Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้หน่วยที่ 15 เอสซีอาร์

ใบความรู้หน่วยที่ 15 เอสซีอาร์

Published by pongthanakom, 2017-07-16 22:54:10

Description: ใบความรู้หน่วยที่ 15 เอสซีอาร์

Search

Read the Text Version

บทที่ 15 เอสซีอาร์15.1 บทนา SCR มีช่ือเรยี กเต็ม ๆ วา่ Silicon Controlled Rectifier จดั เปน็ อปุ กรณ์สารกึ่งตัวนาจาพวกไทริสเตอร์ มีขาสาหรับต่อใช้งาน 3 ขา และจะยอมให้กระแสไหลผ่านได้เพียงทางเดียวเหมือนไดโอด แต่จะมีข้อดีกว่าตรงท่ีทนกระแสและแรงดันไฟฟ้าได้สงู กว่าสามารถควบคุมให้นากระแสหรือไม่นากระแสได้โดยการควบคุมท่ีขาเกต (Gate)สว่ นอกี 2 ขา ที่เหลือกค็ ือ ขาแอโนด (Anode) และแคโถด (Cathode) จะทาหน้าที่เปน็ ทางผ่านของกระแสท่ีจ่ายใหก้ ับโหลดของวงจร15.2 โครงสรา้ งและสัญลกั ษณ์ของ SCR SCR มีขาสาหรับต่อใช้งาน 3 ขา ประกอบด้วย แอโนด (Anode, A) แคโทด (Cathode, K) และเกต(Gate, G) มันจะยอมให้กระแสไหลผ่านได้เพียงทิศทางเดียว เหมือนไดโอด จะแตกต่างก็ตรงท่ีสามารถควบคุมให้นากระแสหรือไม่นากระแสได้ โดยทาการควบคุมมุมในการทริก (Trigger) ทข่ี าเกต ส่วนกระแสหลักท่ีใชใ้ นการขับโหลด คอื กระแสแอโนด (IA) ที่ไหลจากขาแอโนดไปยังแคโถด รูปท่ี 15.1 โครงสรา้ ง สญั ลกั ษณแ์ ละวงจรสมมลู ของ SCR โครงสร้างของ SCR ประกอบด้วยสารก่ึงตัวนา PNPN 4 ชั้น ประกบกัน ตามรูปที่ 15.1 ก) สาร P ที่อยู่ริมสุดจะต่อขาแอโนด (A) ออกมาใช้งาน ส่วนขา N ด้านริมสุด ฝ่ังตรงข้ามจะต่อเป็นขาแคโถด (K) ออกมาใช้งาน ในส่วนตอนกลางซึ่งเป็นรอยต่อ PN จะต่อขาเกต (G) ที่สาร P ออกมาใช้สาหรับควบคุมการไหลของกระแส IA เมื่อพจิ ารณาสัญลักษณ์ในรูปที่ 15.1 ข) จะเห็นว่ามีสัญลักษณ์เหมอื นไดโอดเพียงแต่เพมิ่ ขาเกตขึ้นมาอกี หน่ึงขา ดังนั้นมันจึงเป็นอุปกรณ์ที่ยอมให้กระแสไหลผ่านได้เพียงทิศทางเดียวเหมือนไดโอดจะแตกต่างตรงท่ีสามารถควบคุมปริมาณของแรงดันและกระแสที่จะให้ผ่านไปยังโหลดได้ในส่วนของวงจรสมมูลดังรูปท่ี 15.1 ค) จะมีลักษณะคล้ายการนาทรานซสิ เตอร์ PNP และ NPN มาตอ่ รว่ มกนั ซึ่งมนั เป็นเพียงลักษณะทางโครงสร้างท่วั ไปแตใ่ นความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถนาทรานซิสเตอร์มาต่อเพ่ือให้ทาหน้าที่เป็น SCR ได้ เน่ืองจาก SCR จะใช้กับงานที่ต้องการกระแสและแรงดันสูงมาก แต่สาหรับทรานซิสเตอร์แล้วส่วนที่เป็นขาเบสจะทนกระแสได้น้อยมาก จึงไม่อาจนาทรานซิสเตอร์มาตอ่ เพื่อใช้งานแทน SCR ได้15.3 คณุ ลกั ษณะของ SCR และการใชง้ าน

รูปท่ี 15.2 วงจรการทดสอบคุณลักษณะและกราฟคุณลกั ษณะของ SCR พิจารณาการหาคุณลักษณะของ SCR จากรูปที่ 15.2 ก) โดยการทดสอบกับแหล่งจ่ายไฟตรง สมมติว่าในขณะเริ่มต้นให้ VGG = OA จากนน้ั ทาการปรับเพิ่ม VAA ข้ึนไปเร่ือยๆ (ขณะน้เี รยี กว่าไม่มีการทริกท่ีเกต) เมื่อปรับเพ่ิม VAA ไปจนถึงค่า VBO (Break over voltage) SCR จะนากระแสได้ และมีกระแส IA ไหลผ่านโหลด RL แต่วิธกี ารน้จี ะไม่นยิ มใช้เพราะจะทาให้เกิดอันตรายตอ่ โหลดและ SCR เนื่องจาก VBO อาจมีค่าสูงเกินกว่าท่ีโหลดจะรับไดแ้ ละ SCR จะเกิดความเครียดจากแรงดันที่มีค่าสูงเกินไปจนอาจเสียหายไดเ้ ชน่ กนั วธิ ีการท่จี ะไม่ทาใหเ้ กิดอันตรายตอ่ โหลดและ SCR ก็คอื การป้อนกระแสทริกท่เี กต (IG) โดยสมมตวิ า่ โหลดต้องการแรงดันค่าหน่ึง เราก็ปรับ VAA ให้ใกล้เคียงกับแรงดันที่โหลดต้องการ จากน้ันทาการปรับค่า VGG ให้ได้กระแส IG คา่ หน่ึง สมมติว่าขณะนี้คือ IG1 (พิจารณารูปกราฟ 15.2 ข) SCR จะนากระแสโดยมีแรงดันตกคร่อมท่ีขาAK ไม่ถึงช่วง VBO และถ้าเพิ่มให้มากข้ึนสมมติ VG2 เป็นแรงดันท่ีตกคร่อมขา AK ในช่วงการนากระแสก็จะยิ่งนอ้ ยลง ดังนั้นแรงดันส่วนใหญ่จึงไปตกคร่อมโหลด RL แต่ท้งั น้ีทัง้ น้ัน ขาเกตจะต้องไดร้ ับไฟบวกในการทริกเท่านั้นจึงจะสามารถนากระแสได้ เน่ืองจากขาเกตกับแคโทดเป็นรอยต่อ PN เหมือนรอยต่อของไดโอดต้องได้รับไบแอสตรง SCR จึงจะนากระแสได้ โดยปกติท่วั ไปในวงจรไฟตรงเม่ือ SCR นากระแสค่าแรงดัน VAK จะนอ้ ยมากใกลศ้ ูนย์ดงั น้ันกระแส IA ขณะ SCR นากระแสอาจหาไดจ้ าก เมื่อ SCR นากระแสในวงจรไฟตรงแล้วแม้ว่าจะตัดแหล่งจ่ายไฟ VGG ออกไป SCR ก็จะยังคงนากระแสได้อยู่ต่อไปเพราะรอยต่อ PN ท่ีขา GK ลดค่าความต้านทานลงมาภายหลังได้รับการทริกท่ีขา G แรงดันตกคร่อมรอยตอ่ PN ทีข่ า GK จงึ ใกลศ้ นู ยม์ าก แรงดันท่ี A เทยี บกบั K จึงมีค่าประมาณใกลศ้ ูนยเ์ ช่นกัน เน่อื งจากเกิดกระแสIA ไหลอย่างตอ่ เน่ืองเพราะฉะน้ันโหลด RL จงึ สามารถทางานได้อย่างตอ่ เนือ่ ง พจิ ารณาต่อไปถ้า IA มีค่าลดลงจะด้วยเหตผุ ลใดก็ตาม SCR จะยังคงนากระแสไดต้ ราบใดที่คา่ กระแสไม่ต่ากว่ากระแสยึด (Holding current, IH) แต่ถ้าเมื่อใด IA ต่ากวา่ IHSCR จะหยุดนากระแสทันทถี า้ จะให้นากระแสใหม่จะตอ้ งทาการทริกทข่ี าเกตอีกครัง้ มันจงึ จะนากระแสไดโ้ ดยมีข้อแมว้ า่ IA ต้องไม่นอ้ ยกวา่ IH อยา่ งไรก็ตามการจะให้ SCR นากระแสได้อย่างปลอดภัยจะต้องยดึ หลักดงั นี้ 1. ไบแอสขั้วบวกท่แี อโนดเทยี บกับแคโถด

2. ไบแอสไฟบวกทีข่ ้ัวเกตเทยี บกบั แคโถด (เรียกวา่ ทริกเกอรท์ เ่ี กต) 3. ถ้าตอ้ งการให้ SCR หยุดนากระแสตอ้ งลดคา่ ให้ต่ากวา่ หรือตัดวงจรการไหลของกระแส รปู ที่ 15.3 การใช้ SCR ในวงจรสัญญาณเตือนกนั ขโมย พิจารณารูปท่ี 15.3 เป็นการนา SCR มาใช้งานอย่างง่ายในวงจรสัญญาณเตือนภยั ขโมย ซึ่งการทางานของวงจรน้ัน ในสภาวะปกติถ้าหากเป็นการใช้ตามอาคารบ้านเรือนสวิตช์ S1 , S2 หรืออาจมีมากกว่าน้ัน จะถูกตดิ ตั้งไว้ทีต่ าแหน่งของบานหนา้ ต่างหรือประตู ถ้าหน้าต่างหรือประตูปิด มันจะไปผลักสวิตช์ให้จากออก (ตัดวงจร)ถ้ากดสวิตช์ S ให้ต่อวงจรไว้ออดจะยังไม่ดัง แต่ถ้าเมื่อใดหน้าต่างหรือประตูถูกงัดให้เปิดออกไม่ว่าจะเป็นบานใดก็ตาม S1, S2 หรือ Sn ตัวใดตัวหน่ึง จะถูกดึงกลับมาต่อวงจรทาให้มีกระแส ไปทริกขาเกตของ SCR และทาให้มีกระแสไหลผ่านออดผ่านขา A ไป K และครบวงจร ออดจึงมีเสียงดังและดังตลอดไปเร่ือย ๆ ถึงแม้จะกด S1 , S2หรอื Sn ให้จากออกออดกย็ งั คงดังอยู่ ถา้ ต้องการใหอ้ อดหยดุ เสยี งดงั ต้องตัดวงจรท่ี สวิตช์ S โดยท่ัวไปเม่ือนา SCR ไปใช้งานแล้ว ถ้าต้องการทาให้มันหยุดนากระแสโดยการทาให้ IA น้อยกว่า IH น้ันสามารถกระทาได้ 2 วิธี คอื 1. การตอ่ สวิตชอ์ นุกรม (Anode current interruption) กระทาไดโ้ ดยการตอ่ สวิตชอ์ นุกรมกบั ขา A ของSCR เมือ่ ต้องการให้ SCR หยดุ นากระแส (Turn – off) ก็เปดิ สวิตช์ให้จากออก ดังรปู ที่ 15.4 รปู ท่ี 15.4 การทาให้ SCR หยุดนากระแสโดยวิธี Anode current interruption 2. การต่อสวติ ช์แบบขนาน (Force commutation) กระทาได้โดยการต่อสวติ ช์คร่อมระหว่าง ขา A และK ของ SCR เม่ือกดสวิตช์ให้ต่อวงจร กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านสวิตช์แทนการผ่าน A ไป K ด้วยระยะเวลาหน่ึง

กระแส IA จึงต่ากว่า IH SCR ก็จะหยุดนากระแส ถ้าต้องการให้ SCR นากระแสใหม่ต้องทาการทริกเกอร์ (Trigger)ทข่ี าเกตใหม่ ดงั รูปท่ี 15.5 รูปที่ 15.5 การทาให้ SCR หยุดนากระแสโดยวิธี Force commutation จากคุณลักษณะทางไฟฟ้าของ SCR ในเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าสามารถนา SCR มาใช้ในการแปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรงที่สามารถปรับค่าแรงดันไฟตรงท่ีโหลดได้ ซ่ึงก็สามารถจัดวงจรได้ท้ังแบบครึ่งคล่ืนและเต็มคลน่ื เชน่ เดียวกันกบั การใช้ไดโอด 15.3.1 วงจรเรยี งกระแสครึ่งคลนื่ ใช้ SCR ก) วงจรเรยี งกระแสแบบคร่งึ คล่ืนใช้ SCR

ข) รูปคล่นื สญั ญาณของแรงดันด้านอินพุตและเอาต์พุต พิจารณารูปท่ี 15.6 เป็นวงจรเรียงกระแสแบบครึ่งคลื่นท่ีใช้ SCR โดยมีมุมจุดชนวนที่ขาเกต (ทริกเกอร์)อย่ทู ่มี ุม ∝ เมือ่ SCR นากระแสจะเห็นได้วา่ กระแสโหลด และแรงดันทโี่ หลด (IO และ VO) จะเรม่ิ ท่มี มุ ∝ ไปจนถึงπ ตามลักษณะของรูปคลื่นไปสลับด้านบวก แต่เมื่อไฟสลับไปอย่ทู ี่ช่วงสัญญาณด้านลบ SCR จะไม่ยอมให้ IO และVO ผ่านไปยังโหลดได้ จนกว่าจะมีสัญญาณด้านบวกรอบใหม่เข้ามา และเม่ือถึงช่วงมุมจุดชนวนเกตที่มุม ∝ SCRจงึ จะยอมให้ IO และ VO ผ่านไปยงั โหลด RL ได้



หมายเหตุ คา่ π และ ∝ ท่ไี ม่ได้อยู่หลงั sin หรือ cos ให้แทนคา่ ในหน่วยเรเดยี น การใช้งาน SCR ในวงจรเรียงกระแสแบบเต็มคลื่นจะพิจารณาเป็น 2 แบบ คือ ในกรณีของวงจรเรียงกระแสเต็มคลน่ื ทใ่ี ช้หมอ้ แปลงมีแทป็ กลางและกรณีของวงจรบริดจ์ 15.3.2 วงจรเรียงกระแสเตม็ คล่ืนที่ใชห้ ม้อแปลงมแี ท็ปกลาง รูปที่ 15.7 วงจรเรยี งกระแสแบบเตม็ คลื่นของ SCR ท่ีใชห้ ม้อแปลงมแี ทป็ กลาง

พิจารณาวงจรเรียงกระแสเต็มคลื่นแบบใช้หม้อแปลงมีแท็ปกลางดังรูปที่ 15.7 จะมีลักษณะการทางานเหมือนกับวงจรเรียงกระแสที่ใช้ไดโอด เพียงแต่กรณีน้ีสามารถควบคุมปริมาณกระแสและแรงดันที่เอาต์พุตได้ดังน้ันในการคานวณหาค่ากระแสและแรงดันที่เอาต์พุตจึงคานวณและสามารถพิจารณาเปรียบเทียบกับรูปคลืน่ สญั ญาณรูปที่ 15.8 ได้ดงั นี้ รปู ที่ 15.8 รปู คล่นื สัญญาณวงจรเรียงกระแสแบบเต็มคลืน่ ใช้หม้อแปลงมแี ท็ปกลาง เม่อื พิจารณาวงจรรูปท่ี 15.7 และรปู คลน่ื สัญญาณรปู ท่ี 15.8 การควบคมุ มุมการนากระแสของ SCRสามารถควบคุมได้ตั้งแต่ 0o ถึง 180o น่ันคอื สามารถควบคมุ ค่าแรงดนั ไฟฟ้าท่ีจะไปตกครอ่ มทโ่ี หลด RLได้ โดยเมื่อพิจารณารูปคล่นื สญั ญาณจากรูปที่ 15.8 จะเห็นได้ว่าค่าแรงดันทีต่ กคร่อมโหลด RL จะมีค่าสูงสดุ เมอื่ มมุ ในการทริก หรือ ∝ = 0 และแรงดันตกคร่อมโหลดจะเปน็ ศูนย์เมอื่ มุมในการทรกิ หรือ ∝ = 180o

หมายเหตุ ค่า ������ และ ∝ ท่ีไม่ไดอ้ ยูห่ ลัง sin หรือ cos ให้แทนค่าในหนว่ ยเรดยี น15.3.3 วงจรเรียงกระแสเต็มคลนื่ แบบบริดจ์

รูปท่ี 15.9 วงจรเรียงกระแสเต็มคลนื่ แบบบรดิ จใ์ ช้ SCR รปู ท่ี 15.10 รปู คล่นื สญั ญาณวงจรเรียงกระแสเต็มคลืน่ แบบบรดิ จ์ เมื่อพจิ ารณาวงจรรปู ที่ 15.9 และรปู คลน่ื สัญญาณรปู ที่ 15.10 การควบคุมมุกมการนากระแสของ SCRยงั คงสามารถควบคุมไดต้ ้ังแต่ 0o ถงึ 180o นนั่ คอื สามารถควบคมุ ค่าแรงดนั ไฟฟ้าท่จี ะไปตกคร่อมทโี่ หลด RL ได้แตจ่ ะมี SCR ทาหนา้ ท่ีในการเรียงกระแสรูปคล่นื สัญญาณครงึ่ ไซเกลิ ละ 2 ตัว และเมื่อพิจารณารปู คล่นื สัญญาณจากรปู ที่ 15.10 จะเหน็ ได้วา่ ค่าแรงดันที่ตกคร่อมโหลด RL จะมคี า่ สงู สดุ เมื่อมุมในการทรกิ หรอื  = 0o เช่นเดีวกันกับวงจรเรยี งกระแสเต็มคลื่นท่ีใช้หม้อแปลงมแี ท็ปกลาง อีกท้งั คา่ ของแรงดนั ตกครอ่ มโหลดจะเป็นศูนยเ์ มื่อตาแหน่งของมุมในการทรกิ หรือ  = 180o ค่าแรงดันและกระแสไฟตรงเฉลี่ยท่เี อาต์พุต (Voavg และ IOavg) จึงสามารถหาไดจ้ ากสมการท่เี หมือนกันกบัวงจรเรยี งกระแสเต็มคล่นื ที่ใช้หม้อแปลงมีแทป็ กลาง น่ันคือ

หมายเหตุ คา่ π และ ∝ ทไี่ มไ่ ด้อย่หู ลัง sin หรอื cos ใหแ้ ทนค่าในหนว่ ยเรเดยี น อยา่ งไรก็ตามการจะใชง้ าน SCR ให้ไดผ้ ลดจี ะตอ้ งพจิ ารณาถึงองคป์ ระกอบหลาย ๆอยา่ ง ดงั นี้ แรงดนั ไบแอสตรงจดุ ชนวน หรอื แรงดนั พังขณะไบแอสตรง (Forward breakdown voltage, หรือ VBO )คอื ค่าแรงดันที่ป้อนไฟบวกให้กบั แอโนดและลบใหก้ บั แคโทดของ SCR แล้วทาให้ SCR นากระแส สว่ นใหญ่เราจะไมใ่ ห้ SCR นากระแสด้วยค่าแรงดนั นี้ เพราะ เป็นการเส่ียงต่อการเสยี หายของ SCR ดงั น้นั ถ้าในวงจรพาวเวอร์ทม่ี ีแหล่งจ่าย 400 โวลต์ จะต้องเลอื กใช้ SCR ที่มีคา่ มากกว่า 400 โวลต์ กระแสไบแอสตรงสงู สุด (Maximum forward current) เป็นค่ากระแสที่อาจทาให้ SCR เสียหายอนัเน่อื งมาจากความร้อนท่รี อยต่อ โดยทว่ั ไป ถ้าโหลดมีคา่ กระแสใช้งานเฉลี่ย 1 แอมแปร์ จะต้องเลือกใช้ SCR ที่ทนตอ่ กระแสไบแอสตรงสูงสุดอย่างนอ้ ย1.57 แอมแปร์ กระแสจุดชนวนเกต (Gate trigger current, เป็นกระแสทใี่ ช้ในการทริกหรือจุดชนวนเกตให้ SCR เรมิ่ นากระแสแรงดนั จุดชนวนเกต (Gate, trigger voltage) เป็นค่าแรงดันดา้ นบวกทข่ี าเกตเทียบกบั แคโทดท่ที าให้ SCRนากระแส กระแสโฮลดิ้ง (Holding current, ) เปน็ คา่ กระแสที่ไหลระหวา่ งแอโนดและแคโถดตา่ ท่ีสุดท่ี SCR ยงั คงสามารถนากระแสอยู่ได้ ค่าจะสงู ข้นึ เมื่ออณุ หภูมิโดยรอบลดลง แรงดนั ไบแอสกลบั สงู สุด (Peak reverse voltage,) เป็นค่าแรงดันขณะไบแอสกลับระหว่างแอโนดและแคโทดที่ SCR ทนได้ แรงดันไบแอสกลบั สูงสุดท่ีเกต (Peak reverse gate voltage,) เป็นค่าแรงดนั ไบแอสกลับสงู สดุ ทเ่ี กตกับแคโทดทท่ี าให้รอยต่อเกตพัง กระแสเกตสูงสดุ (Maximum gate current) คอื ค่ากระแสเกตสูงสุดที่ทาให้ SCR พัง ดงั น้ันการทรกิ เกตของ SCR จงึ ตอ้ งทริกดว้ ยค่ากระแสที่ตา่ กว่ากระแสเกตสงู สดุ

ในการประยุกต์ใช้งาน SCR สามารถนาไปประยุกต์ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่นใช้ไดโอดในวงจรเรียงกระแสเพ่ือใช้สาหรับเป็นแหลง่ จ่ายไฟตรงให้กบั วงจร ใช้คณุ สมบัติการเป็นสวิตชข์ องทรานซิสเตอร์มาเป็นสวิตช์ในการควบคุมการเปิด-ปิดของวงจร อาศัยแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงค่าต่าๆ มาใช้งานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดเม่ือต้องนาไปควบคุมโหลดท่ีใช้กบั แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับที่มีคา่ สูงๆ ในท่ีน้ีจะขอยกตัวอย่างการนาไปประยุกต์ใช้งานจรงิ ในวงจรควบคมุ ระดบั น้า รปู ที่ 15.11 วงจรควบคมุ ระดับน้าใช้ SCR รว่ มกบั อุปกรณ์อนื่ จากรูปที่ 15.11 การทางานของวงจรเริ่มจาก เมื่อเราทาการจ่ายไฟให้กับหม้อแปลงของวงจรเรียงกระแสเต็มคล่ืนแบบบริดจ์ วงจรเรียงกระแสก็จะทาหน้าที่เปล่ียนไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงขนาดประมาณ 12 โวลต์ พจิ ารณาท่ีถังพกั น้าไม่มีน้าอยเู่ ลยกระแสไฟฟ้าค่าตา่ ๆ ไม่สามารถไหลจากอเิ ล็กโทรด com ไปยังอิเล็กโทรด min และอิเล็กโทรด max ทาให้ทรานซิสเตอร์ Q1 และ Q2 ไม่นากระแส กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านอิเล็กโทรด AB ไปยังขาเบสของทรานซิสเตอร์ Q3 ขณะเดียวกันกับที่กระแสไฟฟ้าท่ีไม่สามารถไหลผ่าน Q1 ได้ ก็จะไหลไปทริกที่ขาเกตของ SCR ทาให้ SCR และทรานซิสเตอร์ Q3 นากระแสกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดรีเลย์ผ่าน SCR และทรานซสิ เตอร์ Q3 ครบวงจร สง่ ผลให้หน้าสมั ผัส N.O. ของรีเลยต์ ่อวงจรให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปยังมอเตอร์ มอเตอร์จะทางานและสูบน้าขึ้นไปไว้ยังถังพักน้า เม่ือระดับน้าสูงข้ึนไปสัมผัสอิเล็กโทร ด minกระแสไฟฟ้าจากอิเล็กโทรด com จะไหลผ่านน้าไปยังอิเล็กโทรด min ส่งต่อไปยังขาเบสของทรานซิสเตอร์ Q1ทรานซิสเตอร์ Q1 นากระแสตัดทางเดินกระแสไฟฟ้าไม่ให้ไหลไปยังขาเกตของ SCR แต่ SCR ยังคงนากระแสได้อยา่ งต่อเนือ่ ง เนื่องจากกระแสทไี่ หลผ่าน SCR มคี ่าสงู กวา่ ค่ากระแสยดึ มอเตอรก์ ย็ งั ทางานสบู นา้ ขึ้นไปยงั ถังพกั นา้จนกระทั่งระดับน้าสูงข้ึนไปสัมผัสแท่งอิเล็กโทรด max กระแสไฟฟ้าจะไหลจากอิเล็กโทรด com ไปยังขาเบสของ

ทรานซิสเตอร์ Q2 ทรานซิสเตอร์ Q2 นากระแส ตดั ทางเดินของกระแสที่จะไหลไปยังขาเบสของทรานซิสเตอร์ Q3ทรานซิสเตอร์ Q3 จะหยุดนากระแสตัดกระแสที่จะไหลผ่านคอยล์รีเลย์ รีเลย์หยุดทางานตัดวงจรการทางานของมอเตอร์ออกไป ซ่ึงการทางานก็จะเป็นวงรอบกลับไปมา ขึ้นอยู่กับระดับน้าในถังพักน้าท่ีเพิ่มหรือลดระดับตามตาแหน่งของอิเล็กโทรด min และ max ในส่วนของอิเล็กโทรด AB ทาหน้าที่ในการป้องกนั มอเตอร์ ไม่ให้มอเตอร์ทางานเม่ือระดับน้าในบ่อน้าต่ากว่าตาแหน่งอิเล็กโทรด AB ซ่ึงถ้ามอเตอร์ทางานตลอดเวลาในกรณีท่ีบ่อน้าไม่มีน้าอาจเป็นสาเหตทุ าให้มอเตอรไ์ หมไ้ ด้15.4 การตรวจสอบ SCR ในการตรวจสอบ SCR เพอ่ื ให้ทราบถงึ ตาแหน่งของขาต่าง ๆ และเพ่ือใหท้ ราบวา่ SCR อยู่ในสภาพดหี รอืชารดุ กระทาได้โดยการใชม้ เิ ตอรแ์ บบเขม็ ชท้ี ่รี ตู าแหน่งของขวั้ บวกลบทีแ่ น่นอน 1. หาขา G และ K ก่อน โดยการปรับตั้งย่านวัดมิเตอร์ที่ Rx1 แล้วนาปลายสายขั้วบวกและลบของมิเตอร์ไปแตะขาของ SCR ทีละคู่พร้อมทั้งสลับปลายสายวัดทุกคู่ ดังน้ัน SCR ท่ีมี 3 ขา เมื่อทาการวัดและสลบั ปลายสายวัดจะต้องทาการวัดถึง 6 ครั้ง ให้สังเกตว่าจะมีอยู่ 1 คร้ังท่ีเข็มมิเตอร์กระดิกท่ีตาแหน่งนี้ ถ้าขั้วบวกของมิเตอร์(ขัว้ บวกที่แท้จริง) แตะอยทู่ ี่ขาใด ขาน้ันคือขาเกต และที่ขัว้ ลบแตะอยูค่ ือ ขาแคโถด สว่ นขาท่ีเหลอื คือแอโนดดังรูปท่ี 15.12 ก) ขัว้ + ของมเิ ตอรอ์ ยูข่ าที่ 1 ขั้ว – อยขู่ าที่ 2 เข็มช้ขี องมิเตอร์ชค้ี วามตา้ นทานสูง ข) ขว้ั – ของมิเตอรอ์ ยขู่ าท่ี 1 ขัว้ + อยูข่ าท่ี 2 เขม็ ชี้ของมเิ ตอร์ชีค้ วามต้านทานสงู

ค) ข้ัว + ของมิเตอร์อยู่ขาที่ 1 ข้วั – อย่ขู าที่ 3 เขม็ ชี้ของมเิ ตอรช์ ี้ความตา้ นทานสูงง) ข้ัว – ของมเิ ตอรอ์ ยู่ขาท่ี 1 ข้วั + อยู่ขาท่ี 3 เขม็ ชี้ของมเิ ตอรช์ ค้ี วามตา้ นทานสงูจ) ขัว้ + ของมิเตอรอ์ ยขู่ าที่ 2 ข้วั – อยขู่ าที่ 3 เขม็ ชข้ี องมเิ ตอรช์ ้คี วามต้านทานสงูฉ) ขั้ว + ของมิเตอร์อยขู่ าที่ 3 ขั้ว – อยู่ขาที่ 2 เข็มชี้ของมิเตอร์ช้คี วามตา้ นทานคา่ หนึ่ง รปู ท่ี 15.12 การวดั หาขา G และ K ของ SCR

หมายเหตุ SCR บางตัว จะมีคู่ขา 1 คู่ ที่วัดความต้านทานได้ 2 คร้ัง แต่จะมีอยู่คร้ังหน่ึงเข็มมิเตอร์ชี้ความต้านทานต่า อีกครั้งหน่ึงค่าความต้านทานจะมีคา่ สงู ถา้ พจิ ารณาทค่ี วามต้านทานตา่ ขว้ั บวกแตะขาใด ขานัน้ คือ ขาเกต ขาทีข่ ้ัวลบแตะคอื แคโถด สว่ นขาทีเ่ หลือคือแอโนด ดังรปู ที่ 15.13 รปู ที่ 15.13 การวดั หาขา G และ K ของ SCR กระแสสูง 2. เมื่อต้องการตรวจสอบว่า SCR อยู่ในสภาพดีหรอื ไมใ่ หต้ ั้งมิเตอร์ที่ R 1 และนาข้ัวบวกของมเิ ตอรแ์ ตะทีข่ าแอโนด ข้ัวลบไปแตะท่ีขาแคโถด นาปลายสายไฟเส้นหน่ึงมาแตะที่ขาแอนโนดที่มีไฟขั้วบวกของมิเตอรแ์ ตะอยู่สว่ นปลายอกี ด้านหนึ่งของสายไฟให้นาไปแตะกับขาเกต สังเกตเข็มมิเตอร์จะกระดิก จากนนั้ ปลดปลายสายไฟเส้นท่ีนามาแตะขาเกตครัง้ หลงั นีอ้ อกไป สังเกตเข็มมิเตอร์จะต้องชี้ค้างที่ความตา้ นทานตาแหนง่ เดิมแสดงว่า SCR อยใู่ นสภาพดี ดงั รปู ท่ี 15.14 ก) เมอ่ื ขัว้ + ของมเิ ตอรแ์ ตะกบั ขา A และ G ขวั้ – แตะกบั ขา K เขม็ มเิ ตอร์อ่านคา่ ความต้านทานได้ ข) เมื่อปลดสายไฟที่ขา G ออก โดยขว้ั + ของมเิ ตอรแ์ ตะกบั ขา A ขั้ว – แตะกับขา K เขม็ มเิ ตอรช์ ้ีคา้ งอา่ นคา่ ความต้านทานไดเ้ ทา่ เดิม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook