ระบบเศรษฐกิจของประเทศกมั พชู า เสนอ คุณครูจนั ทนา ลยั วรรณา จดั ทาโดย นายอลงกต คุณทวี ระดบั ช้นั ปวช.2/1 สาขาวชิ า คอมพิวเตอร์ธุรกิจ รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ รหสั วิชา 2200 - 1001 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2562 วทิ ยาลยั เทคนิคจนั ทบรุ ี
คำนำ รายงานเลม่ น้ีจดั ทาเพ่อื ศึกษาเกี่ยวกบั เศรษฐกิจของประเทศกมั พูชาเพ่ือเป็นแนวทางการศึกษาแก่ผูท้ ่ี กาลงั ศึกษาเรื่องน้ีอยู่ หวงั ว่ารายงานเล่มน้ีจะเป็ นประโยชน์ไม่มากก็นอ้ ยแก่ผูก้ าลงั ศึกษา หากผิดพลาดประการใดก็ขอ อภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย ผ้จู ดั ทำ นำยอลงกต คุณทวี
สำรบัญ กมั พูชา 1-2 ระบบเศรษฐกิจของกมั พูชา 3 ภาวะเศรษฐกิจของกมั พูชา 4-9 บรรณานุกรม 10 ภาคผนวช 11
1 กมั พชู ำ ชื่ออย่างเป็นทางการวา่ รำชอำณำจักรกมั พูชำ หรือ รำชอำณำจักรก็อมปุเจีย (เขมร: พฺระราชาณาจกฺ รกมฺพุชา) เป็นประเทศต้งั อยใู่ นส่วนใตข้ องคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มีพ้ืนที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวนั ตกติดต่อกบั ประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศ ตะวนั ออกและทิศใตต้ ิดกบั เวียดนาม และทิศตะวนั ตกเฉียงใตต้ ิดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็ นประเทศท่ีมีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของ โลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจาชาติ ซ่ึงประชากรกมั พชู านบั ถือประมาณ 95% ชนกลุ่มนอ้ ย ในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[9] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซ่ึงเป็นศนู ยก์ ลางการเมือง เศรษฐกิจและวฒั นธรรมของกมั พชู า ราชอาณาจกั รกมั พูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใตร้ ัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกต้งั โดยราชสภาเพื่อราชบลั ลงั ก์ เป็นประมขุ แห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คอื สมเด็จ อคั รมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผูซ้ ่ึงปัจจุบนั เป็ นผูน้ าท่ีดารงตาแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ โดยไดป้ กครองกมั พูชามาเป็นระยะเวลากวา่ 25 ปี
2 ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชยั วรมนั ที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็ นพระมหากษตั ริย์ อนั เป็ นจุดเร่ิมต้นของ จกั รวรรดิขะแมร์ อานาจและความมงั่ คงั มหาศาลของจกั รวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษตั ริยค์ รองราชสมบตั ิ สืบต่อกนั มาน้นั ไดม้ ีอิทธิพลในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตเ้ ป็นเวลากวา่ 600 ปี กมั พูชาถูกปกครองเป็นเมืองข้นึ ของประเทศเพ่ือนบา้ น กระทงั่ ถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 กมั พูชาไดร้ ับเอก ราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามไดข้ ยายเขา้ สู่กมั พชู า ทาให้เขมรแดงข้ึนสู่อานาจ ซ่ึงยึดกรุงพนมเปญได้ ใน พ.ศ. 2518 กมั พูชาผงาดข้ึนอีกหลายปี ให้หลงั ภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็ นสาธารณรัฐประชาชน กมั พูชากระทง่ั พ.ศ. 2536 หลงั จากหลายปี แห่งการโดดด่ียว ชาติซ่ึงเสียหายจากสงครามก็ไดร้ วมเขา้ ดว้ ยกนั อีกคร้ังภายใตร้ ะบอบราชาธิปไตยในปี เดียวกนั น้นั เองใน การบูรณะประเทศหลงั สงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กมั พชู ามีความคืบหนา้ อย่างรวดเร็วใน ดา้ นเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกมั พูชาไดม้ ีหน่ึงในบนั ทึกเศรษฐกิจท่ีดีท่ีสุดในเอเชีย โดยมีอตั รา การเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6.0% เป็ นเวลานาน 10 ปี ภาคส่ิงทอ เกษตรกรรม ก่อสร้าง เส้ือผา้ และการ ท่องเท่ียวที่เขม้ แข็งได้นาไปสู่การลงทุนจากต่างชาติและการคา้ ระหว่างประเทศ ใน พ.ศ. 2548 มีการพบ แหล่งน้ามนั และแก๊สธรรมชาติใตน้ ่านน้าอาณาเขตของกมั พูชา การขุดเจาะเชิงพาณิชยเ์ ร่ิมข้ึนใน พ.ศ. 2556 รายไดจ้ ากน้ามนั สามารถมีผลตอ่ เศรษฐกิจกมั พูชาอยา่ งลึกซ้ึง
3 ระบบเศรษฐกจิ ของประเทศกมั พูชำ เศรษฐกิจของกมั พูชา เช่น 1. เกษตรกรรม อยบู่ ริเวณท่ีราบภาคกลาง รอบทะเลสาบเขมร พืชท่ีสาคญั คือ ขา้ วเจา้ ยางพารา พริกไทย 2. การประมง บริเวณรอบทะเลสาบเขมร เป็นแหล่งประมงน้าจืดที่สาคญั ท่ีสุดในภูมิภาค 3. การทาป่ าไม้ บริเวณเขตภูเขาทางภาคเหนือ โดยลอ่ งมาตามแม่น้าโขง 4. การทาเหมืองแร่ ยงั ไม่คอ่ ยสาคญั 5. อตุ สาหกรรม เป็นอุตสาหกรรมขนาดยอ่ ม ส่วนใหญเ่ ป็นโรงสีขา้ ว โรงเล่ือย รองเทา้
4 ภำวะเศรษฐกจิ ของกมั พชู ำ ภาวะเศรษฐกิจของกัมพูชาหลงั จากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสังคมนิยมเป็ น ระบอบประชาธิปไตย และหลงั จากสงครามภายใน ประเทศกมั พูชาเริ่มสงบลง และเร่ิมพฒั นาฟ้ื นฟูบูรณะ ประเทศ ทาให้ความต้องการสินคา้ และบริการเพ่ิมมากข้ึน จึงเปิ ดโอกาสให้ ประเทศทาการค้าขายกับ ต่างประเทศมากย่งิ ข้ึน กมั พูชาจึงกาหนดนโยบายท่ีมุ่งหวงั การพฒั นาศกั ยภาพทางการเกษตร การท่องเที่ยว และส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างชาติ โดยกาหนดยุทธการต่างๆ เพ่ือเพิ่มรายไดข้ องรัฐและได้ดาเนิน มาตรการต่างๆ อยา่ งต่อเนื่อง เช่น การปรับปรุงกฎหมายดา้ นเศรษฐกิจ การเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่นกั ลงทุน ต่างประเทศ การปฏิรูประบบจดั เก็บภาษีเงินได้ และเร่งรัดพฒั นาโครงสร้าง พ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ เช่น สนามบิน ถนน ไฟฟ้า ประปา และสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นตน้ ภายใตค้ วามช่วยเหลือจากกองทุนการเงิน ระหวา่ งประเทศ ธนาคารเพ่อื การพฒั นา แห่งเอเชีย และ UNDP รวมท้งั ประเทศ ที่ใหค้ วามช่วยเหลืออื่นๆ แตก่ ารพฒั นา เศรษฐกิจของกัมพูชาได้เติบโตอย่าง ช้าๆ โดยเฉพาะในช่วงปี 2540-2541 กมั พชู าตอ้ งเผชิญกบั วกิ ฤติเศรษฐกิจใน ภูมิภาคเอเชีย และความขัดแย้งทาง การเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้นัก ลงทุนต่างประเทศถอนตัวออกจาก ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้การฟ้ื นฟู บูรณะและการพฒั นาประเทศเป็ นไป อ ย่ า ง ล่ า ช้า แ ต่ ห ลัง จ า ก ปี 2 5 4 2 สถานการณ์การเมืองกมั พูชาเร่ิมมีความ มนั่ คงพอสมควร และนบั เป็นปี แรกท่ีกมั พูชามีสนั ติภาพอย่างแทจ้ ริง เพราะปัญหาความขดั แยง้ ทางการเมือง ภายในหมดไป ปัจจุบนั กมั พูชากาลงั พฒั นาตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 2 (ตุลาคม 2543 - กนั ยายน 2548) ท้งั น้ีเพอ่ื ใหอ้ ตั ราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตวั อยา่ งตอ่ เน่ือง ในเกณฑร์ ้อยละ 6-7 ต่อปี ภาวะเศรษฐกิจของกมั พชู าในอดีตท่ีผา่ นมาสามารถสรุปไดด้ งั น้ี
5 สินคา้ เกษตรกรรมถือวา่ เป็นแหล่งรายไดห้ ลกั ของประเทศประมาณร้อยละ 43 ของ GDP มาจากขา้ ว และปศสุ ัตว์ ส่วนการประมงและป่ าไมม้ ีสัดส่วนประมาณร้อยละ 5 สินคา้ เกษตรท่ีส่งออกไดแ้ ก่ขา้ ว ไม้ และ ยางพารา รองลงมาได้แก่ ขา้ วโพด ถว่ั เหลือง สัตว์มีชีวิต ผลไม้ และปลา เป็ นตน้ ทวั่ ไปกมั พูชามีสินคา้ ส่งออกที่สาคญั ได้แก่ เส้ือผา้ และเคร่ืองนุ่งห่ม ไม้ ยางพารา ขา้ ว และปลา สินคา้ นาเข้าที่สาคัญได้แก่ ผลิตภณั ฑน์ ้ามนั เช้ือเพลิง บุหรี่ ทอง วสั ดุก่อสร้าง เคร่ืองจกั รและเคร่ืองยนต์ เศรษฐกิจกมั พูชาในปี 2546 คาดการณ์โดย The Economist Intelligence Unit (EIU) มีการขยายตวั ในอตั ราท่ี ชะลอลงเหลือ 5.0 % และ International Monetary Fund (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจขยายตวั 4.7 % เทียบกบั ท่ี ขยายตวั ราว 5.5 % ในปี 2545 ปัจจยั สาคญั ที่บน่ั ทอนการขยายตวั ทางเศรษฐกิจของกมั พูชา ไดแ้ ก่ รายไดจ้ าก ภาคการท่องเท่ียวที่ลดลง เน่ืองจากเกิดเหตุการณ์การก่อความไม่สงบ โดยมีการเผาสถานทูตไทย ณ กรุง พนมเปญ เกิดปัญหาการระบาดของโรคทางเดินหายใจ เฉียบพลนั รุนแรง (SARS) ประกอบกบั สถานการณ์ ความไมแ่ น่นอนทางการเมืองในกมั พูชา (หลงั การเลือกต้งั ทวั่ ไปซ่ึงจดั ข้ึนเมื่อวนั ที่ 27 กรกฎาคม 2546 ท่ีผา่ น มา) ทาใหน้ กั ท่องเท่ียวไม่มน่ั ใจในความปลอดภยั และ ปัญหาการเมืองที่ยงั คงไร้เสถียรภาพ ทาให้นกั ลงทุน ต่างชาติขาดความเช่ือมน่ั ในการเขา้ ไปลงทุนในกมั พูชา ถึงแมว้ า่ วนั ที่ 3 กุมภาพนั ธ์ 2546 สภาแห่งชาติของ กมั พูชา (The National Assembly) ไดอ้ นุมตั ิการออกกฎหมายการลงทุนฉบบั ใหม่ ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเติมกฎหมาย การลงทุนฉบบั ลงวนั ที่ 5 สิงหาคม 2534 (Law on the Amendment to the Law on Investment of the Kingdom of Cambodia) เพื่อเอ้ือสิทธิประโยชน์ดา้ นการลงทุนแก่นกั ลงทุนต่างชาติ ส่วนภาคธุรกิจก่อสร้างยงั คงอยใู่ น ภาวะซบเซา
6 ปี 2547 EIU และ IMF คาดวา่ เศรษฐกิจกมั พูชาจะขยายตวั เพม่ิ ข้นึ เป็น 5.5 % - 5.8 % ซ่ึงใกลเ้ คยี งกบั อตั ราการขยายตวั ทางเศรษฐกิจท่ีรัฐบาลกมั พูชาคาดว่าจะขยายตวั สูงถึง 5.5 % - 6.0 % เนื่องจากรายไดจ้ าก การส่งออกเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง เน่ืองจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟ้ื นตวั ดีข้ึน ประกอบกับเมื่อเดือน ธนั วาคม 2546 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศเพิ่มโควตานาเขา้ ส่ิงทอสาหรับปี 2547 ใหก้ มั พูชาเพิ่มข้ึนอีก 14 % ซ่ึงคาดว่าจะทาให้กัมพูชามีรายได้จากการส่งออกเส้ือผา้ สาเร็จรูปไปสหรัฐฯ เพิ่มข้ึน และภาคธุรกิจ ก่อสร้างเร่ิมฟ้ื นตวั ดีข้ึน และจากการที่กัมพูชาได้เขา้ เป็ นสมาชิก ใหม่ของ WTO อย่างสมบูรณ์เม่ือเดือน ตุลาคม 2547 ทาใหก้ มั พูชามีพนั ธกรณีที่ตอ้ งเร่งปรับปรุงกฎหมายดา้ นการลงทุนใหไ้ ดม้ าตรฐานสากล ซ่ึงจะ ทาให้นกั ลงทุนเกิดความเชื่อมนั่ และเขา้ ไปลงทุนในกมั พูชาเพิ่มข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยา้ ยฐานการผลิต เขา้ ไปต้งั โรงงานผลิตเส้ือผา้ สาเร็จรูปในกมั พูชาเพื่อส่งออก เน่ืองจากกมั พูชายงั มีอตั ราค่าจา้ งแรงงานท่ีต่า ทางดา้ นอตั ราเงินเฟ้อ EIU และ IMF คาดวา่ ปี 2547 กมั พชู าจะมีอตั ราเงินเฟ้อเฉล่ียเพมิ่ ข้ึนเป็น 3.1 % - 3.5 % จากอตั ราเงินเฟ้อเฉลี่ยราว 1.3 % - 2.6 % ในปี 2546 เนื่องจากราคาอาหารในประเทศปรับตวั สูงข้ึนตามราคา สินคา้ โภคภณั ฑใ์ นตลาดโลก (ธนาคารเพือ่ การส่งออกและนาเขา้ แห่งประเทศไทย, 2547) นบั ต้งั แตป่ ี พ.ศ.2542 ภาวะเศรษฐกิจของกมั พูชาเร่ิมดีข้ึนเมื่อสงครามภายในประเทศสงบลง และดาเนินการ ฟ้ื นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยการเปิ ดการคา้ ระหว่างประเทศมากข้ึน สนับสนุนการท่องเท่ียว พฒั นา ศกั ยภาพการผลิต พฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐาน และสาธารณูปโภค มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากตา่ งชาติ ในปัจจุบันเศรษฐกิจกัมพูชามีการขยายตัวเพ่ิมข้ึน โดยในปี พ.ศ.2554 และปี พ.ศ.2555 การเติบโตของ ผลิตภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกมั พูชาเพิ่มสูงถึงร้อยละ 7.1 และร้อยละ 6.5 ตามลาดบั ซ่ึง มากกว่าการเจริญเติบโตของ GDP กลุ่มอาเซียนที่มีการเติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 5.2 นอกจากน้ีนักลงทุน ต่างชาติยังให้ความสนใจท่ีจะเข้าไปลงทุนในกัมพูชาเพิ่มข้ึน เพราะกัมพูชาเป็ นประเทศที่มี ทรัพยากรธรรมชาติท่ีอุดมสมบูรณ์ การเมืองในปัจจุบนั มีความมน่ั คงและมีเสถียรภาพประกอบกบั นโยบาย ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศของรัฐบาลกมั พูชา ซ่ึงส่งเสริมการลงทุน ตลอดจนอตั ราค่าจา้ งแรงงานท่ี อยู่ในระดบั ต่าราว 61 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน จึงทาให้ประเทศกมั พูชาเป็ นประเทศเป้าหมายท่ีชาวต่างชาติ สนใจเขา้ ไปลงทุนเพ่ิมข้ึน ในระหว่างเดือนมกราคมจนถึงกนั ยายน พ.ศ.2555 มีการจดทะเบียนธุรกิจใหม่ โดยชาวกมั พูชาและต่างชาติท้งั หมด 2,606 แห่ง คิดเป็ นร้อยละ 11.6 เมื่อเปรียบเทียบจากปี ท่ีผ่านมา โดยท่ี ธุรกิจใหมน่ ้ีส่วนใหญ่จะเป็นประเภทเส้ือผา้ การก่อสร้าง และการคา้
7 กมั พูชาเปิ ดเสรีทางการตลาดท้งั ในส่วนภูมิภาคและระดบั โลก ดงั เห็นไดจ้ ากการเขา้ ร่วมเป็นสมาชิกสมาคม ประชาชาติแห่งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations หรือ ASEAN) ซ่ึงสมาชิก อาเซียนไดต้ กลงกนั ท่ีจะจดั ต้งั ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 เพื่อท่ีจะให้อาเซียนรวมกนั เป็นตลาดเดียว และมีฐานการผลิตร่วมกนั ระหว่างสมาชิกอาเซียน นอกจากน้ีกมั พูชายงั ไดเ้ ขา้ ร่วมเป็ นสมาชิกในองค์การ ระหวา่ งประเทศท่ีสาคญั เช่น องคก์ ารการคา้ โลก (World Trade Organization: WTO) และองคก์ ารแรงงาน สากล (International Labour Organization:ILO) กมั พูชายงั เป็ นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติท่ีสาคญั เช่น อญั มณีเหล็ก ฟอสเฟส ซิลิคอน ถ่านหิน แมงกานีส น้ามนั แก๊ส และไมส้ ัก นอกจากน้ียงั มีแหล่งประมงน้าจืดที่สาคญั และใหญ่ท่ีสุดในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออก เฉียงใต้ คือ บริเวณรอบทะเลสาบโตนเล (Tonle Sap) หรือทะเลสาบ เขมร ซ่ึงมีลกั ษณะทางกายภาพ ที่ต้งั อยู่ บริเวณตอนกลางค่อนไปทางตะวนั ตกเฉียงเหนือของประเทศกมั พูชา ลอ้ มรอบดว้ ยจงั หวดั เสียมเรียบ จงั หวดั พระตะบอง จงั หวดั โพธิสัต จงั หวดั กมั ปงชนงั และจงั หวดั กมั ปงทมที่ปลายทะเลสาบดา้ นตะวนั ออกเฉียงใต้ มีแม่น้าโตนเลสาบไหลไปบรรจบกบั แม่น้าโขงและแม่น้าบาสักที่กรุงพนมเปญ ซ่ึงห่างจากปลายทะเลสาบ 100 กิโลเมตร บริเวณน้ีกระแสน้าโตนเลสาบจะสลบั ทิศทางการไหลตามฤดูกาล จนไดช้ ่ือว่าเป็ น \"River with Return” ปรากฎการณ์น้ีส่งผลใหท้ อ้ งน้าโตนเลสาบในช่วงฤดูน้าหลากขยายวงกวา้ งไปจนเกิดเป็นแหล่ง เก็บน้าธรรมชาติขนาดใหญ่ และจะค่อยๆ ระบายออกในช่วงฤดูแลง้ นอกจากน้ี การไหลสลบั ทิศทางของ แม่น้ายงั ช่วยใหเ้ กิดการพดั พาตะกอนอนั อุดมสมบูรณ์มาทบั ถมเป็ นบริเวณกวา้ งก่อให้เกิดพ้ืนท่ีที่เหมาะสม แก่การเพาะปลูกบริเวณโดยรอบทะเลสาบ จากธรรมชาติที่สร้างสมมาอยา่ งยาวนาน โตนเลสาบจึงมีความสาคญั ในดา้ นตา่ งๆ ที่ส่งผลตอ่ วถิ ีชีวติ และการ พฒั นาประเทศกมั พูชาดงั น้ี 1.เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สาคญั ต่อระบบนิเวศ เป็นทะเลสาบน้าจืดที่อุดมสมบูรณ์ดว้ ยสัตวน์ ้านานา ชนิด เป็ นแหล่งเพาะพนั ธุ์ปลาน้าจืดที่ใหญ่ท่ีสุดแห่งหน่ึงของโลก มีพนั ธุ์ปลามากกว่า 200 ชนิด และเป็ น แหลง่ กาเนิดทรัพยากรธรรมชาติประเภทอ่ืนๆ จานวนมาก เช่น พืชพนั ธุ์ท่ีมีมากกวา่ 200 ชนิด สัตวเ์ ล้ียงลูก
8 ดว้ ยนมกว่า 46 สายพนั ธุ์และนกอีกกวา่ 255 สายพนั ธุ์ ในจานวนน้ีมีหลายสายพนั ธุ์เป็นสัตวป์ ี กอนุรักษข์ อง โลก 2.เป็นแหล่งทรัพยากรประมงท่ีสาคญั ต่อเศรษฐกิจและสงั คม โดยเฉพาะปลาน้าจืดซ่ึงเป็นสินคา้ อาหารสาคญั อนั ดบั 2 ของกมั พูชารองจากขา้ ว และเป็ นแหล่งโปรตีนสาคญั ของชาวกมั พูชา ปัจจุบนั กมั พูชาเป็ นแหล่ง ประมงน้าจืดขนาดใหญ่อนั ดบั 4 ของโลก รองจากจีน อินเดียและบงั คลาเทศ โดยมีผลผลิตประมงน้าจืดกวา่ 4,000,000 ตนั ต่อปี (คิดเป็ นสัดส่วนร้อยละ 10-20 ของ GDP) ซ่ึงเป็ นผลผลิตท่ีไดจ้ ากโตนเลสาบประมาณ 230,000 ตนั ต่อปี หรือร้อยละ 60 ของผลผลิตประมงน้าจืดท้งั หมดของกมั พูชา กมั พูชามีปลาน้าจืดอยา่ งนอ้ ย 300 ชนิด พบในโตนเลสาบกว่า 200 ชนิด ที่สาคญั ได้แก่ Perch,Carp,Lungfish และ Smelt สาเหตุที่ทาให้ ปลาชุกชุมมาจากการไหลของกระแสน้าที่มีลกั ษณะเฉพาะ และระบบนิเวศท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ ซ่ึงเห็นได้ จากปลาท่ีมีความสาคญั เชิงเศรษฐกิจ เช่น ปลาเตรเรียล (Trey Riel) โตนเลสาบจึงเป็นแหล่งทรัพยากรประมง ท่ีมีความสาคญั อย่างยงิ่ ต่อการดาเนินชีวิตของประชากรที่อาศยั อยู่บริเวณลุ่มแม่น้าโขงตอนล่าง รวมท้งั การ ดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่ืนๆ เช่น การแปรรูปผลผลิตประมง (โดยเฉพาะปลาร้า และปลากรอบ) 3.เป็ นแหล่งเพาะขา้ วและพืชเศรษฐกิจสาคญั ท่ีสุดของกมั พูชาพ้ืนท่ีเกษตรกรรมของกมั พูชาท่ีมีอยู่ราว 2.8 ล้านเฮกตาร์ เป็ นพ้ืนท่ีปลูกขา้ วถึง 2.3 เฮกตาร์ การปลูกข้าวในกัมพูชาส่วนใหญ่เป็ นลกั ษณะ Rain fed lowland rice ที่มีมากถึงร้อยละ 86 ของพ้ืนที่ปลูกขา้ วท้งั หมดของกมั พูชา ซ่ึงให้ผลผลิตค่อนขา้ งต่า ขณะที่ การปลูกขา้ วในลกั ษณะ Deep water หรือ Floating rice ซ่ึงทาใหไ้ ดเ้ ฉพาะบริเวณโตนเลสาบ และจาทาการ เพาะปลูกในช่วงน้าลดมีเพียงร้อยละ 4 ของพ้ืนที่ปลูกขา้ วท้งั หมด แต่ใหผ้ ลผลิตราวร้อยละ 12 ของผลผลิต ขา้ วท้งั หมด นอกจากขา้ วแลว้ ยงั มีพืชเศรษฐกิจสาคญั ที่นิยมปลูกรอบบริเวณโตนเลสาบ ไดแ้ ก่ ยางพารา และพริกไทย 4.เป็นแหล่งทรัพยากรป่ าไม้ ปัจจุบนั กมั พูชามีพ้ืนที่ป่ าไมร้ ้อยละ 60 ของพ้ืนท่ีท้งั ประเทศ ทรัพยากรป่ าไมม้ ี สภาพค่อนขา้ งอุดมสมบูรณ์ท้งั ในพ้ืนท่ีป่ าไมท้ ี่สาคญั ของกมั พูชา นอกจากป่ าไมบ้ ริเวณเทือกเขาดงั รักทาง ภาคเหนือ และเทือกเขาชา้ งทางภาคตะวนั ออก และพ้ืนท่ีป่ าไมท้ างภาคตะวนั ออกแลว้ บริเวณพ้ืนท่ีน้าท่วม ถึงโตนเลสาบ รวมถึงป่ าชายเลนและป่ าไมใ้ นพ้ืนท่ีชุ่มน้าบริเวณลุม่ น้าโตนเลสาบกเ็ ป็นพ้ืนที่ป่ าไมท้ ่ีสาคญั
9 เช่นเดียวกบั ป่ าไมบ้ ริเวณเทือกเขาในภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ อยา่ งไรก็ตาม พ้ืนท่ีป่ าไมข้ องกมั พูชาไดเ้ ริ่ม ลดลงอยา่ งน่าเป็นห่วงจากอตั ราการตัดไมท้ าลายป่ าสูงถึง 300,000 เฮกตาร์ต่อปี เพ่ือทาการคา้ และน้าไปใช้ เป็นเช้ือเพลิงสาหรับหุงตม้ ในครัวเรือน 5.เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โตนเลสาบจดั เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศกั ยภาพสูงในการพฒั นาดา้ นการ ท่องเที่ยว เน่ืองจากนกั ท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปชมความสวยงามของทะเลสาบและทศั นยภาพ โดยรอบ รวมท้งั วิถีชิวตของชาวบา้ นที่อาศยั อยใู่ นบริเวณดงั กล่าว นอกจากน้ีโตนเลสาบยงั เป็นพ้นื ท่ีที่มีความ หลากหลายทางชีวภาพ และมีระบบนิเวศน์ท่ีอุดมสมบูรณ์ อีกท้งั ยงั มีพนั ธุไ์ ม้ และสัตวบ์ างชนิดท่ีพบเห็นได้ เฉพาะบริเวณโตนเลสาบเทา่ น้นั จึงถือเป็นจุดดึงดูงการท่องเที่ยวท่ีสาคญั อีกแห่งหน่ึงของกมั พูชา 6.เป็นปราการป้องกนั น้าท่วม โตนเลสาบเปรียบเสมือนปราการที่ธรรมชาติสร้างข้ึนเพื่อป้องกนั น้าท่วมใน บริเวณลุ่มแม่น้าโขงตอนใต้ โดยทาหน้าที่ดูดซับและเก็บกักน้าในช่วงฤดูน้าหลาก และปล่อยน้าออกมา ในช่วงฤดูแลง้ ท้งั น้ี พ้ืนที่ลุ่มน้าโตนเลสาบสามารถดูดซับน้าไดป้ ระมาณ 46 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร ในจานวนน้ี ร้อยละ 62 เป็นน้าท่ีไหลจากแมน่ ้าโขงส่วนที่เหลือเป็นน้าที่ไหลมาจากแม่น้าโตนเลสาบ 7.เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้าท่ีเชื่อมจงั หวดั ต่างๆ รอบโตนเลสาบผา่ นแมน่ ้าบาสกั ไปยงั กรุงพนมเปญ จากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายของระบบนิเวศน์บริเวณโตนเลสาบจึง เป็ นอู่ขา้ วอู่น้า และรากฐานสาคัญทางเศรษฐกิจและสังคมของกัมพูชานับต้ังแต่อดีต จนถึงปัจจุบันท่ีมี ประชากรอาศยั อยู่กว่า 1.2 ลา้ นคน คิดเป็ นสัดส่วนร้อยละ 10 ของประชากรกมั พูชาท้งั ประเทศ ประชากร ส่วนใหญ่ท่ีอาศัยอยู่ในบริ เวณดังกล่าวประกอบอาชีพประมงและแปรรูปผลผลิตประมงเป็ นหลัก ขณะเดียวกนั ก็มีการทาเกษตรกรรม และเก็บของป่ าขาย ประเทศกมั พชู าน้ีนอกจากมีความอุดมสมบูรณ์รอบ โตนเลสาบแลว้ ยงั มีทรัยพากรป่ าไมท้ ่ีค่อนขา้ งสมบูรณ์ทางภาคเหนือของประเทศ โดยการลงทุนในปี พ.ศ. 2554 น้นั ไดม้ ีการลงทุนหลายภาคส่วน คิดเป็นดา้ นเกษตรกรรมร้อยละ 46.89 อุตสาหกรรมโรงงานตดั เยบ็ เส้ือผา้ ร้อยละ 32 การท่องเท่ียวร้อยละ 5.13 การทาเหมืองแร่ร้อยละ 3.52 และการโทรคมนาคมร้อยละ 0.
10 บรรณำนุกรม https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0% B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E 0%B8%8A%E0%B8%B2 https://sites.google.com/site/chatreeponcha/sersthkic-khxng-kamphucha
11 ภำคผนวช
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: