Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Albert Einstein ของ ขัตติยา

Albert Einstein ของ ขัตติยา

Published by khattiya.tho, 2018-12-27 08:01:30

Description: Albert Einstein

Search

Read the Text Version

Albert Einstein อลั แบร์ท ไอนช์ ไตน์ (เยอรมนั : Albert Einstein) หรือ อลั เบิร์ต ไอนส์ ไตน์ เป็ นศาสตราจารยท์ างฟิ สิกส์และนกั ฟิ สิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมนั เช้ือสายยวิ ซ่ึงเป็ นที่ยอมรบั กนั อยา่ งกวา้ งขวางวา่ เป็ นนกั วทิ ยาศาสตร์ที่ยง่ิ ใหญท่ ่ีสุดในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 20 เขาเป็ นผเู้ สนอทฤษฎีสมั พทั ธภาพ และมีส่วนร่วมในการพฒั นากลศาสตร์ควอนตมั กลศาสตร์สถิติ และจกั รวาลวทิ ยา เขาไดร้ ับรางวลั โนเบลสาขาฟิ สิกส์ใน พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทริก และจาก\"การทาํ ประโยชนแ์ ก่ฟิ สิกส์ทฤษฎี\"

ประวตั ิ ไอน์สไตน์เกิดในเมืองอูลม์ ราชอาณาจกั รเวอื ร์ทเทิมแบร์ค สมยั จกั รวรรดิเยอรมนัห่างจากเมืองชตทุ ทก์ าร์ทไปทางตะวนั ออกประมาณ 100 กิโลเมตร ซ่ึงในปัจจบุ นั คือรัฐบาเดิน-เวอื ร์ทเทิมแบร์ค ประเทศเยอรมนี บิดาของเขาชื่อวา่ แฮร์มานน์ไอน์สไตน์ เป็ นพนกั งานขายทวั่ ไปซ่ึงกาํ ลงั ทาํ การทดลองเกี่ยวกบั เคมีไฟฟ้า มารดาชื่อวา่ พอลลีน โดยมีคนรบั ใชห้ น่ึงคนชื่อ คอช ท้งั คแู่ ต่งงานกนั ในโบสถใ์ นสตทุ๊การ์ท (เยอรมนั : Stuttgart-Bad Cannstatt) ครอบครัวของเขาเป็ นชาวยวิ (แต่ไม่เคร่งครัดนกั ) อลั เบิร์ตเขา้ เรียนในโรงเรียนประถมคาธอลิก และเขา้ เรียนไวโอลินตามความตอ้ งการของแม่ของเขาท่ียนื ยนั ใหเ้ ขาไดเ้ รียนไอนส์ ไตน์เริ่มเรียนคณิตศาสตร์เมื่อประมาณอายุ 12 ปี โดยท่ีลงุ ของเขาท้งั สองคนเป็ นผอู้ ปุ ถมั ถค์ วามสนใจเชิงปัญญาของเขาในช่วงยา่ งเขา้ วยั รุ่นและวยั รุ่น โดยการแนะนาํ และใหย้ มืหนงั สือซ่ึงเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์แมว้ า่ เขาจะมีความสามารถช้นั เลิศในสาขาวชิ าคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ แตก่ ารที่เขาไร้ความรู้ใด ๆ ทางดา้ นศิลปศาสตร์ ทาํ ใหเ้ ขาไม่ผา่ นการสอบคดั เลือกเขา้ สถาบนั เทคโนโลยแี ห่งสมาพนั ธรัฐสวสิ ในเมืองซูริก (เยอรมนั : Eidgenössische Technische Hochschule หรือ ETH) ทาํใหค้ รอบครัวเขาตอ้ งส่งเขากลบั ไปเรียนมธั ยมศึกษาใหจ้ บท่ีอารอในสวติ เซอร์แลนด์เขาสาํ เร็จการศึกษาและไดร้ ับใบอนุปริญญาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2439 และสอบเขา้ ETH ไดใ้ นเดือนตุลาคม แลว้ จึงยา้ ยมาอาศยั อยใู่ นเมืองซูริก ในปี เดียวกนัเขากลบั มาที่บา้ นเกิดของเขาเพื่อเพิกถอนภาวะการเป็ นพลเมืองของเขาในเวอร์เทมบูรก์ ทาํ ใหเ้ ขากลายเป็ นผไู้ ร้สญั ชาติ

ชีวติ ครอบครัว ก่อนหนา้ น้ี เขามีแฟนคนแรกตอนเรียนมธั ยมชื่อ มารี วนิ เทเลอร์ แตต่ อ้ งแยกยา้ ยกนั ไปเม่ือเขาเขา้ เรียนมหาวทิ ยาลยั ไอนส์ ไตน์มีบุตรสาวหน่ึงคนกบั มิเลวา มาริค ช่ือวา่ ไลแซล (Lieserl) คาดวา่ เกิดในตอนตน้ ปี พ.ศ. 2445 ที่เมือง Novi Sadไอนส์ ไตน์แต่งงานกบัมิเลวาเม่ือวนั ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2446 แมจ้ ะถูกมารดาคดั คา้ นเพราะนางมีอคติกบั ชาวเซิร์บและคิดวา่ มาริคน้นั \"แกเ่ กินไป\" ท้งั ยงั \"หนา้ ตาอปั ลกั ษณ์\"ความสมั พนั ธข์ องคนท้งั สองค่อนขา้ งจะเป็ นส่วนตวั และเป็ นคชู่ ีวติ ท่ีมีสติปัญญา ในจดหมายฉบบั หน่ึงถงึ หลอ่ น ไอน์ชไตน์เรียกมาริควา่ \"สิ่งมีชีวติ ที่เสมอกนั กบั ผม ผซู้ ่ึงแขง็ แรงและมีอิสระเฉกเช่นเดียวกนั \"มีการถกเถียงกนั อยเู่ ป็ นบางคราววา่ มาริคมีอทิ ธิพลต่องานของไอน์ชไตน์บา้ งหรือไม่อยา่ งไรกต็ าม นกั ประวตั ิศาสตร์ทางวทิ ยาศาสตร์ต่างลงความเห็นเป็ นเอกฉนั ทว์ า่ ไม่มีบุตรคนแรกของไอนช์ ไตนก์ บั มิเลวา คือ ฮนั ส์ อลั แบร์ท ไอน์ชไตน์ เกิดเมื่อวนั ที่ 14พฤษภาคม พ.ศ. 2447 ที่กรุงแบร์น ประเทศสวติ เซอร์แลนด์ บุตรคนท่ีสองคือ เอดูอาร์ดเกิดที่ซูริกเมื่อวนั ท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2453

งานดา้ นวทิ ยาศาสตร ์

บทความเก่ียวกบั ธรรมชาติเฉพาะตวั ของแสง นาํ ไปสู่แนวคิดที่ส่งผลต่อการทดลองที่มีช่ือเสียง คือปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทริก หลกั การง่ายๆ กค็ ือ แสงมีปฏิกิริยากบั สสารในรูปแบบของ \"กอ้ น\" พลงั งาน (ควอนตา) เป็ นหว้ งๆ แนวคิดน้ีเคยนาํ เสนอมาก่อนหนา้ น้ีแลว้โดย แมกซ์ พลงั ค์ ในปี พ.ศ. 2443 ซ่ึงเป็ นแนวคิดท่ีขดั แยง้ กบั ทฤษฎีเกี่ยวกบั คลื่นแสงท่ีเช่ือกนั อยใู่ นยคุ สมยั น้นั บทความเกี่ยวกบั การเคล่ือนที่ของบราวน์ อธิบายถึงการเคลื่อนไหวแบบสุ่มของวตั ถุขนาดเลก็ มากๆ ซ่ึงเป็ นผลโดยตรงจากการกระทาํ ของโมเลกลุ แนวคิดน้ีสนบั สนุนต่อทฤษฎีอะตอมบทความเกี่ยวกบั อิเลก็ โตรไดนามิกส์ของวตั ถทุ ่ีกาํ ลงั เคล่ือนที่เป็ นกาํ เนิดของทฤษฎีสมั พทั ธภาพพเิ ศษ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ความเร็วของแสงท่ีกาํ ลงั สงั เกตอยา่ งอิสระ ณ สภาวะการเคล่ือนท่ีของผสู้ งั เกตจะตอ้ งมีการเปล่ียนแปลงโดยพ้ืนฐานไปเหมือนๆ กนั ผลสืบเนื่องจากแนวคิดน้ีรวมถึงกรอบของกาล-อวกาศของวตั ถุที่กาํ ลงัเคลื่อนที่จะชา้ ลงและหดส้นั ลง (ตามทิศทางของการเคลื่อนท่ี) โดยสมั พทั ธก์ บั กรอบของผู้สงั เกต บทความน้ียงั โตแ้ ยง้ แนวคิดเก่ียวกบั luminiferous aether ซ่ึงเป็ นเสาหลกั ทางฟิ สิกส์ทฤษฎีในยคุ น้นั วา่ เป็ นสิ่งที่ไมจ่ าํ เป็ นบทความวา่ ดว้ ยสมดุลของมวล-พลงั งาน (ซ่ึงกอ่ นหนา้น้ีเชื่อวา่ มนั ไม่เก่ียวขอ้ งกนั เลย) ไอน์ชไตนป์ รับปรุงสมการสมั พทั ธภาพพเิ ศษของเขาจนกลายมาเป็ นสมการอนั โด่งดงั ท่ีสุดแห่งคริสตศ์ ตวรรษที่ 20 คือ E = mc2 ซ่ึงบอกวา่ มวลขนาดเลก็ จิ๋วสามารถแปลงไปเป็นพลงั งานปริมาณมหาศาลได้ ซ่ึงเป็ นจุดกาํ เนิดการพฒั นาของพลงั งานนิวเคลียร์

ระหวา่ ง พ.ศ. 2452 ไอน์ชไตนต์ ีพมิ พบ์ ทความ \"Über die Entwicklungunserer Anschauungen über das Wesen und die Konstitution der Strahlung\"พฒั นาการของมุมมองเกี่ยวกบั องคป์ ระกอบและหวั ใจสาํ คญั ของการแผร่ ังสี)วา่ ดว้ ยการพจิ ารณาแสงในเชิงปริมาณ ในบทความน้ี รวมถึงอีกบทความหน่ึงก่อนหนา้ น้นั ในปี เดียวกนั ไอน์ชไตนไ์ ดแ้ สดงวา่ พลงั งานควอนตมั ของมกั ซ์พลงั ค์ จะตอ้ งมีโมเมนตมั ที่แน่นอนและแสดงตวั ในลกั ษณะที่คลา้ ยคลึงกบัอนุภาคที่เป็ นจุด บทความน้ีไดพ้ ดู ถึงแนวคิดเริ่มตน้ เก่ียวกบั โฟตอน (แมใ้ นเวลาน้นั จะยงั ไมไ่ ดเ้ รียกดว้ ยคาํ น้ี ผตู้ ้งั ชื่อ 'โฟตอน' คือ กิลเบิร์ต เอน็ . ลิวอิส ในปี พ.ศ. 2469) และใหแ้ รงบนั ดาลใจเก่ียวกบั ความเก่ียวพนั กนั ระหวา่ งคลื่นกบัอนุภาค ในวชิ ากลศาสตร์ควอนตมั

งานวจิ ยั ของไอนช์ ไตน์หลงั จากทฤษฎีสมั พทั ธภาพทวั่ ไปมีหวั ใจหลกั อยทู่ ่ีการพยายามทาํ ใหท้ ฤษฎีแรงโนม้ ถว่ งสามารถอธิบายคุณสมบตั ิของแม่เหลก็ ไฟฟ้าได้ ปี พ.ศ. 2493 เขาไดพ้ ดู ถึงแนวคิดเรื่อง \"ทฤษฎีแรงเอกภาพ\" ในวารสารScientific American ในบทความช่ือวา่ \"On the Generalized Theory ofGravitation\" แมเ้ ขาจะไดร้ ับความยกยอ่ งอยพู่ อสมควร แต่ก็ไมค่ ่อยไดร้ ับการสนบั สนุนในการวจิ ยั เรื่องน้ี และความทุ่มเทส่วนใหญข่ องเขากไ็ มป่ ระสบความสาํ เร็จในความพยายามของไอน์ชไตนท์ ี่จะรวมแรงพ้นื ฐานท้งั หมดเขา้ ในกฎเดียวกนั เขาไดล้ ะเลยการพฒั นากระแสหลกั ในทางฟิ สิกส์ไปบางส่วน ที่สาํ คญั คือแรงนิวเคลียร์อยา่ งเขม้ และแรงนิวเคลียร์อยา่ งอ่อน ซ่ึงไมม่ ีใครเขา้ ใจมากนกั ตราบจนอีกหลายปี ผา่ นไปหลงั จากเขาเสียชีวติ ไปแลว้ ขณะเดียวกนั แนวทางพฒั นาฟิ สิกส์กระแสหลกั เองกล็ ะเลยแนวคิดของไอนช์ ไตน์เกี่ยวกบั การรวมแรงเช่นเดียวกนั คร้ันต่อมาความฝันของไอน์ชไตน์ในการรวมกฎฟิ สิกส์ท้งั หลายเกี่ยวกบั แรงโนม้ ถว่ งจึงเป็นแรงบนั ดาลใจสาํ คญั ตอ่ แนวทางศึกษาฟิ สิกส์ยคุ ใหม่โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ตอ่ ทฤษฎีแห่งสรรพส่ิงและทฤษฎีสตริงขณะท่ีมีความตื่นตวั มากข้ึนในสาขากลศาสตร์ควอนตมั ดว้ ย

ไอนช์ ไตนแ์ นะนาํ ใหแ้ อร์วนิ ชเรอดิงเงอร์นาํ เอาแนวคิดของมกั ซ์ พลงั คไ์ ปใช้ ที่มองระดบั พลงั งานของแก๊สในภาพรวมมากกวา่จะมองเป็นโมเลกลุ เดี่ยวๆชเรอดิงเงอร์ประยกุ ตแ์ นวคิดน้ีในบทความวจิ ยั โดยใชก้ ารกระจายตวั ของโบลทซ์มนั นเ์ พื่อหาคุณสมบตั ิทางอุณหพลศาสตร์ของแก๊สอุดมคติก่ึงคลาสสิกชเรอดิงเงอร์ขออนุญาตใส่ชื่อไอนช์ไตนเ์ ป็นผเู้ ขียนบทความร่วม แต่ต่อมาไอนช์ไตนป์ ฏิเสธคาํ เชิญน้นั

พ.ศ. 2469 ไอนช์ ไตนก์ บั ลูกศิษยเ์ ก่าคนหน่ึงคือ ลีโอ ซีลาร์ด นกั ฟิ สิกส์ชาวฮงั การีผตู้ ่อมาได้ร่วมในโครงการแมนฮตั ตนั และไดร้ ับยกยอ่ งในฐานะผคู้ น้ พบห่วงโซ่ปฏิกิริยา ท้งั สองไดร้ ่วมกนัประดิษฐ์ ตูเ้ ยน็ ไอน์ชไตน์ ซ่ึงเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวเลย และใชพ้ ลงั งานนาํ เขา้เพียงอยา่ งเดียวคือพลงั งานความร้อนสิ่งประดิษฐน์ ้ีไดจ้ ดสิทธิบตั รในปี พ.ศ. 2473

บอร์ กับไอน์ ชไตน์ ราวคริสตท์ ศวรรษ 1920 มีการพฒั นากลศาสตร์ควอนตมั ใหเ้ ป็ นทฤษฎีท่ีสมบูรณ์ยงิ่ ข้ึน ไอนช์ ไตนไ์ มค่ อ่ ยเห็นดว้ ยนกั กบั การตีความโคเปนเฮเกนวา่ ดว้ ยทฤษฎีควอนตมั ซ่ึงพฒั นาข้ึนโดย นีลส์ บอร์ กบั แวร์เนอร์ ไฮเซนแบร์ก ซ่ึงอธิบายปรากฏการณ์ทางควอนตมั วา่ เป็ นเรื่องของความน่าจะเป็ น ท่ีจะส่งผลต่อเพียงอนั ตรกิริยาในระบบแบบด้งั เดิม มีการโตว้ าทีสาธารณะระหวา่ งไอนช์ ไตนก์ บั บอร์สืบต่อมาเป็นเวลายาวนานหลายปี (รวมถึงในระหวา่ งการประชุมซอลเวยด์ ว้ ย) ไอนช์ ไตนส์ ร้างการทดลองในจินตนาการข้ึนเพอ่ื โตแ้ ยง้การตีความโคเปนเฮเกน แต่ภายหลงั ก็ถูกบอร์พสิ ูจนแ์ ยง้ ได้ ในจดหมายฉบบั หน่ึงซ่ึงไอน์ชไตนเ์ ขียนถึง มกั ซ์ บอร์น ในปี พ.ศ. 2469 เขาบอกวา่ \"ผมเชื่อวา่ พระเจา้ ไมไ่ ดส้ ร้างสรรพสิ่งดว้ ยการทอยเต๋า\" ไอน์ชไตน์ไมเ่ คยพอใจกบั สิ่งท่ีเขาไดร้ ับรูเ้ กี่ยวกบั การอธิบายถงึ ธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ในทฤษฎีควอนตมั ในปี พ.ศ. 2478 เขาคน้ ควา้ เพมิ่ เติมในประเด็นเหล่าน้ีร่วมกบั เพ่ือนร่วมงานอีก 2 คน คือ บอริส โพโดลสกี และ นาธาน โรเซน และต้งั ขอ้ สงั เกตวา่ ทฤษฎีดงั กล่าวดูจะตอ้ งอาศยั อนั ตรกิริยาแบบไมแ่ บ่งแยกถิ่น ตอ่ มาเรียกขอ้ โตแ้ ยง้ น้ีวา่ EPR พาราด็อกซ์ (มาจากนามสกลุ ของไอนช์ ไตน์ โพโดลสกี และโรเซน) การทดลอง EPR ไดจ้ ดั ทาํ ข้ึนในเวลาตอ่ มา และไดผ้ ลลพั ธท์ ่ีช่วยยนื ยนั การคาดการณ์ตามทฤษฎีควอนตมั ส่ิงที่ไอนช์ ไตนไ์ ม่เห็นดว้ ยกบั แนวคิดของบอร์เก่ียวพนั กบั แนวคิดพ้ืนฐานในการพรรณนาถึงวทิ ยาศาสตร์ ดว้ ยเหตุน้ีการโตว้ าทีระหวา่ งไอน์ชไตน์กบั บอร์จึงไดส้ ่งผลสืบเน่ืองออกไปเป็นการววิ าทะในเชิงปรัชญาดว้ ย

รางวลั โนเบล พ.ศ. 2465 ไอนช์ ไตน์ไดร้ ับรางวลั โนเบลสาขาฟิ สิกส์ประจาํ ปี 2464ในฐานะที่ \"ไดอ้ ุทิศตนแก่ฟิ สิกส์ทฤษฎี โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การคน้ พบกฎท่ีอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทริก\" ซ่ึงเป็ นการอา้ งอิงถึงงานเขียนของเขาในปี 2448 \"โดยใชม้ มุ มองจากจิตสาํ นึกเกี่ยวกบั การเกิดและการแปรรูปของแสง\" แนวคิดของเขาไดร้ ับการพสิ ูจน์อยา่ งหนกั แน่นจากผลการทดลองมากมายในยคุ น้นั สุนทรพจน์ในการมอบรางวลั ยงั ระบุไวว้ า่ \"ทฤษฎีสมั พทั ธภาพของเขาเป็ นหวั ขอ้ ถกเถียงที่น่าสนใจที่สุดในวงวชิ าการ (และ) มีความหมายในทางฟิ สิกส์ดาราศาสตร์ซ่ึงประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งชดั เจนในปัจจุบนั \" เช่ือกนั มานานวา่ ไอนช์ ไตนม์ อบเงินรางวลั จากโนเบลท้งั หมดใหแ้ ก่ภรรยาคนแรก คือมิเลวา มาริค สาํ หรับการหยา่ ขาดจากกนั ในปี พ.ศ. 2462 แต่จดหมายส่วนตวั ที่เพิง่เปิ ดเผยข้ึนในปี พ.ศ. 2549 บ่งบอกวา่ เขานาํ ไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา และสูญเงินไปเกือบหมดจากเหตกุ ารณ์เศรษฐกิจตกต่าํ คร้ังใหญ่ ไอนช์ ไตน์เดินทางไปนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็ นคร้ังแรก เม่ือ 2 เมษายน พ.ศ. 2464 เม่ือมีผถู้ ามวา่ เขาไดแ้ นวคิดทางวทิ ยาศาสตร์มาจากไหน ไอนช์ ไตนอ์ ธิบายวา่ เขาเชื่อวา่งานทางวทิ ยาศาสตร์จะกา้ วหนา้ ไดจ้ ากการทดลองทางกายภาพและการคน้ หาความจริงท่ีซ่อนเอาไว้โดยมีคาํ อธิบายที่สอดคลอ้ งกนั ไดใ้ นทุกสภาวการณ์โดยไม่ขดั แยง้ กนั เอง ไอนช์ไตนย์ งั สนบั สนุนทฤษฎีท่ีคน้ หาผลลพั ธใ์ นจินตนาการดว้ ย

มรดก ระหวา่ งท่ีเดินทางท่องเท่ียว ไอนช์ ไตนไ์ ดเ้ ขียนบนั ทึกประจาํ วนั ส่งใหภ้ รรยาของเขา คือเอลซา กบั บุตรบุญธรรมอีกสองคนคือมาร์กอ็ ตและอิลซา จดหมายเหล่าน้ีรวมอยใู่ นเอกสารที่ยกใหแ้ ก่มหาวทิ ยาลยั ฮีบรู มาร์กอ็ ต ไอนช์ ไตน์ อนุญาตใหเ้ ผยแพร่จดหมายส่วนตวั แก่สาธารณชนได้ แต่จะตอ้ งเป็นเวลา 20 ปี หลงั จากเธอเสียชีวติ แลว้ เท่าน้นั (มาร์กอ็ ตเสียชีวติ ในปี พ.ศ. 2529) บาร์บารา โวลฟ์ ผดู้ ูแลรักษาเอกสารของไอนช์ ไตนท์ ี่มหาวทิ ยาลยั ฮีบรู ใหส้ มั ภาษณ์กบั สถานีโทรทศั นบ์ ีบีซีวา่ มีจดหมายติดต่อส่วนตวั ระหวา่ งช่วงปี พ.ศ. 2455-2498เป็นจาํ นวนมากกวา่ 3,500 หนา้ สถาบนั วทิ ยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา จดั สร้างรูปป้ันอนุสรณ์อลั แบร์ท ไอนช์ ไตน์ เป็นทองแดงและหินอ่อนและสลกั โดยโรเบิร์ต เบิร์คส์ ในปี พ.ศ. 2522 ต้งั อยทู่ ่ีกรุงวอชิงตนั ดี.ซี ใกลก้ บั National Mall ไอนช์ ไตนท์ าํ พินยั กรรมยกลิขสิทธ์ิการใชง้ านภาพของเขาท้งั หมดใหแ้ ก่มหาวทิ ยาลยั ฮีบรู กรุงเยรูซาเลม็ ต่อมา บริษทั คอร์บิส คอร์ปอเรชน่ั ไดร้ ับอนุญาตใหใ้ ชช้ ื่อและภาพต่างๆ ของเขา ในฐานะตวั แทนผมู้ ีอาํ นาจแทนมหาวทิ ยาลยั ฮีบรู



ประวตั ิผจู้ ดั ทาํ ชื่อ นางสาวขตั ติยา ทองอินทร์เลขท่ี 2 หอ้ ง ปวส 1/17 สาขาการท่องเท่ียวE-book นาํ เสนอประวตั ิอลั เบิร์ต ไอนส์ ไตน์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook