นักเขยี นในดวงใจ ชมัยภร แสงกระจ่าง หรือ ชมยั ภร บางคมบาง เกิดเมื่อวนั ที่ ๕ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๙๓ ที่ตาบลท่าชา้ ง อาเภอเมือง จงั หวดั จนั ทบุรี การศึกษา จบช้นั ประถมศึกษาตอนตน้ จากโรงเรียนวดั พลบั (จนั ทบุรชีบาอุทิศ) พ.ศ. ๒๕๐๓ เรียนต่อมธั ยมตอนตน้ ที่โรงเรียน ศรียานุสรณ์ จนั ทบุรี พ.ศ. ๒๕๐๘ ส่วนมธั ยมตอนปลายไปเรียนที่กรุงเทพฯ ที่โรงเรียนเตรียม อดุ มศึกษา พญาไท พ.ศ. ๒๕๑๐ จบปริญญาตรีจากคณะอกั ษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๑๔ นามปากกา ชมจนั ทร์, นศินี วิทูธีรศานต,์ ไพลิน รุ้งรัตน์, บวั แพน, นนั ทพสิ ยั แสนดาว, ชมยั ภร แสงกระจ่าง งานเขยี นคร้ังแรก งานเขียนงานวจิ ารณ์รวมเรื่องส้นั และบทร้อยกรองชุด “ความเงียบ” ของสุชาติ สวสั ด์ิศรี ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕
ผลงานดา้ นตา่ ง ๆ นวนิยาย เรอื่ งสน้ั • กระท่อมแสงเงิน (สร้างเป็นละครแลว้ ) • มมุ ดี ๆ ของชีวิต • จดหมายถึงดวงดาว (สร้างเป็นละครแลว้ ) • บ้านไร่เดอื นตะวัน (สรา้ งเป็นละครแลว้ ) • ด่งั มีงานเรงิ ร่ืน และเร่ืองอ่ืน ๆ • ญ หญิงอดทน และเร่ืองอ่นื ๆ
สารคดี • บา้ นหนงั สือในดวงใจ • แม่ลกู ปลกู ตน้ ไม้ • ปากไก่ลายทอง และเร่อื งอ่นื ๆ
บทสมั ภาษณท์ แี่ สดงให ้ เห็นคณุ สมบตั นิ ักเขยี น
\"แต่ถ้าเป็ นนวนิยายหรือเรื่องส้ัน คือส่ิงทเี่ ราได้นาความเป็ นนักอ่าน ของเราเข้าไปประกอบและสร้างออกมาเป็ นตวั อกั ษรด้วยความรู้สึก พอใจ เม่ือเกดิ ความพอใจแล้วกป็ รากฎว่ามนั ทาให้เรามชี ีวิตอยู่ ได้ด้วย” จากบทสมั ภาษณ์ขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั เขียนที่ดีควร อา่ นหนงั สือหลาย ๆ เรื่องและหลาย ๆ เล่ม การอา่ นมาก ๆ จะช่วย ทาใหก้ ารเขียนเร่ืองต่าง ๆ ออกมาในรูปแบบของตนเอง
''เมื่อก่อนสอนวรรณกรรมวจิ ารณ์ทคี่ ณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั และสอนการเขยี นเรื่องส้ันทีม่ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ หลงั จากทไี่ ม่สบายเมื่อปี ๒๕๔๕ กเ็ ลยหยดุ สอนมาพกั หน่ึง ปัจจุบนั ส่วนใหญ่จะเป็ นการสอนแบบเฉพาะกจิ เช่น การสอนการเขยี น นวนิยายเชิงสร้างสรรค์ ให้กบั โครงการหน่ึงของค่ายบริษทั อมรินทร์ฯ โดยมนี ักเขยี นทเี่ ป็ นลูกศิษย์ได้รับรางวลั มาแล้วหลายคน'' จากบทสมั ภาษณ์ขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั เขียนท่ีดีควรมี การแบ่งปันความรู้ความสามารถที่ตนมีใหก้ บั เยาวชนรุ่นใหม่ต่อไป
''เร่ืองของเทคนิคการเขียนน้ัน ใครนาไปใช้กเ็ ป็ นเทคนิคเฉย ๆ แต่ต้อง นาไปใช้ด้วยภาษาของตัวเอง คือกลวธิ ีในการนาเสนอหรือการใช้ภาษา เป็ นลกั ษณะเฉพาะของเรา จะทาให้เราแตกแต่งจากนักเขยี นคนอื่น ๆ เราอาจจะใช้วธิ ีเล่าเร่ืองด้วยสรรพนามบุรุษทห่ี นึ่งเหมือนกนั เราอาจจะใช้วธิ ีทตี่ วั ละครดือ้ ร้ันเหมือนกนั แต่ว่าตวั ละครน้ันเป็ น ของเรา ภาษากเ็ ป็ นของเรา เพราะฉะน้ันมนั กจ็ ะเป็ นของเรา'' จากบทสมั ภาษณ์ขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั เขียนที่ดีควร ใชภ้ าษาท่ีเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตน ผลงานน้นั จึงจะออกมามีสีสนั ตใ์ น แบบของตวั เราเอง
\"เวลาทเ่ี ราลงมือเขยี นจริง ๆ เทคนิคหรือหลกั สูตรเราจะไม่ใช้ เพราะเม่ือ ลงมือเขยี นเราไม่สามารถมานั่งเปิ ดตาราหรอก แต่ทุกอย่างทนี่ ามาใช้น้ัน คือสิ่งทเี่ ราอ่านให้เข้าไปในหัว ไปกลนั่ กรอง อย่างทบี่ อกว่านาเข้าแล้วไป กลนั่ กรองจนนอนก้นอยู่นานกว่าทจี่ ะนาออกมาได้ ลกั ษณะของการ ส่งออกอนั นีม้ นั จะต้องเป็ นไปโดยอตั โิ นมตั ิ พอเราลงมือเขยี นเร่ือง เราจะ นึกไม่ออกหรอกว่าขณะนีเ้ ราได้ใช้กลวธิ ีอะไร เราจะไม่รู้ตวั เลยมนั จะเกดิ กระบวนการภายในของมันเอง แล้วพอเราเขยี นเสร็จเรียบร้อยน้ันแหละ และเม่ือเวลาผ่านไปเดือนหน่ึงถงึ จะนึกออกว่านี่มนั มาจากตรงนีน้ ่ีเอง เหมือนอย่างทเ่ี ล่าว่าได้รับอทิ ธิพลมาจากคุณศุภร เรานึกไม่ได้ในทนั ที นะคะว่าเหมือน แต่จะรู้กต็ ่อเม่ือเราได้กลบั มาอ่านงานของเราอกี คร้ัง ซึ่งต้องปล่อยระยะเวลานานพอควร ถึงจะนึกได้ว่านี่เป็ นกลวิธีการเขยี น ของคุณศุภร\"
''จากบทสมั ภาษณ์ขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั เขียนท่ีดีควรใชค้ วามคิด กลน่ั กรองและสร้างสรรคผ์ ลงานออกมา เม่ือเวลาผา่ นไปจะทาใหเ้ รา รู้เองวา่ ผลงานของเราน้นั ไดร้ ับอิทธิผลมาจากใคร''
ภาพความประทบั ใจ นายนพวนิ ท ์ รอดแกว้ ค.บ. ๒ ภาษาไทย ๖๓๔๑๐๑๐๐๓
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: