Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best-Practice--กศน.ตำบลเวียงคุก

Best-Practice--กศน.ตำบลเวียงคุก

Published by pitipan.torz, 2021-09-17 10:21:48

Description: Best-Practice--กศน.ตำบลเวียงคุก

Search

Read the Text Version

Best Practice ด้านการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน นางสาวกนกอร สวุ รรณมาตย์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล ศรช.ไผ่สที อง กศน.ตำบลเวยี งคกุ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอหนองคาย สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั หนองคาย

คำนำ กจิ กรรมดา้ นการศึกษาขน้ั พื้นฐาน จดั เปน็ Best Practice ของ กศน.ตำบลเวยี งคุก เปน็ การยกระดับการจดั การศึกษาเพื่อพัฒนาศกั ยภาพและขีดความสามารถให้ประชาชนไดม้ ีการเสริมทักษะความรสู้ ามรถเป็นบคุ คลท่ีมี คณุ ธรรมจริยธรรมมจี ิตสำนึกความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองผู้อืน่ และสงั คม กิจกรรมด้านการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน จัดเปน็ Best Practiceของ กศน.ตำบลเวียงคุก เพือ่ การสง่ เสริมกจิ กรรม การเรยี นการสอนใหก้ ับผพู้ ลาดโอกาสของตำบลเวียงคุก ต่อไปได้อยา่ งเป็นรปู ธรรมและมคี ุณภาพ กศน.ตำบลเวียงคุก เปน็ อยา่ งยิ่งวา่ เอกสารเลม่ นจ้ี ะบ่งบอกถึงการบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมด้าน การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน จดั เป็น Best Practice ของ กศน.ตำบลเวยี งคกุ และจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การจัดกจิ กรรมของ สำนักงานกศน.ทั้งในการบริหารงานการพฒั นางานการทำงานที่ตรงตามความต้องการของผูเ้ รียนผ้รู บั บริการและ ชมุ ชนและสามารถเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ ขอขอบคุณผ้มู สี ว่ นเกี่ยวขอ้ งและให้ความรว่ มมือในการตอบแบบสอบถามทกุ ท่านไว้ ณ โอกาสนี้ดว้ ย กศน.ตำบลเวยี งคุก

สารบญั ความเปน็ มา วตั ถปุ ระสงค์ จดุ เดน่ การบรหิ ารจดั การ สถานทด่ี ำเนนิ การ/ตดิ ตอ่ สอบถามรายละเอยี ด ภาคผนวก

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 แนวคดิ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ประกาศใหใ้ ชห้ ลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เมอื่ วนั ที่ 18 กนั ยายน พ.ศ. 2551 เปน็ หลกั สตู รทม่ี งุ่ จัดการศกึ ษาเพอ่ื ตอบสนองอดุ มการณก์ ารจดั การศกึ ษา ตลอดชวี ติ การสรา้ งสงั คมไทยใหเ้ ปน็ สงั คมแหง่ การเรยี นรตู้ ามปรชั ญา “คดิ เปน็ ” เพอ่ื สรา้ งคณุ ภาพชวี ิตและสงั คม มี การบรู ณาการอยา่ งสมดลุ ระหวา่ งปญั ญาธรรม ศลี ธรรม และวฒั นธรรม มงุ่ สรา้ งพน้ื ฐานการเปน็ สมาชิกทด่ี ขี อง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และพฒั นาความสามารถเพอ่ื การทำงานทม่ี คี ณุ ภาพ โดยใหภ้ าคเี ครอื ข่ายมสี ว่ นรว่ มจดั การศกึ ษาใหต้ รงตามความตอ้ งการของผเู้ รยี น และสามารถตรวจสอบไดว้ า่ การศกึ ษานอกระบบเปน็ กระบวนการของ การพฒั นาชวี ติ และสงั คม สามารถพงึ่ พาตนเองได้ และรเู้ ทา่ ทนั การเปลยี่ นแปลง เปน็ หลกั สตู รทมี่ คี วามเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั สภาพปญั หา ความตอ้ งการของบคุ คลทอ่ี ยนู่ อกระบบโรงเรยี น ซง่ึ เปน็ ผมู้ คี วามรู้ ประสบการณจ์ ากการ ทำงาน และการประกอบอาชพี โดยการกำหนดสาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรู้ การวดั และ ประเมนิ ผล ให้ความสำคญั กบั การพฒั นากลมุ่ เปา้ หมายดา้ นจติ ใจใหม้ คี ณุ ธรรมควบคไู่ ปกบั การพฒั นาการเรยี นรู้ สรา้ ง ภมู ิคมุ้ กนั สามารถจดั การกับองคค์ วามรู้ ทง้ั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และเทคโนโลยเี พอื่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถปรบั ตวั อยใู่ นสงั คม ทีม่ กี ารเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง รวมทง้ั คำนงึ ถงึ ธรรมชาตกิ าร เรยี นรขู้ องผทู้ อี่ ยนู่ อกระบบ และสอดคลอ้ งกบั สภาพเศรษฐกจิ สงั คม การเมอื ง การปกครอง ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของ เทคโนโลยแี ละการสอ่ื สารหลกั การ หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551กำหนดหลักการไว้ดังน้ี 1. เป็นหลักสูตรท่มี ีโครงสรา้ งยดื หยนุ่ ด้านสาระการเรียนรู้ เวลาเรียนและการจดั การเรียนรู้โดยเน้นการบรู ณาการเนือ้ หาให้สอดคลอ้ งกับวิถชี ีวติ ความแตกต่างของบุคคล ชมุ ชน และสงั คม 2. ส่งเสรมิ ให้มีการเทยี บโอนผลการเรยี นจากการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตาม อธั ยาศัย 3. สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นไดพ้ ัฒนาและเรยี นรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยตระหนกั ว่าผู้เรยี นมคี วามสำคญั สามารถพฒั นาตนเองได้ตามธรรมชาติและเตม็ ตามศกั ยภาพ 4. สง่ เสรมิ ใหภ้ าคีเครือข่ายมสี ่วนร่วมในการจัดการศึกษา หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551มงุ่ พัฒนาใหผ้ ้เู รียนคุณธรรม จรยิ ธรสตปิ ัญญา มคี ุณภาพชีวติ ทดี่ ี มศี กั ยภาพในการประกอบอาชพี และการเรียนรู้อย่างต่อเนอ่ื ง ซงึ่ เปน็ คณุ ลกั ษณะ

อันพึงประสงคท์ ี่ต้องการจงึ กำหนดจุดหมายดงั ตอ่ ไปนี้ 1. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมที่ดงี าม และสามารถอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอย่างสนั ตสิ ขุ 2. มีความรู้พืน้ ฐานสำหรบั การดำรงชีวิตและการเรียนร้อู ยา่ ง ต่อเน่ือง 3. มีความสามารถในการประกอบสมั มาอาชพี ให้สอดคลอ้ งกับความสนใจ ความถนดั และตามทนั ความ เปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ สังคม และการเมือง 4. มีทกั ษะการดำเนินชีวิตท่ดี ี และสามารถจดั การกับชวี ิต ชุมชน สังคมได้อย่างมีความสขุ ตามแนว ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 5. มีความเข้าใจประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทย ภมู ิใจในความเปน็ ไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี กีฬา ภมู ิปัญญาไทย ความเป็นพลเมอื งดี ปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมของศาสนายดึ ม่นั ในวถิ ชี ีวิต และการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ 6. มีจิตสำนึกในการอนุรกั ษ์ และพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม 7. เปน็ บุคคลแหง่ การเรียนรู้ มีทกั ษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ และบูรณาการ ความรู้มาใช้ในการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ ระดบั การศกึ ษา ระดบั การศกึ ษาแบ่งระดับการศกึ ษาออกเป็น 3 ระดบั คอื - ระดับประถมศกึ ษา - ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น - ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยแต่ละระดับใช้เวลาเรยี น 4ภาคเรียน ยกเว้นกรณีที่มีการเทยี บโอน แตท่ ้ังนต้ี อ้ งลงทะเบยี นเรียนใน สถานศกึ ษาอย่างน้อย 1ภาคเรียนสาระการเรยี นรู้ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551ประกอบด้วย 5สาระการเรยี นรู้ และ 18มาตรฐานการเรยี นรู้ ดงั นี้ 1. สาระทกั ษะการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 5 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติทด่ี ตี อ่ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง มาตรฐานท่ี 1.2 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 1.3 มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติทดี่ ีตอ่ การจัดการความรู้ มาตรฐานที่ 1.4 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ การคดิ เปน็

มาตรฐานที่ 1.5มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ีด่ ตี อ่ การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย 2. สาระความรพู้ น้ื ฐาน ประกอบดว้ ย 2 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะพน้ื ฐานเกย่ี วกบั ภาษาและการสอ่ื สาร มาตรฐานท่ี 2.2 มีความรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะพน้ื ฐานเกย่ี วกบั คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชพี ประกอบดว้ ย 4 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานท่ี 3.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทด่ี ใี นงานอาชพี มองเหน็ ชอ่ งทาง และ ตัดสนิ ใจ ประกอบอาชพี ไดต้ ามความตอ้ งการ และศกั ยภาพของตนเอง 4. สาระทกั ษะการดำเนนิ ชวี ติ ประกอบดว้ ย 3 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู้ ความเข้าใจ เจตคตทิ ่ีดเี กยี่ วกบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและสามารถ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม มาตรฐานที่ 4.2 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติทดี่ เี กยี่ วกบั การดแู ล สง่ เสรมิ สขุ ภาพ อนามยั และ ความปลอดภยั ในการดำเนนิ ชวี ติ มาตรฐานท่ี 4.3 มคี วามรู้ ความเข้าใจ และเจตคตทิ ด่ี เี กย่ี วกบั ศลิ ปะและ สนุ ทรยี ภาพ 5. สาระการพฒั นาสงั คม ประกอบดว้ ย 4 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานที่ 5.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนกั ถงึ ความสำคญั เกยี่ วกบั ภมู ศิ าสตรป์ ระวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนำมาปรบั ใชใ้ นการดำรงชวี ติ มาตรฐานท่ี 5.2 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เหน็ คณุ คา่ และสบื ทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี เพอื่ การอยู่ รว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ขุ มาตรฐานท่ี 5.3 ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมอื งดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย มีจติ สาธารณะ เพอ่ื ความสงบสขุ ของสงั คม มาตรฐานที่ 5.4 มีความรู้ ความเข้าใจ เหน็ ความสำคญั ของหลกั การพฒั นา และสามารถพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน/สงั คม หมายเหตุ สาระการเรยี นรคู้ วามรพู้ นื้ ฐาน มาตรฐานท่ี 2.1มคี วามรคู้ วามเข้าใจทกั ษะพน้ื ฐานเกยี่ วกบั ภาษาและการ สอ่ื สาร ซงึ่ ภาษาในมาตรฐานนหี้ มายถงึ ภาษาไทย และภาษาตา่ งประเทศ

การลงทะเบยี นเรยี นรายวชิ า การลงทะเบยี นเรยี นตามโครงสร้างหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศกั ราช 2551ให้ลงทะเบียนเรียนเปน็ รายวิชาและตามจำนวนหน่วยกติ ในแตล่ ะภาคเรียนดงั นี้ 1. ระดบั ประถมศกึ ษา ลงทะเบยี นเรียนท้งั หมด ไมน่ ้อยกว่า 48หนว่ ยกติ ให้ลงทะเบยี นเรียนไดภ้ าคเรยี น ละไมเ่ กิน 14หนว่ ยกิต 2. ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ลงทะเบยี นเรียนทงั้ หมด ไมน่ อ้ ยกวา่ 56หนว่ ยกติ ให้ลงทะเบียนเรียนได้ ภาคเรยี นละไมเ่ กิน 16หนว่ ยกิต 3. ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ลงทะเบียนเรียนทง้ั หมด ไมน่ ้อยกวา่ 76หน่วยกิต ให้ลงทะเบียนเรยี นได้ ภาคเรียนละไม่เกิน 20หน่วยกิต วธิ กี ารเรยี นรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 จะมีวิธเี ดียว คอื “วิธี เรยี น กศน.” ทีส่ ามารถจัดการเรียนร้ไู ดห้ ลายรูปแบบ เชน่ - การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม - การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง - การเรียนรแู้ บบทางไกล - การเรียนรู้แบบชั้นเรียน

- การเรียนรูแ้ บบอ่ืนๆ ซึ่งในแต่ละรายวิชา ผู้เรยี นสามารถเลือกเรียนรปู แบบใดรปู แบบหนึ่ง หรอื หลายรูปแบบก็ได้ แตท่ ั้งนีต้ ้อง ข้ึนอยู่กับสถานศึกษาและนักศกึ ษา การวัดและประเมนิ ผลรายวชิ า สถานศึกษาดำเนินการประเมินผลรายวชิ าดงั น้ี 1.1. การวดั และประเมินผลก่อนเรียน เปน็ การตรวจสอบความรู้ ทกั ษะและความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนเพื่อเปน็ ขอ้ มูลพื้นฐานในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับสภาพความพรอ้ มและความรพู้ นื้ ฐานของผู้เรียน 1.2. การวัดและประเมนิ ผลระหว่างภาคเรยี น สถานศึกษาดำเนินการประเมนิ ผลระหว่างภาคเรยี นเพอ่ื ทราบ ความกา้ วหนา้ ทัง้ ดา้ นความรู้ ทักษะ เจตคติ และพฤติกรรมการเรียนการร่วมกิจกรรมและผลงาน อนั เปน็ ผลมาจาก การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายละเอียดของคะแนนระหว่างภาค ประกอบดว้ ย 1). การให้ความร่วมมอื กบั สถานศกึ ษา หมายถึง การทผ่ี ู้เรยี นมีส่วนร่วมในกจิ กรรมตา่ งๆ ของสถานศึกษา เช่น การ ร่วมเดินรณรงค์ต่อต้านยาเสพตดิ การเข้าร่วมในวันสำคญั รว่ มกิจกรรมของสถานศกึ ษา เป็นต้น 2). ผลงานท่ีกำหนดเปน็ ร่องรอยในแฟม้ สะสมงาน 3). การแสดงออกและการมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรียนรู้ หมายถึง การร่วมอภปิ รายการช่วยงานกลุม่ การตอบ คำถาม 1.3. การวดั ผลประเมินผลปลายภาคเรยี น มีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ทราบผลการเรียนรู้โดยรวมของผู้เรยี นในแตล่ ะรายวชิ า โดยใช้เคร่อื งมือ เช่น แบบทดสอบปรนัย แบบทดสอบอัตนยั แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิ เปน็ ตน้ การวดั และประเมนิ ผล ปลายภาคเรียนนัน้ ผู้เรยี นทจ่ี ะผา่ นการประเมินรายวิชาใดจะต้องเข้าสอบปลายภาคเรยี นและมีคะแนนปลายภาค เรยี นรวมกบั คะแนนระหวา่ งภาคเรยี นผา่ นเกณฑข์ ั้นตำ่ ตามเกณฑ์ท่สี ำนกั งาน กศน. กำหนด 1.4 การตดั สินผลการเรียนรายวิชา การตัดสนิ ผลการเรยี นรายวชิ า ใหน้ ำคะแนนระหว่างภาคเรยี นมารวมกับคะแนน ปลายภาคเรียน และจะต้องไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 50 จงึ จะถือวา่ ผ่านการเรยี นในรายวชิ านน้ั ทง้ั น้ี ผเู้ รยี นต้องเขา้ สอบปลายภาคเรียนดว้ ย แลว้ นำคะแนนไปเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ทก่ี ำหนดโดยให้คา่ ระดบั ผลการ เรียนเป็น 8 ระดบั 2. การประเมินกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.)เปน็ เงอ่ื นไขหน่ึงที่ผู้เรียนทุกคนจะต้องไดร้ ับการประเมิน ตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนดโดยผ้เู รียนจะต้องทำกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวิตไมน่ อ้ ยกว่า 100 ช่ัวโมง จงึ จะไดร้ บั การพจิ ารณาอนมุ ตั ใิ ห้จบหลกั สูตรในแต่ละระดบั การศึกษา

3. การประเมนิ คณุ ธรรม เป็นเง่อื นไขหนง่ึ ทผี่ ู้เรยี นทกุ คนต้องไดร้ บั การประเมินตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด จึงจะได้รับการพิจารณาให้จบ หลักสตู รในแต่ละระดับการศกึ ษา โดยคณะกรรมการวดั และประเมินผลของสถานศกึ ษาพิจารณาคุณธรรมเบ้ืองต้น ท่ี สำนกั งาน กศน. กำหนด ทั้งนสี้ ถานศกึ ษาสามารถกำหนดเพิ่มเติมได้ โดยเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สถานศึกษาและประกาศให้ผูเ้ กีย่ วขอ้ งไดร้ ับทราบและมีส่วนร่วมในการประเมินคณุ ธรรม เกณฑ์การจบหลกั สูตร ผู้เรยี นทั้งระดบั ประถมศึกษา ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มีเกณฑก์ ารจบ หลกั สตู รในแต่ละระดับการศึกษา ดงั น้ี 1. ผ่านเกณฑ์การประเมินการเรยี นรูร้ ายวชิ าในแต่ละระดบั การศึกษาตามโครงสรา้ งหลกั สูตร 1.1 ระดับประถมศกึ ษา ไมน่ อ้ ยกวา่ 48 หนว่ ยกิต แบง่ เปน็ รายวิชาบงั คบั 36 หนว่ ยกติ และวิชาเลอื กไมน่ อ้ ยกวา่ 12 หนว่ ยกติ 1.2 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ไมน่ อ้ ยกว่า 56 หนว่ ยกติ แบ่งเปน็ วชิ าวบังคับ 40 หนว่ ยกิต และวชิ าเลอื กไม่น้อยกว่า 16 หนว่ ยกิต 1.3 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ไม่น้อยกว่า 76 หนว่ ยกิต แบง่ เป็นวิชาบงั คบั 44 หน่วยกติ และวิชาเลอื กไมน่ อ้ ยกวา่ 32 หน่วยกติ 2. ผ่านเกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวติ (กพช.)ไม่น้อยกว่า 200 ช่ัวโมง 3. ผ่านการประเมนิ คุณธรรม ในระดบั พอใชข้ ึน้ ไป 4. เข้ารับการประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ

โครงการจดั การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน หลักการและเหตุผล โครงการจัดการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน เป็นการจดั การศึกษาขั้นพน้ื ฐานแกป่ ระชาชนวยั แรงงาน เพื่อยกระดบั ความรู้จากประชาชนที่พลาดโอกาสทางการศึกษาในระบบโรงเรียนไดร้ ับการศกึ ษานอกระบบ ระดบั ประถม, มัธยมศึกษาตอนตน้ , มัธยมศึกษาตอนปลาย ซง่ึ เราตระหนักและเลง็ เห็นความสำคัญถึงเยาวชนที่อยู่ในชมุ ชนท้องถน่ิ โดยเฉพาะประชาชนท่ีพลาดโอกาสทางการศึกษาและประชาชนทอี่ ยหู่ ่างไกล ปัจจุบันนีไ้ ด้มสี ถาบันการศึกษา หลากหลายใหป้ ระชาชนได้เลือกศึกษา หากมีพนื้ ฐานทางการศกึ ษาที่ดี มกี ารกระตุน้ และสง่ เสริมเปดิ โลกความคิด และจนิ ตนาการของผู้เรยี นไดอ้ ยา่ งกว้างไกล ยอ่ มจะพฒั นาผู้ท่จี ะเปน็ กำลังของชาตไิ ดใ้ หม้ โี อกาสทางการศกึ ษาท่ี เหมาะสมกบั วัยและความสนใจ เพื่อสง่ เสริมนิสยั รักการเรียนและเหน็ ความสำคัญของการเรยี นรู้ตลอดชีวติ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ เพิม่ โอกาสทางการศึกษาใหก้ บั ประชาชนวัยแรงงาน 2. เพอ่ื ยกระดบั ความรูจ้ ากประชาชนท่พี ลาดโอกาสทางการศึกษาในระบบโรงเรยี นไดร้ บั การศึกษานอกระบบ 3. สามารถนำความรทู้ ่ไี ด้รับจากการเรยี น กศน. ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ให้เกดิ ประโยชน์ได้ 4. เพื่อสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนทัว่ ไปและชมุ ชนในท้องถน่ิ ตระหนกั และเลง็ เห็นความสำคัญของการศึกษา ซ่งึ จะ นำไปสู่การพัฒนาตน ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติต่อไป

บทนำ 1. หลกั การและเหตผุ ล เนื่องจาก ศรช.ไผ่สีทอง กศน.ตำบลเวียงคกุ ไดเ้ ห็นความสำคญั ของศึกษาในปัจจุบันและเปน็ กิจกรรมท่ีเนน้ จัดการเรียนรู้ การบริการความรูพ้ นื้ ฐานทจ่ี ำเป็นตอ่ การดำรงชวี ิต และเพอื่ การศกึ ษาตอ่ แบบมรี ะดับช้นั โดยมี หลกั สตู รการเรียนรู้ มกี ารกำหนดคุณลักษณะที่พงึ ประสงคข์ องผู้เรียนชัดเจน มกี ารจัดการศกึ ษา เช่น 1.1 การจัดการศกึ ษา กศน.พ้นื ฐานระดับประถม 1.2 การจัดการศกึ ษา กศน.พ้นื ฐานระดับ ม.ต้น 1.3การจดั การศกึ ษา กศน.พน้ื ฐานระดับ ม.ปลาย และยงั ได้มกี ารปฏิรูปการศึกษาเรอื่ ยมาตามยคุ สมัย เพื่อให้สอดคล้องกับวิถชี วี ิตของประชาชน การจัดการ ศึกษาเทียบเทา่ การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐานเป็นการจัดการศึกษาสำหรบั กลุ่มเป้าหมายนอกระบบโรงเรยี นดว้ ยรปู แบบ วิธกี ารทเ่ี หมาะสมและมสี าระหลักสตู รที่หลากหลาย สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการ เพอื่ ให้กลมุ่ เป้าหมายมคี วามรแู้ ละ ทกั ษะพนื้ ฐานในการดำเนินชีวิต การทำงานและการศึกษาตอ่ เน่อื ง ก่อให้เกิดชีวติ ท่ีมัน่ คงและสามารถอยู่ร่วมใน สังคมไดอ้ ยา่ งมีความสุขและสร้างสงั คมไทยให้เปน็ สังคมแห่งการเรยี นรู้ ตามหลกั ปรชั ญา “คิดเป็น” 2. วตั ถุประสงค์ 1.เพอื่ ให้นกั ศึกษามีคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มทดี่ ีงาม และสามารถอยู่ร่วมกันในสงั คมอย่างสันติสขุ 2.เพื่อใหน้ กั ศึกษามคี วามรูพ้ ื้นฐานสำหรับการดำรงชวี ติ และการเรียนรู้ต่อเน่ือง 3.เพ่อื ใหน้ ักศกึ ษามคี วามสามารถในการประกอบสมั มาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนดั และ ตามทันความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกจิ สังคม และการเมือง 4.เพื่อใหน้ กั ศึกษามีทกั ษะการดำเนนิ ชวี ติ ท่ีดี และสามารถจดั การกับชีวติ ชมุ ชน สังคม ได้อย่างมีความสขุ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 5.เพื่อให้นกั ศกึ ษามคี วามเขา้ ใจประวัตศิ าสตรช์ าติไทย ภูมใิ จในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี กีฬา ภูมิปัญญาไทย ความเป็นพลเมอื งดี ปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมของศาสนา ยึดมนั่ ในวิถี ชวี ิต และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ 6.เพื่อใหน้ กั ศึกษามีจติ สำนึกในการอนุรักษ์ และพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม 7.เพื่อให้นกั ศกึ ษาเปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึง แหลง่ เรยี นร้แู ละ บรู ณาการความรู้มาใชใ้ นการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ 3. ขอบเขตของโครงการ 3.1 เป้าหมาย - นกั ศกึ ษา ศรช.ไผ่สีทอง กศน.ตำบลเวยี งคกุ

สรปุ ผลการดำเนนิ งานและขอ้ เสนอแนะ 1. ปจั จยั ปอ้ น จำนวนนักศึกษา ศรช.ไผส่ ีทอง กศน.ตำบลเวียงคกุ ภาคเรยี นที่ 2/2563 - ระดับประถมศึกษา จำนวน 24 คน - ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ จำนวน 36 คน - ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จำนวน - คน รวมทัง้ สิ้น จำนวน 60 คน 2. กระบวนการจัดการรู้ 2.1โดยครู กศน.เป็นผอู้ อกแบบกจิ กรรมการเรยี นรใู้ หก้ ับผู้เรียนเปน็ รายกลุม่ ใหญ่ กลุ่มยอ่ ย และ รายบุคคล ( Individualized Education Program /Plan)ในขณะเดยี วกันครแู ละผู้เรยี นตอ้ งร่วมกนั ในการอภปิ ราย แลกเปลีย่ น ความร้แู ละประสบการณแ์ ละสรปุ ผลการเรียนรูร้ ว่ มกัน อนั จะทำให้ได้องค์ความรูใ้ หม่ๆ 2.2ผู้เรียนใชว้ ธิ ีการเรยี นร้หู ลายวิธีผสมกนั ท้ังการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรยี นรู้แบบทางไกล การพบกล่มุ การ เข้าค่าย การสอนเสริม หรือ การเรียนโดยโครงงานการเรียนรู้ที่หลากหลายวิธีจะต้องมีแผนการเรียนรู้ โดยครูและ ผเู้ รยี นจัดทำสัญญาการเรียนรู้รว่ มกนั และครจู ะเป็นผสู้ ง่ เสรมิ สนับสนุนและกำกับใหก้ ารเรยี นรู้ของผเู้ รียนเป็นไปตาม แผนและบรรลเุ ป้าหมาย - ระดับประถมศึกษา จำนวน 24 คน - ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น จำนวน 36 คน - ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จำนวน - คน รวมท้ังสิ้น จำนวน 6๐ คน 3. ผลผลติ เชงิ ปรมิ าณ จำนวนนกั ศกึ ษาทม่ี าเรียน เชงิ คณุ ภาพ สภาพการจดั กิจกรรม เป็นไปตามตัวช้ีวัดและวตั ถุประสงค์ เชน่ นกั ศึกษาท่ีมาเรยี นให้ความ ร่วมมอื เป็นอยา่ งดีทำใหก้ ารจัดกิจกรรมเปน็ ไปตามแผนและผเู้ รียนกม็ ีความสุขสนกุ กับการพบกลมุ่ ได้ความร้กู ลบั ไป พฒั นาตนเองครอบครัว

ผลการดำเนนิ งานดา้ นการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ตารางขอ้ มลู นกั ศกึ ษาภาคเรยี นที่ 2 /2563 ศรช.ไผส่ ที อง กศน.ตำบลเวยี งคกุ ระดบั ชน้ั ภาคเรยี นท2่ี /2563 ชาย หญงิ รวม การพบกลมุ่ ประถมศกึ ษา มธั ยมศึกษาตอนต้น อยา่ งนอ้ ย มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2 22 24 6 ช.ม./สัปดาห์ 10 26 36 6 ช.ม./สปั ดาห์ ยอดรวม --- 12 48 60 ( ทมี่ าของข้อมูล: ข้อมูลพ้นื ฐานทางการศกึ ษาจากการลงทะเบียนเรียน ประจำภาคเรียน 2 / 2563)

สรปุ แบบประเมนิ ความพงึ พอใจการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ภาคเรยี นที่ 2/2563 ศรช.ไผส่ ที อง กศน.ตำบลเวยี งคกุ อำเภอเมอื ง จงั หวดั หนองคาย ********************************************************************** คำชแี้ จง กรุณาเตมิ ข้อความลงในชอ่ งว่าง และทำเครื่องหมาย  ลงในช่อง□ ทตี่ รงกับความคิดเห็นของท่าน ตอนที่ 1 ข้อมลู ทัว่ ไป 1. ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการจำแนกตามเพศ (N = 75คน) ชาย หญงิ รวม(คน) 12 48 60 จากตารางที่ 1 แสดงว่านักศึกษา ส่วนใหญ่เป็นหญงิ คอื จำนวน 48 คน คิดเปน็ ชาย รอ้ ยละ 80 และเป็น ชาย จำนวน 12 คน รอ้ ยละ 20 2. ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการจำแนกตามอายุ ชว่ งอายุ จำนวน(คน) รอ้ ยละ 15-19 ปี 20 33.3 20-29 ปี 3 5 30-49 ปี 2 3.3 50 ปีขึ้นไป 35 58.3 60 100 รวม จากตารางท่ี 2 แสดงว่านกั ศึกษา มีอายรุ ะหว่าง 15-19 ปี จำนวน 20 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 33.3 อายุระหว่าง จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 5 อายุระหว่าง 30-49 ปี จำนวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 3.3 อายุ 50 ปี ขน้ึ ไป คดิ เปน็ จำนวน 35 คน ร้อยละ 58.3 3. ผู้เขา้ รว่ มโครงการจำแนกตามระดบั การศึกษา จำนวน(คน) รอ้ ยละ ลำดบั ระดบั 24 40 1 ประถม 36 60 2 ม.ต้น - - 3 ม.ปลาย 60 100 รวม

จากตารางท่ี 3 แสดงวา่ แสดงว่านกั ศึกษา ระดบั การศึกษาในระดบั ประถมศกึ ษาจำนวน 24 คน คดิ เป็นรอ้ ย ละ่ 40 ม.ต้น จำนวน 36 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 60 มี 4. ผูเ้ ข้ารว่ มโครงการจำแนกตามอาชีพ ลำดับ อาชพี จำนวน(คน) รอ้ ยละ 1 เกษตร 35 58.33 2 รับจา้ ง 22 36.67 3 ค้าขาย 3 4 อนื่ ๆ - 5 รวม 60 - 100 จากตารางที่ 4 แสดงวา่ ผ้เู ข้ารว่ มโครงการ มีอาชีพ เกษตรกร (รอ้ ยละ 58.33) รองลงมามอี าชีพรบั จ้าง (รอ้ ย ละ 36.67) และ มอี าชพี ค้าขาย (รอ้ ยละ 5) สุดท้ายมีอาชีพอืน่ ๆเช่น พระ แม่บ้าน บรกิ ารเสริมสวย (รอ้ ยละ 4.00) สว่ นที่ 2ด้านกระบวนการจดั กจิ กรรมและความพงึ พอใจของผเู้ รยี น/ผรู้ บั บรกิ าร 5 หมายถงึ มากที่สุด 4 หมายถึง มาก 3 หมายถึง ปานกลาง 2 หมายถึง น้อย 1 หมายถึง น้อยทสี่ ุด ขอ้ สาระทป่ี ระเมนิ ระดบั ความคดิ เหน็ 5 4 3 21 1 เนอ้ื หาสาระ 98% 2% - - - 2 วัสดุ/ส่ือ การจัดกจิ กรรม 99% 1% - - - 3 ความรูท้ ่ไี ดร้ ับจากเนือ้ หา 98% 2% -- 4. การจัดการเรียนการสอนของครูประจำศนู ย์ 100% - - - - 5. การบรรลุตามวตั ถุประสงค์ 100% - - - - 6. การนำไปใช้ในชวี ิตประจำวัน 100% - - - - ตอนที่ 3ขอ้ คดิ และขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ๑. นักศกึ ษาควรมีในการศกึ ษาคน้ ควา้ หาขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ จากแหลง่ เรยี นรู้ เช่น ห้องสมุดประชาชน ตอนท่ี 4 การนำไปใช้ 1. ผู้เรียนสามารถนำความร้ทู ่ีตนเองเรียนมาใช้ในชีวติ ประจำวันได้ 2. ผู้เรยี นสามารถนำความรู้ไปใช้เผยแพร่ในชมุ ชนได้ 3. ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวันให้เข้ากบั เศรษฐกิจของโลกอาเซยี นได้

ภาพกจิ กรรมการดำเนนิ งาน การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ลงพื้นท่ีรบั สมคั รนักศกึ ษา ลุยถงึ ท่ี เขา้ ถึงกลุ่มเปา้ หมาย

เยยี่ มบา้ นผเู้ รยี น

กจิ กรรมการพบกลมุ่ จดั การเรยี นการสอนทกุ สปั ดาห์

กจิ กรรมพฒั นา กศน.ตำบลเวยี งคกุ

การวดั ผลประเมนิ ผลกลางภาคเรยี น ณ กศน.ตำบลเวยี งคกุ ปกี ารศกึ ษา 2/2563

การตดิ ตามผล ประเมนิ ผล และรายงานผล ในการจดั กิจกรรมในแตล่ ะ่ ดา้ นของ กศน.ตำบลเวยี งคกุ มกี ารตดิ ตามผล ประเมนิ ผล และรายงานผล ในทกุ กิจกรรม เชน่ กจิ กรรมกลมุ่ การทำยาดมสมนุ ไพร

ภาคผนวก

ชอ่ งทางการเผยแพร่ เพจ กศน.ตำบลเวยี งคกุ ไลน์ กลุ่ม กศน.ตำบลเวยี งคกุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook