Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือแจ้งเบาะแส

คู่มือแจ้งเบาะแส

Published by Sedtanun Chofa, 2021-09-29 04:40:18

Description: คู่มือแจ้งเบาะแส

Search

Read the Text Version

45 งำนจำ้ งทีป่ รกึ ษำ งานจ้างที่ปรกึ ษาตอ้ งพจิ ารณาหลักเกณฑ์ในด้านของผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษา วิธีการ บริหารและวิธีการปฏิบัติงาน จานวนบุคลากรที่ร่วมงาน ประเภทของที่ปรึกษาที่รัฐต้องส่งเสริมหรือสนับสนุน ข้อเสนอทางดา้ นการเงนิ เกณฑอ์ ่นื ตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง ซงึ่ งานจา้ งทป่ี รกึ ษา มี 3 วิธี คอื 1) วิธีประกำศเชิญชวนท่ัวไป เป็นการเชิญชวนให้ท่ีปรึกษาท่ัวไปท่ีมีคุณสมบัติตรงตามเง่ือนไข ทกี่ าหนดเขา้ ยนื่ ขอ้ เสนอ โดยใหใ้ ชก้ บั งานทไ่ี มซ่ ับซ้อน งานที่มีลกั ษณะ เป็นงานประจาของหน่วยงานของรัฐ หรือ งานทีม่ ีมาตรฐานตามหลักวชิ าชพี และมีทปี่ รึกษาซ่งึ สามารถทางานนั้นได้เป็นการท่วั ไป 2) วิธีคัดเลือก เป็นการเชิญชวนเฉพาะเฉพาะที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติตรงตามท่ีกาหนด ซ่ึงต้องไม่ น้อยกว่า 3 ราย ให้ย่ืนข้อเสนอ เว้นแต่มีที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติตรงตามท่ีกาหนดน้อยกว่า 3 ราย ซึ่งวิธีการจัดจ้าง ประเภทน้จี ะดาเนินการได้ในกรณี - ใชว้ ิธีประกาศเชิญชวนทัว่ ไปแลว้ แตไ่ มม่ ผี ยู้ ื่นข้อเสนอ หรอื ข้อเสนอนั้นไมไ่ ดร้ ับ การคดั เลือก - เป็นงานท่ีซับซ้อน ซับซ้อนมาก หรือท่ีมีเทคนิคเฉพาะไม่เหมาะท่ีจะดาเนินการโดยวิธีประกาศ เชิญชวนท่วั ไป - เปน็ งานจา้ งท่มี ที ่ปี รึกษาในงานที่จะจา้ งน้ันจานวนจากดั - กรณอี ื่นตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง 3) วิธีเฉพำะเจำะจง เชิญชวนเฉพาะท่ีปรึกษาที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กาหนดรายใดรายหน่ึง ให้เขา้ ยืน่ ขอ้ เสนอหรือให้เข้ามาเจรจาต่อรองราคาโดยตรง ซ่งึ วิธีการจดั จา้ งประเภทน้จี ะดาเนนิ การได้ในกรณี - ใช้ทั้งวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้ว แต่ไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอ หรือขอ้ เสนอน้ันไมไ่ ดร้ บั การคัดเลอื ก - งานจ้างท่มี วี งเงินค่าจ้างคร้ังหน่ึงไมเ่ กนิ วงเงินตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง - เป็นงานท่จี าเป็นต้องใหท้ ปี่ รึกษารายเดมิ ทาต่อจากงานท่ีได้ทาไว้แลว้ เน่ืองจากเหตุผลทางเทคนิค - เป็นงานจ้างที่มีที่ปรึกษาในงานที่จะจ้างนั้นจานวนจากัดและมีวงเงินค่าจ้างครั้งหนึ่ง ไม่เกิน วงเงนิ ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง - เป็นงานจ้างท่ีมีที่ปรกึ ษาในงานท่จี ะจ้างนนั้ เพียงรายเดียว - เป็นงานที่มีความจาเป็นเร่งด่วนหรือท่ีเก่ียวกับความม่ันคงของชาติ หากล่าช้าจะเสียหายแก่ หน่วยงานของรัฐหรือความมน่ั คงของชาติ - กรณอี นื่ ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง งำนจ้ำงออกแบบหรือควบคุมงำนกอ่ สรำ้ ง งานจ้างออกแบบหรือควบคมุ งานก่อสร้าง มี 4 วธิ ี คอื 1) วิธีประกำศเชิญชวนท่ัวไป ใชก้ ับงานจ้างออกแบบหรือควบคมุ งานก่อสร้างทม่ี ีลักษณะไม่ซับซ้อน 2) วิธคี ดั เลือก เป็นงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างท่ีหน่วยงานของรัฐ เชิญชวนผู้ให้บริการที่มี คณุ สมบัติตรงตามเงือ่ นไขที่หน่วยงานของรัฐกาหนดไม่น้อยกว่า 3 ราย ให้เข้าย่ืนข้อเสนอ เว้นแต่ในงานน้ันมีผู้ที่ มคี ุณสมบตั ิตรงตามทกี่ าหนดน้อยกวา่ 3 ราย ซงึ่ วิธกี ารจดั จ้างประเภทน้ีจะดาเนินการไดใ้ นกรณี - ใช้วธิ ปี ระกาศเชญิ ชวนทั่วไปแล้ว แตไ่ มม่ ผี ูย้ น่ื ขอ้ เสนอ หรือขอ้ เสนอนนั้ ไม่ได้รับการคัดเลอื ก - เปน็ งานจ้างที่มีลกั ษณะซับซ้อนหรอื ซับซ้อนมาก - เป็นงานเก่ียวกับการออกแบบหรือใช้ความคิด เช่น รูปแบบส่ิงก่อสร้าง ซึ่งหน่วยงานของรัฐ ไม่มี ขอ้ มูลเพยี งพอทจ่ี ะกาหนดรายละเอียดเบื้องตน้ ได้ - กรณอี น่ื ตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง

46 3) วิธีเฉพำะเจำะจง เป็นงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างท่ีหน่วยงานของรัฐเลือกจ้าง ผูใ้ ห้บริการรายใดรายหนึง่ ซึง่ เคยทราบหรอื เคยเหน็ ความสามารถแลว้ ตามที่คณะกรรมการดาเนินงานจ้างออกแบบ หรือควบคมุ งานก่อสรา้ งโดยวธิ ีเฉพาะเจาะจงได้พิจารณาเสนอแนะ โดยใหก้ ระทาไดใ้ นกรณีดังต่อไปน้ี - ใช้ท้ังวิธีประกาศเชิญชวนท่ัวไปและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้วแต่ไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอ หรือขอ้ เสนอน้นั ไม่ไดร้ ับการคดั เลือก - ให้ใชก้ บั งานจ้างท่ีมวี งเงินงบประมาณค่าก่อสร้างไม่เกนิ วงเงนิ ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง - เป็นงานที่มีความจาเป็นเร่งด่วนหรือท่ีเก่ียวกับความม่ันคงของชาติ หากล่าช้าจะเสียหายแก่ หนว่ ยงานของรฐั หรือความมนั่ คงของชาติ - เปน็ งานท่ีจาเป็นต้องให้ผใู้ ห้บริการรายเดิมทาต่อจากงานทไ่ี ดท้ าไวแ้ ลว้ เน่อื งจากเหตุผลทางเทคนิค - กรณอี นื่ ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง 4) วิธีประกวดแบบ เป็นงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างที่หน่วยงานของรัฐเชิญชวน ผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติตรงตามเง่ือนไขท่ีหน่วยงานของรัฐกาหนดให้เข้ายื่นข้อเสนอ เพ่ือออกแบบงานก่อสร้าง ท่ีมีลักษณะพิเศษ เป็นที่เชิดชูคุณค่าทางด้านศิลปกรรมหรือสถาปัตยกรรมของชาติ หรืองานอ่ืนตามที่กาหนด ในกฎกระทรวง กำรตรวจสอบจำกภำยนอกหน่วยงำน ได้กาหนดให้ภาคประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้ามา มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้ โดยกาหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้ภาคประชาชน มสี ่วนร่วมในการสังเกตการณ์ขั้นตอนหนง่ึ ขัน้ ตอนใดของการจัดซ้ือจัดจ้าง ซึ่งการดาเนินการดังกล่าวอาจกาหนดให้มี การจัดทาข้อตกลงคุณธรรมด้วยก็ได้ ซึ่งข้อตกลงคุณธรรมตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการ จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้จัดทาเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการและผู้ประกอบการท่ีจะ เข้าย่ืนข้อเสนอ โดยฝ่ายหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการและฝ่ายผู้ประกอบการที่จะเข้ายื่นข้อเสนอต้อง ตกลงกันว่าจะไม่กระทาการทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้าง และให้มีผู้สังเกตการณ์ซ่ึงมีความรู้ ความเช่ียวชาญ หรือ ประสบการณท์ จ่ี าเปน็ ตอ่ โครงการจัดซื้อจัดจ้างน้ัน ๆ เข้าร่วมสังเกตการณ์ต้ังแต่ขั้นตอนการจัดทาร่างขอบเขตของ งานหรือรายละเอียดของพสั ดุทจ่ี ะทาการจัดซื้อจัดจา้ งและร่างเอกสารเชญิ ชวนจนถึงข้นั ตอนส้ินสุดโครงการ นอกจากพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ที่หน่วยงานของรัฐ ต้องดาเนนิ การตามแล้ว ยงั มีระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยการจดั ซ้ือจัดจา้ งและการบรหิ ารพัสดภุ าครัฐ พ.ศ. 2560 ทห่ี นว่ ยงานของรฐั ต้องปฏบิ ัติตาม ซึ่งระเบียบนไี้ ด้กาหนดถึงการรอ้ งเรยี นไวใ้ นหมวด 10 การร้องเรยี น ดังน้ี ข้อ 220 ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนดใน กฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศ ท่ีออกตาม ความในกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ มีสิทธิร้องเรียน ไปยังหน่วยงานของรัฐน้ันหรือ คณะกรรมการพจิ ารณาอทุ ธรณ์ แลว้ แตก่ รณีก็ได้ การย่นื ข้อร้องเรียนตามวรรคหนึง่ ตอ้ งดาเนนิ การภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันท่ีรู้หรือควรรู้ว่า หน่วยงาน ของรัฐน้ันมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎหมายว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้าง และการ บริหารพัสดุภาครัฐ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามความในกฎหมาย ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และ การบริหารพัสดุภาครฐั ขอ้ ๒๒๑ การรอ้ งเรียนตอ้ งทาเป็นหนังสือลงลายมือช่ือผู้ร้องเรียน ในกรณีผู้ร้องเรียนเป็นนิติบุคคล ต้องลงลายมือช่ือของกรรมการซ่ึงเป็นผู้มีอานาจกระทาการแทนนิติบุคคลและประทับตราของนิติบุคคล (ถ้ามี) หนังสือร้องเรียนตามวรรคหนึ่ง ตอ้ งใช้ถ้อยคาสุภาพ และระบขุ ้อเทจ็ จริงและเหตุผลอันเป็นเหตุแห่ง การร้องเรยี นให้ชัดเจน พรอ้ มแนบหลกั ฐานทเี่ ก่ียวขอ้ งไปด้วย

47 4.2.1 กำรตรวจสอบกำรจัดซ้อื จัดจำ้ ง การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการหลีกเลี่ยงไม่ทาตามกฎ ระเบียบ หรือ หลักเกณฑ์ท่ีกฎหมายกาหนด ประชาชนสามารถสังเกตได้จากตารางเปรียบเทียบข้ันตอนการจัดซื้อจัดจ้างกับ การกระทาทสี่ ามารถตรวจสอบไดว้ า่ มีพฤติการณ์ท่ีเบ่ยี งเบนไปจากหลักการท่ีถูกต้องหรือไม่ อย่างไร วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับการทจุ ริตการจัดซื้อจัดจ้าง สามารถพิจารณาได้ดงั นี้ ขน้ั ตอนกำรจดั ซอ้ื จัดจำ้ ง กำรกระทำที่สำมำรถตรวจสอบได้ 1. การตั้งงบประมาณในกิจกรรม/ รายการ รายการนัน้ ๆ สอดคล้อง - วัสดุอุปกรณม์ คี ุณภาพต่ากว่ามาตรฐาน หรือมีราคาสงู เกินราคา หรือตรงกบั อานาจหนา้ ทีข่ อง มาตรฐานครภุ ัณฑ์ของสานักงบประมาณ หรอื ราคาในท้องตลาด หรือ หนว่ ยงาน หรอื ไม่ ราคากลาง หรอื ไม่ - การจดั ซ้ือหรือจัดจา้ งนนั้ ผรู้ ับจา้ ง/ผู้ขายมีสว่ นได้สว่ นเสียกับผอู้ นมุ ัติ 2. การสง่ มอบงานและการตรวจ หรือเจา้ หนา้ ท่รี ัฐ หรือไม่ รับงาน - การกาหนดคุณสมบัตินนั้ เอื้อประโยชนเ์ ฉพาะให้กับผู้รบั จ้าง/ผขู้ าย บางราย หรือไม่ 3. การกาหนดรายละเอียด - มีการแบ่งซื้อแบง่ จ้าง เพื่อใหก้ ารจัดซื้อจดั จ้างอยู่ในวิธีตกลงราคา คุณลักษณะหรือเงื่อนไข และ หรอื ไม่ เกณฑ์ในการพิจารณาผล - การส่งมอบวัสดุเกนิ กว่าระยะเวลาท่ีกาหนดในสัญญา หรือไม่ 4. การรบั ซอง, เปดิ ซองสอบราคา - ดูวา่ วัสดุอปุ กรณท์ ี่ทาการตรวจรับตรงตามระบุไวใ้ นสัญญา หรอื ไม่ และมคี ุณภาพตรงกับที่กาหนด หรือไม่ - การดาเนนิ งานหรือสง่ มอบของ/งานผดิ แบบตามทีก่ าหนดในสญั ญา หรอื สง่ มอบของ/งานเลยระยะเวลาท่กี าหนดในสัญญา หรือไม่ - การกาหนดคุณสมบัตินั้นเอ้ือประโยชนเ์ ฉพาะให้กบั ผูร้ บั จ้าง/ผ้ขู าย บางราย หรอื มีการลอ็ กสเปคใหเ้ ขา้ เสนอราคาได้เฉพาะพวกพอ้ ง ของตน หรือมกี ารแจง้ ให้ผู้รบั จา้ ง/ผู้ขายทราบลว่ งหน้าหรอื ไม่ - มกี ารกาหนดเง่ือนไขในเร่ืองผมู้ สี ิทธเิ สนอราคา เชน่ การกาหนด ผลงานข้นั ตา่ การกาหนดประเภทบุคคลของผู้เสนอราคาต้องเป็นหา้ ง หุ้นสว่ นหรอื บริษทั ว่าเอื้อประโยชน์ หรือไม่ - การกาหนดเกณฑ์ราคาประกอบเกณฑ์อ่นื (Price performance) มสี ดั ส่วนและวธิ กี ารวดั ผลชัดเจนหรอื ไม่ เพยี งใด และมีการกาหนด เงอ่ื นไขเปน็ ธรรมหรอื ไม่กบั ผู้ยนื่ ข้อเสนอ - มีการเฝ้าหนา้ หอ้ งขายเอกสารเพ่อื คอยพูดคุยกีดกนั ผ้จู ะมาซอ้ื แบบ ไม่ใหซ้ ้ือแบบ โดยใชว้ ธิ ีการขอความร่วมมือหรือจา่ ยเงนิ คา่ น้ามันรถ หรอื มกี ารขม่ ขู่ หรือไม่ - มกี ารกดี กนั ผู้รบั จา้ ง/ผขู้ ายนอกกล่มุ โดยการตรวจสอบเอกสาร สอบราคาใหล้ ะเอียด เช่น การไม่มีหนงั สือมอบอานาจการประทบั ตรา ลงในเอกสารไม่ครบทกุ แผน่ หรอื ไม่

48 ขั้นตอนกำรจดั ซอ้ื จัดจ้ำง กำรกระทำท่ีสำมำรถตรวจสอบได้ - เจ้าหนา้ ทีร่ ัฐได้มีการแอบเปิดเผยขอ้ มูลผเู้ สนอราคาให้แก่ผรู้ ับจ้าง/ 5. การพิจารณาผลและการ ผู้ขายบางรายที่ใหผ้ ลประโยชน์ หรอื ไม่ ดาเนินการตามสัญญาเปน็ ไปตาม - ดูว่าผู้ขาย/ผูร้ ับจา้ งมกี ารตกลงสมยอมราคากันเอง หรอื ไม่ เงอ่ื นไขเกณฑ์ในการพจิ ารณา - ผรู้ บั จา้ ง/ผ้ขู ายทไี่ ด้รบั การคัดเลือกมีสว่ นได้สว่ นเสยี หรอื เกีย่ วข้อง ผู้ชนะการเสนอราคาหรอื ไม่ กับผมู้ อี านาจในการอนุมัติ หรือไม่ หรือเป็นผปู้ ระกอบการที่ได้รบั จา้ ง 6. การกาหนดรายละเอยี ด เป็นประจา หรอื ไม่ คณุ ลักษณะหรือเง่ือนไขและเกณฑ์ พิจารณาผล มีการกาหนดคณุ สมบตั ิเอ้ือประโยชนเ์ ฉพาะผู้รับจา้ งบางรายหรือ มีการลอ็ กสเปคใหเ้ ขา้ เสนอราคาได้เฉพาะพวกพ้องของตน หรือไม่ วธิ กี ำรอเิ ล็กทรอนกิ ส์ หรอื มีการกาหนดเงื่อนไขเฉพาะ ในเรื่องของผู้มสี ทิ ธิเสนอราคาได้ 1. การกาหนดราคากลาง โดยอา้ งวา่ เปน็ งานท่ีต้องกระทาโดยเร่งด่วน หากล่าชา้ อาจเสยี หาย แก่ราชการ 2. การกาหนดรายละเอียด รา่ งขอบเขตงาน (TOR) - คณะกรรมการกาหนดราคากลางได้กาหนดราคากลางหรือคานวณ ราคากลางของพสั ดทุ ี่จัดซื้อจัดจ้างในรายการถูกต้องตามข้อเท็จจริง/ 3. การยืน่ ซอง/การเสนอราคา หลักวชิ าการ/หลักเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ หรอื ไม่ หรือคานวณราคากลาง การยืน่ เสนอราคาผา่ นระบบ โดยไมส่ ามารถพสิ จู น์หรอื อา้ งอิงแหล่งท่ีมาของราคากลางที่เชอ่ื ถือได้ จดั ซ้ือจดั จา้ งภาครฐั (e-GP) - การกาหนดคุณสมบัติเอ้อื ประโยชนเ์ ฉพาะใหก้ ับผ้รู บั จา้ ง/ผู้ขายบาง 4. การพิจารณาผล รายหรือมีการล็อกสเปคให้เข้าเสนอราคาไดเ้ ฉพาะพวกพ้องของตน หรอื มีการแจง้ ให้ผรู้ ับจ้าง/ผู้ขายทราบล่วงหน้า หรอื ไม่ - ผู้รับจา้ ง/ผขู้ ายมกี ารตกลงสมยอมราคากันเองกอ่ นทจ่ี ะเสนอราคา หรือไม่ ผ้รู ับจา้ ง/ผู้ขายทไี่ ดร้ ับการคัดเลอื กมีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี หรือเกยี่ วขอ้ ง กบั ผมู้ อี านาจในการอนุมตั หิ รือไม่ หรือเปน็ ผู้ประกอบการได้รับงาน เป็นประจา หรอื ไม่ 4.2.2 กำรตรวจสอบงำนก่อสรำ้ ง งำนก่อสร้ำง จะเก่ียวข้องกับงบประมาณจานวนมาก โดยมีโครงการหลายขนาด ตั้งแต่โครงการ ขนาดเลก็ ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ จนไปถึงขนาดใหญ่มาก โครงการขนาดเล็กจะมีขั้นตอนน้อย ผู้เกี่ยวข้องก็น้อย ความสูญเสียของงบประมาณจากการทุจริตแต่ละโครงการอาจน้อย แต่ถ้าโครงการขนาดใหญ่ ข้ันตอนและ ผู้เก่ียวข้องกับโครงการก็มีมาก หากมีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการขนาดใหญ่ ๆ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็เป็น จานวนมหาศาล

49 กำรก่อสร้ำง คือ กิจกรรม การกระทาให้เกิด การประกอบ การติดตั้ง หรือการ ดาเนินการอ่ืนใด เพื่อก่อให้เกิดเป็นสิ่งก่อสร้าง ได้แก่ อาคาร โครงสร้าง ระบบ สาธารณูปโภค หรือสิ่งอื่นใด ที่มีลักษณะคงทน ถาวร และใชป้ ระโยชนไ์ ดร้ วมถงึ การปรับปรุง การรอื้ ถอน การตอ่ เตมิ และการซอ่ มแซมส่ิงก่อสร้างดงั กลา่ วด้วย กำรออกแบบงำนกอ่ สร้ำงของหน่วยงำนของรัฐ กระทาได้ 3 วิธี คอื ๑. หนว่ ยงานออกแบบเอง ๒. ใหส้ ว่ นราชการอน่ื ทาการออกแบบ ๓. จา้ งบริษัทเอกชนมาดาเนินการออกแบบ งานออกแบบ ประกอบด้วย แบบก่อสร้าง (Drawing) และรายการประกอบแบบ (Specification) เพอื่ ใชป้ ระกอบการคานวณราคา ประมูลงาน และตรวจ สอบคุณภาพงาน กำรทุจริตสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอนของงานก่อสร้าง ตั้งแต่การคิดโครงการ การขออนุมัติ การของบประมาณ การกาหนดสเปค การจ้างท่ีปรึกษา การศึกษาความเป็นไปได้และความคุ้มทุน การกาหนด ราคากลาง การกาหนดข้อกาหนดรายละเอียด (TOR) การจัดซ้ือจัดจ้าง การลงนามในสัญญา การดาเนินการ ก่อสร้าง และการตรวจรบั งาน ประชาชนสามารถท่ีจะคอยสังเกต ตรวจสอบเบื้องต้นเก่ียวกับงานก่อสร้าง ว่า การดาเนินงานก่อสร้าง มีคณุ ภาพหรือเปน็ ไปตามท่กี าหนดในสญั ญา หรอื ไม่ โดยดสู ญั ญาจ้างประกอบกบั รายการตา่ ง ๆ เชน่ งำนกอ่ สรำ้ งอำคำร สามารถตรวจสอบเบือ้ งตน้ ได้ดงั น้ี - กรณีเป็นการก่อสร้างแบบเสาเข็ม ต้องดูว่าเสาเข็มมีรอยแตกร้าวหรือไม่ ขนาดความยาว และจานวนของเสาเขม็ ถกู ต้อง ครบถ้วน ตามท่กี าหนดหรือไม่ - ถ้าเป็นการก่อสร้างแบบฐานรากไม่มีเสาเข็มต้องตรวจสอบคุณสมบัติของดินว่ามีคุณสมบัติ ตามขอ้ กาหนดหรือไม่ และฐานรากควรอยูล่ กึ ตามทก่ี าหนดในแบบ - โครงสร้างต้องมีสภาพท่ีดี ไม่แตกร้าว บิดเบ้ียว ขนาดความกว้าง ความยาว ความลึกของ โครงสรา้ งเปน็ ไปตามที่กาหนดหรือไม่ - วัสดุก่อสร้างมีคุณสมบัติและได้รับการรับรองมาตรฐานตามข้อกาหนดในสัญญา ส่วนประกอบ ของอาคารถูกต้องตามแบบ หรือไม่ - ระดบั พน้ื ความสงู ฝ้าเพดาน เปน็ ไปตามท่ีกาหนดหรอื ไม่ - ส่วนประกอบของอาคาร เช่น ประตูหน้าต่าง ช่องเปิด ต้องมีขนาด ความกว้าง ความยาว ความสูง และจานวน ถูกต้องตามแบบก่อสร้างหรือไม่ รวมทั้งอุปกรณ์ประกอบ เช่น บานพบั ลูกบิด กันชน เปน็ ต้น - สภาพผิววัสดตุ ้องไมห่ ลดุ รอ่ นหรอื มีตาหนิ เช่น กระเบอ้ื ง งานสี เปน็ ตน้ - อุปกรณ์ประกอบอาคาร เช่น ลิฟท์ เครื่องปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า ต้องอยู่ในสภาพที่ใช้ งานได้จรงิ โดยทุกรายการจะกาหนดรายละเอียด วิธีการ ขั้นตอน รูปแบบ ประชาชนสามารถตรวจสอบ ได้ว่าทุกอย่างมคี วามถูกตอ้ ง ครบถว้ น ใชง้ านไดจ้ ริงตามทีก่ าหนดในสัญญาจ้างหรอื ไม่

50 งำนกอ่ สรำ้ งสะพำน สามารถตรวจสอบเบ้อื งตน้ ได้ดังน้ี - เสาเข็มมีรอยแตกร้าวหรือไม่ขนาด ความยาว และจานวนของเสาเข็ม ถูกต้อง ครบถ้วน ตามแบบและข้อกาหนดในสญั ญาหรือไม่ - เหลก็ ท่ีใช้มีขนาดและจานวนตามแบบและข้อกาหนดสัญญาหรือไม่ - ความหนาของคอนกรีต ตรงตามแบบและขอ้ กาหนดในสญั ญาหรือไม่ - โครงสร้างมีสภาพท่ีดีไม่แตกร้าว บิดเบี้ยว คดงอ และขนาด ความกว้าง ความยาว ความลึก ของโครงสรา้ ง เปน็ ไปตามแบบที่กาหนดหรอื ไม่ - คานคอนกรตี ท่ีติดต้ังมีรอยแตกร้าวหรอื ไม่ - ความกว้างของช่องทางเท้า ขนาด ความสูง และคุณสมบัติวัสดุของราวกันตก เป็นไปตามแบบ และขอ้ กาหนดในสญั ญาหรือไม่ - การเปลี่ยนแปลงระดับของผิวจราจรต้องถูกต้องตามแบบก่อสร้าง สามารถใช้งานได้สะดวก หรอื ไม่ - วัสดุตกแตง่ ผิวจราจรต้องอย่ใู นสภาพดไี ม่หลุดร่อน โดยทุกรายการจะกาหนดรายละเอียด วิธีการ ขั้นตอน รูปแบบ ประชาชนสามารถ ตรวจสอบ ได้ว่าทกุ อย่างมีความถกู ต้อง ครบถว้ น มคี ณุ ภาพ ใชง้ านไดจ้ รงิ ตามที่กาหนด ในสัญญาจา้ งหรอื ไม่ งำนกอ่ สรำ้ งถนน งานกอ่ สรา้ งถนน มีการก่อสร้างผิวทางอยู่ ๓ แบบ คอื งานผิวทางคอนกรตี งานผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีต และงานผิวทางลาดยางเคพซีล ซึ่งก่อนการดาเนินการก่อสร้างผิวทางท้ัง ๓ แบบ จะมีข้ันตอนงานรองพื้นทางท่ีคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นงานดิน งานท่อ งานลูกรัง หรืองานหินคลุก โดยในแต่ละ ข้นั ตอนสามารถตรวจสอบในเบอ้ื งตน้ ไดด้ งั นี้ - งำนดิน สามารถตรวจดูว่าวัสดุที่ใช้มีคุณภาพตามที่กาหนดหรือไม่ การขุดลอกหน้าดิน ออกไปท้ิง ไปท้ิงที่ใด มีผลประโยชน์ใดๆ หรือไม่ ลักษณะผิวทางภายหลังการบดอัดดินถมในแต่ละชั้น มีความราบเรียบหรือไม่ สามารถตรวจสอบระดับการถมดินความหนาของแต่ละช้ันดินในการบดอัด ความกว้าง ของดิน วา่ ถกู ต้องตามแบบท่กี าหนด หรอื ไม่ - งำนท่อกลม สามารถตรวจดูวา่ ท่อท่นี ามาใชง้ านมีลักษณะผิวเรียบหรือมีรอยรา้ ว มตี รา มอก. รับรองคุณภาพประทับหรอื ไม่ ก่อนเทปนู รองท่อมีการบดอัดดินทอ้ งร่องหรือไม่ ก่อนวางท่อไดม้ กี ารเทปูนรองท่อ หรือไม่ ขณะนาท่อแต่ละท่อนมาวางต่อกนั มีการสอปนู ภายในรางล้ินท่อหรือไม่ มกี ารยาแนวทอ่ ก่อนฝงั กลบหรือไม่ มีการเทปนู ล็อคข้างท่อ หรือไม่ - งำนท่อลอดเหล่ียม สามารถตรวจดูว่ามีการบดอัดดินใต้พ้ืนท่ีก่อสร้างท่อลอดเหล่ียมหรือไม่ ลักษณะท่อลอดเหลี่ยมมีรอยร้าวหรือไม่ มีการตรวจสอบท่อลอดเหล่ียมท่ีนามาใช้งานหรือไม่ มีการตรวจสอบ ขนาดและจานวนเหล็กเสริมคอนกรีตหรือไม่ มีการวางเหล็กคอนกรีตหรือไม่ การวางตาแหน่งระยะห่างของท่อ คอนกรตี ตามแบบทีก่ าหนด หรอื ไม่ - งำนลูกรัง สามารถตรวจดูว่าวัสดุที่ใช้มีคุณภาพตามท่ีกาหนดหรือไม่ ลักษณะชั้นลูกรัง ท่ีก่อสร้างเสร็จแล้วมีความเรียบหรือไม่ หรือแตกตัวเป็นฝุ่นหรือทรุดเป็นร่องล้อสามารถตรวจสอบระดับ ความกว้างว่าถูกต้องตามแบบท่ีกาหนดหรือไม่ และความหนาของช้ันดินลูกรังต้องไม่น้อยกว่า ๒๐ ซม. หรือ ตามท่กี าหนด - งำนหินคลุก สามารถตรวจดูว่าวัสดุที่ใช้มีคุณภาพตามที่กาหนดหรือไม่ ลักษณะงานหิน คลุกที่ก่อสร้างเสร็จแล้วมีความเรียบหรือไม่ หรือแตกตัวเป็นฝุ่นหรือทรุดเป็นร่องล้อ สามารถตรวจสอบระดับ

51 ความกว้างให้ถูกต้องตามแบบท่ีกาหนด และความหนาของงานหินคลุกต้องไม่น้อยกว่า ๒๐ ซม. หรือตามท่ี กาหนด - งำนผิวทำงของถนน งานก่อสร้างผิวถนนสามารถแบ่งออกเป็น ๓ ชนดิ คือ ๑. งำนผิวทำงคอนกรีต สามารถตรวจดูว่าวัสดุท่ีใช้มีคุณภาพตามที่กาหนด หรือไม่ ขนาดและจานวนของเหลก็ เสริมคอนกรีต ความหนาของพื้นคอนกรีต ความเรียบร้อยของงานตกแต่งผิวคอนกรีต ความกว้างช่องจราจร ความกว้างทางเท้า ความกว้างไหล่ทาง และความยาวความกว้างของถนน ว่าถูกต้องตาม แบบทีก่ าหนดหรอื ไม่พน้ื ถนนคอนกรตี ต้องมกี ารตดั ร่องพนื้ ตามแบบเพื่อป้องกนั การแตกรา้ วและมีการยาแนวร่อง ดว้ ยยางแอสฟลั ต์ ๒. งำนผิวทำงแอสฟัลต์คอนกรีต สามารถตรวจดูว่าวัสดุท่ีใช้มีคุณภาพตามท่ีกาหนด หรือไม่ ความหนาของพ้ืนแอสฟลั ต์คอนกรตี ความเรยี บรอ้ ยของงานตกแต่งผิวแอสฟัลต์คอนกรีต ความกว้างช่อง จราจร ความกว้างทางเท้า ความกว้างไหล่ทาง และความยาวความกว้างของถนน ว่าถูกต้องตามแบบท่ีกาหนด หรือไม่ ๓. งำนลำดยำงเคพซีล สามารถตรวจดวู า่ วัสดทุ ่ใี ช้มีคุณภาพตามท่ีกาหนดหรือไม่ ความหนา ของพน้ื ลาดยาง ความเรียบรอ้ ยของงานตกแต่งผิวลาดยาง ความกว้าง ช่องจราจร ความกว้างทางเท้า ความกว้างไหล่ทาง และความยาวความกว้างของถนน วา่ ถกู ตอ้ งตามแบบท่กี าหนดหรือไม่ - งำนเคร่ืองหมำยจรำจร ดูว่าเครื่องหมายจราจรมีครบถ้วนหรือไม่ ขนาดของสีเส้นจราจร ตรงตามแบบหรอื ไม่ ตรงสีเส้นจราจรหลดุ ร่อนหรอื ไม่ และวสั ดทุ ่ีนามาใชม้ ีมาตรฐานตราประทบั มอก. หรือไม่ (โดยทุกรายการ จะกาหนดรายละเอียด วิธีการ ข้ันตอน รูปแบบ ประชาชนสามารถตรวจสอบ ได้ว่าทุกอย่างมคี วามถกู ตอ้ ง ครบถว้ น มีคณุ ภาพ ใช้งานไดจ้ รงิ ตามท่กี าหนดในสญั ญาจา้ งหรือไม่) งำนก่อสรำ้ งเขอ่ื น สามารถตรวจสอบเบอ้ื งตน้ ได้ดังน้ี - ตาแหนง่ แนวกอ่ สร้าง - ขนาด ความยาวและจานวนของเสาเข็ม ขนาดของเหลก็ และความหนาของคอนกรตี - โครงสร้างมีสภาพที่ดี ไม่แตกร้าว บิดเบ้ียว คดงอ ขนาดความกว้าง ความยาว ความลึก ของโครงสรา้ ง ตอ้ งเป็นไปตามทีก่ าหนดในแบบก่อสร้าง - ความลึก ความหนา และขนาดของหนิ ทิง้ หนา้ เขอื่ น (ถ้ามี) - ขนาดความกวา้ งของทางเท้า และความยาวของเขอ่ื น - โครงสร้างประกอบต้องครบถ้วนตามแบบก่อสร้าง เช่น ท่อระบายน้า ประตูระบายน้า เครือ่ งสูบนา้ - สามารถใชง้ านได้ตามวตั ถุประสงค์ เช่น เขอื่ นป้องกนั ตลง่ิ ตอ้ งสามารถป้องกันการพังทลาย ของตลง่ิ ได้ เข่อื นป้องกนั นา้ ท่วมตอ้ งสามารถปอ้ งกันนา้ ท่วมได้ - การลอกคลองระบายนา้ สามารถตรวจดูความลึกในการขุดลอก ความกว้าง ความลาดชัน ในการขุดลอก การกาหนดสถานท่ีทิ้งดนิ ท่ีได้จากการขดุ ลอก ว่านาไปท้ิงทีใ่ ดมผี ลประโยชนใ์ ด ๆ หรอื ไม่ ท้ังนี้ การกาหนดรูปแบบของเขื่อนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะระดับของพ้ืนที่ คุณสมบัตขิ องดิน และข้อจากดั เรอ่ื งงบประมาณ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายการต่าง ๆ ได้ว่ามีความถูกต้อง ครบถ้วน มีคุณภาพ ใช้งานได้จริง ตามท่ีกาหนดในสญั ญาจา้ ง เนอื่ งจากทกุ รายการจะกาหนดรายละเอียด วิธีการ ขนั้ ตอน และรปู แบบไว้

52 กำรตรวจสอบกำรทุจริต นอกจากจะต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ แล้ว การนาเทคโนโลยี เข้ามาใช้ในการเฝ้าระวังหรือตรวจสอบการทุจริต ต้องอาศัยเคร่ืองมือและกลไกสาคัญท่ีเอื้อให้เกิดการเปิดเผยข้อมูล เพ่ือช่วยให้ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ถือเป็นส่ิงสาคัญท่ีจะช่วยให้การดาเนินการ ป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตเกิดประสทิ ธภิ าพมากขึน้ เม่ือวันท่ี 6 มีนาคม 2562 องค์กรต่อต้ำนคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวเครื่องมือสู้โกง (ACT Ai) เพื่อเป็นอาวุธปราบคอร์รัปชัน สร้าง Big Data โครงการรัฐที่ใหญ่ท่ีสุด พร้อมติดระบบประมวล วิเคราะห์ แจ้งเตือน เมอ่ื พบพฤติการณ์มิชอบ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก 3 หน่วยงานรัฐ ได้แก่ 1. ข้อมูลการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐของ กรมบัญชีกลาง 2. คลังข้อมูลธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 3. สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแหง่ ชาติ ขอ้ มูลทีป่ รากฏอยู่ในเคร่ืองมือสู้โกง (ACT Ai) จะเป็นข้อเท็จจริงท่ีได้รับความยินยอมจากหน่วยงานให้ สามารถเปิดเผยได้ ทุกภาคส่วนจะสามารถมองเห็นสถานการณ์การทุจริต และพยากรณ์ได้ว่าแนวโน้มการทุจริต ในอนาคตจะเป็นอยา่ งไร โดยเครื่องมือสู้โกง (ACT Ai) จะมกี ารพัฒนาระบบ Ai อัจฉริยะ ประมวลผลเต็มรูปแบบ และเปิดให้สามารถใช้ได้ในทุก Platform ทั้งในรูปแบบของ Website และ Application เช่น การก่อสร้างศาลา กลางจังหวัดสร้างท่ีไหน ราคาเท่าใด รายชื่อผู้ท่ีชนะการประมูล หน่วยงานที่เป็นคู่เทียบราคา ผู้ถือหุ้นในบริษัท รวมถึงการแจ้งเตือนเกีย่ วกับความผิดปกตขิ องพฤติกรรมการจัดซื้อตา่ ง ๆ สาหรับ เครื่องมือสโู้ กง (ACT Ai) มจี ดุ เด่นทส่ี าคญั ดงั น้ี 1. รวบรวมข้อมูลโครงการภาครัฐไวม้ ากทสี่ ุด 2. งา่ ยต่อการสบื คน้ คน้ หาได้ตามความต้องการ รวดเรว็ ตรงประเดน็ 3. สามารถแชร์ฐานข้อมูลได้ จัดเกบ็ ได้สะดวกตามการใชง้ านและการนาข้อมลู ไปวิเคราะห์ 4. มเี ครื่องมือชว่ ยวิเคราะห์ มี Ai ช่วยคิด 5. มรี ะบบตรวจจับ แจ้งเตือน เม่อื พบพฤตกิ ารณฮ์ วั้ ประมูล 6. เกาะตดิ ทุกการใชง้ บประมาณรฐั มงี บนโยบายเรือ่ งใดระบบรวบรวมใหท้ ง้ั หมด 7. รู้โครงการรัฐรอบตัวด้วยระบบแจ้งเตือน ระบบบอกได้ว่าภาครัฐใช้งบทาอะไรบ้างในพ้ืนท่ีของ ผ้ใู ชง้ าน 8. รวบรวมขอ้ มลู ไวห้ นา้ เดียว เข้าใจง่ายดว้ ยสถติ ิ กราฟิก 9. ระบบ User ชว่ ยจดั การทุกอยา่ งให้งา่ ยขนึ้ ด้วยการจัดการทกุ ข้อมูล ณ จุดเดยี ว 10. มรี ะบบความปลอดภยั สูง 4.2.3 ท่ีดนิ และทรพั ยำกรธรรมชำติ การทุจริตเก่ียวกับการออกเอกสารสิทธิที่ดิน เป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากซับซ้อน มีพยานหลักฐาน ทเี่ ก่ยี วข้องทงั้ พยานเอกสาร และพยานบุคคล จานวนมาก รวมท้ังมีกฎหมาย ระเบียบและขั้นตอนการปฏิบัติงาน ของเจ้าหนา้ ท่ีเกี่ยวพันกันและอย่ใู นความรับผดิ ชอบของหนว่ ยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน ท่สี าคญั ได้แก่ กรมท่ีดิน กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์ุพืช รวมทั้งหน่วยงานอ่ืนท่ีมีอานาจหน้าที่ในการดูแลรักษาและ ดาเนินการคุม้ ครอง ปอ้ งกันที่ดินของรัฐตามกฎหมาย ความเสียหายในการทุจริตออกเอกสารสิทธิท่ีดิน นอกจาก จะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของชาติแล้ว ยังมีผลกระทบ ต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม การตรวจสอบ เกี่ยวกับการทุจริตในการออกเอกสารสิทธิที่ดินมีข้ันตอนและความยุ่งยาก รวมท้ังมีการใช้อานาจ หรืออิทธิพล เขา้ ไปแทรกแซง กา้ วกา่ ย การดาเนนิ การของเจ้าหนา้ ท่ีเพอ่ื บิดเบือนผลการตรวจสอบ

53 ปจั จุบันมีการรอ้ งเรยี นกลา่ วหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทาความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ีเกี่ยวกับการ ออกเอกสารสิทธิท่ีดนิ เป็นจานวนมาก การทจุ รติ กม็ หี ลากหลายรปู แบบ รปู แบบกำรทุจริตในกำรออกเอกสำรสทิ ธิทีด่ นิ (1) กำรออกเอกสำรสทิ ธไิ ม่ตรงกับเอกสำรเดมิ (บนิ ) หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน “บิน” หมายความว่า การนาหลักฐานสาหรับที่ดินแปลงอื่น มาประกอบในการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอีกแปลง กล่าวคือ นาหลักฐาน ส.ค. 1 ใบเหยียบย่า ใบจอง ตราจอง น.ส. 3 โฉนดตราจองหรือตราจองท่ีว่าได้ทาประโยชน์แล้ว ของท่ีดินแปลงอื่นไปออกหนังสือแสดงสิทธิ ในท่ีดนิ อีกแปลงหนึ่ง (2) กำรออกเอกสำรสิทธไิ ม่ตรงกบั เอกสำรเดมิ (บวม) หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน “บวม” หมายความว่า การออกเอกสารสิทธิในที่ดินเกินกว่า ระยะและเนื้อที่ท่ีระบุหรือปรากฏในหลักฐานเดิมที่นามาประกอบในการขอออก เช่น เน้ือท่ีและระยะเกินกว่า หลักฐาน ส.ค. 1 ใบเหยยี บย่า ใบจอง ตราจอง น.ส. 3 โฉนดตราจอง หรือตราจองท่ีตราว่าได้ทาประโยชน์แล้ว น.ค. 3 กสน. 5 การทุจริตกรณีน้ีแตกต่างจาก ส.ค. 1 บิน โดยบริเวณท่ีท่ีขอออกจะเป็นพื้นที่ตรงตามหลักฐานเดิมแต่มี การรังวัดขยายเขตพ้ืนท่ีออกไปทับที่ดินนอกหลักฐานที่เป็นท่ีดินของรัฐ ที่สงวนหวงห้ามต่างๆ เช่น ท่ีป่า ที่เขา หรอื ภเู ขา (3) กำรออกเอกสำรสิทธริ กุ ล้ำหรอื ทับทดี่ นิ ของรัฐ (รกุ ล้ำ) การทจุ ริตในการออกเอกสารสิทธิรุกล้าหรือทับท่ีดินของรัฐ เกิดข้ึนได้ในการออกเอกสาร สิทธิทุกวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการออกเอกสารสิทธิเฉพาะราย และการออกโดยวิธีการเดินสารวจออกโฉนดท่ีดิน สาเหตุท่ีสาคัญเกิดจากการสมคบคิดกันระหว่างผู้ครอบครองที่ดินและเจ้าหน้าท่ีรัฐผู้มีอา นาจหน้าที่ในการออก เอกสารสิทธิ ท้ังน้ี การดาเนินการออกเอกสารสทิ ธิในท่ีดินของรัฐดังกล่าวจะสาเร็จได้ ต้องได้รับความร่วมมือจาก เจา้ หนา้ ทรี่ ัฐผู้มีอานาจหนา้ ทด่ี ูแลรักษาทีม่ สี ว่ นร่วมในการระวังช้ีและรับรองแนวเขต หรือแม้แต่การเพิกเฉย หรือ ละเลยไม่ไปร่วมในการระวังช้ีและรับรองแนวเขต โดยท่ีดินของรัฐที่มีการออกเอกสารสิทธิทับ หรือรุกล้าที่มี รูปแบบแตกต่างจากรูปแบบในข้อ 1 และข้อ 2 มักจะเป็นที่ดินของรัฐที่ไม่มีแนวเขตที่ดินที่แน่นอน เช่น ที่เขา หรือท่ีภูเขา ที่ชายตลิ่ง ที่ป่าชายเลน ทางน้าท่ีตื้นเขิน ทางสาธารณประโยชน์ หากเป็นท่ีดินของรัฐท่ีมีแนวเขต ที่ดินทช่ี ดั เจน ส่วนใหญ่จะมีรูปแบบของการทจุ รติ ในรูปแบบตามข้อ 1 และข้อ 2 4.3 ตวั อย่ำงคดีทุจรติ 4.3.1 คดีควำมผดิ ต่อหนำ้ ทีร่ ำชกำร (ทด่ี ินรชั ดำ) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดาท่ี อม. 1/2550 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2550 คดีที่ดินรัชดา ถือเป็นคดีการทุจริตเชิงนโยบาย4 เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและ ประโยชนส์ ่วนรวม ซง่ึ เก่ยี วข้องกบั บุคคลท่ีมอี านาจในการควบคมุ กากบั ดูแลหนว่ ยงานของรัฐ 4 การทผ่ี ู้มีอานาจและหนา้ ทก่ี าหนดนโยบายได้ใช้อานาจหนา้ ทขี่ องตนเอ้ือประโยชน์แก่ตนเองและพวกพอ้ ง โดยวธิ กี ารกาหนดนโยบายทมี่ จี ุดมงุ่ หมาย ซ่อนเรน้ ท่ีจะแสวงหาผลประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว, ปธาน สวุ รรณมงคล.คอร์รัปช่ันเชิงนโยบาย. [ออนไลน]์ .จากสถาบนั พระปกเกล้าเวบ็ ไซต์ http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title .(สบื คน้ ข้อมลู : 30 สงิ หาคม 2562).

54 จุดเริ่มต้นของคดี เกิดจากกลุ่มข้าราชการกระทรวงการคลังท่ีใช้ช่ือว่า“กลุ่มเป่านกหวีด” หรือ “Whistle blower” ได้ส่งข้อมูลความไม่ชอบมาพากลของการประมูลที่ดินรัชดาไปยังผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบการกระทาที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้แต่งต้ังคณะอนุกรรมการ ตรวจสอบขึ้นเม่ือวันที่ 31 ตุลาคม 2549 ข้อควรสังเกตจากการตรวจสอบมีด้วยกันหลายประการการท่ีกองทุนฯ ปรับลดราคาที่ดินลงเกิดข้ึนในช่วงเวลาท่ี ท. ดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรี การไม่กาหนดราคาข้ันต่าของที่ดิน ในการประกวดราคาสง่ ผลใหร้ าคาทค่ี ุณหญิง พ. ชนะประมลู เป็นราคาต่ากว่าราคาขน้ั ตา่ ท่ีกองทุนฯ เปดิ ประมูลคร้ังแรก หนังสือช้ีชวนให้ผู้เข้าร่วมประกวดราคามีรายละเอียดไม่ครบถ้วนมีการเพ่ิมเงินมัดจาในการย่ืนซองประกวดราคา เป็น 100 ล้านบาท จาก 10 ล้านบาทในการประมูลครั้งแรก ซึ่งเป็นเงินจานวนมหาศาล สามารถกีดกันผู้เข้า ประมูลให้นอ้ ยลงตามไปดว้ ยได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเร่ืองดังกล่าวคือ กองทุนเพ่ือการฟ้ืนฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซง่ึ เปน็ รฐั วิสาหกิจอยู่ในกากับดแู ลของธนาคารแหง่ ประเทศไทย และธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ภายใต้การกากับดูแล ของกระทรวงการคลัง กองทุนฯ เป็นนิติบุคคล จัดต้ังข้ึน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ใหม้ คี วามมัน่ คงและเสถียรภาพเนอื่ งจากในชว่ งเวลาดังกลา่ วเกดิ วิกฤติกับสถาบันการเงินหลายแห่ง มีหนี้ด้อยคุณภาพ จานวนมาก ขาดสภาพคล่อง ขาดเงินหมุนเวียนหากปล่อยให้ล้มละลายจะทาให้ประชาชนจานวนมากท่ีทาธุรกรรม กับสถาบันการเงินเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อน ทาให้ เศรษฐกิจทั้งประเทศเสียหาย เมื่อบริษัทเงินทุน อ. จากัด ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน กองทุนฯ ได้เข้าแก้ไขฟื้นฟูและเพ่ิมทุนให้ และรับโอนหุ้นจดทะเบียน และชาระค่าหุ้นแล้วมาจากบริษัท อ. ร้อยละ 75 เพ่ือให้บริษัท อ. มีฐานะการเงินท่ีแข็งแกร่ง ก่อนจะพิจารณานาหุ้น ออกขายในภายหลัง เน่ืองจากบริษัท อ. มีเงินกองทุนติดลบอยู่ จึงจาเป็นต้องทาให้เงินกองทุนฯ เป็นบวกก่อนนา ออกขาย ดังนั้น เม่ือวันที่ 24 สิงหาคม 2538 กองทุนเพ่ือการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจึงเข้าซื้อท่ีดิน จากบริษัท อ. จานวน 2 แปลง ดังน้ี แปลงท่ี 1 ติดถนนศูนย์วัฒนธรรม รวม 18 โฉนด เนื้อที่รวม 85 ไร่ 3 งาน 65 ตารางวา เป็นเงิน 2,749 ล้านบาท แปลงท่ี 2 ติดถนนเทียมร่วมมิตรรวม 13 โฉนด เนื้อที่รวม 35 ไร่ 2 งาน 69 ตารางวา เปน็ เงนิ 2,140 ลา้ นบาท ตอ่ มา ใน พ.ศ. 2544 กองทุนเพ่ือการฟ้ืนฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้ปรับปรุงเกณฑ์ บนั ทึกทรพั ยส์ นิ รอการขายใหม่ทั้งหมด เพื่อรับรู้ผลการขาดทุนโดยใช้ราคาประเมินของกรมท่ีดิน ในขณะนั้นเป็น ราคาสะท้อนมูลค่าท่ีเป็นจริง เป็นผลให้ราคาท่ีดินปรับลดลง แปลงท่ีหน่ึงจาก 2,749 ล้านบาท เหลือ 1,310.10 ล้านบาท แปลงทส่ี องจาก 2,140 ลา้ นบาท เหลอื 754.50 ลา้ นบาท (เป็นกรณีทดี่ นิ รัชดา) เมื่อวันท่ี 18 มีนาคม 2546 คณะกรรมการจัดการกองทุนอนุมัติให้นาทรัพย์สินของกองทุนฯ ออกจาหน่ายโดยประมูลขาย และได้นาท่ีดินรัชดาฯ ออกประมูลขายทางอินเตอร์เน็ตในวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 เวลา 16.00 น. – 16.30 น. และกาหนดราคาข้ันต่าไว้ที่ 870 ล้านบาท ราคาประเมินของกรมที่ดินบวกร้อยละ 15 และผู้ร่วมประมูลต้องวางเงินมัดจา 10 ล้านบาท มีผู้ประสงค์จะซ้ือท่ีดิน 8 ราย ลงทะเบียนและชาระเงินมัดจา การประมลู 3 ราย แตถ่ ึงกาหนดเวลาเสนอราคากลับไมม่ ีผ้เู สนอราคาเขา้ ประมูล กองทนุ ฯ จึงยกเลกิ การประมลู หลังจากน้ัน กองทุนฯ ทาการรังวัดที่ดินรัชดาฯ เพื่อรวมทั้ง 13 โฉนด โดยแบ่งหักส่วนที่เป็น สาธารณะประโยชน์ออก และแบ่งแยกใหม่เป็น 4 โฉนด เหลือเน้ือท่ีรวม 33 ไร่ 78.9 ตารางวา และทาการ ประกาศขายด้วยวิธีประกวดราคาและกาหนดวันย่ืนซองในวันท่ี 16 ธันวาคม 2546 ครั้งน้ีไม่กาหนดราคาข้ันต่า แต่ผเู้ ขา้ ประกวดราคาต้องวางเงินมัดจาจานวน 100 ล้านบาท ประกาศประกวดราคามีการระบุเลขที่โฉนดทั้ง 4 โฉนด ท้งั ทกี่ ารรงั วัดโฉนดทีด่ นิ ใหมเ่ พิ่งแล้วเสรจ็ เมอื่ วันที่ 19 ธันวาคม 2546 และมีข่าวแพร่กระจายว่าคุณหญิง พ. ภริยา นายกรัฐมนตรีจะเข้ารว่ มประมลู ดว้ ย โดยในวันยนื่ ซอง มีผ้ยู ่นื ซองเสนอราคาจานวน 3 ราย คือ

55 1. คณุ หญงิ พ. สง่ ทนายความเปน็ ผูร้ ับมอบอานาจ เสนอราคา 772 ลา้ นบาท 2. บริษัท น. จากัด (มหาชน) เสนอราคา 750 ลา้ นบาท 3. บริษทั ล. จากัด (มหาชน) เสนอราคา 730 ล้าน คณุ หญิง พ. เป็นผเู้ สนอราคาสูงสุด และคณะกรรมการจัดการกองทุนฯ ได้อนุมัติให้คุณหญิง พ. เป็นผู้ชนะประมูลและได้ทาสัญญาจะซ้ือจะขายกับกองทุนฯ ในวันที่ 17 ธันวาคม 2546 การทาสัญญาซ้ือขาย ท่ีดินรัชดาฯ และโอนกรรมสิทธิ์เกิดข้ึนเม่ือวันที่ 30 ธันวาคม 2546 โดยอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทาหนังสือ ยินยอมในฐานะคู่สมรส พร้อมแนบบัตรประจาตัวเจ้าพนักงานของรัฐ ประเภทข้าราชการการเมือง ตาแหน่ง นายกรฐั มนตรีเปน็ หลกั ฐานดว้ ย ศาลมคี าพพิ ากษาว่า ท. มคี วามผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 (1) วรรคสาม และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษจาคุก 2 ปี และยกฟ้องสาหรบั คุณหญิง พ. 4.3.2 คดีอดีตผวู้ ำ่ กำรไฟฟ้ำส่วนภูมภิ ำค ร่ำรวยผิดปกติ ศาลแพง่ คดหี มายเลขดาที่ 1673/2546 คดีหมายเลข แดงท่ี 6035/2547 เจ้าพนักงานของรัฐที่มีหน้าที่ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสิน การได้มาของทรัพย์สินหาก ไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวมีที่มาอย่างไร ก็จะมีความผิดฐานร่ารวยผิดปกติได้ เน่ืองจาก ทรพั ยส์ ินที่ได้มานัน้ อาจเป็นทรพั ยส์ ินท่ีไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย จุดเร่ิมต้นของคดี เกิดจากมีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ป. ว่า ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งขณะน้ัน ดารงตาแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่ารวยผิดปกติ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบ้ืองต้นของสานักงาน ป.ป.ป. เกย่ี วกับฐานะของผ้ถู ูกกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นประวัติการทางาน รายได้ และทรัพย์สินก่อนและหลังเข้ารับ ตาแหน่ง การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาย้อนหลัง 5 ปี การย่ืนแบบแสดงรายการสินทรัพย์และหนี้สินตามแบบ แนบท้าย พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการแสดงสินทรัพย์และหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2535 ที่ยื่นไว้กับ คณะกรรมการ ป.ป.ป. ตลอดจนบัญชเี งินฝากธนาคารตา่ ง ๆ และรายการความเคลื่อนไหวทางการเงินของผู้ถูกกล่าวหา และภรรยา รวมไปถึงการถือครองกรรมสิทธ์ิและสิทธิครอบครองท่ีดิน รถยนต์สิทธิและสัมปทานต่าง ๆ เงินลงทุน แมแ้ ตห่ นี้สิน คณะอนุกรรมการฯ ได้ดาเนินการไต่สวน โดยรวบรวมพยานหลักฐาน เพ่ิมเติมจากท่ีมีการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเบ้อื งต้น โดยแบ่งชว่ งการตรวจสอบทรัพยส์ ินเปน็ 3 ชว่ ง ดงั นี้ ช่วงก่อนผถู้ กู กลา่ วหารับตาแหนง่ ใน พ.ศ. 2539 ช่วงมกี ารกล่าวหารอ้ งเรียนเม่ือวันที่ 17 พฤศจิกายน 2540 ชว่ งเกษียณอายเุ มื่อวันท่ี 30 กันยายน 2542 จากการไต่สวนและตรวจสอบแบบแสดงรายการทรัพย์สินท่ีย่ืนไว้ ในวันท่ี 1 ตุลาคม 2539 ที่เข้ารับตาแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ผู้ถูกกล่าวหามีเงินฝากธนาคารต่างๆ 5 บัญชี เป็นเงิน 1,334,041.60 บาท มีบ้าน 1 หลัง เงินลงทุนและเงินให้กู้ยืม ที่ดิน 5 แปลง สิทธิและสัมปทาน 220,000 บาท รวมทรัพย์สิน 27,166,689.89 บาท แต่ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ซึ่งมีการร้องเรียนผู้ถูกกล่าวหา มีเงินฝากธนาคาร 18 บัญชี เป็นเงิน 24,201,285.89 บาท เงินลงทุน มีบ้าน 1 หลัง ท่ีดิน 5 แปลง รวมทรัพย์สิน 40,898,535.89 บาท หลังจากน้ัน ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นวันเกษียณอายุผู้ถูกกล่าวหามีเงิน ฝากธนาคาร 15 บัญชี เป็นเงิน 5,123,735.12 บาท เงินลงทุน มีที่ดิน 4 แปลง โอนบ้านหลังเก่าให้ลูกและสร้าง บา้ นใหมร่ วมเปน็ เงิน 19,242,955.99 บาท

56 ในสว่ นของบัญชีเงินฝากส่อพิรุธ โดยเมื่อถูกกล่าวหาต้ังแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2540 - วันเกษียณอายุ 30 กันยายน 2542 มีการถอนเงนิ ฝากธนาคารบญั ชตี ่างๆ คงเหลือเงินฝาก 5,123,735.12 บาท มีส่วนทาให้ ทรพั ย์สินลดลงจากที่มอี ย่เู ดมิ ถึง 21 ลา้ นบาทเศษ จึงเป็นพิรุธหากเงินได้มาโดยชอบก็ไม่จาเป็นต้องถอนเงินออก แสดงว่าเป็นเงินท่ีได้มาโดยไม่บริสุทธ์ินอกจากน้ียังพบเงินฝากเพิ่มเติมในเวลาต่อม าท่ียังไม่ได้แจ้งไว้อีก 3,086,538.01 บาท คณะอนุกรรมการฯ จึงแจง้ ข้อหาเพิ่มเตมิ ศาลแพ่งตัดสินคดีเมื่อวันท่ี 15 ธันวาคม 2547 ให้ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาจานวน 15,260,380.56 บาท ตกเป็นของแผ่นดินหรือใช้ทรัพย์สินอื่นแทนแก่กระทรวงการคลัง หากไม่ปฏิบัติตาม คาส่งั ศาล ให้ถือเอาคาพิพากษาของศาลแทนการแสดงการเจตนา ซ่ึงจาเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษา เมือ่ วนั ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ยนื ศาลชั้นต้น ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาฎีกา แต่ศาลฎีกาได้มีคาส่ังว่าผู้ถูกกล่าวหา ไมน่ าสง่ สาเนาฎกี าใหผ้ ้รู อ้ งภายใน 7 วันตามคาส่ังของศาลชั้นต้นถือว่าท้ิงฎีกา จึงให้จาหน่ายคดีออกจากสารบบ ความของศาลฎีกา ตวั อย่างการขัดกนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นบุคคลกบั ประโยชน์สว่ นรวม รวมถึงการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อ่ืนใด ซึ่งการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดกฎหมายกาหนดให้สามารถรับได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ซ่ึงกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เช่น ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตแหง่ ชาติ เรอื่ ง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ.2543 และระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2544 เชน่ 4.3.3 คดีอดีตคณบดคี ณะแพทยศำสตรน์ ำทรัพย์สนิ ของทำงรำชกำรไปใช้ ศาลอาญา คดีหมายเลขดาท่ี อ. 2117/2558 คดหี มายเลขแดงท่ี อ. 916/2559 จุดเรม่ิ ต้นของคดี เกิดจากบุคลากรของหน่วยงานได้ร้องเรียนมายังสานักงาน ป.ป.ช. ว่า นายแพทย์ ช. ได้ใช้ทรัพยากรและบุคลากรของหน่วยงานในการจัดงานแต่งของลูกสาว เมื่อวันท่ี 13 มกราคม 2554 รวมถึงการ เตรยี มการจดั งานดังกล่าว เช่น การใช้รถยนต์ เก้าอี้ โตะ๊ เครื่องเสยี ง ของทางราชการ เป็นตน้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเม่ือวันที่ 10 กันยายน 2556 ชี้มูลความผิดซ่ึงการกระทาของ นายแพทย์ ช. เป็นการใชอ้ านาจโดยทจุ ริต เพ่อื ประโยชนส์ ว่ นตวั สรา้ งความเสยี หายแก่รัฐและคณะแพทยศาสตร์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามความผิด เบ้ืองต้นจาเลยให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาให้การรับสารภาพไม่สู้คดี โดยมี พฤติการณ์การกระทาความผิด คือ ได้ใช้อานาจหน้าท่ีโดยทุจริต ส่ังให้เจ้าหน้าท่ีนาเก้าอ้ี 100 ตัว พร้อมผ้าคลุม เก้าอ้ี เครื่องถ่ายวีดิโอ 2 เคร่ือง เครื่องเล่นวีดิโอ กล้องถ่ายรูป ผ้าเต็นท์หลายผืน รวมท้ังรถยนต์ส่วนกลางอีก 4 คัน นาไปใช้ในงานวิวาห์บุตรสาว เพ่ือใช้รับส่งผู้เข้าร่วมพิธีและขนย้ายอุปกรณ์ ทั้งท่ีบ้านพักและท่ีโรงแรม ท้ังหมดเปน็ ทรัพยส์ นิ ของราชการ เม่ือวันท่ี 28 มีนาคม 2559 ศาลอาญามีคาพิพากษาว่าการกระทาของจาเลยเป็นการทุจริตต่อ ตาแหน่งหน้าท่ีจริง พิพากษาจาคุก 5 ปี ปรับ 20,000 บาท คาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหน่ึงคงจาคุกจาเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จาเลยสานึกผิด ชดใช้ค่าเสียหายคืนให้รัฐ ทันที ประกอบกับเป็นแพทย์ทาคุณประโยชน์ต่อสังคม รวมท้ังไม่เคยต้องโทษจาคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษ มกี าหนด 2 ปี

57 4.3.4 คดนี ำรถยนต์ของทำงรำชกำรไปใช้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 คดีหมายเลขดาท่ี อท. 12/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อท. 33/2561 จดุ เริ่มต้นของคดี เกิดจากการท่มี ผี ู้อ้างชือ่ นาย พ. หัวหน้างานบริหารทั่วไป สถานพินิจและคุ้มครอง เด็กและเยาวชนจังหวัด มีหนังสือกล่าวโทษจาเลยถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในภาครัฐ ต่อมาเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้ส่งหนังสือกล่าวหาร้องเรียนมายังเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งสานวนให้พนักงานสอบสวนดาเนินการตามประมวล กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา และมาตรา 89/2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2544 จาเลยดารงตาแหน่งผู้อานวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด โดยมีหน้าท่ี รับผดิ ชอบกิจการท้ังปวงตลอดจนการปกครองบังคับบัญชาของพนักงานสถานพินิจน้ัน และมีอานาจหน้าท่ีเช่นเดียวกับ พนักงานคุมประพฤติและพนักงานสังคมสงเคราะห์ รวมท้ังอานาจหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติน้ี หรือตามกฎหมายอ่ืนตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 37 รวมถงึ มหี นา้ ท่ีในการจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและ เยาวชนจังหวดั โดยในระหว่างท่ีจาเลยมารับตาแหน่งดังกล่าวได้ให้พนักงานขับรถของสานักงานขับรถส่วนกลาง ของสานักงานไปรับจากท่ีพักมายังที่ทางานในตอนเช้า และขับจากท่ีทางานไปส่งกลับท่ีพักในตอนเย็นเป็นประจา บางครั้งในวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ บางวันได้รับคาสั่งจากจาเลยให้ขับรถส่วนกลางของสานักงานไปทาธุระส่วนตัว การกระทาดังกล่าวของจาเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าท่ีจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ของ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด เป็นการใช้อานาจโดยตาแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และเปน็ เจา้ พนักงานปฏบิ ัติหนา้ ที่โดยมิชอบ เพอ่ื ให้เกิดความเสียหายแก่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จงั หวัด ศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคาพิพากษาเรื่องดังกล่าว ว่า เม่ือขณะเกิดเหตุ จาเลยดารงตาแหน่งผู้อานวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด มีอานาจหน้าที่ในการอนุญาต ให้ใช้รถยนตส์ ่วนกลางของสถานพินิจฯ จาเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานซึ่งมหี น้าท่ีในการอนุญาตให้ใช้รถยนต์ส่วนกลาง ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสถานพินิจฯ การท่ีจาเลยมีคาสั่งให้พนักงานขับรถใช้รถยนต์ส่วนกลางรับส่งจาเลยระหว่าง ท่ีพักกับท่ีทางานเป็นประจา และมีคาสั่งให้พนักงานขับรถนารถยนต์ส่วนกลางพาจาเลยไปทาธุระส่วนตัวในวันเสาร์ และอาทิตย์ การกระทาของจาเลยจึงเป็นการใช้อานาจในตาแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่สถานพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และยังเป็นความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่การกระทาของจาเลย เมอ่ื เป็นความผิดตามบทเฉพาะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 แลว้ จงึ ไม่จาต้องปรับประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 ซึง่ เปน็ บททั่วไปอีก ดังนน้ั จงึ พิพากษาจาคกุ 5 ปี 4.3.5 คดีรบั ทรพั ยส์ นิ ศาลอาญาคดีทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบกลาง คดีหมายเลขดาที่ อท. 210/2561 คดีหมายเลขแดงท่ี อท. 305/2561 จาเลยดารงตาแหน่งนายอาเภอ บ. จังหวัดนนทบุรี มีอานาจหน้าท่ีกากับ ดูแล องค์การบริหาร ส่วนตาบล บ. ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับทางราชการ ได้อนุมัติโครงการฝึกอบรมและดูงาน ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรัง สงขลา สตูล ระหว่างวันท่ี 1 – 6 สิงหาคม 2556 ที่เสนอโดยองค์การบริหารส่วน

58 ตาบล บ. อนั เป็นเท็จ เพอื่ นาไปเบิกจ่ายค่าเดินทางจากงบประมาณขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล บ. โดยรู้อยู่แล้ว วา่ โครงการท่ีอนุมัตินั้นดาเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตาบล บ. และจาเลยไดร้ ่วมเดินทางไปในโครงการที่อนุมัติ โดยรับเอาค่าโดยสารเคร่ืองบินเดินทางไปกรุงเทพฯ – หาดใหญ่ ค่าท่ีพัก ค่าเรือโดยสาร ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเดินทาง เป็นเงิน 11,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ องคก์ ารบริหารสว่ นตาบล บ. อนั เปน็ การรบั ทรพั ย์สนิ หรือประโยชน์อ่ืนใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดอันควรได้รับตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติกฎหมาย อนั มิใช่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2543 ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติชอบกลาง จึงมีคาพิพากษาว่า การกระทาของจาเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 วรรคหน่งึ ประกอบมาตรา 122 วรรคหน่ึง มาตรา 123/1

59 บทที่ 5 กำรส่งเสรมิ กำรปอ้ งกนั และปรำบปรำมกำรทจุ ริต การส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นเรื่องท่ีสาคัญ หากการป้องกันและปราบปราม การทุจริตมีประสิทธิภาพปัญหาการทุจริตย่อมเกิดข้ึนได้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม ลาพังมาตรการ ความเห็น หรือ ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ีเสนอต่อองค์กรต่าง ๆ ตลอดจนมาตรการทางกฎหมายยังไม่เพียงพอ เนอื่ งจากเครอื่ งมือและกลไกทม่ี ีประสิทธิภาพท่สี ุดคอื ไดร้ บั ความร่วมมือจากประชาชนในการผลักดันให้มาตรการ เก่ียวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน ท้ังนี้ การมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชน ซ่ึงบุคคลเหล่าน้ีล้วนแต่เป็น กลไกสาคัญที่สามารถป้องกันการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ัน จึงต้องมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อเปิดช่องให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล แจ้งเบาะแสหรือพยานหลักฐานท่ีเป็นประโยชน์ในการไต่สวนข้อเท็จจริง อนั นาไปสู่การปอ้ งกนั การทุจริตหรือการดาเนินคดีกับเจ้าพนักงานของรัฐท่ีเป็นตัวการสาคัญ แต่ท้ังนี้ กลไกที่จะ ส่งเสริมให้บุคคลเข้ามามีส่วนร่วมในการร้องเรียนหรือให้ข้อมูล แจ้งเบาะแสอันเป็นประโยชน์ต่อการดาเนินการ ในหน้าท่ีและอานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คือ มาตรการคุ้มครองท่ีบุคคลน้ันจะได้รับและค่าตอบแทนหรือ สิทธอิ ย่างใดอย่างหนึ่ง รวมถงึ รางวัลหรือประโยชน์อนื่ ใดท่ีจะได้รับ 5.1 กำรสง่ เสริมใหป้ ระชำชนรว่ มมือกบั คณะกรรมกำร ป.ป.ช. พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ได้กาหนดหมวด การส่งเสริม การป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กลา่ วคอื 5.1.1 กำรจัดใหม้ มี ำตรกำรค้มุ ครองชว่ ยเหลือ - กำรคุม้ ครองช่วยเหลอื พยำน - การคุ้มครองช่วยเหลือแก่ ผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ทาคาร้อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ให้ ถ้อยคา หรือผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลใดเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ การร่ารวยผิดปกติ หรือ ข้อมูลอ่ืนอันเป็น ประโยชน์ต่อการดาเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปูองกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หรือในกรณีที่เกิดความ เสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย ช่ือเสียง ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่ง อย่างใดของบุคคล ค่สู มรส บุพการี ผู้สืบสันดาน หรอื บุคคลอ่ืนท่มี คี วามสัมพนั ธ์ใกล้ชดิ กับบคุ คลดังกล่าว เพราะมี การกระทาผิดอาญาโดยเจตนา เน่ืองจากการดาเนินการหรือการให้ถ้อยคา หรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้บุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคาร้องต่อหน่วยงานท่ีรับผิดชอบเพื่อขอรับค่าตอบแทนเท่าที่จาเป็น และสมควรตาม กฎหมายว่าดว้ ยการคมุ้ ครองพยานในคดีอาญาด้วย (มาตรา 131 และมาตรา 133) - ในกรณีบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา หากได้ให้ถ้อยคาหรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูล อันเปน็ สาระสาคญั ในการที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยช้ีมูลการกระทาผิดของเจ้าพนักงานของรัฐราย อ่ืนหรือผู้ถูกกล่าวหารายอื่น และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นสมควรจะกันผู้น้ันไว้เป็นพยานโดยไม่ดาเนินคดีก็ได้ (มาตรา 135)

60 ระเบียบคณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติว่ำด้วยกำรคุ้มครองช่วยเหลือ พยำน พ.ศ. 2562 ได้กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการคุ้มครองช่วยเหลือพยานในคดีที่เกี่ยวกับ การปราบปรามการทจุ ริต การา่ รวยผดิ ปกติ และการตรวจสอบทรัพย์สินและหน้ีสิน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและ เกดิ ประโยชนแ์ กก่ ระบวนการยตุ ธิ รรมและบคุ คลซ่ึงเป็นพยานในคดตี ามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ - ผู้ท่ีจะเป็นผู้ร้องขอได้คือ ผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ทาคาร้อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ให้ ถ้อยคาหรือผู้ที่แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลใดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึง คู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันดานหรือบุคคลอ่ืนใดท่มี คี วามสัมพนั ธใ์ กลช้ ดิ กบั ผรู้ อ้ งขอดว้ ย - พยานตามระเบียบน้ี คือ บุคคลใดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ความคุ้มครองช่วยเหลือ หรือกันไว้เป็นพยาน ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้ เป็นพยานโดยไมด่ าเนนิ คดี พ.ศ. ๒๕๖๑ - การย่นื คาร้องขอคมุ้ ครองช่วยเหลือพยาน ผู้ร้องขอสามารถยื่นคาร้องพร้อมหลักฐานต่อ สานกั งาน ป.ป.ช. หรอื หน่วยงานอ่นื ที่เกยี่ วข้องกบั การคุ้มครองช่วยเหลือพยานและให้หน่วยงานนั้นประสานการ ปฏิบตั งิ านเพื่อคมุ้ ครองช่วยเหลือพยานกับสานักงาน ป.ป.ช. รวมถึงกรณีท่ีสานักงาน ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลใดสมควรได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือพยานโดยบุคคลดังกล่าวไม่ได้ร้องขอ ก็สามารถดาเนินการคุ้มครอง ช่วยเหลือพยานได้แต่ตอ้ งให้บคุ คลดงั กล่าวใหค้ วามยินยอมด้วย - ขั้นตอนการพจิ ารณาในการคุม้ ครองชว่ ยเหลือพยาน เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับ คาร้องขอแลว้ จะพจิ ารณามีมตวิ ่าสมควรจัดใหม้ ีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือพยานหรือไม่ และแจ้งมติให้ผู้ร้องขอ ทราบ ในกรณที ค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือ ให้สานักงาน ป.ป.ช. ดาเนินการจัด ใหม้ ีการคุ้มครองความปลอดภยั ใหเ้ หมาะสมแกส่ ถานะและสภาพของพยาน หรือแจ้งให้สานักงานตารวจแห่งชาติ หรือสานักงานคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ หรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อดาเนินการให้มี มาตรการในการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน ทั้งน้ี การประสานงานการปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน ระหว่างสานักงานและหน่วยงานนั้น ๆ โดยให้มีการแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าท่ีประสานงานและติดตามผลการ คุ้มครองชว่ ยเหลอื พยานดว้ ย และในกรณีทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่ให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน ย่อมไมต่ ดั สิทธิผรู้ ้องขอทจ่ี ะยน่ื คารอ้ งขอคมุ้ ครองชว่ ยเหลือพยานใหม่ - กรณีจาเป็นเร่งด่วนต้องจัดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือผู้ร้องขอก่อนที่จะนาเสนอ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อมมี ติใหส้ านักงาน ป.ป.ช. จดั ใหม้ ีมาตรการคมุ้ ครองชว่ ยเหลอื ผู้รอ้ งขอเป็นการช่ัวคราว ตามทีเ่ หน็ สมควร ท้งั น้ี เลขาธกิ ารหรือผทู้ เี่ ลขาธิการมอบหมาย รายงานเหตุผลและความจาเป็นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพอื่ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตโิ ดยเร็ว ท้ังน้ี การคุ้มครองช่วยเหลือพยานดังกล่าวให้นาวิธีการคุ้มครองพยาน ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองพยานในคดอี าญามาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม - กำรคุม้ ครองผ้กู ระทำโดยสุจรติ - ในกรณีบุคคลใดซึ่งเป็นผู้แจ้งถ้อยคาหรือแจ้งเบาะแสแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ พนักงานเจ้าหน้าที่ว่ามีการกระทาความผิด ถ้าได้กระทาโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดท้ังทาง แพง่ และทางอาญา (มาตรา 132)

61 - กำรคมุ้ ครองเจำ้ พนักงำนของรัฐถูกกลัน่ แกล้ง - ในกรณที ่เี จ้าพนกั งานของรฐั ซึ่งเป็นผ้กู ลา่ วหา ผู้เสียหาย ผู้ทาคาร้อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ใหถ้ อ้ ยคา หรอื ผูแ้ จง้ เบาะแสหรอื ขอ้ มลู รอ้ งขอตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าหากยังคงปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดเดิม ต่อไป อาจถูกกลั่นแกล้งหรือได้รับการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม อันเน่ืองจากการกล่าวหาหรือการให้ถ้อยคา หรือ แจ้งเบาะแส หรือข้อมูลนั้น และคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานเบ้ืองต้นอันควร เชอ่ื ได้วา่ นา่ จะมีเหตุดงั กลา่ ว ใหเ้ สนอต่อนายกรฐั มนตรีเพ่ือพิจารณาสง่ั การใหไ้ ด้รับความคุ้มครองหรือมีมาตรการ อน่ื ใดตามท่ีเห็นสมควรต่อไป (มาตรา 133) - ในกรณีท่ีเจ้าพนักงานของรัฐซ่ึงเป็นผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับการกระทาความผิดเพราะถูก ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ทา ถ้าได้ทาหนังสือโต้แย้งหรือให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคาส่ังหรือให้ยืนยันคาส่ังแล้วหรือได้ แจ้งใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ ถงึ เบาะแสขอ้ มลู หรอื ขอ้ เท็จจริงภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้กระทาการน้ัน ผู้นัน้ ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 134) 5.1.2 กำรจดั ให้มรี ำงวัล - กำรยกย่องเจำ้ พนกั งำนของรฐั ใหเ้ ปน็ แบบอย่ำง - ในกรณที ่ีเจา้ หนา้ ที่ของรฐั เป็นผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ทาคาร้อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ให้ ถ้อยคา หรือผู้แจง้ เบาะแสหรอื ข้อมูล และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นวา่ การดาเนินการหรือให้ถ้อยคา หรือแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลของบุคคลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างยิ่ง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอคณะรัฐมนตรี เพ่ือพิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือนและระดับตาแหน่งให้แก่บุคคลน้ันเป็นกรณีพิเศษ (มาตรา 131 วรรคสี่) - กำรใหเ้ งินรำงวลั - การใหเ้ งนิ รางวลั แก่ผู้ช้ชี อ่ ง แจ้งเบาะแส หรือใหข้ ้อมูลหรอื ขอ้ เท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมทั้งตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ในกรณีท่ีมีการกล่าวหาว่า เจ้าพนักงานของรัฐร่ารวยผิดปกติ ซึ่งการช้ีช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นผลให้ ทรัพย์สินที่ร่ารวยผิดปกตินั้นตกเป็นของแผ่นดินโดยคาพิพากษาหรือคาส่ังถึงที่สุดของศาล และได้รับความ เหน็ ชอบจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยผู้ช้ีช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงอาจได้เงินรางวัลจาก กองทุนปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกไ็ ด้ (มาตรา 137) คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้กาหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินรางวัล สาหรับผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมท้ังตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ในการท่ีมีการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานของรัฐร่ารวยผิดปกติ ตามที่ พระราชบญั ญัติวา่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 มรี ายละเอียดดงั น้ี - ผมู้ ีสิทธิได้รับเงินรางวัล คือ ผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเก่ียวกับ ทรัพย์สินหรือหน้ีสินของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกตรวจสอบ ในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีท่ีมีการกล่าวหาว่า เจ้าพนักงานของรัฐร่ารวยผิดปกติ รวมท้ังตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นผลให้ทรัพย์สินท่ีร่ารวยผิดปกติน้ันตกเป็นของแผ่นดิน โดยคาพพิ ากษาหรอื คาสง่ั ถึงท่ีสดุ ของศาล

62 - ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล ต้องไม่รับเงินรางวัลหรือเงินอื่นใดท่ีส่วนราชการอื่นมีอานาจ จ่ายให้ได้ตามกฎหมาย และเป็นการจ่ายเงินในลักษณะเดียวกับระเบียบน้ี และต้องไม่เป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช. กรรมการ ป.ป.ช. อนุกรรมการ กรรมการไต่สวน พนักงานไตส่ วน พนักงานเจา้ หนา้ ที่ บคุ ลากรของสานกั งาน ป.ป.ช. หรอื บุคคลท่ีมอี านาจหรอื หน้าท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั การไต่สวนขอ้ เท็จจรงิ หรือตรวจสอบทรัพย์สินหรือหนี้สิน หรือคู่สมรส ผบู้ ุพการี ผู้สบื สนั ดาน และผู้ซง่ึ อยูก่ ินกนั ฉนั สามภี ริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกับบุคคลดงั กล่าว - การช้ีช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเก่ียวกับทรัพย์สินหรือหน้ีสินของ ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมทั้งตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. อย่างน้อยต้องมี รายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี (๑) ชื่อและทอ่ี ยูข่ องผู้ช้ีช่อง แจง้ เบาะแส หรอื ใหข้ ้อมูลหรือข้อเท็จจริง รวมทั้งวัน เวลา ในการชชี้ ่อง แจ้งเบาะแส หรอื ใหข้ ้อมูลหรือขอ้ เท็จจริง (๒) ชื่อหรือตาแหน่งของผ้ถู ูกกล่าวหา หรอื ผูถ้ กู ตรวจสอบ (๓) ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหน้ีสินของผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูก ตรวจสอบ รวมทง้ั ตัวการ ผใู้ ช้ หรือผู้สนบั สนุน ท่ีชัดเจนเพยี งพอที่จะตรวจสอบถึงความมอี ยูไ่ ด้ - ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่นามาแจ้งต้องเป็นสาระสาคัญของการตรวจสอบท่ีแสดงให้เห็น วา่ ผู้มสี ทิ ธิไดร้ ับเงินรางวลั ไดใ้ ช้ความพยายามในการแสวงหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงดังกล่าว ซ่ึงหากไม่มีข้อมูลหรือ ข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น จะไม่สามารถรู้และตรวจสอบการร่ารวยผิดปกติได้ และไม่อาจทราบได้ตามปกติจากการ ไต่สวนหรอื ตรวจสอบ - ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลต้องย่ืนคาขอตามแบบท่ีสานักงาน ป.ป.ช. กาหนด พร้อมหลักฐาน เพอ่ื ขอรบั เงินรางวัลภายในกาหนดระยะเวลาทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด - ในกรณีผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลถึงแก่ความตาย หรือมีความจาเป็นอื่นใดไม่สามารถยื่น คาขอรับเงินรางวัลได้ ให้ทายาทโดยธรรม ผู้จัดการมรดก หรือผู้มีอานาจจัดการแทนตามกฎหมาย ของผู้มีสิทธิ ไดร้ ับเงนิ รางวลั เป็นผู้ดาเนินการย่นื คาขอรบั เงนิ รางวลั แทน - ผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหน้ีสินของ ผู้ถูกกลา่ วหาหรือผถู้ ูกตรวจสอบ จะถือวา่ เป็นผู้มสี ทิ ธิไดร้ ับเงนิ รางวัลต่อเม่ือการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูล หรอื ข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นผลใหท้ รัพย์สินท่ีร่ารวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินโดยคาพิพากษาหรือคาสั่งถึงที่สุด ของศาล - การจ่ายเงินรางวัล จะจ่ายเมื่อศาลมีคาพิพากษาหรือคาสั่งถึงท่ีสุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดนิ และมีการบังคบั คดีแลว้ ในอัตราร้อยละสบิ ห้าของมูลค่าทรัพย์สินท่ีนาส่งกระทรวงการคลัง แต่ไม่เกิน หนึ่งรอ้ ยล้านบาท

63 5.1.3 กองทนุ ปอ้ งกันและปรำบปรำมกำรทจุ รติ แห่งชำติ - กองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า“กองทุน ป.ป.ช.” เกิดจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 162 มาตรา 163 มาตรา 164 และมาตรา 165 โดยวัตถุประสงค์เพ่ือสนับสนนุ การมสี ่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการ ใช้อานาจรัฐ และสนับสนุนภาคเอกชนในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ หรือรณรงค์ในการป้องกันการทุจริต รวมท้ัง เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือและค่าทดแทนแก่ผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ทาคาร้อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ให้ถ้อยคาหรือผู้ที่แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลใดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึง คู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันดานหรือบุคคลอ่ืนใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลดังกล่าว และ เงินรางวัลแก่ผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตลอดจนค่าใช้จ่าย ในการคุ้มครองการปฏบิ ัติงานของบุคลากรสานกั งาน ป.ป.ช. และคา่ ใช้จา่ ยอืน่ ใดท่เี ปน็ ประโยชน์เกี่ยวข้องกับการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต ระเบียบคณะกรรมกำร ป.ป.ช. ว่ำด้วยกองทุนป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ พ.ศ. 2562 ไดก้ าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงอื่ นไขเกี่ยวกบั การการบริหารและการดาเนินการกองทุนป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของหน่วยงานรัฐและ ประชาชนในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ - กองทนุ ป.ป.ช. บริหารงานโดย คณะกรรมการกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการกองทุน ป.ป.ช.) ประกอบด้วย ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน 2) กรรมการ ป.ป.ช. ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายจานวนหน่ึงคน เป็นรองประธานกรรมการ 3) เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 4) รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ีเลขาธิการมอบหมาย 5) ผู้แทนสานักงาน ป.ป.ท. 6) ผู้แทนสานัก งบประมาณ 7) ผู้แทนกระทรวงการคลัง 8) ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่เก่ียวข้องกับการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต จานวนสามคน เป็นกรรมการ - คณะกรรมการกองทุน ป.ป.ช. มหี น้าทแ่ี ละอานาจ ดังตอ่ ไปน้ี ๑) กาหนดนโยบาย กากับดูแล ติดตามประเมินผลการดาเนินงานและการใช้จ่ายเงินให้เป็นไป ตามวัตถุประสงคข์ องกองทนุ ป.ป.ช. ๒) กากบั ควบคุม และบริหารกองทนุ ป.ป.ช. ให้เปน็ ไปตามระเบียบนี้ ๓) กาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และวธิ ปี ฏบิ ัติเกยี่ วกับการบริหารและการจัดการกองทุน ป.ป.ช. โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ๔) พิจารณาให้ความเหน็ ชอบคาขอตัง้ งบประมาณรายจา่ ยประจาปีของกองทุน ป.ป.ช. ๕) พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนการดาเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินประจาปี และแผนการ ดาเนินงานและแผนการใชจ้ ่ายเงนิ ประจาปีเพ่มิ เติมระหวา่ งปีของกองทนุ ป.ป.ช. 6) พิจารณาและอนมุ ตั โิ ครงการ/กจิ กรรม งบประมาณและอนุมัติค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ ของกองทนุ ป.ป.ช. 7) พิจารณารายงานผลการดาเนินงานประจาปี การรายงานการเงินของกองทุน ป.ป.ช. ในปีงบประมาณ ทล่ี ่วงมาแล้ว 8) เสนอความเห็นตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการดาเนนิ งานของกองทุน ป.ป.ช.

64 9) เสนอรายช่ือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพ่ือพิจารณาแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการ หรือ คณะบุคคล เพ่อื ชว่ ยเหลือหรือพิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องหน่ึงเรื่องใด หรือมอบหมายให้ปฏิบัติการอย่างหนึ่ง อยา่ งใดตามทเ่ี ห็นสมควร 10) ปฏิบัตงิ านอื่นใดเพอ่ื ใหเ้ ป็นไปตามวัตถุประสงคข์ องกองทนุ ป.ป.ช. ทั้งน้ี กองทุน ป.ป.ช. จะเป็นกลไกสาคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการทางานร่วมกันระหว่างประชาชน กับหน่วยงานของรัฐ เพอื่ ลดปญั หาการทจุ ริตที่เกิดขน้ึ ในสงั คมไทย 5.2 กฎหมำยท่เี ก่ียวขอ้ ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ได้กาหนด หมวด 7 การส่งเสริมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต เพ่ือให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต เช่น มำตรำ 131 ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าคดีใดสมควรจัดให้มีมาตรการคุ้มครอง ช่วยเหลือแก่ผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ทาคาร้อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ให้ถ้อยคาหรือผู้ท่ีแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลใด เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ความคุ้มครองช่วยเหลือแก่บุคคล ดังกล่าว โดยให้นากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองพยานในคดีอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลมและให้อานาจของรัฐมนตรี ตามกฎหมายดังกล่าวเป็นอานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการดาเนินการดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอานาจกาหนดมาตรการอื่นใดท่ีสมควรเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ที่จะต้องได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือ และ มีอานาจสง่ั ใหเ้ จ้าพนักงานตารวจหรือเจ้าหน้าที่อื่นชว่ ยดาเนินการตามที่จาเป็นได้ การดาเนนิ การตามวรรคหนง่ึ ต้องไดร้ ับความยินยอมจากผู้ทจ่ี ะได้รับความคุ้มครองหรือชว่ ยเหลอื ก่อน ในกรณีเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย ช่ือเสียง ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหน่ึงอย่างใดของ บุคคลตามวรรคหนึง่ หรือคสู่ มรส ผบู้ พุ การี ผู้สืบสันดาน หรือบุคคลอ่ืนท่ีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลดังกล่าว เพราะมีการกระทาผิดอาญาโดยเจตนา เนื่องจากการดาเนินการหรือการให้ถ้อยคาหรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้บุคคลน้ันหรือทายาทมีสิทธิย่ืนคาร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพ่ือขอรับค่าทดแทน เทา่ ท่ีจาเปน็ และสมควรตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองพยานในคดีอาญาด้วย ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหน่ึง เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าการดาเนินการ หรอื ใหถ้ อ้ ยคา หรือแจ้งเบาะแสหรือขอ้ มูลของบุคคลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อยา่ งยิ่ง และสมควรได้รบั ยกย่องใหเ้ ปน็ แบบอยา่ งแกเ่ จา้ หน้าทข่ี องรัฐและประชาชนโดยทว่ั ไป ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อการพิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือนและระดับตาแหน่งให้แก่บุคคลนั้นเป็นกรณีพิเศษ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด โดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี มำตรำ ๑๓๒ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๓๕ ผู้ใดแจ้งถ้อยคาหรือแจ้งเบาะแสแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีให้ทราบว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ถ้าได้กระทา โดยสุจริตยอ่ มได้รบั ความค้มุ ครองไม่ต้องรับผิด ท้ังทางแพ่งและทางอาญา มำตรำ ๑๓๓ ในกรณีบคุ คลตามมาตรา ๑๓๑ วรรคหนึ่ง เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เมื่อบุคคลน้ันร้อง ขอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าหากยังคงปฏิบัติหน้าท่ีในสังกัดเดิมต่อไป อาจถูกกล่ันแกล้งหรือได้รับการปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมอันเน่ืองจากการกล่าวหาหรือการให้ถ้อยคาหรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลน้ันและคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานเบื้องต้นอันควรเช่ือได้ว่าน่าจะมีเหตุดังกล่าวให้เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพ่ือพิจารณาสั่งการให้ได้รับความคุ้มครองหรือมีมาตรการอ่ืนใดตามที่เห็นสมควรต่อไปและอาจเสนอให้มีการ

65 กาหนดตาแหน่งและสิทธิประโยชน์อื่น เพ่ือคุ้มครองบุคคลน้ันในหน่วยงานของรัฐอื่นที่ไม่ต่ากว่าระดับและ ตาแหนง่ ทบี่ คุ คลดงั กล่าวเคยดารงตาแหน่งอยู่เดิม มำตรำ ๑๓๔ ในกรณีที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดมีส่วนเก่ียวข้องกับการกระทาความผิดเพราะถูก ผู้บังคับบัญชาส่ังการให้ทา ถ้าได้ทาหนังสือโต้แย้งหรือให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคาสั่งหรือให้ยืนยันคาสั่งแล้วหรือ ไดแ้ จง้ ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบถึงเบาะแส ข้อมูล หรือข้อเท็จจริงภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้กระทาการนั้น ใหเ้ จา้ พนกั งานของรฐั ผู้น้นั ไม่ตอ้ งรับโทษ มำตรำ ๑๓๕ บุคคลใดซ่ึงมีส่วนเก่ียวข้องในการกระทาความผิดกับเจ้าพนักงานของรัฐ หากได้ให้ ถ้อยคา หรือแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลอันเป็นสาระสาคัญในการท่ีจะใช้เป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยช้ีมูลการ กระทาผดิ ของเจ้าพนกั งานของรัฐรายอ่ืนหรือผู้ถูกกล่าวหารายอื่นนั้นและคณะกรรมการป.ป.ช.เห็นสมควรจะกัน ผู้น้ันไว้เปน็ พยานโดยไม่ดาเนนิ คดีกไ็ ด้ ทัง้ นี้ ตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขที่คณะกรรมการป.ป.ช. กาหนด เมื่อคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติให้กันบุคคลตามวรรคหน่ึงไว้เป็นพยานแล้ว ห้ามมิให้ดาเนินคดีอาญา หรือดาเนนิ การทางวนิ ยั กับบคุ คลซ่งึ ถูกกันไว้เป็นพยานน้ัน และบุคคลน้ันอาจได้รับความช่วยเหลือได้ตามสมควร จนคดีถึงทีส่ ดุ เว้นแต่บุคคลน้ันฝ่าฝนื หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ หรือเงอื่ นไขการกนั ไวเ้ ป็นพยานตามวรรคหนึ่ง การคุ้มครองตามวรรคสอง ย่อมได้รับความคุ้มครองทั้งตาแหน่งของพยานที่ดารงอยู่และการเล่ือนข้ัน เงินเดือนรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นด้วย เว้นแต่บุคคลน้ันไม่สมควรได้รับการคุ้มครองเมื่อคานึงถึงพฤติการณ์และ สภาพของการกระทาผิดแลว้ หรือฝา่ ฝืนเงอื่ นไขการกนั ไวเ้ ปน็ พยาน มำตรำ ๑๓๗ ในการไตส่ วนขอ้ เท็จจริงกรณีทีม่ ีการกลา่ วหาว่าเจ้าพนักงานของรฐั ร่ารวยผิดปกติ หากผู้ใด ชีช้ ่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหน้ีสินของผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมท้ังตัวการ ผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการช้ีช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือ ขอ้ เท็จจรงิ ดงั กล่าวเปน็ ผลใหท้ รัพย์สนิ ที่ร่ารวยผิดปกตนิ นั้ ตกเปน็ ของแผ่นดินโดยคาส่ังถึงที่สุดของศาลแล้ว ผู้น้ันอาจ ได้เงินรางวัลจากกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก็ได้ ทั้งน้ี ตามระเบียบท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด มำตรำ 162 ให้จัดตั้งกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติขึ้นในสานักงาน เรียกโดยย่อว่า “กองทนุ ป.ป.ช.” มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื ๑) สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ และสนับสนุนภาคเอกชน ในการเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ หรือรณรงค์ในการป้องกนั การทุจรติ ๒) เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือและค่าทดแทนตามมาตรา ๑๓๑ และ เงินรางวลั ตามมาตรา ๑๓๗ ๓) ใช้จ่ายในการคุ้มครองการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรรมการ หัวหน้าพนักงานไต่สวน พนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๑ ๔) ค่าใชจ้ า่ ยอนื่ ใดที่จะเปน็ ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าท่ีและอานาจ เกี่ยวขอ้ งกับการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต

66 มำตรำ 163 กองทุน ป.ป.ช. ประกอบด้วยเงนิ และทรัพย์สนิ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เงนิ อดุ หนนุ ทร่ี ัฐบาลจดั สรรเพ่อื สมทบเขา้ กองทนุ ป.ป.ช. (๒) ดอกผลทเี่ กิดจากเงินหรือทรพั ยส์ นิ ของกองทุน ป.ป.ช. เงินและทรัพย์สินท่ีเป็นของกองทุน ป.ป.ช. ไม่อยู่ในบังคับท่ีต้องนาส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้ แผน่ ดนิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยเงินคงคลงั และกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธกี ารงบประมาณ เงินและทรัพย์สินของกองทุน ป.ป.ช. ให้นาไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด บทกำหนดโทษ พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ได้กาหนดถึงการลงโทษ แก่บุคคลท่ีกระทาการเปิดเผยข้อความ ข้อเท็จจริง หรือข้อมูล ท่ีได้มาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าท่ี และการแกล้ง บุคคลอื่นให้ได้รับโทษหรือได้รับโทษหนักข้ึน ทั้งน้ี เพ่ือเป็นการลงโทษแก่บุคคลท่ีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เนื่องจากผู้ท่แี จง้ ข้อมลู หากแจ้งด้วยความสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่หากผู้ใดได้ มกี ารนาข้อมูลไปเผยแพร่หาประโยชน์ หรอื กล่ันแกล้งบุคคลใด จะตอ้ งไดร้ บั โทษ ดงั นี้ มำตรำ ๑๘๐ ผู้ใดเปิดเผยข้อความ ข้อเท็จจริง หรือข้อมูลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือพนักงาน เจ้าหน้าท่ีไดม้ าเนื่องจากการปฏิบตั หิ น้าทตี่ ามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ สองหมน่ื บาท หรือทง้ั จาท้งั ปรบั เว้นแต่เปน็ การเปิดเผยตามมาตรา ๓๖ หากการเปิดเผยตามวรรคหน่ึงเป็นการเปิดเผยช่ือและท่ีอยู่ของผู้กล่าวหา หรือชื่อและท่ีอยู่ของ ผู้ช้ชี อ่ ง แจง้ เบาะแส หรือใหข้ อ้ มูลหรือข้อเท็จจริง หรือเปิดเผยทะเบียนที่จัดทาขึ้นตามมาตรา ๖๐ วรรคส่ี ผู้นั้นต้อง ระวางโทษจาคกุ ตัง้ แตห่ นึง่ ปีถึงห้าปี และปรับตง้ั แต่สองหมนื่ บาทถึงหนึ่งแสนบาท มำตรำ ๑๘๔ ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ฟ้องเท็จหรือเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาล ท้ังน้ีเพ่ือจะแกล้งบุคคลใดให้ถูกไต่สวน ให้ได้รับโทษหรือรับโทษหนักข้ึน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือ ปรบั ไมเ่ กินหน่ึงแสนสหี่ มืน่ บาท หรือท้ังจาทั้งปรบั

67 ภำคผนวก

68

69 แบบหนังสือแจ้งคำกล่ำวหำ (กำรร้องเรยี น/แจ้งเบำะแส) เขยี นที่........................................... วันท.่ี ............เดอื น.............................พ.ศ. ..................... เรยี น เลขาธกิ ารคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ ข้าพเจ้า..................................................................................................................... ............................... อยู่บ้านเลขที.่ ........................................................................................................................................................... หมายเลขโทรศพั ท์ทตี่ ิดตอ่ ได.้ .....................................................................ประสงคใ์ ห้สานักงาน ป.ป.ช. ดาเนินการ ตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 กับเจา้ พนักงานของรฐั ในข้อกลา่ วหาและพฤติการณ์แหง่ การกระทาความผิดตามข้อกล่าวหา ดงั นี้ 1. ผถู้ กู รอ้ ง ชื่อ - นามสกลุ ............................................................................................................... ตาแหนง่ ...................................................................................................................... สังกัด ........................................................................................................................... (ถา้ ผูถ้ ูกรอ้ งมีจานวนมากกวา่ 1 คน ให้ระบวุ ่า “ กบั พวก” และใหร้ ะบชุ ื่อ – นามสกลุ ตาแหน่ง และสังกัด ในหัวข้อพฤติการณ์แหง่ การกระทาความผดิ ตามขอ้ กล่าวหา) 2. ขอ้ กล่าวหา ............................................................................................................................. .......... .................................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ........................................................................................................................................................................... ...... 3. พฤติการณ์แห่งการกระทาความผดิ ตามข้อกลา่ วหา ........................................................................ .................................................................................................................................. ............................................... .................................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .................................................................................................................................................................................

70 -2- 4. พยานหลกั ฐานที่ยน่ื ประกอบ/พยานหลักฐานทอ่ี ้างอิง ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ..................................................................................................................................................................... ............ ....................................................................................................................... .......................................................... 5. เคยมีการกลา่ วหาเรอื่ งน้ไี ปยงั หนว่ ยงานของรฐั อ่นื หรือฟอ้ งเปน็ คดีอาญาต่อศาลใด หรอื ไม่ (หากมีโปรดระบุ)…………………………………………………………………………………………………………………………………..... .................................................................................................................................................................... ............. ...................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................. ................................ ลงช่อื .............................................. (ผู้กลา่ วหา/ผ้แู จง้ เบาะแส) (....................................................)

71 ตัวอยำ่ งกำรร้องเรียนเจำ้ พนักงำนของรัฐกระทำกำรทุจรติ ตอ่ หน้ำท่ี เขยี นที่ สานกั งาน ป.ป.ช. วันที่ 20 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2562 เรยี น เลขาธิการคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ ข้าพเจา้ นางสจุ ริต เป็นธรรม . อย่บู ้านเลขที่ 2/25 แขวงหนึง่ เขตสอง กรงุ เทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ท่ตี ิดตอ่ ได้ 084 – 000 – 0000 ประสงค์ให้สานกั งาน ป.ป.ช. ดาเนนิ การ ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 กับเจา้ พนักงานของรฐั ในขอ้ กล่าวหาและพฤติการณ์แหง่ การกระทาความผดิ ตามข้อกลา่ วหา ดงั นี้ ผถู้ กู รอ้ ง ชอื่ – นามสกลุ นายฉ้อโกง หวังกอบโกย ตาแหน่ง ผูอ้ านวยการ สังกดั กรม ก. กระทรวง ข. ข้อกลำ่ วหำ เปน็ เจ้าพนักงานของรฐั ปฏบิ ัติหรือละเว้นการปฏบิ ัตหิ น้าท่ีโดยมชิ อบ พฤติกำรณ์แห่งกำรกระทำผิดตำมข้อกล่ำวหำ นายฉ้อโกง หวังกอบโกย ได้อนุมัติให้ดาเนินการ ก่อสร้างถนนสาธารณะเช่ือมต่อระหว่างชุมชน ก. กับชุมชน ค. ในเขต ข. เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 6 เมตร ระยะทางจานวน 5 กิโลเมตร ความหนา 15 เซนติเมตร งบประมาณจานวน 80 ล้านบาท เริ่มก่อสร้าง ตั้งแตว่ ันที่ 20 มกราคม 2562 จนถงึ วนั ที่ 31 พฤษภาคม 2562 เม่ือถนนดังกล่าวสร้างเสร็จยังไม่ได้เปิดให้ใช้ บริการ ก็พบกว่าสภาพพื้นถนนดังกล่าวมีความชารุด เสียหาย เช่น มีน้าขังเวลาฝนตก พื้นผิวจราจรแตก หลุดร่อน เครอื่ งหมายจราจรบนผิวทางสีซีดและหลุดร่อน ซ่ึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการเปิดให้ใช้ถนนดังกล่าวแม้ว่าจะมีการสร้าง เสร็จแล้ว เม่ือไดส้ อบถามไปยังหนว่ ยงานที่รบั ผดิ ชอบ ปรากฏว่าไม่สามารถตอบคาถามไดช้ ัดเจน และเมอื่ วนั จันทรท์ ่ี 1 มิถุนายน 2562 นายฉ้อโกง หวังกอบโกย ได้ให้คาตอบมาว่าถนนได้สร้างอย่างถูกต้องแล้ว แต่ต้องเสื่อมสภาพ ไปตามปกติ อย่างไรก็ตามจะให้บริษัทผู้รับเหมาดาเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย แต่นับจากวันน้ันผ่านมาเป็นเวลา เกือบสองเดือนยังไม่เห็นมีการดาเนินการอย่างใดเกิดข้ึน พวกตนจึงได้สอบถามไปยังนายฉ้อโกง หวังกอบโกย อีกคร้ัง ซ่ึงได้รับคาตอบว่าอยู่ระหว่างดาเนินการ แต่หากตนเองและพวกยังไม่ยุติเร่ืองดังกล่าวจะก่อให้เกิดความ วุ่นวายและสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อ่ืน ซ่ึงข้าพเจ้ากับคนในชุมชน ก.และชุมชน ข. เห็นว่าการกระทาของ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานท่ีรับผิดชอบกระทาไม่ถูกต้อง อีกทั้งพฤติกรรมของนายฉ้อโกง หวังกอบโกย ไม่สามารถตอบ คาถามหรือช้ีแจงเร่ืองที่เกิดขึ้นได้ และบ่ายเบ่ียงประเด็นต่าง ๆ เพ่ือให้ข้าพเจ้ากับพวกเลิกท่ีจะตรวจสอบการ ก่อสรา้ งดงั กล่าว พยำนหลักฐำน 1. ภาพถ่ายป้ายโครงการก่อสร้าง 2. ภาพถา่ ยถนน 3. ประกาศราคากลางการจัดจ้างก่อสร้างถนน 4. รายช่อื หน่วยงานท่ีเสนอราคา ลงชอ่ื นางสจุ รติ เป็นธรรม (นางสจุ รติ เป็นธรรม)

72 แบบกำรรอ้ งเรยี น/แจง้ เบำะแสทำงเว็บไซตข์ องสำนกั งำน ป.ป.ช. www.nacc.go.th รอ้ งเรยี นตอ่ สำนกั งำน ป.ป.ช. ยื่นแบบรอ้ งเรียนออนไลน์ ติดตำมกำรร้องเรียน ลงทะเบียนเปน็ ผกู้ ล่ำวหำ ขอ้ มูลของผกู้ ล่ำวหำ ช่ือผใู้ ช้ : คำนำหนำ้ : ชื่อ : * นำมสกุล : * รหสั บัตรประชำชน :* ท่อี ยู่ : หมูท่ ี่ : ซอย : ถนน : จังหวัด : อำเภอ : ตำบล : โทรศพั ท์ : E-mail :* อำชพี : ข้อมูลของผู้ถูกกล่ำวหำ คำนำหน้ำ : ช่ือ : * นำมสกลุ : * ตำแหน่ง : ระดับ : สังกัดผ้ถู ูกกล่ำวหำ : กระทรวง : กรม : จงั หวัดที่เกิดเหตุ : * ขอ้ กลำ่ วหำ : รำยละเอียดพฤตกิ ำรณ์ตำมขอ้ กลำ่ วหำ : * (โปรดระบุวัน เวลำ สถำนที่เกิดเหตุ รำยละเอียดของเหตุกำรณ์ท่เี กิดขน้ึ พยำนบุคคลหรอื พยำนหลกั ฐำนอนื่ ๆ ที่สำมำรถตรวจสอบได้ เอกสำรแนบ

73 ข้อมลู ของผแู้ จง้ ประเภทกำรแจง้ เบำะแส เลขดำ : คำนำหน้ำ : ชื่อ : * นำมสกุล : * รหัสบตั รประชำชน : * ที่อยู่ : หมทู่ ี่ : ซอย : ถนน : จังหวดั : อำเภอ : ตำบล : โทรศพั ท์ : E-mail : * อำชีพ : เรอื่ งทตี่ ้องกำรแจ้งเบำะแส : * รำยละเอียดเบำะแส : * (โปรดระบุวัน เวลำ สถำนที่เกิดเหตุ รำยละเอยี ดของเหตุกำรณ์ท่เี กิดขึ้น พยำนบุคคลหรือพยำนหลกั ฐำนอื่น ๆ ทสี่ ำมำรถตรวจสอบได้ จังหวัดที่เกิดเหตุ : * เอกสำรแนบ

74 ขอ้ มลู ผ้ทู ่ีถูกแจ้ง เบำะแส คำนำหน้ำช่ือ (ภำษำไทย) : ชอื่ และช่อื สกุล (ภำษำไทย) : * ตำแหน่ง : สงั กัด : ตำแหน่งอน่ื : สังกัดอนื่ : รำยกำรทรัพย์สนิ หนส้ี ิน ประเภททรัพย์สนิ และหนส้ี ิน : * รำยละเอียด : เอกสำรแนบ : ข้อมูลผแู้ จ้งเบำะแส ชอ่ื และชือ่ สกลุ ผู้แจ้ง : อเี มลผ์ ู้แจ้ง : เบอร์โทรศัพทผ์ ้แู จ้ง :

75

76

77

78

79

80

81

82

83

84

85

86

87

88

89

90 รำยช่ือคณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทจุ รติ แห่งชำติ 1. พลตารวจเอก วชั รพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. 2. นายปรีชา เลศิ กมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. 3. พลตารวจเอก สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. 4. นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. 5. นางสาวสภุ า ปยิ ะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. 6. นายวทิ ยา อาคมพทิ ักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. 7. นางสวุ ณา สวุ รรณจฑู ะ กรรมการ ป.ป.ช. 8. นายสุรศักด์ิ คีรีวเิ ชยี ร กรรมการ ป.ป.ช. 9. พลเอก บณุ ยวจั น์ เครือหงส์ กรรมการ ป.ป.ช.

91

92

93

94


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook