การเงินดิจิทัล
ธุครำกศรัพรมท์ททีา่เงกกี่ยาวรเข้งอินงกดัิบจิทัล
1. Blockchain \"บล็อกเชน\" คือเทคโนโลยีการเก็บข้อมูล ที่ไม่มีตัวกลาง ใช้รูปแบบการจัดเก็บ เป็นสำเนาไว้ในเครื่องของทุกคนที่ใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้ทุกคนรู้ว่าใคร เป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลตัวจริง เมื่อมีการอัพเดทข้อมูลใดๆ สำเนาข้อมูล ในฐานเดียวกันก็จะอัพเดทตามไปด้วยทันที ทำให้ปลอมแปลงข้อมูลได้ยาก ระบบนี้ถูกนำมาใช้ในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึง \"Bitcoin\" อีกทั้งยัง สามารถพัฒนาไปใช้ในระบบอื่นๆ ที่ต้องการความโปร่งใสได้ด้วย
2. Cryptocurrency \"คริปโทเคอร์เรนซี\" คือ \"สินทรัพย์ดิจิทัล\" ประเภทหนึ่งที่อยู่ในระบบบล็อก เชน เกิดขึ้นมาเพื่อใช้แลกเปลี่ยนคล้ายกับเงิน แต่ไม่มีรูปร่าง จับต้องไม่ได้ จึงจัดว่าเหรียญคริปโทฯ เหล่านี้ เป็นทรัพย์สินดิจิทัล ที่สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน และสะสมได้
3. NFT (Non-Fungible Token) \"NFT\" คือสินทรัพย์ดิจิทัลอีกประเภทหนึ่งในระบบบล็อกเชน ที่มีจุดเด่นคือ สามารถใช้แสดงความเป็นเจ้าของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถทำซ้ำหรือ ทดแทนกันได้ NFT ในต่างประเทศ เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะใน แวดวงงานศิลปะและนักสะสมที่เข้ามาสร้างตัวตนแบบดิจิทัลกันมากขึ้น เช่น งานศิลปะ เกม และการลงทุน ฯลฯ
4. DeFi (Decentralized Finance) ระบบการเงินแบบ \"ไม่มีศูนย์กลาง\" หรือ ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ต่างๆ ผ่านระบบ Blockchain ไม่ต้องผ่านตัวกลางที่เป็นธนาคาร \"DeFi\" จะถูกสร้างบนระบบนิเวศน์ของ \"Ethereum\" ทุกธุรกรรมจะดำเนิน การผ่าน \"Smart Contract\" หรือสัญญาซื้อขายเงินดิจิทัล ซึ่งข้อดีคือ ไม่ว่าใครก็จะไม่สามารถแก้ไข หรือปลอมแปลงข้อมูลในธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้ ทำให้ระบบ DeFi มีความโปร่งใสเพราะไม่ว่าใครก็สามารถเข้าตรวจสอบ ผ่าน Smart Contract ได้ทุกเวลานั่นเอง
5. CBDC (Central Bank Digital Currency) \"สกุลเงินดิจิทัล\" ที่ออกโดยธนาคารกลาง หรือธนบัตรในรูปแบบดิจิทัล มี มูลค่าคงที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ช่วยลดค่าธรรมเนียมที่ไม่ จำเป็น ปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือสูง
6. Metaverse \"เมตาเวิร์ส\" หรือ \"เทคโนโลยีเสมือนจริง\" คือเทคโนโลยีที่ผสมผสาน \"โลกความจริง\" และ \"เทคโนโลยี\" ที่เป็นเรื่องจินตนาการเข้าด้วยกัน ทำให้ มนุษย์สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้ในโลกเสมือนที่สร้างขึ้น ที่เกิด เป็นการปฏิสัมพันธ์หรือมูลค่าต่างๆ ตามมา เช่น ไปทำธุรกรรมที่ธนาคารบน โลกเสมือนจริง แต่ตัวนั่งอยู่ที่บ้าน เป็นต้น
7. BIN attack ภัยทางไซเบอร์อย่างหนึ่ง ที่เป็นลักษณะการ \"หลอกขอข้อมูล\" สุ่มเลขบัตร หรือใช้ข้อรั่วไหลจากแพลตฟอร์มเสี่ยง เพื่อตัดเงินผ่านบัตรเดบิต/เครดิต โดยที่เจ้าของบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
8. e-KYC (Electronic Know Your Customer) ระบบการระบุตัวตนและพิสูจน์ตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ให้บริการ ทางการเงินจะผู้ใช้บริการทำเพื่อป้องกันการสวมรอยแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่นการทำ NDID การจดจำใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ ฯลฯ
9. NDID (National Digital ID) \"NDID\" คือการบริการ \"ยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล\" เพื่อสมัครบริการ ทางการเงินต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การเปิดบัญชีเงินฝาก สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปแสดงตัวตนที่สาขา และปลอดภัยตามมาตรฐาน สากล
10. OTP (One Time Password) รหัสผ่าน ที่ใช้ครั้งเดียวในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อยืนยันตนก่อนทำ ธุรกรรมออนไลน์
Cryสpกtุoลcเuงิrนrency
CBDC (CENTRAL BANK DIGITAL CURRENCY) คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง หรือธนบัตรในรูปแบบดิจิทัล มีมูลค่า คงที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ช่วยลดค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น ปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือสูง
Bitcoin เป็นเงินดิจิทัลแรกที่ทำให้ทำคนทั้งโลกได้รู้จักสกุลเงินดิจิทัลและเกิด กระแสการขุดบิตคอยน์กันไปทั่วโลก เป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมาก ที่สุดและมูลค่าที่ถูกกำหนดไว้ประมาณ 21 ล้านเหรียญสหรัฐ
Bitcoin Cash เป็นสกุลเงินที่แยกออกมาจาก Bitcoin Blockchain นักลงทุนหลายรายเชื่อ ว่า Bitcoin Cash จะเป็นสกุลเงินที่จะมาแรงกว่า Bitcoin เนื่องจากมีสภาพ คล่องสูงจะช่วยลดระยะเวลาการทำธุรกรรมให้ไวขึ้น ซึ่งสามารถโอนได้ทันที เมื่อเกิดการซื้อขาย – ขายนั่นเอง
Ethereum เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากฝีมือชาวรัสเซีย โดยใช้ระบบ Blockchain ทำงานเบื้องหลัง Ethereum ความนิยมรองลงมาจาก Bidcoin ด้วยเทคโนโลยีที่มีความโดดเด่นอย่าง Smart Contract ที่สามารถนำไป ประยุกต์ใช้ได้ในหลายธุรกิจทั่วโลกทำให้มูลค่าเหรียญ Ethereum เพิ่มขึ้น อย่างมหาศาลนับตั้งแต่เปิดตัว
Etheremu Classic เป็นสกุลเงินดิจิทัลแยกตัวออกมาจาก Ethereum เกิดขึ้นจากกลุ่ม พัฒนาเก่าของ Blockchain
Litecoin หรือ LTC เกิดมาจากกระบวนการ Hard Fork จากบิตคอยน์ ที่เปลี่ยนแปลง กระบวนการทำงานของ Blockchain จนแยกตัวออกมาเป็oเครือข่าย ใหม่ ซึ่ง Litecoin จะมีคุณสมบัติการทำงานที่คล้ายกับบิตคอยน์ ที่ สามารถเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกรรม หยืดหยุ่น และรวดเร็วมากกว่า
Ripple หรือXPR มีความแตกต่างจากเงินสกุลอื่น ๆ ตรงที่สกุลเงินที่ไม่สามารถขุดได้โดย คอมพิวเตอร์ แต่ถูกกำหนดขึ้นจากบริษัท Ripple ที่เป็นบริษัทที่ให้ บริการด้านการทำธุรกรรมแก่ธนาคารทั่วโลก มีจุดเด่นคือสามารถเพิ่มความ รวดเร็วและความโปร่งใสในการทำธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและ เป็นที่ยอมรับจากธนาคารหลายหลายแห่งอีกด้วย
Stellar XLM เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้งานในเครือข่าย Blockchain แบบ Open Source ที่ออกแบบมาให้รองรับธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศที่รองรับทุกๆ สกุล เงิน Stellar ไม่สามารถขุดได้ นักลงทุนต้องหาจากการซื้อขายเหรียญ หรือ การเข้าร่วมงานอีเวนท์ของ Stellar เท่านั้น
Tether เหรียญที่ถูกเรียกว่าเป็น \"stablecoin\" เนื่องจากมูลค่าของเหรียญ Tether หรือ USDT นั้น ขึ้นอยู่กับค่าเงิน USD และเงิน fiat สกุลอื่น ๆ อีก มากมาย เหรียญ USDT ถูกนำมาใช้เป็นโทเค็นบนบล็อกเชนของระบบ Omni (Omni protocol) ตามกฎแล้ว ธุรกรรมบน Omni จะถูกบันทึกบน ธุรกรรมของบิทคอยน์และใช้เลข hash อันเดียวกัน
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: