ธรุ กจิ และการเป็ นผปู้ ระกอบการ บทที่ 8 สทิ ธิและหนา้ ท่ขี องคนทางาน 20001-1003
บทที่ 8 : สทิ ธิ สิทธิ (Right) คือ อำนำจอนั ชอบธรรม ซึ่งบคุ คลทกุ คนพึงมีพึงได้ โดยไมไ่ ปเบียดเบียนคนอื่น รฐั บำลกำหนดสิทธิพ้ืนฐำนใหล้ กู จำ้ ง และ กำหนดหนำ้ ท่ีใหน้ ำยจำ้ งตอ้ งทำตำมกฎหมำยท่ีกำหนดไว้ ถำ้ ไมก่ ำหนดลกู จำ้ งอำจจะโดนเอำเปรยี บได้
บทที่ 8 : กฎหมายท่ีเก่ียวกบั แรงงาน กฎหมายการคมุ้ ครองแรงงานและสวสั ดกิ ารแรงงาน 1. การเกณฑแ์ รงงานหรือแรงงานบงั คบั คือ งำนหรอื บรกิ ำรทกุ ชนิดท่ีเอำจำกบคุ คล ดว้ ยกำรขหู่ รอื ลงโทษ โดยท่ีไมไ่ ดส้ มคั รใจ ยกเวน้ ทหำร หรือ กรณีฉกุ เฉิน เชน่ สงคราม, ภยั พบิ ตั ิ
บทที่ 8 : กฎหมายที่เก่ยี วกบั แรงงาน 2. อายขุ นั้ ตา่ ที่อนญุ าตใหท้ างานในเหมอื งใตด้ นิ (พรบ. พ.ศ.2541) หา้ มนายจา้ งใหล้ กู จา้ งซ่ึงเป็ นเด็กอำยตุ ่ำกวำ่ 18 ปี ทำงำนใตด้ ิน ใตน้ ้ำ ในถ้ำ ในอโุ มงค์ หรอื ปลอ่ งภเู ขำ 3. นา้ หนกั สงู สดุ ท่ีอนญุ าตใหค้ นหนงึ่ แบกหามได้ (ประกาศกระทรวง18 มกราคม พ.ศ.2533) หา้ มเด็กอำยตุ งั้ แต่ 13ปี แต่ไมถ่ ึง 15ปี ทำงำนยก แบก หำม หำบ หรอื ลำกสงิ่ ของท่ีมีน้ำหนกั เกนิ 10 กิโลกรมั
บทที่ 8 : กฎหมายท่ีเกย่ี วกบั แรงงาน ประกาศกระทรวง 16 เมษายน พ.ศ.2515 หา้ มใชล้ กู จำ้ งหญิง ทำงำนยก แบก หำม หำบ หรอื ลำกสง่ิ ของที่มีน้ำหนกั เกนิ ตำมกำหนด 30 กิโลกรมั สาหรบั การทำงำนในท่ีรำบ 25 กิโลกรมั สาหรบั การทางานที่ตอ้ งข้ึนบนั ไดหรอื ท่ีสงู 600 กโิ ลกรมั สาหรบั การลำกหรือเข็นของท่ีตอ้ งบรรทกุ ลอ้ เลื่อนท่ีใชร้ ำง 300 กโิ ลกรมั สาหรบั การลำกหรือเข็นของท่ีตอ้ งบรรทกุ ลอ้ เล่อื นท่ีไม่ใชร้ ำง
บทที่ 8 : กฎหมายที่เกีย่ วกบั แรงงาน 4. สวสั ดกิ ารแรงงาน คือ สิ่งท่ีจงู ใจ ใหล้ กู จา้ งทางานโดยไดร้ บั ผลตอบแทนการทางาน นอกเหนอื จากคา่ จา้ ง รปู แบบสวสั ดิกำรแรงงำน มี 2 ประเภท • สวสั ดกิ ารแรงงานดำ้ นเศรษฐกิจ = เงนิ กยู้ ืม เงนิ สะสม คา่ รกั ษาพยาบาล เป็ นตน้ • สวสั ดกิ ารแรงงานดำ้ นสงั คม = การส่งเสริมดา้ นการศึกษา การอบรม การ ชว่ ยเหลอื ครอบครวั ลกู จา้ ง เป็ นตน้
บทที่ 8 : Bi-Partism ความสมั พนั ธแ์ บบทวิภาคี (Bi-Partism) เป็ นความสมั พนั ธท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งระหวา่ ง นายจา้ งและลกู จา้ ง ผลประโยชนร์ ่วม นายจา้ ง ลกู จา้ ง
บทที่ 8 : Bi-Partism วตั ถปุ ระสงคข์ องกำรรว่ มมือแบบทวิภำคี 1. สง่ เสริมจริยธรรม หรือศีลธรรม 2. สง่ เสริมประชาธิปไตย 3. สง่ เสริมดา้ นเศรษฐกจิ กำรรว่ มมือทำใหข้ อ้ ขดั แยง้ ลดลง และทำงำนอยำ่ งมีประสทิ ธิภำพมำกข้ึน
บทท่ี 8 : Bi-Partism ความสมั พนั ธแ์ บบทวิภาคี (Tri-Partism) เป็ นความสมั พนั ธท์ ่เี กย่ี วขอ้ งระหวา่ ง นายจา้ ง ลกู จา้ ง และรฐั บาล ผลประโยชนร์ ว่ ม นายจา้ ง ลกู จา้ ง รฐั บาล
บทท่ี 8 : Tri-Partism วตั ถปุ ระสงคข์ องกำรรว่ มมือแบบไตรภำคี 1. ชว่ ยใหท้ กุ ฝ่ ายมคี วามเขา้ ใจที่ตรงกนั 2. ปรบั สมดลุ ทางดา้ นผลประโยชน์ 3. ชว่ ยสาทอ้ นใหเ้ ห็นถึงปัญหาดา้ นเศรษฐกจิ 4. ทาใหเ้ กดิ ความเห็นพอ้ งตอ้ งกนั อย่างกวา้ งขวา 5. ชว่ ยลดความขดั แยง้ 6. สง่ เสริมใหเ้ กิดนโยบายใหมๆ่ กำรรว่ มมือทำใหข้ อ้ ขดั แยง้ ลดลง และทำงำนอยำ่ งมีประสิทธิภำพมำกข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: