บทท่ี 3 การเขยี นโครงร่างการวจิ ยั 1. โครงร่างการวจิ ยั (Research Proposal) โดยหลกั การทว่ั ๆ ไป ก่อนทาวจิ ยั เรื่องใดเร่ืองหน่ึง ผวู้ จิ ยั ตอ้ งเขียนโครงร่างการวจิ ยั ก่อน ซ่ึงการเขียนโครงร่างการวจิ ยั เป็นการกาหนดแผน รายละเอียดของกระบวนการวจิ ยั อยา่ งเป็นระบบ ไวล้ ่วงหนา้ ทาใหม้ องเห็นแผนงานวจิ ยั ในการปฏิบตั ิจริงได้ และใชเ้ ป็นแนวทางการวจิ ยั ใหบ้ รรลุ วตั ถุประสงคต์ ามท่ีกาหนดไว้ โครงร่างการวจิ ยั เป็นงานที่ตอ้ งทาตอ่ จากข้นั ตอนการกาหนดปัญหา โดยเป็นการวางแผน เพ่ิมเติมเกี่ยวกบั วธิ ีดาเนินการศึกษา ไดแ้ ก่ การเลือกกลุ่มตวั อยา่ งในการวจิ ยั การกาหนดเครื่องมือ รวมถึงการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ตลอดจนเอกสารที่ศึกษาคน้ ควา้ 2. ส่วนประกอบของโครงร่างการวจิ ยั โดยทวั่ ไปโครงร่างการวจิ ยั ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ เหล่าน้ี 1. ชื่อเร่ืองหรือหวั ขอ้ ปัญหาการวจิ ยั ตอ้ งมีชื่อเรื่องเป็นท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ตอ้ ง ใชภ้ าษาที่อา่ นเขา้ ใจง่าย ชดั เจน ถูกตอ้ งตามหลกั การใชภ้ าษา 2. ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา 3. จุดมุง่ หมายของการวจิ ยั 4. ความสาคญั ของการวจิ ยั 5. ขอบเขตของการวจิ ยั 6. นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 7. ขอ้ ตกลงเบ้ืองตน้ 8. เอกสารและงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง 9. สมมุติฐาน 10.วธิ ีดาเนินการศึกษา เป็นการเขียนอธิบายวา่ หวั ขอ้ ปัญหาน้นั ใชศ้ ึกษากบั ใคร ใช้ เครื่องมืออะไร รวบรวมขอ้ มูลอยา่ งไร และจะวเิ คราะห์ขอ้ มูลดว้ ยวธิ ีการอยา่ งไร ประกอบดว้ ย หวั ขอ้ ยอ่ ย ดงั น้ี 10.1 กลุ่มตวั อยา่ ง เขียนใหท้ ราบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งเป็นใคร ไดม้ าจากไหน ไดม้ าโดย การสุ่มแบบใด มีการสุ่มหรือไม่มี ตอ้ งเขียนใหช้ ดั เจน และตอ้ งระบุดว้ ยวา่ มีจานวนกลุ่มตวั อยา่ ง
22 เท่าใด เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นคาดคะเนไดว้ า่ เป็นตวั แทนของประชากรไดม้ ากนอ้ ยแคใ่ ด ถา้ เป็นการศึกษาจาก ประชากรตอ้ งระบุใหช้ ดั เจน 10.2 เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั มีลกั ษณะอยา่ งไร ใหค้ ะแนนอยา่ งไร ผวู้ จิ ยั สร้าง เครื่องมือข้ึนเอง หรือปรับปรุงจากเครื่องมือผวู้ จิ ยั ท่านอ่ืน มีวธิ ีการสร้างและตรวจสอบคุณภาพ อยา่ งไร และบางกรณีตอ้ งแสดงตวั อยา่ งเคร่ืองมือประกอบดว้ ย 10.3 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เป็นการอธิบายวา่ ผวู้ จิ ยั เกบ็ ขอ้ มลู อยา่ งไร เก็บดว้ ย ตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ 11. บรรณานุกรม (Biography) การเขียนตอ้ งใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การเขียนบรรณานุกรม โดยเสนอรายชื่อเป็นภาษาไทย ก่อนแลว้ ตามดว้ ยภาษาองั กฤษ 3. ประโยชน์ของการเขยี นโครงร่างการวจิ ยั 1.เพื่อเป็นแนวทางใหผ้ วู้ จิ ยั ดาเนินการตามแผนท่ีวางไวอ้ ยา่ งเป็นระบบ แต่ละข้นั ตอนใด ควรทาก่อนหลงั ทาใหง้ านวจิ ยั น้นั สาเร็จลุล่วงไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 3.ใชแ้ สดงเพื่อผอู้ นุมตั ิทาการวจิ ยั พจิ ารณาตดั สินใจวา่ สมควรใหท้ าหรือไม่ ใหท้ ุนหรือไม่ 4. ช่วยใหผ้ วู้ จิ ยั มองเห็นแนวทางในการแกป้ ัญหาท่ีอาจเกิดข้ึนได้ 5. ช่วยช้ีแนะเร่ืองตวั แปรท่ีศึกษา การเลือกกลุ่มตวั อยา่ ง และสถิติในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
23 ตัวอย่างแบบเสนอโครงการวจิ ัย ชื่อโครงการวจิ ัย ....................................................................... หวั หน้าโครงการวจิ ัย ระบุชื่อ – สกุล ตาแหน่ง ............................. ผ้รู ่วมวจิ ัย ระบุชื่อ-สกลุ ตาแหน่ง ................. ระบุช่ือ-สกลุ ตาแหน่ง ...................... ระบุชื่อ-สกุลตาแหน่ง …………….. ทป่ี รึกษาโครงการวจิ ัย (ระบุช่ือ สกุล ตาแหน่ง และสถานท่ีปฏิบตั ิงาน) ................................ ความเป็ นมาและความสาคญั ของปัญหา ตอ้ งระบุว่าปัญหาการวิจยั คืออะไร มีความเป็ นมาหรือภูมิหลงั อย่างไร มีความสาคญั รวมท้งั ความจาเป็น คุณค่า และประโยชน์ ท่ีจะไดจ้ ากผลการวจิ ยั ในเรื่องน้ี โดยผวู้ ิจยั ควรเร่ิมจากการเขียน ปูพ้ืนโดยมองปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาอย่างกวา้ งๆ ก่อนวา่ สภาพทว่ั ๆไปของปัญหาเป็ นอย่างไร และภายในสภาพท่ีกล่าวถึง มีปัญหาอะไรเกิดข้ึนบา้ ง ประเด็นปัญหาท่ีผวู้ ิจยั หยิบยกมาศึกษาคือ อะไร ระบุวา่ มีการศึกษาเก่ียวกบั เร่ืองน้ี มาแลว้ หรือยงั ท่ีใดบา้ ง และการศึกษาท่ีเสนอน้ีจะช่วยเพิ่ม คุณคา่ ต่องานดา้ นน้ี ไดอ้ ยา่ งไร วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย ระบุวา่ ตอ้ งการศึกษาอะไรในแง่มุมใดและเรื่องท่ีศึกษาตอ้ งอยใู่ นกรอบของหวั เรื่องท่ีทาวจิ ยั วตั ถุประสงค์ท่ีเขียนทุกขอ้ ตอ้ งสามารถศึกษาได้ กระทาได้ หรือเก็บขอ้ มูลไดท้ ้งั หมด ตอ้ งเขียน วตั ถุประสงคใ์ นลกั ษณะท่ีส้ัน กะทดั รัด ให้ภาษาง่าย ควรเขียนในรูปประโยคบอกเล่าสามารถเขียน ในรูปของการเปรียบเทียบ เพ่ือเนน้ ความแตกต่าง หรือเขียนในรูปของความสัมพนั ธ์ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั สิ่งท่ีตอ้ งการศึกษาวิจยั ในปัญหาน้นั ๆ สามารถเขียนเป็ นขอ้ เดียว หรือเขียนแยกเป็ นขอ้ ๆ ก็ได้ ถา้ เขียนวตั ถุประสงคแ์ ยกเป็นขอ้ ๆ แต่ละขอ้ จะระบุปัญหาที่ศึกษาเพียงประเด็นเดียวเท่าน้นั ห้ามเขียน รวบประเด็นปัญหาหลาย ๆ ประเด็น เอาไวใ้ นวตั ถุประสงค์ขอ้ เดียวกนั จานวนของวตั ถุประสงค์ มากน้อยแค่ไหนข้ึนอยู่กบั ขอบเขต ซ่ึงรวมถึงความกวา้ งและความแคบของปัญหาวิจยั ที่ผูว้ ิจยั ตอ้ งการศึกษา การเรียงหวั ขอ้ วตั ถุประสงค์ สามารถเรียงไดห้ ลายลกั ษณะ เช่น เรียงตามความสาคญั ของประเด็นลดหลนั่ ลงมาหรืออาจเรียงตามความสอดคล้องของเน้ือหา ในประเด็นวิจยั แต่ละ ประเดน็ หรืออาจเรียงตามลาดบั การเกิดก่อน เกิดหลงั ของแต่ละปัญหาก็ได้ หา้ มนาประโยชน์ท่ีคาด วา่ จะไดร้ ับมาเขียนไวใ้ นวตั ถุประสงคก์ ารวิจยั เพราะวตั ถุประสงคเ์ ป็ นเรื่องท่ีผูว้ ิจยั จะตอ้ งทา แต่ ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ เป็ นผลที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนหลงั สิ้นสุดการวิจยั ซ่ึงอาจจะเป็ นหรือไม่เป็ น
24 เรื่องบงั คบั ใหผ้ วู้ จิ ยั ทาเหมือนวตั ถุประสงค์ โดยสรุปแลว้ การเขียนวตั ถุประสงคข์ องการวิจยั ตอ้ งใช้ ขอ้ ความท่ีชดั เจน บอกวตั ถุประสงคห์ รือความตอ้ งการวา่ จะทาอะไร อย่างไร กบั ใครคาที่ใช้เขียน ข้ึนตน้ วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั เช่น เพ่ือสารวจเพ่ือระบุ เพ่ือทดสอบ เพ่ือยืนยนั เพ่ือเปรียบเทียบ เพ่อื กาหนด เพือ่ คน้ หา เพื่อวดั ผล เพอื่ อธิบาย เพ่อื บรรยาย เพ่อื ตรวจสอบ เป็นตน้ ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ ให้ระบุส่ิงท่ีเป็ นประโยชน์จากขอ้ คน้ พบไม่วา่ ขอ้ คน้ พบน้นั จะเป็ นไปตามท่ีผวู้ จิ ยั คาดหวงั หรือไม่แตส่ ิ่งท่ีคน้ พบจะเป็นประโยชนอ์ ยา่ งนอ้ ยก็ทาใหไ้ ม่ตอ้ งเสียเวลาทาวจิ ยั แนวทางเดิมและระบุ วา่ การไดท้ ราบขอ้ มูลสารสนเทศน้นั แลว้ จะเกิดประโยชนอ์ ะไรบา้ ง แนวคิดในการวจิ ัย ประกอบด้วยวิธีการแก้ปัญหา และวตั ถุประสงค์โดยช้ีให้เห็นความเชื่อมโยงและ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรต่าง ๆ ที่ศึกษากบั ส่ิงท่ีตอ้ งการจะรู้ นิยามปฏิบตั กิ าร ตวั แปรทุกตวั ท่ีอยใู่ นแนวคิดการวจิ ยั ตอ้ งมีนิยามปฏิบตั ิการใหเ้ นน้ ถึงวธิ ีการวดั สมมุติฐาน เป็นการคาดเดาความสมั พนั ธ์หรือความแตกต่างของตวั แปรตาม จาแนกตามตวั แปรอิสระท่ี ตอ้ งการศึกษา วธิ ีดาเนินการวจิ ัย ระบุรูปแบบการวิจยั ประชากร กลุ่มตวั อยา่ งและการเลือกกลุ่มตวั อย่าง เครื่องมือท่ีใช้ใน การเก็บรวบรวมขอ้ มูล การหาคุณภาพของเครื่องมือ ระยะเวลาและวธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มูล การ พิทกั ษส์ ิทธ์ิของผใู้ หข้ อ้ มลู /ประเดน็ ทางจริยธรรม รวมท้งั การวเิ คราะห์ขอ้ มลู การดาเนินงาน บอกกาหนดเวลาเร่ิมตน้ จนสิ้นสุดของแตล่ ะข้นั ตอนของการดาเนินการวจิ ยั นาเสนอดว้ ยผงั กากบั การดาเนินงาน (ดงั ตวั อยา่ ง) ลาดบั กิจกรรม ปี พ.ศ …………..
25 มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. 1. เสนอโครงร่างวจิ ยั 2. ทบทวน วรรณกรรม 3. พฒั นา แบบสอบถาม 4. ตรวจสอบ คุณภาพของ เคร่ืองมือ 5. เก็บรวบรวม ขอ้ มลู 6. วเิ คราะห์ขอ้ มูล 7. อภิปราย ผลการวจิ ยั 8. จดั ทารูปเล่ม 9. เผยแพร่ ผลการวจิ ยั งบประมาณ - ค่าถ่ายเอกสาร คา่ พิมพร์ ายงานการวจิ ยั คา่ วเิ คราะห์ขอ้ มูล - ค่าจดั ทารูปเล่ม รวมเป็นเงินท้งั สิ้น ............................ บาท (ตวั อกั ษรการรวมคา่ ใชจ้ ่ายท้งั สิ้น) ลงชื่อ .................................................... หวั หนา้ โครงการ (...................................................)
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: