จุลสารสถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลัยราชภฏั พบิ ูลสงคราม ResearPchibualnsdonDgekvraemloRpmajaebnht aItnUsntiitvuetresiotyf ...ºÍ¡¡ÅÒ‹ ÇàÅ‹ÒàÃÍ×è § “¤ÇÒÁÊÓàÃ稨ҡ¡ÒôÓà¹¹Ô â¤Ã§¡ÒûÃЪØÁÇªÔ Ò¡Òà “HERP Congress I / ¤ÇÒÁ¡ÒŒ Ç˹Ҍ 㹧ҹʋ§àÊÃÔÁÊº× ÊÒ¹â¤Ã§¡ÒÃÍѹà¹×Íè §ÁÒ¨Ò¡á¹Ç¾ÃÐÃÒª´ÓÃãÔ ¹Ãͺ»‚§º»ÃÐÁÒ³ 2555” ...ÀÁÙ »Ô ˜ÞÞÒ·ŒÍ§¶¹èÔ ¢Í§ªÒÇä·Â·Ã§´Ó ...ͧ¤¤ÇÒÁèٌ Ò¡ ¡ÒþѲ¹Ò¼ÅÔµÀѳ±¡ ÑÁÁÕÊè Á¹Ø ä¾Ã ·èÕÁÄÕ ·¸ìÊÔ ÒõҌ ¹Í¹ÁØ ÅÙ ÍÔÊÃÐ/ ÍÔ°·¹ä¿©¹Ç¹¨Ò¡à¶ŒÒá¡Åº …..§Ò¹Ç¨Ô ÂÑ Ê‹ÙªÁØ ª¹ ¡Òö‹Ò·ʹ¤ÇÒÁèŒÙ Ò¡ÒÃºÃ¡Ô ÒÃÇªÔ Ò¡ÒÃáÅСÒÃ໚¹·Õè»Ã¡Ö ÉÒ âç§Ò¹ÍµØ ÊÒË¡ÃÃÁáÅÐà·¤¹Ô¤¡ÒÃࢌҪÁØ ª¹ áÅСÒÃÃÑ¡ÉÒ¤ÇÒÁÊÁÑ ¾¹Ñ ¸¡ ÒÃ໹š ·Õè»Ã¡Ö ÉÒ ÇÔÊÒˡԨáÅÐâç§Ò¹ãË»Œ ÃÐʺ¤ÇÒÁÊÓàÃç¨ ...¢Ò‹ ÇÊÒäÇÒÁà¤ÅÍè× ¹äËÇ สถาบันวิจัยและพัฒนาอาคารศรพี ิบลู มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพบิ ลู สงคราม(สวนทะเลแกว ) มหาวทิ าลัยราชภฏั พบิ ูลสงคราม โทรศัพท/ โทรสาร 055-267038 http//research.psru.ac.th/~rdi/ , E-mail : [email protected] จลุ สารสถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลยั ราชภัฏพบิ ลู สงคราม ปท ี่ 3ฉบบั ที่ 1มกราคม-เมษายน2556
วช. ประกาศผลการพจิ ารณาขอเสนอโครงการวจิ ัยทางวชิ าการ งบประมาณแผน ดนิ ประจำป 2557 ที่ผานการพจิ ารณาทง้ั ส้ิน 20 โครงการสำนกั งานคณะกรรมการวิจยั แหงชาติ (วช.) ไดประเมนิ ผลการพจิ ารณา ขอ เสนอโครงการวจิ ยั ทางวชิ าการ ทท่ี างสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงคราม ไดป ระกาศ รบั สมคั รขอ เสนอโครงการวจิ ยั เพอ่ื ขอรบั ทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั จากงบประมาณแผน ดนิ ประจำปง บประมาณ พ.ศ. 2557 นั้นผลปรากฎวาผานการพิจารณาทั้งสิ้น 20 โครงการ จากขอเสนอโครงการที่จัดสงไปทั้งหมด 34 โครงการสพม.ใหท ุนสนับสนุนโครงการวจิ ัย ประจำปง บประมาณ 2556 สำนกั งานสภาพัฒนาการเมอื ง สถาบนั พระปกเกลา ประกาศใหทุนสนับสนนุ โครงการวจิ ยั ประจำป งบประมาณ 2556โดยคุณสมบัติของโครงการวิจัยประกอบดวยงานวิจัย ที่สรางความรูใหมหรือการจัดการ ความรูที่เกิดจากการปฏิบัติการวิจัยที่สอดคลองกับการดำเนินงานตามยุทธศาสตรของแผนพัฒนาการเมือง การพฒั นาวฒั นธรรมประชาธปิ ไตยและสถาบนั ทางการเมอื ง รวมทง้ั สถาบนั อน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ งมแี ผนปฏบิ ตั งิ าน และกำหนดเวลาแลว เสรจ็ โครงการทจ่ี ดั เจนงบประมาณโครงการวจิ ยั ทนุ ละไมเ กนิ 1,500,000 บาท และ เสนอขอรบั ทนุ ไดอ งคก รละไมเกิน 1 โครงการเปนโครงการวิจยั ทีจ่ ะเปนประโยชนต อการเมอื งภาคพลเมือง อยา งแทจ รงิ สำหรบั หนว ยงานใดทส่ี นใจเพอ่ื ขอรบั ทนุ สนบั สนนุ โครงการวจิ ยั ดงั กลา ว สามารถสงรายละเอยี ด โครงการวจิ ยั ภายในวันท่ี 15 พฤษภาคม 2556 ตอสำนกั งานสภาพฒั นาการเมอื ง สถาบนั พระปกเกลา ศูนยราชการเฉลิมพระเกียรตฯิ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ช้ัน 4 ถ.แจง วัฒนะ เขตหลักสี่ กรงุ เทพฯ 10210 ดรู ายละเอียดไดที่ www.pdc.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ โทรศพั ท02 – 141 – 9707 ขอแสดงความยินดกี ับอาจารยว าทีเ่ รืออากาศตรี ดร.บัญชา สำรวยรืน่ อาจารยป ระจำคณะครศุ าสตร ในโอกาสท่ีบทความงานวิจยั เรอ่ื ง Self-Regulated Learning: A Key of Successful Learner in Online Learning Environments in Thailand. ไดรับการตีพิมพในวารสารระดับนานาชาตชิ ื่อ Journal of Educational Computing Research (JECR) ของประเทศสหรฐั อเมริกา ประจำฉบบั ท่ี 48 (Volume 48, Number 1 / 2013) หนา 45-69
บรรณาธิการ ฉบบั น้ขี อเร่มิ ตน้ ดว้ ย คอลมั น์บอกกล่าวเลา่ เรื่อง “ความส�ำเรจ็ จากการดำ� เนินโครงการประชมุ วิชาการ “HERP Congress I / ความก้าวหน้าในงานส่งเสริมสืบสานโครงการอันเน่ืองมาจาก แนวพระราชด�ำริในรอบปีงบประมาณ 2555” ตามด้วยจาก...ท้องถ่ิน เรื่อง ภูมิปัญญาท้องถิ่นของ ชาวไทยทรงด�ำส่วนองค์ความรู้จากผลงานวิจัยขอแนะน�ำ เรื่อง“การพัฒนาผลิตภัณฑ์กัมม่ีสมุนไพรที่ มีฤทธ์ิสารต้านอนุมูลอิสระและ “อิฐทนไฟฉนวนจากเถ้าแกลบ” งานวิจัยสู่ชุมชน“การถ่ายทอดความ รู้จากการบริการวิชาการและการเป็นที่ปรึกษาโรงงานอุตสาหกรรมและเทคนิคการเข้าชุมชน และ การรกั ษาความสมั พนั ธก์ ารเปน็ ทปี่ รกึ ษาวสิ าหกจิ และโรงงานใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ ” และขา่ วสารความ เคลอื่ นไหวของสถาบันวจิ ัยและพฒั นาขอเชิญทา่ นติดตามอ่านในเลม่ ที่ปรกึ ษา จัดพมิ พ์และเผยแพร่โดย อาจารย์ ดร.ชนิกานต์ คุม้ นก สถาบนั วจิ ยั และพัฒนา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพบิ ลู สงคราม บรรณาธิการ โทรศัพท์ 055-267038 โทรสาร 055-267038 อาจารย ์ ดร.กฤธยา กาญจน์โตพทิ กั ษ์ E-mail : [email protected] Website : http://research.psru.ac.th/~rdi/ กองบรรณาธิการ อาจารย์ ดร.เชดิ ชัย โพธิ์ศรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชญานษิ ฐ์ ศศิวมิ ล นางสาว กัลนิกา พนู ผล นางสาว ปิยวด ี น้อยนำ้� ใส คณะผู้จัดทำ� นาวสาว ปิยวดี นอ้ ยน�้ำใส นาย กฤษฎธรรม ธปู บูชา 2 จลุ สารสถาบนั วิจยั และพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพิบลู สงคราม ปีท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - เมษายน 2556
สารบญั บอกกลา่ วเลา่ เร่อื ง หน้า ความสำ� เรจ็ จากการดำ� เนินโครงการประชุม วิชาการ “HERP Congres............................ 4 ความก้าวหน้าในงานส่งเสริมสืบสานโครงการ อันเนอ่ื งมาจากแนวพระราชดำ� รใิ นรอบปี งบประมาณ 2555................................... 5 จากทอ้ งถนิ่ ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ ของชาวไทยทรงดำ� ......... 6 องคค์ วามรู้จากผลงานวจิ ัย วัตถุประสงค์ การพฒั นาผลิตภณั ฑ์กัมมีส่ มุนไพรท่มี ีฤทธิ์ สารต้านอนมุ ลู อสิ ระ.................................. 8 จุลสารสถาบันวิจัยและพัฒนา อิฐทนไฟฉนวนจากเถ้าแกลบ เปน็ จลุ สารราย 4 เดอื นต่อฉบบั จดั ท�ำ 9 ข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ งานวจิ ัยสชู่ ุมชน ขา่ วสารกจิ กรรมตา่ งๆ ของสถาบนั วจิ ยั และพัฒนา ตลอดจนความรู้จากผล การถ่ายทอดความรจู้ าการบรกิ ารวิชาการและ งานวิจัยและงานวิชาการของบุคลากร การเปน็ ทีป่ รึกษาโรงงานอุตสาหกรรมและเทคนิค มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม การเข้าชมุ ชน และการรักษาความสัมพันธ์ สถาบันวิจัยและพัฒนายินดีเป็นสื่อ การเปน็ ทป่ี รกึ ษาวิสาหกจิ และโรงงาน กลางในการเผยแพร่ผลงานวิจัย ผล ให้ประสบความส�ำเรจ็ ..................................... งานวิชาการและเกร็ดความรู้ต่างๆของ 10 ชาวพิบูลสงครามทุกทา่ น ข่าวสารความเคล่อื นไหว 11 จุลสารสถาบนั วจิ ยั และพัฒนา มหาวิทยาลยั ราชภัฏพิบูลสงคราม ปีที่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556 3
บอกกล่าวเล่าเรอ่ื ง เสวนาและบรรยายพเิ ศษจากผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ ม่ี ชี อื่ เสยี งการจดั แสดง ผลงานวิจัยที่ประสบความส�ำเร็จและสร้างผลสะท้อนต่อสังคม ซง่ึ เป็นการรวบรวมผลงานวจิ ัยปี 2554 - 2555 ภายใต้โครงการ ส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา 70 แห่ง ท่ีมีความหลาก หลายบนพ้ืนฐานของความเป็นภูมิภาค/ท้องถิ่น ที่ถือว่าเป็น รากฐานท่ีส�ำคัญของประเทศอย่างแท้จริงโดยรูปแบบการจัด งานประกอบด้วย (1)การน�ำเสนอผลงานวิจัยแบบโปสเตอร์ ความส�ำเร็จจากการ จำ� นวน 1,215 โครงการภายใต ้ 4 กลมุ่ งานวจิ ยั หลกั ไดแ้ ก ่ กลมุ่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กลุ่มภูมิปัญญาท้องถ่ินต่อยอดสู่ ด�ำเนินโครงการประชุมวิชาการ นวตั กรรมดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี กลมุ่ การพฒั นาครขู อง ครแู ละกลมุ่ ขมุ พลงั มหาวทิ ยาลยั ไทยสอู่ าเซยี น (2) การจดั นทิ รรศการ “HERP Congress I” เพือ่ เผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยสู่สาธารณะ (3) การบรรยายพเิ ศษ 2 เร่อื ง คอื “การวจิ ัยไทยกบั ASEAN Harmonization” และ ในรอบป ี 2555 มหาวิทยาลัยราชภฏั พบิ ูลสงคราม ได้ “มหาวิทยาลัยไทยและทิศทางการบริหารจัดการงานวิจัยของ มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมวิชาการระดับชาติ ภายใต้ ประเทศ กบั ASEAN Harmonization” (4) การประชมุ เสวนา ช่ือ “การประชมุ วชิ าการโครงการสง่ เสรมิ การวิจยั ในอดุ มศกึ ษา วิชาการ 2 เร่ืองคือ “งานวิจัยต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ครัง้ ที ่ 1 The First Higher Education Research Promotion เพื่อนวัตกรรมความหลากหลายทางชีวภาพและพัฒนาหลักสูตร Congress (HERP CONGRESS I)” โดยมอบหมายใหส้ ถาบนั วจิ ยั กบั บรบิ ทใหม่ ASEAN Harmonization” และ “อดุ มศึกษาไทย และพฒั นา ท�ำหนา้ ทเ่ี ปน็ แม่ขา่ ยในการประสานการจัดงานร่วม ผา่ นงานวจิ ยั ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ชมุ ชนและผปู้ ระกอบการในบรบิ ทท่ี กนั ของ 7 มหาวทิ ยาลยั ไดแ้ ก ่ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั พบิ ลู สงคราม เกยี่ วขอ้ งกบั ASEAN Harmonization” (5) การจดั เวทแี ลกเปลย่ี น มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยราชภัฎ ความคิดเหน็ ในหัวขอ้ “ผลกระทบของ HERP ตอ่ การบรหิ าร พระนคร มหาวทิ ยาลัยราชมงคลสวุ รรณภมู ิ มหาวทิ ยาลยั ราช จัดการงานวิจัยในมหาวทิ ยาลยั ” มงคลธญั บุร ี มหาวิทยาลยั นเรศวร และมหาวทิ ยาลัยบรู พา ซ่ึง ในด้านความส�ำเร็จของการด�ำเนินงานพบว่ามีผู้เข้าร่วม นบั เปน็ การประชมุ วชิ าการทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การดำ� เนนิ โครงการวจิ ยั งานเกินความคาดหมาย กล่าวคือมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมท้ังส้ิน เปน็ ครง้ั แรกทเี่ กดิ จากความรว่ มมอื ของ 70 มหาวทิ ยาลยั ทมี่ าจาก 1,412 คน แบง่ เปน็ กลมุ่ นักวิจัย 879 คน กลมุ่ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ 3 กลุ่มใหญไ่ ดแ้ ก่ กลมุ่ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั กลุม่ มหาวทิ ยาลยั และผบู้ รหิ ารฯ 133 คน และกลมุ่ นักศกึ ษาและผู้สนใจทัว่ ไป ราชมงคล และกลุ่มมหาวิทยาลัยเดิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ จ�ำนวน 400 คนโดยผลการประเมินพบวา่ ผ้รู ว่ มงานมคี วาม 1) แสดงศักยภาพด้านการวจิ ยั บนพืน้ ฐานความหลากหลายทาง พงึ พอใจตอ่ การประชมุ วชิ าการ HERP Congress I ในภาพ ชวี ภาพ การพฒั นาครขู องครโู ดยผา่ นกระบวนการวจิ ยั ภมู ปิ ญั ญา รวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก (3.51-4.50) ทั้งด้านวิชาการ ทอ้ งถนิ่ และการวิจยั จากฐานภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ินสนู่ วตั กรรมทาง ดา้ นนิทรรศการ และดา้ นภาพรวม นอกจากนย้ี งั พบวา่ ผเู้ ขา้ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อการสร้างความพร้อมในการ เข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน 2) เผยแพร่ผลงานวจิ ยั ทส่ี ามารถน�ำไป ใช้ประโยชนไ์ ด้สสู่ าธารณชนและการพัฒนาประเทศ และ 3) ให้ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา 70 แหง่ นำ� เสนอและแลกเปลย่ี นแนวทางการบรหิ ารจดั การและ ระบบงานวิจัยของมหาวทิ ยาลยั ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่ เปน็ พลังส่วนหนึ่งในการขบั เคลอื่ นการพัฒนาประเทศทัง้ การ 4 จุลสารสถาบันวิจยั และพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พิบลู สงคราม ปที ี่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556
ร่วมงานมคี วามประทับใจกับสถานท่จี ัดงาน การตอ้ นรับทอ่ี บอุน่ บา้ นนุชเทียน, โรงเรยี น ตชด. บ้านรกั ไทย อำ� เภอชาติตระการ รปู แบบการจัดงานมคี วามเหมาะสม บุคลากรและนกั ศึกษาชว่ ย และโรงเรยี น ตชด. อาทรอทุ ศิ อำ� เภอนครไทย จงั หวดั พษิ ณโุ ลก งานมจี ติ บรกิ ารในการอำ� นวยความสะดวกทดี่ มี ากในทกุ ๆจดุ ของ และในโอกาสเดียวกันก็ได้น�ำนักเรียนระดับเดียวกันของ งาน อาหารกลางวนั และอาหารวา่ งอรอ่ ยมาก และอยากให้มี โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เข้าร่วมใน การจดั งานประชมุ วชิ าการเปน็ ประจำ� ทกุ ปแี ตอ่ าจมกี ารหมนุ เวยี น กจิ กรรมคร้งั น้ีด้วย โดยจัดใหม้ ีข้นึ ในวันท ี่ 1819 ธนั วาคม 2554 กันเป็นเจ้าภาพในโอกาสต่อ ๆ ไป ซ่ึงความส�ำเร็จที่กล่าวมา ณ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และตาม ท้ังหมดนี ้ ลว้ นเป็นผลท่เี กิดจากความรว่ มมอื ร่วมแรง รว่ มใจ มาด้วยกิจกรรม “ติวเข้มเพ่ือเติมเต็มองค์ความรู้”ท่ีจัดขึ้นใน ของบุคลากร เจ้าหน้าที ่ ผู้บริหารฯ คณาจารย์ นักศกึ ษา และ วนั ที ่ 20 มกราคม 2555 ณ หอ้ งประชมุ ราชาวด ี อาคารศรีพบิ ูล ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนท้ังภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงคราม (สว่ นทะเลแกว้ ) พรอ้ มดว้ ยการ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จึง จัดกิจกรรมศึกษาดูงานให้แก่ผู้บริหารและครูผู้สอนของโรงเรียน ขอกราบขอบพระคณุ ทุกทา่ นมา ณ โอกาสนี้ ต�ำรวจตระเวนชายแดน โดยโครงการท่ีจัดข้ึนมีวัตถุประสงค์ เพ่อื ให้นักเรยี น โรงเรยี น ตชด. มีผลสัมฤทธก์ิ ลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทยและคณิตศาสตร์สูงข้ึน และสร้างเจตคติท่ี ดีต่อการเรียนสาระการเรียนร้ภู าษาไทยและคณติ ศาสตร์ อกี ทงั้ ยังเป็นการสง่ เสริมให้คณะผู้บรหิ ารและครูโรงเรียน ตชด. ได้รับ ประสบการณจ์ ากการศกึ ษาดงู านและการประชมุ แลกเปลย่ี นเรยี น รกู้ บั คณะครขู องโรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ลู -สงคราม เพอ่ื นำ� ไปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอนของตนเองตอ่ ไป ผลลพั ธ์ ทไี่ ดจ้ ากการเรยี นรผู้ า่ นกจิ กรรมในคา่ ยภาษาไทยและคณติ ศาสตร์ เดก็ นกั เรยี นเกดิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรใู้ นลกั ษณะเพอื่ นชว่ ยเพอ่ื น และมสี มรรถภาพทางวชิ าการและทกั ษะทางสงั คมทด่ี ขี น้ึ เกดิ การ สรา้ งเครือข่ายความร่วมมอื ทางวิชาการในการบริการวิชาการแก่ ชุมชนระหว่างมหาวิทยาลยั ราชภฎั พิบลู สงคราม โรงเรยี นสาธติ ส ถ า บั น วิ จั ย แ ล ะ พั ฒ น า กั บ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพิบลู สงคราม และโรงเรียนต�ำรวจตระเวน- ชายแดน ซ่ึงในการจัดกิจกรรมคร้ังนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง ความก้าวหน้าในงานส่งเสริม สืบสานโครงการอัน เนื่องมา สิ้น 67 คน ประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 จ�ำนวน 55 คน ครแู ละผู้บริหารฯ จำ� นวน12 คน และจาก การประเมินพบว่า นักเรยี นมีระดบั ความพงึ พอใจ ร้อยละ 81 จ า ก แ น ว พ ร ะ ร า ช ด� ำ ริ ใ น ร อ บ มีระดับความรู้ความเข้าใจ ร้อยละ 93 สามารถน�ำความรู้ไป ใช้ประโยชนไ์ ด ้ รอ้ ยละ 85 และมีขอ้ เสนอแนะท่ีเปน็ ประโยชน์ ปงี บประมาณ 2555 ต่อการจัดกิจกรรมครั้งต่อไปคือ นักเรียนส่วนใหญ่ต้องการให้ เพิ่มระยะเวลาในการจัดกิจกรรมติวเข้มเพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ ในปีงบประมาณ 2555 สถาบันวิจัยและพัฒนา ให้มากขนึ้ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้มีส่วนในการรับผิดชอบ ระยะที่ 2 จัดให้มโี ครงการ “การอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ าร ด�ำเนินงานส่งเสริมสืบสานโครงการอันเนื่องมาจากแนว พระราชด�ำริ จ�ำนวน 1 โครงการ คือ โครงการส่งเสริม เพ่ือพัฒนาการเรียนการสอน”ระหว่างวันท่ี 1 - 4 พฤษภาคม คุณภาพการศึกษาโรงเรียนต�ำรวจตระเวนชายแดน โดยแบง่ การ 2555 ณ หอ้ งประชุมกาซะลอง (ม.803) และหอ้ งประชมุ ชน้ั 4 ดำ� เนนิ งานเป็น 2 ระยะ ประกอบดว้ ย อาคารมหาวชริ าลงกรณ ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงคราม (สว่ น ทะเลแกว้ ) ซ่ึงแบ่งการอบรมเป็น 3 หลักสูตร ไดแ้ ก ่ หลกั สตู ร ระยะท่ี 1 จัดโครงการ “ค่ายฝึกทักษะภาษาไทยกับ ผู้บริหาร หลักสูตรครูผู้สอน และหลักสูตรผู้ดูแลเด็ก โดยมี คณติ ศาสตร์เพ่อื พชิ ิตผลสมั ฤทธ์”ิ ให้แก่นกั เรียนระดบั ชนั้ ประถม วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหาร ครู และผู้ดูแลเด็ก เกิดความรู้ ศึกษาปีท่ี 6 ของโรงเรียนต�ำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ความเข้าใจและมีทักษะด้านการผลิตส่ือและนวัตกรรมการเรียน ท้งั 4 แห่ง ไดแ้ ก ่ โรงเรียนตชด. บ้านลาดเรือ, โรงเรียน ตชด. การสอน ซึ่งการจัดกิจกรรมคร้ังน้ีมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งส้ิน จลุ สารสถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พบิ ลู สงคราม ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน 2556 5
41 คน ประกอบด้วย ผู้บรหิ ารและครูจำ� นวน 28 คน และผู้ p3_1_1.htm) เขตสิบสองจุไท บริเวณลุ่มแม่น�้ำด�ำและแม่น้�ำ ดแู ลเด็ก จ�ำนวน 13 คน จากการประเมนิ ความพึงพอใจ ตอ่ แดง ในเวียดนามภาคเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของ ไทด�ำ ไท การจดั การอบรมในดา้ นตา่ ง ๆ อาท ิ การเตรยี มความพรอ้ มของ แดง และไทขาว เมอ่ื ฝรั่งเศสเข้าปกครองเวียดนาม ได้เรยี ก คณะกรรมการดำ� เนินงาน, เนื้อหา/ หลกั สูตร และกระบวนการ ชนเผ่าท่ีอาศัยอยู่ลุ่มแม่น้�ำด�ำว่า ไทด�ำท่ีเรียกว่าไทด�ำ เพราะ ที่จดั การฝึกอบรม, เอกสารประกอบการอบรม, ระยะเวลาของ ชนดังกล่าวนิยมสวมเส้ือผ้าสีด�ำซึ่งย้อมด้วยต้นห้อมหรือคราม การฝึกอบรม, สถานท่ีท่ใี ช้ในการจัดฝกึ อบรม, ความพร้อมของ แตกตา่ งกับชนเผา่ ทอ่ี ยใู่ กล้เคยี งเชน่ ไทขาวท่ีนยิ มแต่งกายด้วย อุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆในการดำ� เนนิ กิจกรรม, อาหารว่าง ผ้าสีขาว และไทแดงทช่ี อบใช้ผา้ สีแดงขลบิ ตกแตง่ ชายเสอ้ื ชาว และอาหารกลางวันท่จี ัดเตรยี มให้, พิธีกร / ผู้ด�ำเนินรายการ ไทยด�ำอยู่ท่ีเมืองแถงหรือแถน แต่เดิมเป็นเมืองใหญ่ของแคว้น ในการจัดอบรม, การอ�ำนวยความสะดวกต่างๆ ของคณะ สิบสองจไุ ท ปจั จบุ นั คือจังหวัดเดียนเบยี นฟู อยทู่ างทิศตะวันตก กรรมการ และในภาพรวม ผเู้ ขา้ รว่ มการอบรมสว่ นใหญ ่ มคี วาม เฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศ พงึ พอใจ อยใู่ นระดบั มากเกือบทุกด้าน คดิ เป็นร้อยละ 87.63 ลาว (แคว้นล้านชา้ ง) ทิศเหนือติดกบั ตอนใตข้ องประเทศจนี การ (Mean = 4.38, S.D. = 0.59) ยกเว้นดา้ นระยะเวลาของการฝกึ อพยพและการตง้ั รกรากในไทย ชาวไทดำ� อพยพเขา้ มาตง้ั รกราก อบรม ท่ีผู้เข้าอบรมมีความเห็นว่าควรเพิ่มระยะเวลาในการฝึก ในไทยถึง 2 คร้ังด้วยกัน ครัง้ แรกในสมัยพระเจา้ กรุงธนบุรีที่ ปฏบิ ตั ิ ควรมีการผลิตส่อื ที่หลากหลาย และอยากใหด้ ำ� เนินการ โปรดให้ไปต ี เมืองเวียงจนั ทรไ์ ดใ้ นป ี พ.ศ. 2321 ดังไดก้ ล่าวไว้ ต่อเน่ืองทุกปี และท้ังหมดน้ีคือความก้าวหน้าในการด�ำเนินงาน ในประวตั ิชาตไิ ทยว่า “แลว้ ปีรุ่งขน้ึ โปรด ฯ ใหย้ กกองทพั ไปตี ของสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงคราม ใน เมืองหลวงพระบาง ไปตเี มืองทัน เมอื งมว่ ย เมืองทั้ง 2 นเี้ ป็น ดา้ นการสง่ เสรมิ สบื สานโครงการอนั เนอื่ งมาจากแนวพระราชดำ� ร ิ เมืองของไทซ่งด�ำ ต้ังอยู่ในเขตแดนญวนเหนือ แล้วพาครัวไท ประจ�ำปีงบประมาณ 2555 เวยี ง ไทดำ� ลงมากรงุ ธนบรุ ี ในเดอื นย ่ี ไทซง่ ดำ� ใหไ้ ปอยเู่ พชรบรุ ี “ ต่อมารชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกล้าเจ้าอยู่หวั ประมาณ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น พ.ศ. 2378 กไ็ ด้น�ำครอบครัวชาวไทดำ� เข้ามาอยู่ในไทยอีก ดัง บันทึกของจอมพลเจ้าพระยาสุรศักด์ิมนตรีกล่าวไว้ เม่ือคราว ของชาวไทยทรงด�ำ เป็นแม่ทัพไปปราบฮ่อในสมัยรัชกาลท่ี 5 พ.ศ. 2430 ไว้ว่า “ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาธรรมา ฯ ยกกองทัพขึ้นมาถึง เมืองแถง จัดราชการเรียบร้อยแล้วได้เอาครัวเมืองแถง และสิบสองจุไทซึ่งเป็นไทด�ำลงมากรุงเทพ ฯ เป็นอันมาก เพราะขืนไว้จะเกิดการยุ่งยากแก่ทางราชการขึ้นอีกคร้ัง แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจา้ อยูห่ ัวได้โปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ วกไท ดำ� เหลา่ นัน้ ไปตัง้ ภมู ิล�ำเนาอย่ ู ณ เมอื งเพชรบรุ ี จนไดช้ ือ่ ว่า ลาวซ่งจากหลักฐานการอพยพเข้ามาในไทยทั้งสองครั้ง แสดง ให้เห็นว่าไทด�ำหรือไทยทรงด�ำ มาตั้งถิ่นฐานท่ีจังหวัดเพชรบุร ี เป็นแห่งแรกและจากค�ำบอกเล่าจากชาวไทยทรงด�ำเอง ก็ บรรยายว่า เดินอพยพมาจากถ่ินฐานเดิมโดยทางเรือ มาตั้ง ประวตั ิชาวไทยทรงด�ำหรอื ลาวโซง่ ถิน่ ฐานทตี่ �ำบลท่าแร้ง อ�ำเภอบ้านแหลม ซึ่งเป็นบ้านชายทะเล ชาวไทยทรงด�ำไม่ชอบภูมิประเทศแถบนั้น จึงได้ย้ายถิ่นฐานมา เร่อื ย ๆ จนถึงแถบอ�ำเภอเขายอ้ ย ซึ่งมีภมู ิประเทศเปน็ ป่าเขา กลุ่มชนชาวไทด�ำ มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไท เหมือนกับถ่ินฐานเดิมจึงได้ตั้งบ้านเรือนอยู่อย่างหนาแน่น ต่อ ดังกล่าวไว้ในพงศาวดารเมืองไลว่า “ เมืองท่ีพวกผู้ไทด�ำอยู่ มาชาวไทยทรงด�ำกไ็ ดย้ ้ายถ่นิ ฐานไปทำ� มาหากนิ ในทอ่ี ื่น ๆ เช่น นนั้ คือเมืองแถงหน่ึง เมืองควายหน่งึ เมืองตุงหนงึ่ เมอื งม่วย นครปฐม ราชบรุ ี สพุ รรณบรุ ี พจิ ิตร พิษณุโลก ชุมพร และ หนง่ึ เมอื งลาหน่งึ เมืองโมะหนง่ึ เมอื งหวดั หนง่ึ เมอื งซางหนง่ึ สรุ าษฎรธ์ าน ี แตช่ าวไทยทรงดำ� ในจงั หวดั ตา่ ง ๆ เหลา่ นน้ั จะบอก รวมเปน็ 8 เมอื ง เมอื งผูไ้ ทขาว 4 เมอื ง ผไู้ ทดำ� 8 เมอื งเปน็ ทีม่ าเปน็ แหลง่ เดยี วกนั ว่า มาจากจังหวดั เพชรบุรี 12 เมอื ง จงึ เรยี กวา่ เมอื งสบิ สองผไู้ ท แตบ่ ดั นเี้ รยี ก สบิ สองจไุ ท ” (อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.promma.ac.th/supaporn/unit5/ 6 จุลสารสถาบันวิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลยั ราชภฏั พิบลู สงคราม ปีที่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556
พ้นื ทีภ่ ายในบา้ นเปน็ ลักษณะพ้ืนทีก่ ว้าง ประเพณกี ารเลน่ คอน เ ป ็ น ป ร ะ เ พ ณี ก า ร เ ล ่ น เสื้อฮชี ุดทีใ่ ช้ในพิธีตา่ ง ๆ ของชาวไทยทรงด�ำ (ร้องรำ� ขับ ขับคลา้ ยๆขบั เสภา) ผา้ ซิ่นลายแตงโมผา้ เอกลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ� แต่หางเสียงเนิบฟังทอดๆกว่า เซิ้งเอ่วและโอ้สาวอย่างหนึ่งมัก เร่ิมต้นตั้งแต่เดือนห้าขึ้นหน่ึงค่�ำ เป็นต้นไปและจะเลิกเล่นคอนต่อ เม่ือหมอผีประจ�ำหมู่บ้านก�ำหนดให้ชาวบ้านเลี้ยงศาลเจ้าประจ�ำ หมู่บ้านล่วงไปแล้ว เมื่อเริ่มย่างเข้าเดือนห้าหนุ่มๆ ต่างต�ำบล (ต�ำบลเดียวกันจะเที่ยวเล่นคอนในหมู่บ้านของตนนั้นไม่นิยม กระท�ำกัน)มักจะรวมพวกของตนเป็นกลุ่มๆประมาณ 510 คน ข้ึนไป ซ่งึ ในจ�ำนวนน้นั จะต้องมีหมอแคน (คนเป่าแคน) หมอลำ� (คนร้องผสมแคน) หมอขับ (คนร้องเพลงระหว่างที่เล่นคอน) ไปด้วยการแตง่ กายขณะเล่นคอน (เฉพาะคนทท่ี อดชว่ ง) ทง้ั ชาย หญงิ นยิ มใสเ่ สอื้ ฮี ชดุ เคร่ืองการแตง่ กาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เส้ือผ้าส�ำหรับใช้ใน ชีวิตประจ�ำวันกับอีกชนิดหน่ึงคือ ส�ำหรับใส่ในงาน ประเพณี หรืองานรื่นเริงต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ทั้งชายและหญิงมักนิยมใช้ ค�ำศพั ท์ไทยทรงดำ� ผา้ ฝา้ ยทอมือย้อมคราม สำ� หรับเสื้อผา้ ที่ใสใ่ นพิธีกรรมจะจัดท�ำ ข้ึนเป็นพิเศษและปราณีสีด�ำตกแต่งด้วยผ้าไหมชิ้นเล็ก ๆ ส่วน ลกั ษณะการพดู หรือค�ำพดู ภาษาไทยทรงด�ำ ใหญม่ เี คร่ืองประดับเปน็ เงิน ผู้หญิงมี “ ผ้าเปียว ” คล้องคอ สว่ นเดก็ ๆ จะมหี มวกคลา้ ยถงุ ผา้ ปกั ไหมหรอื ดา้ ยสวยงามเรยี กวา่ ค�ำศัพท์ คำ� แปล “ มู ” การแตง่ กายของชาวไทยทรงดำ� แตง่ กายดว้ ยผา้ สดี ำ� เปน็ พน้ื มะฮุง มะละกอ ตามปรกติฝ่ายชายจะสวมกางเกงแค่เข่าเรียกว่า “ ซ่วงก้อม ” ผักเจ๊า ตะไคร้ ใส่เสอ้ื ค่อนข้างรัดรปู ยาวถึงสะโพกแล้วผา่ ปลายทัง้ สองข้าง แขน มะถว่ั ถั่วฟกั ยาว ยาวเปน็ กระบอกถงึ ขอ้ มอื ตดิ กระดมุ เงนิ อยา่ งถ ่ี ๆตง้ั แตค่ อถงึ เอว มะอึ ฝักทอง มะแตง แตงกวา เสื้อชนิดนี้เรียกว่าเส้ือก้อมหรือเส้ือไทยถ้าไปในงานที่เป็นพิธีการ จะสวมกางเกงขายาวเรียกว่าซ่วงฮีและใส่เสื่อตัวยาวมีลายปัก ประดษิ ฐ์ ตามแบบเฉพาะของตน เองเรียกวา่ “ เสอ้ื ฮี ” ฝ่าย กินงาย กินขา้ วเช้า หญิงตามปรกติสวมเส้ือก้อมติดกระดุมเงินถ้าเป็นงานพิธีจะสวม เส้ือฮผี า้ ซ่นิ ทใ่ี ชน้ ุ่งมีลักษณะเฉพาะคือ พนื้ ด�ำสลับ ลายเสน้ สขี าว กนิ แลง กินขา้ วเยน็ ครามและมวี ธิ นี งุ่ ผา้ ซน่ิ ของชาวไทยทรงดำ� ผดิ แปลกไปคอื ใชม้ มุ ผา้ กินเขา้ กนิ ขา้ ว ทางซา้ ยและขวาทบกนั แล้วหกั พับลง คาดด้วยเข็มขดั ตรงกลาง ข้าวรี ข้าวโพด แหวกเป็นฉากทรงผมของผู้หญิงนยิ มเกล้ามวยซ่งึ ม ี 2 แบบคือผู้ เตงเฮอื น บนบ้าน ทอี่ ยใู่ นวยั สาวจะเกลา้ ผม ทเ่ี รยี กวา่ ขอดซอยแตถ่ า้ พน้ วยั สาวจะ เปีย๊ เปยี ก เกล้าแบบปนั้ เกล้าเป็นการแบ่งแยกวัยวุฒิ ไส ไข่ เสา่ ใส่ จลุ สารสถาบนั วิจัยและพฒั นา มหาวิทยาลยั ราชภฏั พิบลู สงคราม ปีที่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556 7
บ้านหรือที่ชาวไทยทรงด�ำเรยี กวา่ “เฮือน” เช่นการเล่นคอนก็จะเล่นกันเป็นประจ�ำเดือนเมษายนหรือ ใน ประเพณีสงกรานต์ ” ลักษณะบ้าน เรอื น “บา้ น ” เรยี ก สงั เคราะห์องค์ความรู้ ส�ำเนียงภาษาไทย ทรงด�ำว่า “เฮือน” “การพฒั นาผลติ ภัณฑ์กมั ม่สี มนุ ไพร ท่ี อ ยู ่ อ า ศั ย ข อ ง ทมี่ ฤี ทธิ์สารตา้ นอนมุ ลู อิสระ” ช า ว ไ ท ย ท ร ง ด� ำ มี ลักษณะ แปลกไป ผูช้ ่วยศาสตราจารย ์ ดร.นำ�้ ทิพย์ วงษป์ ระทีป จากชนเผ่าอนื่ ๆ ทีม่ แี บบของตนเองใช้วัสดุง่าย ๆ ท่มี ใี นท้อง สาขาวศิ วกรรมเกษตรและอาหาร คณะเทคโนโลย ี ถน่ิ เชน่ ไม้ไผ ่ และไมต้ ่าง ๆ “ เสา ” เสาบา้ นท�ำด้วยต้นไม้ทง้ั การเกษตรและอาหาร ต้นเป็นไมเ้ นอื้ แข็งเลือกเอาตน้ ไมท้ ี่มงี า่ มส�ำหรับวางคาน และพ้นื บา้ นพน้ื บา้ นทำ� ดว้ ย ไมไ้ ผส่ บั หรอื ทบุ ใหแ้ บนเปน็ ชนิ้ ๆแผอ่ อกเปน็ หลายคนคงรู้จักผลิตภัณฑ์กัมม่ีกันดี โดยเฉพาะเด็กๆ แผน่ ตดิ กนั เรยี กวา่ ฟากมงุ ดว้ ยแฝกหญา้ คาหรอื ตน้ กกยาวคลมุ ลง เพราะผลติ ภณั ฑก์ มั มเี่ ปน็ ขนมในกลมุ่ ของลกู กวาด (confectionery มาเสมอพื้นเรือนฝาบ้านรอบทุกด้านเพ่ือป้องกันลมพัดแรงและ product) ชนดิ ทมี่ นี ำ้� ตาลเปน็ สว่ นผสมหลกั (sugar confectionery) อากาศท่ีหนาวเย็น (ในอดีตตัง้ อยใู่ น แถบอากาศหนาว)ยอดจัว่ เปน็ ลกู กวาดแบบเคีย้ ว (chewy confectionery) และยังเปน็ ลกู มกี ารประดับดว้ ยไมแ้ กะสลักเป็นก่ิงคล้ายเขาควายไขว้กนั เรยี ก กวาดชนดิ ทเี่ กดิ เจล ทเี่ ดก็ หลายๆ คนชอบรบั ประทานกนั เพราะ ว่า “ขอกุด”ใต้ถุน บ้านสูงโล่งกว้างคนเดินลอดไปมาได้อย่าง เนื้อสัมผัสของกัมมี่จะมีความยืดหยุ่น น่ิม เหนียว และต้อง สบายเปน็ บรเิ วณท่ีเกบ็ สิ่งของเครอ่ื งใชแ้ ละใช้ท�ำงานตา่ ง ๆ เชน่ ออกแรงเคย้ี ว เพอ่ื การบรหิ ารกรามในปากของเดก็ ๆ หรอื อาจเปน็ ทอผ้าต�ำข้าวและงานอน่ื ๆ มบี ันไดทอดข้นึ ภายในตวั บ้านเปดิ ผใู้ หญบ่ างทา่ นทช่ี อบของหวานแบบหนบึ ๆ ซง่ึ กมั ม ่ี เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ โลง่ และมีห้องหนึ่งเรยี กวา่ หอ้ งกะลอ้ หอง ต้องเคี้ยว ไม่ได้อมแบบลูกกวาด มีเนื้อสัมผัสแตกต่างกันไป ตั้งแต่อ่อนนุ่มแต่มีความยืดหยุ่นสูงไปจนถึงเหนียวแข็งกัดขาดได้ บทสมั ภาษณ์ ยาก ตัวอย่างท่รี จู้ ักกันดไี ด้แก ่ เยลลี กัมมีแบร ์ (ช่ือทางการคา้ ) มีรูปรา่ งเป็นหมีสีมว่ ง หอมกล่นิ องนุ่ เป็นทช่ี วนให้เดก็ ๆ ล้ิมลอง เป็นบทการสมั ภาษณค์ นเฒ่าคนแก่ในหมบู่ า้ น อยา่ งไรกต็ ามจากแนวคดิ ของผวู้ จิ ยั ในการนำ� เสนอผลติ ภณั ฑก์ มั ม่ี สมนุ ไพรเสรมิ สารฤทธ์ติ า้ นอนุมูลอสิ ระนั้น เพ่ือต้องการให้เดก็ ๆ ซ่ึงได้ถามถึงประวัติความเป็นมาของไทยทรงด�ำและภูม หรอื ผบู้ รโิ ภคทช่ี อบผลติ ภณั ฑใ์ นกลมุ่ นไ้ี ดม้ ที างเลอื กอกี ทางในการ ปัญญาของไทยทรงด�ำคนแรกเป็นการสัมภาษณ์คุณย่าหรือ สง่ เสรมิ เรอ่ื งการเลอื กรบั ประทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพกบั ผลติ ภณั ฑ์ “ เอ็มอู้ ” ใช้เรยี กในลักษณะเป็นแม่ของพ่อวยั 82 ปีท่านไดเ้ ล่า ทโ่ี ปรดปราน โดยเมอ่ื รบั ประทานแลว้ นอกจากจะไดร้ สชาตหิ อม วา่ “ ชาวไทยทรงดำ� ดำ� นน้ั แตเ่ ดมิ อพยพมาจากประเทศเวยี ดนาม หวานจากนำ้� ตาล ยงั ไดร้ บั คณุ คา่ จากสว่ นผสมของสมนุ ไพร บวก ซงึ่ ดนิ แดนนนั้ เรยี กว่า “ แค้วนสิบสองจุไท ” ซง่ึ อย่ตู อนบนของ กับสีสันที่ชวนน่ารับประทาน จากเหตุผลดังท่ีกล่าวมาจึงเกิด เวียดนาม แลว้ เข้ามาอยใ่ นปรเั ทศไทย เชน่ เพชรบุรีนครประฐม เปน็ งานวิจัยทที่ �ำเก่ยี วกับผลิตภณั ฑก์ ัมม่ี โดยนำ� น�้ำสมุนไพรจาก สพุ รรณบรุ รี าชบรุ ี เปน็ ตน้ ” ซงึ่ ทา่ นเองกไ็ มท่ ราบแนช่ ดั มากดฉิ นั ธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม และสารก่อเจลที่เหมาะสม เพื่อให้ เลยหาประวัตขิ องชาวไทยทรงดำ� มาเสริมในตอนท้ายสว่ นในดา้ น ได้ลักษณะของกัมมี่ที่มีเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม ได้กลิ่นของสมุนไพร ภูมปัญญาของไทยทรงด�ำน้ันก็มหี ลากหลาย เชน่ การทอเสื้อผ้า ผนวกกับความหวานของผลิตภัณฑ์อย่างลงตัว และสีสันดึงดูด ใสเ่ องการทำ� เคร่อื งประดับการทำ� หมอน การท�ำทนี่ อนยา่ มและ ใจผู้บริโภค อืน่ ๆ อีกมากมาย ท่านเลา่ ว่า “ สมยั ก่อนไมม่ ีเครอื่ งจักรต้อง เมอ่ื เรารูจ้ กั สมนุ ไพร และกัมมแ่ี ลว้ ถงึ ตอนน้เี รามาร้จู ัก นง่ั ปัน่ ดา้ ย ยอ้ มส ี ทอผ้า ทำ� ทกุ ขั้นตอน กวา่ จะไดเ้ สอื้ ผา้ หน่ึง “ สารตา้ นอนมุ ลู อิสระ หรือทีเ่ รียกวา่ สารแอนตอิ อกซแิ ดนท์ ชนิ้ ใชเ้ วลานานมาก”อกี ทา่ นหนงึ่ ไดส้ มั ภาษณถ์ ปึ ระเพณกี ารละเลน่ (antioxidants) ” กันดีกว่า สารต้านอนุมูลอิสระจัดเป็นสารท่ี ของไทยทรงด�ำ ยบั ย้งั ปฏิกิริยาออกซิเดชันจากอนุมลู อสิ ระ ซงึ่ สามารถแบ่งกลไก ท่านบอกว่า “ การละเล่นของไทยทรงด�ำหรือประเพณี การยับยัง้ ของสารตา้ นอนุมลู อิสระได ้ เปน็ 3 ชนดิ (Benzie ท่ียังมีอยู่ให้เห็นกันก็มีประเพณีการเสนเรือนหรือการเล้ียงผี and Strain, 1996) ประกอบด้วย 1) ทำ� การปอ้ งกันการเกิด บรรพบรุ ษุ การเลน่ คอนเปน็ ตน้ ประเพณเี หลา่ นยี้ งั มใี หเ้ หน็ กนั ทกุ ป ี อนุมลู อสิ ระ (preventive antioxidant) 2) ทำ� ลายหรือยบั ยัง้ 8 จุลสารสถาบนั วิจยั และพัฒนา มหาวิทยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงคราม ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556
อนมุ ูลอิสระทเ่ี กิดข้นึ (scavenging antioxidant) 3) ทำ� ให้ลกู โซ่ จากการศกึ ษาค้นควา้ งานวิจัยในครงั้ น ี้ พบวา่ นำ�้ มะนาว ของการเกดิ อนุมลู อสิ ระส้นิ สุดลง (chain breaking antioxidant) เป็นน�้ำสมุนไพรท่ีมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงถึง 262.40 จากผลงานวิจัยมากมายบ่งชี้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระสามารถ มิลลกิ รมั ต่อ 100 กรมั รองลงมา ไดแ้ ก ่ ดอกอญั ชัน ใบบวั บก ลดความเส่ียงต่อโรคหลายโรคโดยเฉพาะโรคเร้ือรังท่ีสัมพันธ์กับ มะละกอสุก ตะไคร้ สับปะรด ขงิ แก ่ กระเจ๊ยี บ กระทอ้ น ดอก อาหาร เช่น โรคมะเรง็ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคสมอง คำ� ฝอย อบเชย และฝาง ตามล�ำดบั (ร้อยละ 192.22-26.95) (เช่น อัลไซเมอร์) เป็นต้น รวมท้ังช่วยชะลอกระบวนการบาง นอกจากนี้เห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์กัมมี่สมุนไพรที่ท�ำการวิจัยไม่ใช้ ขนั้ ตอนทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ความแกไ่ ด ้ จากคณุ ประโยชนท์ กี่ ลา่ วนนั้ เราคง เพียงแค่ขนมหวานท่ีให้พลังงานเท่าน้ันแต่ยังให้ประโยชน์ในเร่ือง อยากทราบแลว้ วา่ แหลง่ อาหารทสี่ ำ� คญั ของสารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ ของสาร4krต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยภาพผลิตภัณฑ์กัมม่ีสมุนไพร มอี ยทู่ ใ่ี ดทบ่ี า้ ง แหลง่ อาหารทส่ี ำ� คญั ของสารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระพบ ท่มี ีฤทธิ์สารต้านอนุมูลอิสระ ได้ทั่วไปในพืชเกือบทุกชนิด เนื่องจากพืชจะสังเคราะห์สารต้าน อนุมูลอิสระขึ้นมาเพ่อื จดุ ประสงคบ์ างอย่าง เชน่ ป้องกนั ตวั เอง สงั เคราะหอ์ งคค์ วามรู้ จากเชอ้ื โรคและแมลง ใหส้ ีสันกับพืช การรับประทานอาหารที่ มีสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยให้ระบบแอนติออกซิแดนซ์ “อฐิ ทนไฟฉนวนจากเถ้าแกลบ” ของร่างกายท�ำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน แต่อย่างไร ก็ตามแม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระไม่สามารถแก้ไขความเสียหายท่ี โดย ผู้ชว่ ยศาสตราจารย ์ สนิท ปนิ่ สกลุ เกดิ ข้นึ แลว้ แตส่ ามารถชะลอให้ความเสียหายเกิดช้าลงได ้ โดย เฉพาะโรคเรื้อรังซ่ึงเป็นผลลัพธ์สะสมที่เกิดจากเซลล์และเนื้อเยื่อ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมีสินค้าจากภาค การเกษตรหลายชนิดติดอันดับต้นๆในตลาดโลก และหนึ่ง ในรา่ งกายถกู ทำ� อันตรายและเสียหายมาเป็นปีๆ จากขอ้ มลู องคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั กมั มแ่ี ละสารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ ในนั้นก็คือ “ข้าว” ซ่ึงข้าวจากประเทศไทยเป็นท่ียอมรับและ จึงท�ำให้นักวิจัยศึกษาถึงการผลิตผลิตภัณฑ์กัมม่ีสมุนไพรเสริม นิยมกันมากด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่ข้ึนชื่ออุตสาหกรรม สารตา้ นอนุมูลอสิ ระ เพอ่ื ตอบสนองความต้องการในการบรโิ ภค การผลิตข้าวเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ประเภทหน่ึงท่ีมีวัสดุเหลือทิ้ง ของผบู้ รโิ ภคทุกเพศ ทุกวัยท่ีช่นื ชอบผลติ ภัณฑ์ขนมหวาน แตย่ ัง จากกระบวนการผลิตข้าวในแต่ละขั้นตอนโดยเฉพาะในข้ันตอน คงได้คุณค่าท่ีเป็นผลดีต่อร่างกาย นอกจากน้ีแล้วจากการวิจัย ของการสขี า้ วเปลอื กซงึ่ จะมแี กลบเปน็ วสั ดเุ หลอื ทง้ิ ในปรมิ าณคอ่ น คร้ังนี้หากผู้ใดที่สนใจท�ำผลิตภัณฑ์ไว้ทานเองก็สามารถท�ำได้ไม่ ข้างมากเฉล่ยี ในแต่ละปีจะมีปริมาณแกลบเหลอื ท้ิงถึงปลี ะกวา่ 7 ยากโดยเตรียมสว่ นผสมไดแ้ ก ่ สารก่อเจล (เจลาตนิ ) น้ำ� ตาล ลา้ นตน้ (สิริลกั ษณ์. 2552) เถ้าแกลบทไี่ ดจ้ ากการเผาอิฐมอญ น้ำ� สมุนไพร กรดซิตรกิ และนำ�้ มนั พชื จากนั้นเรม่ิ ลงมอื ทำ� ด้วย เป็นวัสดุท่ีสามารถน�ำมาใช้ในการผลิตมาเป็นส่วนผสมอิฐทนไฟ การเอานำ้� สมนุ ไพร 200 มลิ ลลิ ติ ร นำ้� ตาล 200 กรมั กรดซติ รกิ ฉนวนโดยใช้เถ้าแกลบร้อยละ 65 อะลูมเิ นียมออกไซดร์ อ้ ยละ 4 กรมั และ น�ำ้ ตม้ สุกปรมิ าตร 40 มลิ ลิลิตร ผสมกับเจลาตนิ 22ดนิ ด�ำสุราษฏรร์ อ้ ยละ 13 เบนโทไนตร์ อ้ ยละ 10 และ ขี้ 250 Bloom ปรมิ าณ 40 กรัม (ไดส้ ารละลายเจลาตนิ ) และ เลอื่ ยรอ้ ยละ 20 ขนึ้ รปู ดว้ ยเครอื่ งอดั ไฮดรอลกิ นำ� ไปเผาอณุ หภมู ิ นำ� ไปผลิตโดยนำ� น้�ำสมนุ ไพรผสมกับน้ำ� ตาลตม้ จนเดอื ด ท้งิ ไวท้ ่ี 1,300 องศา เซลเซียส ดังภาพที ่ 1 และภาพท ี่ 2 อณุ หภูมิ 60 องศาเซลเซียส นำ� สารละลายเจลาตินเทผสมให้ เขา้ กันกับน้�ำสมุนไพร เตมิ กรดซติ รกิ แลว้ ผสมให้เข้ากันอีกครง้ั ภาพที ่ 2 แสดงอฐิ ทนไฟฉนวนที่ผา่ นการเผามาแลว้ จึงเทลงพิมพ์ตามรูปแบบท่ีต้องการก็จะได้ผลิตภัณฑ์กัมม่ีดังภาพ ทป่ี รากฏ จุลสารสถาบันวิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลัยราชภฏั พบิ ลู สงคราม ปีที่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556 9
จากการทดสอบสมบัติทางกายภาพ พบวา่ มคี วามหดตวั ก่อน อื่นๆ เป็นตน้ นับว่าเปน็ ความภาคภูมิใจยิ่ง เพราะความรู้สกึ ดๆี เผาเฉลีย่ ร้อยละ -2.25±0.06 ความหดตัวหลังเผาเฉลยี่ รอ้ ยละ ท่ีได้รับจากผู้ที่เข้ามาขอรับบริการล้วนแต่เอ่ยถึงเรา และนึกถึง 6.63±0.16 ความแขง็ แรงกอ่ นเผาเฉลยี่ 0.22±0.04 กโิ ลกรมั ตอ่ ตา เราตลอด รวมทง้ั ความรทู้ ม่ี มี ากมายนานบั อนนั ตท์ สี่ ามารถนำ� มา รางเซนติเมตรความแขง็ แรงหลงั เผาเฉลี่ย 3.45±0.23 กิโลกรมั ใชใ้ นการดำ� รงชวี ติ ประจำ� วนั ของตวั เองในแงม่ มุ ของนกั วชิ าการได้ ตอ่ ตารางเซนติเมตร ความหนาแนน่ รวมเฉลยี่ 0.87±0.07 กรัม อยา่ งลงตวั และสามารถปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั เหตกุ ารณใ์ นยคุ ปจั จบุ นั ตอ่ ลูกบาศก์เซนตเิ มตร สีเทาออ่ น และทนความรอ้ นทอ่ี ณุ หภูม ิ ไดอ้ ยา่ งดแี ละทนั สมยั มาก เพราะคำ� ถามของโลกแหง่ ทฤษฎอี งค์ 1,300 องศาเซลเซียส บรรยากาศการเผาไหม้แบบสมบูรณ์ได้ ความรู้ท่ีใช้ได้จริงและสามารถแก้ปัญหาได้จะเกิดจากการน�ำไป ผลจากการทดลองน�ำเน้ือดนิ ป้ันสตู รที 10 ไปขึน้ รูปผลติ ภณั ฑ์ ใช้เพ่ือตอบสนองในการด�ำรงชีวิตของมนุษย์ท่ีอยู่พ้ืนฐานความ อิฐทนไฟฉนวนด้วยเคร่ืองอัดไฮดรอลิกโดยใช้แบบพิมพ์โลหะ ต้องการด้านปัจจัย 4 โดยเฉพาะความต้องการอาหาร และ พบว่าสูตรส่วนผสมเน้ือดินปั้นอิฐทนไฟฉนวนขึ้นรูปได้ดีหลังผ่าน จากการที่เราได้ประสบปัญหาจากการลงมือปฏิบัติจริงท�ำให้เรา การเผานำ� ไปใช้งานได้ ได้มีโอกาสทบทวนความเป็นนักวิชาการของเราด้วย ว่าเรามี งานวิจยั สู่ชมุ ชน “ภมู วิ ิชาการ” มากข้ึนแคไ่ หนท่จี ะทำ� หนา้ ที่เปน็ แม่พิมพ์ของชาติ เพื่อไปสร้างคน สร้างประเทศตอ่ ไป ส่วนเทคนิคการเข้าชุมชน อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ การถ่ายทอดความรู้จาการบริการวิชาการและการเป็น ประสบความส�ำเรจ็ ส�ำหรับตนเองน้นั ใช้ค�ำ 2 คำ� คอื “เขา้ ถึง” ที่ปรึกษาโรงงานอุตสาหกรรมและเทคนิคการเข้าชุมชน และ และ “เขา้ ใจ” บวกกับความตระหนักอย่างทอ่ งแทว้ ่า ธุรกจิ เขา การรักษาความสัมพันธ์การเป็นที่ปรึกษาวิสาหกิจและโรงงานให้ คอื ธรุ กจิ เรา ขอ้ มลู ทตี่ อ้ งใชป้ ระกอบเพอ่ื ประโยชนข์ องโรงงานเขา ประสบความส�ำเร็จ กต็ อ้ งเปรยี บเสมอื นเปน็ โรงงานเราเอง ถา้ ท�ำไดอ้ ย่างน้แี ลว้ สิง่ ท่ี ความรูต้ ่างๆ ทีไ่ ด้จากงานวจิ ยั ลว้ นมคี ุณคา่ มาก แตห่ าก ตัวเองประสบอย ู่ ณ ปัจจุบนั คอื โรงงานใหค้ วามไวว้ างใจ และ จะมีคุณค่ามากยิ่งหรือมีประโยชน์อย่างแท้จริง ควรได้มีการน�ำ มอี ำ� นาจเตม็ ในการตดั สนิ ใจแทน แตอ่ ยา่ งไรตามกต็ อ้ งใชผ้ ลงาน ไปบริการวิชาการโดยถ่ายทอดให้กับผู้ที่จะน�ำไปใช้ประโยชน ์ และกาลเวลาเปน็ เครอ่ื งพสิ จู นเ์ ชน่ เดยี วกนั วา่ เราจะเปน็ ทป่ี รกึ ษา แล้วเกิดมูลค่าเชิงพาณิชย์ ซึ่งผู้ที่จะน�ำไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะ ทปี่ ระสบความสำ� เรจ็ และอยใู่ นดวงใจเขาตลอดไปหรอื เปลา่ แลว้ เปน็ บคุ คล ชมุ ชน OTOP หรือโรงงานอุตสาหกรรมกต็ าม จาก อะไรคอื ตดั สนิ ในสงิ่ ทเี่ ราบอกวา่ เราเขา้ ไปนงั่ ในดวงใจเขาแลว้ หรอื ประสบการณ์ของตนเองท่ีได้นำ� ความรู้ที่ได้รับมากจากการศึกษา ยงั งา่ ยๆ ค่ะ แคถ่ า้ เอ่ยถึงเราเขาจำ� ไดแ้ ม่นและอยากจะพูดถงึ การค้นคว้า หรือจากการวิจัยไปบริการวิชาการนั้น ท�ำให้เรา พดู แลว้ ก็ช่นื ชมตลอด อยากเจอ อยากคยุ น่ันแหละเราเขา้ ไป ได้ความรู้เพ่ิมอีกหนึ่งช่องทางด้วยท่ีนับว่าเป็นการเพิ่มพูนแบบ น่งั ในดวงใจเขาแลว้ หลงั จากนั้นการกล่าวและเอย่ นามของเรา ก้าวกระโดดก็ว่าได้ นั่นก็คือความรู้ท่ีจากการบริการวิชาการ ในกล่มุ โรงงาน ชมุ ชน ผ้ปู ระกอบการ หรือ OTOP จะเป็นสอื่ ที่ เพราะการบริการวิชาการจะถูกถามค�ำถามมากมายที่เราคาดคิด ประชาสมั พนั ธก์ ติ ตศิ พั ทเ์ ราไปทว่ั และอยา่ งรวดเรว็ ในกลมุ่ คราว ไม่ถึง หรือยังคดิ ไมค่ รอบคลมุ ทำ� ให้เราตอ้ งพฒั นาตนเองอย่าง น้เี รากจ็ ะกลายเป็นคนที่เขาอยากเจอด้วยการบอกตอ่ คลา้ ยกบั สม�่ำเสมอด้วยการกลบั มาศกึ ษาตอ่ และต้องเอะ๊ เอ๊ะ แลว้ หา การขายของว่าของดีแล้วบอกต่อ และอีกอย่างท่ีส�ำคัญของการ ค�ำตอบ จนสง่ ผลท�ำใหเ้ รามีประสบการณ์มีความช�ำนาญทงั้ ทาง เป็นที่ปรึกษาที่ดีต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของเขา และต้อง ด้านวิชาการ และมนุษยสัมพันธ์ (ต้องท�ำตัวไม่หายเงียบ ได้ พยามสกัดความรู้และประสบการณ์จากการปฏิบัติของเขาน�ำมา หรือไม่ได้ค�ำตอบต้องคอยหม่ันติดต่อบอกถึงสถานการณ์ถึงไหน วิเคราะห์และประมวลให้ได้ว่าเราจะช่วยเขาได้อย่างไร เมื่อเรา แล้ว) ตลอดจนนักคน้ ควา้ ตัวยงกว็ า่ ได้ ซงึ่ บางคร้งั การถา่ ยทอด ได้คำ� ตอบจงวางตวั เสมอื นผรู้ ู้แต่ไมร่ ู ้ ค่อยๆ ให้คำ� ตอบโดยการ ความรอู้ าจเปน็ ทถ่ี กู อกถกู ใจของผทู้ มี่ ารบั บรกิ าร และอาจไดเ้ ปน็ ยิงคำ� ถามเขา เพื่อใหเ้ ขาไดพ้ ูด ได้คดิ และชื่นชมเขาเลยวา่ เขา ที่ปรึกษาในดวงใจของผู้มารับบริการเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจุบัน กม็ อี งคค์ วามรแู้ ละภมู ปิ ญั ญาในการแกไ้ ขปญั หา เพยี งแคข่ อมคี น ตวั ข้าพเจา้ เอง (ผศ.ดร.น้�ำทพิ ย์ วงษ์ประทีป) ทีไ่ ดล้ งพน้ื ทอี่ อก ชแ้ี นะเทา่ นนั้ นอกจากนเี้ ราตอ้ งปฏบิ ตั ติ นเปน็ กนั เอง อยงู่ า่ ย กนิ บริการวชิ าการโดยน�ำเอาองค์ความรทู้ ่ีได้ศึกษาคน้ ควา้ และวจิ ัย ง่าย เขา้ ใจงา่ ย กบั ชุมชน ผ้ปู ระกอบการ โรงงาน แลว้ ทุกๆ ผู้ ไปถา่ ยทอดนนั้ จนกลายเปน็ ทปี่ รกึ ษาโรงงานอตุ สาหกรรมหลายๆ ประกอบการทเ่ี จอเราก็จะรักเรา และคิดถึงเรา โรงงานในเขตภาคเหนอื ตอนลา่ ง เช่น บรษิ ทั เฉากว๊ ยชากังราว (กำ� แพงเพชร) บรษิ ัท ศิริวานชิ (พิษณโุ ลก) หา้ งห้นุ ส่วนจ�ำกัด บทสัมภาษณ์ ลกู จงรัก (พษิ ณโุ ลก) บรษิ ัท วินนีทฟู้ด จำ� กัด (สุโขทัย) และที่ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.น�้ำทิพย์ วงษป์ ระทปี 10 จุลสารสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพิบลู สงคราม ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556
ข่าวสารความเคลื่อนไหว monitoring และแนบรายงานความก้าวหน้า / รายงานสมบูรณ์ เพื่อปดิ โครงการปีงบประมาณ 2554 - 2555 ให้ครบถว้ น ซง่ึ ในกรณีท่ีนักวิจัยไม่ปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันจะมีผลต่อการ เมอื่ วันจนั ทร์ที่ 21 มกราคม 2556 พระเจา้ วรวงศ์เธอ พิจารณาก�ำหนดกรอบงบประมาณการวิจัยและการจัดสรรงบ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงพระกรุณาฯ เสด็จ ประมาณการวิจัยในปีงบประมาณต่อๆ ไปโดยนักวิจัยสามารถ เป็นองค์ประธานเปิดศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง และ ดำ� เนนิ การปรบั ปรงุ ระบบ NRPM ใหเ้ ปน็ ปจั จบุ นั ไดต้ งั้ แตบ่ ดั นไ้ี ป เปิดการประชุมโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาครั้ง จนถึงวนั ที ่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ทางส�ำนกั งานคณะกรรมการ ท่ี 1 (HERP CONGRESS I) โดยมีคณะผบู้ ริหารของ วิจัยแห่งชาติ (วช.) จะน�ำข้อมูลที่มีการปรับปรุงจากนักวิจัยไป มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ร่วมด้วยเหล่าข้าราชการ, จดั ท�ำเปน็ ขอ้ มูลสถานภาพการด�ำเนนิ งานวิจยั ของหน่วยงานภาค นักเรยี น, นกั ศกึ ษา, และประชาชนในจงั หวัดพิษณโุ ลกเขา้ รวม รัฐและน�ำเสนอคณะรัฐมนตรีเพ่ือใช้ในการประกอบพิจารณางบ รับเสด็จฯ ณ ศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง ซ่ึงการจัด ประมาณในปตี อ่ ไป นกั วจิ ยั สามารถสอบถามรายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ งาน HERP ในครั้งน้ีมีคณะผู้บริหารและนักวิจัยร่วมถึงภาคี ได้ท่ีสถาบันวิจัยและพฒั นา (ฝา่ ยวจิ ัย) หมายเลขภายใน 7211 เครือข่ายจากมหาวิทยาลัย 70 แหง่ สนใจและเขา้ รว่ มงานเป็น อยา่ งด ี โดยมคี ณะผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละคณะผบู้ รหิ ารจำ� นวน 148 คน, สวจ.จัดกิจกรรมค่ายวิชาการ “English Camp” ประจำ� นักวิจัยทเี่ ข้ารว่ มนำ� เสนอผลงานวจิ ยั จ�ำนวน 879 คน, ภาคีเครือ ปีการศึกษา 2555 ณ โรงเรียนตำ� รวจตระเวนชายแดนบ้านนชุ ข่ายจำ� นวน 127 คน และบคุ คลทว่ั ไปทส่ี นใจจำ� นวน 237 คน เทยี นต�ำบลบอ่ ภาค อ�ำเภอชาตติ ระการ จงั หวดั พิษณุโลก รวมผู้ท่ีเข้าร่วมงานทั้งส้ินจ�ำนวน 1,391 คน นอกจากน้ียังมี เมื่อวันท่ี 16 - 17 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา นักเรยี น นกั ศกึ ษา จากสถาบนั ต่างๆ ในจงั หวัดพษิ ณุโลกทไ่ี ด้ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยช์ ญานษิ ฐศ์ ศวิ มิ ล รองผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ยั ใหค้ วามสนใจในการจัดการประชมุ HERP ในครง้ั นอ้ี ีกด้วย และพัฒนา พร้อมด้วยนางจิตรา มีค�ำ นักวิชาการศึกษา และในการนี้ ทางสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยและพฒั นา และนกั ศึกษาชนั้ ปที ่ ี 3 สาขาวชิ าภาษา ราชภัฏพิบูลสงคราม ต้องขอขอบพระคุณคณะกรรมการรวมถึง องั กฤษ กลุม่ 1 คณะครุศาสตร ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพบิ ลู ได้ คณะผ้บู รหิ าร คณบด ี หวั หนา้ ศนู ยส์ �ำนกั บุคลากร เจ้าหนา้ ท ี่ จัดกิจกรรมค่ายวชิ าการ “English Camp” ประจ�ำปกี ารศึกษา และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามทุกท่านมา ณ 2555 ตามโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนต�ำรวจ โอกาสน้ีที่ได้ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจจัดการประชุม ตระเวนชายแดน ประจ�ำป ี 2556 ของสถาบันวิจัยและพัฒนา โครงการสง่ เสรมิ การวจิ ัยในอดุ มศกึ ษาคร้งั ท่ ี 1 (HERP CON- ให้แก่ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและนักเรียน GRESS I) สำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยด ี และหากมขี อ้ ผดิ พลาดประการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนต�ำรวจตระเวนชายแดน ใดทางสถาบนั วจิ ัยและพัฒนาตอ้ งขออภัยมา ณ ทีน่ ้ีดว้ ยค่ะ สังกัดกองก�ำกับการต�ำรวจตระเวนชายแดนท่ี 31 ในพ้ืนท่ี จงั หวดั พษิ ณุโลกโดยมีผู้เข้ารว่ มกิจกรรมจ�ำนวน 38 คนกจิ กรรม ประกอบด้วย กิจกรรมนันทนาการ การแนะน�ำตัวเองเป็น แจ้งนกั วจิ ัยใหท้ ำ� การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู ภาษาอังกฤษ เกมทายคำ� ศัพทภ์ าษาอังกฤษ แบง่ กลุม่ เขา้ ฐาน ในระบบ NRPM ใหเ้ ป็นปจั จบุ ัน การเรียนรู้ กจิ กรรมรอบกองไฟ เปน็ ตน้ ทำ� ให้นกั เรียนไดร้ ับ ความรแู้ ละมคี วามสขุ สนกุ สนานทไ่ี ดเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมในครง้ั นมี้ าก ส�ำนกั คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ไดร้ ับมอบหมาย ส�ำหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษท่ีเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ก็ได้รับ จากรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ ์ โตวจิ ักษณ์ชัยกลุ ) ประธาน เทคนิคจากการจัดกิจกรรมดังกล่าวและสามารถน�ำไปใช้ในการ สภาวิจัยแห่งชาติ ให้จัดท�ำข้อมูลสถานภาพด�ำเนินงานวิจัยของ จัดการเรยี นการสอนให้กบั นกั เรยี นได้ หน่วยงานภาครัฐเพ่ือน�ำเสนอคณะรัฐมนตรีในเดือนกุมภาพันธ ์ 2556 โดยทางสำ� นกั คณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาต ิ (วช.) จงึ มหี นงั สอื แจ้งมายังสถาบันวิจัยและพัฒนาให้นักวิจัยที่ได้รับการจัดสรร งบประมาณวิจัย ทนุ งบประมาณแผน่ ดนิ ตง้ั แตป่ ี 2551 - 2556 เป็นตน้ จะตอ้ งท�ำการปรบั ปรุงขอ้ มลู ในระบบ NRPM ให้เป็น ปจั จบุ นั โดยแนบรายงานสมบรู ณเ์ พอ่ื ปดิ โครงการทไี่ ดด้ ำ� เนนิ การ เสรจ็ สิน้ ในปีงบประมาณ 2551 - 2553 ในระบบ NRPMOngoing จุลสารสถาบนั วจิ ัยและพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงคราม ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2556 11
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: