Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบกระดูก

ระบบกระดูก

Published by Paweena Kasai, 2021-07-16 16:11:34

Description: ระบบกระดูก

Keywords: ระบบกระดูก

Search

Read the Text Version

รายงาน เรอ่ื ง ระบบกระดกู จัดทำโดย นายณัฐพล เจริญพร รหสั นักศกึ ษา 61151509 นายจริ ศกั ดิ์ วงคก์ องแก้ว รหัสนักศกึ ษา 61151414 นายณัฐพนธ์ คำอ้าย รหสั นกั ศกึ ษา 61151416 นายธนาดุล จันต๊ะเป็ง รหัสนักศกึ ษา 61151513 นายพนั ธวิทย์ คำปันนา รหสั นกั ศกึ ษา 61151515 นายกติ ตพิ งศ์ หล้าปวงคำ รหสั นักศึกษา 61151412 นายภานุพงศ์ วงษารตั น์ รหัสนกั ศกึ ษา 61151425 นายธรี กิจ อินทกลุ รหสั นักศึกษา 61151418 นายวธั นวฒุ เอมเอีย่ ม รหัสนกั ศกึ ษา 61151428 Section 51 เสนอ อาจารย์สรุ ศกั ดิ์ สิงห์สา รายการเล่มนเ้ี ปน็ สว่ นหนงึ่ ของวิชาการทดสอบและการเสรมิ สมรรถภาพทางกาย รหัสวิชา PE 4502-60 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่

ก คำนำ รายงานฉบับบนี้จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษาวิชาการทดสอบและการเสริมสมรรถภาพทางกาย โดยคณะ ผู้จัดทำได้ศึกษา ค้นคว้า และรวบรวมเนื้อหาเรื่องระบบกระดูกไว้ในรายงานฉบับบนี้แล้ว เช่น องค์ประกอบท่ี สำคัญของระบบกระดูก เป็นต้น คณะผู้จัดทำจึงได้ทำรายงานนีข้ ึ้นมาเพื่อสะดวกและง่ายต่อการศึกษาต่อผูท้ ี่สนใจ ศกึ ษา คณะผู้จัดทำหวังว่า รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์และสามารถอำนวยความสะดวกในการศึกษา รายงานเรื่อง ระบบกระดูก ต่อผู้ที่สนใจศึกษา หรือนำไปเป็นแนวทางในการศึกษาอื่นๆได้ หากรายงานฉบับนี้มี ขอ้ ผดิ พลาดประการใด คณะผจู้ ดั ทำก็ต้องขออภยั ไว้ ณ ทน่ี ้ดี ้วย คณะผจู้ ัดทำ

สารบัญ ข เรอ่ื ง หนา้ คำนำ ก สารบญั ข ระบบกระดกู 1 1 องค์ประกอบท่สี ำคญั ของระบบกระดูกประกอบดว้ ย 1 กระดูกอ่อน 2-7 ข้อต่อ 2 ขอ้ ต่อชนิดเส้นใย 3 3 ขอ้ ต่อชนิดกระดกู อ่อน 4 4 ข้อต่อชนดิ มีไขข้อ หรอื ข้อต่อชนิดชนิ โนเวยี ล 4 5 ขอ้ ต่อที่เคลอ่ื นไหวไม่ได้ 5 6 ข้อต่อทเ่ี คลื่อนไหวได้เล็กน้อย 6 7 ข้อต่อทีเ่ คลื่อนไหวได้อย่างอสิ ระ 7 8 ขอ้ ต่อรปู เดือย 8 ข้อต่อรูปบานพับ 8 9-21 ขอ้ ต่อรูปอานม้า 10 11 ขอ้ ต่อแบบปุ่ม 12 13 ขอ้ ต่อเพลนหรือข้อต่อไกลดิง ขอ้ ต่อรูปบอลในเบา้ เอ็น เอ็นยดึ กระดกู เอ็นยึดข้อ มนุษย์มกี ระดกู ทง้ั หมด 206 ชน้ิ กระดูกแกนกลาง กระดูกกะโหลกศีรษะ กระดูกใบหนา้ กระดูกหู / กระดูกโคนล้ิน

กระดูกสันหลัง ค กระดูกทรวงอก / กระดูกซโี่ ครง กระดูกกรยางค์ 14 กระดูกไหล่ / กระดูกตน้ แขน 15 กระดูกปลายแขน / กระดูกข้อมือ 16 กระดูกฝ่ามอื / กระดูกนว้ิ มือ 17 กระดูกเชงิ กราน / กระดกู ต้นขา 18 กระดูกข้อเท้า 19 ลกั ษณะกระดูก 20 การเจริญเตบิ โตของกระดูก / ลกั ษณะของกระดูก 21 ภายในท่อนกระดูกหรือท่ีเรยี กวา่ สว่ นของกระดูก 22-28 หน้าทีข่ องกระดกู 23 โรคท่เี ก่ยี วกบั โครงกระดูก 24 การบำรุงรักษาระบบกระดกู 25 อาหารบำรงุ กระดูก 26 บรรณานกุ รรม 27 28 ง

1 ระบบกระดกู องค์ประกอบทสี่ ำคัญของระบบกระดกู ประกอบดว้ ย 1. กระดูกอ่อน (Cartilage) ทำหน้าที่รองรับส่วนท่ีอ่อนนุ่มของร่างกาย เพื่อที่จะทำให้การเคลื่อนไหว ได้สะดวก ป้องกันการเสียดสี เนื่องจากผิวของกระดูกอ่อนเรียบ จึงพบว่ากระดูกอ่อนจะอยู่ที่ปลายหรือหัว กระดูกทป่ี ระกอบเปน็ ข้อต่อตา่ ง ๆ และยงั เป็นตน้ กำเนดิ ของกระดูกแข็งท่วั รา่ งกาย 2. ข้อต่อ (Joints) คือส่วนต่อระหว่างกระดูกตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปมาต่อกัน เพื่อการเคลื่อนไหวของ ร่างกาย 3. เอ็น (Tendon) มีทั้งที่เป็นเอ็นกล้ามเน้ือและเอ็นยึดข้อ (Ligament) เป็นเนื้อเยื่อที่มีความแข็งแรง มาก มีลกั ษณะเปน็ เสน้ ใยเหนียว ชว่ ยยึดกระดูกกับกล้ามเนื้อสว่ นตา่ ง ๆ ไว้ด้วยกนั 4.กระดูก (Bone) เป็นส่วนที่แข็งที่สุด โครงกระดูกในผู้ใหญ่ ประกอบด้วยกระดูกจำนวน 206 ชิ้น สว่ นในทารกแรกเกดิ จะมกี ระดกู ถึง 300 ชิ้นเพราะกระดกู อ่อนยงั ไมต่ ิดกัน กระดกู ออ่ น (cartilage) กระดูกอ่อน (cartilage) จัดเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีโปรตีนหลายชนิด เช่น คอลาเจนเป็นสวน ประกอบที่มีความอ่อนนุ่มกว่ากระดูก แต่แข็งกว่ากล้ามเนื้อ สามารถเป็นเนื้อเยื่อในระบบโครงร่างได้และชว่ ย ทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นมีเยื่อหุ้มกระดูกอ่อนเช่นเดียวกับกระดูก พบในบริเวณข้อต่อต่างๆของ รา่ งกาย รวมถึงโครงร่างของ ใบหู จมกู และหลอดลม กระดูกออ่ นไม่มีหลอดเลือดมาเล้ยี ง โดยเซลล์ของกระดูก อ่อนจะแลกเปลี่ยนสารอาหารโดยแพร่ผ่านคอลลาเจนสู่เส้นเลือดด้านนอก ทั้งนี้กรณีเซลล์กระดูกอ่อนถูก ทำลายจะซอ่ มแซมตัวเองไดแ้ ตช่ ้า เนือ่ งจากมีเมตาบอลิซึมท่ีต่ำ กระดกู อ่อนแบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ คอื 1. กระดูกอ่อนโปร่งใส (Hyaline Cartilage)พบได้ที่ด้านข้อต่อของกระดูก, กระดูกอ่อนซี่โครง, กระดูกออ่ นออกเสียง และกระดกู อ่อนหลอดลม 2. กระดูกอ่อนยืดหยุ่นได้มาก(Elastic Cartilage) เพราะมีเส้นใยมาก พบได้ที่กระดูกอ่อน ใบหู และ ฝาปิดกลอ่ งเสยี ง 3. กระดูกอ่อนผังพืด (Fibrous Cartilage)มีเส้นใยผังพืดมาก พบได้ที่หมอนรองกระดูกสันหลัง และ ขอ้ ต่อหวั หน่าว

2 ข้อตอ่ (joints) หมายถึง บริเวณรอยตอ่ ระหว่างกระดูกกับกระดูกหือระหว่างกระดูกกับกระดูกอ่อน หรือกระดูกอ่อน กับกระดูกอ่อนมาเชือ่ มต่อกัน โดยมเี อ็นหรอื พังผดื มาเป็นตัวช่วยยดึ เหนี่ยว ข้อต่อจัดจำแนกตามโครงสรา้ งแบ่งได้ 3 ชนิด 1. ข้อตอ่ ชนิดเส้นใย (Fibrous joints) 2. ข้อต่อชนิดกระดกู อ่อน (Cartilaginous joint) 3. ข้อตอ่ ชนดิ มีไขข้อ หรือ ขอ้ ต่อชนดิ ซินโนเวียล (Synovial joint) ขอ้ ตอ่ จัดจำแนกตามคณุ สมบตั ใิ นการเคลือ่ นไหวแบง่ ได้ 3 ชนิด 1. ขอ้ ตอ่ ทเี่ คลอ่ื นไหวไม่ได้ (Completely Immovable Joint) 2. ข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้ (Slightly Movable Joint) 3. ขอ้ ต่อทเ่ี คลือ่ นไหวได้อย่างอสิ ระ (Freely Movable Joint) ข้อต่อชนิดเสน้ ใย (Fibrous joints) - ข้อต่อเส้นใย (Fibrous joints) มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันยึดกระดูกเข้าไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีช่องว่าง ระหว่างข้อต่อ เป็นข้อตอ่ ท่เี คล่อื นไหวไมไ่ ด้ ได้แก่ ข้อตอ่ กะโหลกศรี ษะ - รอยประสาทกระดูก (Sutures) เป็นข้อต่อที่อยู่ระหว่างกระดูกแต่ละชิ้นของกะโหลกศรีษะจะมี ลักษณะเปน็ แนวรอยต่อท่ปี ระกบกนั อยา่ งสนทิ คลา้ ยกับการเขา้ ไม้ และมคี วามคงทนแขง็ แรงมาก - ข้อต่อยึดเอ็น (Syndesmosis) เป็นข้อต่อที่มีแผ่นของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนาแน่นขึงอยู่ พบใน กระดูกแบบยาว เช่น ระหว่างกระดูเรเดียส และกระดูกอัลนาของรยางค์บนและกระดูกทิเบีย กับ กระดูกฟิบู ลาในรยางค์ลา่ ง ข้อตอ่ ในลักษณะนีจ้ ะเคล่อื นไหวไดเ้ ลก็ น้อย - ข้อต่อเบ้าฟัน, ข้อต่อรากฟัน (Gomphosis) เป็นข้อต่อระหว่างรากฟันกับเบ้าฟันของกระดูก ขากรรไกรบน (maxilla) และ กระดกู ขากรรไกรล่าง (mandible)

3 ข้อตอ่ ชนิดกระดกู ออ่ น (Cartilaginous joint) ข้อต่อกระดูกอ่อน (Cartilage joints) มีกระดูกอ่อนขั้นระหว่างกระดูกทั้งสองข้างที่มาต่อกัน ไม่มี ช่องว่างระหว่างข้อต่อ ข้อต่อประเภทนี้เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย ได้แก่ ข้อต่อกระดูกสันหลัง ข้อต่อกระดูกเชิง กราน มี 2 ประเภท 1. ซินคอนโดรซิส (synchondrosis) เป็นกระดูก 2 ชิ้นยึดกันไว้ด้วยกระดูกอ่อนไฮอะลีน เช่น กระดูกซี่โครงซที่ ี่ 1 ยึดตดิ กับกระดกู อกดว้ ยกระดกู อ่อนซโี่ ครงซี่ที่ 1 2. ซิมไฟซิส (symphysis) เป็นกระดูก 2 ชน้ิ ยึดกันไวด้ ว้ ยกระดูกอ่อนพังผืด ปรากฏในแนวกลาง ตัว เชน่ หมอนกระดกู สันหลงั เปน็ กระดูกออ่ นพงั ผืดยดึ ระหว่างกระดูกสนั หลงั ทช่ี ิดกัน ข้อตอ่ หัวหน่าว กม็ ีกระดกู ออ่ นพังผืดยึดระหวา่ งกระดูกหัวหน่าว ข้อตอ่ ชนิดมีไขขอ้ หรอื ข้อต่อชนดิ ซินโนเวียล (Synovial joint) - ขอ้ ต่อชนิดซลิ โนเวียล (Sylnovial joint) เปน็ ขอ้ ต่อทม่ี ีแคปซูลหุ้มข้อ ภายในแคปซูลจะมีเย้ือหุ้มข้อ ถัดจากเยื่อหุ้มข้อจะเป็นโพรงข้อต่อ ภายในโพรงจะมีน้ำไขข้อ (Sylnovial fluid) ที่สร้างจากเนื้อเยื่อรอบ แคปซลู หุ้มข้อ เพ่อื ช่วยให้ขอ้ ต่อเคลื่อนทีไ่ ดส้ ะดวก นอกจากน้ี ผิวของกระดกู ที่มาเชื่อมกันเปน็ ข้อต่อชนิดนี้ จะ มสี ่วนทเี่ รียกวา่ กระดกู ออ่ นผวิ ข้อ (Articular cartilage) ร่วมอย่ดู ว้ ยแบง่ ได้ 3 ทิตทาง - ข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้ทิศทางเดียว เช่น ข้อศอก ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อระหว่างกระดูกนิ้วมือและข้อต่อ ระหวา่ งกระดกู น้ิวเท้า และขอ้ ตอ่ ระหวา่ งนว้ิ เทา้ เคล่ือนไหวได้เพียงแต่งอเข้าหรือยดื ออกเหมือนบานพับ - ข้อที่เคลื่อนไหวได้สองทิศทาง คือ ข้อต่อที่กระดูกข้อมือต่อกับฝ่ามือของนิ้วมือของนิ้วหัวแม่มือมี ลักษณะเหมือนอานม้า ซึ่งปลายกระดูกข้างหนึ่งเว้า และปลายกระดูกอีกข้างหนึ่งนูนรับกัน จึงเคลื่อนไหว ได้ 2 แบบ คอื การงอเขา้ ยดื ออก และการหมุน - ข้อที่เคลื่อนไหวหลายทิศทาง ซึ่งมีหลายลักษณะ เช่น ข้อไหล่ ข้อสะโพก และลักษณะของข้อที่ทำ ให้กระดูกชิ้นหนึ่งเคลื่อนที่ไปรอบๆ แกนของกระดูกอีกชิ้นหนึ่ง จะสวมกันอยู่คล้ายเดือยทำให้เคลื่อนไหวได้ หลายทิศทาง เชน่ กระดกู ตน้ คอ กระดกู สนั หนงั

4 ข้อต่อที่เคลอื่ นไหวไมไ่ ด้ (Completely Immovable Joint) เป็นข้อต่อของกระดูกที่มีลักษณะแบน ขอบหยัก จะถูกเชื่อมกันโดย Fibrous Tissue และช่องตาม รอยต่อจะมีเส้นใยของเน้ือเย่อื เกยี่ วพันแทรกอยู่ เชน่ กระดูกกะโหลกศีรษะ กระดกู หน้า เป็นต้น ข้อต่อทเี่ คล่ือนไหวได้เลก็ นอ้ ย (slightly movable joints) ข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย (Slightly Movable Joint) เป็นลักษณะของข้อต่อที่กระดูกทั้งสองชิ้น มาเชือ่ มตอ่ กันแล้วสามารถเคล่อื นไหวไปมาได้เลก็ น้อย มี 2 ลักษณะ คือ 1. แบบทีก่ ระดกู มาตอ่ กนั โดยกระดกู ออ่ นเปน็ ตวั เชือ่ ม เชน่ ข้อตอ่ กระดูกสนั หลัง 2. แบบกระดูกตอ่ กนั โดยมีเอน็ ยึด เช่น ข้อต่อทปี่ ลายกระดกู ขาทอ่ นลา่ ง ข้อตอ่ ท่เี คลอื่ นไหวได้อยา่ งอสิ ระ (Freely Movable Joint) เป็นข้อต่อที่พบมากที่สุด ข้อต่อชนิดนี้ทำให้อวัยวะส่วนนั้นๆ มีการเคลื่อนไหวได้มาก ซึ่งเป็นข้อต่อ ท่ี เกิดจากกระดูก 2 ชิ้นขึ้นไปมาต่อกัน โดยที่หัวและท้ายของกระดูกแต่ละชิ้นจะหุ้มด้วยกระดูกอ่อนเพื่อลดการ เสียดทาน มีเอ็นยึดกระดูกทั้งสองอยู่ มีลักษณะเป็นถุง ในถุงมีเยื่อบางๆ ช่วยขับของเหลวสำหรับหล่อลื่น ข้อ ต่อลกั ษณะนสี้ ามารถแบ่งตามลกั ษณะและความสามารถได้ดงั น้ี ลกั ษณะการเชือ่ มตอ่ กันของกระดูกตรงข้อต่อ แบ่งได้ 6 รปู แบบ ดงั นี้ 1. ขอ้ ต่อรปู เดอื ย (pivot joint) 2. ขอ้ ต่อรูปบานพบั (hinge joint) 3. ขอ้ ต่อรปู อานม้า (saddle joint) 4. ข้อต่อแบบปุ่ม (condyloid joint) 5. ขอ้ ต่อเพลน (plane joint) หรือ ข้อตอ่ ไกลดงิ (gliding joint) 6. ขอ้ ตอ่ รูปบอลในเบา้ (ball and socket joint)

5 ขอ้ ต่อรปู เดือย (pivot joint) เป็นข้อต่อที่มีกระดูกชิ้นหนึ่งหมุนอยู่ในวงของกระดูกอีกชิ้นหนึ่ง ข้อต่อชนิดนี้สามารถเคลื่อนไหวได้ แบบเดียว คือ บิดหมุนได้ครึ่งรอบ เช่น ข้อต่อของกระดูกคอชิ้นที่ 1 และชิ้นที่ 2 (atlantoaxial joint) ข้อต่อ ข้อมือ บริเวณ รอยตอ่ ของปลายแขน (radio-ulnar joint) ข้อตอ่ รูปบานพบั (hinge joint) เป็นข้อต่อที่เคลื่อนไหวทำมุมได้ทางเดยี วคล้ายกับบานพับประตู เช่น ข้อต่อที่ข้อศอก (elbow joint) หรอื ขอ้ ตอ่ ของขากรรไกรล่าง (temporomandibular joint)

6 ข้อตอ่ รูปอานมา้ (saddle joint) เป็นข้อต่อที่สามารถเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทาง มีลักษณะเหมือนอานม้าประกบกัน ข้อต่อประเภทนี้พบ ในขอ้ ตอ่ ระหวา่ งกระดกู โคนนว้ิ หวั แม่มอื กบั ขอ้ มือ ข้อต่อแบบปุ่ม (condyloid joint) มีลักษณะคลา้ ยขอ้ ต่อแบบลูกกลมในเบา้ แตเ่ คล่ือนไหวไดน้ ้อยกว่า เช่น ข้อต่อระหว่างกระดูกฝ่ามือกับ กระดกู นิ้วมอื

7 ข้อตอ่ เพลน (plane joint) หรือ ข้อตอ่ ไกลดิง (gliding joint) เป็นข้อต่อระหว่างกระดกู ที่มีหน้าตัดเรียบ ทำให้เกิดการเคลือ่ นไหวในลักษณะเลือ่ นถูกันไปมา พบใน ข้อต่อทก่ี ระดูกขอ้ มือและขอ้ ต่อกระดูกข้อเท้า ;;,,,, ,,,,,, ขอ้ ตอ่ รูปบอลในเบ้า (ball and socket joint) ขอ้ ต่อชนดิ นป้ี ลายกระดูกขา้ งหนึ่งมลี ักษณะกลมสอดเข้าไปในปลายของกระดูกอีกช้ินหน่ึงที่มีลักษณะ เปน็ เบ้า ซ่ึงทำให้มกี ารเคล่ือนไหวได้มากท่ีสุดเกือบทุกทิศทาง กระดกู ทม่ี ีขอ้ ต่อชนดิ น้ี คือ ขอ้ ต่อกระดูกสะโพก ข้อต่อกระดูกหวั ไหล่

8 เอน็ เอ็น ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง กลุ่มหรือมัดเนื้อเย่ือ เกี่ยวพัน ซึ่งเรียงตัวในทิศทางเดียว เห็นได้ชัด และไม่มีกล้ามเนื้อยึดที่ปลาย ชาว บ้านเรียกว่า เส้นเอ็น ทาง การแพทย์ ไม่มคี ำวา่ เอ็น แต่จะเปน็ เอน็ กระดูก (Ligament) และ เอน็ กล้ามเนื้อ (Tendon) เอน็ ยึดกระดูก (Tendon) เป็นเนื้อเยื่อพิเศษมีหน้าที่คล้ายเป็นเชือกโยงระหว่างกล้ามเนื้อกับกระดูก กล้ามเนื้อยืดหดได้แต่ใหญ่ เทอะทะ Tendon ยืดหดไมไ่ ด้แต่เล็กกวา่ กล้ามหลายสิบเท่า เหนยี วมาก เปน็ ส่วนปลายของกล้าม ทำให้กล้าม สามารถส่งการยืดหดไปยงั กระดูกเพื่อให้กระดูกเคลื่อนที่ได้ เอน็ ยึดขอ้ (Ligament) คือเนื้อเยื่อที่อยู่รอบข้อ มีหน้าที่บังคับให้ข้อเคลื่อนที่ได้ในเฉพาะทิศทางของแต่ละข้อ ยกตัวอย่างหัว เข่า ธรรมดาแลว้ ทำได้แค่ งอ กบั เหยยี ด จะพบั ไปข้างๆไมไ่ ด้ เพราะ ligament กนั ไวถ้ ้ามีการบาดเจบ็ เช่นนัก รักบี้ถูกแท็กต่ำ ๆจากข้างขาแรงๆ แรงปะทะจะทำให้ข้อเข่าพับไปทางข้าง เกิดการฉีกขาดของ ligament นอกจากจะปวดมาก บวมมาก แล้วเวลาหาย (ถ้าปล่อยไม่รักษา) หัวเข่าข้างนั้นจะไม่มีเสถียรภาพ อาจเดิน ไม่ได้ หรือเดินได้แต่ต้องระวังเพราะหัวเข่าพับเอาง่ายๆ ข้อเท้าแพลงก็เกิดจากการฉีกขาดของ ligament ข้อ เท้า

9 มนุษย์มกี ระดกู (Bone)ทั้งหมด 206 ชนิ้ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. กระดกู แกนกลางของรา่ งกาย (Axial skeletal) มีทง้ั หมด 80 ช้ิน 2. กระดกู รยางค์ (Appendicular skeletal) ประกอบดว้ ย กระดกู 126 ชนิ้

10 กระดกู แกนกลาง (Axial Skeleton) หมายถงึ เปน็ ชดุ ของกระดูกท่ีประกอบด้วยกระดูกในร่างกายมนษุ ยจ์ ำนวน 80 ช้นิ ในศีรษะและลำตัว ของมนุษย์ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ 1. กะโหลกศีรษะมนษุ ย์ (human skull) 2. กระดกู หูในหชู ั้นกลาง (ossicles) 3. กระดูกไฮออยด์ (hyoid bone) ในลำคอ 4. หน้าอก 5. กระดกู สันหลงั 6. โครงกระดกู แกน

11 กระดกู กะโหลกศีรษะ (Cranium) กระดูกกะโหลกศีรษะมีลักษณะเปน็ แผ่นเชื่อมติดกนั ภายในเป็นโพรงที่บรรจสุ มอง กะโหลกศีรษะทำ หน้าทีป่ ้องกนั อนั ตรายให้กบั สมอง 1. กระดกู หนา้ ผาก (Frontal bone) 1 ช้ิน 2. กระดกู ด้านข้างศรี ษะ (Parietal bone) 2 ชิ้น 3. กระดูกขมบั (Temporal bone) 2 ชิน้ 4. กระดกู ท้ายทอย (Occipital bone) 1 ช้ิน 5. กระดกู ข่ือจมูก (Ethmoid bone) 1 ชน้ิ 6. กระดกู รปู ผีเส้ือ (Sphenoid bone) 1 ช้นิ

12 กระดูกใบหนา้ (Facial Bones) กระดูกใบหน้า (Facial Bones) เป็นโครงสร้างที่ทำให้เกิดรูปทรงของใบหน้า กระดูกจะเชื่อมติดกัน แนน่ จะมเี พยี งกระดกู ขากรรไกรล่างซ่ึงเป็นกระดูกช้นิ ใหญ่ทสี่ ุดของกระดูกใบหนา้ ทีส่ ามารถขยบั เขยื้อนได้ จึง ช่วยใหค้ นเราสามารถเค้ียวอาหารได้ มี 14 ชิ้น 1.กระดกู สันจมกู (Nasal bone) 2 ช้นิ 2. กระดกู ก้นั ช่องจมกู (Vomer) 1 ชิ้น 3. กระดูกขา้ งในจมกู (Inferior concha) 2 ชิน้ 4. กระดูกถุงนำ้ ตา (Lacrimal bone) 2 ช้ิน 5. กระดูกโหนกแกม้ (Zygomatic bone) 2 ช้นิ 6. กระดกู เพดาน (Palatine bone) 2 ชนิ้ 7. กระดูกขากรรไกรบน (Maxillary) 2 ช้นิ 8. กระดูกขากรรไกรล่าง (Mandible) 1 ช้ิน

13 กระดกู หู (Bone of ear) แบง่ เป็น 3 ประเภท 1. กระดูกรูปคอ้ น (Malleus) 2 ช้ิน 2. กระดกู รูปท่งั (Incus) 2 ชิ้น 3. กระดกู รปู โกลน (Stapes) 2 ชิ้น กระดูกโคนล้ิน (Hyoid bone) 1 ช้นิ

14 กระดกู สันหลัง (Vertebrae) มี 26 ช้นิ ได้แก่ 1. กระดูกสนั หลังส่วนคอ (Cervical vertebrae) 7 ช้นิ 2. กระดกู สนั หลงั ส่วนอก (Thoracic vertebrae) 12 ช้นิ 3. กระดกู สันหลงั ส่วนเอว (Lumbar vertebrae) 5 ช้นิ 4. กระดูกกระเบนเหน็บ (Sacrum) 1 ชิ้น 5. กระดูกก้นกบ (Coccyx) 1 ชิน้

15 กระดูกทรวงอก (Sternum) 1 ช้ิน กระดกู ซี่โครง (Rib) 24 ช้นิ

16 กระดกู รยางค์ (Appendicular skeletal) หมายถึง โครงกระดกู ที่อยรู่ อบนอกกระดกู แกนซ่งึ ชว่ ยในการเคลื่อนไหวของแขน ขา โดยตรง รวมท้ัง กระดูกสะบักและกระดูกเชิงกรานที่เป็นฐานรองกระดูกแขนและกระดูกขากระดูกแขนเริ่มแต่บริเวณไหล่มี กระดูกสะบักและกระดูกไหปลาร้าทำหนา้ ที่เปน็ ฐานรองแขนเชื่อมโยงระหว่างกระดูกสนั หลงั ด้านบนของลำตัว กบั กระดูกต้นแขนกระดูกขาเรมิ่ ต้ังแตบ่ ริเวณเชงิ กรานท่ตี ่อกบั กระดูกตน้ ขาและจากกระดกู ตน้ ขามสี ะบ้าหัวเข่า ทฝี่ งั อย่ใู นเอน็ ของกลา้ มเน้ือและต่อกับกระดกู แขง็ ประกอบด้วย กระดกู 126 ชน้ิ 1. กระดูกโอบอก (Pectoral girdle) 2. แขน (Arm) 3. มือ (Hand) 4. กระดูกออกเชิงกราน (Pelvic girdle) 5. ขา (Leg) 6. เท้า (Foot)

17 กระดกู ไหล่ (Shoulder girdle) ประกอบด้วย 1. กระดูกไหปลาร้า (Clavicle) 2 ชน้ิ 2. กระดูกสะบกั (Scapular) 2 ชนิ้ กระดูกตน้ แขน (Hummers) 2 ช้ิน

18 กระดูกปลายแขน (Bone of forearm) ประกอบดว้ ย 1. กระดกู ปลายแขนท่อนใน (Ulna) 2 ช้นิ 2. กระดูกปลายแขนท่อนนอก (Radius) 2 ช้ิน กระดูกข้อมอื (Carpal bone) 16 ชน้ิ

19 กระดูกฝา่ มือ (Metacarpal bone) 10 ชิ้น กระดูกน้วิ มือ (Phalanges) 28 ช้นิ

20 กระดูกเชิงกราน (Hip bone) 2 ช้ิน กระดกู ตน้ ขา (Femur) 2 ช้ิน , กระดกู หนา้ แขง้ (Tibia) 2 ชน้ิ , กระดกู น่อง (Fibula) 2 ชน้ิ

21 กระดกู ข้อเทา้ (Tarsal bone) 14 ชนิ้ , กระดกู ฝ่าเทา้ (Metatarsal bone) 10 ชิน้ , กระดูกน้วิ เทา้ (Phalanges) 28 ช้นิ

22 ลักษณะกระดกู จาํ แนกตามรปู รา่ ง สามารถจาํ แนกได้ 4 ชนดิ คือ 1. กระดูกยาว (Long bone) เป็นกระดูกรูปร่างยาว บริเวณหัวท้ายของกระดูก เรียกว่า Epiphysis ภายในจะพบกระดูกพรุน (Spongy bone) และปกคลุมภายนอกด้วยกระดูกแข็ง (Compact bone) ส่วนบริเวณตรงกลาง (Shaft) เรียก Diaphysis กระดูกส่วนนี้โดยมากจะเป็น กระดูกแข็ง ในบริเวณนี้จะพบช่องว่างที่เรียกว่า Medullary canal ซึ่งบรรจุไขกระดูก (Bone marrow) และเปน็ แหล่งกําเนดิ ของเม็ดเลือด กระดูกยาวชนดิ น้ี ได้แก่ กระดกู ยาว กระดกู ขา เป็นต้น มี 90 ชน้ิ 2.กระดูกสั้น (SHORT bone) เป็นกระดูกที่มีความกว้างและความยาวใกล้เคียงกัน รูปร่าง เป็นกอ้ น ๆ ตัวอย่างเชน่ กระดกู ข้อมอื กระดูกข้อเท้า เป็นตน้ มี 30 ชน้ิ 3.กระดูกรูปแบน (Flat bone) เป็นกระดูกที่มีรูปร่างแบน ได้แก่ กระดูกกะโหลกศีรษะ ท่ี เรียกวา่ Diploe กระดูกซีโ่ ครง กระดกู สะบกั เปน็ ต้น มี 38 ช้ิน 4.กระดูกรูปแปลก (Irregular bone) เป็นกระดูกรูปร่างไม่แน่นอน มีลักษณะคล้ายกระดูก สั้น ได้แก่ กระดกู สนั หลงั กระดกู ขมับ เปน็ ต้น 46 ช้นิ

23 การเจริญเติบโตของกระดกู กระดูกต่างๆ ในรา่ งกายของคนเรานนั้ จะเรมิ่ เจรญิ เปน็ กระดกู ออ่ นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เมอ่ื คลอด ออกมาและร่างกายเจรญิ เติบโตขึ้น กระดกู อ่อนจะค่อยๆ แขง็ ตวั ขน้ึ โดยรับเอาแรธ่ าตตุ ่างๆ เข้าไปสะสมทำให้ กระดูกแข็ง การเจริญเติบโตของกระดูกจะเริ่มที่จุดศูนย์กลางบริเวณตอนกลางของแกลนกระดูก แล้วขยาย ออกไปทั้ง 2 ข้าง ทำให้กระดูก ยืดยาวออกไป ในเพศชายการเจริญเติบโตของกระดูกจะมีมากในช่วงอายุ ระหว่าง 18-21 ปีโดยฮอร์โมนจากอัณฑะเปน็ ตวั กระตุ้น ส่วนในเพศหญงิ จะมีมากในชว่ งอายรุ ะหว่าง 16-18 ปี โดยมีฮอรโ์ มนจากรงั ไขเ่ ปน็ ตวั กระตนุ้ และกระดูกจะเจรญิ จนถงึ วยั ประมาณ 25 ปี กจ็ ะหยุดการเจรญิ เติบโต ลกั ษณะของกระดูก กระดูกเกือบทุกชนิดในสัตวห์ รือในตัวมนษุ ย์ มลี ักษณะดังน้ี ส่วนทีถ่ ูไถกบั กระดูกอืน่ จะเปน็ ส่วนที่เรยี กว่า ด้านขอ้ ต่อ จะมีกระดกู อ่อนและนำ้ ไขข้อจะช่วยลดการ เสียดของกระดูกขณะเคลื่อนไหว ซง่ึ ทำให้กระดูกเคล่ือยไหวท่ีข้อต่อได้สะดวก ยกเว้นกระดูกแบนจะไม่มี กระดกู อ่อนคลมุ เช่น กระดูกดา้ นบนของกะโหลกศรี ษะซึ่งมีขอบขรุขระ และยึดกนั ด้วยพังผืด

24 ภายในท่อนกระดูกหรอื ทเ่ี รียกวา่ สว่ นลำของกระดกู จะปรากฏลกั ษณะของเน้ือเย่ือกระดูก 2 ชนดิ คอื 1. กระดูกพรุน เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากกระดูกทึบเข้าไปช่องว่างอยู่มากคล้ายฟองน้ำ เรียก ช่องว่างนี้ว่าโพรงกระดูก(medullary cavity)ภายในโพรงกระดูกจะมี ไขกระดูก(morrow)บรรจุ อยู่ ซงึ่ ไขกระดกู นีจ้ ะทำหน้าท่สี ร้างเซลลเ์ มด็ เลือดตา่ งๆรวมทง้ั เกลด็ เลือดให้กบั ร่างกาย 2.กระดกู ทบึ (com-pact bone) เปน็ ส่วนทต่ี ิดกบั เยอ้ื เย่อื หมุ้ กระดกู ทำหนา้ ทค่ี ล้ายฝาผนังมี ความแข็งแรงช่วยในการพยุงรับน้ำหนักลักษณะภายในจะเห็นเป็นวงซ้อนกันเป็นชั้นๆมีช่องว่างตรง กลางวงเพอื่ ใหเ้ สน้ เลือดนำอาหารผา่ นเข้าไปเลยี้ งเซลลไ์ ด้ 3. ส่วนของกระดูกทั้งหมด ยกเว้นด้านข้อต่อจะมีเยื่อบางๆห่อหุ้ม เรียกว่า เยื่อหุ้มกระดูก (bone covering) ระหว่างเนอื้ เย่ือยึดเหนี่ยว และไขกระดูกกจ็ ะมีเย่ือบางๆน้ีบุคน่ั ไว้เช่นเดียวกันเย่ือนี้ ทำหน้าที่สร้างเซลล์กระดูกใหม่เพื่อทดแทนเซลล์กระดูกส่วนที่ตายไปและเพิ่มเซลล์กระดูกให้มากข้นึ เพ่อื การเจรญิ เติบโตของกระดกู หรือซ่อมแซมในกรณีท่ีกระดกู หัก

25 หนา้ ท่ขี องกระดูก 1. ชว่ ยรองรบั อวยั วะตา่ งๆ ใหท้ รงและต้ังอยู่ในตำแหนง่ ทคี่ วรอยู่ (Organ of support) 2. เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนไหว เช่น พาร่างกายย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง (Instrument of locomotion) 3. เปน็ โครงของส่วนแขง็ (Framework of hard material) 4. เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อต่างๆ และ Ligament เพื่อทำหน้าที่เป็นคานให้กล้ามเนื้อทำหน้าที่ เก่ยี วกบั การเคล่ือนไหว 5. ช่วยปอ้ งกันอวยั วะสำคัญไมใ่ ห้ได้รับอันตราย เชน่ สมอง ปอด และหวั ใจ เป็นตน้ 6. ทำให้รา่ งกายคงรปู ได้ (Shape to whole body) 7. ภายในกระดูกมีไขกระดกู (Bone marrow) ทท่ี ำหน้าทีผ่ ลติ เม็ดเลอื ด (Blood cell) 8. เปน็ ที่เก็บแรธ่ าตุ Calcium ในร่างกาย 9. ป้องกันเสน้ ประสาทและหลอดเลอื ดทีท่ อดอยู่ตามแนวของกระดูกน้นั โรคทเี่ ก่ยี วกบั โครงกระดกู 1. กระดูกเสื่อม โรคกระดูกเสื่อม คือโรคที่มีการเสื่อมของกระดูกอ่อนของข้อที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อมือ ข้อศอก ข้อไหล่ และข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ซึ่งส่วนประกอบหลักของกระดูก อ่อนเหล่านี้คือน้ำและโปรตีน ที่จะทำให้กระดูกอ่อนมีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทกและเสียดสี แต่เม่ือใช้ ไปนานๆ ก็จะเกิดการเส่ือมและสึกหรอเม่ือเสื่อมแล้วก็จะเกดิ อาการปวดขดั ตามข้อ มกั พบในผู้สูงอาย

26 2. กระดูกพรุน โรคกระดูกพรุน หรือกระดูกโปร่งบาง บางครั้งเรียกว่ากระดูกผุ เป็นการเสื่อมของ กระดูกแข็งที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย โดยมีเนื้อเยื่อกระดูกและแคลเซียมลดลง ทำให้กระดูกทรุดลงและ แตกหักงา่ ย มักพบในผสู้ งู อายแุ ละสตรหี ลังหมดประจำเดือน 3. กระดูกอ่อน โรคกระดูกประเภทสุดท้ายทจ่ี ะกลา่ วถึงคือโรคกระดูกอ่อน เป็นลกั ษณะที่กระดูกขาด แคลเซียมโดยท่ีเนือ้ เยื่อกระดูกปกติ ความแข็งแรงจึงลดลงแต่ยืดหยุ่นมากขึ้น มักพบในคนที่ขาดวติ ามินดี เด็ก ช่วงอายุ 6 เดือนถึง 3 ขวบคนที่ขาดสารอาหารรุนแรง ผู้สูงอายุที่ขาดการเคลื่อนไหวและไม่ได้สัมผัสแสงแดด ผปู้ ่วยโรคไตพิการ หรือผู้ท่มี ตี ่อมพาราไทรอยดท์ ำงานมากผดิ ปกติ

27 4. หมอนรองกระดูกเคลื่อน โรคนพ้ี บได้บ่อยในคนหนุ่มสาว และวยั กลางคนทท่ี ำงานหนัก พบได้น้อย ในคนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน* เป็นโรคที่พบ ได้บ่อยในวัยหนุ่มสาวและวัย กลางคน ทำให้มีอาการปวดหลังและปวดขาเรื้อรงั ซึ่งสรา้ งความรำคาญ ความทกุ ขท์ รมาน และความวติ กกังวล ให้ผู้ป่วยและญาติ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีอันตรายร้ายแรง สามารถให้การดูแลรักษาให้อาการทุเลาและกลับมี คุณภาพชวี ติ เปน็ ปกติได้ สว่ นน้อยท่ีเป็นรุนแรง ถึงข้ันตอ้ งรกั ษาดว้ ยการผ่าตัด การบำรงุ รักษาระบบกระดกู กระดูกมีความสำคัญต่อร่างกายของเรามากมายดังได้กล่าวไปแล้ว ดังนี้จึงควรบำรุงรักษากระดูกให้ เจริญเตบิ โตอย่างแข็งแรง หากเราเริ่มดูแลกระดูกอยา่ งถูกวธิ ตี ั้งแต่วันนีจ้ ะช่วยให้มีกระดูกที่แข็งแรงในช่วงวัย ต่อๆไปของชีวติ ในทางตรงกนั ข้ามหากเราไม่รู้จักถนอมดแู ลแลว้ เรากอ็ าจเจ็บปว่ ยดว้ ยโรคกระดูกและข้อต่างๆ ได้ เช่น ข้อเสื่อมในผู้สูงอายุ รากประสาทถูกกดทับจากความผิดปกติของกระดูกสันหลังในคนที่แบกของหนัก อยา่ งผิดวิธี แนวทางในการบำรงุ รกั ษาระบบกระดูก มดี ังน้ี 1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่โดยเฉพาะอาหารท่ีมีแร่ธาตแุ คลเซียมและฟอสฟอรัสซง่ึ เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบกระดกู และฟัน 2. กำลงั กายกลางแจ้งสมำ่ เสมอ ควรออกกำลังกายกลางแจ้งโดยเฉพาะช่วงเช้าหรือเย็นเป็น ประจำ เพราะจะทำให้ร่างกายได้รบั วิตามินดจี ากแสงอลั ตาไวโอเลตอย่างเพียงพอนอกจากนี้การออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังช่วยให้กระดูกเจริญเติบโตและแข็งแรง รวมทั้งทำให้ข้อต่อส่วนต่างๆของ กระดูกดีขึน้ ด้วย

28 3. เคลื่อนไหวร่างกายอย่างถูกต้องด้วยการพัฒนาท่าทางการทรงตัว หรือการเคลื่อนไหว ของรา่ งกาย ไดแ้ ก่ การยนื เดิน นัง่ นอนให้ถูกตอ้ ง เปน็ สิ่งท่สี ามารถฝึกฝนได้ และจะชว่ ยใหม้ โี ครงร่าง และบคุ ลิกภาพที่ดี อาหารบำรุงกระดูก อาหารช่วยเสรมิ สร้างความแข็งแรงให้กระดูก เชน่ อาหารพวกท่ีมแี คลเซยี มสูง ได้แก่ นมสด ไขแ่ ดง ผัก ใบเขียว ผลไม้ และอาหารท่ีมีวติ ามินดี เชน่ นำ้ มนั ตบั ปลา ผกั สด การออกกำลงั กายเปน็ ประจำเป็นส่วนหน่ึงท่ี ช่วยพัฒนากระดูกให้เจริญอย่างเต็มที่และแข็งแรง ระวังอย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเพราะอาจทำให้ข้อต่อ ชำรดุ เสอื่ มสภาพเร็ว

ง บรรณานกุ รม ระบบข้อตอ่ .(ออนไลน)์ ,/เข้าถึงได้จาก : https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=8&chap=2&page=t8-2- infodetail04.html (วันที่สืบค้นขอ้ มลู : 11 กรกฎาคม 2564). กระดูกและข้อต่อ.(ออนไลน์),/เขา้ ถึงได้จาก : https://www.health5choice.com/knowledge/our- body/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8 %84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8 %81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8 %9A-%E0%B8%81/ (วันท่สี บื คน้ ข้อมลู : 11 กรกฎาคม 2564). ข้อต่อ.(ออนไลน)์ ,/เข้าถึงได้จาก : http://www.digitalschool.club/digitalschool/health4- 6/health6_1/b5/item4.php?fbclid=IwAR09RIaRkFTDKHFIX4lKPxeYwYc- mSJEFeaM6nce3joXqSgw_fXs2CmLNVI (วันที่สบื ค้นข้อมลู : 11 กรกฎาคม 2564). ระบบกระดกู .(ออนไลน์),/เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/site/30289pornpimol/rabb-tang-khxng-rangkay/1-3-rabb- kraduk?fbclid=IwAR3tvfayrft0HXKi71PnIyf_fyUS7i3VUk7FNRNJmLvEzGJJHSJ6ydSy79Y (วนั ทสี่ ืบคน้ ข้อมูล : 12 กรกฎาคม 2564). ระบบโครงกระดกู .(ออนไลน)์ ,/เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/charnnarongk009/rabb-khorng-kraduk-skeletal- system?fbclid=IwAR05RI6iLFqSXm0BLzXRFWI4LKugxHGIz5ltr63arURFmayF07R8-Tomm48 (วันทส่ี ืบค้นข้อมลู : 12 กรกฎาคม 2564).

จ ข้อตอ่ .(ออนไลน์),/เข้าถึงได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%88% E0%B8%AD (วันท่สี บื ค้นข้อมลู : 12 กรกฎาคม 2564). กระดกู อ่อน. (ออนไลน์),/เข้าถึงได้จาก : https://pimpimol122.wordpress.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B 8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B 5%E0%B8%A2%E0%B8%99/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%84%E 0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B 9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A 9%E0%B8%A2%E0%B9%8C/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E 0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-cartilage/ (วันทส่ี ืบคน้ ข้อมลู : 13 กรกฎาคม 2564). เอน็ .(ออนไลน์),/เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://119.46.166.126/self_all/selfaccess10/m4/health4_1/healthm4_1/content9_1.php (วันที่สืบคน้ ข้อมลู : 13 กรกฎาคม 2564).


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook