั หญิงท่รี ูเ้ ดียงสาและไมร่ ูเ้ ดยี งสา สว่ นมาตคุ ามใน สงั ฆาทิเสสสิกขาบทท่ี ๓, ๔ และ ๕ หมายเฉพาะหญิงผรู้ ูเ้ ดียงสาแลว้ เทา่ นน้ั ฯ (ปี 46) คาวา่ “ภกิ ษุประทษุ รา้ ยตระกลู ” ในสิกขาบทท่ี ๑๓ แหง่ สงั ฆาทเิ สส หมายถึงการทาอย่างไร ? สงั ฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท ท่ชี ่ือว่า ยาวตตยิ กะ หมายความว่าอย่างไร ? ตอบ หมายถงึ การท่ภี ิกษุประจบคฤหสั ถ์ ยอมตนใหเ้ ขาใชส้ อย เชน่ เดนิ ส่งขา่ วใหเ้ ขาเป็นตน้ หรอื ดว้ ยการเอาเปรยี บโดยเชงิ ใหส้ ง่ิ เลก็ นอ้ ย ดว้ ยหวงั ไดม้ าก ฯ ท่ชี ่ือว่า ยาวตตยิ กะ เพราะใหต้ อ้ งอาบตั ติ ่อเม่ือสงฆป์ ระกาศหา้ มครบ ๓ ครงั้ ฯ (ปี 46) “ภิกษุวา่ ยากสอนยาก ภกิ ษุอื่นหา้ มไมฟ่ ัง สงฆส์ วดกรรมเพ่อื จะใหล้ ะขอ้ ท่ปี ระพฤตนิ น้ั ถา้ ไมล่ ะตอ้ งสงั ฆาทิเสส” คอื สิกขาบทท่เี ท่าไร ทรงบญั ญัตเิ พ่ือประสงคใ์ ด? ตอบ สิกขาบทท่ี ๑๒ แห่งสงั ฆาทเิ สส เพ่ือปอ้ งกนั ไมไ่ หภ้ ิกษุดือ้ ดา้ น ฯ (ปี 45) สงั ฆาทเิ สส ๑๓ สกิ ขาบทไหนบา้ งตอ้ งอาบตั ติ งั้ แตแ่ รกทา? มีช่อื เรยี กอยา่ งไร? ตอบสิกขาบทท่ี ๑ ถงึ ท่ี ๙ ฯ เรยี กวา่ ปฐมาปัตตกิ ะฯ (ปี 43) เพราะเหตไุ ร สงั ฆาทเิ สส จึงเรยี กวา่ ครุกาบตั ิ ทฏุ ฐุลลาบตั ิ วฏุ ฐานคามินี? ตอบ เพราะเป็นอาบตั หิ นกั จงึ เรยี กวา่ ครุกาบตั ิ เพราะมเี ร่ืองหยาบคายมาก จงึ เรยี กวา่ ทฏุ ฐุลลาบตั ิ เพราะภกิ ษุผตู้ อ้ งแลว้ จะทาไดด้ ว้ ยอย่กู รรม จงึ เรยี กวา่ วฏุ ฐานคามนิ ี อนิยต ๒ แปลวา่ วางอาบตั ิไวไ้ มแ่ น่ • ภิกษุน่งั ในทลี่ บั ตากบั หญงิ สองตอ่ สอง ถา้ มคี นท่คี วรเช่ือไดม้ าพดู ขนึ้ ดว้ ยธรรม ๓ อยา่ ง คือ ปาราชกิ หรือสงั ฆาทิเสส หรอื ปาจติ ตยี ์ อยา่ งใดอย่างหน่ึง ภกิ ษุรบั อยา่ งใดใหป้ รบั อยา่ งนนั้ หรอื เขาวา่ จาเพาะธรรมอยา่ งใดใหป้ รบั อย่างนนั้ • ภิกษุน่งั ในทลี่ บั หกู บั หญิงสองตอ่ สอง ถา้ มคี นท่คี วรเช่ือไดม้ าพดู ขนึ้ ดว้ ยธรรม ๒ อยา่ ง คือ สงั ฆาทเิ สส หรือปาจิตตยี ์ อย่างใดอยา่ ง หน่งึ ภกิ ษุรบั อย่างใดใหป้ รบั อยา่ งนน้ั หรือเขาว่าจาเพาะธรรมอยา่ งใดใหป้ รบั อยา่ งนน้ั (ปี 50) ท่ลี บั ตา กบั ท่ลี บั หู ตา่ งกนั อย่างไร? ท่ลี บั ทง้ั ๒ นน้ั เป็นทางใหป้ รบั อาบตั ิไดม้ ากนอ้ ยกวา่ กนั อยา่ งไร ? ตอบ ตา่ งกนั อยา่ งนี้ ท่ที ่มี ีสิง่ กาบงั เหน็ กนั ไม่ได้ เรยี กวา่ ท่ลี บั ตา ท่ที ่ไี มม่ สี ่งิ กาบงั เห็นกนั ได้ แตฟ่ ังเสียงพดู กนั ไมไ่ ดย้ ิน เรยี กว่า ท่ลี บั หู ฯ ท่ลี บั ตา เป็นทางใหป้ รบั อาบตั ไิ ดม้ ากกวา่ คอื ตงั้ แต่ปาราชกิ สงั ฆาทเิ สส ถึง ปาจิตตยี ์ สว่ นท่ลี บั หู เป็นทางใหป้ รบั อาบตั ติ งั้ แต่สงั ฆาทเิ สสลงมา ฯ (ปี 47) ในอนยิ ต ท่ลี บั ตา และท่ลี บั หู ไดแ้ ก่ท่ีเชน่ ไร? ภกิ ษุอย่กู บั มาตคุ ามสองตอ่ สองในท่เี ช่นนนั้ เป็นทางปรบั อาบตั ิอะไรไดบ้ า้ ง? ตอบ ท่ลี บั ตา ไดแ้ ก่ ท่มี ีวตั ถกุ าบงั แลเหน็ ไม่ได้ ท่ลี บั หู ไดแ้ ก่ ท่แี จง้ แลเหน็ ได้ แตห่ า่ ง ไม่ไดย้ นิ เสยี งพดู ฯ ในท่ลี บั ตา เป็นทางปรบั อาบตั ปิ าราชกิ สงั ฆาทิเสส และ ปาจติ ตยี ์ ในท่ลี บั หู เป็นทางปรบั อาบตั ิสงั ฆาทเิ สส และ ปาจติ ตยี ์ ฯ 15 | P a g e

ถุลลจั จัย • ฆ่าอมนษุ ยใ์ หต้ าย ตอ้ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั • ภกิ ษุลกั ทรพั ย์ มรี าคาไมถ่ ืง ๕ มาสก แต่มากกว่า ๑ มาสก เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั • ภิกษุมคี วามกาหนดั จบั ตอ้ งกายกะเทย ตอ้ งถลุ ลจั จยั นิสสคั คิยปาจติ ตีย์ ๓๐ (ปี 60) ภิกษุตอ้ งอาบตั ินสิ สคั คยิ ปาจติ ตีย์ หรืออาบตั ิปาจติ ตยี ์ มวี ธิ ีแสดงอาบตั ิ ต่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ นิสสคั คยิ ปาจติ ตีย์ ตอ้ งเสยี สละวตั ถอุ นั เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั นิ น้ั เสียก่อน จงึ แสดงอาบตั ิได้ สว่ นอาบตั ปิ าจติ ตยี น์ น้ั ภิกษุพงึ แสดงอาบตั ิ ไดเ้ ลย ไมม่ ีวตั ถใุ ด ๆ ท่ตี อ้ งสละ ฯ • จวี รและบาตรนอกจากจวี รและบาตรท่อี ธิษฐาน เก็บเกนิ ๑๐ วนั ตอ้ งอาบตั นิ สิ สคั คิยปาจติ ตยี ์ (ในนสิ สคั คิยปาจติ ตีย์ จวี รวรรค และปัตตวรรค) (ปี 55) อตเิ รกจวี ร อติเรกบาตร ไดแ้ ก่จวี รและบาตรเช่นไร? จีวรและบาตรชนดิ นี้ ภิกษุเกบ็ ไวไ้ ดก้ วี่ นั ? • ภิกษุอยปู่ ราศจากไตรจวี รแมเ้ พียงคนื หน่งึ ตอ้ งอาบตั ินิสสคั คิยปาจติ ตยี ์ เวน้ ไวแ้ ตไ่ ดส้ มมติ (สงฆต์ กลงกนั ใหอ้ ยปู่ ราศจากไตรจวี รได)้ (ในนิสสคั คยิ ปาจติ ตีย์ จวี รวรรค) ต้องสละไตรจวี รผืนทอี่ ย่ปู ราศจากนัน้ แล้วแสดงอาบตั นิ ิสสัคคิยปาจติ ตีย์ เมอ่ื ได้รับผ้า กลบั คนื มาแลว้ ต้องอธษิ ฐานใหม่ (ปี 62 ,53) ไตรจวี ร มีอะไรบา้ ง ? ภกิ ษุอย่ปู ราศจากไตรจวี รแมค้ นื หนงึ่ ตอ้ งอาบตั อิ ะไร ? ตอบ มี สงั ฆาฏิ คือผา้ คลมุ อตุ ตราสงค์ คอื ผา้ หม่ และอนั ตรวาสก คอื ผา้ นงุ่ ฯ ตอ้ งอาบตั ินสิ สคั คยิ ปาจิตตีย์ ฯ (ปี 59) ผา้ ไตรจวี ร ท่ีทรงอนญุ าตใหภ้ กิ ษุอธิษฐานไวใ้ ชม้ กี ี่อยา่ ง ? อะไรบา้ ง ? ตอบ มี ๓ อยา่ ง ฯ คอื ๑. สงั ฆาฏิ (ผา้ คลมุ ) ๒. อตุ ตราสงค์ (ผา้ ห่ม) ๓. อนั ตรวาสก (ผา้ นงุ่ ) ฯ (ปี 54) ไตรจวี รประกอบดว้ ยผา้ อะไรบา้ ง? ภิกษุอยปู่ ราศจากไตรจวี ร ตอ้ งปฏิบตั ิอยา่ งไร? ตอบ ไตรจวี ร ประกอบดว้ ย ผา้ สงั ฆาฏิ (ผา้ คลมุ ) ผา้ อตุ ตราสงค์ (จีวร หรอื ผา้ ห่ม) และอนั ตรวาสก (สบง หรือ ผา้ น่งุ ) ตอ้ งสละไตร จวี รผืนท่อี ย่ปู ราศจากนน้ั แลว้ แสดงอาบตั ินิสสคั คิยปาจติ ตยี ์ เม่ือไดร้ บั ผา้ กลบั คืนมาแลว้ ตอ้ งอธิษฐานใหม่ • ภิกษุขอจวี รตอ่ คฤหสั ถผ์ ไู้ ม่ใชญ่ าติ ไม่ใช่ปวารณา (คือไม่ไดบ้ อกใหข้ อ) ไดม้ า ตอ้ งนิสสคั คยิ ปาจติ ตีย์ เวน้ ไวแ้ ตม่ ีสมยั ท่ีจะขอจวี รได้ คอื เวลาภกิ ษมุ จี วี รอนั โจรลกั ไป หรือมจี ีวรอนั ฉิบหายเสีย (ปี 58) พระพทุ ธองคท์ รงอนญุ าตใหภ้ ิกษขุ อจวี รต่อคฤหสั ถผ์ ไู้ ม่ใชญ่ าติ ไมใ่ ช่ปวารณา ไดใ้ นสมยั ใดบา้ ง ? ตอบ ในสมยั ท่ภี กิ ษุมีจวี รอนั โจรลกั ไป หรือมจี ีวรอนั ฉิบหายเสีย ฯ (ปี 56) ภกิ ษุขอจวี รตอ่ สามีของนอ้ งสาวแลว้ ไดม้ า เธอจะตอ้ งอาบตั อิ ะไรหรอื ไม่? ตอบ ถา้ สามขี องนอ้ งสาวเป็นญาติกด็ ีมิใช่ญาติแตป่ วารณากด็ ี ไม่ตอ้ งอาบตั ิ ถา้ มใิ ชญ่ าตแิ ละมิไดป้ วารณา เป็นเพยี งนอ้ งเขย ตอ้ งนสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ เวน้ ไวแ้ ตส่ มยั (คอื ในเวลาจวี รถกู ขโมยหรือเสียหาย) ฯ • นอ้ มมาเพ่อื ตน เป็นอาบตั ินสิ สคั คิยปาจติ ตยี ์ (ในนสิ สคั คิยปาจติ ตยี ์ โกสิยวรรค) (ปี 56) มีผนู้ าอาหารบณิ ฑบาตมาถวายแก่สงฆ์ ภกิ ษแุ นะนาใหถ้ วายแกต่ นเองและไดม้ า เช่นนจี้ ะตอ้ งอาบตั หิ รือไม่ ? ถา้ ตอ้ ง จะตอ้ ง อาบตั อิ ะไร ? ตอบ ตอ้ งอาบตั ิ ฯ ตอ้ งอาบตั ินิสสคั คยิ ปาจิตตยี ์ ฯ 16 | P a g e

ปาจิตตีย์ ๙๒ หรือเรียกอกี อย่างว่า สุทธกิ ปาจติ ตยี ์ • ภิกษุนอนในท่มี งุ ท่บี งั อนั เดยี วกนั กบั อนปุ สมั บนั (ผไู้ ม่ใช่ภกิ ษุ เชน่ คฤหสั ถผ์ ชู้ าย สามเณร) เกนิ ๓ คนื ขนึ้ ไป ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ (ใน ปาจติ ตีย์ มสุ าวาทวรรค) (ปี 61 ,53) ภิกษุนอนในท่มี งุ ท่บี งั เดยี วกนั กบั สามเณร จะเป็นอาบตั ิหรือไม?่ ตอบ นอนได้ ๓ คืนไมอ่ าบตั ิ เกินกวา่ นนั้ ตอ้ งอาบตั ปิ าจิตตีย์ • ภกิ ษุนอนในท่มี งุ ท่บี งั อนั เดียวกนั กบั ผหู้ ญงิ แมใ้ นคนื แรกตอ้ งปาจิตตีย์ (ในปาจติ ตยี ์ มสุ าวาทวรรค) • ภิกษุบอกอตุ ตรมิ นสุ ธรรม (ธรรมอนั ยวดย่ิงของมนษุ ย์ คอื คณุ วเิ ศษ ไดแ้ ก่ ฌาณ วโิ มกข์ สมาธิ สมาบตั ิ มรรคผล)ทมี่ ีจรงิ แก่ อนปุ สมั บนั (ผไู้ ม่ใช่ภกิ ษุ) ตอ้ งปาจิตตีย์ (ในปาจิตตยี ์ มสุ าวาทวรรค) (ปี 60) ในปาจติ ตยี ์ ภิกษุตอ้ งอาบตั เิ พราะพดู เรอ่ื งจรงิ มีหรือไม่ ? เพราะเหตใุ ด ? ตอบ มี ฯ เพราะบอกอตุ ตรมิ นสุ สธรรมท่ีมจี รงิ แกอ่ นปุ สมั บนั ตามสกิ ขาบทท่ี ๘ แห่งมสุ าวาทวรรค และเพราะบอกอาบตั ชิ ่วั หยาบ ของภกิ ษุแก่อนปุ สมั บนั เวน้ ไวแ้ ตไ่ ดร้ บั สมมติ ตามสิกขาบท ท่ี ๙ แหง่ มสุ าวาทวรรค ฯ (ปี 45) ภกิ ษุพดู ปดตอ้ งอาบตั นิ นั้ ทราบแลว้ แต่ถา้ พดู เรอื่ งจรงิ จะตอ้ งอาบตั ิอะไรหรอื ไม่? ตอบ ตอ้ งอาบตั ิเหมอื นกนั คอื บอกอตุ ตรมิ นสุ สธรรมท่มี จี รงิ แกอ่ นปุ สมั บนั ตอ้ งอาบตั ิปาจติ ตีย์ ตามสิกขาบทท่ี ๘ แหง่ มสุ าวาทวรรค บอกอาบตั ชิ ่วั หยาบของภกิ ษุแกอ่ นปุ สมั บนั เวน้ ไวแ้ ตไ่ ดร้ บั สมมติ ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ต์ ามสิกขาบทท่ี ๙ แห่งมสุ าวาทวรรค ฯ (ปี 60 ,44) พดู อยา่ งไรเรียกวา่ อวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรม? ตอบ พดู อวดคณุ พเิ ศษอนั ยง่ิ ของมนษุ ย์ คอื พดู วา่ ขา้ พเจา้ ได้ ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบตั ิ มรรค ผล นพิ พาน เรียกวา่ อวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรม • พดู ปด ตอ้ งปาจิตตีย์ (ในปาจิตตยี ์ มสุ าวาทวรรค) และ ภกิ ษุดมื่ นา้ เมา ตอ้ งปาจติ ตีย์ (ในปาจิตตีย์ สรุ าปานวรรค) (ปี 52) พระ ก. นาเบยี รม์ าใหพ้ ระ ข. ดม่ื โดยหลอกวา่ เป็นนา้ อดั ลม พระ ข. หลงเช่ือจึงดืม่ เขา้ ไป ถามวา่ พระ ก. และพระ ข. ตอ้ ง อาบตั ิอะไรหรือไม่? ตอบ พระ ก. เป็นอาบตั ิปาจติ ตยี ์ เพราะพดู ปด ส่วนพระ ข. เป็นอาบตั ิปาจิตตยี ์ เพราะดม่ื นา้ เมา แมไ้ มร่ ูก้ ต็ อ้ ง อาบตั ิ เพราะสกิ ขาบทนเี้ ป็นอจติ ตกะ(คอื ไม่เจตนา สาคญั วา่ มใิ ชน่ า้ เมาด่มื เขา้ ไปก็คงเป็นอาบตั ิ) • ดา่ ภิกษุ ตอ้ งปาจิตตีย์ (ในปาจติ ตยี ์ มสุ าวาทวรรค) [ประดับความรู้ ไม่ต้องจา] อักโกสวตั ถุ เรอื่ งสาหรบั ดา่ มี ๑๐ อย่าง คอื ๑. ชาติ ไดแ้ กช่ นั้ หรือกาเนดิ ของคน ๖. โรค ๒. ชือ่ ๗. รูปพรรณสณั ฐาน ๓. โคตร คอื ตระกูลหรือแซ่ ๘. กเิ ลส ๔. การงาน ๙. อาบตั ิ ๕. ศลิ ปะ ๑๐. คาสบประมาทอย่างอนื่ ๆ โอมสวาท คือ คาพดู เสยี ดแทงใหเ้ จบ็ ใจ (ปี 59) พดู อยา่ งไร ช่ือว่าสอ่ เสียดภิกษุ ? ภกิ ษุพดู อยา่ งนนั้ ตอ้ งอาบตั ิอะไร ? ตอบ เกบ็ ความขา้ งนไี้ ปบอกขา้ งโนน้ เก็บความขา้ งโนน้ มาบอกขา้ งนี้ ดว้ ยประสงคจ์ ะใหเ้ ขารกั ตน หรอื ใหเ้ ขาแตกกนั ช่ือวา่ ส่อเสยี ด ภิกษุ ฯ ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ฯ (ปี 46) โอมสวาท หมายถึง? อกั โกสวตั ถุ หมายถึง? 17 | P a g e

ตอบ โอมสวาท คอื คาพดู เสยี ดแทงใหเ้ จ็บใจ ฯ อกั โกสวตั ถุ คอื เรอ่ื งสาหรบั ดา่ ๑๐ อย่าง ฯ • ภกิ ษุเอาเตยี ง ต่งั ฟกู เกา้ อี้ ของสงฆไ์ ปตงั้ ในท่แี จง้ แลว้ เม่ือหลีกไปจากท่ีนน้ั ไมเ่ ก็บเองก็ดี ไมใ่ ชใ้ หผ้ อู้ น่ื เกบ็ ก็ดี ไมม่ อบหมายแก่ผอู้ น่ื กด็ ี ตอ้ งอาบตั ิปาจิตตยี ์ (ในปาจติ ตีย์ ภตู คามวรรค) (ปี 63, 58 ,55) ภกิ ษุนาเกา้ อขี้ องสงฆไ์ ปใชใ้ นท่แี จง้ เม่ือหลีกไปจากท่ีนน้ั พึงปฏิบตั ิอยา่ งไร? ถา้ ไมป่ ฏิบตั ิ อย่างนนั้ ตอ้ งอาบตั ิอะไร? ตอบ พึงเกบ็ เอง หรือใชใ้ หผ้ อู้ นื่ เกบ็ หรือมอบหมายแก่ผอู้ นื่ ฯ ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ฯ (ปี 52) ภิกษุนาต่งั ของสงฆไ์ ปตงั้ ใชใ้ นท่แี จง้ จะหลกี ไปส่วู ดั อ่ืนตอ้ งทาอยา่ งไรจงึ จะไมเ่ ป็นอาบตั ?ิ ตอบ ตอ้ งเก็บดว้ ยตนเอง หรือใชใ้ หผ้ อู้ ่นื เก็บ หรอื มอบหมายใหผ้ อู้ น่ื จงึ จะไมเ่ ป็นอาบตั ิ ฯ (ปี 44) ภกิ ษุนา เตยี ง ต่งั ฟกู เกา้ อี้ ของสงฆ์ ไปใชใ้ นท่แี จง้ แลว้ ครนั้ หลกี ไปจากท่นี นั้ ไมเ่ ก็บหรอื ไมม่ อบหมายใหผ้ อู้ ื่นเกบ็ ให้ เรียบรอ้ ย ตอ้ งอาบตั อิ ะไรหรอื ไม?่ ภิกษุเขา้ บา้ นในเวลาวิกาล โดยไมบ่ อกลาภกิ ษุอ่นื ในวดั ตอ้ งอาบตั อิ ะไรหรือไม่? ตอบ ตอ้ งอาบตั ิ ปาจิตตีย์ ฯ ตอ้ งอาบตั ปิ าจิตตยี ์ เวน้ ไวแ้ ตม่ ีกิจรบี ดว่ น ฯ • ภิกษุพรากของเขียวซ่งึ เกดิ อยกู่ บั ท่ี ใหห้ ลดุ จากท่ี ตอ้ งปาจติ ตยี ์ (ในปาจิตตยี ์ ภตู คามวรรค) (ปี 43) ภิกษุยกผกั ตบชวาท่ลี อยอย่ใู นแมน่ า้ มาไวใ้ นสระจะตอ้ งอาบตั ิอะไร? ตอบ ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ถือการยกออกจากทเ่ี ดิมเป็นประมาณ ผกั ตบชวาจะตายหรอื ไม่ ไมส่ าคญั • ภกิ ษุฉนั ของเคีย้ วของฉนั ท่เี ป็นอาหารในเวลาวกิ าล คอื ตงั้ แตเ่ ท่ยี งแลว้ ไปจนถึงวนั ใหม่ ตอ้ งปาจติ ตยี ์ (ในปาจติ ตยี ์ โภชนวรรค) (ปี 53) ภกิ ษุ ก อาพาธ ไดร้ บั คาแนะนาใหฉ้ นั อาหารในเวลาวิกาลเพ่อื ช่วยใหห้ ายป่วยเรว็ แลว้ ฉนั ตามคาแนะนานน้ั มีวินจิ ฉยั ตาม พระวินยั อยา่ งไร? ตอบ มวี ินิจฉยั วา่ ภิกษุ ก ตอ้ งอาบตั ิปาจติ ตีย์ • ภิกษุกลนื กนิ อาหารท่ยี งั ไม่มผี ูใ้ ห้ คือ ยงั ไมไ่ ดร้ บั ประเคนใหล้ ่วงชอ่ งปากเขา้ ไป ตอ้ งปาจติ ตยี ์ เวน้ ไวแ้ ตน่ า้ และไมส้ ฟี ัน (ในปาจติ ตีย์ โภชนวรรค) (ปี 52) ลกั ษณะการประเคนประกอบดว้ ยองคอ์ ะไรบา้ ง? การชว่ ยกนั ยกโต๊ะอาหารขนึ้ ประเคนก็ดี การจบั ผา้ ปโู ต๊ะประเคนก็ดี ทงั้ ๒ วธิ ีนถี้ กู ตอ้ งหรือไม่? เพราะเหตไุ ร? ตอบ ลกั ษณะการประเคน ประกอบดว้ ยองคต์ อ่ ไปนี้ ๑.ของท่ีจะพึงประเคนนนั้ ไมใ่ หญโ่ ต หรือหนกั เกนิ ไป พอคนปานกลางยกไดค้ นเดียว ๒.ผปู้ ระเคนเขา้ มาอยใู่ นหตั ถบาส (บ่วงมือ หรือท่ใี กลต้ วั น่งั หา่ งกนั ไม่เกนิ ๑ ศอก) ๓.เขานอ้ มเขา้ มา ๔.กิรยิ าท่นี อ้ มเขา้ มาในนนั้ ดว้ ยกายก็ได้ ดว้ ยของเน่อื งดว้ ยกายกไ็ ด้ ดว้ ยโยนใหก้ ็ได้ ๕.ภิกษุรบั ดว้ ยกายก็ได้ ดว้ ยของเน่อื งดว้ ยกายกไ็ ด้ การชว่ ยกนั ยกโต๊ะอาหารขนึ้ มาประเคนกด็ ี การจบั ผา้ ปโู ต๊ะประเคนก็ดี ทงั้ ๒ วิธีไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะไมต่ อ้ งลกั ษณะองคป์ ระเคน การ ชว่ ยกนั ยกโตะ๊ อาหารขนึ้ มาประเคนผดิ ลกั ษณะองคท์ ่ี ๑ และการจบั ผา้ ปโู ต๊ะประเคนผดิ ลกั ษณะองคท์ ่ี ๓ • ภิกษุขอปัจจยั ๔ ตอ่ ผู้ทปี่ วารณาไว้ ถา้ เขาปวารณาโดยมีกาหนดเวลา พึงขอไดเ้ พียงกาหนดเวลานน้ั แต่ถา้ เขาปวารณาโดยไมไ่ ด้ กาหนดเวลา พงึ ขอไดเ้ พยี ง ๔ เดอื นเทา่ นนั้ เวน้ ไวแ้ ตเ่ ขาปวารณาอีก หรือปวารณาเป็นนิตย์ (ในปาจิตตีย์ อเจลกวรรค) (ปี 55) ภกิ ษขุ อปัจจยั ๔ ต่อผทู้ ่ปี วารณาไว้ มพี ระพทุ ธานญุ าตใหป้ ฏิบตั อิ ย่างไร? ตอบ ใหป้ ฏิบตั ดิ งั นี้ ถา้ เขาปวารณาโดยมกี าหนดเวลา พึงขอไดเ้ พียงกาหนดเวลานนั้ แตถ่ า้ เขาปวารณาโดยไมไ่ ดก้ าหนดเวลา พึงขอ ไดเ้ พียง ๔ เดือนเทา่ นนั้ เวน้ ไวแ้ ตเ่ ขาปวารณาอีก หรอื ปวารณาเป็นนิตย์ ฯ 18 | P a g e

คนปวารณา(คนบอกใหข้ อปัจจยั เม่ือตอ้ งการ) จาแนกอธิบาย ๔ อยา่ งดงั นี้ ๑.ปวารณากาหนดปัจจยั หมายความว่า ปวาณาท่กี าหนดชนดิ สิ่งของ เชน่ จวี ร หรือ บณิ ฑบาตเป็น หรือกาหนดจานวนสิง่ ของ เชน่ ผา้ ก่ีผืน บณิ ฑบาตมีราคาเทา่ ไร เป็นตน้ (ขอ้ นีเ้ คยออกขอ้ สอบถามความหมาย) ๒.ปวารณากาหนดกาล ๓.ปวารณากาหนดทัง้ ๒ อยา่ ง ๔.ปวาณาไม่กาหนดทัง้ ๒ อยา่ ง (ปี 51) คาวา่ ปวารณากาหนดปัจจยั หมายความวา่ อยา่ งไร? ตอบ หมายความวา่ ปวารณาทก่ี าหนดชนิดสง่ิ ของ เช่นจวี ร หรอื บิณฑบาตเป็นตน้ หรอื กาหนดจานวนสง่ิ ของ เช่น ผา้ ก่ีผนื บณิ ฑบาตมีราคาเทา่ ไร เป็นตน้ ฯ • ภิกษุใหข้ องเคีย้ วของฉนั แกน่ กั บวชนอกศาสนา ดว้ ยมอื ของตนตอ้ งปาจติ ตยี ์ (ในปาจติ ตีย์ อเจลกวรรค) (ปี 48) บคุ คลท่เี รียกวา่ ปรพิ าชก และ ปรพิ าชิกา คอื ใคร? ภิกษใุ หข้ องเคยี้ วกด็ ี ของกินกด็ ี แกบ่ คุ คลเหลา่ นนั้ อยา่ งไรเป็นอาบตั แิ ละ อยา่ งไรไม่เป็นอาบตั ิ? ตอบ ปรพิ าชก คอื นกั บวชผชู้ ายนอกพระพทุ ธศาสนา ปรพิ าชกิ า คอื นกั บวชผหู้ ญิงนอกพระพทุ ธศาสนา ฯ ให้ ดว้ ยมือของตนตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ส่งั ใหใ้ หก้ ด็ ี วางใหก้ ็ดี ไมเ่ ป็นอาบตั ิ ฯ • ภิกษุซอ่ นบรขิ าร คอื บาตร จีวร ผา้ ปนู ่ัง กลอ่ งเขม็ ประคดเอว สงิ่ ใดสิง่ หนง่ึ ของภกิ ษุอื่น ดว้ ยคดิ ว่าจะล้อเลน่ ต้องปาจติ ตยี ์ (ในปาจิตตยี ์ สรุ าปานวรรค) • ภิกษุไดจ้ วี รใหม่ ตอ้ งพนิ ทุ (ทาวงกลมๆ เหมอื นหยาดนา้ ) ดว้ ยสี ๓ อยา่ ง คอื เขยี วคราม โคลน ดาคลา้ อย่างใดอยา่ งหนงึ่ ก่อน จึงน่งุ หม่ ได้ ถา้ ไม่ทาพนิ ทกุ ่อนแลว้ นงุ่ ห่ม ตอ้ งปาจิตตีย์ (ในปาจิตตยี ์ สรุ าปานวรรค) (ปี 62 ,45) จวี ร ผา้ นสิ ที นะ องั สะ ผา้ เช็ดหนา้ ย่ามผา้ เม่ือจะใชส้ อย อย่างไหนควรพินทุ อยา่ งไหนไมค่ วร? เพราะเหตใุ ด? ตอบ จีวร และองั สะ ควรพินทุ เพราะใชห้ ม่ ผา้ นสิ ที นะ ผา้ เช็ดหนา้ และยา่ มผา้ ไมต่ อ้ งพินทุ เพราะไมไ่ ดใ้ ชน้ งุ่ หม่ ฯ (ปี 48) เม่ือภกิ ษุไดจ้ ีวรใหมม่ า กอ่ นท่จี ะน่งุ ห่ม ตอ้ งทาพินทดุ ว้ ยสี ๓ สี อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง คือสีอะไรบา้ ง? (ปี 43) คาวา่ “พินทกุ ปั ปะ” คอื อะไร? ตอบ คือการทาใหเ้ สียสี (วตั ถสุ าหรบั ทาใหเ้ สียสี คอื เขยี วคราม โคลน ดาคลา้ ทาใหเ้ ป็นจดุ วงกลมใหญ่เท่าแววตานกยงู เล็กเท่าหลงั ตวั เรือด) • ภกิ ษุ(เอานวิ้ ) จีภ้ กิ ษุ ตอ้ งปาจติ ตยี ์ (ในปาจติ ตยี ์ สรุ าปานวรรค) • ภิกษุวา่ ยนา้ เลน่ ตอ้ งปาจติ ตีย์ (ในปาจติ ตีย์ สรุ าปานวรรค) • ภิกษุหลอนภิกษุใหก้ ลวั ผี ตอ้ งปาจติ ตีย์ (ในปาจติ ตยี ์ สรุ าปานวรรค) • ฆ่าสตั วเ์ ดรจั ฉานใหต้ าย ตอ้ งอาบตั ิปาจติ ตยี ์ (ในปาจิตตยี ์ สปั ปาณวรรค) • นอ้ มมาเพ่อื บคุ คลอ่นื เป็นอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ (ในปาจติ ตยี ์ สหธรรมกิ วรรค) • โจทดว้ ยอาบตั ทิ ่ีไมใ่ ชป่ าราชกิ เป็นอาบตั ิปาจิตตยี ์ (ในปาจติ ตยี ์ สหธรรมกิ วรรค) • ภกิ ษุอ่ืนท่องปาติโมกขอ์ ยู่ ภิกษุแกลง้ พดู ใหเ้ ธอคลายอตุ สาหะ ตอ้ งปาจติ ตีย์ (ในปาจิตตยี ์ สหธรรมกิ วรรค) 19 | P a g e

(ปี 49) ภกิ ษุกาลงั ฟังพระปาฏโิ มกขอ์ ยู่ กล่าวขนึ้ วา่ “จะสวดไปทาไม ฟังก็ไมร่ ูเ้ รือ่ ง นา่ เบอื่ นา่ ราคาญ” เชน่ นตี้ อ้ งอาบตั ิอะไร? เพราะ เหตไุ ร? ตอบ ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ฯ เพราะกน่ สิกขาบท • ภิกษุเขา้ บา้ นไมบ่ อกลาภิกษุอ่นื ผมู้ ีอย่ใู นอาวาสในเวลาวกิ าล (ตงั้ แตห่ ลงั เท่ยี งวนั ไป) เป็นอาบตั ิปาจิตตีย์ เวน้ ไวแ้ ตม่ กี ิจดว่ น (ใน ปาจิตตีย์ รตนวรรค) (ปี 62 ,44) ภิกษุเขา้ บา้ นในเวลาวกิ าล โดยไม่บอกลาภกิ ษุอืน่ ท่มี อี ย่ใู นวดั ตอ้ งอาบตั อิ ะไรหรือไม่ ? ตอบ ตอ้ งอาบตั ิปาจติ ตยี ์ เวน้ ไวแ้ ต่มีกจิ รบี ด่วน ฯ (ปี 55) ภกิ ษเุ ขา้ บา้ นโดยไมไ่ ดบ้ อกลาภกิ ษุอืน่ ผูม้ อี ยใู่ นอาวาส ตอ้ งอาบตั อิ ะไรหรอื ไม่? จงอธิบาย ตอบ ถา้ เขา้ บา้ นในเวลาท่เี ป็นกาล ตงั้ แต่เชา้ ถืงเวลาก่อนเท่ียงวนั ไมต่ อ้ งอาบตั ิ ถา้ เขา้ บา้ นในเวลาวกิ าล คอื ตงั้ แต่หลงั เท่ยี งวนั ไป ตอ้ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ เวน้ ไวแ้ ตม่ กี จิ ดว่ น (หรือผอู้ ยใู่ นนิสสยั ) • ภิกษุทาผา้ อาบนา้ ฝน พงึ ทาใหไ้ ดป้ ระมาณ ๆ นนั้ ยาว ๖ คบื พระสคุ ต กวา้ ง ๒ คบื ครง่ึ ถา้ ทาใหเ้ กินกาหนดนี้ ตอ้ งปาจิตตยี ์ ตอ้ งตดั ใหไ้ ดป้ ระมาณเสียกอ่ น จงึ แสดงอาบตั ิตก (ในปาจิตตยี ์ รตนวรรค) (ปี 50) ผา้ อาบนา้ ฝนมกี าหนดขนาดไวเ้ ทา่ ใด? ถา้ ทาเกนิ กวา่ ขนาดนนั้ ตอ้ งอาบตั ิ ก่อนจะแสดงอาบตั ินน้ั ตอ้ งทาอย่างไร? ตอบ ยาว ๖ คบื กวา้ ง ๒ คืบครง่ึ โดยคบื พระสคุ ต ฯ ตอ้ งตดั ใหไ้ ดข้ นาดเสยี กอ่ น • ภกิ ษุรบั นมิ นตไ์ ปฉนั โภชนะทง้ั ๕ แลว้ จะไปในท่อี ่ืนจากท่นี มิ นตน์ นั้ ในเวลากอ่ นฉนั ก็ดี ฉนั กลบั มาแลว้ กด็ ี ตอ้ งลาภกิ ษุท่มี ีอยใู่ นวดั กอ่ นจึงจะไปได้ ถา้ ไม่ลาก่อนเท่ยี วไป ตอ้ งปาจิตตยี ์ เวน้ ไวแ้ ต่สมยั คอื จีวรกาล(คราวถวายจวี ร) และเวลาทาจวี ร(เวลาตดั จีวร) (ใน ปาจิตตีย์ อเจลกวรรค) (ปี 50) ภิกษุรบั นมิ นตแ์ ลว้ จะไปท่อี นื่ ก่อนหรอื หลงั ฉนั ตอ้ งปฏิบตั อิ ย่างไร? ถา้ ไมท่ าเช่นนนั้ ตอ้ งอาบตั ิอะไร? ตอบ ตอ้ งปฏบิ ตั ิอยา่ งนี้ คอื ตอ้ งบอกลาภิกษุอื่นกอ่ น ฯ ตอ้ งอาบตั ปิ าจิตตยี ์ ฯ ปาฏเิ ทสนียะ ไม่ออกข้อสอบ ทุกกฏ • พระภิกษุจบั ตอ้ งวตั ถอุ นามาสโดยไมม่ ีความกาหนดั เป็นอาบตั ทิ กุ กฏ (ปี 55) ภิกษจุ บั ตอ้ งกายมารดาในเวลาพยาบาลไขด้ ว้ ยจิตกตญั ญู ปรบั เป็นอาบตั ทิ กุ ฏผดิ หรอื ถกู เพราะเหตไุ ร? ตอบ เป็นอาบตั ิทกุ กฏ เพราะมารดาเป็นวตั ถอุ นามาส • นอ้ มมาเพ่อื เจดียแ์ ละเพ่อื สงฆห์ มอู่ ื่น เป็นอาบตั ทิ กุ กฏ • ภิกษุลกั ทรพั ย์ มีราคาตงั้ แต่ ๑ มาสกลงมา เป็นเหตใุ หต้ อ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ • ภกิ ษุซอ่ นบรขิ ารอนื่ (ไมใ่ ชบ่ าตร จวี ร ผา้ ปนู ่งั กลอ่ งเขม็ ประคดเอว) หรือซอ่ นของอนปุ สมั บนั (ผไู้ มใ่ ชภ่ ิกษุ) เป็ นทุกกฏ • ภกิ ษุมคี วามกาหนดั จบั ตอ้ งกายบรุ ุษ จบั ตอ้ งสตั วด์ ริ จั ฉานทง้ั เพศผเู้ พศเมยี ตอ้ งทกุ กฏ • ฝืนคาท่รี บั ปากเขาไว้ เรียกวา่ ปฏสิ สวะทกุ กฏ อาบตั ทิ กุ กฏ (ปี 45) ปฏิสสวะทกุ กฏ คืออะไร?ตอบคอื อาบตั ทิ กุ กฏท่เี กดิ จากการรบั คาดว้ ยจิตบรสิ ทุ ธิ์ แตภ่ ายหลงั ไม่ไดท้ าตามคาท่ีรบั ปากไวฯ้ 20 | P a g e

เสขยิ วตั ร ๗๕ • ภิกษุน่งั พดู เสียงดงั ในบา้ นจะตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ (ในเสขยิ วตั ร สารูป) (ปี 55) ภกิ ษุน่งั ในบา้ นพดู เสียงดงั จะตอ้ งอาบตั ิอะไร? • ภกิ ษุพึงทาความศกึ ษาวา่ เราจกั นงุ่ ห่มใหเ้ รยี บรอ้ ย (ในเสขยิ วตั ร สารูป) (ปี 60 ,45) การนงุ่ เป็นปรมิ ณฑล คอื การนงุ่ อยา่ งไร? ตอบ คือ นงุ่ เบอื้ งบนปิดสะดอื แต่ไมถ่ งึ กระโจมอก เบอื้ งลา่ งปิดหวั เขา่ ทงั้ ๒ ลงมาเพยี งครง่ึ แขง้ ไมค่ ลมุ ขอ้ เทา้ ฯ • เราจกั ไม่เอามอื คา้ กายน่งั ในบา้ น จะตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ (ในเสขิยวตั ร สารูป) (ปี 50) หมวดสารูปในเสขยิ วตั ร วา่ ดว้ ยเรอ่ื งอะไร ? ขอ้ ว่า “ไม่เอามือคา้ กายน่งั ในบา้ น” คือไมท่ าอย่างไร ? ตอบ วา่ ดว้ ยธรรมเนียมควรประพฤตใิ นเวลาเขา้ บา้ น ฯ คือ ไมน่ ่งั เทา้ แขนขา้ งเดียวกต็ าม สองขา้ งก็ตามในบา้ น ฯ • เราจกั รบั บิณฑบาตโดยเคารพ (ในเสขยิ วตั ร โภชนปฏสิ งั ยตุ ) (ปี 63, 61 ,58) ในการรบั บณิ ฑบาต ภิกษุพงึ ปฏิบตั ิอยา่ งไรจึงถกู ตอ้ งตามเสขยิ วตั ร ? จงตอบมาเพียง ๒ ขอ้ ตอบ รบั โดยเคารพ แลดแู ตใ่ นบาตร รบั แกงพอสมควรแก่ขา้ วสกุ รบั แต่พอเสมอขอบปากบาตร ฯ (เลอื กตอบเพียง ๒ ข้อ) (ปี 53) ขอ้ ว่า เราจกั รบั บิณฑบาตโดยเคารพ นนั้ มีอธิบายอยา่ งไร? ตอบ มีอธิบายวา่ รบั โดยแสดงความเออื้ เฟื้อ ในบคุ คลผใู้ ห้ ไมด่ หู มิ่น และใหแ้ สดงความเออื้ เฟื้อในของท่ีเขาให้ ไมท่ าดงั รบั เอามา เล่นหรอื เอามาทงิ้ เสยี ฯ (ปี 45) เสขยิ วตั รว่าดว้ ยการรบั บณิ ฑบาตมหี ลายขอ้ จงระบมุ าเพยี ง ๒ ขอ้ ตอบ (เลือกตอบเพียง ๒ ขอ้ ) ภิกษุพงึ ทาความศกึ ษาว่า เราจกั รบั บิณฑบาตโดยเคารพ ภิกษุพึงทาความศกึ ษาว่า เม่ือรบั บณิ ฑบาต เราจกั แลดแู ตใ่ นบาตร ภกิ ษุพึงทาความศกึ ษาวา่ เราจกั รบั แกงพอสมควรแก่ขา้ วสกุ ภกิ ษุพึงทาความศกึ ษาวา่ เราจกั รบั บณิ ฑบาตแตพ่ อเสมอขอบปากบาตร ฯ • ภิกษุพงึ ทาความศกึ ษาว่า เราจกั ฉนั บิณฑบาตโดยเคารพ (ในเสขิยวตั ร โภชนปฏิสงั ยตุ ) (ปี 47) ขอ้ วา่ ภิกษุพงึ ทาความศกึ ษาว่า เราจกั ฉนั บิณฑบาตโดยเคารพ นนั้ มอี ธิบายอยา่ งไร? ตอบมอี ธิบายว่าภกิ ษุฉนั บิณฑบาต แมเ้ ป็นของเลว ก็ไมแ่ สดงอาการวกิ าร คือฉนั โดยปกติ และเมอ่ื ฉนั กไ็ มฉ่ นั พลางทากจิ อ่ืนพลางฯ • ภกิ ษุฉนั พลางทากจิ อื่นพลาง ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ (ในเสขยิ วตั ร โภชนปฏสิ งั ยตุ ) (ปี 62 ,60) ภกิ ษุฉนั พลางพดู พลาง จะตอ้ งอาบตั อิ ะไรหรอื ไม่? ตอบ พดู ทง้ั ท่ยี งั มีอาหารอยใู่ นปาก ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ พดู ไม่มอี าหารอย่ใู นปาก ไม่ตอ้ งอาบตั ิ ฯ (ปี 54) ภกิ ษุฉนั พลางทากิจอ่ืนพลาง ตอ้ งอาบตั ิอะไรหรอื ไม่? ตอบ ตอ้ งอาบตั ิทกุ กฏ • ภิกษุผไู้ มไ่ ข้ ถา่ ยอจุ จาระ ถา่ ยปัสสาวะ และบว้ นนา้ ลายลงในของเขยี ว และในนา้ จะตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ (ในเสขยิ วตั ร ปกิณกะ) (ปี 55) ในเสขิยวตั รมีสิกขาบททพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงบญั ญตั ใิ หภ้ กิ ษุชว่ ยกนั รกั ษาสิง่ แวดลอ้ มโดยอนโุ ลมไวอ้ ย่างไร? ทพุ ภาสติ พดู ไม่ไดเ้ พง่ ความเจบ็ ใจ หรือความอปั ยศ พดู ลอ้ เล่น แต่กระทบวตั ถุ มีชาตเิ ป็นตน้ กบั อปุ สมั บนั ก็ตาม กบั อนปุ สมั บนั กต็ าม พดู เจาะตวั ก็ตาม พดู เปรยกต็ าม เป็ นทุพภาษติ ไม่ออกข้อสอบ 21 | P a g e


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook