แผนการจัดการเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้ บทท่ี 2 ชื่อวชิ า เคร่ืองเสียง สอนสัปดาหท์ ี่ 2 ชื่อหน่วย อุปกรณ์ในระบบเสียง คาบรวม 8ช่ือเรื่อง อุปกรณ์ในระบบเสียง จานวนคาบ 4หัวข้อเร่ือง1. จูนเนอร์2. เครื่องเล่นเทป3 เคร่ืองเล่นคอมแพก็ ดิสก์4 .เคร่ืองขยายเสียง5. กราฟฟิ กอีควอไลเซอร์6. เพาเวอร์แอมป์สาระสาคญั อุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบเสียงแบ่งออกเป็ นภาคการทางานได้ 3 ภาค ไดแ้ ก่ ภาคกาเนิดสัญญาณเสียงเป็ นส่วนท่ีกาเนิดสัญญาณเสียงเพ่ือป้อนใหก้ บั เครื่องขยายเสียง เช่น จูนเนอร์เครื่องเล่นแผน่ เสียง เครื่องเล่นเทปเครื่องเล่นซีดี ไมโครโฟน เป็ นตน้ ภาคแต่งเสียงและขยายเสียง เป็ นภาคการทางานที่ทาหนา้ ที่ปรับแต่งเสียงให้ไพเราะเหมาะสมกบั การฟัง อุปกรณ์ที่ใชเ้ ช่น ปรีแอมป์ โทรคอนโทรล อีควอไลเซอร์ เพาเวอร์แอมป์ เป็ นตน้และภาคเปล่ียนสญั ญาณไฟฟ้าใหเ้ ป็นสัญญาณเสียง อุปกรณ์ท่ีใชก้ ค็ ือลาโพงสมรรถนะอาชีพประจาหน่วย- แสดงความรู้เกี่ยวกบั อุปกรณ์ในระบบเสียง
คาศัพท์สาคญัจุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. เพือ่ ใหม้ ีความรู้เก่ียวกบั ความหมายของคาวา่ จูนเนอร์ (ด้านความรู้) 2. เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการแยกแยะลกั ษณะการทางานของเครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสก์ (ดา้ นทกั ษะ) 3. เพ่อื ใหม้ ีเจตคติที่ดีในการช้ีแจงชนิดของเพาเวอร์แอมป์ (ดา้ นจิตพิสยั ) 4. เพือ่ สรุป อุปกรณ์ในระบบเสียง ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณา การเศรษฐกิจพอเพยี ง) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. อธิบายความหมายของคาวา่ จูนเนอร์ได้ (ด้านความรู้) 2. บอกลกั ษณะและหนา้ ท่ีของเคร่ืองเล่นเทปได้ (ด้านความรู้) 3. แยกแยะลกั ษณะการทางานของเครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสกไ์ ด้ (ด้านทักษะ) 4. จาแนกหนา้ ท่ีและความสาคญั ของเคร่ืองขยายเสียงได้ (ด้านทักษะ) 5. จดั ลาดบั หนา้ ที่ของกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์ได้ (ด้านทักษะ) 6. ช้ีแจงชนิดของเพาเวอร์แอมป์ ได้ (ด้านจิตพิสัย) 7. สรุป อุปกรณ์ในระบบเสียง ได้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการ เศรษฐกิจพอเพยี ง)
เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้• ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี เคร่ืองขยายเสียง (Amplifier) มีรูปแบบการใช้งานท่ีหลากหลายท้งั ใช้งานในบา้ น ในรถยนต์ในห้องประชุม โรงภาพยนตร์ หรือระบบเคร่ืองเสียงกลางแจง้ ซ่ึงแต่ละระบบที่กล่าวมาน้นั ก็จะมีการออกแบบวงจรท่ีแตกต่างกนั แต่ทุกแบบน้นั จะมีส่ิงที่เหมือนกนั คือตอ้ งการขยายสัญญาณเสียงให้เกิดความดงั ตามท่ีตอ้ งการโดยไม่ให้เกิดสัญญาณรบกวน (Noise) จะตอ้ งตอบสนองความถ่ีท่ีหูมนุษยส์ ามารถรับฟังไดอ้ ยูท่ ี่ความถ่ี 20 Hz ถึง20 kHz ได้อย่างดีเย่ียมและต้องมีเปอร์เซ็นต์ความผิดเพ้ียนต่า เพราะฉะน้ัน ระบบเสียงที่สมบูรณ์แบบจะประกอบด้วยส่วนประกอบท่ีจะตอ้ งปรุงแต่งสัญญาณเสียงให้ได้คุณภาพครอบคลุมย่านความถ่ีเสียงและปราศจากความผดิ เพ้ยี นซ่ึงสามารถแบ่งเป็นภาค การทางานไดด้ งั น้ี 1. ภาคกาเนิดเสียง ประกอบดว้ ย 1.1 จูนเนอร์ 1.2 เคร่ืองเล่นแผน่ เสียง 1.3 เครื่องเล่นเทป 1.4 เครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสก์ 1.5 ไมโครโฟน 1.6 เครื่องเล่นวซี ีดีและดีวดี ี 1.7 เคร่ืองเล่นวดี ิทศั น์ 1.8 โทรทศั น์ 2. ภาคการปรับแต่งเสียงและขยายเสียง ประกอบดว้ ย 2.1 เคร่ืองขยายปรี-โทน 2.2 กราฟฟิ กอีควอไลเซอร์ 2.3 เพาเวอร์แอมป์3. ภาคเปล่ียนสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณเสียงหรือลาโพงในการเช่ือมตอ่ อุปกรณ์และภาคการทางานตา่ ง ๆ ไม่วา่ จะเป็นภาคกาเนิดเสียงภาคการปรับแต่งและขยายเสียง รวมไปถึงภาคเปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้าการเช่ือมตอ่ แตล่ ะภาคน้นั จะแสดงใหเ้ ห็นในรูปท่ี 2.1 ซ่ึงในบทน้ีจะกล่าวถึงจูนเนอร์, เคร่ืองเล่นเทป, เครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสก,์ เครื่องขยายปรี-โทน, กราฟฟิ กอีควอไลเซอร์และเพาเวอร์แอมป์
2.1 จูนเนอร์ จูนเนอร์คือเครื่องรับวิทยุ AM, FM, FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ท่ีไม่มีภาคขยายเสียงในตวั ในส่วนของเครื่องรับวทิ ยุ AM จะมียา่ นความถ่ีที่สามารถรับคลื่นวิทยไุ ดอ้ ยทู่ ี่ 540 -1600 kHz คลื่นวิทยแุ บบ AM น้นั จะเป็ นการผสมระหว่างสัญญาณเสียงกับคล่ืนวิทยุทางด้านความแรงหรือความสูง(Amplitude Modulation) ในเคร่ืองรับวิทยุส่วนท่ีรับคล่ืนวิทยุระบบ AM เขา้ มาเรียก คอนเวอร์เตอร์โดยคอนเวอร์เตอร์น้นั จะเป็ นตวั ที่เลือกรับสัญญาณวิทยุเพียงสถานีเดียวแล้วแปลงสัญญาณที่ได้ให้เป็ นความถ่ี IF หรื อค่าความถี่ปานกลาง(Intermediate Frequency) ของวิทยุ ในระบบ AM น้นั ค่าIF จะอยู่ที่ 455 kHz จากน้นั ความถ่ี IF จะถูกขยายแลว้ส่งไปเขา้ ภาคดีเทคเตอร์เพ่ือแยกสัญญาณเสียงออกจากคลื่นพาหะแลว้ ส่งสัญญาณเสียงท่ีไดอ้ อกที่เอาทพ์ ุตจากรูปที่ 2.2 เอาต์พุตที่ไดจ้ ะไปอยูท่ ่ี S1-1 และ S1-2 เสียงท่ีไดจ้ ะเป็ น Mono และไม่มีการขยาย ส่วนของเครื่องรับวิทยุ FM จะมีย่านความถี่ที่สามารถรับคล่ืนวิทยุไดอ้ ยู่ที่ 88-108 MHz คลื่นวิทยุแบบ FM น้ันจะเป็ นการผสมระหวา่ งสญั ญาณเสียงกบั คลื่นวทิ ยทุ างดา้ นความถี่ (Frequency Modulation) ในเครื่องรับวทิ ยสุ ่วนท่ีรับคล่ืนวทิ ยุระบบ FM เขา้ มาเรียกวา่ ฟร้อนเอนด์ โดยฟร้อนเอนด์น้นั จะเป็ นตวั ที่เลือกรับสัญญาณวิทยเุ พียงสถานีเดียวแลว้แปลงสัญญาณที่ไดใ้ ห้เป็ นความถี่ IF หรือค่าความถ่ีปานกลางของวทิ ยใุ นระบบ FM น้นั ค่า IF จะอยท่ ู ีีี ่ 10.7MHz จากน้นั ความถ่ี IF จะถูกขยายแลว้ ส่งไปเขา้ ภาคดีเทคเตอร์เพ่ือแยกสัญญาณเสียงออกจากคลื่นพาหะภาคดีเทคเตอร์ของระบบ FM จะเป็ นแบบเรโซดีเทคเตอร์หรือแบบเฟสล็อคลูปดีเทคเตอร์ (PLL Detector) เมื่อดีเทคสัญญาณแลว้ จะส่งสญั ญาณเสียงที่ไดอ้ อกที่เอาตพ์ ุตจากรูปที่ 2.2 เอาตพ์ ุตที่ไดจ้ ะไปอยทู่ ี่ S1-1 และ S1-2 เสียงที่ไดจ้ ะเป็ น Stereo แยกขา้ งซ้ายและขา้ งขวาชดั เจนโดยไม่มีการขยายสัญญาณเสียงเลย จะเห็นไดว้ า่ ท้งั ระบบ AMและระบบFM น้นั จะไม่มีภาคขยายสัญญาณเสียง จูนเนอร์ในปัจจุบนั มี 2 แบบคือ แบบหน้าปัดหมุนคล่ืนเป็ นชนิดเข็มบอกความถ่ีของสถานีการเปล่ียนสถานีจะตอ้ งใชม้ ือหมุนป่ ุมหรือลูกบิดเปล่ียนความถ่ีและแบบท่ีสองคือแบบดิจิตอลจะมีตัวเลขบนหน้าปัดบอกช่องความถี่ที่รับฟังอยู่ แบบน้ีจะพิเศษกว่าแบบแรกตรงที่การเปล่ียนแปลงทุกอยา่ งใช้การกดป่ ุมไม่วา่ จะเปล่ียนช่องสถานีหรือการเปลี่ยนการรับวิทยุ AM หรือ FM และยงัสามารถจดจาช่องสถานีได้ 5-10 ช่องหรือมากกวา่ น้นั อีกท้งั ยงั คน้ หาสถานีแบบอตั โนมตั ิอีกดว้ ย2.2 เคร่ืองเล่นเทป เครื่องเล่นเทปจะมีการทางานสองลกั ษณะคือ ทาหนา้ ที่เป็ นเคร่ืองเล่นเทปโดยจะเปลี่ยนสัญญาณเสียงท่ีถูกเก็บไวใ้ นรูปแม่เหล็กถาวรในตลบั เทปออกมาเป็นสญั ญาณเสียงในรูปสัญญาณไฟฟ้าและทาหนา้ ที่บนั ทึกเทปหรือถ่ายขอ้ มูลจากเทปมว้ นหน่ึงไปยงั อีกมว้ นหน่ึง โดยการบนั ทึกน้นั สามารถเลือกแหล่งกาเนิดเสียงตา่ ง ๆ ท่ีจะบนั ทึกได้ เช่น จากจูนเนอร์ เครื่องเล่นเทปเครื่องอ่ืนเคร่ืองเล่นคอมแพก็ ดิสก์ เป็ นตน้ โดยเครื่องบนั ทึกเทปจะทาการเปลี่ยนสัญญาณเสียงที่เขา้ มาใหอ้ ยใู่ นรูปของสัญญาณแม่เหล็กถาวร เคร่ืองเล่นเทปท่ีใชใ้ นปัจจุบนั จะมีอยู่ 2แบบคือ แบบเทปคาสเซ็ท (Casette Tape) และแบโอเพ่นรีล (Open Reel Tape) โดยเทปแบบโอเพ่นรีลน้นั จะมีคุณภาพดีกวา่ เทปคาสเซ็ทเพราะการเคลื่อนท่ีของเทปโอเพน่ รีลจะเคล่ือนที่เร็วกวา่ เทปคาสเซ็ทจึงทาใหเ้ ก็บสัญญาณเสียงความถ่ีสูงไดด้ ีกว่าเทปคาสเซ็ท เทปแบบโอเพ่นรีลน้นั นิยมใชใ้ นการบนั ทึกและการเล่นในงานท่ีตอ้ งการคุณภาพของเสียงมาก ๆ เช่น ในหอ้ งบนั ทึกเพลง ห้องทารายการวิทยุ หรือการทารายการแสดงต่าง ๆ ที่
ตอ้ งการคุณภาพเสียงส่วนเทปคาสเซ็ทจะใชก้ บั งานทว่ั ไป ความเร็วในการเคลื่อนที่ยง่ิ เร็วยง่ิ ตอบสนองความถ่ีได้กวา้ งและคุณภาพเสียงจะดีความเร็วของเทปโอเพ่นรีลจะมีความเร็วอยู่ 3 ระดบั คือ 19 ซม./วินาที, 9.5 ซม./วนิ าที, 4.8 ซม./วนิ าที ส่วนเทปคาสเซ็ทน้นั จะมีความเร็วเพียงระดบั เดียวคือ 4.8 ซม./วนิ าที ส่วนประกอบที่สาคญั ของเทปมีอยู่ 2 อยา่ งคือ ส่วนที่เป็ นฐานท่ีมีไวร้ องรับสารเฟอร์โรแมกเนติกจะเป็ นสารจาพวกโพลีเอสเตอร์ (Polyester) มีคุณสมบตั ิเหนียวและยดื หยุน่ ไดด้ ี ส่วนที่สองจะเป็นเน้ือสารเฟอร์โรแมกเนติกท่ีใชฉ้ าบบนเทปผลิตจากวสั ดุหลายชนิด เช่น มิตลั , โครเมียมไดออ๊ กไซด์,เฟอร์ริคออกไซด์, เฟอริคโครมฯลฯชนิดของเน้ือเทปที่แบง่ ตามมาตรฐานของ IEC (International Electronic Commission) ชนิด 1 Premium Grade Ferric Oxide (Fe2O3) เทปชนิดพรีเมียม เกรดเฟอร์ริคออกไซดห์ รือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงว่าโลวน์ อยส์ไฮเอาท์พุต (Low Noise Hi Output) แปลว่ามีเสียงรบกวนต่าสัญญาณท่ีออกเอาต์พุตมีความแรง เทปน้ีเป็นเทปท่ีเห็นกนั ทว่ั ไป ราคาถูก ตอบสนองตอ่ ความถ่ีต่าแตไ่ ม่ตอบสนองความถ่ีสูง ชนิด ที่ 2 Chromium Dioxide (CrO2) เทปชนิดโครเมียมไดออกไซดเ์ ปน็ เทปท่ีตอบสนองไดด้ ีกบั ความถ่ีสูงเทปชนิดน้ีสามารถบนั ทึกสัญญาณเสียงเพลงไดเ้ ป็ นอยา่ งดีและสามารถรักษาความเป็ นแม่เหล็กไวไ้ ดด้ ีจึงมีความทนทานเล่นไดห้ ลายคร้ังโดยคุณภาพเสียงไม่ลดลงมากนกั ขอ้ เสียของเทปชนิดน้ีคือหวั เทปจะสึกมาก และเสียงแหลมจะออกมากหากเคร่ืองเล่นไมม่ ีอีควอไลเซอร์หรือระบบดอลบ้ีไมค่ วรใช้ ชนิดที่ 3 Ferric Chrome (FeCr) เป็ นชนิดเฟอร์ริคโครมเป็ นเทปที่ผสมระหว่างเฟอร์ริคออกไซด์กับโครเมียมไดออกไซดโ์ ดยฉาบสองช้นั ช้นั ล่างฉาบดว้ ยเฟอร์ริคออกไซดท์ าใหต้ อบสนองความถี่เสียงต่าและเสียงกลาง ช้นั บนฉาบดว้ ยโครเมียมไดออกไซดเ์ พ่ือการตอบสนองความถ่ีสูงเทปชนิดน้ีจะให้เสียงท่ีน่ิมนวล ชดั เจนมากและสัญญาณรบกวนต่า ขอ้ เสียอยทู่ ่ีขบวนการในการผลิตยงุ่ ยาก ราคาแพง ตอ้ งมีวงจรชดเชยใหส้ ารแมเ่ หล็กเกิดประโยชน์มากท่ีสุด ปัจจุบนั ไม่นิยมใชแ้ ลว้ ชนิดท่ี 4 Metal Particle Tape (Metal) ใชส้ ารแม่เหล็กท่ีเป็ นผงเหล็กบริสุทธ์ิฉาบบนเทปทาใหร้ ักษาความเป็ นแม่เหล็กไวไ้ ดด้ ีท่ีสุดคือรับสัญญาณไดแ้ รงที่สุดมีเพดานของสัญญาณเสียงท่ีสูงท่ีสุดโดยเฉพาะความถ่ีสูงสามารถเก็บรายละเอี ยดของสัญ ญ าณ เสี ยงได้ดี ที่ สุ ดในบ รรดาเทป ที่ กล่ าวมาใช้ได้ดี กับสัญ ญ าณ ที่ มี ความช่วงกวา้ งความดงั (Dynamic Range) มาก เช่น สัญญาณจากแผ่นเสียงท่ีมีท้งั เสียงดงั มากและเสียงค่อยมาก ๆเสียงจากเครื่องเล่นคอมแพ็กดิสก์หรือเลเซอร์ดิสก์ไม่นิยมใช้กบั การบนั ทึกเสียงท่ีมีช่วงความดงั แคบๆเสียงรบกวนมาก ๆ สญั ญาณที่ไม่มีความถี่สูงเช่น สญั ญาณจากวทิ ยหุ รือโทรทศั น์และเคร่ืองเล่นเทปที่ไมม่ ีคุณภาพ เคร่ืองเล่นเทปทว่ั ไปการบนั ทึกเสียงลงในตลบั จะบนั ทึกเป็ นสัญญาณอนาลอ็ ก (Analog Recording) จะให้สัญญาณเสียงท่ีคุณภาพไมด่ ีเท่าท่ีควรและมีสญั ญาณรบกวนแทรก เขา้ มามากมาย ปัจจุบนั จึงมีเคร่ืองบนั ทึกเสียงในระบบดิจิตอล (Digital Recording) เรียกว่า แดต(DAT) ย่อมาจากคาว่าดิจิตอลออดิโอเทป (Digital AudioTape) โดยการบนั ทึกและเล่นเป็ นระบบดิจิตอลทาให้สัญญาณเสียงท่ีออกมามีคุณภาพมีความสมบูรณ์ข้ึน ลดความผิดเพ้ียนลงไดม้ าก ลดสัญญาณเสียงรบกวนและตอบสนองความถี่เสียงไดด้ ีครอบคลุมย่านความถี่เสียงท้งั หมดนิยมนาไปบนั ทึกเสียงตน้ ฉบบั เพื่อนาไปบนั ทึกเสียงลงในแผน่ คอมแพก็ ดิสก์ ในตลบั เทปคาสเซ็ทน้นั จะมีความยาวในการเล่นที่ไม่เท่ากนั โดยที่ตลบั เทปจะมีสัญลกั ษณ์บอกเช่น C60 (A60), C90 (A90), C120(A120)
โดยความหมายน้นั ให้สังเกตท่ีตวั เลขถา้ เป็ น C60 แสดงว่าเทปมว้ นน้ีมีเวลาในการบนั ทึกหรือเล่นได้ 60 นาทีหรือ 30นาทีตอ่ 1 หนา้ และ C120 แสดงวา่ เทปมว้ นน้ีมีเวลาในการบนั ทึกหรือเล่นได้ 120 นาทีหรือ 60 นาทีตอ่ 1หนา้2.3 เครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสก์เครื่องเล่นคอมแพ็กดิสก์ (Compack Disc Player) หรือเคร่ืองเล่นซีดี (CD Player) เคร่ืองเล่นคอมแพ็กดิสก์ถูกสร้างข้ึนมาเน่ืองจากขอ้ ดอ้ ยของการบนั ทึกเสียงลงแผน่ เสียงแบบอนาล็อกน้นั มีขีดจากดั ในการบนั ทึกดว้ ยการกดั ร่องแผ่นเสียงตามสัญญาณ ร่องของแผน่ เสียงน้นั เป็ นร่องท่ีแคบหากเกิดมีฝ่ นุ ลงไปอุดตนั ร่องเสียงหรือร่องแผน่ เสียงลึกเกินไปจะทาใหค้ ุณภาพของเสียงลดลง ส่วนการบนั ทึกเสียงลงแผน่ เสียงน้นั จะแปลงสญั ญาณเสียงท่ีเป็ นอนาล็อกให้เป็ นสัญญาณดิจิตอล กล่าวคือสัญญาณจะถูกจดั ให้อยใู่ นรูปรหสั เลขฐานสองคือ “0” และ “1”จากน้ันจะทาการบนั ทึกลงแผ่นคอมแพ็กดิสก์ในลกั ษณะหลุมเล็ก ๆ การบนั ทึกสัญญาณเสียงในรูปสัญญาณดิจิตอลน้ีทาให้การผดิ เพ้ียนของสัญญาณลดลงข้นั ตอนการบนั ทึกแสดงอยูใ่ นรูปท่ี 2.4 เมื่อบนั ทึกเสร็จแลว้ น้นัข้นั ตอนต่อไปคือการเล่นแผน่ เสียงการเล่นของแผน่ คอมแพก็ ดิสกน์ ้นั จะอาศยั แสงเลเซอร์จากหวั อา่ นแผน่คอมแพก็ ดิสกส์ ัมผสั ร่องรหสั ดิจิตอลบนแผน่ วซี ีดีแลว้ สะทอ้ นกลบั มาที่โฟโตไ้ ดโอด (Photo Diode) จากน้นั ตวั เครื่องจะรับสญั ญาณแสงสะทอ้ นกลบั นาไปแปลงเป็นสัญญาณเสียงโดยไม่มีการสัมผสั หลุมเลก็ ๆบนแผน่ คอมแพ็กดิสก์เลยทาให้ที่แผน่ คอมแพก็ ดิสก์น้นั ไม่เกิดรอยขีดข่วนเลย หากบนแผน่ คอมแพก็ ดิสก์ไม่มีรอยขีดข่วนที่ลึกเกินไปหรือแผน่ ไม่สกปรกจนเกินไปก็จะไม่มีผลต่อการเล่นของคอมแพก็ ดิสกเ์ ลย ขนาดของแผน่ คอมแพก็ ดิสกน์ ้นั มีขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลางเพียงแค่ 12 ซม.เวลาในการเล่นคอมแพก็ ดิสกน์ ้นั ใชเ้ วลาประมาณ1 ช่ัวโมง จึงท������ีาให้แผ่นคอมแพ็กดิสก์มาแทนท่ีแผ่นเสียงลองเพลย์ ตารางท่ี 2.1 จะเป็ นการเปรียบเทียบระหวา่ งแผน่ คอมแพก็ ดิสกแ์ ละแผน่ เสียงลองเพลย์ ในปัจจุบนั เคร่ืองเล่นคอมแพ็กดิสก์ได้ถูกพฒั นาข้ึนให้สามารถเล่นได้หลายระบบ เช่นเคร่ืองเล่นวีซีดี(Video Compact Disc Player) และดีวีดี (Digital Video Disc Player) ท้ังสองระบบเป็ นแผ่นคอมแพ็กดิสก์ที่สามารถเล่นไดท้ ้งั สัญญาณภาพและสัญญาณเสียง2.4 เครื่องขยายเสียง เครื่องขยายเสียงเป็ นอุปกรณ์ช่วยเพ่ิมขยายเสียงให้มีระดบั ความดงั เสียงมากข้ึนพร้อมกบั เพิ่มคุณภาพของเสียงให้ตอบสนองความตอ้ งการของผูฟ้ ัง โดยเสียงท่ีทาการขยายจะตอ้ งมีความชัดเจนและไพเราะไม่มีความผดิ เพ้ยี น ครอบคลุมยา่ นความถ่ีเสียง สามารถปรับแตง่ เสียงไดต้ ามตอ้ งการ สัญญาณเสียงท่ีถูกขยายออกมาจากแต่ละอินพุตท่ีป้อนเขา้ ไปตอ้ งถูกขยายใหม้ ีระดบั ความดงั ใกลเ้ คียงกนั ส่วนประกอบของเครื่องขยายเสียงมีดงั น้ี2.4.1 วงจรอินพุต มกั จะเป็ นข้วั ต่อ RCA ซ็อกเก็ต (ตวั เมีย) โดยแยกแต่ละอินพุตเฉพาะไม่ใชร้ ่วมกนั ช่ืออินพุตหนา้ ท่ีและความเหมาะสมในการต่อใชง้ านพอสรุปไดด้ งั น้ี2.4.1.1 ช่องวดิ ีโอ (Video) ไวต้ อ่ กบั เคร่ืองเล่นวดิ ีโอเพอ่ื เพิ่มความดงั ของสัญญาณเสียงใหม้ ากข้ึน2.4.1.2 ช่องคอมแพก็ ดิสก์ (Compacdisc) ไวต้ ่อกบั เครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสก(์ CD)
2.4.1.3 ช่องจูนเนอร์ (Tuner) ไวต้ อ่ กบั เครื่องรับวทิ ยุ AM, FM, FM สเตอริโอมลั ติเพล็กท่ีไมม่ ีภาคขยาย2.4.1.4 ช่องเทป (Tape) ไวต้ อ่ กบั เครื่องเล่นเทปไม่วา่ จะเป็นเทปคาสเซ็ทหรือเทปโอเพนรีล2.4.1.5 ช่องโฟโน (Phono) เป็ นช่องต่ออินพุตที่ไม่เจาะจงใช้ต่อสาหรับอินพุตท่ีมีระดบั สัญญาณต่า ๆ จากไมโครโฟนหรือเครื่องเล่นแผน่ เสียง2.4.1.6 ช่องอ๊อก (Aux) หรือเรียกอีกช่ือหน่ึงว่าอ๊อกซิลาลี่ (Auxilary) เป็ นช่องต่ออินพุตที่ไม่เจาะจงใช้เช่นเดียวกนั ต่อส������ีาหรับอินพุตที่มีระดบั สัญญาณท่ีมีความแรงอยแู่ ลว้ และตอ้ งการขยายสัญญาณเพ่ิมอีกไม่มากนกั เช่น เคร่ืองขยายเครื่องอ่ืน, เทปหรือวทิ ยทุ ี่มีภาคการขยายในตวั ข้วั ต่อต่าง ๆ ที่กล่าวมาท้งั หมดน้นั ต่อมาท่ีสวติ ช์เลือก (Selecter) เพื่อเลือกอินพุตท่ีตอ้ งการส่งต่อไปเขา้วงจรปรีแอมป์ สวทิ ช์เลือกน้ีจะอยทู่ ี่หนา้ ปัดของเครื่องขยายเสียงปรี-โทน2.4.2 วงจรปรีแอมป์ รับสัญญาณต่อจากวงจรอินพุตโดยผ่านสวิตช์เลือกโดยเลือกเพียงอินพุตเดียวแลว้ ท������ีาการขยายโดยไม่ให้เกิดความผิดเพ้ียนคุณสมบตั ิของวงจรปรีแอมป์ คือสัญญาณที่ถูกขยายด้วยวงจรปรีแอมป์ระดบั สัญญาณท่ีออกจากวงจรปรีแอมป์ จะมีระดบั ความแรงใกลเ้ คียงกนั และไม่มีความผดิ เพ้ียน ดงั น้นั ท่ีอินพุตทุกช่องไม่วา่ ระดบั ความแรงของสัญญาณจะมีระดบั ความแรงท่ีตา่ งกนั หากสัญญาณที่เขา้ มามีความแรงนอ้ ยกจ็ ะขยายสัญญาณให้มีความแรงของสัญญาณมากข้ึน หากอินพุตใดมีระดบั สัญญาณแรงก็จะถูกขยายดว้ ยอตั ราการขยายท่ีต่าซ่ึงอตั ราการขยายของปรีแอมป์ จะแตกต่างกนั ข้ึนอยกู่ บั แต่ละอินพุตและการออกแบบปรีแอมป์ เม่ือสัญญาณถูกขยายดว้ ยปรีแอมป์ แลว้ จากน้นั จะถูกส่งต่อใหว้ งจรโวลลุ่ม ลาวดเ์ นสและบาลานซ์ต่อไป2.4.3 วงจรโวลลุ่ม ลาวด์เนสและบาลานซ์ ในเครื่องขยายเสียงปรีโทนแบบสเตอริโอหนา้ ที่ของส่วนต่าง ๆ ในวงจรมีดงั น้ี2.4.3.1 วงจรโวลลุ่ม เป็นวงจรเร่งหรือลดความแรงของสัญญาณท่ีส่งมาจากวงจรโทนคอนโทรล2.4.3.2 วงจรลาวดเ์ นส เป็ นวงจรช่วยยกระดบั สัญญาณเสียงทุม้ และเสียงแหลมให้ดงั ออกเอาตพ์ ุตแรงมากข้ึนในขณะท่ีเราปรับป่ ุมโวลลุ่มระดบั ต่าๆ เสียงทุม้ และเสียงแหลมที่ออกมาก็จะนอ้ ยทาให้ขาดความไพเราะป่ ุมลาวด์เนสจะช่วยยกระดบั สัญญาณเสียงทุม้ และเสียงแหลมให้มากข้ึนโดยป่ ุมลาวดเ์ นสมกั จะอยูท่ ี่หนา้ ปัดของเครื่องขยายเสียง2.4.3.3 วงจรบาลานซ์ วงจรบาลานซ์เป็ นวงจรที่เขา้ มาช่วยในการปรับความสมดุลยข์ องความดงั เสียงที่จะออกเอาตพ์ ตุ ใหส้ มดุลกนั หรือใหด้ งั ออกลาโพงมีความแรงเทา่ กนั ท้งั สองขา้ งท้งั ดา้ นซา้ ย (L) แลว้ ดา้ นขวา (R)2.4.4 วงจรโทนคอนโทรล (Tone Control) เป็ นวงจรท่ีรับสัญญาณมาจากวงจรวงจรโวลลุ่ม ลาวด์เนสและบาลานซ์วงจรโทนคอนโทรลจะทาหนา้ ท่ีเพ่ิมหรือลดความดงั ของความถ่ีเสียงต่า (เสียงทุม้ ) ความถี่เสียงสูง (เสียงแหลม) และความถ่ีเสียงกลางในระดบั ต่าง ๆ ตามความตอ้ งการของผใู้ ชง้ านป่ ุมปรับมกั จะมี 3 ป่ ุมดงั น้ี2.4.4.1 ป่ ุมปรับเสียงทุม้ หรือเบส (BASS) ทาหนา้ ที่เพิ่มหรือลดความแรงของสัญญาณเสียงความถี่ต่า (เสียงทุม้ )ใหส้ ่งออกเอาตพ์ ตุ มากหรือนอ้ ย2.4.4.2 ป่ ุมปรับเสียงกลางหรือมิด (MID) ทาหน้าที่เพ่ิมหรือลดความแรงของสัญญาณเสียงความถ่ีกลางให้
ส่งออกเอาตพ์ ุตมากหรือนอ้ ย2.4.4.1 ป่ ุมปรับเสียงแหลมหรือทริบเบิ้ล (TREBLE) ทาหนา้ ท่ีเพม่ิ หรือลดความแรงของสัญญาณเสียงความถี่สูง(เสียงแหลม) ใหส้ ่งออกเอาตพ์ ุตมากหรือนอ้ ย2.5 กราฟฟิ กอคี วอไลเซอร์ กราฟฟิ กอีควอไลเซอร์ (Graphic Equalizer) เป็ นส่วนช่วยปรับแตง่ ความถี่เสียงเสียงมีหนา้ คลา้ ยส่วนของโทนคอนโทรลแตกต่างกนั ตรงทีโทนคอนโทรลน้ันจะเป็ น การปรับย่านความถี่เสียงทุม้ เสียงกลางและเสียงแหลมแบบไม่ละเอียด แต่ในกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์จะมีรายละเอียดในการปรับแต่งความถี่เสียงที่มากกวา่ ดว้ ยการแบ่งซอยย่านความถ่ีเสียงที่ตอ้ งการปรับออกเป็ นช่วงเท่า ๆ กนั อย่างน้อย 5 ย่านถึง 21 ย่านในการแบ่งความถี่เสียงท่ีจะปรับจะตอ้ งแบ่งจากความถ่ีต่า ไปหาความถ่ีสูงโดยเรียงตามลาดบั โดยการเพิม่ จานวนความถ่ีน้นัจะเพ่ิมข้ึนทีละ 0.5 เท่า, 1 เท่า, 2 เท่า, 3 เท่าหรือ 4 เท่า เป็ นต้นตามจานวนย่านความถี่เสียงท่ีต้องการ การปรับแต่งในแต่ละช่วงความถี่ถูกเรียกวา่ ออฟเตฟ (Octave) เช่นความถ่ีต่าสุดท่ี 100 Hz ความถี่แต่ละช่วงเพ่ิมข้ึน4 เท่า ดงั น้นั ยา่ นความถี่ถดั ไปจะเป็นดงั น้ี 400 Hz ก าร ป รั บ แ ต่ ง เพ่ิ ม ห รื อ ล ด ค ว าม ถ่ี เสี ย ง แ ต่ ล ะ ย่าน ป รั บ ด้ ว ย ตัว ต้าน ท าน ป รั บ ค่ าไ ด้(Potentionmeter)หรือพอ็ ต (Pot) แบบสไลด์เลื่อนข้ึนลง ซ่ึงอาจปรับเพ่ิมหรือลดความดงั ของความถี่เสียงแต่ละยา่ นไดถ้ ึง ± 10dB หรือมากกวา่ การปรับเพ่ิมความดงั ของความถ่ีเสียงใหม้ ากกวา่ ปกติเรียกวา่ การบูสต์ (Boost)ส่วนการปรับลดความดงั ของความถี่เสียงให้นอ้ ยกว่าปกติ เรียกวา่ การคตั (Cut)ในการปรับป่ ุมพ็อตสไลด์ของกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์ท่ีดา้ นหนา้ เคร่ืองท่ีเรียงลาดบั กนั ข้ึน ๆ ลง เหมือนรูปกราฟ จึงเรียกอุปกรณ์น้ีวา่ กราฟฟิ กอีควอไลเซอร์2.6 เพาเวอร์แอมป์ เพาเวอร์แอมป์ (Power Amp) หรือจะเรียกเต็มก็ได้ว่าเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ (Power Amplifier) คือภาคขยายกาลงั ภาคสุดทา้ ยก่อนท่ีจะส่งสัญญาณเสียงไปท่ีลาโพง หนา้ ที่ของเพาเวอร์แอมป์ จะทาหนา้ ท่ีขยายสัญญาณเสียงให้มีกาลงั แรงมากข้ึนที่ละข้นั ไปจนถึงระดบั เสียงที่ดงั ที่สุดโดยไม่ใหเ้ สียงท่ีทาการขยายเกิดความผิดเพ้ียนหากเกิดความผิดเพ้ียนก็จะตอ้ งให้ความผิดเพ้ียนน้นั อยู่ระหว่าง 0.5 - 0.003% การแบ่งประเภทของเครื่องขยายเสียงน้นั จะแบ่งตามอุปกรณ์ที่ทาหนา้ ท่ีขยายเสียงแบ่งออกเป็ น 4 ชนิดคือ ชนิดใช้ทรานซิสเตอร์,ชนิดใชม้ อสเฟต, ชนิดใชว้ งจรรวมและชนิดใชห้ ลอดสุญญากาศ2.6.1 ชนิดใชท้ รานซิสเตอร์ เป็ นเครื่องขยายท่ีนิยมใชง้ านกนั มาก เพราะทรานซิสเตอร์กาลงั (Power Transister)ท่ีผลิตข้ึนมาในปัจจุบนั มีมากมายหลายเบอร์ทาให้การออกแบบวงจรขยายกาลงั ดว้ ยทรานซิสเตอร์เป็ นไปอยา่ งกวา้ งขวาง สามารถกาหนดอตั ราการขยายไดต้ ามตอ้ งการ มีความผิดเพ้ียนต่า ปัญหาการซ่อมแซมไม่ยุง่ ยากอะไหล่หาไดง้ ่าย คุณภาพของเสียงดี ขอ้ ดีของเครื่องขยายกาลงั โดยใช้ทรานซิสเตอร์คือ จดั คลาสการขยายได้กวา้ ง เพมิ่ กาลงั การขยายไดง้ ่ายราคาของตวั เครื่องถูกและหาซ้ือไดง้ ่าย2.6.2 ชนิดมอสเฟต เป็ นเคร่ืองขยายอีกชนิดหน่ึงที่ถูกพฒั นาข้ึนมาใชง้ าน ดว้ ยคุณสมบตั ิที่ดีกวา่ ทรานซิสเตอร์เช่น ค่าความตา้ นทานทางดา้ นอินพุตสูงมากทาให้สัญญาณรบกวนมีผลต่อการขยายน้อยลง ต่อขยายสัญญาณ
แบบหลายภาคไดด้ ีกวา่ ทรานซิสเตอร์ อตั ราการขยายสูงสัญญาณรบกวนต่า อีกท้งั เรื่องของอุณหภูมิมีผลนอ้ ยต่อการขยายของเฟต เพียงแต่ว่ามอสเฟตกาลัง(Power Mosfet) มีเบอร์ที่ถูกผลิตข้ึนมาใช้งานไม่มากนักเท่าทรานซิสเตอร์กาลงั แต่ดว้ ยคุณสมบตั ิที่ดีกวา่ ของทรานซิสเตอร์กาลงั ทาใหเ้ คร่ืองขยายกาลงั แบบมอสเฟตเป็ นท่ีนิยมโดยพฒั นาไปใชใ้ นระบบเคร่ืองขยายกาลงั เสียงในรถยนต์2.6.3 ชนิ ดใช้วงจรรวมหรื อ IC เป็ นเคร่ื องขยายกาลังอีกชนิ ดหน่ึ งที่ ถูกพัฒ นาข้ึนโดยการนาเอาทรานซิสเตอร์กาลงั หรือมอสเฟตกาลงั มาสร้างรวมกนั ไวใ้ นวงจรรวม (IC) จึงเรียกเครื่องขยายชนิดน้ีวา่ เคร่ืองขยายกาลงั IC (IC Power Amplifier) ขอ้ ดีของเคร่ืองขยายกาลงั IC อยูท่ ี่ใช้อุปกรณ์ในการต่อขยายกา ลงั นอ้ ยซอ่ มแซมงาี่ ย คณุ ภาพเสียงทีข่ ยายออกมาดีข้ึนลดความผิดเพ้ียนของสัญญาณให้ต่าลง ขอ้ เสียของเครื่องขยายกาลัง IC อยู่ตรงท่ีหาก IC ท่ีใช้ขยายกาลงั ชารุดเราตอ้ งนาเบอร์เดิมมาเปลี่ยนไม่สามารถหาเบอร์อ่ืนมาเปลี่ยนแทนกนั ไดท้ าใหห้ าอะไหล่ยากและการสร้างเครื่องขยายกาลงั IC ใหม้ ีกาลงั ขยายเสียงสูง ๆ ทาไดย้ าก2.6.4 ชนิดใชห้ ลอดสุญญากาศ เป็ นเครื่องเสียงที่มีใชง้ านรุ่นแรกก่อนท่ีจะมีทรานซิสเตอร์เม่ือทรานซิสเตอร์เขา้มาแทนท่ีหลอดสุญญากาศ เนื่องจากทรานซิสเตอร์มีขนาดท่ีเล็กกว่าทางานได้รวดเร็วกว่าและไม่ต้องใช้แรงดนั ไฟสูงจึงทาให้ในช่วงหน่ึงเคร่ืองขยายกาลงั ชนิดใช้หลอดสุญญากาศก็ไดห้ ายไป แต่ในปัจจุบนั เคร่ืองขยายเสียงชนิดใช้หลอดสุญญากาศได้กลบั มารับนิยมอีกคร้ังเพราะคณุ สมบตั ทิ ีีี่ดหี ลายประการจงึ มกีารกลบั มาพฒั นาเครือ่ งขยายชนดิ ใชห้ ลอดสญุ ญากาศนีอ้ กี เครือ่ งขยายชนิดใชห้ ลอดสุญญากาศน่ีเป็นเคร่ืองขยายคุณภาพดีมากชนิดหน่ึง มีความทนทาน อตั ราการขยายกาลงั สูงๆ ไดด้ ีการดูแลรักษาไม่ยุง่ ยาก ซ่อมแซมแกไ้ ขง่าย และดว้ ยเทคโนโลยีท่ีทนั สมยั ช่วยให้เครื่องขยายกาลงั ชนิดน้ีมีคุณภาพและประสิทธิภาพของเสียงท่ีขยายออกมาดีมาก• ด้านทกั ษะ(ปฏบิ ตั ิ) 1. แบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 2 2. ใบงานที่ 2• ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 7)1. สรุป อุปกรณ์ในระบบเสียง ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. ผูส้ อนแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนของหน่วยที่ 1. ผูเ้ รียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงค์การ2 เรื่อง อุปกรณ์ในระบบเสียง เรียนของหน่วยเรียนที่ 2 เร่ือง อุปกรณ์ในระบบเสียง 2. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนอธิบายความหมายของจูน 2. ผเู้ รียนอธิบายความหมายของจูนเนอร์ พร้อมเนอร์พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ ใหเ้ หตุผลประกอบ2. ข้นั ให้ความรู้ ( 120 นาที ) 2. ข้ันให้ความรู้ ( 120 นาที ) 1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนศึกษาเอกสารประกอบการ 1. ผูเ้ รียนศึกษาเอกสารประกอบการสอน วิชาสอน วิชา เครื่องเสียง หน่วยท่ี 2 เรื่อง อุปกรณ์ใน วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั หน่วยท่ี 2 เรื่อง อุปกรณ์ในระบบเสียง หนา้ ท่ี 23-36 ระบบเสียง หนา้ ท่ี 23-36 พร้อมทาความเขา้ ใจ 2. ผูส้ อนเปิ ดโอกาส ให้ผูเ้ รียนถามปัญหา และ 2. ผู้เรียนถามปัญหา และข้อสงสัยจากเน้ือหาขอ้ สงสัยจากเน้ือหา โดยครู เป็ นสังเกต3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ (60 นาที ) 3. ข้นั ประยุกต์ใช้( 60 นาที ) 1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบประเมินหลังการ 1. ผเู้ รียนทาแบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 2เรียนบทที่ 2 2. ผเู้ รียนทาใบงานท่ี 2 หนา้ 229-233 2. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาใบงานที่ 2 หน้าที่ 229- 3. ผเู้ รียนสืบคน้ ขอ้ มูลจากอินเทอร์เน็ต233 3. ผู้ ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า กอินเทอร์เน็ต
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน4. ข้ันสรุปและประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมินผล( 45 นาที )1. ผูส้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาท่ีไดเ้ รียน 1. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาที่ไดเ้ รียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั ใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั2. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรียน 2. ผู้เรี ยนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรี ยน ด้วยดว้ ยเอกสารประกอบการสอนที่จดั ทาข้ึน เอกสารประกอบการสอนที่จดั ทาข้ึน(บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) (รวม 240 นาที หรือ 4 คาบเรียน)
งานท่มี อบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมินผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนบทท่ี2 2. ทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จุดประสงคก์ ารเรียนของบทที่ 2 และใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรมใน บทท่ี 2 ขณะเรียน 1. ทาแบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 2 2. ร่วมกนั สรุป “อุปกรณ์ในระบบเสียง” หลงั เรียน 1. ทาใบงานที่ 2ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผู้เรียน แบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 2 ใบงานท่ี 2
ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ส่ือส่ิงพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า เครื่องเสียง(ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 1-7) 2. แบบประเมินหลงั การเรียนบทท่ี 2 ข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1สื่อโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เร่ือง อุปกรณ์ในระบบเสียงส่ือของจริง 1. อุปกรณ์ในระบบเสียง (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-7)
แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร 2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่นจงั หวดั สมุทรสาครการบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอ่ืน 1. บูรณาการกบั วชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง 2. บูรณาการกบั วชิ าไฟฟ้าอิเลก็ ทรอนิกส์ 3. บูรณาการกบั วชิ าไฟฟ้าเบ้ืองตน้
การประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน 1. ความรู้ความเขา้ ใจก่อนการเรียนการสอน ขณะเรียน 1. ตรวจแบบประเมินหลงั การเรียนรู้บทที่ 2 2. สงั เกตการทางาน หลงั เรียน 1. ตรวจใบงานที่ 2คาถามผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผ้เู รียน ตรวจแบบประเมินหลงั การเรียนบทท่ี 2
สมรรถนะที่พงึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเก่ียวกบั อุปกรณ์ในระบบเสียง 1. วเิ คราะห์และตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง 4. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพสมรรถนะการปฏิบัตงิ านอาชีพ 1. ดาเนินเก่ียวกบั อุปกรณ์ในระบบเสียงสมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง จากการเรียน เร่ือง อุปกรณ์ในระบบเสียง ทาใหผ้ เู้ รียนมีความรู้เก่ียวกบั จูนเนอร์ เคร่ืองเล่นเทป เครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสก์ เคร่ืองขยายเสียง กราฟฟิ กอีควอไลเซอร์ เพาเวอร์แอมป์
รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียนรู้จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 1 อธิบายความหมายของคาวา่ จูนเนอร์ได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายความหมายของคาวา่ จูนเนอร์ได้ จะได้ 1 คะแนนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 บอกลกั ษณะและหนา้ ท่ีของเครื่องเล่นเทปได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกลกั ษณะและหนา้ ท่ีของเคร่ืองเล่นเทปได้ จะได้ 2 คะแนนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 3 แยกแยะลกั ษณะการทางานของเครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสกไ์ ด้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : แยกแยะลกั ษณะการทางานของเครื่องเล่นคอมแพก็ ดิสกไ์ ด้ จะได้ 1คะแนนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 4 จาแนกหนา้ ท่ีและความสาคญั ของเครื่องขยายเสียงได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จาแนกหนา้ ท่ีและความสาคญั ของเครื่องขยายเสียงได้ จะได้ 1 คะแนนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 5 จดั ลาดบั หนา้ ที่ของกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์ได้1. วธิ ีการประเมิน : ตรวจผลงาน2. เครื่องมือ : แบบประเมินกระบวนการทางานกลุ่ม3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จดั ลาดบั หนา้ ที่ของกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์ได้ จะได้ 2 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 6 ช้ีแจงชนิดของเพาเวอร์แอมป์ ได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ช้ีแจงชนิดของเพาเวอร์แอมป์ ได้ จะได้ 2 คะแนนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 7 สรุป อุปกรณ์ในระบบเสียง ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สรุป อุปกรณ์ในระบบเสียง ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม จะได้ 2คะแนน
แบบประเมนิ หลงั การเรียนบทที่ 2ตอนที่ 1 จงเติมคาในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง1. ภาคปรับแต่งสญั ญาณเสียงและขยายเสียงประกอบไปดว้ ย...................................................2. ....................................................คือเครื่องรับวทิ ยุ AM, FM, FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์3. ความถ่ี IF ของ FM คือ.............................และความถี่ IF ของ AM คือ..................................4. เทปคือวสั ดุที่ฉาบดว้ ยสาร......................................................... บนฐานที่เป็นพลาสติก5. ................................................เป็นอุปกรณ์ที่รับแสงเลเซอร์ที่สะทอ้ นจากแผน่ CD กลบั มายงัเคร่ืองเล่น CD6. วงจรขยายเสียงปรี-โทนประกอบไปดว้ ยส่วนประกอบ...............ส่วนคือ................................................................................................................................................................................7. วงจรบาลานซ์เป็นวงจรที่ช่วย................................................................ใหม้ ีความสมดุลกนั8. .................................มีหนา้ ที่เหมือนวงจรโทนคอนโทรลแต.่ ................................................9. ...........................................................เป็นเคร่ืองขยายกาลงั ที่มีอินพตุ อิมพแี ดนซ์สูง10. ...................................................................ใชใ้ นการขยายกาลงั ระดบั ปานกลางและไมต่ อ้ งใชอ้ ุปกรณ์หลายตวั ในการประกอบข้ึนเป็นวงจรขยายเสียง
ตอนท่ี 2 กากบาทลงหนา้ คาตอบที่ถูกตอ้ งที่สุดเพียงขอ้ เดียว1. จูนเนอร์ท่ีใชป้ ระกอบในระบบเสียงน้นั จะไมม่ ีการรับสถานียา่ นใด?ก. SW ข. AMค. FM ง. FM STEREO2. สญั ญาณที่ส่งออกมาจากภาคฟร้อนเอนดจ์ ะเป็ นสญั ญาณอะไร?ก. IF ข. AF ค. RF ง. AC3. แผน่ ซีดีมีรัศมียาวเทา่ ไหร่?ก. 12 ซม. ข. 10 ซม. ค. 6 ซม ง. 4 ซม.4. เหตุผลใดที่ไม่ใช่ขอ้ ดีของเทปโอเพน่ รีลท่ีดีกวา่ เทปคาสเซ็ท?ก. เก็บสัญญาณเสียงไดแ้ รงมากกวา่ ข. เกบ็ สญั ญาณความถี่สูงไดส้ ูงกวา่ค. บนั ทึกเพลงและทารายการวทิ ยุ ง. ใชไ้ ดก้ บั งานทวั่ ๆ ไป5. ความเร็วในการเคลื่อนท่ีของเทปคสั เซ็ทขอ้ ไหนถูกตอ้ ง?ก. 2.4 ซม./วนิ าที ข. 4.8 ซม./วนิ าทีค. 9.5 ซม./วนิ าที ง. 24 ซม./วนิ าที6. ขอ้ ไหนไม่ใช่วสั ดุจาพวกสารเฟอร์โรแมกเนติก?ก. ฟอสเฟอร์ ข. โคบอลท์ ค. เฟอร์ไรท์ ง. แอลนิโก7. ขอ้ ใดไม่ใช่คุณสมบตั ิของเคร่ืองเล่นคอมแพก็ ดิสก?์ก. สัญญาณเก็บไวใ้ นรูปสัญญาณดิจิตอลข. สัญญาณถูกบนั ทึกลงบนแผน่ เป็นหลุมเล็ก ๆค. รหสั ท่ีใชเ้ ป็นเลขฐานสองง. ขณะเล่นหวั อา่ นจะสมั ผสั กบั แผน่ คอมแพก็ ดิสก?์8. ขอ้ ใดไม่ใช่ส่วนประกอบของภาคปรี-โทน แอมป์ก. โวลลุ่ม ข. ไดเวอร์ ค. ลาวดเ์ นส ง. โทนคอนโทรล9. ป่ ุมปรับเสียงทุม้ เสียงกลางและเสียงแหลมจะอยสู่ ่วนไหนของวงจร?ก. โวลลุ่ม ข. ปรี แอมป์ ค. ลาวดเ์ นส ง. โทนคอนโทรล
10. ยา่ นการปรับเสียงของกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์อยา่ งนอ้ ยมีก่ียา่ น?ก. 5 ข. 6 ค. 7 ง. 711. เครื่องขยายเสียงที่นิยมใชม้ ากท่ีสุดคือเครื่องขยายเสียงแบบใด?ก. ทรานซิสเตอร์ ข. มอสเฟต ค. ไอซี ง. โทนคอนโทรล12. เคร่ืองขยายเสียงที่ใหป้ ระสิทธิภาพของวงจรขยายสูงท่ีสุดคือเคร่ืองขยายเสียงแบบใด?ก. ทรานซิสเตอร์ ข. มอสเฟตค. ไอซี ง. โทนคอนโทรล13. การปรับความดงั ของความถี่เสียงใหเ้ พม่ิ มากข้ึนเรียกวา่ อะไร?ก. ไฮเออร์ ข. เพาเวอร์ ค. คตั ง. บูสต์14. การบนั ทึกขอ้ มูลลงในระบบเสียงดิจิตอลรหสั ที่บนั ทึกลงจะเป็นเลขฐานใด?ก. 2 ข. 8 ค. 10 ง. 1615. การแบง่ ความถ่ีเสียงออกเป็นล������ีาดบั ของกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์น้นั แต่ละช่วงความถ่ีเรียกวา่ อะไรก. กราฟฟิ ก ข. บูสต์ ค. ออ๊ กเตฟ ง. คตัตอนท่ี 3 จากโจทยจ์ งอธิบายใหไ้ ดค้ วามหมายที่สมบูรณ์1. จงอธิบายถึงความแตกตา่ งระหวา่ งเทปคาสเซ็ทและเทปแบบโอเพน่ เรียลมาพอสังเขป?2. สารแมเ่ หลก็ ท่ีใชเ้ คลือบบนเน้ือเทปตามมาตรฐานของ IEC มีกี่ชนิดอะไรบา้ ง?3. เครื่องเล่นเทปท่ีเรียกวา่ แดตคืออะไร แตกต่างจากเคร่ืองเล่นเทปทว่ั ไปอยา่ งไร?4. C90 และ C60 ท่ีเขียนอยบู่ นกล่องเทปมีความหมายวา่ อะไร?5. จงอธิบายถึงความแตกต่างระหวา่ งแผน่ ซีดีและแผน่ เสียงลองเพลยม์ าพอสงั เขป?6. จงอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งคล่ืนวทิ ยุ AM และคล่ืนวทิ ยุ FM?7. จงใหค้ วามหมายของคาวา่ จูนเนอร์มาพอสังเขป?8. เคร่ืองขยายปรี-โทนแบ่งการทางานออกเป็ นก่ีส่วน อะไรบา้ ง จงอธิบายมาพอสงั เขป?9. หนา้ ที่ของกราฟฟิ กอีควอไลเซอร์คืออะไร10. เคร่ืองขยายกาลงั หรือเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์น้นั มีกี่ชนิด อะไรบา้ ง จงอธิบายพอสังเขป?
แบบประเมินผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขท่ี……. 4……………………………………เลขที่…….ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เห็น 32 11 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ )2 รูปแบบการนาเสนอ3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพดู น้าเสียง ซ่ึงทาให้ผูฟ้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถูกตอ้ ง 3 คะแนน = มสี าระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไมค่ รบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มรี ูปแบบการนาเสนอท่ีเหมาะสม มีการใชเ้ ทคนิคท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอทน่ี ่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถิ่นมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั 2 คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอที่น่าสน ใจ แต่ขาด การประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถ่ิน 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไม่เหมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
แบบประเมนิ กระบวนการทางานชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง...........................รายชื่อสมาชิก 2……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. 1……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่…….ที่ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น1 การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 3212 การแบ่งหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม3 การปฏิบตั ิหนา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………...เกณฑ์ การให้ คะแนน1. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ ีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน2. การมอบหมายหนา้ ที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานท่ี สื่อ / อุปกรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แตไ่ มต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แตข่ าด การจดั เตรียมสถานท่ี 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทว่ั ถึงและมีส่ือ / อุปกรณ์ไมเ่ พยี งพอ3. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาท่ีกาหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกาหนด 1 คะแนน = ทางานไมส่ าเร็จตามเป้าหมาย4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนไมม่ ีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บนั ทึกหลงั การสอน บทที่ 2 อปุ กรณ์ในระบบเสียงผลการใช้แผนการสอน 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. กิจกรรมการสอนเหมาะสมกบั เน้ือหาและเวลาที่กาหนด 3. ส่ือการสอนเหมาะสมดีผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั ศึกษาส่วนใหญ่มีความเขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิงานท่ีไดร้ ับ มอบหมาย 2. นกั ศึกษากระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานกลุ่มเพือ่ ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาท่ีกาหนดผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ 3. สอนทนั ตามเวลาท่ีกาหนด
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: