หนว ยการเรียนรอู ิงมาตรฐาน รหสั วิชา ว 31201 รายวชิ า ฟสิกสเ พิ่มเติม ช้ันมัธยมศึกษาปท๔ี่ ภาคเรียนที่ ๑ ปการศึกษา 2562 ผูจัดทํา นายเถลิงศกั ดิ์ เถาวโ ท กลมุ สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร โรงเรียนน้าํ ปลีกศึกษา สาํ นักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 29
เรยี นรูท ่ี 1 เร่อื ง ธรรมชาตขิ องฟส ิกสแ ละการวดั รหสั วชิ า ว 31201 รายวิชา ฟส กิ สเพ่ิมเตมิ กลุม สาระการเรียนรวู ทิ ยาศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 2 ช่วั โมง ครผู สู อน นายเถลิงศักด์ิ เถาวโ ท 1.มาตรฐานการเรียนรู / ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู มาตรฐานการเรียนร/ู ผลการเรยี นรู มาตรฐาน ว 8.1 มาตรฐานการเรยี นรชู วงชั้น ม.4-6 1. 2.
2. สาระสาํ คัญ /ความคดิ รวบยอด 3. สาระการเรียนรู 4. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน(เฉพาะทีเ่ กิดในหนว ยการเรียนรูน)้ี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค ( เฉพาะท่เี กิดในหนวยการเรยี นรูน)้ี
6. ทักษะผูเรียนในศตวรรษที่ 21 (3Rs8Cs 2Ls) 1.ทกั ษะในสาระวิชาหลกั (3Rs) R R R 2.ทักษะการเรียนรแู ละนวัตกรรม(8Cs) CriticalThinking and Problem Solving Creativity and Innovation Cross-cultural Understanding Collaboration, Teamwork andLeadership Communications, Information,and Media Literacy Computing and ICTLiteracy Career and Learning Skills Compassion 7. บูรณาการกจิ กรรมสะเต็มศึกษา(จาก STEMสู STEAM)
8. การบูรณาการตามพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแหง ชาติ (เฉพาะท่ีเกดิ ในหนวยการเรียนรนู )้ี 9. การบูรณาการและเตรียมความพรอมในการสอบ Pre O-NET, O-NET, PISA มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชว้ี ดั 10. ชิน้ งาน /ภาระงาน (รวบยอด) (กรณเี ปน STEAM ควรแบงกลมุ มอบหมายงาน ชิ้นงาน) 11. สื่อ/แหลง การเรียนรู
12.การวดั และประเมนิ ผล การวัดและประเมนิ ผล
13. กจิ กรรมการเรยี นรู วิธสี อน(5STEPs) 1. ข้นั สรา งความสนใจ 2. ขัน้ สํารวจและคนหา
3. ข้ันลงขอสรปุ (ขีดจาํ กัดของการสงั เกตและประสทิ ธภิ าพของเคร่ืองมือวัด) (วิชาคณิตศาสตร) (ฟส ิกสเ ชิงทฤษฎจี ะอาศยั จนิ ตนาการในการ สรา งแบบจําลองเพื่ออธิบายปรากฏการณตางๆ แตฟส ิกสเ ชิงทดลองจะอาศัยการสงั เกตและการวดั จากปรากฏการณท ี่ เกดิ ขน้ึ จรงิ ) (กลศาสตร) (คลื่น) (ฟสิกสอ ะตอม) 4. การประยุกตใ ชใ นชีวติ ประจําวัน แหลงเรยี นรูในหรือนอกสถานท่ี
เรอื่ งที่ วธิ ีสอน(5STEPs) (เม่อื ยกมอื ซา ยที่จุม ในขันน้ําเย็นและมือขวาทจ่ี มุ ในขันน้าํ รอนมาจมุ ลงในขันนา้ํ ท่ีมอี ุณหภูมิเทา กับอณุ หภมู ิหอ งมือซา ยจะมี ความรสู กึ รอ นและมือขวาจะรสู ึกเย็น)
มวลของสารเคมที ่อี านไดดวยวิธีการวัดนี้จะมีความผิดพลาดเน่อื งจากอิทธิพลของลม ซึ่งจะเขาไป กระทบเครอื่ งช่งั ซ่ึงอาศัยหลักการสมดุล โดยจะทาํ ใหจานตาช่งั แกวงขน้ึ ลงแนวดง่ิ ทําใหการอานคา มวลทาํ ไดล ําบาก ควร จะทาํ การวัดในหองปดหรอื นาํ เครอื่ งชัง่ ใสไ วในตแู ลว ชง่ั สารเคมีในตู 1.เครอ่ื งมอื วดั เพราะสายวัดทําดวยพลาสติกออนซึ่งยืดได ดังน้นั คาท่ีอา นไดจะเกดิ ความผิดพลาดจากการยืดตวั ของ สายวดั 2.วธิ ีการ เพราะวธิ กี ารวัดเราตองยึดสานวดั ไวท่จี ุด A แลว พยายามขงึ สายวัดใหต ึงไมใหออ นซง่ึ เปนวิธที จี่ ะทาํ ใหส าย วดั ยืดตัว 3.สภาพแวดลอม เพราะในทโี่ ลง ถามลี มพัดแรงจะทําใหสายวัดสะบัด เราจงึ จาํ เปนตอ งขงึ สายวดั ใหต ึงเพ่ือลดการสะบัด ซึงเปน สาเหตใุ หส ายวัดยืด
(เพราะตลบั เมตรมีความยาว มากกวาความยาว ความกวางและความสูงของโตะเรยี นเวลาใชก็สะดวก คือใชต ะขอของตลับเมตรเกยี่ วท่ขี อบโตะดา นหน่ึง แลวดงึ สายวดั ออกจากตลับทาบไปตามความยาว ความกวา งและความสงู ถึงขอบโตะดานหนง่ึ ก็อา นคา ไดทันที ซึ่งหากใช ไมบรรทัดตอ งวดั หลายคร้งั ซึง่ อาจทําใหเกดิ ขอ ผิดพลาดข้นึ ได) (เพราะกอนหินมรี ปู รา งไมแ นนอนไมเปน รูปทรง เรขาคณิตและกอ นหินไมละลายนํา้ การหาปริมาตรจงึ ใชแทนท่ีนํ้าไดโดยดูจากระดบั นาํ้ ทีเ่ พิ่มขึ้นหลงั ใสกอนหนิ ) (เพราะเครอื่ งชงั่ สปรงิ เปน เครอื่ งมอื ที่ใชห า น้าํ หนกั ของวัตถ)ุ (เพราะเคร่อื งชง่ั 2แขนเปนเครือ่ งมือทีใ่ ชห า มวลของวตั ถ)ุ (ใชกระบอกตวง หลอดฉีดยา หรอื ถวยยูเรกาก็ได) (ใชก อนหนิ แทนท่นี ้าํ แลวตวงหาปรมิ าตรของนา้ํ ท่ลี น ออกมาโดย ใชถ วยยูเรกาและหลอดฉีดยา) (ใหก ระเปาะและ กานเทอรโมมเิ ตอรจุมอยูในน้ําและกา นเทอรโมมเิ ตอรต อ งตั้งตรงเมอ่ื ระดบั ของของเหลวในเทอรโมมิเตอรไ มเปลี่ยนแปลง แลว จึงอา นคา ตรงขีดท่ตี รงกบั ระดับของของเหลวในเทอรโมมิเตอร โดยใหสายตาอยูที่ระดบั เดียวกันกับของเหลวนั้นและ เทอรโมมิเตอรยังจุมอยูในสงิ่ ที่ตอ งการวดั )
(การใชประสาทสมั ผสั และการประมาณดวยการใชขนาดของรา งกายของเราเปน เครือ่ งมอื ไมม ี ความนาเชอ่ื ถอื เทาท่ีควรเพราะขดี จาํ กดั ของการใชประสาทสมั ผัสของแตล ะคนตางกนั ) (สามารถฝกได แตล ะคนอาจใชเ วลาในการฝกแตกตางกนั ) (ไมโครมเิ ตอร) (เวอรเนยี ร) (การวัด หมายถงึ ความสามารถในการเลือกใชเครือ่ งมอื ในการวดั อยา งเหมาะสมและใชเ ครือ่ งมอื น้ันหาปริมาณของสิง่ ตา งๆออกมาเปน ตัวเลขไดถกู ตอ งและรวดเรว็ โดยมีหนว ย กํากับ ตลอดจนสามารถอานคา ที่วดั ไดถูกตอ งและใกลเ คียงกับความเปน จรงิ และเมือ่ ทาํ การวัดส่ิงใดสง่ิ หนง่ึ มกั มคี วาม คลาดเคล่ือนเกิดขน้ึ เสมอเราสามารถแกไขความคลาดเคลื่อนท่ีเกดิ ขน้ึ ขณะวัดได โดยทําการวัดหลายๆคร้ังและหา คาเฉลี่ย) 10. สื่อการสอน แหลง เรียนรูในหรือนอกสถานที่
เรือ่ งที่ วธิ ีสอน(5STEPs) 1. ขัน้ สรา งความสนใจ การวัด หมายถงึ ความสามารถในการเลอื กใชเ คร่อื งมอื ในการวดั อยางเหมาะสมและใชเครอื่ งมอื นน้ั หาปรมิ าณของส่งิ ตางๆออกมาเปน ตัวเลขไดถ กู ตองและรวดเรว็ โดยมหี นว ย กํากบั (มี 2แบบ คอื แบบขีดสเกลและแบบตัวเลข) (เครอื่ งมือวัด วิธีการวดั ผทู ําการวดั และสภาพแวดลอ มขณะ ทําการวัด) 2. ข้ันสาํ รวจและคน หา
(ตอบ 0.1 เมตร)
3. ขนั้ ลงขอ สรุป ( ตองเลือก เคร่อื งมอื วัดที่มีขอบเขตของสเกลที่สามารถวดั ไดไ มแ ตกตางจากสิ่งท่ตี อ งการวดั เกินไปเชนไมควรใชไ มบรรทัดวดั ความ หนาเสน ผมหรอื ไมค วรใชไมบ รรทัดวัดความกวา งของสนามเปนตน) (ไมบรรทัด) (เวอรเนียรค าริปเปอรหรอื ไมโครมิเตอร) (เทอรโมมิเตอร) (บีกเกอร หรือกระบอกตวง) (ความกวางและความลึกของภาชนะ) (ไมโครมเิ ตอร) (ตา งกนั เนอ่ื งจากความ ละเอียดของเคร่ืองมือวดั ตางกันแตค า ยังคงใกลเคยี งกนั เชนความยาวของปากกาหากวดั ดวยไมบ รรทัด เปน12.00 เซนติเมตรแตหากวดั ดวยไมโครมิเตอร อาจวัดไดเปน 120.00มิลลเิ มตร) 4. การประยุกตใ ชใ นชวี ิตประจําวัน 10. สอื่ การสอน แหลงเรียนรูใ นหรอื นอกสถานที่
เรอื่ งท่ี วิธสี อน(5STEPs)
จาํ นวนตาํ แหนงทศนิยมนอยท่ีสดุ ของกลมุ ) (ตอบโดยมีจาํ นวนตําแหนงทศนิยมเทา กับ จาํ นวนคา นัยสาํ คญั นอยท่สี ุด) (ตอบโดยมีจํานวนคา นยั สําคัญเทากบั สื่อการสอน แหลงเรยี นรใู นหรอื นอกสถานที่
เรอื่ งที่ วธิ สี อน(5STEPs) 1. ขัน้ สรางความสนใจ 2. ขัน้ สาํ รวจและคนหา ตัวอยา งท่ี 1 1 เมตร เทา กบั กก่ี ิโลเมตร วิธีทํา 1 เมตร = 1 = 1 x 10-3 กิโลเมตร ตอบ 103 ตัวอยา งที่ 2 2 เมตร เทา กับกี่เซนตเิ มตร วิธที ํา 2 เมตร = 2 = 2 x 102 เซนติเมตร ตอบ 10 2 ตัวอยา งท่ี 3 5 g เทากับกี่ g วิธีทํา 5g= 5 = 5x106 g ตอบ 10 6
ตวั อยางที่ 4 8 F เทากับกี่ MF วิธีทาํ 8F= 8 = 8 x 10-6 MF ตอบ 106 ตัวอยางท่ี 9 9กโิ ลเมตรเทา กับก่ี นาโนเมตร วิธีทาํ 9กิโลเมตร= 9x10 3 = 9 x1012นาโนเมตร ตอบ 10 9 ตัวอยางท่ี 101.5MHzเทา กบั กี่ kHz วธิ ที าํ 1.5 MHz = 1.5 x10 6 = 1.5 x103 kHz ตอบ 10 3 ตัวอยางท่ี 115Jเทากบั กี่ kJ วิธที ํา 5 J = 5 x10 6 = 5 x10-9kJ ตอบ 103 ตัวอยา งท่ี 129nsเทากบั ก่ี Gs วธิ ที ํา 9 ns = 9 x10 9 = 9 x 10-18 Gs ตอบ 109
3. ขน้ั ลงขอ สรุป ( มี 7อยา งไดแก ความยาวมวล เวลากระแสไฟฟา อุณหภมู ิ ความเขมแหงการสอ งสวางและปริมาณสารสัมพัทธ) (ความยาว=เมตร,มวล=กโิ ลกรมั , เวลา= วนิ าท,ี กระแสไฟฟา=แอมแปร, อณุ หภมู =ิ เคลวิน,ความเขม แหง การสองสวาง=แคนเดลา,ปรมิ าณสารสัมพัทธ= โมล) (นําคา ตัวพหคุ ูณที่มคี า เทยี บ กับคาํ อุปสรรคนน้ั มาหารกบั ปริมาณนน้ั ) (นําคา ตัวพหคุ ณู ทมี่ ีคา เทยี บ กับคาํ อุปสรรคน้ันมาคณู กับปริมาณนั้น) (นาํ คา ตัวพหุคณู ท่มี คี า เทยี บเทา กบั คําอุปสรรคเดิมมาหารกบั ตวั พหคุ ณู ท่ีมคี าเทียบเทากับคาํ อุปสรรคใหม แลวจงึ นาํ มาคณู กับปริมาณนัน้ ) 4. การประยุกตใ ชใ นชวี ิตประจาํ วัน สื่อการสอน แหลงเรียนรูใ นหรอื นอกสถานที่
เร่อื งท่ี วธิ ีสอน(5STEPs) 1. ข้นั สรางความสนใจ 2. ขัน้ สํารวจและคน หา 3. ข้ันลงขอ สรปุ (เปน หมวดหมู ดูงาย และสะดวกตอการวเิ คราะห) (บอกรายละเอยี ดและความสมั พนั ธข องปจ จยั หรอื ตวั แปรท่ีใชในการทาํ กิจกรรมการทดลองน้นั ทั้งตวั แปรตนและตัวแปรตาม) ระบุชนดิ ของตวั แปรและหนวยของปริมาณตัวแปรนน้ั (แกนต้ังและแกนนอนของแผนภูมิ และแทง
แสดงปรมิ าณของขอ มูล) (ตัวแปรตาม) (ตัวแปรตน) (สามารถวิเคราะหความสัมพนั ธข องปรมิ าณดงั กลาวอยาง ละเอยี ด ดูแนวโนม และสามารถคาดการณล ว งหนา ได) (ปรมิ าณนนั้ มีการเพ่ิมหรือ ลดในอัตราท่ีสมํา่ เสมอซง่ึ มี 4รูปแบบ ไดแ ก กราฟขนานแกนนอนกราฟขนานแกนตั้งกราฟทแยงขึ้นทางขวาและกราฟ ทแยงลงทางขวา) (ปรมิ าณน้นั มีการเพิม่ หรือ ลดในอัตราท่ีไมสมา่ํ เสมอซงึ่ มี 4รูปแบบไดแ ก กราฟโคง ขึ้นหงายกราฟโคงลงหงายกราฟโคงขน้ึ ควํา่ และกราฟโคงลง ควํ่า) 4. การประยุกตใชในชวี ิตประจําวัน 10. ส่อื การสอน 11. แหลงเรียนรใู นหรอื นอกสถานท่ี 12. การวัดและประเมินผล(ใสตามความเหมาะสม) 12.1 วธิ ีการวัดและประเมินผล
เรอ่ื งที่ วธิ สี อน(5STEPs) (ระยะทางมวลความหนาแนนพลงั งานงานเวลา) (การกระจัด ความเรง แรงนํา้ หนัก โมเมนตัมความเรว็ ) (ปริมาณสเกลาร คอื ปรมิ าณทบี่ อกแตขนาดอยา งเดียวก็ไดความหมายสมบรู ณ, ปรมิ าณเวกเตอร คือปรมิ าณท่ีตอ งบอกทัง้ ขนาดและทศิ ทางจึงจะไดความหมายสมบูรณ) A, B, C แสดงวิธีการหา ABC ABC
ความหมายสมบูรณ) (ปริมาณที่บอกเพียงขนาดอยา งเดยี วกไ็ ด ความหมายสมบูรณ) ( ปรมิ าณทต่ี องบอกทงั้ ขนาดและทิศทางจึงจะได (1.เขียนเวกเตอรต ัวตั้งใหข นาดและทศิ ทางคงเดมิ 2.นาํ หางของเวกเตอรตัวบวก มาตอ ท่หี วั ของเวกเตอรต วั ต้งั 3.ทาํ ขอ 2 ซ้ําจนกวาจะหมดเวกเตอรยอย 4.ลากเสน ตรงเชื่อมตอระหวาง หางตัวตัง้ และหัวตวั บวกตวั สุดทาย 5.วดั ความยาวของเสนตรงในขอ 4 เปนขนาดของเวกเตอรล พั ธม ีทิศจากหางตวั ตั้งไปยังหวั ตัวบวกตัวสดุ ทา ย) 4. การประยุกตใ ชในชวี ิตประจําวัน
10. ส่ือการสอน การวดั และประเมินผล(ใสต ามความเหมาะสม)
แบบประเมนิ ตางๆทา ยแผน
..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................................................................................................
บนั ทกึ การนเิ ทศจากฝา ยบริหาร
เอกสารแนบทา ยหนวยการเรียนรู อาจเปนดังน้ี 1. แบบทดสอบกอนการเรียน 2. แบบทดสอบหลงั การเรียน
มิใช
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: