1
2 1.1 องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ 1.2 สว่ นประกอบของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 1.3 หลกั การทางานของคอมพวิ เตอร์ ระบบของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ตลอดจนพีเพิลแวร์ในแต่ส่วน เป็นส่งิ สาคญั ของการทางานของเครื่องคอมพวิ เตอร์ซง่ึ ประกอบด้วยสว่ นย่อย ๆ เป็นสว่ นต่าง ๆ โดยรวมแล้ว ก็จะเป็ นในสว่ นของตวั เคร่ืองต่าง ๆ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อปุ กรณ์ท่ีนามาใช้ร่วม และสว่ นท่ีสาคญั อย่าง หนง่ึ คือในสว่ นของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทงั้ นีต้ ้องมบี คุ ลากรร่วมเป็ นตวั กลางระหว่างคอมพิวเตอร์ อปุ กรณ์ กบั บคุ ลากร 1. บอกองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ได้ 2. บอกสว่ นประกอบของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ได้ 3. อธิบายหลกั การทางานของคอมพิวเตอร์ได้
3 คอมพิวเตอร์ทางานอย่างเป็ นระบบ (System) หมายถึงภายในระบบงานคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย องค์ประกอบย่อยที่มีหน้าท่ีเฉพาะ ทางานประสานสมั พนั ธ์กนั เพื่อให้งานบรรลตุ ามเป้ าหมาย ในระบบงาน คอมพิวเตอร์การที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวจะยงั ไม่สามารถทางานได้ด้วยตวั เองซง่ึ หากจะให้ คอมพิวเตอร์ทางานได้อย่างเป็ นระบบและมีประสิทธิภาพแล้วระบบคอมพิวเตอร์ควรประกอบไปด้วย องค์ประกอบคอื ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์บคุ ลากรข้อมลู สารสนเทศและกระบวนการทางาน 1.1.1 ฮาร์ดแวร์ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็ นองค์ประกอบของตัวเคร่ืองที่สามารถจับต้องเป็ นรูปธรรม เช่น ตวั เครื่อง จอภาพ เครื่องพิมพ์ คยี ์บอร์ดเป็นต้นซงึ่ สามารถแบ่งสว่ นพนื ้ ฐานของฮาร์ดแวร์เป็น 4 หน่วยดงั นี ้ รูปท่ี 1.1 ฮาร์ดแวร์ (ท่มี า : www.kritayanee.blogspot.com)
4 1. หน่วยรับข้อมลู (Input Unit) ทาหน้าทร่ี ับข้อมลู หรือโปรแกรมเข้าสเู่ ครื่องคอมพิวเตอร์เพ่ือ ส่งต่อให้หน่วยประมวลกลางได้ดาเนินการจัดการประมวลผลให้ได้มาซึง่ ผลลพั ธ์ที่ต้องการหรือสารสนเทศ สาหรับนาไปประกอบการตดั สินใจในการปฏิบตั ิงานซึง่ การนาเข้าของหน่วยรับข้อมลู สามารถนาเข้าได้จาก หลากหลายอปุ กรณ์ ได้แก่ แป้ นพมิ พ์ เมาส์ เคร่ืองสแกนเคร่ืองรูดบตั ร Digitizer เป็นต้น รูปท่ี 1.2 หน่วยรับข้อมลู (ทม่ี า : www.nook–nisakorn.blogspot.com) 2. หน่ วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หรือเรียกโดยท่ัวไป คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ทาหน้าท่ีในการประมวลผลข้อมลู เร่ิมต้นด้วยรับข้อมลู จากหน่วยรับข้อมลู นามาทาการ คานวณและเปรียบเทียบ ตลอดดาเนินการควบคุมการปฏิบัติการให้เป็ นไปตามได้รับคาสั่ง พร้ อมทัง้ ประสานงานกบั หน่วยท่ีเกี่ยวข้องอื่น เช่น หน่วยแสดงผล หน่วยความจา เพ่ือให้การปฏิบตั ิการเป็ นไปด้วย ความเรียบร้ อย รูปท่ี 1.3 หน่วยประมวลผลกลาง (ท่ีมา : www.winboardgroup.com) 3. หน่วยเก็บข้อมูล (Storage) ซงึ่ สามารถแยกตามหน้าที่ได้เป็น 2 ลกั ษณะ คือ (1) หน่วยเก็บข้ อมูลหลักหรือความจาหลัก (Primary Storage หรือ Main Memory) ทาหน้าท่ีเก็บโปรแกรมหรือข้อมลู ที่รับมาจากหน่วยรับข้อมลู เพ่ือเตรียมส่งให้หน่วยประมวลผลกลางทาการ
5 ประมวลผลและรับผลลพั ธ์ที่ได้จากการประมวลผลเพ่ือส่งออกหน่วยแสดงข้อมูลต่อไปซึ่งอาจแยกได้เป็ น 2 ประเภท คือ RAM (Random Access Memory) ท่ีสามารถอ่านและเขียนข้อมลู ได้ในขณะที่เปิ ดเครื่องอยู่ แต่เมื่อปิ ดเคร่ืองข้อมูลใน RAM จะหายไป ส่วน ROM (Read Only Memory) จะอ่านได้อย่างเดียว เป็ น หน่วยความจาที่มีซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว หน่วยความจานีแ้ ม้ไม่มีไฟเลีย้ งแต่ข้อมูลจะไม่หายไป เช่น เก็บ BIOS (Basic Input Output system) โปรแกรมฝังไว้ใช้ตอนเปิดเครื่อง เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์เร่ิมต้น ทางาน เป็นต้น (2) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage) เป็ นหน่วยที่ทาหน้าที่เก็บข้อมูลหรือ โปรแกรมท่ีจะป้ อนเข้าสู่หน่วยความจาหลักภายในเคร่ืองก่อนทาการประมวลผลโดยซีพียูรวมทัง้ เป็ นที่ บนั ทกึ ข้อมลู เชน่ ฮาร์ดดสิ ก์ (Hard disk) DVD ตลอดจนแฟลชไดร์ฟท่ีมคี วามจสุ งู ราคาประหยดั 4. หน่วยแสดงข้อมูลหรือเอาต์พุต (Output Unit) ทาหน้าที่ในการแสดงผลลพั ธ์ท่ีได้จาก การประมวลผล ได้แก่ จอภาพ และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น ทงั้ 4 สว่ นจะเช่ือมตอ่ กนั ด้วยบสั (Bus) 1.1.2 ซอฟต์แวร์ (Software) ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมหรือชุดคาสง่ั ท่สี งั่ ให้ฮาร์ดแวร์ทางานรวมไปถงึ การควบคมุ การทางาน ของอปุ กรณ์แวดล้อมตา่ ง ๆ เชน่ ฮาร์ดดิสก์ดิสก์ไดร์ฟ ซดี ีรอม อปุ กรณ์ต่อพ่วงตา่ ง ๆ เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็ น ส่ิงท่ีมองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้การทางานของมันได้ซ่ึงต่างกับ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ท่ีสามารถจับ ต้องได้ ซงึ่ แบง่ เป็น 2 ประเภทคอื 1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือโปรแกรมที่ใช้ในการควบคมุ ระบบการทางาน ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ทงั้ หมดเช่น การบูทเครื่อง การสาเนาข้อมูล การจัดการระบบของดิสก์ชุดคาส่ังที่ เขียนเป็ นคาสงั่ สาเร็จรูป โดยผ้ผู ลิตเคร่ืองคอมพิวเตอร์และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทางานหรือ การประมวลผลของซอฟต์แวร์เหล่านี ้ ขึน้ กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องระบบของซอฟต์แวร์เหล่านี ้ ออกแบบมาเพ่ือการปฏิบตั ิควบคมุ การทางานของฮาร์ดดิสก์ทุกอย่าง และอานวยความสะดวกแก่ผ้ใู ช้งาน แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คอื (1) โปรแกรมระบบปฏิบตั ิการ (Operating System) เป็ นโปรแกรมที่ใช้ควบคมุ และติดต่อ กับอปุ กรณ์ต่าง ๆ ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการจดั การระบบของดิสก์การบริหารหน่วยความจา ของระบบ กล่าวโดยสรุปคือ หากจะทางานใดงานหน่ึงโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็ นเคร่ืองมือ ในการทางานแล้ว จะต้องติดต่อกับซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้าขาดซอฟต์แวร์ชนิดนีจ้ ะทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถ ทางานได้ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ประเภทนี ้ ได้แก่ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ Unix Linux DOS และ Windows เช่น 95, 98, me, 2000, NT, XP, Vista, 7, 8 เป็นต้น
6 (2) ตวั แปลภาษา (Translator) จาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษา ที่มนุษย์เข้าใจ ให้เป็ นภาษาท่ีเคร่ืองเข้าใจเปรียบเสมือนล่ามแปลภาษา) เป็ นซอฟต์แวร์ท่ีใช้ในการ แปลภาษาระดบั สูง ซึ่งเป็ นภาษาใกล้เคียงภาษามนุษย์ ให้เป็ นภาษาเคร่ืองก่อนท่ีจะนาไปประมวลผลตัว แปลภาษาแบ่งออกเป็ นสองประเภทคือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpeter) คอมไพเลอร์จะแปลคาสง่ั ในโปรแกรมทงั้ หมดก่อนแล้วทาการลงิ ้ (Link) เพ่ือให้ได้คาสง่ั ที่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เข้าใจส่วนอินเตอร์พีทเตอร์จะแปลทีละประโยคคาสง่ั แล้วทางานตามประโยคคาสง่ั นนั้ การจะเลือกใช้ตวั แปลภาษาแบบใดนนั้ จะขึน้ อยู่กบั ภาษาท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม ซึ่งมี 2 แบบได้แก่ภาษาแบบโครงสร้าง เช่น ภาษาเบสิก (Basic) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาซี (C) ภาษาจาวา (Java) ภาษาโคบอล (Cobol) ภาษา SQL ภาษา HTML เป็ นต้น ภาษาแบบเชิงวัตถุ (Visual หรือ Object Oriented Programming) เชน่ Visual Basic,Visual C หรือ Delphi เป็นต้น (3) ยูติลิตี ้ โปรแกรม (Utility Program) เป็ นซอฟต์แวร์ที่ใช้อานวยความสะดวกให้เคร่ือง คอมพวิ เตอร์สามารถทางานได้สะดวกรวดเร็ว และชว่ ยเพิม่ ประสทิ ธิภาพการทางานได้ดขี ึน้ เช่น ชว่ ยในการ สารองข้อมลู ในฮาร์ดดิสก์ ตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมลู จดั ระเบยี บของข้อมลู ในฮาร์ดดสิ ก์ เป็นต้นโปรแกรมในกลมุ่ นี ้ เช่น Scandisk, Disk Fragmentation (4) ติดตัง้ และปรับปรุงระบบ (Diagnostic Program) เป็ นซอฟต์แวร์ ช่วยทาหน้ าท่ี ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการทางานของอุปกรณ์ต่าง ๆ และเม่ือพบข้อผิดพลาดจะแจ้งขึน้ บนหน้าจอภาพ โปรแกรมในกลมุ่ นี ้เช่น NORTON QAPLUS 2. ซอฟต์ แวร์ ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมท่ีทาให้ คอมพิวเตอร์ทางานต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็ นต้น ซอฟต์แวร์ประยกุ ต์สามารถจาแนกได้เป็ น 2 ประเภท คือ (1) ซอฟต์แวร์สาหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software) คือโปรแกรมซ่ึงเขียน ขึน้ เพื่อการทางานเฉพาะอย่างท่ีเราต้องการบางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบญั ชีจ่าย เงินเดือนโปรแกรมระบบเช่าซือ้ โปรแกรมการทาสินค้าคงคลงั เป็ นต้นซ่ึงแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกันออกไปตามความต้องการหรือกฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานท่ีใช้ ซึ่งสามารถ ดดั แปลงแก้ไขเพ่ิมเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้เพ่ือให้ตรงกบั ความต้องการของผู้ใช้ และซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ท่เี ขียนขนึ ้ นโี ้ ดยสว่ นใหญ่มกั ใช้ภาษาระดบั สงู เป็นตวั พฒั นา
7 (2) ซอฟต์แวร์สาหรับงานทว่ั ไป (General Purpose Software) เป็ นโปรแกรมประยุกต์ที่มี ผ้จู ดั ทาไว้เพ่ือใช้ในการทางานประเภทต่าง ๆ ทวั่ ไป โดยผู้ใช้คนอ่ืน ๆ สามารถนาโปรแกรมนีไ้ ปประยุกต์ใช้ กบั ข้อมลู ของได้แต่จะไม่สามารถทาการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ดงั นนั้ การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจึง เป็ นส่ิงที่อานวยความสะดวกและเป็ นประโยชน์อย่างย่ิง ตัวอย่างโปรแกรมสาเร็จรูปที่นิยมใช้ ได้แก่ MS–Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมต่าง ๆ เป็นต้น 1.1.3 บุคลากร บุคลากร (People ware) บุคลากรจะเป็ นสิ่งสาคัญที่จะเป็ นตัวกาหนดถึงประสิทธิภาพถึง ความสาเร็จและความค้มุ ค่าในการใช้งานคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถแบ่งบุคลากรตามหน้าที่เก่ียวข้องตาม ลกั ษณะงานได้ 6 ด้าน ดงั นี ้ 1. นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer : SA) ทาหน้าที่ ศึกษาและรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ระบบและทาหน้าท่ีเป็ นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้ระบบและนักเขียน โปรแกรม (Programmer) หรือปรับปรุงคุณภาพงานเดิม นักวิเคราะห์ระบบต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบ คอมพวิ เตอร์ พนื ้ ฐานการเขียนโปรแกรมและควรจะเป็นผ้มู คี วามคิดริเร่ิมสร้างสรรค์มมี นษุ ย์สมั พนั ธ์ทีด่ ี 2. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ บุคคลท่ีทาหน้าท่ีเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ (Software) หรือเขยี นโปรแกรมเพื่อสงั่ งานให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานตามความต้องการของผ้ใู ช้ โดยเขยี นตามแผนผงั ท่ีนกั วิเคราะห์ระบบได้เขยี นไว้ 3. ผ้ใู ช้ (User) เป็นผ้ใู ช้ระบบคอมพิวเตอร์ซงึ่ จะเป็ นผ้ปู ฏิบตั ิหรือกาหนดความต้องการในการ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ว่าทางานอะไรได้บ้าง ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทัว่ ไปจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้เคร่ือง และ วธิ ีการใช้งานโปรแกรมเพ่ือให้โปรแกรมที่มีอย่สู ามารถทางานได้ตามท่ีต้องการ 4. ผู้ปฏิบัติการ (Operator) สาหรับระบบขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม จะต้องมีเจ้าหน้าที่ คอมพิวเตอร์ท่ีคอยปิ ดและเปิ ดเครื่อง และเฝ้ าดจู อภาพเมื่อมีปัญหาซึง่ อาจเกิดขัดข้องจะต้องแจ้ง System Programmer ซง่ึ เป็นผ้ดู แู ลตรวจสอบแก้ไขโปรแกรมระบบควบคมุ เคร่ือง (System Software) อีกทหี นง่ึ 5. ผู้บริหารฐานข้อมลู (Database Administrator : DBA) กลมุ่ บคุ คลที่ทาหน้าท่ีดแู ลข้อมลู ผ่านระบบจดั การฐานข้อมลู ซ่ึงจะควบคุมให้การทางานเป็ นไปอย่างราบร่ืนนอกจากนีย้ งั ทาหน้าที่กาหนด สิทธิการใช้ งานข้ อมูลกาหนดในเรื่ องความปลอดภัยของการใช้ งานพร้ อมทัง้ ดูแลดาต้ าเบส เซริ ์ฟเวอร์(Database Server) ให้ทางานอยา่ งปกติด้วย
8 6. ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผ้วู างนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็ นไปตาม เป้ าหมายของหน่วยงาน เป็นผ้ทู ี่มีความหมายต่อความสาเร็จหรือล้มเหลวของการนาระบบคอมพิวเตอร์เข้า มาใช้ งานเป็ นอย่างมาก 1.1.4 ข้อมลู และสารสนเทศ 1. ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ท่ีเกิดขึน้ แล้วใช้ตัวเลขตัวอักษร หรือ สญั ลกั ษณ์ตา่ ง ๆ ทาความหมายแทนส่งิ เหล่านนั้ เชน่ คะแนนสอบของนกั เรียน, อายขุ องพนกั งานในบริษัท, ราคาขายของหนงั สือในร้านหนงั สือและคาตอบที่ผ้ถู กู สารวจตอบในแบบสอบถาม 2. สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อสรุปต่าง ๆ ที่ได้จากการนาข้อมูลมาทาการ วิเคราะห์ หรือผา่ นวิธีการท่ี ได้กาหนดขนึ ้ ทงั้ นีเ้พอ่ื นาข้อสรุปไปใช้งานหรืออ้างอิง เชน่ เกรดเฉลย่ี ของนกั เรียน , อายุเฉล่ียของพนักงานในบริษัท, ราคาขายสูงสุดของหนงั สือในร้ านหนังสือและข้อสรุปจากการสารวจ คาตอบในแบบสอบถาม 1.1.5 กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน (Procedure) องค์ประกอบด้านนีห้ มายถึงกระบวนการทางานเพื่อให้ ได้ผลลพั ธ์ตามต้องการในการทางานกบั คอมพิวเตอร์ผ้ใู ช้จาเป็ นต้องทราบขนั้ ตอนการทางานเพื่อให้ได้งาน ท่ีถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะมีขนั้ ตอนสลบั ซบั ซ้อนหลายขนั้ ตอนดังนนั้ จึงมีความจาเป็ นต้องมี ค่มู อื ปฏบิ ตั ิงาน เช่น ค่มู ือผ้ใู ช้ (user manual) หรือค่มู อื ผ้ดู แู ลระบบ (operation manual) เป็นต้น 1.2.1 จอภาพ จอภาพ (Monitor) เป็ นอปุ กรณ์แสดงผลท่ีมีความสาคญั มากที่สดุ เพราะจะติดต่อโดยตรงกบั ผ้ใู ช้ชนดิ ของจอภาพที่ใช้ในเครื่องพีซีโดยทว่ั ไปจะแบง่ ได้เป็น 3 ประเภท คอื รูปท่ี 1.4 จอภาพแบบนนู หรือจอซอี าร์ที (CRT) (ท่มี า : http://phototrw.blogspot.com)
9 รูปท่ี 1.5 จอภาพแบบแบนหรือจอแอลซดี ี (LCD) รูปท่ี 1.6 จอภาพแบบแบนหรือจอแอลอีดี (LED) (ทมี่ า : http://www.plazathai.com) (ทีม่ า : http://www.lazada.co.th) 1.2.2 เคส เคส (Case) คือ โครงหรือกล่องสาหรับประกอบอปุ กรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ไว้ภายในการ เรียกช่ือ และขนาดของเคสจะแตกต่างกันออกไปซึ่งในปัจจุบนั มีหลายแบบท่ีนิยมกนั แล้วแต่ผู้ซือ้ สามารถ เลือกซอื ้ ตามความเหมาะสมของงานและสถานทน่ี นั้ รูปท่ี 1.7 เคส (case) (ทม่ี า : http://notebookspec.com) 1.2.3 พาวเวอร์ซพั พลาย พาวเวอร์ซพั พลาย (Power Supply) เป็ นอุปกรณ์ที่ทาหน้าท่ีในการจ่ายกระแสไฟฟ้ าให้กับ ชนิ ้ สว่ นอปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ ซง่ึ ถ้าคอมพวิ เตอร์มอี ปุ กรณ์ต่อพ่วงจานวนมาก เชน่ ฮาร์ดดิสก์ซดี ีรอมไดร์ฟดีวี ดไี ดร์ฟควรเลอื กพาวเวอร์ซพั พลายที่มจี านวนวตั ต์สงู เพือ่ ให้สามารถ จ่ายกระแสไฟได้เพียงพอ
10 รูปท่ี 1.8 Power Supply (ท่ีมา : www.savetechcomputer.com) 1.2.4 คีย์บอร์ด (Keyboard) คีย์บอร์ด (Keyboard) เป็ นอปุ กรณ์ในการรับข้อมลู ที่สาคัญที่สุด มีลกั ษณะคล้ายแป้ นพิมพ์ ของเคร่ืองพิมพ์ดีด มีจานวนแป้ น 84–105 แป้ น ขึน้ อยู่กับแป้ นท่ีเป็ นกล่มุ ตัวเลข (Numeric keypad) กล่มุ ฟังก์ชนั (Function keys) กลมุ่ แป้ นพิเศษ (Special–purpose keys) กลมุ่ แป้ นตวั อกั ษร (Typewriter keys) หรือกลุ่มแป้ นควบคุมอื่น ๆ (Control keys) ซ่ึงการสั่งงานคอมพิวเตอร์และการทางานหลาย ๆ อย่าง จาเป็นต้องใช้แป้ นพิมพ์เป็นหลกั รูปท่ี 1.9 Keyboard (ที่มา : www.ict456.com) 1.2.5 เมาส์ เมาส์ (Mouse) อปุ กรณ์รับข้อมลู ท่ีนิยมรองจากคีย์บอร์ด เมาส์จะช่วยในการบ่งชีต้ าแหน่งว่า ขณะนีก้ าลงั อยู่ ณ จดุ ใดบนจอภาพเรียกว่าตวั ชีต้ าแหน่ง (Pointer) ซง่ึ อาศยั การเลื่อนเมาส์ แทนการกดป่ มุ บงั คบั ทิศทางบนคยี ์บอร์ด
11 รูปท่ี 1.10 Mouse (ท่มี า : http://notebookspec.com) 1.2.6 เมนบอร์ด เมนบอร์ด (Main board) แผ่นวงจรไฟฟ้ าแผ่นใหญ่ท่ีรวมเอาชิน้ ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สาคัญ ๆ มาไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็ นส่วนท่ีควบคุม การทางานของ อปุ กรณ์ต่าง ๆ ภายในพีชีทงั้ หมดมีลักษณะเป็ นแผ่น รูปร่างส่ีเหล่ียมแผ่นท่ีใหญ่ท่ีสดุ ในพีชีซ่งึ จะรวบรวมเอาชิปและไอชี (IC = Integrated Circuit) รวมทงั้ การ์ด ต่อพว่ งอนื่ ๆ เอาไว้ด้วยกนั บนบอร์ดเพยี งอนั เดียวเคร่ืองพีชีทกุ เครื่องไม่สามารถทางานได้ถ้าขาดเมนบอร์ด รูปท่ี 1.11 Mainboard (ที่มา : http://thai.alibaba.com) 1.2.7 ซีพียู (CPU) หรือหน่วยประมวลผลกลาง ซพี ยี ู (CPU) หรือหนว่ ยประมวลผลกลาง เรียกอกี ชื่อหน่งึ ว่าโปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นบั เป็ นอปุ กรณ์ท่ีมีความสาคญั มากท่ีสดุ ของฮาร์ดแวร์เพราะมีหน้าท่ีในการประมวลผลจากข้อมลู ท่ี ผ้ใู ช้ป้ อนเข้ามาทางอปุ กรณ์นาเข้าข้อมลู ตามชดุ คาสง่ั หรือโปรแกรมที่ผ้ใู ช้ต้องการใช้งานหน่วยประมวลผล กลาง ประกอบด้วยสว่ นสาคญั 3 สว่ น คือ 1. หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic & Logic Unit: ALU) หน่วยคานวณตรรกะ ทา หน้าที่เหมือนกับเคร่ืองคานวณอยู่ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์โดยทางานเก่ียวกับการคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คณู หารอีกทงั้ ยงั มีความสามารถอีกอย่างหนึ่งที่เครื่องคานวณธรรมดาไมม่ ี คือความสามารถ ในเชิงตรรกะศาสตร์ หมายถึงความสามารถในการเปรียบเทียบตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ เพ่อื ให้ได้คาตอบออกมาวา่ เงอื่ นไข นนั้ เป็นจริงหรือเท็จได้
12 2. หน่วยควบคุม (Control Unit) หน่วยควบคมุ ทาหน้าท่ีควบคมุ ลาดบั ขนั้ ตอนการประมวล ผลรวมไปถึงการประสานงานกับอุปกรณ์นาเข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผลและหน่วยความจาสารองด้วย ตวั อย่างซพี ียทู ี่มจี าหน่ายในท้องตลาด ได้แก่ Intel Core i5–3439Y and Core i7–3689Y รูปท่ี 1.12 CPU (ทมี่ า : http://android.16mb.com) 1.2.8 การ์ดแสดงผล การ์ดแสดงผล (Display Card) การ์ดแสดงผลใช้สาหรับเก็บข้อมูลที่ได้รับมาจากซีพียูโดยท่ี การ์ดบางรุ่นสามารถประมวลผลได้ในตัวการ์ดซึง่ จะช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลให้ซีพียจู ึงทาให้การ ทางานของคอมพิวเตอร์นัน้ เร็วขึน้ หลักการทางานพืน้ ฐานของการ์ดแสดงผลจะเร่ิมต้นขึน้ เมื่อโปรแกรม ต่าง ๆ ส่งข้อมูลมาประมวลผลที่ ซีพียูเม่ือซีพียูประมวลผลเสร็จแล้ว จะส่งข้อมูลท่ีจะนามาแสดงผลบน จอภาพมาที่การ์ดแสดงผล จากนนั้ การ์ดแสดงผล ก็จะส่งข้อมลู นีม้ าท่ีจอภาพ ตามข้อมลู ที่ได้รับมาการ์ด แสดงผลรุ่นใหม่ ๆ ท่ีออกมาส่วนใหญ่ ก็จะมีวงจรในการเร่งความเร็วการแสดงผลภาพสามมิติ และมี หน่วยความจามาให้มากพอสมควร รูปท่ี 1.13 การ์ดแสดงผล (ท่ีมา : http://it.excise.go.th/review1.htm)
13 1.2.9 แรม แรม (RAM) ย่อมาจากคาว่า Random–Access Memory เป็ นหน่วยความจาหลกั แต่ไม่ถาวร ซงึ่ จะต้องมีไฟมาหลอ่ เลีย้ งอปุ กรณ์ตลอดในการทางานโดยถ้าเกิดไฟฟ้ ากระพริบหรือดบั ข้อมลู ที่ถกู บนั ทกึ ไว้ ในหน่วยความจาจะหายไปทันทีโดยหลักการทางานคร่าว ๆ ของแรมนัน้ เริ่มต้นที่รับข้อมูลจากผู้ใช้ผ่าน อปุ กรณ์ Input จากนนั้ ก็จะสง่ ข้อมูลไปยงั CPU ในการประมวลผล เม่ือ CPU ประมวลผลเสร็จแล้วแรมจะ รับข้อมลู ทีไ่ ด้รับการประมวลผลแล้ว ออกไปยงั อปุ กรณ์ Output ต่อไปโดยหนว่ ยความจาแรมท่ใี ช้ในปัจจุบนั มีหลายชนดิ เช่น SDRAM, DDR–RAM, RDRAM รูปท่ี 1.14 แรม SDRAM, DDR–RAM, RDRAM, DDR2, DDR3, DDR4 (ทมี่ า : www.mistermart.com) 1.2.10 ฮาร์ดดสิ ก์ ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เป็ นอุปกรณ์ท่ีใช้ ในการเก็บข้ อมูลหรือโปรแกรมต่าง ๆ ของ คอมพวิ เตอร์โดยฮาร์ดดิสค์จะมลี กั ษณะเป็ นรูปสี่เหล่ียมที่มีเปลือกนอกเป็ นโลหะแข็งและมีแผงวงจรสาหรับ การควบคมุ การทางานประกบอย่ทู ่ีด้านลา่ งพร้อมกบั ช่องเสียบสายสญั ญาณและสายไฟเลยี ้ งส่วนประกอบ ภายในจะถกู ปิ ดผนึกไว้อย่างมิดชิดโดยฮาร์ดดิสก์สว่ นใหญ่จะประกอบด้วยแผ่นจานแมเ่ หลก็ (platter) สอง แผ่นหรือมากกว่ามาจดั เรียงอย่บู นแกนเดียวกนั เรียก Spindle ทาให้แผ่นแม่เหล็กหมนุ ไปพร้อม ๆ กนั จาก การขบั เคล่ือนของมอเตอร์แต่ละหน้าของแผ่นจานจะมีหวั อ่านเขียนประจาเฉพาะโดยหวั อ่านเขียนทกุ หวั จะ เชื่อมติดกนั คล้ายหวีสามารถเคลื่อนเข้าออกระหว่างแทร็กต่าง ๆ อย่างรวดเร็วซง่ึ อินเตอร์เฟสของฮาร์ดดิสก์ ทใี่ ช้ในปัจจบุ นั
14 รูปท่ี 1.15 ฮาร์ดดสิ ก์แบบ SATA และ IDE (ที่มา : http://www.riverplus–ipc.com/storage.html) 1.2.11 CD–ROM/CD–RW/DVD/DVD–RW CD–ROM/CD–RW/DVD/DVD–RW เป็ นไดร์ฟสาหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม หรือดีวีดี รอมซึ่งถ้าหากต้องการบนั ทึกข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ ไดร์ฟที่สามารถเขียนแผ่นได้ คือ CD–RW หรือ DVD–RW โดยความเร็วของ ซีดีรอมจะเรียกเป็ น X เช่น 16X, 32X หรือ 52X โดยจะมี Interface เดียวกับ Harddisk รูปท่ี 1.16 CD–ROM รูปท่ี 1.17 CD–RW (ท่ีมา : www.pittjug.org) (ท่มี า : http://web.yru.ac.th) รูปท่ี 1.18 DVD รูปท่ี 1.19 DVD–RW (ท่ีมา : www.cnunisson.en.made–in–china.com) (ทมี่ า : www.store.generalsales.com)
15 1.2.12 Blu–ray and HD–DVD Blu–ray and HD–DVD BLU–RAY และ HD DVD เป็นเทคโนโลยีวดิ ีโอทีใ่ ห้รายละเอียด และ ความชัดเจนทาง ด้านภาพสูงเหมือนชมภาพยนตร์จากต้นฉบับผู้ผลิตหนังรายใหญ่ ความเป็ นมาของ เทคโนโลยรี ะบบภาพ/เสยี ง ซงึ่ เป็นจอภาพแบบ CRT ท่ีมกี ารทางานแบบ INTERLACED ด้วยการสแกนเส้น ภาพสลบั กนั ระหว่างแนวนอนกบั แนวตงั้ ทาให้เกิดการกะพริบของภาพ สาหรับระบบวีดีโอ HD ท่ีให้ความ ชัดเจนสูงจาเป็ นต้องมีโทรทัศน์ท่ีรองรับระบบวีดีโอความชัดเจนสูงด้วย ซึ่งใช้ สัญญาณภาพแบบ Progressive Scan ทที่ าให้เกดิ ความสบายตาในการชม รวมถึงความต่อเนอื่ งของภาพ รูปท่ี 1.20 Blu–ray and HD–DVD (ทม่ี า : http://www.ign.com) หลกั การทางานเบือ้ งต้นของระบบคอมพิวเตอร์ เริ่มจากผู้ใช้ทาการกรอกข้อมูลหรือคาสง่ั ผ่านทาง อปุ กรณ์รับข้อมลู (Input Devices) ซ่งึ ข้อมลู หรือคาสง่ั ต่าง ๆ ที่รับเข้ามาจะถกู นาไปเก็บไว้ท่ีหน่วยความจา หลกั (Memory) จากนนั้ ก็จะถูกนาไปประมวลผลโดยหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing) แล้ว นาผลท่ีได้จากการประมวลผลมาเก็บไว้ในหน่วยความจาแรมพร้ อมทัง้ แสดงออกทางอุปกรณ์แสดงผล (Output Devices) ดงั นนั้ ระบบคอมพิวเตอร์จงึ ประกอบด้วย 4 สว่ นด้วยกนั ได้แกส่ ว่ นอปุ กรณ์รับข้อมลู สว่ นประมวลผลกลาง หนว่ ยความจา และอปุ กรณ์แสดงผลคอมพิวเตอร์มีหลกั การทางานอยู่ 4 ขนั้ ตอน คอื 1.3.1 หน่วยรับข้อมลู คอมพิวเตอร์ หน่วยรับข้อมูลคอมพิวเตอร์จะรับข้อมูลและคาสงั่ ผ่านอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลและคาสง่ั ได้แก่ เมาส์ (Mouse), แป้ นพิมพ์ (Keyboard)
16 รูปท่ี 1.21 เมาส์ (ทีม่ า : www.logitech.com) รูปท่ี 1.22 แป้ นพมิ พ์ (ทีม่ า : http://purttiyagone29.blogspot.com) 1.3.2 ประมวลผลข้อมูล ประมวลผลข้อมลู หรือ CPU (Central Processing Unit) ใช้คานวณและประมวลผลคาสงั่ ต่าง ๆ ตามโปรแกรมที่กาหนดทาหน้าที่ประมวลผลข้อมลู ตามคาสงั่ ที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูลประกอบด้วย หน่วยคานวณและตรรกะ และหน่วยควบคุม อุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีในการประมวลผล เรียกว่าไมโคร โพรเซสเซอร์ (Microprocessor) มีลกั ษณะเป็นวงจรอิเล็กทรอนกิ ส์ซงึ่ ถกู ตดิ ตงั้ ไว้ในคอมพิวเตอร์ รูปท่ี 1.23 CPU (ท่ีมา : www.quickpcextreme.com)
17 1.3.3 จัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ จดั เก็บข้อมลู คอมพิวเตอร์จะเก็บข้อมลู ลงในอปุ กรณ์ที่เก็บข้อมลู เพ่ือให้สามารถนามาใช้ใหม่ ได้ใน อนาคต เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสก์เกตแผ่นซีดี และอปุ กรณ์เก็บข้อมลู ชนิดพอร์ตยูเอสบีไดร์ฟซง่ึ หน่วยเก็บ ข้อมวลนสี ้ ามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คอื 1. หน่วยความจาหลกั สามารถแบง่ ตามลกั ษณะการเกบ็ ข้อมลู ได้ดงั นีค้ ือ (1) หน่วยความจาช่ัวคราว คือ หากเกิดไฟดับระหว่างใช้งาน ข้อมูลจะหาย เรียกว่า หนว่ ยความจา แรม (Random Access Memory : RAM) รูปท่ี 1.24 แรม (RAM) (ทีม่ า : http://www.taringa.net) (2) หน่วยความจาถาวร (Read Only Memory : Rom) คือ เป็ นหน่วยความจาถาวรที่เกบ็ ข้อมลู ไว้ในคอมพิวเตอร์ได้แม้ว่าจะไม่มีประจไุ ฟฟ้ ามาหลอ่ เลีย้ งก็ตามจุดประสงค์หลกั ๆ ของรอม คือ การ เกบ็ ข้อมลู สาคญั ๆ ไว้เพ่ือป้ องกนั การถกู เลน่ งานจากไวรัส รูปท่ี 1.25 รอม (ROM) (ที่มา : www.bunniestudios.com) 2. หน่วยความจาสารอง คอื หน่วยความจาทีช่ ่วยให้คอมพวิ เตอร์สามารถเกบ็ ข้อมลู ได้มากขึน้ ได้แก่ ฮาร์ดดสิ ก์ (Hard disk) แผน่ ซดี ี และอปุ กรณ์เกบ็ ข้อมลู ชนดิ พอร์ตยเู อสบี
18 รูปท่ี 1.26 ฮาร์ดดสิ ก์ (ทีม่ า : www.sinkardd.com) รูปท่ี 1.27 ยเู อสบแี ฟลชไดร์ฟ (ท่ีมา : www.geeksugar.com) 1.3.4 แสดงผลข้อมลู เมื่อทาการประมวลผลแล้ว คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลพั ธ์ผ่านอปุ กรณ์ที่ทาหน้าที่แสดงข้อมลู เช่น จอภาพ (Monitor) ลาโพง (Speaker) เครื่องพิมพ์ (Printer) พล็อตเตอร์ (plotter) เป็นต้น จอซอี าร์ที (CRT) จอแอลซดี ี (LCD) จอแอลอดี ี (LED) รูปท่ี 1.28 จอภาพ (ที่มา : http://www.tohome.com)
19 รูปท่ี 1.29 ลาโพง (ทมี่ า : www.buycoms.com) เครื่องพมิ พ์ (Printer) ปัจจบุ นั มี 4 ประเภท ได้แก่ 1. เคร่ืองดอตเมทริกซ์ (Dot Matrix) รูปท่ี 1.30 เคร่ืองดอตเมทริกซ์ (ท่ีมา : www.chkspec.com) 2. เคร่ืองพิมพ์แบบพน่ หมกึ (Ink–Jet Printer) รูปท่ี 1.31 เคร่ืองพมิ พ์แบบพน่ หมึก (ทีม่ า : www.taradplaza.com)
20 3. เคร่ืองพมิ พ์เลเซอร์ (Laser Printer) รูปท่ี 1.32 เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (ท่มี า : www.fotofile.net) 4. พล็อตเตอร์ (plotter) รูปท่ี 1.33 พล็อตเตอร์ (ทม่ี า : www.printersiam.com)
21
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: