ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ 30. 2 เพรำะกำรรับฟังควำมคิดเห็นที่แตกต่ำงถือเป็นกำรเคำรพสิทธิส่วนบุคคลอยำ่ งหน่ึง และจะนำมำซ่ึงกำรอยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสนั ติ อนั เป็นหลกั กำรสำคญั ประกำรหน่ึงตำมวิถี ประชำธิปไตย 31. 3 เพรำะกำรเสียภำษีอำกรถือเป็นหนำ้ ท่ีอยำ่ งหน่ึงของพลเมืองท่ีดี เพรำะภำษีอำกร เปรียบเสมือนรำยไดห้ ลกั ของประเทศ ซ่ึงรัฐจะสำมำรถนำเงินภำษีท่ีจดั เกบ็ ไดไ้ ป พฒั นำประเทศใหม้ ีควำมเจริญกำ้ วหนำ้ เพ่ือเศรษฐกิจมีกำรขบั เคลื่อนอยำ่ งเตม็ ท่ี 32. 3 เพรำะเหตุกำรณ์สงครำมโลกคร้ังท่ี 2 มีควำมทำรุณโหดร้ำยอยำ่ งมำก นำมำซ่ึงควำม สูญเสียต่อชีวติ มนุษยแ์ ละทรัพยส์ ินต่ำงๆ จำนวนมหำศำล ทำใหห้ ลำยๆ ประเทศทว่ั โลกเกรงวำ่ จะเกิดเหตุกำรณ์ดงั กล่ำวข้ึนอีก ดงั น้นั จึงไดม้ ีกำรจดั ต้งั องคก์ ำร สหประชำชำติข้ึนและไดม้ ีกำรผลกั ดนั ใหเ้ กิดปฏิญญำสำกลวำ่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชำชำติ เพอ่ื เป็นแนวทำงในกำรคุม้ ครองสิทธิมนุษยชน 33. 4 ประเทศไทยเขำ้ ร่วมเป็นภำคีพนั ธกรณีกบั ปฏิญญำสำกลวำ่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน ท้งั หมด 6 ฉบบั ไดแ้ ก่ อนุสญั ญำวำ่ ดว้ ยสิทธิเดก็ กติกำระหวำ่ งประเทศวำ่ ดว้ ยสิทธิ ทำงเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม กติกำระหวำ่ งประเทศวำ่ ดว้ ยสิทธิพลเมืองและ สิทธิทำงกำรเมือง อนุสญั ญำระหวำ่ งประเทศวำ่ ดว้ ยกำรขจดั กำรเลือกปฏิบตั ิทำงเช้ือ ชำติในทุกรูปแบบ อนุสญั ญำวำ่ ดว้ ยกำรขจดั กำรเลือกปฏิบตั ิต่อสตรีในทุกรูปแบบ และอนุสญั ญำวำ่ ดว้ ยกำรต่อตำ้ น กำรทรมำนและกำรทำรุณกรรมตลอดจนกำร ปฏิบตั ิหรือกำรลงโทษท่ีลดทอนคุณค่ำของมนุษย์ 34. 1 เพรำะหลกั สิทธิมนุษยชนน้นั ควำมสำคญั กบั ควำมเท่ำเทียมของมนุษย์ ดงั น้นั ผชู้ ำย และผหู้ ญิงยอ่ มมีศกั ด์ิศรีควำมเป็นมนุษยเ์ ท่ำกนั ไม่มีใครดีกวำ่ เก่งกวำ่ หรืออยู่ เหนือกวำ่ หำกแต่ข้ึนอยกู่ บั ควำมสำมำรถของแต่ละบุคคลซ่ึงมีโอกำสในกำรพฒั นำ ทกั ษะควำมสำมำรถเท่ำกนั 35. 2 เพรำะกำรปกครองระบอบประชำธิปไตยถือวำ่ อำนำจอธิปไตยเป็นอำนำจสูงสุดที่ใช้ ในกำรปกครองประเทศ ซ่ึงเป็นอำนำจของประชำชน โดยผทู้ ่ีจะไดอ้ ำนำจปกครองน้ี จะตอ้ งไดร้ ับควำมยนิ ยอมจำกประชำชนส่วนใหญ่ของประเทศ 36. 4 เพรำะในระบอบเผดจ็ กำร ผนู้ ำมีอำนำจสูงสุดในกำรบริหำรประเทศแต่เพียงผเู้ ดียว ประชำชนมีหนำ้ ท่ีเช่ือฟังและปฏิบตั ิตำมอยำ่ งเคร่งครัด หำกผใู้ ดฝ่ ำฝืนกจ็ ะไดร้ ับกำร ลงโทษอยำ่ งรุนแรง 37. 2 เพรำะรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พ.ศ. 2550 ไดก้ ำหนดใหผ้ ตู้ รวจกำร แผน่ ดิน เป็นองคก์ รอิสระ มีอำนำจหนำ้ ที่ เช่น ตรวจสอบกำรละเลยกำรปฏิบตั ิหนำ้ ที่ หรือกำรปฏิบตั ิหนำ้ ท่ีโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมำยขององคก์ รตำมรัฐธรรมนูญและ 51
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ องคก์ รในกระบวนกำรยตุ ิธรรม เป็นตน้ 38. 4 เพรำะบทบำทหนำ้ ท่ีหลกั ของพรรคกำรเมือง ไดแ้ ก่ วำงนโยบำยเพ่ือแกไ้ ขปัญหำของ ประเทศ พจิ ำรณำเลือกผทู้ ่ีมีคุณสมบตั ิเหมำะสมลงรับสมคั รเลือกต้งั ในนำมของ พรรค ดำเนินกำรหำเสียงเลือกต้งั นำนโยบำยของพรรคที่แถลงแก่ประชำชนไป ปฏิบตั ิอยำ่ งจริงจงั ใหก้ ำรศึกษำและอบรมควำมรู้ทำงกำรเมือง และหนำ้ ที่ในกำร ควบคุมกำรทำงำนของรัฐบำล 39. 3 รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พ.ศ. 2550 เป็นรัฐธรรมนูญฉบบั ที่ 18 ของ ประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญท่ีเปิ ดโอกำสใหป้ ระชำชนไดม้ ีส่วนร่วมออกเสียง ลงประชำมติ ซ่ึงประชำชนส่วนใหญ่ใหก้ ำรยอมรับ และไดม้ ีกำรประกำศใชอ้ ยำ่ ง เป็ นทำงกำรในเวลำต่อมำ 40. 2 ควำมสำคญั ประกำรหน่ึงของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พ.ศ. 2550 คือ กำร คุม้ ครองสิทธิเสรีภำพของชนชำวไทย ซ่ึงมีบทบญั ญตั ิท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เรื่องน้ีในหลำย มำตรำ เช่น บคุ คลยอ่ มมีสิทธิเสรีภำพในชีวติ และร่ำงกำย บุคคลยอ่ มมีเสรีภำพใน เคหสถำน บุคคลยอ่ มมีเสรีภำพในกำรสื่อสำรถึงกนั 41. 4 รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พ.ศ. 2550 กำหนดใหส้ ภำผแู้ ทนรำษฎร ประกอบดว้ ยสมำชิกจำนวน 500 คน มำจำกกำรเลือกต้งั แบบแบ่งเขตจำนวน 375 คน และมำจำกบญั ชีรำยช่ือ จำนวน 125 คน 42. 1 คณะกรรมกำรกำรเลือกต้งั มีหนำ้ ท่ีในกำรควบคุมและดำเนินกำรจดั ใหม้ ีกำรเลือกต้งั และกำรออกเสียงประชำมติ ตำมที่กฎหมำยกำหนด ใหเ้ ป็นไปโดยสุจริต และ เท่ียงธรรม 43. 2 เพรำะบตั รประจำตวั ประชำชน เป็นเอกสำรสำคญั ท่ีใชพ้ สิ ูจน์ตวั บุคคล ภูมิลำเนำ และสถำนภำพต่ำงๆ ของคนไทย 44. 3 เพรำะเป็นทรัพยท์ ่ีติดอยกู่ บั ที่ดินอนั มีลกั ษณะเป็นกำรถำวร ไม่สำมำรถเคล่ือนยำ้ ยได้ จึงถือเป็นอสงั หำริมทรัพยต์ ำมกฎหมำยแพง่ และพำณิชย์ 45. 4 โทษทำงอำญำแบ่งออกเป็น 5 อยำ่ ง โดยเรียงลำดบั จำกโทษระดบั เบำที่สุดจนถึงโทษ ระดบั หนกั ท่ีสุด ไดแ้ ก่ ริบทรัพยส์ ิน ปรับ กกั ขงั จำคุก และประหำรชีวติ 46. 4 ปัญหำพ้นื ฐำนทำงเศรษฐกิจมีสำเหตุมำจำกควำมไม่สมดุลกนั ระหวำ่ งควำมตอ้ งกำร สินคำ้ และบริกำรมำสนองควำมตอ้ งกำรของมนุษยก์ บั ทรัพยำกรท่ีมีอยอู่ ยำ่ งจำกดั ซ่ึง เป็นปัญหำพ้ืนฐำนทำงเศรษฐกิจที่ทุกประเทศตอ้ งประสบ ซ่ึงไดแ้ ก่ จะผลิตอะไร 52
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ จำนวนเท่ำไหร่ จะผลิตอยำ่ งไร จะผลิตเพอ่ื ใคร จะกระจำยหรือจดั สินคำ้ และบริกำร ที่ผลิตน้ีไปยงั บุคคลต่ำงๆ ในสงั คมอยำ่ งไร 47. 2 ระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนิยมเป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐบำลเขำ้ ไปควบคุม ดำเนินกำรผลิต เนน้ กำรจดั สวสั ดิกำรใหป้ ระชำชน ทำใหม้ ีกำรจดั สรรทรัพยำกรและ รำยไดท้ ี่เป็นธรรม มีควำมเท่ำเทียมกนั สำมำรถลดช่องวำ่ งทำงเศรษฐกิจของ ประชำชนได้ 48. 3 ระบบเศรษฐกิจแบบผสมเป็นกำรนำเอำลกั ษณะบำงอยำ่ งของระบบเศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมและสงั คมนิยมมำผสมผสำนกนั ซ่ึงในกรณีน้ีประชำชนสำมำรถเป็นเจำ้ ของ ปัจจยั กำรผลิตสินคำ้ และบริกำรน้นั คือ เกษตรกรสำมำรถเป็นเจำ้ ของท่ีดิน และ สำมำรถกำหนดรำคำเองได้ โดยเป็นไปตำมกลไกรำคำ แตใ่ นบำงกรณีรัฐบำลจะเขำ้ ไปแทรกแซงรำคำเพอ่ื ช่วยเหลือเกษตรกร 49. 4 ระบบเศรษฐกิจแบบผสม โดยมำกรัฐจะเป็นผบู้ ริหำรทรัพยำกรในส่วน สำธำรณูปโภค เช่น ไฟฟ้ำ ประปำ ส่วนเอกชนจะเป็นผบู้ ริหำรในส่วนสินคำ้ และ บริกำรทว่ั ไป ซ่ึงระบบเศรษฐกิจแบบผสมจะมีควำมไดเ้ ปรียบในดำ้ นกำรใชก้ ลไก รำคำในกำรตดั สินใจประกอบธุรกิจ หรือส่งเสริมบรรยำกำศกำรคำ้ กำรลงทุน ท้งั จำก ภำยในและภำยนอกประเทศ 50. 1 กำรรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงำนท่ีใหบ้ ริกำรดำ้ นกำรขนส่งภำยในประเทศ แต่เพยี งผเู้ ดียว โดยไม่มีเอกชนเขำ้ ร่วมกำรแข่งขนั ดงั น้นั กำรบริหำรงำนดงั กล่ำวจึง จดั อยใู่ นประเภทตลำดผกู ขำด 51. 4 อุปทำนลด เนื่องจำกอตั รำเงินเดือนดงั กล่ำวถือเป็นตน้ ทุนกำรผลิตอยำ่ งหน่ึงที่ร้ำน จดั ดอกไมต้ อ้ งรับผดิ ชอบ ส่งผลทำใหเ้ จำ้ ของธุรกิจดงั กลำ่ วไม่มีควำมตอ้ งกำร แรงงำนในกลุ่มน้ี อำจจะรับสมคั รบุคคลที่จบเพยี งระดบั ช้นั ม.6 เขำ้ ทำงำน เพอ่ื จะได้ ไม่ตอ้ งจ่ำยคำ่ จำ้ งตำมที่รัฐกำหนด 52. 3 กำรที่รำคำวตั ถุดิบลดลง ตน้ ทุนกำรผลิตกล็ ดลง ผผู้ ลิตไดก้ ำไรมำกข้นึ จึงมีแรงจูงใจ ใหม้ ีกำรผลิตเพม่ิ ข้ึน แต่หำกอตั รำดอกเบ้ียปรับตวั สูงข้ึน คำ่ จำ้ งแรงงำนเพิม่ ข้ึน ทำ ใหต้ น้ ทุนในกำรผลิตเพ่ิมข้ึน ไดก้ ำไรนอ้ ยลง ไม่เป็นแรงจูงใจในกำรเพมิ่ กำรผลิต และหำกรำคำสินคำ้ ท่ีทดแทนกนั ไดร้ ำคำต่ำลง ทำใหร้ ำคำสินคำ้ น้นั ต่ำลงดว้ ย ไม่เป็ นแรงจูงใจในกำรผลิตสินคำ้ 53. 1 ณ ระดบั รำคำดุลยภำพท่ีกำหนดรำคำออ้ ยที่ขำยอยใู่ นตลำดส่งผลกระทบต่อ เกษตรกร รัฐบำลตอ้ งเขำ้ ไปรับซ้ือออ้ ยส่วนเกินจำกเกษตรกร เพ่อื บรรเทำควำม เดือดร้อนของเกษตรกร หลงั จำกน้นั รัฐอำจนำสินคำ้ เกบ็ ไว้ ณ ท่ีใดที่หน่ึงและเมื่อถึง 53
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ ช่วงเวลำที่ตลำดมีควำมตอ้ งกำรสินคำ้ รัฐกส็ ำมำรถนำสินคำ้ เสนอขำยในรำคำที่ เป็ นไปตำมกลไกรำคำของตลำดได้ 54. 3 กำรนำเครื่องมือทำงดำ้ นเทคโนโลยมี ำใช้ เพ่อื พฒั นำกำรผลิตในภำคอตุ สำหกรรมถือ เป็นผลดีในกำรเพ่มิ ปริมำณผลผลิต และควบคุมสินคำ้ ใหม้ ีคุณภำพตำมมำตรฐำน แต่ ทำใหเ้ กิดมลพษิ ต่อส่ิงแวดลอ้ มตำมมำ 55. 1 เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นกำรจดั กำรกบั ที่ดินทำกินใหส้ ำมำรถใชป้ ระโยชน์ในท่ีดินของ ตน ใหเ้ กิดประโยชน์มำกที่สุดเพอื่ กำรพ่งึ พำตนเองได้ โดยกำรแบ่งท่ีดินออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนท่ี 1 ขดุ สระเกบ็ กกั น้ำ ส่วนที่ 2 ปลูกขำ้ ว ส่วนท่ี 3 ปลูกไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ ส่วนท่ี 4 ใหเ้ ป็นพ้นื ท่ีสร้ำงที่อยอู่ ำศยั โรงเรือนเล้ียงสตั ว์ 56. 1 สอดคลอ้ งกนั ในเรื่องกำรยดึ แนวทำงกำรพ่งึ ตนเอง โดยหลกั กำรของสหกรณ์ เป็น องคก์ รที่พ่งึ ตนเอง ดำรงควำมเป็นอิสระ เอ้ืออำทรต่อชุมชน ส่วนปรัชญำเศรษฐกิจ พอเพียง ของพระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั เนน้ วิธีกำรผลิตแบบพ่งึ ตนเอง ลดกำร พ่ึงพำระบบตลำด ลดกำรพ่งึ พำกำรใชส้ ำรเคมี ลดกำรพ่งึ พำเงินกู้ และลดกำรพ่ึงพำ ซ้ือสินคำ้ จำกสงั คมภำยนอก เนน้ กำรเป็นผผู้ ลิตเพื่อกำรบริโภคในชุมชน 57. 2 สมำชิกสหกรณ์ทุกคนมีควำมเสมอภำคกนั ไม่วำ่ จะถือหุน้ ก่ีหุน้ กอ็ อกเสียงไดเ้ พยี ง 1 เสียง หรือ “one man one vote” หมำยควำมวำ่ กำรออกเสียงในทกุ เรื่องของสหกรณ์ สมำชิกมีสิทธิออกเสียงเพยี งคนละ 1 เสียงเท่ำน้นั 58. 2 เงินมีหนำ้ ท่ีสำคญั คือ เป็นสื่อกลำงในกำรแลกเปลี่ยนสินคำ้ และบริกำร กำรท่ีออ้ ย เขียนเชค็ ส่วนตวั ซ้ือนำฬิกำขอ้ มือ 1 เรือน เรือนละ 30,000 บำท แสดงวำ่ เงินทำหนำ้ ท่ี ในกำรวดั มูลคำ่ ของสินคำ้ 59. 2 ธนบตั รมีสภำพคล่องสูงกวำ่ สร้อยคอทองคำ เพรำะสำมำรถนำไปแลกกบั สิ่งอื่นๆ ได้ ทนั ที เนื่องจำกเงินเป็นธนบตั รและเหรียญกษำปณ์ เป็นสินทรัพยท์ ่ีมีสภำพคล่องมำก ที่สุด สำมำรถนำไปแลกเปล่ียนกบั สินทรัพยป์ ระเภทอ่ืนๆ ไดง้ ่ำยและรวดเร็ว โดยไม่ ตอ้ งมีตน้ ทุนในกำรแลกเปล่ียน ส่วนสร้อยคอทองคำหนกั 1 บำท แมจ้ ะมีมูลค่ำสูง กวำ่ ธนบตั ร 1,000 บำท แต่ไม่สะดวกท่ีจะนำไปซ้ือสินคำ้ ต่ำงๆ เหมือนเงินหรือ ธนบตั ร 60. 3 กำรที่ปริมำณเงินหมุนเวยี นในประเทศมีเพม่ิ มำกข้ึน ส่งผลดีต่อกำรขยำยตวั ทำง เศรษฐกิจ อตั รำดอกเบ้ียลดลง กำรจำ้ งงำนเพม่ิ มำกข้ึน ประชำชนมีเงินจบั จ่ำยใชส้ อย เพ่ิมมำกข้ึน ผลผลิตและรำยไดโ้ ดยรวมของประเทศมีแนวโนม้ เพ่ิมข้ึนดว้ ย 61. 3 ภำวะเงินเฟ้อ เป็นภำวะท่ีอำนำจซ้ือของเงินท่ีมีอยใู่ นมือของประชำชนลดลง กล่ำวคือ กำรที่มีจำนวนเงินเท่ำเดิมแต่ซ้ือสินคำ้ ไดน้ อ้ ยลง เน่ืองจำกกำรขยำยตวั 54
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ ทำงดำ้ นเศรษฐกิจ ประกอบกบั สินคำ้ มีตน้ ทุนในกำรผลิตสูงข้ึน เป็นสำเหตุของกำร เกิดภำวะเงินเฟ้อ 62. 3 เม่ือเกิดปัญหำเงินเฟ้อ ธนำคำรกลำงจะกำหนดมำตรกำรป้องกนั และแกไ้ ข โดยเพม่ิ อตั รำซ้ือลดตวั๋ เงินจำกธนำคำรพำณิชย์ ทำใหธ้ นำคำรพำณิชยไ์ ดก้ ำไรนอ้ ยลง จึงไม่ อยำกรับซ้ือตวั๋ เงินจำกลูกคำ้ อีกต่อไป ส่งผลใหป้ ริมำณหมุนเวยี นของเงินตรำใน ระบบลดลงดว้ ย เพรำะพอ่ คำ้ ตอ้ งถือตวั๋ เงินไวไ้ ม่สำมำรถใชเ้ ป็นเงินสดไดจ้ นกวำ่ ตว๋ั เงินจะครบสญั ญำจ่ำยเงินจำกผซู้ ้ือสินคำ้ เท่ำกบั เป็นกำรลดอำนำจซ้ือของผบู้ ริโภค มำตรกำรน้ีจึงช่วยแกไ้ ขปัญหำได้ 63. 4 ธนำคำรกลำงจะใชม้ ำตรกำรข้ึนอตั รำรับช่วงซ้ือลดตวั๋ สญั ญำใชเ้ งินจำกธนำคำร พำณิชยเ์ พือ่ ชะลอเงินเฟ้อ จะทำใหเ้ กิดกำรเปล่ียนแปลงปริมำณเงิน โดยเฉพำะอยำ่ ง ยง่ิ สินเช่ือของธนำคำรพำณิชย์ กล่ำวคือ ถำ้ ธนำคำรกลำงข้ึนอตั รำรับช่วงซ้ือลดตวั๋ สญั ญำใชเ้ งิน ธนำคำรพำณิชยจ์ ะกเู้ งินลดลง ดงั น้นั เงินสดสำรองจึงลดลง ธนำคำร พำณิชยส์ ำมำรถขยำยสินเชื่อไดน้ อ้ ยลง ปริมำณเงินซ่ึงรวมถึงเงินฝำกจึงลดลง เงิน เฟ้อจะลดลงหรือชะลอลงได้ 64. 3 กำรเกิดสภำวะเงินฝืดทำใหเ้ งินออมในระบบมีนอ้ ย เน่ืองจำกประชำชนมีเงินนอ้ ย ทำ ใหส้ ถำบนั กำรเงินปล่อยเงินกเู้ พือ่ ธุรกิจนอ้ ย ในขณะที่ธุรกิจชะลอกำรผลิตลง เน่ืองจำกรำคำสินคำ้ ถูกลงและขำดแคลนเงินทุน ส่งผลกระทบจำกกำรจำ้ งงำนท่ี ลดลง ทำใหค้ นตอ้ งตกงำน เศรษฐกิจหดตวั อำนำจซ้ือของคนจึงมีนอ้ ย 65. 2 ในภำวะเศรษฐกิจตกต่ำรัฐบำลจะใชน้ โยบำยกำรคลงั เพอื่ กระตุน้ กำรใชจ้ ่ำยใหม้ ำก ข้ึน เพื่อกระตุน้ กำรผลิต เนื่องจำกในช่วงภำวะเศรษฐกิจตกต่ำ กำรผลิต กำรคำ้ ขำย และกำรลงทุนทำธุรกิจต่ำงๆ อยใู่ นสภำพซบเซำ มีกำรจำ้ งงำนนอ้ ย มีคนวำ่ งงำนมำก ประชำชนมีกำลงั ซ้ือนอ้ ย รัฐบำลควรใชน้ โยบำยกำรคลงั แบบขยำยตวั เพ่อื กระตุน้ เศรษฐกิจใหฟ้ ้ื นตวั โดยลดอตั รำภำษีอำกร (เพิ่มอำนำจซ้ือใหป้ ระชำชน) หรือ เพิม่ รำยจ่ำยของรัฐบำลใหม้ ำกข้นึ โดยทำงบประมำณขำดดุล (ต้งั งบรำยจ่ำยใหส้ ูงกวำ่ รำยได)้ เนน้ พฒั นำดำ้ นกำรคมนำคมขนส่ง กำรชลประทำน และกำรสำธำรณูปโภค เป็ นตน้ 66. 2 รำยไดเ้ ฉล่ียต่อหวั ของประชำกรสูงข้ึนโดยประเทศที่มีควำมเจริญเติบโตทำง เศรษฐกิจ จะมีผลิตภณั ฑม์ วลรวมจำกสินคำ้ และบริกำรข้นั สุดทำ้ ย (รำยได้ ประชำชำติ) สูงข้ึนทุกปี ส่งผลใหร้ ำยไดเ้ ฉลี่ยต่อหวั ของประชำกรเพ่ิมสูงข้ึนดว้ ย จึงเป็นเครื่องช้ีวดั ควำมเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจของประเทศน้นั ๆ 67. 1 นโยบำยกำรคำ้ เสรี คือ กำรคำ้ ท่ีไม่มีกำรกีดกนั ทำงกำรคำ้ กบั ประเทศคูค่ ำ้ เช่น โดย 55
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ ไม่เกบ็ ภำษีคุม้ กนั เพือ่ คุม้ ครองอุตสำหกรรมในประเทศแต่คงเกบ็ ภำษีศลุ กำกรใน อตั รำต่ำ เพ่ือเป็นรำยไดข้ องรัฐ เพือ่ ลดอุปสรรคทำงกำรคำ้ ระหวำ่ งประเทศใหเ้ หลือ นอ้ ยที่สุด 68. 4 ร.ศ. หรือรัตนโกสินทร์ศก เป็นศกั รำชที่พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั มี พระรำชดำริใหบ้ ญั ญตั ิข้ึน โดยเร่ิมนบั ปี ท่ีสถำปนำกรุงรัตนโกสินทร์เป็นรำชธำนี คือ พ.ศ. 2325 เป็น ร.ศ. 1 กำรเทียบ พ.ศ. ใหเ้ ป็น ร.ศ. ใหน้ ำ พ.ศ. ลบดว้ ย 2324 ดงั น้นั พ.ศ. 2555-2324 = 231 69. 2 ศิลำจำรึกเป็นหลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์ที่สำมำรถบ่งบอกพฒั นำกำรของอำณำจกั ร โบรำณ ในดินแดนประเทศไทยก่อนสมยั อยธุ ยำ เช่น จำรึกปรำสำทเขำนอ้ ย จ. สระแกว้ เป็นหลกั ฐำนลำยลกั ษณ์อกั ษรท่ีเก่ำแก่ที่พบในเมืองไทยท่ีมีกำรระบุศกั รำช ชดั เจน เป็นตน้ 70. 4 ยคุ ประวตั ิศำสตร์เร่ิมข้ึนเมื่อมนุษยร์ ู้จกั ประดิษฐต์ วั อกั ษรข้ึนมำใช้ เพอ่ื บนั ทึก เรื่องรำวหรือเหตุกำรณ์ต่ำงๆ ลงบนวสั ดุหลำกหลำยชนิด เช่น แผน่ หิน แผน่ ดิน เหนียว ไมไ้ ผ่ กระดำษ เป็นตน้ 71. 1 กำรต้งั ประเดน็ คำถำมของผศู้ ึกษำต่อผลกำรศึกษำท่ีเป็นขอ้ สรุปหรือสนั นิษฐำนไม่ ถูกตอ้ งชดั เจน ตลอดจนกำรคน้ พบหลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์ใหม่ ซ่ึงอำจมีขอ้ มูลที่ ส่งผลใหข้ อ้ สรุปหรือขอ้ สนั นิษฐำนทำงประวตั ิศำสตร์ในอดีตเปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น กำรเปล่ียนแปลงของแนวคิดควำมเป็นมำของชนชำติไทย เป็นตน้ 72. 4 พระรำชพงศำวดำรฉบบั หลวงประเสริฐอษั รนิต์ิ เป็นพระรำชพงศำวดำรที่ถูกเขียน ข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2223 ในสมยั สมเดจ็ พระนำรำยณ์มหำรำช ซ่ึงนกั ประวตั ิศำสตร์ส่วน ใหญ่ใหก้ ำรยอมรับวำ่ มีควำมถูกตอ้ งน่ำเชื่อถือฉบบั หน่ึงในบรรดำพงศำวดำรกรุงศรี อยธุ ยำฉบบั ต่ำงๆ 73. 2 ควำมรู้ควำมเขำ้ ใจลกั ษณะทำงสงั คมของผบู้ นั ทึก ซ่ึงยอ่ มแตกต่ำงกนั ไปตำมกำรรับรู้ ของแต่ละบุคคล โดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ ชำวต่ำงชำติที่ไม่คุน้ เคย ขอ้ มูลและขอ้ คิดเห็นที่ บนั ทึกจึงมีขอ้ จำกดั อยบู่ นพ้นื ฐำนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจในลกั ษณะทำงสงั คมของผู้ บนั ทึกชำวต่ำงชำติคนน้นั ๆ 74. 1 ภำษำและวฒั นธรรมอื่นๆ ของกลุ่มชนท่ีอำศยั อยทู่ ำงตอนใตข้ องจีน รวมถึงใน รัฐอสั สมั ของอินเดีย ท่ีผลกำรศึกษำวจิ ยั ของนกั วิชำกำรสำขำต่ำงๆ โดยเฉพำะ ภำษำศำสตร์ สนั นิษฐำนวำ่ เป็นกลุ่มคนไท (Tai) และอำจเป็นถ่ินฐำนเดิมของชน ชำติไทย (Thai) ในประเทศไทยปัจจุบนั จำกกำรอพยพลงใตแ้ ละเกิดกำรผสมผสำน กบั ชนชำติอ่ืนๆ 56
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 75. 1 กำรต้งั ถ่ินฐำนและกำรอพยพซ่ึงหลกั กำรทำงมำนุษยวทิ ยำอธิบำยวำ่ มนุษยใ์ นบริเวณ ต่ำงๆ ของ โลกส่วนใหญจ่ ะต้งั ถิ่นฐำนในบริเวณท่ีมีทรัพยำกรธรรมชำติอุดมสมบูรณ์เหมำะสม แก่กำรดำรงชีวติ กำรอพยพจึงเป็นไปตำมสภำพธรรมชำติดงั กล่ำว เช่น อพยพจำกที่ สูงลงมำต้งั ถิ่นฐำนบริเวณที่รำบซ่ึงมีแหล่งน้ำ แนวคิดที่วำ่ ถ่ินเดิมของชนชำติไทยอยู่ บริเวณหมู่เกำะแถบศูนยส์ ูตรของภูมิภำคและอพยพข้ึนทำงเหนือสู่ผนื แผน่ ดินใหญ่ จึงไม่สอดคลอ้ งกบั หลกั กำรขำ้ งตน้ 76. 1 กำรมีแนวคิดเรื่องสิทธิเสรีภำพ และควำมเสมอภำคของคณะรำษฎรกลุ่มต่ำงๆ ท่ี ไดร้ ับกำรศึกษำหรือรับรู้จำกชำติตะวนั ตกต่ำงๆ ทำใหเ้ กิดกำรร่วมมือกนั ในกำร วำงแผนและดำเนินกำรเปล่ียนแปลงกำรปกครองโดยท่ีประชำชนส่วนใหญ่ไม่ไดม้ ี ส่วนร่วมหรือเรียกร้องใหก้ ่อกำร เนื่องดว้ ยยงั ขำดควำมรู้ควำมเขำ้ ใจเกี่ยวกบั กำร ปกครองในระบอบใหม่ 77. 3 ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมที่ไดร้ ับอิทธิพลแนวคิดจำกพระพทุ ธศำสนำนิกำย เถรวำท ลทั ธิลงั กำวงศซ์ ่ึงรับมำจำกเมืองนครศรีธรรมรำชมำประดิษฐำนที่เมือง สุโขทยั ต้งั แต่สมยั พอ่ ขนุ รำมคำแหงมหำรำช 78. 3 กฎหมำยตรำสำมดวงเป็นประมวลกฎหมำยตำมแบบแผนประเพณีของไทยที่ไดร้ ับ อิทธิพลจำกกฎหมำยอินเดีย พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำชโปรด เกลำ้ ฯ ใหช้ ำระใน พ.ศ. 2347 ทรงใหอ้ ำลกั ษณ์ประทบั ตรำ 3 ดวง คือ ตรำรำชสีห์ คช สีห์ และบวั แกว้ กฎหมำยตรำสำมดวงใชเ้ ป็นหลกั สำคญั ในกำรปกครองบำ้ นเมือง จดั ระเบียบสงั คมและตดั สินคดีควำมต่ำงๆ จนกระทงั่ รัชสมยั พระบำทสมเดจ็ พระ จุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั จึงมีกำรร่ำงกฎหมำยตำมแบบชำติตะวนั ตกข้ึนมำใชแ้ ทน 79. 1 กำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองในพ.ศ. 2475 ส่งผลใหเ้ กิดกำรเปล่ียนแปลงระบอบกำร ปกครองจำกระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชยม์ ำเป็นระบอบประชำธิปไตยอนั มี พระมหำกษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ มีกำรเปลี่ยนแปลงผบู้ ริหำรประเทศ และอำนำจ อธิปไตยเป็นของประชำชน แต่รูปแบบของรัฐของไทยยงั คงเป็นรัฐเดียวคือรัฐท่ีมี ศูนยก์ ลำงทำงกำรเมืองและกำรปกครองอนั เป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั มีเอกภำพไม่ได้ แยกออกจำกกนั และมีกำรใชอ้ ำนำจสูงสุดท้งั ภำยในและภำยนอก โดยองคก์ ร เดียวกนั ทว่ั ดินแดนของรัฐ 80. 1 กำรประกวดนกั ออกแบบผำ้ ไทยร่วมสมยั จดั เป็นกิจกรรมท่ีผสมผสำนภูมิปัญญำไทย ดำ้ นผำ้ ไทยกบั ควำมนิยมของผบู้ ริโภคในปัจจุบนั เป็นแนวทำงหน่ึงในกำรสืบสำน และปรับปรุงใหภ้ ูมิปัญญำซ่ึงอำจไม่เหมำะกบั สภำพสงั คมปัจจุบนั ใหด้ ำรงอยไู่ ด้ 57
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ 81. 2 พระมหำกษตั ริยท์ รงเป็นสมมติเทพ โดยเฉพำะคติควำมเชื่อเรื่องนำรำยณ์อวตำรปำง ต่ำงๆ เพือ่ ปกปักรักษำโลกใหส้ งบสุขตำมควำมเช่ือในศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู เนื่องจำกวดั น้นั ไดร้ ับโปรดเกลำ้ ฯ ใหส้ ร้ำงหรือบูรณปฏิสงั ขรณ์จำกพระมหำกษตั ริย์ หรือสร้ำงถวำยพระมหำกษตั ริย์ กระทง่ั เป็นแบบแผนทำงศิลปกรรมที่ไดร้ ับควำม นิยมโดยทว่ั ไปในสมยั อยธุ ยำ 82. 3 ควำมสำคญั ของประวตั ิศำสตร์และวฒั นธรรมกบั ควำมเป็นชำติ เป็นแนวคิดสำคญั ใน พระรำชดำรัสดงั กล่ำว เนื่องดว้ ยหลกั ฐำนที่แสดงถึงประวตั ิควำมเป็นมำและ วฒั นธรรม เป็นสิ่งสำคญั ท่ีบ่งบอกถึงควำมเป็นรัฐชำติ ชำวไทยจึงควรตระหนกั ถึง คุณคำ่ และมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษห์ ลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์และวฒั นธรรมอยำ่ ง จริงจงั 83. 3 ศกั รำชท่ีนิยมใชก้ นั มำกท่ีสุดในปัจจุบนั คือ คริสตศ์ กั รำชซ่ึงเป็นศกั รำชของคริสต์ ศำสนำ เริ่มนบั ในปี ที่พระเยซูซ่ึงเป็นศำสดำของคริสตศ์ ำสนำประสูติเป็นศกั รำชท่ี 1 (ค.ศ. 1) 84. 4 อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยเู ฟรทีส หรืออำยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นแหล่งอำรย ธรรมแรกๆ ของโลกตะวนั ตก และกำรที่ชำวซูเมเรียประดิษฐต์ วั อกั ษรไดก้ ท็ ำใหเ้ ขำ้ สู่สมยั ประวตั ิศำสตร์สำกล 85. 2 พ.ศ. 1893 หำกเทียบเป็น ค.ศ. จะตรงกบั ค.ศ. 1350 ซ่ึงเป็นช่วงเวลำที่เกิดกำรฟ้ื นฟู ศิลปวทิ ยำกำร 86. 1 วธิ ีกำรทำงประวตั ิศำสตร์จะก่อใหเ้ กิดองคค์ วำมรู้ใหม่ท่ีน่ำเชื่อถือกวำ่ เดิมจำก กำรศึกษำหลกั ฐำนและกำรวเิ ครำะห์ สงั เครำะห์อยำ่ งมีเหตุผล 87. 4 ควำมรู้ควำมสำมำรถต่ำงกนั ทำใหน้ กั ประวตั ิศำสตร์ตีควำมขอ้ มูลจำกหลกั ฐำนชิ้น เดียวกนั แตกต่ำงกนั 88. 2 กำรศึกษำประวตั ิศำสตร์สำกลตอ้ งใชห้ ลกั ฐำนประวตั ิศำสตร์สำกล ซ่ึงส่วนใหญ่อยู่ ในต่ำงประเทศ ทำใหม้ ีขอ้ จำกดั ในกำรเขำ้ ถึงแหล่งขอ้ มูล 89. 4 หลกั ของประมวลกฎหมำยฮมั มูรำบีแสดงแนวคดิ ท่ีจะใหค้ วำมยตุ ิธรรมแก่ผคู้ นใน สงั คม หลกั ดงั กล่ำว คือ ตำต่อตำ ฟันต่อฟัน ในกำรลงโทษผกู้ ระทำควำมผดิ โดยผใู้ ด ทำควำมผดิ อยำ่ งไร กจ็ ะไดร้ ับโทษอยำ่ งน้นั ซ่ึงแนวคิดท่ีจะใหค้ วำมยตุ ิธรรมแก่ผคู้ น ในสงั คมน้ีไดเ้ ป็นรำกฐำนของเจตนำรมณ์ของกฎหมำยในประเทศต่ำงๆ ในปัจจุบนั 90. 4 จำกทำเลท่ีต้งั ของอียปิ ตท์ ี่มีทะเลทรำยหอ้ มลอ้ มท้งั ทิศตะวนั ตก ทิศตะวนั ออกและทิศ ใต้ จึงเสมือนมีปรำกำรธรรมชำติในกำรป้องกนั กำรรุกรำนจำกขำ้ ศึกศตั รู ทำใหช้ ำว 58
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ อียปิ ตม์ ีควำมรู้สึกมน่ั คง ปลอดภยั ส่งผลใหช้ ำวอียปิ ตส์ ำมำรถสร้ำงอำรยธรรมของ ตนไดอ้ ยำ่ งมีเอกภำพ และมีควำมเจริญติดต่อกนั มำอยำ่ งไม่มีกำรเปล่ียนแปลงเป็น ระยะเวลำยำวนำน 91. 2 ชำวโรมนั สร้ำงส่ิงก่อสร้ำงโดยใหค้ วำมสำคญั ต่อประโยชน์ใชส้ อยท่ีสำมำรถ ตอบสนองควำมตอ้ งกำรของคนจำนวนมำก 92. 1 กำรพฒั นำดำ้ นกำรส่ือสำรในสมยั ปฏิวตั ิอตุ สำหกรรมเป็นตน้ แบบในกำรพฒั นำกำร สื่อสำรอยำ่ งต่อเนื่อง จนโลกเขำ้ สู่สมยั แห่งกำรสื่อสำรไร้พรมแดนหรือโลกำภิวตั น์ 93. 2 ควำมขดั แยง้ นำไปสู่กำรต่อสูแ้ ข่งขนั ซ่ึงผทู้ ่ีแข่งขนั กนั ยอ่ มตอ้ งพฒั นำวทิ ยำกำรของ ตนเองเพ่ือเอำชนะคูแ่ ข่ง 94. 2 ควำมไม่พอใจในกำรใชอ้ ำนำจของสหรัฐอเมริกำในกำรเขำ้ ไปมีอำนำจในดินแดน ต่ำงๆ ทำใหก้ ลุ่มท่ีไม่พอใจใชว้ ิธีกำรก่อกำรร้ำยตอบโตส้ หรัฐอเมริกำ 95. 1 ปัญหำสำคญั ของอำเซียน คือ ยงั ขำดควำมร่วมมือกนั อยำ่ งแทจ้ ริง เพรำะประเทศ สมำชิกยงั มีกำรแขง่ ขนั ทำงกำรคำ้ และกำรพฒั นำ 96. 2 ทุกคนควรใชท้ รัพยำกรใหค้ ุม้ คำ่ และประหยดั ท่ีสุด เพรำะทุกคร้ังท่ีมีกำรใชท้ รัพยำกร มีส่วนทำใหโ้ ลกร้อนข้ึน 97. 1 พลงั งำนในโลกมีอยอู่ ยำ่ งจำกดั เมื่อใชแ้ ลว้ กจ็ ะหมดไป ดงั น้นั จึงอำจจะขำดแคลนได้ ในอนำคต 98. 1 เคร่ืองมือทำงภูมิศำสตร์สำมำรถแบ่งประเภทออกไดต้ ำมหนำ้ ท่ีหลกั ของกำรใชง้ ำน เป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ประเภทรวบรวมขอ้ มูล เช่น เขม็ ทิศ ระบบกำหนดตำแหน่งบน พ้ืนโลก ระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ และประเภทที่ใหข้ อ้ มูลหรือเป็นส่ือควำมรู้ทำง ภูมิศำสตร์ เช่น แผนท่ี ลูกโลกจำลอง ภำพจำกดำวเทียม เป็นตน้ 99. 4 ผทู้ ี่ใชแ้ ผนท่ีไดอ้ ยำ่ งชำนำญควรเป็นผทู้ ี่มีควำมรู้ควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั แผนท่ีและหมนั่ ฝึกฝนอ่ำนแผนที่อยำ่ งสม่ำเสมอ เพรำะฉะน้นั กอ้ ยจึงน่ำจะเป็นผทู้ ่ีใชแ้ ผนที่ไดอ้ ยำ่ ง ชำนำญท่ีสุด 100. 3 ในปัจจุบนั มีกำรนำรูปถ่ำยทำงอำกำศมำใชใ้ นกำรจดั ทำแผนท่ีมำกข้ึน เนื่องจำก เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ ผนท่ีขอ้ มูลถูกตอ้ ง แม่นยำ และประหยดั เวลำและแรงงำนในกำรสำรวจ พ้ืนท่ี โดยรูปถ่ำยทำงอำกำศที่จะสำมำรถนำมำใชใ้ นกำรจดั ทำแผนท่ีไดน้ ้นั คือ รูป ถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่ง เพรำะมีมำตรำส่วนคอ่ นขำ้ งคงที่ ต่ำงจำกรูปถ่ำยทำงอำกำศใน แนวเฉียงท่ีแสดงภำพรวมของพ้นื ที่เท่ำน้นั 101. 2 ดำวเทียมเป็นเคร่ืองมือหลกั ในกำรสำรวจขอ้ มูลภูมิสำรสนเทศศำสตร์ชนิดต่ำงๆ 59
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ โดยเฉพำะระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์และระบบกำหนดตำแหน่งบนพ้นื โลก ส่วน กำรรับรู้จำกระยะไกลมีเครื่องมือเกบ็ ขอ้ มูลแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ส่วน คือ ดำวเทียม และ อำกำศยำนต่ำงๆ เช่น เคร่ืองบิน บลั ลูน เป็นตน้ 102. 2 วเิ ครำะห์ขอ้ มูลจำกฐำนขอ้ มลู เพียงช้นั เดียวหรือหลำยช้นั ตำมวตั ถุประสงคข์ องผใู้ ช้ เน่ืองจำกระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์จดั เกบ็ ขอ้ มูลของพ้นื ท่ีในดำ้ นตำ่ งๆ เช่น ลกั ษณะภูมิประเทศ ทรัพยำกรธรรมชำติ กำรใชพ้ ้นื ที่ เป็นฐำนขอ้ มูลช้นั ต่ำงๆ กำร วิเครำะห์ขอ้ มูลจึงอำจวิเครำะห์จำกฐำนขอ้ มูลเพียงช้นั เดียวหรือหลำยช้นั กไ็ ด้ 103. 1 กำรพยำกรณ์อำกำศพ้นื ท่ีหน่ึงๆ ดว้ ยขอ้ มูลจำกดำวเทียม ดำวเทียมน้นั ตอ้ งมีหลกั กำร ทำงำนแบบดำวเทียมคงที่ คอื ดำวเทียมที่โคจรรอบโลกเท่ำกบั กำรหมนุ ของโลก ซ่ึง กำรสำรวจและรวบรวมขอ้ มูลดำ้ นภูมิอำกำศของพ้นื ที่น้นั ๆ 104. 1 กำรทหำรเป็นกิจกำรท่ีทำใหเ้ กิดระบบกำหนดตำแหน่งบนพ้นื โลกข้ึน โดย กระทรวงกลำโหมของสหรัฐอเมริกำใชห้ ำตำแหน่งและพิกดั ทำงภูมิศำสตร์ใน ระหวำ่ งกำรสงครำม จึงกล่ำวไดว้ ำ่ ระบบกำหนดตำแหน่งบนพ้ืนโลก เกิดข้ึนจำก ควำมขดั แยง้ และควำมรุนแรง แต่ทวำ่ ต่อมำมีประโยชนใ์ นกำรดำเนินชีวิตและ สำมำรถสร้ำงสนั ติภำพได้ 105. 1 วนั วสนั ตวษิ ุวตั วนั ศำรทวิษุวตั ไดแ้ ก่ วนั ท่ี 21 มีนำคม และวนั ท่ี 22 กนั ยำยนของทุก ปี ซ่ึงระยะเวลำกลำงวนั และกลำงคืนของพ้ืนท่ีในซีกโลกเหนือและซีกโลกใตจ้ ะ เท่ำกนั คือ ช่วงละ 12 ชว่ั โมง 106. 2 ประเทศแคนำดำ เดือนมิถุนำยน เนื่องจำกเป็นช่วงเลำวนั ครีษมำยนั หรืออุตรำยนั ที่ ตำแหน่งต้งั ฉำกของดวงอำทิตยเ์ คลื่อนท่ีมำอยู่ ณ เสน้ ทรอปิ กออฟแคนเซอร์ พ้นื ที่ซีก โลกเหนือจะไดร้ ับแสงอำทิตยย์ ำวนำน โดยเฉพำะพ้นื ที่เหนือเสน้ อำร์กติกเซอร์เคิล จะเห็นพระอำทิตยไ์ ดต้ ลอด 24 ชวั่ โมง หรือที่เรียกวำ่ ปรำกฏกำรณ์พระอำทิตยเ์ ท่ียง คืน 107. 2 กำรเคลื่อนตวั ในรูปแบบต่ำงๆ ก่อใหเ้ กิดแผน่ ดินไหวที่มีควำมรุนแรงแตกต่ำงกนั โดยแผน่ ดินไหวที่รุนแรงเกิดจำกกำรเคลื่อนตวั ในรูปแบบชนหรือมุดของแผน่ เปลือก โลก นอกจำกน้ี ยงั ก่อใหเ้ กิดลกั ษณะภูมิประเทศแบบต่ำงๆ เช่น เทือกเขำใน มหำสมุทรหรือบนภำคพ้ืนทวีปอีกดว้ ย 108. 3 ควำมร้อน เนื่องจำกกำรหมนุ เวยี นเปล่ียนสถำนะของน้ำจำกแหล่งต่ำงๆ ดว้ ยมีควำม ร้อนเป็นปัจจยั สำคญั เช่น กำรระเหยของแหล่งน้ำต่ำงๆ บนพ้ืนผวิ โลกข้ึนไปใน บรรยำกำศโดยควำมร้อน เป็นตน้ 60
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ 109. 1 เขตศูนยส์ ูตร เขตข้วั โลก เป็นแหล่งท่ีมำของกระแสน้ำอนุ่ และกระแสน้ำเยน็ ที่ ไหลเวยี นอยใู่ นมหำสมุทรทว่ั โลก โดยกระแสน้ำอุ่น เช่น กระแสน้ำอุน่ คุโระชิโอะ ไดร้ ับควำมร้อนจำกดวงอำทิตยใ์ นเขตศูนยส์ ูตร และไหลเวยี นข้ึนทำงเหนือ ส่วน กระแสน้ำเยน็ โอะยำชิโอะ ไหลลงมำจำกทำงข้วั โลกเหนือ เป็นตน้ 110. 3 พ้ืนท่ีชำยฝ่ังท่ีคลื่นลมสงบ เป็นบริเวณที่เหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำขนส่งสินคำ้ มำกท่ีสุด เนื่องจำกเรือเดินทะเลขนส่งสินคำ้ ลว้ นตอ้ งกำรควำมปลอดภยั ในกำร เดินทำงคำ้ ขำย อีกท้งั ลกั ษณะภูมิประเทศในขอ้ อ่ืนไม่เหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำ 111. 4 ภำคตะวนั ออก เน่ืองจำกเป็นภำคท่ีมีปริมำณน้ำเฉลี่ยต่อปี ค่อนขำ้ งสูง พ้ืนท่ีส่วนใหญ่ จึงเป็นสวนผลไมท้ ่ีมีควำมหลำกหลำย เช่น เงำะ ทุเรียน และมงั คุด และใหผ้ ลผลิตต่อ ปี คอ่ นขำ้ งมำก เป็นสินคำ้ ส่งออกท่ีสำคญั ของประเทศ 112. 3 ปริมำน้ำฝนเฉลี่ยต่อปี ค่อนขำ้ งมำก แต่ดินส่วนใหญ่ไม่คอ่ ยอุม้ น้ำ กำรเพำะปลูกพชื จึง แตกต่ำงกนั ไปในแต่ละพ้นื ท่ี ตวั อยำ่ งท่ีสำคญั เช่น ท่ีรำบบริเวณแอ่งโครำชเป็นแหล่ง ปลูกขำ้ วท่ีมกั ประสบปัญหำจำกภยั แลง้ หรือน้ำท่วม ทำใหไ้ ดผ้ ลผลิตนอ้ ย ส่วนทำง ตอนใตข้ องภำคบริเวณดำ้ นหนำ้ ทิวเขำพนมดงรัก มีปริมำณน้ำฝนมำก เพำะปลูกไม้ ผลไดด้ ี 113. 1 กำรศึกษำเก่ียวกบั ภูเขำไฟท่ียงั มีพลงั ในภูมิภำคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตค้ วร ดำเนินกำรในประเทศที่เป็นแหล่งของภูเขำไฟ ซ่ึงไดแ้ ก่ ประเทศอินโดนีเซียมีภูเขำ ไฟท่ียงั มีพลงั ประมำณ 33 ลกู และประเทศฟิ ลิปปิ นส์มีภูเขำไฟท่ียงั มีพลงั ประมำณ 25 ลูก 114. 2 กำรปะทุระเบิดของภูเขำไฟก่อใหเ้ กิดผลกระทบต่อระบบนิเวศไดห้ ลำยดำ้ น ท่ีสำคญั ไดแ้ ก่ กำรปล่อยเถำ้ ถ่ำนปกคลุมบรรยำกำศ กำรสนั่ สะเทือนท่ีแผจ่ ำกกำรปะทุระเบิด และกำรไหลของหินหนืดร้อนไปตำมพ้นื ผวิ ภูมิประเทศ ตลอดจนลงสู่พ้ืนที่ชำยฝั่งซ่ึง ก่อใหเ้ กิดกำรเปลี่ยนของระบบนิเวศชำยฝ่ังทะเลได้ 115. 4 กำรช่วยกนั สร้ำงพนงั ก้นั น้ำและติดต้งั เครื่องสูบน้ำออกจำกพ้นื ที่ของตน จะยงิ่ ทำให้ พ้ืนท่ีโดยรอบประสบปัญหำมำกข้ึน จำกปริมำณน้ำที่ควรจะไหลเขำ้ ท่วมเท่ำเทียมกนั หรือที่สูบออกจำกพ้นื ท่ีตน วธิ ีกำรแกป้ ัญหำน้ีควรใชใ้ นพ้นื ท่ีสำคญั เช่น สถำนท่ี สำคญั ทำงรำชกำร เศรษฐกิจ รวมถึงสถำนพยำบำล เพื่อใหส้ ำมำรถช่วยเหลือพ้นื ท่ี ประสบภยั ส่วนอื่นได้ 116. 1 สำเหตุสำคญั ของกำรกดั เซำะชำยฝ่ังในปัจจุบนั คือ ภำวะโลกร้อน ซ่ึงทำใหน้ ้ำแขง็ บริเวณข้วั โลกละลำยอยำ่ งรวดเร็วกวำ่ ในอดีต ส่งผลใหน้ ้ำทะเลมีระดบั สูงข้ึน เขำ้ กดั เซำะพ้ืนที่ชำยฝั่งของประเทศต่ำงๆ รุนแรงมำกข้ึน 61
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ 117. 1 มกั มีลมแรงและฝนตกหนกั อีกคร้ังเม่ือศูนยก์ ลำงพำยพุ ดั ผำ่ น เพรำะกำรเกิดลมแรง และฝนตกหนกั ในคร้ังแรกน้นั เป็นกระแสอำกำศที่รุนแรงโดยรอบศูนยก์ ลำงของพำยุ เม่ือสภำพอำกำศสงบลงแสดงวำ่ เป็นบริเวณของศูนยก์ ลำงของพำยุ ซ่ึงมีสภำพอำกำศ คอ่ นขำ้ งปกติจึงคลำ้ ยกบั วำ่ พำยผุ ำ่ นไปแลว้ อยำ่ งไรกต็ ำมเม่ือพำยเุ คลื่อนตวั กระแส อำกำศที่รุนแรงโดยรอบศูนยก์ ลำงของพำยอุ ีกดำ้ นจะก่อใหเ้ กิดลมแรงและฝนตก หนกั ไม่แตกตำ่ งจำกกำรเกิดในคร้ังแรก 118. 2 กำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรมนบั เป็นจุดเริ่มตน้ ของกำรเพมิ่ แก๊สเรือนกระจกสู่บรรยำกำศ จำกกำรท่ีชำวยโุ รปรู้จกั ใชพ้ ลงั งำนเช้ือเพลิงจำกธรรมชำติมำใชใ้ นกำรผลิตสินคำ้ ต่ำงๆ ทำใหท้ รัพยำกรมำกมำยถูกใชอ้ ยำ่ งขำดกำรจดั กำรและวำงแผนที่ดี ที่สำคญั คือ กำรเผำไหมเ้ ช้ือเพลิงต่ำงๆ ท้งั ถ่ำนหิน น้ำมนั แก๊สธรรมชำติ ลว้ นแลว้ แต่ก่อใหเ้ กิด แก๊สเรือนกระจก อนั นำมำซ่ึงกำรเปล่ียนแปลงและวกิ ฤตกำรณ์ทำงธรรมชำติของ โลกในปัจจุบนั 119. 2 ภำคตะวนั ออกเป็นแหล่งอโลหะ ประเภทรัตนชำติที่สำคญั ของประเทศและภูมิภำค มำต้งั แต่อดีต ควำมรู้และทกั ษะเชิงช่ำงในกำรเจียระไนและทำเคร่ืองประดบั ของช่ำง ชำวไทยที่สืบทอดกนั มำแตโ่ บรำณ ประกอบกบั เทคโนโลยวี ิทยำกำรสมยั ใหม่ดำ้ น อุตสำหกรรมเครื่องประดบั จำกชำติตะวนั ตก ส่งผลใหเ้ คร่ืองประดบั จำกฝีมือช่ำงชำว ไทยเป็นท่ียอมรับในระดบั โลก 120. 4 มูลนิธิส่ิงแวดลอ้ มรับบริจำคเงินและอุปกรณ์ต่ำงๆ เพือ่ นำไปใชใ้ นกำรดำเนินงำน ดำ้ นสิ่งแวดลอ้ มอยำ่ งมีประสิทธิภำพ เนื่องจำกกำรรับบริจำคเพอื่ นำไปใชต้ ำม วตั ถุประสงคข์ องผบู้ ริจำคและมูลนิธิเป็นกำรดำเนินงำนท่ีถูกตอ้ งเหมำะสม และเป็น กำรส่งเสริมกำรมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษท์ รัพยำกรธรรมชำติของประชำชนทว่ั ไป อีกดว้ ย 62
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วชิ า สังคมศึกษา ปีการศกึ ษา 2552 ส่วนท่ี 1 : ขอ้ 1-50 1. 4 2. 4 3. 2 4. 2 5. 3 6. 3 7. 2 8. 2 9. 2 10. 2 11. 4 12. 2 13. 4 14. 2 15. 1 16. 2 17. 3 18. 2 19. 3 20. 3 21. 4 22. 3 23. 1 24. 3 25. 4 26. 3 27. 2 28. 3 29. 3 30. 2 31. 3 32. 2 33. 1 34. 3 35. 2 36. 3 37. 4 38. 2 39. 1 40. 1 41. 2 42. 4 43. 3 44. 4 45. 2 46. 3 47. 1 48. 3 49. 3 50. 2 ส่วนที่ 2 : ขอ้ 51-100 51. 1, 2, 3, 4 52. 1, 2, 3, 4 53. 1, 2, 4 54. 1, 3 55. 1, 3 58. 1, 2, 3, 4 59. 1, 4 60. 1, 2, 3, 4 56. 1, 2, 3, 4 57. 1, 4 63. 3, 4 64. 2, 4 65. 1, 2 68. 2, 3, 4 69. 3, 4 70. 2, 4 61. 1, 3, 4 62. 1, 2, 4 73. 3, 4 74. 1, 2, 4 75. 1, 3 78. 1, 4 79. 1, 2 80. 1, 4 66. 1, 2, 3 67. 1, 4 83. 1, 3, 4 84. 1, 2, 3, 4 85. 1, 4 88. 1, 3 89. 2, 4 90. 2, 4 71. 1, 2, 3 72. 1, 2, 3 93. 1, 2, 3, 4 94. 1, 2, 3 95. 2, 3, 4 76. 2, 3 77. 1, 3 81. 1, 2, 4 82. 2, 3 86. 1, 3, 4 87. 1, 2, 4 91. 2, 3, 4 92. 2, 3 63
96. 1, 3, 4 97. 2, 3, 4 98. 3, 4 99. 1, 2, 4 100. 2, 3 ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วชิ า สังคมศึกษา ปีการศกึ ษา 2553 ส่วนท่ี 1 : ขอ้ 1-50 1. 3 2. 4 3. 1 4. 4 5. 4 6. 3 7. 1 8. 3 9. 1 10. 1 11. 2 12. 1 13. 2 14. 1 15. 1 16. 3 17. 3 18. 3 19. 2 20. 3 21. 3 22. 3 23. 1 24. 4 25. 2 26. 1 27. 2 28. 4 29. 2 30. 3 31. 4 32. 4 33. 1 34. 4 35. 2 36. 4 37. 3 38. 3 39. 3 40. 2 41. 4 42. 4 43. 1 44. 4 45. 2 46. 4 47. 4 48. 3 49. 2 50. 2 ส่วนท่ี 2 : ขอ้ 51-100 51. 1, 3 52. 1, 2 53. 1, 4 54. 1, 2 55. 2, 4 58. 1, 4 59. 2, 3 60. 3, 4 56. 1, 3 57. 3, 4 63. 1, 3 64. 2, 4 65. 1, 2 68. 3, 4 69. 2, 3 70. 3, 4 61. 2, 4 62. 1, 2 73. 1, 2 74. 2, 3 75. 1, 4 78. 1, 4 79. 3, 4 80. 1, 4 66. 2, 4 67. 2, 3 83. 1, 4 84. 3, 4 85. 1, 3 88. 1, 2 89. 1, 3 90. 2, 3, 4 71. 3, 4 72. 1, 4 93. 1, 2 94. 3, 4 95. 1, 3 98. 3, 4 99. 3, 4 100. 2, 3 76. 3, 4 77. 1, 3 81. 2, 3 82. 1, 2 86. 1, 2 87. 2, 3 91. 2, 3 92. 2, 4 96. 2, 3 97. 1, 3 64
65
Search