Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานวิจัยศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี

งานวิจัยศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี

Published by นพวินท์ บี, 2023-03-26 10:02:38

Description: ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านอำ เภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี

Search

Read the Text Version

44 ผูเ้ กบ็ ขอ้ มูล ช่ือวิทยากร นางลว้ น จนั ทร์อุทัย ข้อมูลประเภทเพลงขอทาน อายุ 86 ปี อาชพี ทำสวน 32/1 ตำบลวัดเพลง อำเภอวดั เพลง จงั หวดั ราชบุรี สตางค์คณุ พ่อ “ไชโย! เหรัญหรรษา ไชโย! บดิ าทรี่ ัก ควกั สตางค์มาใหล้ กู ชม ซอื้ ขนมกนิ ในตรษุ จีนน้ี สตางค์ของคุณพ่อดี๊ดี ประเสริฐวเิ ศษนัก ท่วั ประเทศกน็ ยิ ม ชมกนั วา่ ดี ใคร ๆ ก็นิยมชมกันวา่ ดเี อย.............................................................................................” แตใ่ นกรณีขอแล้วไม่ให้กจ็ ะร้องต่อวา่ ดงั น.ี้ .. “สตางค์เดียว ขี้เหนยี วแท้ กค็ ุณพอ่ นี้แล ข้ีเหนยี วจรงิ ” วันท่เี ก็บข้อมลู 18 สงิ หาคม 2531 ผูท้ ่เี กบ็ ข้อมลู นางสาวประนอม จันทรอ์ ุทัย อายุ 17 ปี สถานทเี่ ก็บข้อมลู ที่บา้ นวิทยากร นักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 นักเรยี นโรงเรียนวัดเพลง “โสภณศิรริ าษฎร์” ขอ้ มูลประเภทเพลงขอทาน วทิ ยากร นายเทพ จนั ทโสต อายุ 86 ปี อาชพี - 9/3 หมู่ท่ี 3 ตำบลจอมประทัด อำเภอวัดเพลง จงั หวดั ราชบุรี เพลงขอทาน “เองิ้ เงอ ชะเอิงเงย..... เปดิ หมอ้ ไมม่ ีข้าวสุก จะเปิดกระปุกกไ็ ม่มขี ้าวสาร จงึ ไดม้ างอนง้อขอทาน คณุ แม่ท่ีบ้านนเ้ี อย............................”

45 วนั ทเ่ี ก็บข้อมูล 10 สงิ หาคม 2531 ผู้เก็บข้อมูล นางสาวสมบัติ ภิญโญ อายุ 16 ปี สถานที่เกบ็ ข้อมูล บา้ นวิทยากร นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 37/8 ตำบลจอมประทดั อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบรุ ี ข้อมูลประเภทเพลงขอทาน ช่ือวทิ ยากร นางยม อย่กู ำเหนิด อายุ 72 ปี อาชพี - 16/4 ตำบลจอมประทัด อำเภอวัดเพลง จงั หวัดราชบุรี เพลงขอทาน มเี ครอ่ื งดนตรี ประเภท ฉิ่ง ตะโพนข้นึ แล้วตามด้วยเนอ้ื รอ้ งวา่ “เอ้ย สิบนิ้ว กม้ กราบพ่อแม่ ขอให้ทานลกู หลาย เอย โอพ้ อ่ แม่เจ้าขาจงสงสาร จงให้ทานคนยากคนจน.....ยากจนจริง เปิดหม้อไม่มีขา้ วสุก เปดิ กระปุกไม่มีข้าวสาร มานง่ั จนจ๋อขอทาน คุณแมบ่ ้านน้ี ขอข้าวสารสกั กะบาน นะแมจ่ ๋า ขอใหเ้ มตตาและสงสาร ......ตง้ั แตเ่ ชา้ ยนั คำ่ ให้หวิ โหย รา่ งกายผอมโรยไม่มีแรง นึกเงนิ ให้ไดเ้ งนิ ทีต่ ้ังใจ จะทำอะไรใหส้ มความปรารถนา” (6) เพลงแห่นางแมว การแห่นางแมว มีวิธีการทำดังนี้ คือในขณะที่ฝนไม่ตกอากาศแห้งแล้งถึงเวลาหนา้ ทำนาก็ทำ ไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำที่จะทำชาวบ้านจึงต้องหาวิธีการที่จะทำให้ฝนตกจึงแห่นางแมว วิธีการเช่นน้ี เกิดขึ้นครั้งใดไม่ปรากฏแต่ทำแล้วจะได้ผล ชาวบ้านจึงปฏิบัติกันเรื่อยมาตอนใดที่ต้องการให้ฝนตก ชาวบ้านก็พากันเอาแมวใส่กระชังแล้วหามไปตามบา้ นต่าง ๆ ในหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียงตา่ งพา กนั ร้องรำทำเพลงกันเร่ือยไป ไปบา้ นไหนเขาก็จะเอานำ้ มารดแมวในกระชังท่หี ามน้ัน บางบ้านก็ให้เงิน ด้วยเพื่อเอามาซื้อเหล้ากับแกล้มกินกันเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินควบคู่กันด้วย จุดประสงค์ใน การทำเพื่อให้ฝนตก น่าแปลกที่ว่าเวลามีการแห่นางแมวครั้งใด ฝนก็มักจะตกเกือบทุกครั้งแต่สิ่งที่ น่าสนใจอีกอยา่ งหนึ่งก็คือเพลงท่ชี าวบา้ นนำมาร้องขณะแหน่ างแมว คือ “นางแมวเอ๋ย ขอฟ้าขอฝน ขอน้ำมนต์รดหัวนางแมว ใครไม่รด ขอให้ชื่นใจฝอย ขอให้หมอย ตายหนึ่ง ผัวไปตีผึ้ง ขอให้ผึ้งต่อยตา แม่ม่ายเอย อย่าพึ่งขายลูก อย่าพึ่งขายหลาน ขอข้าวสารมาแลก

46 กัญชา กัญชา 2 มัด อัฐ (สตางค์) 2 ไพ กล้วยหอม กล้วยไข่ 4 ใบ ต่อเฟื้อง ข้าวเหนียวหน้าเหลือง เลี้ยงผเู้ ลี้ยงคน ฟ้าแลบข้างบนฝนเทลงมา ฝนเทลงมา ๆๆๆๆ........” (นางสวิง พทุ ธสงั ข์ อายุ 56 ปี 24/4 ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวัดเพลง จงั หวัดราชบรุ )ี หรือ “นางแมวเอ๋ย ขอฟ้าขอฝนขอน้ำมนต์รดก้นนางแมว ใครไม่รด ขอให้ชื่นใจฝอย ขอให้ หมอยตายหนึ่ง ผวั ไปตีผ้งึ ขอให้ผ้ึงต่อยตา แม่มา่ ยเอย อยา่ พ่งึ ขายลกู อยา่ พ่ึงขายหลาน ขอขา้ วสารมา แลกกัญชา กัญชา 2 มัด อัฐ 2 ไพ มะกรูด มะไฟ ใครไม่ให้ข้าวสาร นมยานแค่ศอก ลากเข้าลากออก หวั กะไดเปน็ มนั หัวลา้ นชนกนั ให้ฝนเทลงมา ให้ฝนเทลงมา ๆๆๆๆ.........” (นายย้อย พงศ์พนั ธ์ อายุ 65 ปี 13/5 ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวดั เพลง จังหวดั ราชบรุ )ี อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการแห่ ได้แก่ ปี๊บ กะลา ฝาหม้อ ไม้ คืออุปกรณ์พื้นบ้านที่พอจะหากัน ได้นั่นเอง ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่าเนื้อหาของเพลงจะคล้องจองกันเพื่อให้ง่ายแก่การจำในเนื้อเพลงจะ บอกจุดมุ่งหมายเสร็จว่าต้องการให้ทำอะไร เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินแสดงถึงความเป็นกันเอง และได้ความหมาย คือตอ้ งการให้คนช่วยเหลือและความสามัคคีในหมู่คณะ ไม่เหมือนปัจจุบันถ้าฝนไม่ ตกก็ใช้ฝนเทียม...โดยไม่ต้องมาแห่นางแมว หรือปัจจุบันมีคลองชลประทานช่วยทำนาปีละ 2 คร้ัง ไม่ตอ้ งมาขอฝนเหมอื นในสมัยก่อน ดงั น้ันปจั จบุ นั จงึ ไม่คอ่ ยเห็น “ การแห่นางแมว ” เหมอื นเมื่อก่อน 6. งานวิจัยทเี่ กย่ี วข้อง ลักขณา ชุมพร (2555,หน้า 15-16; อ้างจาก อเนก นาวิกมุล, 2527, หน้า 3-120) ได้รวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกับเพลงพนื้ บา้ นไว้ในหนังสอื เรื่องเพลงนอกศตวรรษโดยกล่าวถึงเพลงพ้ืนบ้านใน แง่มุมตา่ ง ๆ ซง่ึ เปน็ เพลงทีไ่ รต้ ำนาน หมายความว่าเป็นเพลงทสี่ บื ทอดกันมาโดยการจำไม่มีการบันทึก ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพลงพื้นบ้านมีลักษณะคล้ายเพลงลูกทุ่งอยู่หลายประการอันอาจกล่าวได้ว่า เพลงพื้นบ้านคือต้นแบบของเพลงลูกทุ่งนั่นเองนอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของเพลง พื้นบ้านอยู่หลายประการ เช่น เพลงพื้นบ้านเป็นเพลงที่เกิดในชนบทการใช้ภาษาและการแสดงออก แห่งเรอ่ื งราว และบรรยากาศของเพลงเปน็ ไปอย่างซ่ือตรง ใชถ้ อ้ ยคำงา่ ย ๆ ตรงเปา้ หมายทันที และยัง กลา่ วถึงเพลงพ้ืนบา้ นในลกั ษณะทีโ่ ดดเด่นว่า 1. มคี วามเรียบงา่ ยในดา้ นถ้อยคำ การรอ้ งและการเล่น 2. เนน้ ความสนุกสนานเปน็ หลัก มีการใชค้ ำสองแง่สองงา่ มและเวน้ ซึง่ เรอ่ื งทุกขม์ าก

47 3. การมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันในแต่ละท้องถิ่นก็จะมีรูปแบบคล้าย ๆ กันทั้งในด้านเนื้อหา การเรียงลำดับเร่ือง และด้านถ้อยคำในเรือ่ งคุณค่าของเพลงพืน้ บ้าน อเนก นาวิกมูล ได้กล่าวไว้หลาย ด้านด้วยกัน เช่น 1. คุณคา่ ในตัวเอง ซง่ึ จดั เป็นมรดกทางวรรณกรรมได้อย่างหนงึ่ และยงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วิถีชีวิต ของชาวบ้านไดเ้ ด่นชัดยิง่ ข้นึ 2. คณุ คา่ จากสงั คม กลุ่มคนทเ่ี ป็นคนร้องเองกจ็ ะรู้สกึ ดีใจ ยินดที ง่ี านของเขาได้รับความสนใจ ซึ่งชาวเพลงเห็นว่ามีค่า เพราะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเขานั่นเอง ส่วนกลุ่มคนที่เป็นผู้ฟังก็จะได้ สอดซึมท่วงทำนอง และอารมณไ์ ดร้ ับความบันเทิงเรงิ ใจและอาจได้รบั ความรู้คำสอนสอดแทรกไปโดย ไม่รู้ตวั นอกจากนี้ อเนก นาวิกมูล (2531, หน้า 225 - 242) ยังเขียนหนังสือเรื่องของเพลงพื้นบ้าน สุพรรณบุรีในหนังสือคนเพลงและเพลงพื้นบ้านภาคกลางโดยกล่าวถึงบรรยากาศของงานเทศกาลใน หน้าน้ำสมัยก่อนที่วัดป่าเลไลย์ จะมีงานไหว้พระหลวงพ่อโตประจำปี และได้จัดให้มีการเล่นเพลง พื้นบ้านกันอย่างสนุกสนานได้เกณฑ์พ่อเพลงแม่เพลงที่มีชื่อเสียงจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น อ่างทอง สิงหบ์ ุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบรุ ี อุทยั ธานี ฯลฯ มาประชันแข่งขนั วา่ เพลงกันอย่างสนุกสนานซ่ึง แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับการศึกษา และวิเคราะห์เกี่ยวกับรูปแบบของเพลงพื้นบ้านของ กาญจนา อินทรสุนานนท์ (2532: 56 - 86) โดยเขียนลงในวารสาร “มนุษยศาสตร์ปริทรรศน์” ของ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ว่าเพลงพื้นบ้านเป็นเพลงที่มีต้นกำเนิดมาจากเพลงร้อย กรองมากกว่าเพลงบรรเลงบทเพลงต่าง ๆ มาจากผู้แต่งที่ฝันชาวบ้าน เพลงพื้นบ้านภาคกลางมี มากมายแยกแยะได้หลายบทเพลง มีลลี าทำนองที่แตกตา่ งกันไป แตล่ ะเพลงพืน้ บ้านก็มลี ักษณะเฉพาะ ของเพลงหลายประการ เช่น 1. ลลี าทำนอง จะเป็นทว่ งทำนองสน้ั วนไปวนมาซ้ำ ๆ และยอ้ นกลบั เริ่มต้นใหม่อย่เู สมอ ท้ังน้ี เพ่ือสะดวกในการจดจำ และสบื ทอดตอ่ ๆ กนั มา 2. ภาษาที่ใช้ในเพลงพื้นบ้านนั้นเป็นภาษาพูดไม่ใช่ภาษาเขียน ฟังเข้าใจง่าย ไม่มีศัพท์สูง เรยี กกนั วา่ “ภาษาชาวบา้ น” และยงั มีคำประเภทสองแง่สองง่ามแทรกอยูด่ ว้ ยเสมอ 3. ลักษณะคำประพนั ธ์ เพลงพน้ื บ้านจัดอยู่ในประเภทวรรณกรรมมขุ ปาฐะ สบื ทอดโดยได้ฟัง ต่อ ๆ กันมา บทกลอนต่าง ๆ ก็นำมาจากภาษาพูดที่ใช้กันในปัจจุบันโดยมีคำประเภทคำคล้องจอง จำพวกสุภาษิตหรือคำพังเพยต่าง ๆ กลอนเพลงพื้นบ้ านส่วนใหญ่เป็นกลอนแปดที่ เรยี กวา่ “กลอนหัวเดยี ว” 4. เรื่องราวในบทเพลง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน การทำมาหากิน ความเป็นอยู่ เรื่องในครอบครัว ความเชื่อถือต่าง ๆ บทเพลงจะเป็นลักษณะเพลงปฏิพากย์ คือมีการ

48 ร้องโต้ตอบกันระหว่างชายหญิง ส่วนใหญ่เป็นการเกี้ยวพาราสี จุดเด่นอยู่ที่สำนวนโวหาร และชิงไหว พรบิ กนั การดำเนนิ เรอ่ื งราวในเพลงพน้ื บ้านนนั้ เร่ิมจากการไหว้ครู บทเกรน่ิ หรอื บททักทาย การผูกรัก การสู่ขอ ลักหาพาหนี ชิงชู้หรือตีหมากผัว และบทลาจาก นอกจากนี้ยังมีการแทรกเรื่องราวต่าง ๆ ท่ีนา่ สนใจในขณะนนั้ หรืออาจแทรกเรอ่ื งราวท่สี นกุ สนานอกี กไ็ ด้ 5. การแทรกคติสอนใจ ในบทเพลงพื้นบ้านส่วนใหญ่มักพบว่ามีการแทรกคติสอนใจอยู่เสมอ เพือ่ ใหผ้ ู้ฟังไดร้ ับรู้ และนำไปปฏบิ ัตใิ หเ้ กดิ สิง่ ท่ดี งี ามต่อสงั คม 6. โอกาสในการรอ้ งเล่นเพลงพน้ื บ้านนน้ั ร้องเลน่ กนั ไดห้ ลายโอกาสทั้งงานบุญงานกุศลในงาน เทศกาลหรอื ตามโอกาสต่าง ๆ โดยสามารถแยกออกได้หลายโอกาส เชน่ รอ้ งเลน่ เพ่ือความสนุกสนาน รอ้ งประกอบการทำงาน ร้องในโอกาสการเฉลมิ ฉลองต่าง ๆ และสามารถร้องเลน่ ในงานอน่ื ๆ ท่ีผชู้ มมี ความประสงคจ์ ะให้เลน่ ลักขณา ชุมพร (2555, หน้า 17; อ้างจาก สุกัญญา ภัทราชัย, 2527; หน้า 220-254) ยังกล่าวไว้วา่ เพลงพน้ื บ้านของไทยมีลักษณะคำประพันธ์จัดเป็นร้อยกรองมุขปาฐะ คือมีการจัดจังหวะ ของคำ จังหวะของเสียงและสมั ผัสง่าย ๆ ไมม่ ีกฎเกณฑ์ตายตัว เพลงพื้นบา้ นเป็นวรรณกรรมปากเปล่า และไดม้ ีการสบื ทอดกนั มาจากปากต่อปาก จากคนรนุ่ หนึ่งไปยังอีกคนร่นุ หน่ึง กลอนเพลงพ้ืนบ้านจะมี คำสัมผัสที่ไม่แน่นอนตายตัวจำนวนคำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเสียง และความหมายของคำที่ลงใน แต่ละวรรค เพลงพื้นบ้านโดยทั่ว ๆ ไป จะมีลักษณะที่คล้ายกันทำให้สามารถนำกลอนเพลงไปร้อง ด้วยกันได้โดยการเปลี่ยนทำนองร้องให้เป็นไปตามลักษณะของเพลงนั้น ๆ ความสำคัญของเพลง พื้นบ้านจะอยู่ที่เสียง และจังหวะในการร้องมากกว่าการเคร่งในจำนวนคำและสัมผัส เนื่องจากเพลง พนื้ บ้านไมม่ ีการบันทึกโน้ตดนตรีไวจ้ ึงไม่มีทำนองท่ีถูกต้องทสี่ ุด จึงพบว่าเพลงพื้นบ้านชนิดเดียวกันแต่ ลีลาการร้องแตกออกไปหลายทาง ในเทศกาลสงกรานต์เปน็ เทศกาลท่ีสำคัญของเพลงพื้นบ้าน เพราะ เพลงพื้นบ้านไทยส่วนใหญ่ร้องเล่นอยู่ในเทศกาลนี้ทั้งสิ้น เพลงพื้นบ้านที่ร้องเล่นกันเป็นชุด ๆ ได้แก่ เพลงพวงมาลัย เพลงฉ่อย เพลงอีแซว มีลักษณะเป็นการแสดงใช้ร้องโต้ตอบกันในตอนกลางคืน คนรอ้ งจะเปน็ คนในกลุม่ ทีเ่ ก่งกวา่ คนอน่ื สว่ นคนอื่นทำหน้าท่เี ป็นลกู ครู่ อ้ งรบั อานนท์ กาญจนโพธ์ิ (2557, หน้า 15; อ้างจาก ภาคประชุมวิชาการ, 2520; ม.ป.น.) ณ ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพเรื่อง “เพลงพื้นบ้านภาคกลาง” ได้กล่าวถึงการรวบรวมเพลง พื้นบ้านในเขตลุ่มแม่น้ำเข้าพระยาตอนล่างได้ทั้งหมด 22 เพลง (พ.ศ. 2523) ลักษณะของเพลง พื้นบ้านโดยจำแนกได้ 2 ลักษณะคือ ความเรียบง่ายในถ้อยคำ และความเรียบง่ายในการแสดง การร้องเล่น การเน้นความสนุกสนานเป็นหลักโดยเน้นการใช้คำสองแง่สองง่ามกับการเว้นซึ่งเรื่องท่ี ทุกข์มาก ๆ คุณค่าของเพลงพื้นบ้านโดยจะจำแนกได้ คือคุณค่าในตัวเองเป็นมรดกทางวรรณกรรม คุณค่าจากสังคมเพลงพื้นเมืองประเภทต่าง ๆ ดังน้ี คือแบ่งตามความสั้นยาวของเพลง การแบ่งตาม

49 รปู แบบของกลอน การแบ่งประเภทกลอนที่เล่นตามฤดูกาลและเทศกาล เพลงทีเ่ ลน่ โดยทว่ั ไปไม่จำกัด ชว่ งเวลา แง่คดิ บางประการในการศึกษาเพลงพนื้ เมือง คือแนวคิด สำนวนสูตรสำเรจ็ กวมี ุขปาฐะ และ นกั เพลงคือใคร ดนตรีถือกำเนิดมาอยา่ งไร คตี ศาสตร์พื้นเมอื ง นานาชาติ ศัพทท์ ีค่ วรรทู้ างดนตรี เพลง ที่เกี่ยวกับพิธีกรรม อิทธิพลของเพลงพื้นบ้านที่มีต่อวรรณกรรมไทยชาวบ้านกับวรรณกรรมชาวบ้าน เพลงชาวบ้าน และกาพย์ โคลง กลอน จากที่กล่าวมาข้างต้นผู้วิจัยได้สรุปเกี่ยวกบั เพลงพื้นบ้านไดว้ ่า เพลงพื้นบ้านคือเพลงท่ีมาจาก ชาวบ้านสมัยก่อนร้องกันมาด้วยปากเปล่า มีความเป็นมุขปาฐะ และคล้ายกับเพลงลูกทุ่งโดยมี ท่วงทำนอง จังหวะ ลูกคู่ร้องรับ ฯ เน้นความสนุกสนาน ภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาพูดค่อนข้างมีความ ตรงไปตรงมา เขา้ ใจง่าย และเปน็ ทีน่ ิยมอยา่ งมากในสมยั ก่อน เพลงพนื้ บ้านท่ีเป็นชุด เช่น เพลงอีแซว เพลงฉ่อย เป็นตน้

50 บทท่ี 3 วิธดี ำเนินการวิจัย การวิจยั เรือ่ ง การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพ้ืนบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน และเพ่ือ อธบิ ายพฒั นาการของศิลปวฒั นธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวดั เพลง จงั หวดั ราชบรุ ี การวิจัยครั้งนี้คณะผู้วิจัยใช้วิธีการเชิงคุณภาพ (Qualitative Method) ใช้เทคนิค วิธีการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้างรายบุคคล โดยเปิดโอกาสให้บุคคลในชุมชนท้องถิ่นเป็นหลัก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนของศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบุรี โดยมีวธิ ีการดำเนนิ การวิจยั ดังนี้ 1. การศกึ ษาและทบทวนเอกสาร 2. การคัดเลอื กข้อมลู 3. การวเิ คราะห์ข้อมูล 4. ทฤษฎีหรือกรอบท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. การศึกษาและทบทวนเอกสาร ผู้วิจัยได้ศกึ ษางานวจิ ยั จำนวน 2 เรอ่ื ง ได้แก่ งานวิจยั ของคุณลักขณา ชุมพร เรือ่ ง เพลง พื้นบ้านภาคกลาง: กรณีศึกษาบ้านสามโก้ ตำบลสามโก้ อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง และศึกษา งานวิจัยของคุณอานนท์ กาญจนโพธิ์ เรื่อง การวิเคราะห์รูปแบบวิธีการขับร้องเพลงปรบไก่ บ้าน ดอนขอ่ ย จังหวัดเพชรบรุ ี 2. การคดั เลือกขอ้ มูล ในการดำเนินการวจิ ยั ครง้ั นี้ คณะผู้วจิ ัยไดค้ ดั เลอื กขอ้ มูลจาก 2 แหลง่ ดงั นี้ 1) การเลือกกลุ่มเป้าหมาย คณะผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการคัดเลือกการสุ่ม แบบเจาะจงรายบุคคลโดยพิจารณาจากความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ทางด้าน เพลงปรบไก่ คือ ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวดั เพลง จงั หวัดราชบุรี 2) การคัดเลอื กจากบทสัมภาษณ์

51 3. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู กลมุ่ วิจยั ทใี่ ช้ในการวิจยั ครงั้ นี้ ไดแ้ ก่ ผเู้ ชย่ี วชาญทางดา้ นเพลงพืน้ ปรบไก่ จำนวน 1 คน ได้แก่ นายทองหลอ่ เคลอื บสัมฤทธิ์ อายุ 92 ปี บา้ นเลขท่ี 50 หมู่ 2 ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอ วัดเพลง จังหวัดราชบรุ ี การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ สามารถแบ่งประเด็นการศึกษาออกเป็น 5 ประเดน็ ดังน้ี 1) เพลงปรบไก่มปี ระวัติความเป็นมาอยา่ งไร - เป็นเพลงพื้นบ้านที่ใช้ร้องแก้บน ที่ศาลเจ้าพ่อโคกกระต่าย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ศาล เจ้าพ่อดำ ซึ่งเรื่องที่บนบานนั้นจะนิยมบนเพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และให้ลูกหลาย สอบบรรจขุ า้ ราชการไดส้ ำเร็จ เมื่อผู้บนสมความปรารถนาจะนำเพลปรบไก่มาร้องแก้บน โดย ให้คนในหม่บู ้านมาช่วยกนั เล่นเป็นลกู คู่รบั ซึ่งเพลงปรบไก่สนั นิษฐานว่ามีมานาน 200 ปี 2) เพราะเหตุใดจึงเรียกวา่ “เพลงปรบไก”่ - ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะนิยมเรยี กว่า “เพลงตบไก่” ซึง่ ตอ่ มาจงึ เพ้ยี นเสียงเป็น “เพลงปรบไก่” โดยสาเหตุที่เรียกว่าเพลงปรบไก่นั้นไม่มหี ลักฐานปรากฏที่ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าเรียกช่อื นี้ มาตงั้ แต่ในอดตี 3) เพลงปรบไก่เล่นในเทศกาลใดไดบ้ า้ ง - เพลงปรบไก่ส่วนใหญ่จะเล่นในเทศกาลวันสงกรานต์ โดยร้องเล่นกันที่ศาลเจ้าพ่อโคก กระตา่ ย แตส่ ่วนมากจะเลน่ แกบ้ นเป็นสว่ นใหญ่ 4) วธิ ีการและข้ันตอนการเลน่ เพลงปรบไก่ มีอะไรบ้าง - ลำดบั แรกคือ พอ่ เพลง แมเ่ พลง และลกุ ครู่ ับ ยนื ลอ้ มกนั เป็นวงกลม จากน้ันจะเป็นขั้นตอน การไหว้ครู โดยเครื่องไหว้ครูประกอบด้วย ธูปเทียน สุรา 1 ขวด เงิน 12 บาท (ห้ามขาด ห้ามเกิน) ซึ่งคำร้องไหว้ครูจะเป็นการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมถึงครูบาอาจารย์ทุกท่านที่นับถือ ต่อมาจะเป็นบทปะคารมของพ่อเพลงและแม่เพลงโดยมีลูกคู่รับ ปรบมือ และร้อง (ฮุ้ย) เป็นการให้จังหวะ สุดท้ายจะเป็นบทส่งวงโดยจะมีพ่อเพลงและแม่เพลงเดินออกมาร่ายรำ ตามทำนอง 5) เนอ้ื ร้องของเพลงปรบไก่มลี กั ษณะอย่างไร - เนื้อร้องของเพลงปรบไก่ จะมีลักษณะเป็นเพลงปฏิพากย์ ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ด้นกลอนสด โต้ตอบกัน ระหว่างพ่อเพลงและแม่เพลง เนื้อร้องจะเป็นกลอนแดงที่มักจะเป็นถ้อยคำท่ี หยาบคายไปทางเพศ โดยอาจจะร้องเลี่ยงบ้างในบางโอกาส และในบางโอกาสจะใช้ถ้อยคำ ทางเพศอยา่ งตรงไปตรงมา

52 4. ทฤษฎหี รอื กรอบท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ในการดำเนินการวจิ ยั ครั้งนี้ ผู้วิจยั ได้มกี รอบทใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดังน้ี การใชแ้ บบสัมภาษณ์จำนวน 5 ข้อ 1) เพลงปรบไกม่ ีประวัตคิ วามเปน็ มาอย่างไร 2) เพราะเหตุใดจงึ เรยี กวา่ “เพลงปรบไก่” 3) เพลงปรบไกเ่ ล่นในเทศกาลใดได้บา้ ง 4) วธิ กี ารและข้ันตอนการเลน่ เพลงปรบไก่ มอี ะไรบา้ ง 5) เนอ้ื รอ้ งของเพลงปรบไก่มีลักษณะอยา่ งไร

53 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรม เพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี” 2) เพื่ออธิบายพัฒนาการของ “ศิลปวัฒนธรรมเพลง พื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี” โดยมีการใช้เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ไม่มี โครงสร้างจำนวน 5 ข้อ แบบสัมภาษณ์ภาคสนามจากศิลปินพื้นบ้าน ในพื้นที่ ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี จำนวน 1 คน ซึ่งคณะผู้วิจัยได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเป็น ลำดบั 2 ประเดน็ ใหญ่ ๆ ดงั ต่อไปน้ี 1. สร้างนวตั กรรมการเรยี นการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพน้ื บ้าน อำเภอวัดเพลง จงั หวดั ราชบรุ ี” 1.1 การสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบรุ ี” 1.2 เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบรุ ”ี 2. อธบิ ายพัฒนาการของ “ศิลปวฒั นธรรมเพลงพ้ืนบา้ น อำเภอวดั เพลง จังหวดั ราชบุร”ี 2.1 ความหมายของเพลงพ้ืนบา้ น 2.2 ประวัตคิ วามเปน็ มาของเพลงปรบไก่ 2.3 ฉนั ทลักษณข์ องเพลงปรบไก่ 1. สร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบรุ ี” 1.1 การสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี” การสร้างนวตั กรรมการเรียนการสอนมีวตั ถุประสงค์เพ่ืออนรุ ักษ์และสืบสานเพลงพ้ืนบ้านของ อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี มีการประเมินเครื่องมือเอกสารประกอบการเรียนจากผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านวัฒนธรรมดนตรี ผู้วิจัยจึงจัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาองค์ความรู้ในด้านเพล ง พ้นื บา้ นและผู้เรยี นตระหนักและเห็นคณุ ค่าของเพลงพน้ื บ้าน 1.2 เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบุรี” เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบรุ ี” เนอื้ หาประกอบไปดว้ ย 1.2.1 ท่มี าของอำเภอวดั เพลง จังหวดั ราชบรุ ี 1.2.2 เพลงพื้นบ้าน 1.2.3 เพลงปรบไกอ่ ำเภอวัดเพลง จงั หวดั ราชบุรี

54 1.2.4 ฉนั ทลักษณข์ องเพลงปรบไก่ 1.2.5 แบบฝึกหดั 1.2.6 ภาพการรอ้ งเพลงปรบไก่ 2. อธิบายพัฒนาการของ “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบรุ ”ี 2.1 อธิบายพัฒนาการของ “ศิลปวฒั นธรรมเพลงพน้ื บา้ น อำเภอวดั เพลง จังหวัดราชบุรี” 2.1.1 ความหมายของเพลงพื้นบ้าน เพลงพื้นบ้าน หมายถึง เพลงที่ร้องโดยชาวบ้าน แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในแต่ละชุมชน โดยเป็นการเรียบเรียงถ้อยคำและ ท่วงทำนองอย่างมีจังหวะ มีลักษณะเป็นกลอนง่าย ๆ ซึ่งเป็นในรูปแบบของพิธีกรรมและ เพลงปฏพิ ากย์ โดยจะร้องเล่นกันในแต่ละโอกาสและเพอ่ื ความสนุกสนานเพลดิ เพลินของชาวบ้าน 2.1.2 ประวัติความเป็นมาของเพลงปรบไก่ เพลงปรบไก่สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ สมัยอยุธยา เพราะมีหน้าทับปรบไก่ ซึ่งเป็นจังหวะกลองสำหรับตีประกอบบทเพลงในวงดนตรีไทย มีหลักฐานจากคำบอกเล่าของชาวชุมชนบ้านเวียงทุน เชื่อว่าเพลงปรบไก่มีอายุมากกว่า 200 ปี ลักษณะเพลงปรบไก่บ้านเวยี งทุนเป็นการรอ้ งเพลงการด้นกลอนสดของพ่อแม่และแมเ่ พลง ซง่ึ จะรอ้ ง โต้ตอบแก้กันโดยมลี กู คู่รับยืนเปน็ วงกลมปรบมือกับร้องรับ ส่วนพ่อเพลงและแม่เพลงจะยนื ร้องเลน่ อยกู่ ลางวง ไม่มเี คร่อื งดนตรีประกอบ 2.1.3 ฉันทลักษณ์ของเพลงปรบไก่ ฉันทลักษณ์เพลงปรบไก่มีลักษณะเป็นกลอนหัวเดียว โดยจะส่งสัมผัสสระข้างท้ายวรรคไปเรื่อย ๆ ซึ่งจำนวนคำวรรคหน้าและวรรคหลังจะมีประมาณ 5-8 คำ โดยคำสุดท้ายของวรรคหน้าจะส่งสัมผัสไปยังคำที่ 2-3-4 ของวรรคหลัง (คำใดหนึ่งคำ) เมื่อร้องจบหนึ่งบาท ลูกคู่รับจะร้องรับด้วยคำว่า “ฮุ้ย” และเมื่อพ่อเพลงหรือแม่เพลงร้องจบเรื่อง หรือจบบทแล้ว ลูกคู่รับจะร้องรับพร้อมกันว่า “เอ๋ยเถิดเอย” แล้วตามด้วยกลอนวรรคสุดท้าย (กลอนวรรคสุดท้ายจะมีจำนวนคำ 8-11 คำ ซึ่งจะร้องทอดเสียงกว่าวรรคอื่น) จากนั้นลูกคู่รับ ร้องต่อว่า “ฉ่าชา ฉา่ ชา เอชา (ฮ้ยุ )” จึงจะขึ้นบทต่อไปได้

55 บทที่ 5 สรปุ อภิปราย และเสนอแนะ งานวิจัยเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอ วัดเพลง จังหวัดราชบุรี” มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพื่อสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี” 2) เพื่ออธิบายพัฒนาการของ “ศลิ ปวัฒนธรรมเพลงพ้นื บา้ น อำเภอวดั เพลง จังหวัดราชบรุ ”ี จากวัตถุประสงค์ 2 ประการ ดังกล่าวข้างต้น คณะวิจัยขอกล่าวถึงผลสรุปที่ได้จากการ ดำเนนิ งานตามวัตถุประสงคร์ วมถึงกล่าวข้ันตอนการดำเนินการวิจยั โดยสงั เขปดังน้ี สรปุ ผลการวิจยั 1) เพอ่ื สรา้ งนวัตกรรมการเรยี นการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบุร”ี สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้สอนและผู้เรียนนำมาใช้ในการเรียนการ สอนเพื่อช่วยให้กระบวนการเรียนรู้ ดำเนินไปสู่เปา้ หมายอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ได้แก่ วัตถุสิ่งของที่มี อยูใ่ นธรรมชาติ หรือมนุษยส์ รา้ งขน้ึ มา รวมท้ังวธิ ีการสอนและกจิ กรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงเห็นได้ว่า สื่อการเรียนการสอนมีความกว้างขวาง ครอบคลุมสิ่งต่าง ๆ ทั้งวัตถุ อุปกรณ์ เครื่องมือ วิธีการและ กิจกรรม ซึ่งได้เลือกมาใช้ในการถ่ายทอดความรู้จากครูไปสู่ผู้เรียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการ จดั การเรียนการสอน (สมบรู ณ์ สงวนญาติ 2534 : หนา้ 43-44) การสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบุรี” จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารประกอบการเรียน เป็นเครื่องมือในการพัฒนาองค์ความรู้ในดา้ น เพลงพนื้ บา้ นและผู้เรยี นตระหนกั และเหน็ คุณค่าของเพลงพ้นื บ้าน 2) เพอ่ื อธบิ ายพฒั นาการของ “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพ้ืนบา้ น อำเภอวดั เพลง จงั หวัดราชบรุ ี” เพลงปรบไก่ บ้านเวยี งทนุ บ้านเวียงทนุ ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี เกิดขึ้นนานเท่าไรไม่ปรากฏ หลักฐานที่แน่นอน เวียงน่าจะแปลมาจากเมือง หรือบางท่านที่รู้ก็ว่าน่าจะมาจากคำว่า “เม็งทุน” แสดงว่าอาจจะเปน็ เมือง ๆ หนึ่งในอดีตทเี่ กา่ แก่มาก ปัจจบุ นั ทุกคนต่างสันนิษฐานกนั ตา่ ง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้พบหลักฐานที่สามารถยืนยันได้แน่นอน นอกจากเพลงปรบไก่ที่ถ่ายทอดกันมา หลายชว่ั อายคุ น

56 จุดประสงค์สำหรับการเล่นนั้นใช้สำหรับแก้บน เพราะที่บ้านเวียงทุนจะมีศาลพ่อดำหรืออีก นัยหนึ่งก็คือศาลเจ้าพ่อโคกกระต่าย ประเพณีจะนิยมบนเพื่อไม่ให้ลูกหลานถูกทหาร เมื่อผู้บน สมปรารถนาที่ต้องการจะนำเพลงปรบไก่มาแก้บน ซึ่งคนส่วนมากในหมู่บ้านมักจะเล่นกันได้จะ ชว่ ยกนั โดยมิไดร้ ังเกยี จหรือนิยมเล่นกันในเทศกาลสงกรานต์ อภปิ รายผลการวิจัย การสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบุรี” จดั ทำขึน้ เพือ่ เป็นเอกสารประกอบการเรียน เปน็ เคร่อื งมือในการพฒั นาองค์ความรู้ในด้าน เพลงพื้นบ้านและผู้เรียนตระหนักและเห็นคุณค่าของเพลงพื้นบ้าน มีการประเมินเอกสาร ประกอบการเรียนจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัฒนธรรม (ดนตรี) เพื่อช่วยให้กระบวนการเรียนรู้ ดำเนินไปสเู่ ปา้ หมายอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ศิลปวัฒนธรรมเพลงพนื้ บ้าน อำเภอวดั เพลง จงั หวัดราชบรุ ี ในสว่ นของเพลงปรบไก่มีบทบาท และความสำคัญที่เป็นภูมิปัญญาด้านวัฒนธรรมดนตรี สะท้อนภาพสังคมที่ดำรงชีวิตความเป็นอยู่ โดยการพึ่งพาตนเองควบคู่กับการพึ่งพาธรรมชาติ อีกทั้งเพลงปรบไก่ยังมีการสะท้อนทาง วัฒนธรรมทางด้านความสนุกสนาน รื่นเริง บันเทิงใจ และในด้านความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีการนำเพลงปรบไก่มารอ้ งแก้บน เมื่อประสบความสำเร็จในสิ่งทีต่ นหวัง และนิยมเล่นในเทศกาล สงกรานต์และวันตรุษจีน ซึ่งเพลงปรบไก่ในอำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี มีความแตกต่างจาก เพลงปรบไก่ในพื้นที่อื่น ๆ ในด้านเนื้อร้อง ซึ่งเพลงปรบไก่ บ้านเวียงทุน อำเภอวัดเพลง จังหวัด ราชบุรี มีเนื้อร้องที่มีการใช้ถ้อยคำที่สื่อความหมายโดยตรง แต่ในพื้นที่อื่นจะใช้ถ้อยคำสองแง่ สองง่าม และมีความคล้ายคลึงในด้านจุดประสงค์การเล่นใช้ประกอบพิธีแก้บนตามสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ ประจำท้องถิ่น อาทิ เพลงปรบไก่บ้านสระกระเทียม จังหวัดนครปฐม, อำเภอบ้านลาด จังหวัด เพชรบรุ ี และอำเภอสองพี่นอ้ ง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี ขอ้ เสนอแนะ คณะผู้วิจัยขอเสนอแนะแนวทาง 3 ประการ ที่จะนำการวิจัย การพัฒนานวัตกรรมการเรียน การสอน “ศิลปวัฒนธรรมเพลงพืน้ บา้ น อำเภอวดั เพลง จังหวัดราชบรุ ี ไปใช้ประโยชน์ ดงั นี้ 1. ควรนำงานวิจัยศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี ไปบรรจุไว้ใน หลักสูตรทอ้ งถ่ินศึกษากระทรวงศึกษาธกิ าร 2. ควรมกี ารจดั ต้งั ศูนยว์ ัฒนธรรมในด้านเพลงปรบไก่ ประจำทอ้ งถ่นิ เพื่อเปน็ การอนรุ กั ษส์ บื สาน 3. ควรมีการสร้างสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบ Animation ที่เป็นเรื่องราวของ “ศิลปวฒั นธรรมเพลงพนื้ บา้ น อำเภอวัดเพลง จังหวดั ราชบรุ ี”

57 บรรณานุกรม กิดานันท์ มลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: อรุณการพิมพ.์ เครือจิต ศรบี ุญนาค. (2534). การฟ้อนรำเพลงและการละเลน่ พ้นื บ้านอีสาน. สุรนิ ทร์: วทิ ยาลัยครสู รุ นิ ทร์. เด่นดวง พุ่มศิริ. (2522). การศึกษาและวิจัยวัฒนธรรมพ้ืนบ้านในแนวศิลปะธรรม. เอกสารประกอบการ สัมมนาเร่ืองการวิจยั วฒั นธรรมพื้นบ้าน 7 -9 เมษายน 2522 ศนู ย์ส่งเสรมิ ภาษาและวัฒนธรรมภาคใต้ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ สงขลา. (อดั สำเนา) ตุ้ย ชุมสาย, ม.ล. (2516). วรรณกรรมพินิจเชงิ จิตวทิ ยา. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานชิ . ทศิ นา แขมมณี. (2551). ศาสตร์การสอน: องคค์ วามรู้เพอ่ื การจดั กระบวนการเรียนร้เู พอ่ื การจัดกระบวนการ เรยี นรู้ท่มี ีประสิทธิภาพ. พิมพค์ รง้ั ท่ี 7. กรงุ เทพมหานคร: สำนักพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. บุญเกื้อ ควรหาเวช. (2542). นวัตกรรมการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . พิมพ์พร แก้วเครือ. (2544). สื่อการเรียนการสอน. ค้นเมื่อสิงหาคม 24, 2555. จาก http://sps.lpru. ac.th/script/show_article.pl?mag_id=5&group_id=23&article_id=194 ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2546. กรงุ เทพมหานคร: นานมบี ุ๊คส.์ เรไร สืบสุข. (2525). เพลงปรบไก่: ในสมุดเพชรบุรี 2525. พิมพ์เนื่องในโอกาสงานฉลองสมโภชกรุง รตั นโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ.2525. กรุงเทพมหานคร: จังหวดั เพชรบุร.ี สุกญั ญา สุจฉายา. (2525). เพลงปฏพิ ากย์ : บทเพลงแห่งปฏิภาณชาวบ้านไทย. กรงุ เทพมหานคร: สำนกั งาน คณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ กระทรวงศึกษาธกิ าร. หมวดวิชาภาษาไทย โรงเรียนโสภณศิริราษฎร์. (2531). ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านจังหวัดราชบุรี. หมวดวิชา ภาษาไทย. อเนก นาวิกมูล. (2523). เพลงนอกศตวรรษ. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ. อมรา กล่ำเจริญ. (2542). สุนทรยี น์ าฏศิลปไ์ ทย. พมิ พ์ครงั้ ที่ 3. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.

58 อมรา พงศาพิชญ์. (2541). วัฒนธรรมศาสนาและชาติพันธ์วิเคราะห์สังคมไทยแนวมานุษยวิทยา. พิมพค์ ร้ังที่ 5. กรุงเทพมหานคร: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . Hughes, T.P. (1987). The evolution of large technological systems. In W. Bijker, T.P. Hughes, T. Pinch (eds.), The Social Construction of Technological Systems, pp. 51 – 82. Cambridge, MA.

59 ภาคผนวก

60 ภาคผนวก ก เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ในการวจิ ยั

61 แบบสมั ภาษณ์ ช่อื งานวจิ ัย: การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน “ศิลปวฒั นธรรมเพลงพน้ื บา้ น อำเภอวดั เพลง จังหวัดราชบุรี ผูส้ ัมภาษณ์: นายนพวนิ ท์ รอดแกว้ และคณะ วัน/เดอื น/ปี ทสี่ มั ภาษณ์ ……………………………… เวลา: 10.00-12.00 น. สถานท่ี: ....................................................... ผถู้ กู สมั ภาษณ์: นายทองหล่อ เคลือบสัมฤทธิ์ อายุ..................... คำถามในการสมั ภาษณ์ 1. เพลงปรบไก่มปี ระวตั คิ วามเปน็ มาอยา่ งไร .................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................ 2. เพราะเหตใุ ด จงึ เรียก “เพลงปรบไก่” .................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................ 3. เพลงปรบไก่สามารถเลน่ ในเทศกาลใดไดบ้ า้ ง .................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................ 4. วิธกี ารและขน้ั ตอนการเลน่ เพลงปรบไก่ มีอะไรบา้ ง .................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................ 5. เน้ือรอ้ งของเพลงปรบไก่ มลี กั ษณะอย่างไร .................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................

62 ภาคผนวก ข ภาพการเกบ็ ข้อมูลภาคสนาม

63 ภาพท่ี 1 หมูบ่ า้ นเวยี งทนุ ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวดั เพลง จังหวัดราชบรุ ี ภาพที่ 2 ศาลเจา้ พ่อโคกกระต่าย ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี

64 ภาพที่ 3 ขณะสมั ภาษณ์ นายทองหล่อ เคลือบสัมฤทธ์ิ ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวดั เพลง จงั หวดั ราชบุรี ภาพที่ 4 โลเ่ กยี รตคิ ุณ นายทองหลอ่ เคลือบสัมฤทธิ์ ผทู้ รงคณุ ค่า ดา้ นอนุรักษว์ ฒั นธรรมประเพณแี ละภูมิปัญญาท้องถิ่น “เพลงปรบไก่”

65 ภาพที่ 5 เกียรติบตั ร นายทองหล่อ เคลอื บสมั ฤทธ์ิ ครูภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ ด้านเพลงพน้ื บ้าน ภาพที่ 6 เกยี รติบัตร นายทองหลอ่ เคลือบสมั ฤทธ์ิ เปน็ วทิ ยากรและสบื สานวัฒนธรรมเพลงปรบไก่ อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบรุ ี

66 ภาพท่ี 7 เกียรติบตั รกระทรวงวัฒนธรรม นายทองหล่อ เคลอื บสัมฤทธิ์ ภาพที่ 8 ผเู้ กบ็ ขอ้ มูลและผูใ้ ห้สัมภาษณ์

67 ประวตั ิส่วนตัวผู้ใหส้ มั ภาษณ์ ชอ่ื : นายทองหลอ่ เคลือบสัมฤทธิ์ ชื่อเลน่ : หล่อ เกิด : 1 มกราคม 2475 สญั ชาติ : ไทย เชอ้ื ชาติ : ไทย ศาสนา : พทุ ธ สถานภาพ : ม่าย ภูมิเลานำ : บา้ นเลขที่ 50 หมู่ 2 ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวดั เพลง จงั หวัดราชบรุ ี ทอ่ี ยปู่ จั จบุ นั : บา้ นเลขที่ 50 หมู่ 2 ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวัดเพลง จังหวดั ราชบุรี อาชีพ : อสิ ระ

ช่อื – สกลุ 68 วัน เดือน ปีเกิด สถานที่อย่ปู จั จบุ ัน ประวตั ิผู้วิจัย (โดยยอ่ ) สถานทท่ี ำงาน นายนพวนิ ท์ รอดแก้ว ประวตั ิการศึกษา 6 มนี าคม 2544 ปี พ.ศ. 2559 10/1 หมู่ 1 ตำบลบ้านปราโมทย์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม นักศกึ ษาสาขาวิชาภาษาไทย ช้นั ปที ี่ 3 คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ ปี พ.ศ. 2562 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หม่บู ้านจอมบึง ปัจจบุ นั สำเรจ็ การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ จากโรงเรยี นโสภณศริ ิราษฎร์ จังหวดั ราชบรุ ี สำเรจ็ การศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรยี นโสภณ- ศริ ิราษฎร์ จังหวดั ราชบรุ ี กำลงั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี หลกั สตู รครศุ าสตร์บัณฑติ สาขาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั หมบู่ ้านจอมบึง

69 ชอ่ื – สกลุ นายววิ ัฒน์ เต็มศิริ วนั เดือน ปีเกิด 21 กมุ ภาพันธ์ 2545 สถานทอี่ ยู่ปจั จุบัน 75/2 หมู่ 2 ตำบลทัพหลวง อำเภอเมอื งนครปฐม จงั หวัดนครปฐม สถานท่ที ำงาน นักศกึ ษาสาขาวชิ าภาษาไทย ชน้ั ปีที่ 3 คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏหมู่บา้ นจอมบึง ประวัติการศึกษา ปี พ.ศ. 2559 สำเรจ็ การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ จากโรงเรยี นศรีวชิ ยั วทิ ยา จังหวัดนครปฐม ปี พ.ศ. 2562 สำเรจ็ การศกึ ษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จากโรงเรยี นศรวี ิชยั วิทยา ปจั จบุ ัน จงั หวัดนครปฐม กำลังศึกษาระดบั ปริญญาตรี หลกั สูตรครศุ าสตร์บัณฑิต สาขาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบึง

70 ช่อื – สกลุ นางสาวธนภัทร ทรงพลนภจร วัน เดือน ปีเกดิ สถานทีอ่ ย่ปู ัจจุบนั 26 ธันวาคม 2544 สถานที่ทำงาน 5/6 หมู่ 16 ตำบลเขาขลงุ อำเภอบา้ นโป่ง จังหวดั ราชบรุ ี นกั ศกึ ษาสาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีท่ี 3 คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ ประวัตกิ ารศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏหมบู่ ้านจอมบงึ ปี พ.ศ. 2559 สำเร็จการศึกษาระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ จากโรงเรียนหนองปลาหมอ- ปี พ.ศ. 2562 พิทยาคม จงั หวัดราชบรุ ี ปัจจบุ ัน สำเรจ็ การศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรยี นหนองปลาหมอ- พทิ ยาคม จงั หวดั ราชบุรี กำลังศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี หลกั สูตรครุศาสตร์บณั ฑิต สาขาภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมู่บา้ นจอมบึง

71 ชื่อ – สกลุ นางสาวสทุ ตั ตา สเี กตุ วัน เดือน ปีเกิด 5 มกราคม 2545 สถานท่อี ยปู่ ัจจุบัน 32 หมู่ 7 ตำบลเขาขลงุ อำเภอบา้ นโปง่ จงั หวดั ราชบรุ ี สถานทีท่ ำงาน นกั ศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย ชนั้ ปที ี่ 3 คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมู่บา้ นจอมบึง ประวตั กิ ารศึกษา ปี พ.ศ. 2559 สำเร็จการศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนหนองปลาหมอ- พทิ ยาคม จังหวัดราชบรุ ี ปี พ.ศ. 2562 สำเร็จการศกึ ษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จากโรงเรียนหนองปลาหมอ- ปัจจบุ ัน พทิ ยาคม จงั หวดั ราชบุรี กำลงั ศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี หลกั สตู รครศุ าสตร์บัณฑติ สาขาภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏหมบู่ ้านจอมบึง

72 ชือ่ – สกลุ นางสาวอนิ ทิรา สืบสขุ วนั เดือน ปเี กิด 25 มิถุนายน 2544 สถานทีอ่ ยปู่ จั จุบนั 141/2 หมู่ 7 ตำบลดอนทราย อำเภอโพธาราม จงั หวัดราชบุรี สถานทที่ ำงาน นักศึกษาสาขาวชิ าภาษาไทย ชัน้ ปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบึง ประวัตกิ ารศึกษา ปี พ.ศ. 2559 สำเรจ็ การศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนท่ามะขามวทิ ยา จงั หวดั ราชบรุ ี ปี พ.ศ. 2562 สำเร็จการศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรยี นทา่ มะขาม- ปจั จบุ นั วทิ ยา จังหวัดราชบุรี กำลังศึกษาระดบั ปริญญาตรี หลกั สตู รครศุ าสตร์บัณฑติ สาขาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบึง