Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พรบลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน)

พรบลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน)

Published by Filles Asmah, 2021-02-06 17:00:24

Description: พรบลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน)

Search

Read the Text Version

พระราชบญั ญัติ ลักษณะปกครองทอ้ งที่ พุทธศักราช ๒๔๕๗ มพี ระบรมราชโองการในพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู วั ดารัสเหนือเกลา้ ฯ ให้ประกาศทราบท่วั กนั ว่า เมอื่ ในรชั กาลแห่งสมเดจ็ พระบรมชนกนารถ พระบาทสมเดจ็ พระ จุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหต้ ั้งพระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครองท้องท่ีขึ้นเมื่อ พระ พทุ ธศกั ราช ๒๔๔๐ และได้ใชพ้ ระราชบัญญตั ินนั้ เป็นแบบแผนวิธปี กครองทั่วพระราชอาณาจักร อันอยู่ ภายนอกจังหวดั กรุงเทพฯ มาจนบัดน้ี พระราชบัญญัติอื่น ๆ อันเน่อื งด้วยวธิ ีปกครองราษฎร ซ่ึงตั้งข้นึ ภายหลงั ต่อมา ไดย้ ดึ พระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครองทอ้ งทนี่ เี้ ปน็ หลักอกี เปน็ อนั มาก เพราะฉะนั้นพระราชบัญญัติ ลกั ษณะปกครองท้องท่ี นับว่าเปน็ พระราชบัญญตั ิสาคัญในการปกครองพระราชอาณาจกั รอย่างหนึ่ง ต้ังแตไ่ ดต้ ราพระราชบญั ญัติลักษณะปกครองท้องที่ ในพระพุทธศักราช ๒๔๔๐ มา วธิ ี ปกครองพระราชอาณาจักรไดจ้ ดั การเปลยี่ นแปลงดาเนินมาโดยลาดับหลายอยา่ ง ทรงพระราชดารเิ หน็ วา่ ถงึ เวลาอนั สมควรท่ีจะแก้ไขพระราชบัญญตั ลิ ักษณะปกครองทอ้ งท่ีให้ตรงกับวิธีการปกครองทเี่ ป็นอยู่ทกุ วันน้ี จงึ ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ กไ้ ขพระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองท้องท่ี รตั นโกสินทร ศก ๑๑๖ ของเดิม แห่งใดท่ยี ังใช้ไดใ้ ห้คงไว้ แหง่ ใดที่เก่าเกนิ กว่าวิธีปกครองทกุ วันน้ี ก็แก้ไขใหต้ รงกบั เวลารวบรวมตราเปน็ พระราชบญั ญตั ไิ ว้ สืบไปดงั นี้ หมวดท่ี ๑ วา่ ด้วยนามและการใช้พระราชบญั ญตั ิ มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ ้ีใหเ้ รยี กวา่ “พระราชบญั ญตั ิลกั ษณะปกครองทอ้ งท่ี พระ พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗” มาตรา ๒ พระราชบัญญตั นิ ้ี ต้งั แตว่ ันประกาศแล้วใหใ้ ช้ทว่ั ทกุ มณฑล เวน้ แตใ่ นจงั หวดั กรุงเทพฯ ชนั้ ใน และเมือ่ ใช้พระราชบัญญตั นิ แี้ ล้วใหย้ กเลิกพระราชบัญญัตลิ ักษณะปกครองท้องที่รัตนโกสินทร ศก ๑๑๖ เสีย ใช้พระราชบญั ญตั ิน้ีแทนสืบไป มาตรา ๓ บรรดาพระราชกาหนดกฎหมายแตก่ อ่ น บทใดขอ้ ความขดั กับพระราชบญั ญตั ิน้ี ให้ ยกเลกิ กฎหมายบทน้ันตั้งแต่วนั ท่ีไดใ้ ช้พระราชบญั ญัตนิ ี้ไป การยกเลิกตาแหน่งกานนั ผูใ้ หญบ่ ้าน แพทยป์ ระจาตาบล สารวัตรกานันและผ้ชู ว่ ย ผู้ใหญบ่ ้าน จะกระทามิได้ มาตรา ๔ อานาจหนา้ ท่สี มหุ เทศาภิบาล ซึง่ กล่าวต่อไปในพระราชบัญญัตนิ ี้ สว่ นในมณฑล กรงุ เทพฯ ใหเ้ ปน็ อานาจและหน้าท่ีของเสนาบดกี ระทรวงนครบาล หรอื ขา้ ราชการผใู้ หญ่ในกระทรวงนครบาล

ซ่งึ เสนาบดกี ระทรวงนครบาล จะได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตใหม้ ีอานาจหนา้ ทีเ่ ฉพาะการน้ัน ๆ อีก ประการหนึ่งความทก่ี ล่าวต่อไปในพระราชบญั ญัติน้ี แห่งใดมใี จความว่า สมหุ เทศาภิบาลจะทาได้ด้วยอนมุ ตั ิ ของเสนาบดี ใจความอันนี้ไม่ต้องใช้ ในสว่ นมณฑลกรงุ เทพฯ เพราะหน้าท่สี มหุ เทศาภิบาลและเสนาบดใี นสว่ น มณฑลกรงุ เทพฯ รวมอยใู่ นตาแหน่งเสนาบดกี ระทรวงนครบาล มาตรา ๕ ให้เสนาบดผี ู้บญั ชาการปกครองท้องท่ีมอี านาจทจ่ี ะตงั้ กฎข้อบงั คับ สาหรับจัดการ ใหเ้ ป็นไปตามพระราชบัญญตั ิน้ี ถ้าและกฎนน้ั ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต และประกาศในหนงั สือ ราชกิจจานุเบกษาแลว้ กใ็ ห้ถือวา่ เป็นเหมอื นส่วนหนงึ่ ในพระราชบัญญตั นิ ี้ มาตรา ๖ ในการท่จี ะกาหนดเขตหม่บู ้านและตาบลท้งั ปวงในหวั เมอื งใด ให้ผูว้ ่าราชการเมอื ง นน้ั เม่อื ได้อนมุ ตั ิของสมุหเทศาภบิ าลแล้ว มอี านาจท่จี ะกาหนดได้ และการท่ีจะกาหนดเขตอาเภอน้ันก็ให้ สมุหเทศาภบิ าลมอี านาจทจี่ ะกาหนดได้ เม่อื ได้รับอนมุ ัตขิ องเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแล้ว ฉะนั้น สว่ น มณฑลกรงุ เทพฯ เสนาบดีกระทรวงนครบาลกาหนดไดเ้ ดด็ ขาด หมวดที่ ๒ วา่ ด้วยวิธอี ธบิ ายศพั ท์ทใ่ี ช้ในพระราชบญั ญัติ มาตรา ๗ ศัพทว์ า่ บา้ น และ เจา้ บ้าน ซงึ่ กลา่ วในพระราชบัญญัตินี้ ใหพ้ งึ เข้าใจดังนี้ คอื ขอ้ ๑ ศัพทว์ ่า บา้ นน้ัน หมายความวา่ เรอื นหลังเดยี วกต็ าม หลายหลังก็ตาม ซง่ึ อยู่ในเขตที่มี เจ้าของเป็นอสิ ระส่วนหน่ึงนับในพระราชบัญญัตนิ ว้ี ่า บ้านหน่งึ ห้องแถว และแพ หรือเรือชาซงึ่ จอดประจาอยทู่ ่ี ใด ถา้ มีเจ้าของหรือผเู้ ช่าครอบครองเปน็ อสิ ระตา่ งหากห้องหน่งึ หลังหนึง่ ลาหน่ึง หรอื หมูห่ น่งึ ในเจา้ ของหรอื ผ้เู ช่าคนหนงึ่ นน้ั ก็นบั ว่าบ้านหนึง่ เหมือนกัน ขอ้ ๒ ศัพท์ว่า เจา้ บา้ นนน้ั หมายความว่าผอู้ ยู่ปกครองบา้ น ซึง่ ไดว้ า่ มาแล้วในข้อก่อน จะ ครอบครองดว้ ยเปน็ เจ้าของก็ตาม ด้วยเป็นผเู้ ช่ากต็ าม ด้วยเปน็ ผู้อาศยั โดยชอบด้วยกฎหมายก็ตาม นับตาม พระราชบัญญตั ินี้ว่าเปน็ เจา้ บ้าน ข้อ ๓ วัด โรงพยาบาล โรงทหาร โรงเรียน เรอื นจา ที่ทาการไปรษณีย์ สถานีรถไฟ สถานท่ี ต่าง ๆ ของรัฐบาล อยู่ในความปกครองของหัวหน้าในที่น้ัน ไมน่ ับเป็นบา้ นตามพระราชบัญญัตนิ ้ี หมวดท่ี ๓ วา่ ดว้ ยลักษณะปกครองหม่บู า้ น ตอน ๑ การตัง้ หมูบ่ า้ น

มาตรา ๘ บ้านหลายบ้านอยูใ่ นท้องทีอ่ นั หน่งึ ซง่ึ ควรอยใู่ นความปกครองอนั เดียวกันได้ ให้ จัดเป็นหมู่บ้านหน่งึ ลักษณะที่กาหนดหมบู่ ้านตามพระราชบัญญตั ิน้ี ให้ถอื ความสะดวกแก่การปกครองเปน็ ประมาณ คือ ขอ้ ๑ ถา้ เป็นที่มคี นอยรู่ วมกันมาก ถงึ จานวนบ้านน้อย ใหถ้ ือเอาจานวนคนเป็นสาคัญ ประมาณราว ๒๐๐ คน เป็นหมู่บา้ นหนึ่ง ข้อ ๒ ถ้าเป็นทผ่ี ู้คนตั้งบา้ นเรือนอยหู่ ่างไกลกัน ถงึ จานวนคนจะน้อย ถ้าและจานวนบ้านไมต่ ่า กว่า ๕ บ้านแล้ว จะจัดเป็นหมูบ่ า้ นหนง่ึ กไ็ ด้ ตอน ๒ การแตง่ ต้ังผู้ใหญ่บ้าน ผูช้ ่วยผ้ใู หญ่บ้าน การออกจากตาแหน่งของผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผูใ้ หญ่บ้าน มาตรา ๙ ในหมู่บ้านหนึง่ ใหม้ ผี ้ใู หญ่บา้ นคนหนงึ่ และมีผูช้ ่วยผู้ใหญบ่ า้ นฝ่ายปกครอง หมบู่ ้าน ละสองคน เว้นแตห่ มู่บ้านใดมคี วามจาเปน็ ตอ้ งมมี ากกวา่ สองคน ให้ขออนมุ ตั กิ ระทรวงมหาดไทย ในหมู่บ้านใด ผู้ว่าราชการจงั หวัดเห็นสมควรใหม้ ีผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ ้านฝา่ ยรักษาความสงบ ก็ให้มี ได้ตามจานวนท่กี ระทรวงมหาดไทยจะเหน็ สมควร ผใู้ หญบ่ ้านจะได้รับเงินเดือน แตม่ ใิ ช่จากเงนิ งบประมาณประเภทเงินเดอื น ส่วนผูช้ ่วย ผ้ใู หญบ่ ้านฝา่ ยรักษาความสงบและผชู้ ่วยผใู้ หญบ่ ้านฝา่ ยปกครอง จะได้รับเงินตอบแทนตามที่ กระทรวงมหาดไทยกาหนด มาตรา ๑๐ ผใู้ หญ่บา้ นมอี านาจหน้าท่ปี กครองบรรดาราษฎรทอ่ี ยใู่ นเขตหมูบ่ า้ น มาตรา ๑๑ ราษฎรผมู้ ีสทิ ธเิ ลอื กผู้ใหญ่บา้ นตอ้ งมคี ุณสมบัติและไม่มีลักษณะตอ้ งห้าม ดังตอ่ ไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทยและมีอายไุ ม่ตา่ กวา่ สบิ แปดปีบริบรู ณใ์ นวนั ท่ี ๑ มกราคม ของปที ี่มกี าร เลอื ก (๒) ไม่เปน็ ภกิ ษุ สามเณร นกั พรต หรือนักบวช (๓) ไม่เป็นคนวกิ ลจรติ หรอื จติ ฟ่นั เฟอื นไม่สมประกอบ (๔) มภี มู ิลาเนาหรอื ถิน่ ทีอ่ ยปู่ ระจา และมีช่ือในทะเบยี นบ้านตามกฎหมายว่าดว้ ยการ ทะเบียนราษฎรในหมู่บ้านน้นั ติดตอ่ กันมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ สามเดือนจนถงึ วนั เลือก ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑๒ ผูท้ ่จี ะไดร้ ับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านตอ้ งมีคณุ สมบตั แิ ละไมม่ ีลักษณะต้องหา้ ม (๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกดิ (๒) อายไุ ม่ตา่ กวา่ ยสี่ ิบห้าปบี รบิ ูรณ์ในวนั รบั เลอื ก

(๓) มีภูมิลาเนาหรือถนิ่ ทอี่ ยเู่ ปน็ ประจาและมีชือ่ ในทะเบยี นบา้ นตามกฎหมายวา่ ด้วยการ ทะเบียนราษฎรในหมู่บา้ นนัน้ ติดตอ่ กันมาแลว้ ไม่น้อยกว่าสองปีจนถึงวันเลอื กและเปน็ ผู้ที่ประกอบอาชีพเปน็ หลกั ฐาน (๔) เปน็ ผเู้ ล่อื มใสในการปกครองตามรัฐธรรมนูญด้วยความบรสิ ุทธิ์ใจ (๕) ไม่เป็นภกิ ษุ สามเณร นกั พรต หรือนกั บวช (๖) ไมเ่ ป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏบิ ตั ิหน้าทไ่ี ด้ วกิ ลจริต จิตฟ่นั เฟอื น ไม่ สมประกอบ ตดิ ยาเสพติดใหโ้ ทษ หรอื เป็นโรคตามทรี่ ัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยประกาศกาหนดในราช กิจจานุเบกษา (๗) ไม่เป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรือผู้บรหิ ารทอ้ งถ่นิ ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจา พนักงาน เจา้ หนา้ ท่ี หรือลกู จา้ งของหน่วยงานของรฐั หรอื ของรัฐวสิ าหกจิ หรอื ขององคก์ ร ปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ หรอื ลูกจ้างของส่วนราชการ หรือลูกจา้ งของเอกชนซง่ึ มหี น้าทที่ างานประจา (๘) ไม่เป็นผู้มอี ทิ ธพิ ลหรือเสยี ชอื่ ในทางพาลหรือทางทจุ ริต หรอื เส่ือมเสียในทางศลี ธรรม (๙) ไมเ่ ป็นผเู้ คยถกู ใหอ้ อก ปลดออก หรือไลอ่ อกจากราชการ หน่วยงานของรฐั รฐั วสิ าหกจิ หรือองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น เพราะทุจริตต่อหนา้ ที่ และยังไม่พน้ กาหนดเวลาสบิ ปีนบั แตว่ ันถูกให้ออก ปลดออก หรือไลอ่ อก (๑๐) ไมเ่ ปน็ ผูเ้ คยต้องรับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สดุ เวน้ แต่เป็นโทษสาหรับความผิดท่ี ไดก้ ระทาโดยประมาท หรอื ความผดิ ลหโุ ทษ และยังไมพ่ น้ กาหนดเวลาสิบปนี ับแตว่ ันพน้ โทษ (๑๑) ไมเ่ ป็นผเู้ คยต้องคาพิพากษาถงึ ทีส่ ุดว่ากระทาผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าดว้ ยปา่ ไม้ กฎหมายว่าด้วยปา่ สงวนแห่งชาติ กฎหมายวา่ ด้วยการสงวนและคุม้ ครองสัตวป์ ่า กฎหมายว่าดว้ ยอทุ ยาน แห่งชาติ กฎหมายว่าดว้ ยศุลกากร กฎหมายวา่ ด้วยอาวธุ ปืน เครือ่ งกระสนุ ปนื วตั ถรุ ะเบิด ดอกไมเ้ พลงิ และสิ่ง เทยี มอาวุธปนื ในฐานความผิดเก่ยี วกบั อาวธุ ปนื เคร่อื งกระสุนปนื หรอื วัตถรุ ะเบิดท่ีนายทะเบียนไม่อาจออก ใบอนญุ าตใหไ้ ด้ กฎหมายว่าด้วยท่ดี นิ ในฐานความผดิ เกย่ี วกบั ทีส่ าธารณประโยชน์ กฎหมายวา่ ด้วยยาเสพตดิ กฎหมายว่าดว้ ยการเลอื กต้งั และกฎหมายว่าดว้ ยการพนัน ในฐานความผดิ เปน็ เจา้ มอื หรอื เจ้าสานัก (๑๒) ไมเ่ ปน็ ผ้เู คยถกู ใหอ้ อกจากตาแหน่งตามมาตรา ๑๔ (๖) หรือ (๗) และยังไมพ่ ้น กาหนดเวลาสบิ ปนี บั แตว่ นั ถูกใหอ้ อก (๑๓) ไม่เปน็ ผู้เคยถกู ลงโทษใหอ้ อก ปลดออก หรอื ไลอ่ อกจากตาแหนง่ กานนั ผใู้ หญบ่ า้ น แพทยป์ ระจาตาบล หรือผชู้ ่วยผ้ใู หญบ่ า้ น ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน และยงั ไม่พน้ กาหนดเวลาสิบปีนบั แตว่ ันถูกให้ออก ปลดออก หรอื ไลอ่ อก (๑๔) มพี ้ืนความรู้ไมต่ า่ กวา่ การศึกษาภาคบังคบั หรือทกี่ ระทรวงศกึ ษาธิการเทยี บไม่ตา่ กว่า การศึกษาภาคบังคบั เวน้ แต่ในท้องท่ใี ดไม่อาจเลือกผมู้ ีพ้นื ความรดู้ งั กลา่ วได้ ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดโดยอนุมัติ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาจประกาศในราชกจิ จานเุ บกษายกเวน้ หรอื ผ่อนผันได้ (๑๕) ไม่เปน็ ผู้อยู่ในระหวา่ งเสยี สิทธิในกรณที ่ไี มไ่ ปใช้สทิ ธเิ ลือกต้ังหรอื ถกู เพิกถอนสิทธิ เลือกต้ัง มาตรา ๑๓ การเลอื กผ้ใู หญบ่ ้านตอ้ งเปน็ ไปโดยสจุ ริตและเทีย่ งธรรม และให้กระทาโดยวธิ ลี บั ทัง้ นี้ ตามหลกั เกณฑ์และวิธีการทก่ี ระทรวงมหาดไทยกาหนดโดยประกาศใน ราชกิจจานเุ บกษา

เพื่อประโยชนใ์ นการเลือกผ้ใู หญบ่ ้าน ให้มคี ณะกรรมการคณะหน่ึงซึง่ นายอาเภอแต่งต้ังจาก เจ้าหนา้ ท่ีของรัฐไมเ่ กนิ สามคน และราษฎรผู้มีสิทธิเลือกผ้ใู หญบ่ า้ นในหม่บู ้าน ซงึ่ เป็นท่ยี อมรับนบั ถือของ ราษฎรในหมู่บ้านจานวนไมน่ อ้ ยกว่าสี่คนแตไ่ มเ่ กินเจ็ดคน เพ่ือทาหนา้ ท่ตี รวจสอบคุณสมบตั แิ ละลกั ษณะ ตอ้ งหา้ มของผสู้ มัครรบั เลอื กเปน็ ผู้ใหญบ่ ้าน การแต่งตง้ั กรรมการ วธิ กี ารเลอื กประธานคณะกรรมการ และวิธกี ารตรวจสอบตามวรรคสอง ให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารทีก่ ระทรวงมหาดไทยกาหนดโดยประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เมือ่ ราษฎรส่วนใหญ่เลอื กผู้ใดเป็นผู้ใหญบ่ ้านแล้ว ใหน้ ายอาเภอออกคาส่งั เพือ่ แตง่ ตง้ั และให้ ถือวา่ ผนู้ ้นั เป็นผใู้ หญบ่ า้ นนับแต่วนั ทไี่ ด้รบั แตง่ ต้งั ในกรณีท่ีผูร้ บั เลอื กมีคะแนนเสียงเทา่ กันให้ใช้วิธีจับสลาก ทั้งน้ี เม่ือนายอาเภอไดม้ คี าสงั่ แตง่ ต้ังผู้ใหญบ่ ้านแลว้ ใหร้ ายงานให้ ผู้วา่ ราชการจังหวัดเพื่อออกหนังสือสาคญั ให้ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน ในกรณที ม่ี ีการคดั คา้ นว่าผซู้ งึ่ ได้รบั เลือกเป็นผู้ใหญบ่ า้ นตามวรรคส่ไี ดร้ ับเลอื กมาโดยไมส่ จุ ริต และเท่ยี งธรรม ให้นายอาเภอดาเนินการสอบสวน และถ้าผลการสอบสวนไดค้ วามตามทีม่ ผี ู้คัดค้านให้รายงาน ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดและใหผ้ ู้ว่าราชการจงั หวัดส่งั ใหพ้ ้นจากตาแหน่งโดยเรว็ ท้งั นี้ ภายในเก้าสบิ วันนับแตว่ นั ที่ นายอาเภอมคี าสง่ั แต่งตั้ง การพ้นจากตาแหนง่ ของผู้ใหญบ่ ้านตามวรรคห้า ไม่กระทบกระเทอื นกิจการทผี่ ูใ้ หญ่บ้านได้ กระทาลงไปในขณะทดี่ ารงตาแหน่ง มาตรา ๑๔ ผใู้ หญบ่ า้ นต้องพน้ จากตาแหน่งดว้ ยเหตุใดเหตหุ นง่ึ ดังต่อไปน้ี (๑) มีอายคุ รบหกสบิ ปี (๒) ขาดคณุ สมบตั หิ รือมลี ักษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๑๒ เว้นแตใ่ นกรณีทีไ่ ด้รับอนุญาตจาก ผูว้ ่าราชการจังหวดั ให้ลาอปุ สมบทหรือบรรพชาตามประเพณี มใิ ห้ถอื วา่ มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ (๕) (๓) ตาย (๔) ไดร้ บั อนญุ าตจากนายอาเภอใหล้ าออก (๕) หมู่บ้านที่ปกครองถกู ยุบ (๖) เมือ่ ราษฎรผู้มคี ุณสมบตั แิ ละไมม่ ีลักษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๑๑ ในหมบู่ ้านนน้ั จานวน ไมน่ ้อยกวา่ กงึ่ หนึ่งของราษฎรผูม้ คี ณุ สมบัติและไม่มลี ักษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๑๑ ท้งั หมดเขา้ ชือ่ กนั ขอให้ ออกจากตาแหนง่ ในกรณีเช่นนน้ั ให้นายอาเภอสงั่ ให้พ้นจากตาแหน่ง (๗) ผูว้ า่ ราชการจงั หวัดสงั่ ให้พ้นจากตาแหนง่ เมือ่ ไดร้ ับรายงานการสอบสวนของนายอาเภอ ว่าบกพรอ่ งในหนา้ ที่ หรอื ประพฤตติ นไม่เหมาะสมกับตาแหน่ง (๘) ไปเสยี จากหมบู่ ้านที่ตนปกครองติดตอ่ กันเกินสามเดือน เวน้ แต่เม่อื มเี หตอุ นั สมควรและ ไดร้ ับอนญุ าตจากนายอาเภอ (๙) ขาดการประชมุ ประจาเดอื นของกานัน ผูใ้ หญบ่ า้ นทน่ี ายอาเภอเรยี กประชุมสามครัง้ ตดิ ตอ่ กนั โดยไม่มเี หตอุ นั ควร (๑๐) ถูกปลดออกหรอื ไลอ่ อกจากตาแหน่ง เนื่องจากกระทาความผิดวินัยอย่างรา้ ยแรง (๑๑) ไมผ่ า่ นการประเมนิ ผลการปฏิบตั หิ น้าที่ซึง่ ตอ้ งทาอยา่ งน้อยทกุ หา้ ปีนับแต่วนั ทไี่ ดร้ ับ การแต่งตง้ั ทัง้ น้ี ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารทก่ี ระทรวงมหาดไทยกาหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

ในกรณที ่ผี ้ใู หญ่บ้านพน้ จากตาแหน่งตาม (๖) ให้นายอาเภอรายงานให้ ผู้วา่ ราชการจงั หวัดทราบโดยเรว็ ด้วย หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่กระทรวงมหาดไทยกาหนดตาม (๑๑) ต้องกาหนดใหร้ าษฎรใน หม่บู า้ นมีสว่ นรว่ มในการประเมนิ ผลการปฏิบตั หิ น้าทีข่ องผใู้ หญบ่ า้ นด้วย มาตรา ๑๕ ผใู้ หญบ่ า้ นและกานนั ท้องทีร่ ่วมกันพจิ ารณาคัดเลือกราษฎรซ่งึ มคี ุณสมบัตติ าม มาตรา ๑๖ เป็นผู้ช่วยผ้ใู หญบ่ า้ นฝา่ ยปกครองและผ้ชู ่วยผใู้ หญ่บ้านฝ่ายรกั ษาความสงบ มาตรา ๑๖ ผมู้ ีสิทธิจะได้รับคดั เลอื กเป็นผูช้ ่วยผใู้ หญบ่ ้านฝ่ายปกครอง หรอื ผู้ชว่ ยผ้ใู หญ่บ้าน ฝา่ ยรกั ษาความสงบ ตอ้ งมคี ณุ สมบตั แิ ละไม่มีลกั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๗ เม่ือผู้ใดไดร้ ับคัดเลอื กเป็นผชู้ ว่ ยผูใ้ หญ่บ้านฝา่ ยปกครองหรือผชู้ ว่ ยผูใ้ หญบ่ า้ นฝ่าย รกั ษาความสงบ ให้กานันรายงานไปยงั นายอาเภอเพอ่ื ออกหนงั สอื สาคัญไว้เป็นหลกั ฐาน และใหถ้ อื วา่ ผนู้ น้ั เปน็ ผู้ชว่ ยผู้ใหญบ่ า้ นฝ่ายปกครองหรือผชู้ ว่ ยผใู้ หญ่บ้านฝา่ ยรกั ษาความสงบต้งั แตว่ นั ท่นี ายอาเภอออกหนงั สือสาคัญ มาตรา ๑๗ ทวิ ในหมู่บ้านใดมผี ูช้ ่วยผ้ใู หญ่บ้านฝา่ ยรกั ษาความสงบ ผู้ว่าราชการจงั หวดั จะ แตง่ ต้งั ให้ผู้ช่วยผู้ใหญบ่ า้ นฝ่ายปกครองเป็นผูช้ ่วยผใู้ หญ่บา้ นฝ่ายรักษาความสงบอกี ตาแหน่งหน่งึ ก็ได้ สว่ นเงิน คา่ ตอบแทนให้เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยกาหนด มาตรา ๑๘ ผ้ชู ว่ ยผใู้ หญบ่ ้านฝ่ายปกครองและผ้ชู ว่ ยผ้ใู หญ่บา้ นฝ่ายรกั ษาความสงบอยู่ใน ตาแหนง่ คราวละห้าปี นอกจากออกจากตาแหน่งตามวาระ ผ้ชู ว่ ยผใู้ หญ่บา้ นฝ่ายปกครอง และผ้ชู ่วยผู้ใหญบ่ า้ นฝ่าย รกั ษาความสงบต้องออกจากตาแหน่งเพราะขาดคณุ สมบตั ิ หรือมีลักษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๑๒ หรอื เพราะ เหตเุ ช่นเดียวกบั ที่ผ้ใู หญบ่ า้ นต้องออกจากตาแหน่งตามมาตรา ๑๔ (๒) ถงึ (๗) ถา้ ตาแหนง่ ผ้ชู ว่ ยผ้ใู หญ่บา้ นฝ่ายปกครองหรอื ผูช้ ่วยผูใ้ หญ่บ้านฝ่ายรกั ษาความสงบวา่ งลง ให้ มกี ารคดั เลือกผชู้ ว่ ยผู้ใหญ่บ้านฝา่ ยปกครองหรอื ผู้ช่วยผู้ใหญบ่ ้านฝ่ายรกั ษาความสงบแทน และให้นาความใน มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๗ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม ผ้ซู ่งึ ไดร้ บั คดั เลือกตามวรรคสามอยใู่ นตาแหนง่ ตามวาระของผซู้ ึ่งตนแทน เมอื่ ผใู้ หญ่บา้ นตอ้ งออกจากตาแหน่งไม่ว่าดว้ ยเหตใุ ด ให้ผ้ชู ่วยผูใ้ หญ่บา้ นฝ่ายปกครองและ ผชู้ ว่ ยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรกั ษาความสงบต้องออกจากตาแหน่งดว้ ย มาตรา ๑๙ เมอื่ ปรากฏเหตุอยา่ งใดอย่างหนึง่ ดงั ตอ่ ไปนี้ ใหเ้ ลือกผใู้ หญ่บ้านขนึ้ ใหม่ (๑) กรณที ี่หมูบ่ า้ นใดมจี านวนราษฎรเพมิ่ ขน้ึ ไมว่ า่ ด้วยเหตุใดกต็ าม เมือ่ กานันและผใู้ หญ่บา้ น ในตาบลนั้นปรึกษากันเห็นว่า จานวนราษฎรนน้ั เกินกวา่ ความสามารถของผใู้ หญ่บ้านคนเดียวจะดูแลปกครอง ให้เรียบรอ้ ยได้ ใหก้ านนั รายงานตอ่ นายอาเภอเพ่ือพจิ ารณาและเสนอความเหน็ ไปยังผูว้ า่ ราชการจังหวัด ใน กรณที ่ผี ู้วา่ ราชการจังหวดั เหน็ สมควร ใหต้ ้งั หมบู่ า้ นขึน้ ใหมแ่ ละเลือกผใู้ หญบ่ ้านเพิ่มเติมข้ึนใหม่ได้ (๒) กรณีทผ่ี ใู้ หญบ่ ้านของหม่บู ้านใดวา่ งลง ใหเ้ ลือกผูใ้ หญบ่ า้ นภายในกาหนดสามสบิ วนั นบั แต่วันทผี่ ูใ้ หญ่บ้านของหมบู่ า้ นนัน้ ว่างลง

ในกรณีมคี วามจาเป็นไม่อาจจดั ใหม้ กี ารเลอื กผ้ใู หญบ่ ้านภายในกาหนดตาม (๒) ได้ ให้ผวู้ ่า ราชการจงั หวดั ขยายเวลาออกไปไดเ้ ทา่ ทจ่ี าเปน็ และในระหวา่ งทยี่ งั มิไดม้ กี ารเลอื กผู้ใหญ่บ้าน ผู้ว่าราชการ จังหวัดจะแต่งตั้งผู้ใหญบ่ ้านในตาบลนัน้ คนหนง่ึ เปน็ ผรู้ กั ษาการแทนผู้ใหญ่บ้าน หรือจะแต่งต้ังบุคคลผู้มี คุณสมบัตแิ ละไมม่ ลี กั ษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ เป็นผูร้ ักษาการผู้ใหญบ่ ้านจนกวา่ จะมีการเลอื กผใู้ หญบ่ ้าน ก็ได้ มาตรา ๒๐ เมือ่ ผู้ใหญ่บา้ นต้องออกจากตาแหน่งด้วยเหตุประการใด ๆ เปน็ หน้าทขี่ องกานัน นายตาบลน้ัน จะตอ้ งเรียกหมายต้ังและสามะโนครวั ทะเบยี นบญั ชีที่ได้ทาขึน้ ไว้ในหน้าท่ีผ้ใู หญบ่ ้านน้นั คืนมา รกั ษาไว้ เมอ่ื ผู้ใดรับตาแหน่งเป็นผูใ้ หญ่บา้ นแทน กใ็ ห้มอบสามะโนครวั และทะเบียนบญั ชีทง้ั ปวงให้ แต่หมายตงั้ น้นั กานนั ต้องรบี สง่ ใหก้ รมการอาเภอ อน่งึ การทจ่ี ะเรียกคนื หมายตั้งและสามะโนครวั ทะเบยี นบญั ชีท่ไี ด้กล่าว มาในข้อน้ี ถ้าขดั ข้องประการใด กานนั ต้องรบี แจ้งความตอ่ กรมการอาเภอ มาตรา ๒๑ ถ้าผู้ใหญบ่ ้านคนใดจะทาการในหนา้ ที่ไมไ่ ด้ในครง้ั หน่งึ คราวหน่ึงให้มอบหน้าที่ ให้แกผ่ ู้ช่วยผู้ใหญบ่ า้ นฝา่ ยปกครองคนใดคนหน่ึงเปน็ ผ้รู กั ษาการแทนจนกว่าผใู้ หญบ่ า้ นนั้นจะทาการในหนา้ ที่ ได้ และรายงานใหก้ านนั ทราบ ถา้ การมอบหนา้ ท่ีน้ันเกินกวา่ สิบห้าวนั ให้กานันรายงานให้นายอาเภอทราบ ด้วย ตอน ๓ การตัง้ หมูบ่ า้ นชัว่ คราว มาตรา ๒๒ ถ้าในท้องทีอ่ าเภอใดมรี าษฎรไปตง้ั ชุมนุมทาการหาเล้ียงชีพแต่ในบางฤดู ถา้ และ จานวนราษฎรซึง่ ไปตั้งทาการอยูม่ ากพอสมควรจะจัดเป็นหมบู่ า้ นไดต้ ามพระราชบญั ญัติลกั ษณะปกครองทอ้ งท่ี เพ่อื ความสะดวกแก่การปกครอง กใ็ ห้นายอาเภอประชุมราษฎรในหมู่นัน้ เลอื กวา่ ที่ผู้ใหญ่บ้านคนหนึง่ หรอื หลายคนตามควรแกก่ าหนดที่วา่ ไวใ้ นพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องท่ีน้ี มาตรา ๒๓ ผ้ซู ง่ึ สมควรจะเปน็ ว่าที่ผใู้ หญ่บ้านตามมาตรา ๒๒ ตอ้ งมคี ณุ สมบตั ิและไมม่ ี ลกั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๑๒ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) และ (๑๔) มาตรา ๒๔ ผ้ใู หญบ่ ้านเช่นนี้ ใหเ้ รยี กวา่ ว่าท่ผี ูใ้ หญบ่ ้าน เพราะเหตุท่ีเปน็ ตาแหนง่ ชัว่ ครง้ั หนึง่ คราวหน่งึ แตม่ อี านาจและหน้าท่ีเท่าผู้ใหญบ่ า้ นทกุ ประการ ถ้าราษฎรเลอื กผ้หู นงึ่ ผู้ใดอันสมควรจะวา่ ท่ี ผู้ใหญ่บา้ นได้ ก็ใหร้ ายงานขอหมายตงั้ ต่อผู้วา่ ราชการเมอื ง มาตรา ๒๕ หมายตงั้ ว่าทีผ่ ู้ใหญ่บา้ นน้ี ให้ผู้วา่ ราชการเมอื งทาหมายพิเศษตั้ง เพอื่ ให้ปรากฏว่า ผ้นู ้นั วา่ ท่ีผูใ้ หญ่บา้ นต้ังแตเ่ ดือนนน้ั เพียงเดอื นนนั้ เป็นที่สดุ ตามกาหนดฤดกู าลทีร่ าษฎรจะตงั้ ชมุ นมุ กนั อยู่ในที่ นั้น เม่ือราษฎรอพยพแยกยา้ ยกนั ไปแลว้ กใ็ หเ้ ป็นอนั สิ้นตาแหน่งและหน้าที่ เมอ่ื ถงึ ฤดใู หม่ก็ใหเ้ ลอื กต้ังใหม่อกี ทุกคราวไป

มาตรา ๒๖ หมู่บา้ นท่ีจดั ข้นึ ช่ัวคราวน้ี ใหร้ วมอยู่ในกานนั นายตาบลซ่ึงไดว้ ่ากลา่ วท้องที่น้นั แต่ เดมิ เว้นไว้แต่ถ้าท้องทเ่ี ปน็ ทอ้ งที่ป่าเปลย่ี วหา่ งไกลจากกานนั เมอ่ื มจี านวนคนท่ไี ปตัง้ อย่มู ากผู้ว่าราชการเมือง เห็นจาเป็นจะต้องมีกานนั ขึน้ ตา่ งหาก ก็ใหเ้ ลอื กและต้ังวา่ ท่กี านนั ได้โดยทานองตงั้ ว่าท่ีผู้ใหญบ่ า้ นตามทีไ่ ด้กลา่ ว มาแล้ว ตอน ๔ หนา้ ท่ีและอานาจของผใู้ หญบ่ า้ นและผูช้ ่วยผใู้ หญ่บา้ น มาตรา ๒๗ ผใู้ หญ่บ้านทาหนา้ ท่ีช่วยเหลอื นายอาเภอในการปฏบิ ตั ิหน้าทแ่ี ละเปน็ หัวหนา้ ราษฎรในหมบู่ า้ นของตน และมีอานาจหนา้ ทด่ี ังต่อไปนีด้ ว้ ย (๑) อานวยความเปน็ ธรรมและดแู ลรกั ษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยใหแ้ ก่ราษฎร ในหมบู่ ้าน (๒) สรา้ งความสมานฉันท์และความสามัคคใี หเ้ กิดขึ้นในหมบู่ า้ น รวมทงั้ สง่ เสรมิ วฒั นธรรม และประเพณีในทอ้ งท่ี (๓) ประสานหรอื อานวยความสะดวกแกร่ าษฎรในหมบู่ ้านในการตดิ ต่อหรือรับบรกิ ารกบั สว่ น ราชการ หน่วยงานของรัฐ หรอื องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ (๔) รับฟงั ปัญหาและนาความเดือดร้อน ทกุ ข์สขุ และความตอ้ งการทจี่ าเปน็ ของราษฎรใน หมูบ่ ้าน แจง้ ต่อสว่ นราชการ หนว่ ยงานของรัฐ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ หรือองคก์ รอน่ื ที่เกย่ี วขอ้ ง เพ่ือให้ การแกไ้ ขหรือช่วยเหลอื (๕) ใหก้ ารสนบั สนุน สง่ เสรมิ และอานวยความสะดวกในการปฏบิ ัติหนา้ ทหี่ รือการให้บรกิ าร ของสว่ นราชการ หน่วยงานของรฐั หรอื องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ (๖) ควบคุมดแู ลราษฎรในหมู่บา้ นให้ปฏิบตั ใิ ห้เปน็ ไปตามกฎหมายหรอื ระเบยี บแบบแผนของ ทางราชการ โดยกระทาตนให้เป็นตัวอยา่ งแกร่ าษฎรตามทท่ี างราชการไดแ้ นะนา (๗) อบรมหรือช้แี จงใหร้ าษฎรมีความรคู้ วามเขา้ ใจในข้อราชการ กฎหมาย หรอื ระเบยี บแบบ แผนของทางราชการ ในการนี้ สามารถเรยี กราษฎรมาประชุมได้ตามสมควร (๘) แจ้งใหร้ าษฎรให้ความชว่ ยเหลอื ในกจิ การสาธารณประโยชนเ์ พือ่ บาบดั ปัดป้องภยันตราย สาธารณะอนั มมี าโดยฉกุ เฉนิ รวมตลอดท้ังการชว่ ยเหลอื บรรเทาทกุ ข์แกผ่ ู้ประสบภัย (๙) จดั ให้มกี ารประชุมราษฎรและคณะกรรมการหม่บู ้านเป็นประจาอยา่ งนอ้ ยเดอื นละหนงึ่ ครั้ง (๑๐) ปฏิบัติตามคาส่ังของกานนั หรือทางราชการและรายงานเหตุการณ์ท่ไี ม่ปกติซง่ึ เกดิ ขนึ้ ใน หมบู่ า้ นใหก้ านันทราบ พรอ้ มทั้งรายงานต่อนายอาเภอดว้ ย (๑๑) ปฏิบัติตามภารกิจหรืองานอนื่ ตามกฎหมายหรือระเบยี บแบบแผนของทางราชการหรือ ตามที่กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานอน่ื ของรฐั ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอาเภอมอบหมาย มาตรา ๒๘ ผูใ้ หญ่บา้ นมีหนา้ ทีแ่ ละอานาจในการท่เี ก่ียวด้วยความอาญาดงั ตอ่ ไปน้ี คอื ข้อ ๑ เมือ่ ทราบข่าววา่ มกี ารกระทาผิดกฎหมาย เกิดข้นึ หรือสงสยั ว่าไดเ้ กดิ ข้นึ ในหมบู่ า้ นของ ตน ตอ้ งแจ้งความต่อกานนั นายตาบลใหท้ ราบ

ขอ้ ๒ เมื่อทราบข่าววา่ มกี ารกระทาผิดกฎหมายเกดิ ขน้ึ หรอื สงสัยว่าได้เกิดขน้ึ ในหมู่บ้านท่ี ใกล้เคยี ง ตอ้ งแจ้งความต่อผใู้ หญบ่ ้านหมู่บา้ นน้นั ใหท้ ราบ ข้อ ๓ เม่อื ตรวจพบของกลางทีผ่ ทู้ ่กี ระทาผดิ กฎหมายมอี ย่กู ด็ ี หรอื ส่ิงของทสี่ งสยั วา่ ไดม้ าโดย การกระทาผดิ กฎหมาย หรอื เป็นสิ่งของสาหรับใช้ในการกระทาผิดกฎหมายก็ดี ให้จับสงิ่ ของนัน้ ไว้และรบี นาส่ง ต่อกานันนายตาบล ขอ้ ๔ เมอื่ ปรากฏวา่ ผู้ใดกาลงั กระทาผิดกฎหมายกด็ ี หรอื มเี หตุควรสงสัยว่า เปน็ ผูท้ ไ่ี ด้กระทา ผิดกฎหมายกด็ ี ให้จับตัวผู้น้ันไว้และรีบนาส่งตอ่ กานันนายตาบล ข้อ ๕ ถา้ มีหมายหรอื มคี าสัง่ ตามหน้าทร่ี าชการ ใหจ้ ับผ้ใู ดในหมู่บา้ นน้นั เป็นหนา้ ทขี่ อง ผูใ้ หญ่บา้ นที่จะจับผู้น้นั และรีบส่งต่อกานัน หรือกรมการอาเภอตามสมควร ขอ้ ๖ เม่ือเจา้ พนักงานผมู้ หี นา้ ทอี่ อกหมายสงั่ ให้ค้น หรือให้ยดึ ผใู้ หญ่บ้านต้องจัดการให้ เปน็ ไปตามหมาย มาตรา ๒๘ ทวิ ผูช้ ่วยผใู้ หญบ่ า้ นฝา่ ยปกครองมีอานาจหน้าท่ดี งั ตอ่ ไปน้ี (๑) ชว่ ยเหลือผ้ใู หญ่บ้านปฏิบัตกิ จิ การตามอานาจหนา้ ท่ีของผูใ้ หญบ่ ้านเทา่ ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย จากผูใ้ หญบ่ า้ นให้กระทา (๒) เสนอข้อแนะนาและใหค้ าปรึกษาตอ่ ผูใ้ หญ่บา้ นในกิจการทผี่ ู้ใหญบ่ ้านมีอานาจหนา้ ท่ี ผู้ช่วยผู้ใหญบ่ า้ นฝา่ ยรักษาความสงบมีอานาจหนา้ ที่ดังต่อไปน้ี (๑) ตรวจตรารักษาความสงบเรียบรอ้ ยภายในหมู่บา้ น (๒) ถ้ารู้เหน็ หรอื ทราบวา่ เหตกุ ารณอ์ ันใดเกิดขึ้นหรือจะเกดิ ขนึ้ ในหม่บู า้ นเก่ยี วกบั ความสงบ เรยี บรอ้ ย ใหน้ าความแจ้งต่อผใู้ หญบ่ ้าน ถ้าเหตกุ ารณต์ ามวรรคหนึง่ เกดิ ขน้ึ หรอื จะเกิดขนึ้ ในหมูบ่ า้ นใกลเ้ คยี ง ให้นาความแจ้งตอ่ ผใู้ หญบ่ ้านท้องท่ีนน้ั และรายงานใหผ้ ใู้ หญบ่ ้านของตนทราบ (๓) ถ้ามคี นจรเขา้ มาในหมู่บา้ นและสงสยั ว่าไมไ่ ด้มาโดยสุจรติ ให้นาตวั ส่งผู้ใหญ่บา้ น (๔) เม่ือมีเหตรุ ้ายเกดิ ขึน้ ในหมบู่ ้าน ตอ้ งระงับเหตปุ ราบปราม ติดตามจบั ผู้ร้ายโดยเต็มกาลัง (๕) เมอื่ ตรวจพบหรือตามจบั ได้สิ่งของใดท่ีมไี ว้เปน็ ความผดิ หรือได้ใชห้ รือมีไว้เพอื่ ใช้ในการ กระทาความผิดหรอื ไดม้ าโดยการกระทาความผิด ใหร้ บี นาส่งผูใ้ หญ่บา้ น (๖) เมื่อมีเหตอุ ันควรสงสยั ว่าผูใ้ ดไดก้ ระทาความผดิ และกาลงั จะหลบหนใี หค้ วบคมุ ตวั สง่ ผใู้ หญ่บ้าน (๗) ปฏิบตั ติ ามคาส่งั ของผใู้ หญบ่ ้าน ซงึ่ สง่ั การโดยชอบด้วยกฎหมาย มาตรา ๒๘ ตรี ในหมู่บ้านหน่ึงให้มีคณะกรรมการหมู่บา้ นประกอบดว้ ย ผใู้ หญบ่ ้านเปน็ ประธาน ผูช้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ทม่ี ภี ูมิลาเนาในหมู่บ้าน ผ้นู าหรอื ผู้แทนกลุม่ หรอื องค์กรในหม่บู า้ น เปน็ กรรมการหมู่บ้านโดยตาแหนง่ และกรรมการหม่บู ้านผทู้ รงคณุ วุฒซิ ง่ึ นายอาเภอ แต่งตั้งจากผซู้ ึง่ ราษฎรในหมูบ่ ้านเลอื กเปน็ กรรมการหมบู่ า้ นผูท้ รงคณุ วุฒิจานวนไมน่ ้อยกว่าสองคนแต่ไม่เกนิ สิบคน คณะกรรมการหมูบ่ ้านมหี น้าท่ีช่วยเหลอื แนะนา และให้คาปรกึ ษาแก่ผใู้ หญ่บ้าน เกี่ยวกบั กิจการอันเป็นอานาจหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน และปฏบิ ัติหน้าที่อน่ื ตามกฎหมาย หรอื ระเบียบแบบแผนของทาง ราชการ หรือที่นายอาเภอมอบหมาย หรอื ท่ผี ใู้ หญ่บา้ นรอ้ งขอ

ให้คณะกรรมการหมู่บา้ นเป็นองค์กรหลกั ที่รับผดิ ชอบในการบูรณาการจัดทาแผนพัฒนา หมู่บา้ น และบรหิ ารจดั การกิจกรรมทดี่ าเนนิ งานในหมบู่ า้ นรว่ มกบั องค์กรอื่นทกุ ภาคส่วน ผูน้ าหรือผู้แทนกลุม่ หรอื องคก์ รใดจะมสี ิทธเิ ปน็ กรรมการหมูบ่ ้านตามวรรคหนึ่ง ใหเ้ ปน็ ไปตาม หลกั เกณฑท์ ีก่ ระทรวงมหาดไทยกาหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา กรรมการหมบู่ า้ นผู้ทรงคุณวุฒติ ้องมคี ณุ สมบตั ิเช่นเดียวกบั ผู้มีสิทธเิ ลอื กผใู้ หญ่บา้ น วธิ ีการเลือกและการแต่งตั้ง วาระการดารงตาแหน่ง และการพ้นจากตาแหนง่ ของกรรมการ ผูท้ รงคุณวุฒิ และการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี การประชมุ และการวินจิ ฉยั ชข้ี าด ของคณะกรรมการหมู่บ้านให้เปน็ ไปตาม หลกั เกณฑ์และวธิ ีการท่กี ระทรวงมหาดไทยกาหนดโดยประกาศใน ราชกิจจานเุ บกษา ค่าใช้จา่ ยในการจดั ประชมุ คณะกรรมการหมู่บา้ น ให้กระทรวงมหาดไทยจา่ ยเป็นเงินอุดหนนุ ใหต้ ามหลกั เกณฑ์ทก่ี ระทรวงมหาดไทยกาหนด โดยความเหน็ ชอบของกระทรวงการคลงั มาตรา ๒๘ จตั วา ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีเก่ียวกบั การรักษาความสงบเรียบร้อย ใหผ้ ใู้ หญ่บา้ น และผูช้ ่วยผู้ใหญบ่ า้ นฝา่ ยรักษาความสงบใช้อาวุธปืนของทางราชการได้ การเกบ็ รกั ษาและการใชอ้ าวุธปืนให้เปน็ ไปตามข้อบงั คบั ของกระทรวงมหาดไทย หมวดท่ี ๔ วา่ ดว้ ยลกั ษณะปกครองตาบล ตอน ๑ การตงั้ ตาบล มาตรา ๒๙ หลายหมบู่ า้ นรวมกันราว ๒๐ หมู่บ้าน ให้จดั เปน็ ตาบลหนึ่ง และเมอ่ื สมุหเทศาภบิ าลเห็นชอบดว้ ยแลว้ ให้ผูว้ ่าราชการเมืองกาหนดหมายเขตตาบลนั้นใหท้ ราบได้ โดยชดั วา่ เพยี งใด ทกุ ด้าน ถ้าที่หมายเขตไมม่ ีลาหว้ ย ,หนอง,คลอง,บึง,บางหรือสงิ่ ใดเป็นสาคัญ ก็ใหจ้ ดั ใหม้ ีหลกั ปกั หมายเขตไว้ เปน็ สาคัญ มาตรา ๒๙ ทวิ ในตาบลหน่งึ ใหม้ กี านันคนหนึง่ มอี านาจหน้าที่ปกครองราษฎรทีอ่ ยใู่ นเขต ตาบลนนั้ กานนั จะไดร้ บั เงนิ เดือนแต่มิใชจ่ ากเงินงบประมาณประเภทเงินเดอื น ในตาบลหนึง่ ใหม้ คี ณะกรรมการตาบลคณะหนึ่ง มีหน้าท่เี สนอขอ้ แนะนาและให้คาปรกึ ษาตอ่ กานัน เก่ียวกับกจิ การท่ีจะปฏบิ ัตติ ามอานาจหนา้ ท่ีของกานัน คณะกรรมการตาบลประกอบด้วยกานันทอ้ งท่ี ผใู้ หญบ่ ้านทุกหมบู่ า้ นในตาบลและแพทย์ ประจาตาบล เปน็ กรรมการตาบลโดยตาแหนง่ และครปู ระชาบาลในตาบลหน่งึ คน กรรมการหมบู่ า้ น ผทู้ รงคณุ วุฒหิ ม่บู ้านละหนึง่ คน เปน็ กรรมการตาบลผู้ทรงคณุ วุฒิ โดยนายอาเภอเปน็ ผู้คัดเลอื กแลว้ รายงานไป ยงั ผวู้ ่าราชการจังหวดั เพอ่ื ออกหนงั สอื สาคัญใหไ้ ว้เป็นหลกั ฐานและให้ถอื ว่าผูน้ ้นั เปน็ กรรมการตาบล ผู้ทรงคณุ วฒุ ติ ้งั แต่วนั ที่ผู้ว่าราชการจงั หวัดออกหนงั สอื สาคัญ

กรรมการตาบลผู้ทรงคุณวุฒอิ ยู่ในตาแหน่งคราวละหา้ ปี นอกจากออกจากตาแหนง่ ตามวาระ กรรมการตาบลผู้ทรงคณุ วุฒติ ้องออกจากตาแหนง่ เพราะพ้นจากตาแหน่งครปู ระชาบาลหรือกรรมการหมบู่ ้านผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ถา้ ตาแหน่งกรรมการตาบลผทู้ รงคณุ วุฒวิ ่างลง ใหม้ กี ารคัดเลือกขึ้นแทนให้เต็มตาแหน่งท่ีวา่ ง และให้อยู่ในตาแหน่งตามวาระของผูซ้ ึ่งตนแทน การคดั เลือกกรรมการตาบลผ้ทู รงคุณวุฒิข้นึ แทนตาแหน่งที่วา่ ง ใหก้ ระทาภายในหกสบิ วนั นับ แต่วนั ทตี่ าแหนง่ นั้นว่าง ถ้าตาแหนง่ นน้ั วา่ งลงก่อนถึงกาหนดออกตามวาระไมเ่ กินหนึ่งรอ้ ยแปดสบิ วัน จะไม่ คดั เลือกขึ้นแทนกไ็ ด้ มาตรา ๒๙ ตรี ในการประชุมคณะกรรมการตาบลตอ้ งมีกรรมการตาบลมาประชมุ ไม่นอ้ ย กว่ากึ่งจานวน จงึ จะเป็นองค์ประชุม ให้กานันเป็นประธาน การวนิ จิ ฉัยช้ขี าดใหถ้ ือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนน เสยี งเท่ากัน ใหป้ ระธานออกเสียงอีกเสียงหนง่ึ เป็นเสียงชข้ี าด ตอน ๒ การตั้งกานนั และกานนั ออกจากตาแหนง่ มาตรา ๓๐ ใหน้ ายอาเภอเปน็ ประธานประชมุ ผใู้ หญ่บ้านในตาบลน้ัน เพ่อื ปรกึ ษาหารือ คดั เลือกผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในตาบลนั้นขึ้นเป็นกานนั เมอ่ื ผู้ใหญบ่ ้านทม่ี าประชมุ เห็นชอบคดั เลือกผู้ใดแล้วให้ นายอาเภอคัดเลอื กผนู้ ้ันเป็นกานนั ในกรณที ี่มผี ู้สมควรไดร้ บั การคดั เลอื กเปน็ กานันมากกว่าหนง่ึ คน ให้นายอาเภอจดั ใหม้ กี าร ออกเสียงลงคะแนน เมอ่ื ผู้ใหญบ่ ้านคนใดได้รบั คะแนนสูงสดุ ใหน้ ายอาเภอคัดเลอื กผนู้ ้นั เปน็ กานนั ในกรณที ่ี ได้รบั คะแนนเทา่ กัน ใหใ้ ช้วธิ ีจับสลาก การลงคะแนนตอ้ งเปน็ ไปโดยสจุ รติ และเทยี่ งธรรม และใหก้ ระทาโดยวธิ ลี บั ตามหลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารท่ีกระทรวงมหาดไทยกาหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เมอ่ื คัดเลือกผู้ใดเปน็ กานันตามวรรคหน่งึ หรอื วรรคสองแล้ว ให้นายอาเภอรายงานไปยงั ผวู้ ่า ราชการจังหวดั เพื่อออกหนงั สอื สาคญั ใหไ้ วเ้ ป็นหลักฐาน การประชมุ ผู้ใหญ่บ้านตามวรรคหน่งึ ตอ้ งมีผู้ใหญบ่ า้ นมาประชมุ ไมน่ อ้ ยกวา่ กง่ึ หน่งึ ของจานวน ผ้ใู หญ่บา้ นทงั้ หมดทม่ี อี ยู่ในตาบลนนั้ จงึ เป็นองคป์ ระชุม ใหน้ าบทบญั ญตั ิในวรรคหา้ และวรรคหกของมาตรา ๑๓ มาใชบ้ ังคับกบั การเลอื กกานันดว้ ย โดยอนโุ ลม มาตรา ๓๑ กานันต้องออกจากตาแหนง่ ดว้ ยเหตุใดเหตุหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) เมอ่ื ต้องออกจากผูใ้ หญบ่ ้าน (๒) ได้รบั อนญุ าตให้ลาออก (๓) ยุบตาบลท่ปี กครอง (๔) เมอื่ ขา้ หลวงประจาจงั หวัดสัง่ ใหอ้ อกจากตาแหนง่ เพราะพจิ ารณาเหน็ ว่าบกพรอ่ งในทาง ความประพฤติ หรือความสามารถไม่พอแกต่ าแหนง่

(๕) ต้องถูกปลดหรอื ไล่ออกจากตาแหน่ง การออกจากตาแหนง่ กานนั นัน้ ใหอ้ อกจากตาแหนง่ ผู้ใหญ่บ้านดว้ ย เวน้ แตก่ ารออกตาม (๒) (๓) และ (๔) ไม่ตอ้ งออกจากตาแหน่งผใู้ หญ่บ้าน มาตรา ๓๒ ในกรณที ีต่ าแหนง่ กานนั ว่างลง ให้คดั เลอื กกานนั ขึ้นใหมภ่ ายในกาหนดเวลาสสี่ ิบ ห้าวันนบั แตว่ นั ทน่ี ายอาเภอไดท้ ราบการวา่ งนนั้ หากมีความจาเป็นไมอ่ าจจัดใหม้ ีการคัดเลอื กกานนั ภายในกาหนดตามวรรคหน่งึ ได้ ใหผ้ ้วู า่ ราชการจังหวัดขยายเวลาออกไปไดเ้ ท่าท่จี าเปน็ และในระหวา่ งท่ยี งั มไิ ด้มกี ารเลือกกานนั ผวู้ า่ ราชการจงั หวัด จะแตง่ ตัง้ บคุ คลผ้มู ีคุณสมบัติและไมม่ ลี กั ษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๑๒ เป็นผูร้ ักษาการกานนั จนกว่าจะมีการ คัดเลือกกานนั กไ็ ด้ มาตรา ๓๓ ถา้ กานนั ทาการในหน้าทีไ่ มไ่ ด้ ในชั่วคราวเวลาใด เช่นไปทางไกลเป็นตน้ ให้มอบ อานาจและหน้าท่ีไว้แก่ผใู้ หญบ่ า้ นคนใดคนหนง่ึ ซึ่งอยูใ่ นตาบลเดียวกันให้ทาการแทน และให้ผูแ้ ทนนี้มอี านาจ เตม็ ทใ่ี นตาแหน่งกานนั แตก่ ารท่กี านนั จะมอบหมายหน้าทใี่ หแ้ ก่ผู้ใหญ่บ้านทาการแทนเชน่ นี้ ใหบ้ อก ผใู้ หญ่บา้ นทั้งหลายในตาบลเดียวกนั และบอกกรมการอาเภอให้ทราบไวด้ ว้ ย ตอน ๓ หน้าทแี่ ละอานาจของกานัน มาตรา ๓๔ บรรดาการท่จี ะตรวจตรารกั ษาความปกตเิ รียบรอ้ ยในตาบล คอื การท่ีจะวา่ กลา่ ว ราษฎรในตาบลนั้น ให้ประพฤติตามพระราชกาหนดกฎหมายก็ดี หรอื การทจ่ี ะปอ้ งกนั ภยนั ตรายและรักษา ความสุขสาราญของราษฎรในตาบลนน้ั ก็ดี หรือการทจี่ ะรบั กจิ สุขทกุ ข์ของราษฎรในตาบลน้นั ขึ้นร้องเรยี นตอ่ ผู้ว่าราชการเมอื ง กรมการอาเภอ และจะรบั ข้อราชการมาประกาศแกร่ าษฎรในตาบลน้ันกด็ ีหรอื ทีจ่ ะจัดการ ตามพระราชกาหนด กฎหมาย เช่นการตรวจและนาเก็บภาษอี ากรในตาบลนั้นกด็ ี การทง้ั นีอ้ ยูใ่ นหนา้ ทีข่ อง กานนั ผ้เู ป็นนายตาบล ผ้ใู หญ่บ้านทงั้ ปวงในตาบลน้นั และแพทยป์ ระจาตาบลจะต้องชว่ ยกันเอาเป็นธรุ ะจดั การ ให้เรยี บรอ้ ยได้ตามสมควรแกห่ นา้ ที่ มาตรา ๓๔ ทวิ นอกจากอานาจหน้าทที่ ่กี ลา่ วโดยเฉพาะใหเ้ ป็นอานาจหน้าทขี่ องกานัน ให้ กานนั มีอานาจหนา้ ทเี่ ช่นเดยี วกบั ผใู้ หญบ่ ้านด้วย มาตรา ๓๕ กานันมหี น้าท่แี ละอานาจในการทเี่ กย่ี วด้วยความอาญาดังตอ่ ไปน้ี คือ ขอ้ ๑ เม่อื ทราบข่าววา่ มกี ารกระทาผิดกฎหมายเกดิ ขน้ึ หรือสงสัยว่าไดเ้ กิดข้ึนในตาบลของ ตน ตอ้ งแจ้งความต่อกรมการอาเภอให้ทราบ ขอ้ ๒ เมอื่ ทราบข่าวว่ามีการกระทาผดิ กฎหมายเกิดข้นึ หรอื สงสยั วา่ ไดเ้ กิดขึ้นในตาบลท่ี ใกล้เคยี งต้องแจ้งความต่อกานนั นายตาบลนั้นให้ทราบ ขอ้ ๓ เม่อื ปรากฏว่า ผู้ใดกาลงั กระทาผิดกฎหมายก็ดี หรอื มเี หตคุ วรสงสยั วา่ เป็นผทู้ ไ่ี ด้กระทา ผิดกฎหมายกด็ ี ให้จบั ผ้นู ้นั ไว้ และรีบนาสง่ ตอ่ กรมการอาเภอ

ขอ้ ๔ ถา้ มีหมายหรอื มีคาส่ังตามหน้าท่ีราชการให้จับผใู้ ดในตาบลนั้น เป็นหน้าท่ขี องกานันที่ จะจับผ้นู ้นั แล้วรีบสง่ ตอ่ กรมการอาเภอตามสมควร ข้อ ๕ เมื่อเจ้าพนกั งานผู้มีหน้าทอ่ี อกหมายส่ังให้คน้ หรือใหย้ ึด กานันตอ้ งจดั การให้เป็นไปตาม หมาย ขอ้ ๖ ถา้ มผี ูม้ าขออายัดตัวคนหรือส่งิ ของกด็ ีหรอื ผ้ตู อ้ งโจรกรรม จะทากฎหมายตราสิน หรือ มีผู้จะขอทาชนั สูตรบาดแผลก็ดี ท้งั น้ีให้กานนั สบื สวนฟงั ขอ้ ความแลว้ รบี นาตวั ผู้ขอและผ้ตู อ้ งอายัด และทรัพย์ ส่ิงของบรรดาท่จี ะพาไปดว้ ยน้นั ไปยังกรมการอาเภอ ถา้ สง่ิ ของอยา่ งใดจะพาไปไมไ่ ด้ ก็ให้กานนั ชันสตู รให้รูเ้ ห็น แล้วนาความไปแจง้ ต่อกรมการอาเภอในขณะนั้น มาตรา ๓๖ ถา้ กานนั รู้เห็นเหตทุ กุ ข์รอ้ นของราษฎร หรือการแปลกประหลาดเกดิ ขึน้ ในตาบล ต้องรีบรายงานต่อกรมการอาเภอให้ทราบ มาตรา ๓๗ ถ้าเกดิ จลาจลกด็ ี ฆ่ากนั ตายก็ดี ชงิ ทรพั ย์ก็ดี ปลน้ ทรพั ย์กด็ ี ไฟไหม้กด็ ี หรอื เหตรุ ้ายสาคัญอยา่ งใด ๆ ในตาบลของตน หรือในตาบลทใ่ี กลเ้ คยี งอันสมควรจะชว่ ยไดก้ ็ดี หรอื มีผ้รู า้ ยแต่ท่ีอน่ื มาม่วั สมุ ในตาบลนนั้ กด็ ี หรือมีเหตุควรสงสัยวา่ ลูกบ้านในตาบลน้นั บางคนจะเกี่ยวข้องเป็นโจรผู้ร้ายก็ดี เปน็ หน้าท่ขี องกานนั จะตอ้ งเรียกผูใ้ หญ่บ้านและลกู บา้ นในตาบลออกช่วยต่อสู้ตดิ ตามจับผรู้ า้ ยหรอื ติดตามเอาของ กลางคนื หรอื ดบั ไฟ หรือชว่ ยอย่างอน่ื ตามควรแก่การโดยเตม็ กาลงั มาตรา ๓๘ ให้กานันดูแลคนเดนิ ทาง ซ่ึงไม่มีเหตุควรสงสัยวา่ จะเปน็ ผู้ร้าย ให้ได้มีทพ่ี ักตาม ควร มาตรา ๓๙ ถา้ ผู้เดนิ ทางดว้ ยราชการจะต้องการคนนาทาง หรือขาดแคลนพาหนะเสบยี ง อาหารลงในระหว่างทาง และจะร้องขอตอ่ กานันให้ชว่ ยสงเคราะห์ กานันตอ้ งช่วยจดั หาใหต้ ามทจี่ ะทาได้ ถา้ หากวา่ การทจ่ี ะช่วยเหลอื นัน้ จะตอ้ งออกราคาคา่ จ้างเพียงใด ให้กานนั เรียกเอาแก่ผเู้ ดินทางนน้ั มาตรา ๔๐ กานนั ต้องรว่ มมอื และช่วยเหลือนายอาเภอและองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ใน การดูแลรกั ษาและคุม้ ครองปอ้ งกนั ที่ดินอันเปน็ สาธารณสมบตั ิของแผ่นดิน และสิ่งซึง่ เป็นสาธารณประโยชน์อนื่ อันอยูใ่ นตาบลนัน้ มาตรา ๔๑ กานันต้องรกั ษาบญั ชีสามะโนครวั และทะเบียนบญั ชขี องรัฐบาลในตาบลนั้น และคอยแกไ้ ขเพิ่มเติมให้ถูกต้องกบั บญั ชีของผ้ใู หญ่บา้ น มาตรา ๔๒ กานันต้องทาบัญชสี ิง่ ของ ซงึ่ ตอ้ งภาษีอากรในแขวงนนั้ ยน่ื ต่อกรมการอาเภอและ นาราษฎรไปเสยี ภาษีอากรตามพระราชบญั ญัตภิ าษอี ากร มาตรา ๔๓ กานันกระทาการตามหน้าท่จี ะเรียกผใู้ ดมาหารอื ใหช้ ว่ ยก็ได้

มาตรา ๔๔ ในตาบลหน่ึง ให้มีสารวัตรสาหรับเป็นผ้ชู ว่ ยและรบั ใชส้ อยของกานนั ๒ คน ผทู้ ี่ จะเปน็ สารวัตรนี้แล้วแต่กานันจะขอรอ้ งให้ผูใ้ ดเป็น แต่ต้องไดร้ บั ความเห็นชอบของผู้วา่ ราชการเมืองดว้ ยจึง เปน็ ได้ และกานันมีอานาจเปลยี่ นสารวัตรได้ ตอน ๔ แพทย์ประจาตาบล การตงั้ และหน้าที่ มาตรา ๔๕ ในตาบล ๑ ใหก้ านันและผใู้ หญ่บา้ นประชมุ พรอ้ มกนั เลือกผู้ทม่ี ีความร้ใู นวชิ า แพทย์ เปน็ แพทยป์ ระจาตาบลคน ๑ สาหรบั จดั การปอ้ งกนั ความไข้เจ็บของราษฎรในตาบลนนั้ มาตรา ๔๖ การแตง่ ตั้งแพทยป์ ระจาตาบล ใหข้ ้าหลวงประจาจงั หวดั แตง่ ตง้ั จากบคุ คลผูม้ ี สัญชาติไทย และตอ้ งแต่งต้งั จากผ้ทู ม่ี ถี น่ิ ท่ีอยู่ในตาบลนน้ั เว้นแต่ผู้ทเี่ ปน็ แพทยป์ ระจาตาบลทใ่ี กล้เคยี งกนั อยู่ แล้ว และยอมกระทาการรวมเปน็ สองตาบล ถา้ ขา้ หลวงประจาจงั หวดั เหน็ สมควรก็แตง่ ต้งั ได้ มาตรา ๔๗ เหตุท่แี พทยป์ ระจาตาบลจะตอ้ งออกจากตาแหนง่ น้นั เหมือนกับเหตทุ ่ีกานัน จะต้องออกจากตาแหน่งทุกประการ มาตรา ๔๘ แพทย์ประจาตาบล มีหน้าท่ดี ังกล่าวต่อไปนี้ คอื ข้อ ๑ ทจ่ี ะชว่ ยกานนั ผใู้ หญ่บา้ นคิดอ่านและจัดการรักษาความสงบเรียบร้อยใน ตาบล ดังกล่าวไวใ้ นมาตรา ๓๖ และ ๕๒ แห่งพระราชบัญญัติน้ี ขอ้ ๒ ที่จะคอยสงั เกตตรวจตราความไข้เจบ็ ทเ่ี กดิ ขน้ึ แก่ราษฎรในตาบลนัน้ และตาบลที่ ใกล้เคยี ง ถา้ เกดิ โรคภัยรา้ ยแรงเชน่ อหวิ าตกโรคก็ดี กาฬโรคกด็ ี ไข้ทรพิษก็ดี ต้องคดิ ป้องกนั ด้วยแนะนากานนั ผู้ใหญบ่ า้ นให้สง่ั ราษฎรใหจ้ ดั การปอ้ งกันโรคเช่นทาความสะอาดเป็นต้น และแพทยป์ ระจาตาบลตอ้ งเทย่ี วตรวจ ตราช้แี จงแกร่ าษฎรด้วย ข้อ ๓ การป้องกนั โรคภัยในตาบลนนั้ เชน่ ปลูกทรพิศม์ ปอ้ งกันไข้ทรพษิ กด็ ี ท่ีจะมยี าแก้โรค ไวส้ าหรับตาบลก็ดี ดแู ลอย่าให้ในตาบลนั้นมสี งิ่ โสโครกอันเปน็ เช้ือโรคกด็ ี การเหลา่ น้ีอยู่ในหนา้ ท่ีแพทยป์ ระจา ตาบล ๆ จะตอ้ งคดิ อ่านกับแพทยป์ ระจาเมือง และกานนั ผู้ใหญบ่ า้ นในตาบลน้นั ใหส้ าเรจ็ ตลอดไป ข้อ ๔ ถา้ โรคภยั รา้ ยกาจ เชน่ อหวิ าตกโรค กาฬโรค ไข้ทรพษิ โรคระบาดปศสุ ตั ว์ เกิดขึน้ ใน ตาบลน้นั แพทย์ประจาตาบลต้องรบี รายงานยังกรมการอาเภอ ให้ทราบโดยทนั ที และตอ่ ไปเนือง ๆ จนกว่าจะ สงบโรค มาตรา ๔๙ แพทยป์ ระจาตาบลมีสังกดั ขึ้นอยู่ในแพทย์ประจาเมอื ง แพทย์ประจาเมอื งมหี น้าที่ จะต้องตรวจตราแนะนาการงานในหนา้ ทแี่ พทย์ประจาตาบลในเมอื งน้นั ท่วั ไป ตอน ๕ การประชุมกานนั ผูใ้ หญบ่ า้ น กรรมการตาบล กรรมการหมบู่ า้ น แพทยป์ ระจาตาบล

และวนิ ัยของกานัน ผู้ใหญ่บา้ น แพทยป์ ระจาตาบล และผชู้ ว่ ยผู้ใหญ่บ้าน มาตรา ๕๐ เมอ่ื กานันเห็นวา่ มกี ารอนั ใดเนอ่ื งในการรกั ษาความปกติเรยี บร้อยในตาบลสมควร จะปรึกษาหารือกนั ในระหวา่ งกานันผใู้ หญ่บา้ นทัง้ ปวง และแพทยป์ ระจาตาบล กานนั ก็มอี านาจที่จะเรยี กมา ประชมุ ปรึกษาหารอื กนั และให้เอาเสยี งที่เห็นพรอ้ มกนั โดยมากเปน็ ทีช่ ีข้ าดตกลงในการทปี่ รึกษาหารอื กันนน้ั มาตรา ๕๑ ให้กานันเรียกผใู้ หญ่บ้านและแพทยป์ ระจาตาบลมาประชุมเพอ่ื ปรกึ ษาหารอื การ ที่จะรักษาหนา้ ทีใ่ นตาบลใหเ้ รยี บรอ้ ย ไม่นอ้ ยกว่าเดือนละหนง่ึ ครง้ั ให้ผู้ใหญบ่ า้ นเรียกประชุมคณะกรรมการหมบู่ า้ นตามครั้งคราวทเี่ ห็นสมควร หรอื เม่อื กรรมการมีจานวนไมน่ ้อยกวา่ กึ่งร้องขอใหม้ กี ารประชมุ แตเ่ ม่ือรวมปหี นึง่ จะตอ้ งมกี ารประชมุ ไม่นอ้ ยกว่าหก คร้ัง ใหก้ านนั เรยี กประชมุ คณะกรรมการตาบลไมน่ ้อยกว่าเดือนละหนึ่งคร้ัง มาตรา ๕๒ ถ้ามีเหตุสงสัยวา่ ผูใ้ ดในตาบลนัน้ แสดงความอาฆาตมาดรา้ ยแก่ผูอ้ ืน่ ก็ดี หรือเป็น คนจรจดั ไมป่ รากฏการทามาหาเลยี้ งชีพ และไมส่ ามารถจะชแ้ี จงความบรสิ ุทธข์ิ องตนไดก้ ด็ ี ให้กานนั เรียก ประชุมผู้ใหญ่บา้ นสบื สวน ถา้ มหี ลักฐานควรเชอื่ ว่าเปน็ ความจริง ก็ใหเ้ อาตวั ผนู้ น้ั ส่งกรมการอาเภอไปฟอ้ งรอ้ ง เอาโทษตามมาตรา ๓๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๓ เมื่อมผี ู้ใหญบ่ า้ นนาคนจรแปลกหนา้ นอกสามะโนครวั ตาบลมาส่งกานันตามความ ในมาตรา ๒๗ ข้อ ๖ ใหก้ านันปรกึ ษาหารือกบั ผู้ใหญ่บ้าน เมื่อเห็นสมควรจะขบั ไลค่ นผ้นู นั้ ออกไปเสยี จากท้องท่ี ตาบลน้นั กไ็ ด้ มาตรา ๕๔ ถา้ ลูกบา้ นผู้ใดไปต้งั ทบั กระท่อมหรือเรือนโรงอยใู่ นท่ีเปลย่ี วในตาบลนน้ั ซงึ่ นา่ กลัวจะเป็นอันตรายด้วยโจรผรู้ า้ ยหรอื นา่ สงสยั วา่ จะเปน็ สานักโจรผ้รู ้าย การอยา่ งนี้ใหก้ านันกบั ผ้ใู หญ่บา้ นใน ตาบลน้ันประชุมปรกึ ษากันดู เมอ่ื เหน็ เปน็ การสมควรแลว้ จะบงั คบั ใหล้ ูกบ้านคนนนั้ ย้ายเข้ามาอยเู่ สียในหม่บู ้าน ราษฎรก็ได้ และใหน้ าความแจ้งต่อกรมการอาเภอดว้ ย มาตรา ๕๕ ถา้ ราษฎรคนใดท้งิ ใหบ้ า้ นเรือนชารดุ รุงรัง หรือปลอ่ ยใหโ้ สโครกโสมมอาจจะเปน็ เหตใุ หเ้ กิดอันตรายแกผ่ ู้อยูใ่ นทน่ี ั้นหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคยี งกัน หรอื ผทู้ ่ีไปมา หรอื ให้เกดิ อัคคีภยั หรือโรคภยั ให้ กานันผู้ใหญบ่ า้ นและแพทยป์ ระจาตาบลปรึกษากนั ถา้ เห็นควรจะบงั คับใหผ้ ู้ท่ีอยู่ในทีน่ ้ันแก้ไขเสียให้ดี กบ็ ังคบั ได้ ถา้ ผู้น้ันไมท่ าตามบงั คับ กใ็ หก้ านนั นาความร้องเรียนตอ่ กรมการอาเภอ มาตรา ๕๖ ในเวลาใดจะมีอนั ตรายแก่การทามาหากนิ ของลกู บ้านในตาบลน้ัน เช่น มีเหตุ โรคภัยไขเ้ จ็บติดต่อเกดิ ข้ึน หรือนา้ มากหรอื นา้ นอ้ ยเกินไปเปน็ ต้น ให้กานันผใู้ หญบ่ า้ นและแพทย์ประจาตาบล ปรึกษาหารอื กันในการทีจ่ ะป้องกันแก้ไขเยียวยาภยนั ตรายดว้ ยอาการท่ีแนะนาลกู บา้ นใหท้ าอยา่ งใด หรอื ลง

แรงช่วยกนั ได้ประการใด กานนั มีอานาจท่ีจะบงั คบั การน้นั ได้ ถ้าเห็นเป็นการเหลือกาลังให้รอ้ งเรียนตอ่ กรมการ อาเภอ และผวู้ า่ ราชการเมืองขอกาลงั รัฐบาลช่วย มาตรา ๕๗ ในการทจ่ี ะสารวจสามะโนครวั และทะเบียนบัญชีตา่ ง ๆ เพื่อประโยชนใ์ นราชการ เช่นการทจี่ ะสารวจสามะโนครัวและทาบัญชไี รน่ า และส่ิงของตอ้ งพกิ ัดภาษอี ากรในตาบลน้ัน กานันจะเรยี ก ผ้ใู หญบ่ า้ นท้งั ปวงประชุมกนั ตรวจทาบญั ชีใหถ้ กู ต้อง และให้ลงชือ่ พร้อมกันเป็นพยานในบญั ชีทจ่ี ะย่ืนตอ่ เจ้า พนกั งานกไ็ ด้ มาตรา ๕๘ ในการทีจ่ ะทารายงานประจาหรือรายงานจรอยา่ งใด ๆ ยน่ื ตอ่ กรมการอาเภอ กานนั จะเรยี กประชมุ ผูใ้ หญบ่ ้านและแพทยป์ ระจาตาบลในตาบลนั้นพรอ้ มกนั ตรวจสอบก่อน และจะให้ลงช่ือ เปน็ พยานในรายงานน้นั ก็ได้ มาตรา ๕๙ ในเวลาท่ผี ู้วา่ ราชการเมอื ง หรอื กรมการอาเภอ มหี มายใหป้ ระกาศขอ้ ราชการอนั ใดแก่ราษฎร กานนั จะเรียกประชุมผูใ้ หญ่บ้านในตาบลนน้ั พรอ้ มกนั ชีแ้ จงใหเ้ ปน็ ท่เี ข้าใจข้อราชการอันนนั้ แลว้ ให้รบั ข้อราชการไปประกาศแกร่ าษฎรอกี ชน้ั หนงึ่ กไ็ ด้ มาตรา ๖๐ ในเวลาใดมกี ารนกั ขตั ฤกษ์ หรือประชมุ ชนเปน็ การใหญใ่ นตาบลน้นั กานันจะ เรยี กผใู้ หญบ่ ้านและแพทยป์ ระจาตาบลพร้อมกันมาชว่ ยพิทกั ษ์รักษาความเรียบร้อยในทอี่ ันน้นั ถา้ และเหน็ เปน็ การจาเปน็ แลว้ จะขอแรงราษฎรมาช่วยดว้ ยก็ได้ มาตรา ๖๑ เวลาข้าราชการผ้ใู หญห่ รือผูบ้ ังคับบญั ชาโดยตรงมาตรวจราชการในท้องท่ี กานัน จะเรยี กผใู้ หญบ่ า้ นและแพทยใ์ นตาบลประชมุ พร้อมกนั เพือ่ แจง้ ขอ้ ราชการ หรอื ฟังราชการกไ็ ด้ มาตรา ๖๑ ทวิ กานนั ผูใ้ หญบ่ า้ น และแพทย์ประจาตาบลต้องรกั ษาวนิ ยั โดยเคร่งครัดอยู่ เสมอ ผ้ใู ดฝ่าฝืนให้ถือว่าผู้นัน้ กระทาผดิ ตอ้ งไดร้ บั โทษ วนิ ัยและโทษผิดวินยั ใหใ้ ช้กฎหมายวา่ ด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลม อานาจการลงโทษ กานนั ผู้ใหญ่บา้ น และแพทยป์ ระจาตาบลให้เปน็ ไปดงั นี้ (๑) กานันมอี านาจลงโทษภาคทัณฑ์ผูใ้ หญ่บ้าน (๒) นายอาเภอมอี านาจลงโทษกานนั ผ้ใู หญ่บ้าน และแพทยป์ ระจาตาบลดังน้ี (ก) ลดอนั ดับเงนิ เดือนไมเ่ กินหนึง่ อนั ดบั (ข) ตดั เงินเดือน โดยเทียบในฐานะเปน็ ผูบ้ งั คบั บัญชาชัน้ หวั หน้าแผนกกับผกู้ ระทาผิด ชน้ั เสมียนพนกั งาน ตามทกี่ าหนดไวใ้ นกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน (ค) ลงโทษภาคทัณฑ์ เมอื่ กานันผใู้ หญ่บา้ นคนใดถูกฟ้องในคดอี าญา เวน้ แต่คดีความผดิ ในลกั ษณะฐานลหโุ ทษ หรือ ความผิดอันได้กระทาโดยประมาท หรือมีกรณีทต่ี ้องหาว่าทาผดิ วนิ ยั อย่างรา้ ยแรงถกู สอบสวนเพื่อไล่ออกหรอื ปลดออก ถ้านายอาเภอเหน็ วา่ จะคงให้อยู่ในตาแหน่งจะเปน็ การเสียหายแก่ราชการจะสั่งใหพ้ ักหนา้ ท่กี ไ็ ด้ แล้ว รายงานใหข้ ้าหลวงประจาจงั หวดั ทราบการส่งั ใหก้ ลบั เขา้ รับหน้าทีต่ ลอดถึงการวินจิ ฉยั ว่าจะควรจ่ายเงินเดอื น

ระหว่างพกั ให้เพียงใดหรอื ไม่ ให้ขา้ หลวงประจาจงั หวดั เป็นผูพ้ ิจารณาสัง่ อนุโลมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บ ขา้ ราชการพลเรอื น (๓) ข้าหลวงประจาจังหวัดมีอานาจลงโทษกานนั ผใู้ หญ่บา้ นและแพทยป์ ระจาตาบลในทุก สถาน ในกรณกี ารลดอนั ดับและตดั เงนิ เดอื น ใหเ้ ทยี บขา้ หลวงประจาจงั หวดั ในฐานะเปน็ ผ้บู งั คับบัญชาชัน้ หัวหน้ากอง และกานันผใู้ หญบ่ า้ นแพทยป์ ระจาตาบลเป็นชั้นเสมยี นพนักงานตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บข้าราชการพลเรือน โดยเฉพาะโทษปลด หรือไล่ออก ถ้ากานันผู้ใหญ่บา้ นและแพทย์ประจาตาบลผู้ถกู ลงโทษเหน็ ว่าตนไม่ได้รบั ความเป็นธรรม ก็มสี ทิ ธ์ิร้องทกุ ขต์ อ่ กระทรวงมหาดไทย การรอ้ งทกุ ขใ์ หท้ าคารอ้ งลงลายมือชอ่ื ย่นื ต่อนายอาเภอภายในกาหนดสบิ ห้าวนั นบั แต่วันได้ ทราบคาส่งั การลงโทษเพ่ือนายอาเภอจักได้เสนอต่อไปยังขา้ หลวงประจาจังหวัดและกระทรวงมหาดไทย ตามลาดับ ภายในกาหนดสิบหา้ วัน นับแต่วันได้รบั คาร้องทกุ ข์ พร้อมด้วยคาชแ้ี จง ถา้ จะพงึ มี ให้ กระทรวงมหาดไทยมีอานาจสงั่ ให้ยกคารอ้ งทกุ ขห์ รอื เพกิ ถอนคาสง่ั การลงโทษหรือลดโทษ มาตรา ๖๑ ตรี ใหน้ าความในมาตรา ๖๑ ทวิ เฉพาะทีเ่ กีย่ วกบั ผู้ใหญบ่ ้านมาใช้บังคับแกผ่ ู้ชว่ ย ผู้ใหญบ่ า้ นฝา่ ยปกครองและผชู้ ว่ ยผใู้ หญ่บา้ นฝ่ายรกั ษาความสงบโดยอนโุ ลม หมวดที่ ๕ ว่าด้วยลกั ษณะปกครองอาเภอ ตอน ๑ การตงั้ อาเภอและกง่ิ อาเภอ มาตรา ๖๒ ท้องทหี่ ลายตาบลอนั สมควรอยใู่ นความปกครองอนั เดยี วกนั ได้ ให้จดั เป็นอาเภอ หนึง่ มาตรา ๖๓ ลักษณะการตัง้ อาเภอ ให้สมุหเทศาภิบาลจัดการดังน้ี คือ ขอ้ ๑ ใหก้ าหนดเขตท้องทอี่ าเภอ มีเครือ่ งหมายและจรดเขตอาเภออ่ืนทุกด้าน อยา่ ให้มีท่ีวา่ ง เปล่าอยนู่ อกเขตอาเภอ ขอ้ ๒ ใหก้ าหนดจานวนตาบลทีร่ วมเขา้ เปน็ อาเภอและให้กาหนดเขตตาบลให้ตรงกับเขต อาเภอ ถ้ามีทว่ี า่ งเปล่า เชน่ ทุ่งหรือปา่ เป็นตน้ อยูใ่ กล้เคยี งท้องท่อี าเภอใด หรือจะตรวจตราปกครองไดส้ ะดวก จากอาเภอใด ก็ใหส้ มุหเทศาภบิ าลกาหนดที่ว่างน้ันเป็นทฝ่ี ากในอาเภอน้ัน ขอ้ ๓ ใหก้ าหนดที่ต้งั ท่ีวา่ การอาเภอใหอ้ ยู่ในท่ซี ึง่ จะทาการปกครองราษฎรในอาเภอนั้นได้ สะดวก ข้อ ๔ ใหส้ มหุ เทศาภิบาลบอกขอ้ กาหนดเหล่านเ้ี ขา้ มายงั เสนาบดใี นเวลาทีจ่ ะจัดตง้ั อาเภอ ใหม่ เมอ่ื ได้รับพระราชทานพระบรมราชานญุ าตแลว้ จึงประกาศตัง้ อาเภอได้

มาตรา ๖๔ อาเภอใดทอ้ งท่กี วา้ งขวางกรมการอาเภอจะไปตรวจตราใหต้ ลอดทอ้ งทไี่ ด้โดย ยาก แต่หากในทอ้ งทีน่ ั้นผู้คนไมม่ ากมายพอแก่จะตัง้ ขน้ึ เปน็ อาเภอหนง่ึ ต่างหากกด็ ี หรอื ในทอ้ งทอี่ าเภอใดมที ่ี ประชมุ ชนมากอยู่ห่างไกลจากท่ีว่าการอาเภอ กรมการอาเภอจะไปตรวจการไมไ่ ด้ดงั สมควร แตจ่ ะตั้งทป่ี ระชมุ ชนแหง่ นัน้ ขึน้ เปน็ อาเภอต่างหาก ทอ้ งท่จี ะเล็กไปก็ดี ถ้าความขดั ขอ้ งในการปกครองมขี ้ึนอย่างใดดังวา่ มานี้ จะ แบ่งท้องที่นนั้ ออกเปน็ ก่งิ อาเภอเพ่อื ใหส้ ะดวกแก่การปกครองกไ็ ด้ ให้พึงเข้าใจว่าการท่ีตง้ั กง่ิ อาเภอนน้ั ให้ตั้ง ตอ่ เมอ่ื มีความจาเป็นในการปกครอง อาเภอหนง่ึ จะมกี งิ่ อาเภอเดียวหรือหลายกิง่ อาเภอกไ็ ด้ มาตรา ๖๕ การจัดตัง้ กงิ่ อาเภอใด กเ็ สมอต้ังทวี่ ่าการอาเภอนัน้ เองขึ้นอกี แหง่ หนง่ึ เพอ่ื ความ สะดวกแก่การปกครอง การท่ีจะกาหนดจะต้องกาหนดแต่วา่ ตาบลใด ๆ บ้าง ทีจ่ ะตอ้ งอยู่ในปกครองของกิง่ อาเภอ เมอื่ สมุหเทศาภบิ าลได้รบั อนุญาตของเสนาบดแี ล้ว กจ็ ัดตั้งกิง่ อาเภอได้ ตอน ๒ การจัดตง้ั กรมการอาเภอ มาตรา ๖๖ อาเภอหน่ึง ให้มีพนกั งานปกครองคณะหนึง่ เรยี กรวมกันวา่ กรมการอาเภอ ๆ แยกเป็นรายตาแหนง่ ดงั นี้ คือ (๑) นายอาเภอ หรือถา้ เปน็ ตาแหน่งพิเศษ เรยี กว่าผวู้ ่าราชการอาเภอ เปน็ หัวหน้าการ ปกครองทว่ั ไปในอาเภอ และขึ้นตรงตอ่ ผวู้ ่าราชการเมอื ง มอี าเภอละคนหนงึ่ (๒) ปลัดอาเภอเปน็ ผชู้ ่วยและผ้แู ทนนายอาเภออยู่ในบงั คบั นายอาเภอ อาเภอหน่งึ มจี านวน ปลดั อาเภอมากนอ้ ยตามสมควรแกร่ าชการ (๓) สมหุ ์บัญชอี าเภอ คือ ข้าราชการมสี ังกัดในกรมสรรพากรมหี น้าทีเ่ ปน็ ผูช้ ว่ ยนายอาเภอใน การเก็บภาษอี ากรและผลประโยชนแ์ ผ่นดินอยูใ่ นบงั คบั นายอาเภอ มาตรา ๖๗ นายอาเภอ ปลดั อาเภอ สมหุ ์บญั ชีซงึ่ รวมเรยี กกนั ว่ากรมการอาเภอนี้ แม้มี ตาแหนง่ ต่างกนั ย่อมมีหน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบรวมกันในการทีจ่ ะให้การปกครองอาเภอนั้นเรยี บร้อย และ เมอื่ ตาแหน่งใดการมากเหลอื มือ หรือว่าว่างพนกั งานกรมการอาเภอ แมอ้ ยใู่ นตาแหนง่ อนื่ ต้องชว่ ยและตอ้ งทา แทนกนั จะถอื ว่าเปน็ พนักงานต่างกนั นั้นไม่ได้ มาตรา ๖๘ นายอาเภอมอี านาจในส่วนธุรการฝา่ ยพลเรือนเหนอื ข้าราชการทกุ แผนกท่ปี ระจา รักษาราชการในอาเภอนัน้ อานาจที่วา่ น้ีไม่มีแกอ่ าเภอทตี่ งั้ ทว่ี า่ การเมอื ง หรือที่วา่ การมณฑล มาตรา ๖๙ ในอาเภอหน่งึ นอกจากมกี รมการอาเภอใหม้ ีตาแหน่งเสมยี นพนกั งานอยูใ่ นบงั คับ บญั ชากรมการอาเภออีกมากนอ้ ยตามสมควรแกร่ าชการ กับมีปลดั อาเภอประจาตาบลซ่ึงมอี านาจบงั คบั บัญชา เหนือกานันผู้ใหญ่บ้านและแพทย์ประจาตาบลในตาบลนน้ั ปลัดอาเภอประจาตาบลมีอานาจหน้าทเี่ ชน่ เดียวกบั กรมการอาเภอซ่ึงมีอยตู่ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยลกั ษณะปกครองท้องท่ี แตร่ ับผดิ ชอบในกิจการเฉพาะตาบลทต่ี นมีหนา้ ท่ปี ระจาอยู่

มาตรา ๗๐ พนกั งานปกครองกงิ่ อาเภอ จะมกี รมการอาเภอรองแต่นายอาเภอตาแหนง่ ใดอยู่ ประจาการ และจะมเี สมียนพนักงานอยู่ประจาทาการทก่ี ิ่งอาเภอเท่าใด ทง้ั น้ีแล้วแตจ่ ะสมควรแก่ราชการ แตผ่ ู้ ที่เปน็ ใหญ่อยปู่ ระจาทาการทกี่ งิ่ อาเภอต้องอยู่ในบงั คับนายอาเภอ และทาการในหนา้ ทใี่ นเวลาท่นี ายอาเภอมิ ไดม้ าอย่ทู กี่ ่ิงอาเภอเหมอื นเป็นผูแ้ ทนนายอาเภอฉะนั้น มาตรา ๗๑ อาเภอใดมีกงิ่ อาเภอ การอย่างใดจะควรแยกเปน็ ส่วนไปสาหรบั กิง่ อาเภอ และ การอยา่ งใดควรรวมทาแตใ่ นที่ว่าการอาเภอแห่งเดียว ทง้ั นผ้ี ู้วา่ ราชการเมืองมอี านาจท่ีจะกาหนดไดโ้ ดยอนุมตั ิ ของสมุหเทศาภิบาล มาตรา ๗๒ การเลือกต้ังยา้ ยถอนนายอาเภอ ให้สมุหเทศาภิบาลมอี านาจที่จะทาได้ โดย อนุมตั ขิ องเสนาบดี มาตรา ๗๓ การเลือกตั้งย้ายถอนปลดั อาเภอสมุห์บญั ชีอาเภอ ให้ผ้วู า่ ราชการเมืองมีอานาจที่ จะทาได้ โดยอนุมตั ขิ องสมุหเทศาภิบาล สมุหเทศาภิบาลตอ้ งบอกเขา้ มายงั เสนาบดใี หท้ ราบจงด้วยทุกคราว มาตรา ๗๔ การเลอื กตง้ั ย้ายถอนเสมยี นพนกั งานในอาเภอ ให้ผู้ว่าราชการเมอื งมอี านาจที่จะ ทาได้ ตอ้ งบอกให้สมหุ เทศาภิบาลทราบดว้ ยจงทกุ คราว มาตรา ๗๕ เวลาตาแหน่งปลดั อาเภอ หรอื สมุห์บัญชีอาเภอวา่ ง ใหน้ ายอาเภอมีอานาจที่จะ จัดผหู้ น่งึ ผ้ใู ดในขณะกรมการอาเภอ หรอื เสมียนพนกั งานคนหนึ่งคนใดเขา้ ทาการในตาแหน่งนั้น ๆ ไดช้ ว่ั คราว แต่ตอ้ งรีบบอกไปยังผูว้ ่าราชการเมือง และใหผ้ ู้นั้นทาการในตาแหนง่ นน้ั ไปกว่าจะไดร้ บั คาสัง่ จากเจ้าพนกั งาน ผู้ใหญใ่ หเ้ ป็นประการใด เวลาตาแหนง่ เสมยี นพนกั งานในอาเภอวา่ ง ใหน้ ายอาเภอมีอานาจที่จะจัดคนเขา้ ทาการใน ตาแหน่งนัน้ ๆ ไดช้ วั่ คราว แตต่ ้องบอกขออนุมัติของผู้วา่ ราชการเมอื งภายในเดอื นหน่ึง แล้วแต่ผูว้ ่าราชการ เมอื งจะตงั้ ผู้น้ันหรือผอู้ ่ืนให้เปน็ แทนในตาแหน่งท่วี า่ ง มาตรา ๗๖ บรรดาข้าราชการซ่งึ มีสงั กดั ทาราชการอยู่ในท่วี ่าการอาเภอ นายอาเภอมอี านาจ ทีจ่ ะให้ลาได้คราวละไมเ่ กนิ ๑๕ วนั มาตรา ๗๗ ถ้าและผูใ้ ดมีเหตอุ ันนายอาเภอเห็นวา่ จะให้ทาราชการอยใู่ นตาแหนง่ จะเสยี ราชการ นายอาเภอจะใหผ้ นู้ นั้ พักราชการเสยี ชัว่ คราวก็ได้ แตใ่ นการทสี่ ง่ั ให้พักราชการน้ี ตอ้ งบอกใหผ้ ู้ว่า ราชการเมอื งทราบภายใน ๑๕ วัน คาตดั สนิ เป็นเดด็ ขาดในเรอ่ื งนั้นให้เปน็ หนา้ ท่ีของผ้มู ีอานาจที่จะตง้ั ตาแหนง่ ทเี่ กิดเหตุน้นั มาตรา ๗๘ ให้มีดวงตราประจาตาแหนง่ นายอาเภอ และดวงตราสาหรบั นายกง่ิ อาเภอ สาหรบั ประทับกากับลายมือที่ลงชอื่ ในหนงั สือสาคญั ตา่ ง ๆ บรรดาหนังสอื ทท่ี าในนามและหน้าท่ีกรมการ อาเภอ ห้ามมิให้ใชต้ ราอน่ื ประทับ และตราประจาตาแหนง่ นใ้ี นเวลาผใู้ ดทาการแทนหรอื รง้ั ตาแหนง่ นัน้ กใ็ ห้ ใช้ได้

มาตรา ๗๙ ในเวลาตาแหน่งนายอาเภอวา่ งกด็ ี หรือนายอาเภอจะทาการในหนา้ ทไี่ มไ่ ด้ ช่ัวคราวกด็ ี ถา้ และสมุหเทศาภิบาลหรือผู้วา่ ราชการเมอื งมไิ ดม้ คี าส่งั เปน็ อยา่ งอืน่ แล้ว ใหก้ รมการอาเภอซง่ึ มียศ สงู กว่าผูอ้ น่ื เปน็ ผ้แู ทน มาตรา ๘๐ ผูแ้ ทนมีอานาจหน้าทแี่ ละความรับผดิ ชอบของตาแหน่งท่ีแทนน้ันทุกอยา่ ง เว้นไว้ แต่อานาจอันเปน็ สว่ นบคุ คล หรอื ท่ีมีข้อหา้ มไว้ โดยเฉพาะมใิ หผ้ แู้ ทนทาได้ มาตรา ๘๑ หน้าทกี่ รมการอาเภอทก่ี ล่าวไว้ในพระราชบัญญัตินกี้ ็ดี หรือในท่ีอืน่ ก็ดี ถ้ามิได้ ระบวุ ่าเปน็ หนา้ ท่เี ฉพาะนายอาเภอ หรอื เฉพาะตาแหน่งใดในกรมการอาเภอไซร้ ใหพ้ ึงเขา้ ใจวา่ เปน็ หน้าท่ีและ รับผิดชอบรวมกนั นายอาเภอเป็นหัวหน้าจะทาการนน้ั เอง หรือจะมอบหมายให้กรมการอาเภอคนใดทาโดย อนุมตั ิของนายอาเภอกไ็ ด้ แต่นายอาเภอจะหลีกความรับผิดชอบในการทงั้ ปวง เพราะเหตทุ ่อี า้ งว่าได้ให้ผ้อู ่ืนทา แทนนน้ั ไม่ได้ มาตรา ๘๒ ในการทีจ่ ะฟงั บงั คบั บญั ชาราชการทั่วไป กรมการอาเภออยใู่ นบังคับบญั ชาผู้ว่า ราชการเมอื งโดยตรง จะลบล้างคาส่งั ผู้วา่ ราชการเมืองได้ แต่ผสู้ าเรจ็ ราชการมณฑลหรอื เสนาบดีเจา้ กระทรวง ในกรุงเทพฯ ผูบ้ ญั ชาการนน้ั ๆ แต่การโดยปกติซ่ึงย่อมมีข้าราชการเป็นเจา้ แผนกจากเมอื งหรอื มณฑลไปตรวจ การเฉพาะแผนกในทว่ี า่ การอาเภอ ถา้ และผูต้ รวจน้นั กระทาการตามคาส่ังและรับอานาจไปจากผู้วา่ ราชการ เมืองหรือผู้สาเรจ็ ราชการมณฑลหรือเจ้ากระทรวง กรมการอาเภอตอ้ งเชอ่ื ฟังเหมือนคาสงั่ ผูว้ ่าราชการเมอื ง ผู้สาเร็จราชการมณฑลและเจ้ากระทรวงท่ใี ช้มานัน้ ถ้าหากว่าผตู้ รวจการนัน้ มาโดยลาพังหนา้ ท่ขี องตน จะส่ังให้ จดั การในแผนกนั้น ๆ ประการใดกรมการอาเภอควรทาตาม ตอ่ เมือ่ คาสงั่ ไมข่ ดั กบั คาสง่ั ผูว้ า่ ราชการเมืองและ นายอาเภอเหน็ ชอบด้วย ถา้ มเี จ้าพนกั งานมาสัง่ การประการใด ๆ กรมการอาเภอตอ้ งรายงานใหผ้ วู้ ่าราชการ เมืองทราบดว้ ยจงทุกคราว ตอน ๓ หนา้ ที่และอานาจของกรมการอาเภอ ก. การปกครองทอ้ งที่ มาตรา ๘๓ กรมการอาเภอต้องตรวจตราและจัดการปกครองตาบลและหมบู่ ้านใหเ้ ป็นไปได้ จรงิ ดังพระราชบญั ญตั ิน้ี นอกจากอานาจหน้าท่ที ก่ี ลา่ วโดยเฉพาะใหเ้ ป็นอานาจหน้าท่ีของกรมการอาเภอ ให้กรมการ อาเภอมอี านาจหนา้ ท่ีเช่นเดยี วกบั กานนั ผใู้ หญ่บ้านด้วย มาตรา ๘๔ กรมการอาเภอตอ้ งเอาใจใสส่ มาคมใหค้ ุ้นเคยกับกานนั ผูใ้ หญบ่ ้าน แพทย์ประจา ตาบลเป็นท่ีปรกึ ษาหารอื และเป็นผรู้ บั ช่วยแกไ้ ขความขัดขอ้ งใหแ้ กเ่ ขา

มาตรา ๘๕ ให้กรมการอาเภอเรยี กประชมุ กานันผใู้ หญบ่ ้านแพทยป์ ระจาตาบลพร้อมกนั หรือ เรยี กประชมุ แต่เฉพาะตาแหนง่ มปี ระชมุ กานนั เป็นต้น ในเวลามีการจะตอ้ งปรึกษาหรอื ต้องถามต้องสั่งตาม สมควร มาตรา ๘๖ กรมการอาเภอรับผิดชอบท่จี ะรกั ษาสถานทว่ี ่าการอาเภอสรรพหนังสอื และบญั ชี ตลอดจนบริเวณท่วี า่ การอาเภอให้เรยี บร้อย มาตรา ๘๗ กรมการอาเภอต้องให้ราษฎรทม่ี กี ิจธรุ ะหาไดท้ ุกเมอื่ ถ้าราษฎรมาร้องทุกขอ์ ยา่ ง ใด ซงึ่ กรมการอาเภอควรช่วยได้ ต้องช่วยตามสมควร มาตรา ๘๘ กรมการอาเภอต้องหมั่นตรวจท้องท่ีในเขตอาเภอของตน และท้องท่อี าเภออน่ื ท่ี ติดตอ่ กนั ใหร้ ู้ความเป็นไปในท้องที่น้ัน ๆ มาตรา ๘๙ บรรดาหนงั สอื สาคัญทตี่ ้องทาตามกฎหมาย ถา้ กฎหมายและขอ้ บังคบั มไิ ด้ระบไุ ว้ ว่าเป็นหน้าทขี่ องพนกั งานอืน่ ทาแลว้ ให้เป็นหน้าทขี่ องกรมการอาเภอทจ่ี ะทาสาหรบั การในอาเภอนัน้ มาตรา ๙๐ กรมการอาเภอเปน็ พนักงานทาหนงั สอื เดินทางสาหรับราษฎรในท้องทอี่ าเภอน้ัน จะไปมาคา้ ขายในที่อนื่ มาตรา ๙๑ หน้าทขี่ องกรมการอาเภอในการทาทะเบียนบัญชีนน้ั คือทาบญั ชสี ามะโนครวั และทะเบียนทุก ๆ อยา่ ง บรรดาทต่ี ้องการใชใ้ นราชการ มาตรา ๙๒ รายงานราชการที่กรมการอาเภอจะตอ้ งทานนั้ จาแนกเป็นกิจตา่ ง ๆ ดงั น้ี คือ ข้อ ๑ กรมการอาเภอเป็นหูเปน็ ตาของรัฐบาลตอ้ งเอาใจใสต่ รวจตราสืบสวนความทกุ ข์สุขของ ราษฎร และเหตกุ ารณท์ ี่เกดิ มีในทอ้ งท่ขี องตน การอันใดที่รัฐบาลควรร้เู พอ่ื ความสุขของราษฎรและประโยชน์ ของราชการ กรมการอาเภอต้องถือเป็นหนา้ ท่ี ๆ จะรายงานใหร้ ัฐบาลทราบความตามท่เี ป็นจรงิ ขอ้ ๒ โดยปกตใิ ห้กรมการอาเภอรายงาน ตอ่ ผู้ว่าราชการเมืองของตน แต่ถา้ มีคาส่งั โดยเฉพาะวา่ ใหร้ ายงานการอยา่ งใดต่อผูใ้ ดก็ดหี รอื ว่าเหตุการณอ์ นั ใดเกิดขึ้น กรมการอาเภอเหน็ ว่าจะรายงาน ต่อผวู้ ่าราชการเมอื งของตนกอ่ นจะไมท่ ันประโยชน์ของราชการจะรายงานไปยงั ที่แห่งน้ัน ๆ ซึ่งเห็นวา่ จะเป็น ประโยชนอ์ ย่างดแี ก่ราชการก็ไดแ้ ต่ต้องบอกใหผ้ วู้ ่าราชการเมอื งของตนทราบจงทุกคราว ข้อ ๓ รายงานประจาบอกเหตุการณ์ และขอ้ ราชการบรรดามใี นอาเภอ ควรย่นื ตอ่ ผู้วา่ ราชการเมอื งไม่น้อยกวา่ เดอื นละครัง้ หนง่ึ รายงานการจรน้ันแลว้ แตก่ าหนดในขอ้ บังคับ หรอื เหตกุ ารณอ์ นั ควร รายงาน ส่วนรายงานดว่ นบอกเหตุสาคัญ ซ่งึ เป็นปจั จบุ นั ทนั ด่วนเกดิ ข้ึนนั้น ตอ้ งรีบรายงานทันที และสง่ โดย โทรเลข หรือโทรศพั ท์อยา่ งเร็วทีส่ ดุ ท่จี ะสง่ ได้ ข. การปอ้ งกนั ภยนั ตรายของราษฎร และรกั ษาความสงบในท้องที่

มาตรา ๙๓ เวลามีการประชมุ ชนมากในท่ีใด เชน่ ในเวลามีการนกั ขัตฤกษ์เปน็ ต้น กรมการ อาเภอกบั กานนั ผใู้ หญบ่ ้านตาบลนน้ั ต้องจัดการรกั ษาความเรยี บรอ้ ยในทป่ี ระชมุ ชน มาตรา ๙๔ กรมการอาเภอต้องคอยตรวจตราตกั เตือนกานนั ผู้ใหญ่บ้านใหม้ ีเคร่อื งสัญญา เรยี กลกู บา้ นช่วยกนั ดบั ไฟ หรือระงบั เหตภุ ยันตรายอย่างอน่ื หรอื จับโจรผู้ร้ายทกุ หมบู่ า้ น มาตรา ๙๕ เมอื่ กรมการอาเภอไดป้ รึกษากานันผใู้ หญบ่ า้ นในทอ้ งทน่ี น้ั แลว้ เห็นว่าหมู่บา้ นใด อยูใ่ นทซี่ ึ่งสมควรจะจดั การลอ้ มร้วั ปอ้ งกันโจรได้ ให้กรมการอาเภอนาเสนอต่อผู้ว่าราชการเมือง เมื่อผ้วู า่ ราชการเมอื งเห็นชอบดว้ ยแลว้ ก็ใหก้ รมการอาเภอช้แี จงและส่ังผู้ใหญบ่ ้าน และราษฎรในหมูบ่ า้ นนน้ั ทารัว้ ลอ้ มรอบหมู่บา้ น มีประตูเป็นทางเข้าออกก่แี หง่ แลว้ แต่ชาวบา้ นนั้นจะเหน็ ควร เวลากลางคืนให้ผูใ้ หญบ่ า้ นจดั ราษฎรผลัดเปลย่ี นกนั รักษาประตูปอ้ งกนั โจรผรู้ า้ ยให้ทงั้ หม่บู า้ น มาตรา ๙๖ หมู่บา้ นใดตัง้ อยใู่ กลป้ า่ พงอันเป็นเชอื้ ไฟ เม่ือถึงฤดูพงแหง้ ให้กรมการอาเภอส่ัง ราษฎรในหมู่บา้ นน้ัน ใหช้ ว่ ยกันถางพงให้เตียนออกไปหา่ งบ้านเรือน ปอ้ งกันอยา่ ให้เปน็ อคั คีภยั แกห่ มู่บ้านนนั้ มาตรา ๙๗ เม่ือกานันตาบลใดรายงานมาวา่ เจา้ ของหรอื ผู้ท่อี ยูใ่ นเหย้าเรือนแหง่ ใดทรี่ า้ งหรอื ทรุดโทรม ไมก่ ระทาการตามคาส่งั ให้จดั การซอ่ มแซมรักษาเรอื นนน้ั ใหด้ ตี ามความทกี่ ลา่ วไวใ้ นมาตรา ๕๕ ให้ กรมการอาเภอไต่สวนและบงั คบั ตามควรแกก่ าร ถ้าไม่ทาตามบังคบั ใหก้ รมการอาเภอมีอานาจร้ือเรอื นน้นั ได้ และเรียกเอาคา่ รือ้ แกเ่ จ้าของ มาตรา ๙๘ ราษฎรคนใดไปปลูกเรือนอยูใ่ นที่เปลย่ี ว อนั น่ากลวั อนั ตรายด้วยโจรผู้ร้ายก็ดี หรือน่ากลวั จะเปน็ ที่ซอ่ นของโจรผรู้ ้ายก็ดี เมื่อกรมการอาเภอได้ปรกึ ษากบั กานันในท้องทน่ี นั้ เหน็ ดว้ ยกันแลว้ ก็ ให้บังคบั ให้ผู้นัน้ ย้ายเข้ามาอยู่เสยี ในหมู่บา้ น มาตรา ๙๙ ในเวลาอตั คัดอาหาร ใหก้ รมการอาเภอประกาศตักเตือนราษฎรใหเ้ กบ็ รกั ษาเข้า ไวใ้ หพ้ อบริโภค มาตรา ๑๐๐ ถ้าแห่งใดขา้ วไมพ่ อแก่ราษฎรในเวลาอตั คดั ใหก้ รมการอาเภอรบี รายงาน และ กะประมาณจานวนขา้ วทข่ี าด อันราษฎรจะไม่พงึ ขวนขวายหาเองได้ แจ้งตอ่ ผูว้ ่าราชการเมือง ถา้ และรัฐบาล จัดสง่ ขา้ วหลวงมาแก้อัตคัดไซร้ เป็นหน้าท่ขี องกรมการอาเภอที่จะจัดการจาหน่ายข้าวตามวธิ ีที่สมควร คือ (๑) ผใู้ ดมที ุนพอซอื้ ใหผ้ นู้ นั้ ซือ้ ได้เทา่ ราคาทุน (๒) ผูใ้ ดทานาไวย้ ังไม่ไดผ้ ล ใหผ้ นู้ ้นั ยืมโดยสัญญาสง่ เงินเมอ่ื ขายข้าวใหม่ไดเ้ ทา่ ราคาทนุ ท่รี ับ ข้าวไปในเวลาน้ัน หรอื ใช้ด้วยขา้ วใหมเ่ ม่อื ทาได้ คิดตามราคาขา้ วใหมใ่ นเวลานน้ั เทา่ ทุนทีร่ ฐั บาลใหย้ ืมไป (๓) ผู้ใดทาการเพาะปลูก หรือหาสนิ ค้าป่าอนั อาจจะหาสนิ คา้ มาแลกข้าวได้ ก็ยอมรบั สนิ ค้า จากผนู้ ั้น แลกขา้ วโดยคิดราคาตามสมควรและพอใจทงั้ ๒ ฝ่าย (๔) ผู้ใดอาจจะทาการได้แต่ดว้ ยแรง ก็หางานอันประกอบดว้ ยสาธารณประโยชน์ เช่น ขดุ สระนา้ ทาถนนหรอื ซ่อมแซมสถานที่ทาราชการเป็นตน้ ใหผ้ ู้น้ันรับจ้างทาคิดข้าวใหต้ ามราคาทนุ เปน็ ค่าจ้าง โดยอัตราสงู กวา่ ทเ่ี ขาจา้ งกนั ทาการในทีน่ ั้น ๑ ใน ๔ สว่ น คอื ถา้ อตั ราคา่ จ้างเขาจา้ งกนั โดยปกติวันละบาท หนึ่ง ให้ให้ขา้ วเท่าราคาวันละ ๑ บาท ๒๕ สตางค์ เปน็ ตน้

(๕) หา้ มมิให้ ๆ ขา้ วแกผ่ ้ทู ย่ี ังสามารถกระทาการแลกไดด้ ้วยประการใด ๆ แตผ่ ซู้ ึง่ ไมส่ ามารถ กระทาการแลกไดจ้ รงิ ๆ เชน่ คนเจ็บไข้ ชรา ทุพพลภาพ หรือทารกนั้น ควรใหไ้ ด้รบั ขา้ วของหลวงพอสมควร แต่ทจ่ี ะเลย้ี งชวี ติ ในเวลาอัตคัตนั้น ฃ. การท่ีเก่ียวดว้ ยความแพง่ และความอาญา มาตรา ๑๐๑ หน้าทแี่ ละอานาจของกรมการอาเภอในการทเี่ ก่ยี วดว้ ยความอาญาน้นั มี ดงั ต่อไปน้ี คือ ข้อ ๑ บรรดาอานาจซึง่ กฎหมายกาหนดไว้สาหรับผใู้ หญบ่ ้านและกานนั นัน้ ใหก้ รมการอาเภอ ใชไ้ ด้ทกุ อย่าง ข้อ ๒ ความอาญาเกิดขนึ้ ในทอ้ งท่ีอาเภอใด หรอื ตวั จาเลยมาอาศยั อยู่ในทอ้ งท่ีอาเภอใด ให้ กรมการอาเภอมีอานาจที่จะสง่ั ใหจ้ บั ผู้ตอ้ งหามาไตส่ วนคดเี ร่อื งนนั้ ในชน้ั ตน้ ขอ้ ๓ ในการไตส่ วนในช้นั ต้นกด็ ี หรอื จดั การตามหมายอยา่ งใด ๆ หรือตามคาสงั่ ของศาล หรอื คาสั่งในทางราชการอยา่ งใด ๆ กด็ ี ใหก้ รมการอาเภอมีอานาจที่จะออกหมายเรียกตัวคนมาสาบานใหก้ าร เป็นพยานหมายค้นบ้านเรอื น หรอื หมายยึดสง่ิ ของได้ ขอ้ ๔ ในการค้นบา้ นเรือน หรอื ยดึ สง่ิ ของน้ัน ถา้ นายอาเภอไปคน้ หรอื ยึดเองไม่ตอ้ งมหี มาย ถ้าจะแต่งให้ผอู้ น่ื ไปคน้ หรือยึด ก็ให้นายอาเภอมีหมายส่งั เจ้าพนักงานผู้ถือหมายมอี านาจท่จี ะคน้ และยดึ ไดต้ าม หมาย ขอ้ ๕ ตวั ผู้ต้องหาในคดอี าญา ซงึ่ ไดต้ วั มาต่อหนา้ กรมการอาเภอนั้น โดยปกตินายอาเภอควร ยอมใหม้ ีประกนั แตถ่ ้านายอาเภอเห็นวา่ มีเหตุการณ์อยา่ งหนงึ่ อย่างใดทจี่ ะกลา่ วในมาตราน้ี ก็ใหเ้ อาตวั ไว้ คือ (ก) เปน็ คดีฉกรรจท์ ต่ี อ้ งด้วยโทษจาคกุ ตงั้ แต่ ๑๐ ปีขึ้นไปอย่างหนึง่ หรอื (ข) ถา้ ผู้ต้องหาหลบหนีจะจับได้ โดยยากอยา่ งหน่งึ หรือ (ค) เหน็ ไดว้ ่าถ้าปล่อยผูน้ ้ันไปจะทาใหเ้ กดิ เหตุอันตรายอยา่ งหน่งึ หรือ (ง) ถา้ ปล่อยไปจะขดั ข้องหรือลาบากแก่การไต่สวนคดใี นชัน้ ต้นอยา่ งหนึ่ง ขอ้ ๖ การไตส่ วนคดใี นช้นั ตน้ นนั้ ต้องลงมือภายใน ๔๘ ชั่วโมง ต้งั แต่เวลาท่จี บั ผู้ต้องหา นายอาเภอตอ้ งรบี จดั การโดยเรว็ ที่จะทาได้ แล้วส่งตวั ผตู้ ้องหายงั เมอื ง ใหส้ ่งต่อไปยังศาลซ่ึงมีหน้าทีพ่ ิจารณา คดนี น้ั โดยวิธที ่ีกลา่ วตอ่ ไปน้ี ถา้ เป็นตาบลที่มีศาลซ่ึงมีอานาจ และทว่ี ่าการอาเภอต้งั อยู่ดว้ ยกนั ใหส้ ง่ ตวั ผู้ต้องหาตอ่ ศาล ภายใน ๔๘ ชว่ั โมง ตง้ั แต่เวลาทผี่ ตู้ ้องหาไดต้ กมาอยใู่ นความควบคุมของกรมการอาเภอ ถา้ เปน็ ท่อี นื่ ๆ ให้ส่งตวั ผู้ตอ้ งหายงั ศาลโดยเรว็ ที่จะทาได้ และห้ามมิใหก้ ักขงั ตวั ไว้ที่ ๆ วา่ การ อาเภอเกินกวา่ ๔๘ ชั่วโมง โดยไมม่ ีเหตุจาเปน็ ถ้าเมอื่ ส่งผู้ตอ้ งหาไปยังศาล นายอาเภอทาการไตส่ วนคดีในชน้ั ต้นยังไมส่ าเร็จ ก็ใหเ้ จา้ พนักงานเมืองรอ้ งต่อศาลขอผัดให้มีเวลาไตส่ วนตอ่ ไปตามสมควร ข้อ ๗ ในการไต่สวนความอาญา ถ้านายอาเภอเห็นวา่ ไม่มหี ลักฐานข้างฝา่ ยโจทก์ ให้ปลอ่ ยตวั ผตู้ อ้ งหาไป ถา้ ผู้ต้องหาตอ้ งดว้ ยหมายสัง่ จับของศาลอยู่แลว้ ก็ใหเ้ จา้ พนกั งานเมืองรอ้ งขอตอ่ ศาลให้สัง่ ปล่อยตวั ผ้ตู ้องหา

มาตรา ๑๐๒ กรมการอาเภอตอ้ งจัดพนักงานออกตรวจตระเวนรกั ษาความเรยี บร้อย และ คอยสบื จบั โจรผรู้ ้ายในทอ้ งทข่ี องตน มาตรา ๑๐๓ เม่อื มีเหตผุ ู้คนถกู กระทาร้ายตายลงในทอ้ งท่อี าเภอใดก็ดี ฟกชา้ หรือมบี าดแผล เจ็บป่วยสาหสั กด็ ี ผทู้ ่ถี กู กระทารา้ ยฟกชา้ หรือมบี าดแผลมาขอใหช้ ันสูตรก็ดี เป็นหน้าท่ขี องกรมการอาเภอที่ จะตรวจชันสูตรหรอื พลกิ ศพตามพระราชบญั ญตั ิ และจดคาใหก้ ารพร้อมด้วยพยาน และทาหนังสอื ชันสูตรไว้ เป็นหลกั ฐาน มาตรา ๑๐๔ เมือ่ เกิดเหตเุ สียทรพั ยแ์ ก่ผู้หน่งึ ผู้ใด เชน่ ถกู โจรภัยเปน็ ตน้ เปน็ หน้าทข่ี อง กรมการอาเภอที่จะทาคาตราสนิ ตามคาขอร้องของเจา้ ทรพั ย์ หรอื เพ่ือหลักฐานในราชการ มาตรา ๑๐๕ ความผดิ อย่างใด ๆ อันตอ้ งตามประมวลกฎหมายอาญา หรอื กฎหมายอนื่ กาหนดเป็นลหโุ ทษก็ดี ความผดิ ลว่ งละเมิดพระราชบัญญตั ิภาษีอากร อนั เบี้ยปรบั กาหนดไว้ในพระราชบญั ญตั ิ ไม่เกิน ๒๐๐ บาทกด็ ี เม่ือกรมการอาเภอไตส่ วนเหน็ วา่ จาเลยมพี ริ ุธ ให้กรมการอาเภอมีอานาจทจี่ ะ เปรียบเทียบให้ตกลงกนั ไดถ้ า้ ไม่ตกลงกนั ไดก้ ด็ ี หรอื กรมการอาเภอเห็นวา่ โทษของจาเลยเกินกว่าปรบั ๒๐๐ บาท หรอื เปน็ โทษท้งั ปรบั ทัง้ จา หรอื โทษจาอยา่ งเดียวก็ดี กใ็ ห้สง่ คดีเร่ืองน้นั ไปยงั เมือง มาตรา ๑๐๖ ถ้ามผี ูข้ อร้องอายัดตวั คน หรอื ส่ิงของโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นหนา้ ทีข่ อง กรมการอาเภอทจี่ ะรบั อายดั และทาหนังสือหลักฐานในการอายดั นัน้ มาตรา ๑๐๗ เงนิ กลาง หรือของกลาง ในคดที ีจ่ ะตอ้ งรกั ษาไวใ้ นอาเภอนน้ั หรอื จะต้องนาส่ง ไปยงั เมือง เป็นหนา้ ท่ขี องกรมการอาเภอทจี่ ะจดั การรกั ษาและนาส่ง มาตรา ๑๐๘ (ยกเลกิ ) ค. การป้องกนั โรคร้าย มาตรา ๑๐๙ กรมการอาเภอต้องคอยระวัง อย่าใหโ้ รครา้ ยแพร่หลายไปในประชมุ ชน ตอ้ ง คอยดูแลปอ้ งกัน หรอื เม่อื โรคเกดิ ข้ึนกต็ อ้ งจัดการรกั ษาอยา่ ใหต้ ิดต่อลุกลามมากไป มาตรา ๑๑๐ เพราะเหตุทโี่ สโครกเป็นแดนเกิดของโรคร้าย คอื อหวิ าตกโรค และกาฬโรค เป็นต้น กรมการอาเภอต้องคอยตรวจตราวา่ กลา่ วคนในท้องท่อี ย่าให้ทอดท้งิ หรือปล่อยใหเ้ กดิ ความโสโครกอนั จะเป็นเหตุใหเ้ กิดโรคภัยไข้เจบ็ แกป่ ระชาชน มาตรา ๑๑๑ กรมการอาเภอต้องเอาเปน็ ธรุ ะตรวจตราอดุ หนนุ ใหแ้ พทย์ประจาตาบลดแู ลการ รกั ษาพยาบาล คอื การปลกู ทรพิศม์ และจาหนา่ ยยาหลวงเป็นตน้ และใหร้ าษฎรได้รับความปอ้ งกัน และรักษา โรคตามสมควรแก่การที่จะเป็นได้

มาตรา ๑๑๒ ในเวลาเกดิ โรครา้ ยตดิ ต่อขนึ้ ในอาเภอนนั้ หรอื ในท้องทอ่ี าเภออืน่ ซ่งึ อาจจะ ลกุ ลามมาถึงอาเภอน้นั ให้กรมการอาเภอประกาศตกั เตือนแก่ราษฎรให้จดั การป้องกันและรกั ษาโรค ถ้าหากวา่ จะควรจดั การป้องกนั ไดอ้ ย่างใด หรอื วา่ ควรจะรีบรอ้ งเรียนตอ่ ผใู้ หญข่ อกาลังอุดหนุนประการใด ก็ใหก้ รมการ อาเภอจัดการตามสมควร มาตรา ๑๑๓ ถา้ เกิดโรครา้ ยที่ตดิ ตอ่ ขน้ึ ในอาเภอใด ใหก้ รมการอาเภอน้นั รีบบอกข่าวโดยทาง อยา่ งเรว็ ที่สดุ ทจี่ ะบอกได้ให้ผูใ้ หญเ่ หนอื ตนทราบ แล้วให้รายงานเหตคุ วามไขน้ ัน้ ตอ่ ไปเนอื ง ๆ จนกวา่ โรคจะ สงบ ฅ. บารงุ การทานาค้าขายป่าไมแ้ ละทางไปมาตอ่ กัน มาตรา ๑๑๔ กรมการอาเภอต้องตรวจใหร้ ทู้ าเลทที่ ามาหาเล้ยี งชีพของราษฎรในอาเภอนัน้ คอื ทนี่ า ที่สวน ทจ่ี ับสตั วน์ า้ เป็นต้น และต้องสอบสวนให้รู้ว่าทเี่ หลา่ นั้นอาศัยสายนา้ ทางใด ควรทาบัญชีมี ทะเบียนไว้ในทว่ี ่าการอาเภอ มาตรา ๑๑๕ การบารงุ ผลประโยชน์ในการหาเล้ียงชีพของราษฎรก็ดี การป้องกนั ภยันตรายมิ ให้เกิดแกก่ ารหาเล้ียงชีพของราษฎรกด็ ี อนั ตอ้ งการความพรอ้ มเพรียงชว่ ยกนั ในหมูร่ าษฎร ยกตวั อย่างดังบาง คราวจะต้องทาทานบปดิ นา้ บางคราวต้องระบายนา้ สาหรบั การเพาะปลูก การเหลา่ น้เี ป็นหนา้ ทขี่ องกรมการ อาเภอจะต้องเอาใจใสค่ อยตรวจตราและปรกึ ษากานันผใู้ หญ่บ้าน ถา้ มีการสมควรจะตอ้ งทาเพอ่ื ให้เจริญ ผลประโยชน์แกร่ าษฎรกด็ ี หรอื เพื่อป้องกนั ความเสยี หายแกผ่ ลประโยชนน์ ้นั ก็ดี ใหก้ รมการอาเภอเรยี กราษฎร ชว่ ยกันทาการน้ัน ๆ ให้สาเร็จทนั ฤดกู าล มาตรา ๑๑๖ การรกั ษาผลประโยชน์ในการหาเล้ยี งชีพของราษฎร เชน่ การปิดน้า และระบาย น้าเชน่ กล่าวมาในมาตรากอ่ นเป็นต้น ตลอดจนอย่างอื่น ๆ ถา้ หากเกิดเก่ียงแย่งกนั ในประโยชนท์ ีจ่ ะพงึ ได้ ยกตวั อย่างดังเชน่ ชาวนาต้องการให้ปดิ น้า ชาวเรือตอ้ งการให้เปิดนา้ ให้เรอื เดินเปน็ ต้น ให้กรมการอาเภอเรยี ก กานันประชุมปรึกษาหาวธิ ีทจ่ี ะรักษาประโยชนท์ ง้ั ๒ ฝา่ ย หรือถา้ จะใหไ้ ดป้ ระโยชน์ไมไ่ ด้ทง้ั ๒ ฝ่าย กใ็ หร้ กั ษา ประโยชนใ์ หญโ่ ดยยอมทิ้งประโยชนน์ ้อยดว้ ยความจาเปน็ เม่ือเห็นด้วยกันโดยมากประการใด กใ็ ห้กรรมการอาเภอจดั การตามนน้ั มาตรา ๑๑๗ ห้วย คลอง และลานา้ ตา่ ง ๆ ย่อมเปน็ ของท่รี ฐั บาลปกปักรักษา เปน็ หน้าท่ีของ กรมการอาเภอจะตอ้ งตรวจตราอยา่ ให้เสยี และอย่าให้ผู้ใดทาใหเ้ สยี สาธารณประโยชน์ ถา้ จะตอ้ งซอ่ มแซม ตกแต่งใหก้ รมการอาเภอเรยี กราษฎรช่วยกันทาอย่างกันปิดน้า ฉะนั้น มาตรา ๑๑๘ กรมการอาเภอมหี นา้ ทจ่ี ะต้องตรวจตราและจดั การรักษาทางบก ทางน้า อนั เป็นทางที่ราษฎรไปมาค้าขาย ให้ไปมาโดยสะดวกตามทจี่ ะเปน็ ได้ทกุ ฤดกู าลอันนี้ ถา้ จะตอ้ งทาการซอ่ มแซม หรอื แก้ไขความขดั ข้อง ใหก้ รมการอาเภอเรียกราษฎรชว่ ยกันทาอย่างว่ามาแลว้

มาตรา ๑๑๙ กรมการอาเภอต้องตรวจตรารกั ษาปา่ ไม้ ซึ่งรัฐบาลหวงหา้ มตามข้อบังคบั การ ป่าไม้ มาตรา ๑๒๐ ท่ีวา่ งซึง่ รฐั บาลอนุญาตใหร้ าษฎรทาการเพาะปลกู นน้ั เป็นหน้าทข่ี องกรมการ อาเภอท่จี ะต้องตรวจตราจัดการ ป้องกนั การเกยี่ งแย่ง ในระหวา่ งราษฎรทไ่ี ปตัง้ ทาการเพาะปลูกก่อนไดร้ ับ โฉนด มาตรา ๑๒๑ ทนี่ ้าอนั เป็นที่รักษาพนั ธ์สัตวน์ า้ เปน็ หน้าท่ีของกรมการอาเภอทจี่ ะตรวจตรา รักษาป้องกันมิใหพ้ ืชพันธ์สัตวน์ ้าสูญไป มาตรา ๑๒๒ นายอาเภอมีหนา้ ทร่ี ว่ มกับองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นในการดูแลรกั ษาและ ค้มุ ครองป้องกันทดี่ นิ อันเป็นสาธารณสมบัตขิ องแผน่ ดินทีป่ ระชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกนั และสิง่ ซ่ึงเปน็ สาธารณประโยชน์อื่นอันอย่ใู นเขตอาเภอ นายอาเภอและองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ไมม่ ีอานาจใชห้ รอื ยินยอมใหบ้ ุคคลอ่นื ใชท้ ่ดี นิ ตาม วรรคหนึ่ง เว้นแต่จะไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากผวู้ ่าราชการจงั หวดั และปฏบิ ัติตามประมวลกฎหมายท่ีดินและ กฎหมายอ่นื ที่เกยี่ วขอ้ ง ในกรณีทีม่ ีขอ้ พิพาทหรือคดเี กย่ี วกบั ทีด่ นิ ตามวรรคหนงึ่ นายอาเภอและองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินจะรว่ มกันดาเนนิ การหรอื ฝ่ายใดฝ่ายหน่งึ จะเปน็ ผูด้ าเนินการ กใ็ ห้มีอานาจกระทาได้ ทง้ั น้ี กระทรวงมหาดไทยจะวางระเบยี บกาหนดหลกั เกณฑ์เป็นแนวปฏบิ ตั ดิ ้วยก็ได้ คา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินการตามวรรคหนงึ่ และวรรคสามใหจ้ า่ ยจากงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ตามระเบยี บทก่ี ระทรวงมหาดไทยกาหนด มาตรา ๑๒๓ ที่วดั หรือกศุ ลสถานอย่างอนื่ ซงึ่ เปน็ ของกลางสาหรบั มหาชน กใ็ หอ้ ย่ใู นหนา้ ท่ี กรมการอาเภอจะตอ้ งคอยตรวจตราอดุ หนุนผู้ปกปักรกั ษาอยา่ ใหผ้ ใู้ ดรกุ ลา้ เบยี ดเบียนท่อี นั น้ัน ฆ. บารุงการศกึ ษา มาตรา ๑๒๔ กรมการอาเภอต้องปรึกษาดว้ ยกานัน ผู้ใหญ่บ้าน และผอู้ ปุ การะการศึกษาใน ท้องท่ี มพี ระภิกษสุ งฆเ์ ป็นตน้ ช่วยกันแนะนาและจัดให้มีสถานทีเ่ ลา่ เรยี นใหพ้ อแกเ่ ดก็ ในอาเภอนัน้ มาตรา ๑๒๕ กรมการอาเภอตอ้ งตรวจตราปรกึ ษาด้วยกานัน ผ้ใู หญ่บา้ น และผู้อุปการะ การศกึ ษาในทอ้ งที่ จดั บารุงการสง่ั สอนอย่าให้เสอ่ื มทราม มาตรา ๑๒๖ กรมการอาเภอต้องคอยชแี้ จงตักเตือนแกก่ านนั ผู้ใหญ่บา้ น บดิ ามารดา และ ผปู้ กครองเด็กใหส้ ่งบตุ รหลานไปเล่าเรียน

ง. การเกบ็ ภาษีอากร มาตรา ๑๒๗ บรรดาภาษีอากร ซง่ึ มิไดม้ ีกฎหมายหรือข้อบงั คับให้พนักงานอน่ื เกบ็ แลว้ เปน็ หนา้ ท่ขี องกรมการอาเภอท่จี ะจดั การเก็บในอาเภอน้นั มาตรา ๑๒๘ ในการเกบ็ ภาษอี ากร กรมการอาเภอต้องคอยตรวจตราเวลาเกดิ อุบัติเหตุ หรอื เป็นเวลาราษฎรอตั คัดขัดสนเมอ่ื ถงึ กาหนดทีจ่ ะเก็บภาษีอากรนั้น ๆ ให้รแู้ ละรายงานพรอ้ มทง้ั ความเห็นทค่ี วร จะจดั การผอ่ นผันอย่างใด ใหผ้ ้วู ่าราชการเมอื งทราบ มาตรา ๑๒๙ เงนิ หลวงทเี่ ก็บภาษีอากรไดก้ ็ดี หรือท่ไี ด้จากประเภทอ่ืนกด็ ี ซึง่ จะตอ้ งนาสง่ พระคลงั เป็นหนา้ ทีข่ องกรมการอาเภอทจี่ ะรักษาและนาส่งถึงพระคลงั จ. หนา้ ท่ี เบด็ เสรจ็ มาตรา ๑๓๐ ในหน้าทขี่ องกรมการอาเภอทจี่ ะจดั การทั้งปวงในอาเภอให้เรียบร้อยน้นั ถ้า หากวา่ กรมการอาเภอเห็นวิธกี ารงานอยา่ งใดยังบกพร่อง ใหร้ ายงานชีแ้ จงความเหน็ ตอ่ ผวู้ ่าราชการเมือง ขอ อนญุ าตแกไ้ ขตามท่ีคิดเหน็ วา่ เปน็ อยา่ งดี มาตรา ๑๓๑ กรมการอาเภอมีหน้าท่จี ะต้องช่วยราชการของอาเภออื่นทีใ่ กล้เคียง แมต้ า่ ง เมอื งกนั และในการทีช่ ว่ ยนไ้ี ม่จาจะต้องรอจนอาเภอนน้ั ขอใหช้ ว่ ย ถ้ารเู้ หตุการณซ์ ึง่ เหน็ วา่ ตนควรจะช่วยเหลอื จงึ จะเป็นประโยชน์แกร่ าชการ ตอ้ งช่วยเหลอื ทีเดยี ว มาตรา ๑๓๒ หน้าที่ของกรมการอาเภอนอกจากที่กล่าวไวใ้ นพระราชบัญญตั ิลักษณะปกครอง ท้องทนี่ ี้ ยังต้องทาตามความซ่งึ กาหนดไว้ในพระราชกาหนดกฎหมายอยา่ งอน่ื ๆ อันกาหนดไวว้ า่ เปน็ หนา้ ที่ของ กรมการอาเภอ แมพ้ ระราชกาหนดกฎหมายใดมิได้ระบุไว้ในพระราชกาหนดกฎหมายนัน้ ๆ วา่ เป็นหน้าท่ีของ ผูใ้ ด ก็ใหพ้ งึ เขา้ ใจว่าเปน็ หนา้ ท่ีของกรมการอาเภอที่จะรกั ษาการให้เปน็ ไปตามพระราชบญั ญัตนิ ้ัน ๆ ประกาศมา ณ วนั ท่ี ๔ กรกฎาคม พระพทุ ธศักราช ๒๔๕๗ เป็นวันท่ี ๑๓๓๒ ในรัชกาล ปจั จบุ นั น้ี พระราชบัญญตั ิลกั ษณะปกครองทอ้ งที่ (ฉบบั ท่ี ๒) พุทธศักราช ๒๔๘๖

มาตรา ๑๘ กานันผ้ใู หญ่บา้ นทมี่ ีอายุไม่เกินหกสบิ ปซี ง่ึ ดารงตาแหน่งอยใู่ นวนั ใช้ พระราชบญั ญัติน้ีใหค้ งอยู่ในตาแหน่งต่อไป แต่ถา้ ขา้ หลวงประจาจงั หวัดเห็นว่าผู้ใดไมส่ ามารถท่ีจะบรหิ าร ราชการได้ ตามอานาจหน้าท่ีในพระราชบัญญตั ินกี้ ใ็ ห้ขา้ หลวงประจาจังหวัดส่ังให้ผ้นู น้ั พ้นจากตาแหนง่ พระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองท้องที่ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๕ กานันผู้ใหญบ่ า้ นและผูช้ ่วยผู้ใหญบ่ า้ น ซึง่ ดารงตาแหน่งอยู่ในวนั ใช้พระราชบญั ญตั ิ นี้ ใหค้ งอย่ใู นตาแหนง่ ต่อไป พระราชบญั ญัติลักษณะปกครองทอ้ งที่ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๘ ผู้ช่วยผูใ้ หญ่บา้ นซ่ึงดารงตาแหนง่ อยู่ในวนั ทพ่ี ระราชบญั ญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็น ผ้ชู ่วยผใู้ หญ่บ้านฝา่ ยปกครอง และให้อยูใ่ นตาแหน่งตามวาระของตาแหน่งเดมิ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั นี้ คือ ดว้ ยกระทรวงมหาดไทยไดพ้ จิ ารณาเหน็ ว่า หน้าที่ในการรกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยและปราบปรามโจรผ้รู า้ ยภายในเขตหมู่บ้าน เป็นหน้าท่สี าคัญประการ หนงึ่ ของผใู้ หญบ่ ้าน แต่ในปัจจุบันผใู้ หญบ่ ้านยงั มีหน้าทีท่ ี่จะต้องปฏบิ ัติในด้านอ่ืน ๆ ตามอานาจหน้าท่ีทม่ี ตี าม กฎหมายอย่างกว้างขวางและผใู้ หญ่บา้ นกม็ ีแตเ่ พียงผูช้ ่วยผ้ใู หญ่บ้านเท่าน้ันทมี่ ีหนา้ ที่ช่วยเหลอื ผใู้ หญ่บ้านใน กิจการต่าง ๆ ตามท่ีผใู้ หญ่บ้านจะมอบหมายให้ ผใู้ หญบ่ า้ นยงั ไม่มีเจา้ หนา้ ทผี่ ู้ทาหน้าท่ีช่วยเหลือในดา้ นการ รักษาความสงบเรียบรอ้ ยและปราบปรามโจรผู้ร้ายโดยตรง จงึ ทาให้การปฏบิ ัติหนา้ ท่ใี นด้านรกั ษาความสงบ เรยี บรอ้ ยและปราบปรามโจรผรู้ ้ายยังไม่ได้ผลดเี ทา่ ทีค่ วร จงึ เหน็ สมควรกาหนดใหม้ ี “ผชู้ ่วยผใู้ หญบ่ ้านฝา่ ย รักษาความสงบ” ข้ึนเพอ่ื ทาหนา้ ท่ีเกยี่ วกับการรกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยและปราบปรามโจรผรู้ ้าย และเพอ่ื ให้ เหน็ ความแตกต่างกบั ผ้ชู ่วยผใู้ หญบ่ ้านปัจจบุ นั จึงได้เปลย่ี นชอื่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บา้ นปจั จบุ ันเป็นผู้ช่วยผใู้ หญ่บ้าน ฝา่ ยปกครองโดยให้กานนั และผใู้ หญบ่ า้ นรว่ มกนั พิจารณาคดั เลือกไดไ้ ม่เกิน ๕ คน นอกจากน้ี กรรมการหมู่บ้าน และกรรมการตาบลตามกฎหมายท่ีมีอยใู่ นปจั จุบนั นย้ี ังไมเ่ ป็นการเหมาะสมและไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานซึ่ง เพิม่ เตมิ ขึน้ อยา่ งรวดเร็วของกระทรวง ทบวง กรมตา่ ง ๆ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ สมควรจะไดพ้ จิ ารณา ปรับปรงุ แกไ้ ข ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑๒ ลงวนั ที่ ๓ เมษายน พุทธศกั ราช ๒๕๑๕ ประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ ๓๖๔ ลงวันท่ี ๑๓ ธันวาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ ข้อ ๕ ให้กานัน ผใู้ หญบ่ ้าน แพทยป์ ระจาตาบล และผชู้ ว่ ยผูใ้ หญบ่ ้าน ซ่ึงดารงตาแหน่งอยู่ใน วันทปี่ ระกาศของคณะปฏิวตั ฉิ บบั นีใ้ ชบ้ งั คบั คงอยูใ่ นตาแหนง่ ตอ่ ไป เว้นแต่ผู้ที่มีอายเุ กนิ หกสิบปบี รบิ ูรณ์ พระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองทอ้ งท่ี (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๖

หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัติฉบบั น้ี คือ โดยท่ีมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติ ลกั ษณะปกครองท้องที่ พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับท่ี ๓๖๔ ลง วันท่ี ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ กาหนดคณุ สมบตั ิผู้ใหญบ่ า้ นให้มพี ื้นความรไู้ มต่ า่ กวา่ ประโยคประถมศกึ ษา ตอนต้นหรอื ทีก่ ระทรวงศกึ ษาธิการเทยี บไม่ต่ากวา่ ประโยคประถมศึกษาตอนต้น เพื่อใหม้ ีประสิทธภิ าพยิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าบางหมบู่ า้ นซึ่งเปน็ ท้องทีก่ ันดารชายแดนหรอื เป็นทอ้ งถน่ิ ทีม่ ีชาวเขาอยู่อาศยั ราษฎรยงั ไม่อาจ เลือกผู้ใหญบ่ ้านทีม่ ีพ้ืนความร้ดู งั กลา่ วได้ เปน็ อปุ สรรคแก่การเร่งรดั พัฒนา สมควรแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ให้อานาจผู้วา่ ราชการจงั หวัดโดยอนมุ ตั ิรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยทจ่ี ะประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเวน้ หรอื ลดหยอ่ นพ้นื ความรขู้ องผู้ใหญบ่ ้านในบางท้องท่ีได้ จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบัญญตั ฉิ บับนข้ี ้นึ พระราชบัญญตั ิลกั ษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๕ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ฉิ บบั นี้ คือ ๑. เพื่อเปิดโอกาสใหส้ ตรเี ป็นผู้ใหญบ่ า้ นได้ เพราะตาแหน่งผู้ใหญบ่ า้ นปัจจุบันไมต่ อ้ ง รับผิดชอบด้านการปราบปรามอาชญากรรม ท้ังอาจจะแตง่ ตงั้ ผชู้ ่วยผู้ใหญบ่ ้านท่ีเป็นผู้ชายได้อยู่แล้ว ๒. เพื่อใหผ้ มู้ สี ัญชาติไทยโดยการเกิดเทา่ นั้น เป็นผูใ้ หญ่บ้านได้ ๓. เพอื่ กาหนดมิใหข้ า้ ราชการการเมอื ง เปน็ ผ้ใู หญบ่ ้านใหส้ อดคล้องกบั กฎหมายรัฐธรรมนญู พระราชบญั ญัติลกั ษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๗ หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบับน้ี คอื เนือ่ งจากพระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครอง ทอ้ งที่ พระพุทธศกั ราช ๒๔๕๗ ไดก้ าหนดจานวนทุนทรัพยใ์ นการเปรยี บเทยี บความแพง่ ค่าธรรมเนียม หมายเรียกและคารอ้ งรวมกนั และคา่ ธรรมเนยี มทาใบยอมไว้ในอตั ราทย่ี งั ไม่เหมาะสมกับคา่ ของเงินตราและ ภาวะเศรษฐกจิ ในปัจจุบนั สมควรแกไ้ ขเพ่มิ เติมจานวนทุนทรพั ย์และอัตราคา่ ธรรมเนยี มเสยี ใหมใ่ หเ้ หมาะสม ยิง่ ขึน้ จึงจาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญตั ินี้ พระราชบญั ญตั ิลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๓๒ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัตฉิ บบั น้ี คือ เน่อื งจากกฎหมายว่าด้วยลกั ษณะปกครอง ทอ้ งท่ี กาหนดคุณสมบัติและลกั ษณะตอ้ งหา้ มของผู้ทีจ่ ะได้รบั เลอื กเปน็ ผู้ใหญบ่ า้ นไว้ว่าตอ้ งไม่เป็นภกิ ษุ สามเณร นักพรต หรอื นกั บวชทาให้ผใู้ หญ่บา้ นต้องออกจากตาแหน่งถา้ อปุ สมบทหรือบรรพชา เพือ่ เปน็ การเปดิ โอกาสให้กานนั และผ้ใู หญบ่ ้านมสี ทิ ธอิ ุปสมบทหรือบรรพชาได้ เชน่ เดยี วกับข้าราชการและพนักงานรัฐวสิ าหกิจ สมควรกาหนดใหก้ านนั และผูใ้ หญ่บ้านมสี ทิ ธิลาอปุ สมบท หรือบรรพชาไดเ้ ปน็ เวลาตดิ ต่อกันไมเ่ กินหน่ึงร้อย ย่ีสิบวนั และตอ้ งไดร้ บั อนุญาตจากผ้วู า่ ราชการจงั หวดั จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบัญญตั ิน้ี พระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองทอ้ งท่ี (ฉบบั ท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๗ ให้กานนั ผู้ใหญ่บ้าน ซง่ึ ดารงตาแหน่งอยแู่ ล้วในวันทีพ่ ระราชบญั ญัตนิ ใี้ ช้บังคับ ยังคงดารงตาแหน่งอย่ตู อ่ ไปจนกว่าจะมอี ายคุ รบหกสิบปบี รบิ ูรณ์

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบัญญตั ฉิ บับน้ี คอื เนอื่ งจากพระราชบญั ญัตลิ กั ษณะปกครอง ทอ้ งทีพ่ ระพทุ ธศักราช ๒๔๕๗ ทใ่ี ช้บงั คบั ในปัจจบุ นั กาหนดคุณสมบตั ิเกย่ี วกบั อายุของกานนั ผู้ใหญบ่ ้าน ไวว้ า่ ต้องมอี ายตุ ง้ั แตย่ ี่สิบห้าปีบริบรู ณ์ แต่ไมเ่ กินหกสิบปีบริบูรณ์ ซ่ึงมรี ะยะเวลาในการดารงตาแหน่งนานท่ีสดุ ถึง สามสิบห้าปี ประกอบกับการกาหนดคุณสมบัตแิ ละลักษณะตอ้ งหา้ ม ยังไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับ สภาพการณ์ปจั จุบนั สมควรกาหนดระยะเวลาการอยใู่ นตาแหน่งของผูใ้ หญ่บา้ นเป็นวาระ คราวละหา้ ปี และ กาหนดคุณสมบัตแิ ละลักษณะต้องหา้ มเพิม่ ขนึ้ อีก จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบัญญตั ิน้ี พระราชบัญญตั ิลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ มิให้นาบทบัญญตั ิมาตรา ๑๒ (๗) แห่งพระราชบญั ญตั ลิ ักษณะปกครองทอ้ งที่ พระ พุทธศกั ราช ๒๔๕๗ ซ่งึ แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบญั ญัตนิ ้ี กรณกี ารกาหนดลักษณะตอ้ งหา้ มมิใหผ้ ู้ใหญบ่ ้าน เป็นสมาชิกรฐั สภา สมาชิกสภาท้องถ่ินหรอื ผูบ้ ริหารทอ้ งถน่ิ มาใชบ้ ังคับกับกานนั ผูใ้ หญ่บา้ น หรอื แพทย์ประจา ตาบล ซง่ึ ดารงตาแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับจนกวา่ จะพ้นจากตาแหนง่ หรือครบวาระ หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบัญญตั ฉิ บับน้ี คอื เน่อื งจากการใช้สทิ ธเิ ลือกตงั้ บุคคลใหท้ า หน้าท่ีแทนราษฎรควรมีหลกั เกณฑ์ท่ีสอดคล้องกนั ท้ังนี้ โดยรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๐๕ บญั ญัตใิ หผ้ ูม้ ีอายไุ มต่ ่ากวา่ สบิ แปดปบี รบิ รู ณใ์ นวันที่ ๑ มกราคม ของปที ่มี ีการเลอื กตง้ั เปน็ ผู้มีสิทธิเลอื กต้ังได้ ซ่ึงตอ่ มาไดม้ กี ารแกไ้ ขสิทธิเลือกตัง้ ในองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ตา่ ง ๆ ให้เปน็ ไปตามเกณฑด์ งั กล่าวแล้ว สมควรแก้ไขอายุของผู้มสี ิทธิเลือกผ้ใู หญ่บ้านให้สอดคลอ้ งกับหลกั เกณฑ์ของผมู้ ีสทิ ธเิ ลอื กต้งั ตามรัฐธรรมนญู ด้วย และโดยที่การกาหนดคุณสมบตั ิและลกั ษณะต้องหา้ มของผทู้ ่ีจะได้รบั เลือกเปน็ ผูใ้ หญบ่ ้าน ผูม้ สี ทิ ธิจะไดร้ บั คัดเลือกเปน็ ผู้ชว่ ยผูใ้ หญ่บา้ นฝา่ ยปกครองหรือผ้ชู ว่ ยผ้ใู หญบ่ า้ นฝ่ายรักษาความสงบ วา่ ท่ีผู้ใหญ่บา้ น และ กรรมการหมูบ่ า้ น ผทู้ รงคุณวุฒิ ตลอดจนการออกจากตาแหน่งของผูช้ ว่ ยผใู้ หญ่บ้านฝา่ ยปกครองและผู้ช่วย ผู้ใหญ่บา้ นฝ่ายรกั ษาความสงบ และกรรมการหมบู่ า้ นผูท้ รงคุณวฒุ ยิ งั บัญญตั ิไว้ไม่สอดคล้องกนั รวมท้งั ยังไมม่ ี บทบัญญัติใหผ้ ชู้ ่วยผใู้ หญบ่ ้านฝา่ ยปกครองและผู้ชว่ ยผ้ใู หญบ่ ้านฝา่ ยรักษาความสงบตอ้ งออกจากตาแหนง่ เมอ่ื ผใู้ หญบ่ ้านต้องออกจากตาแหน่งไว้ดว้ ย เพ่ือใหผ้ ใู้ หญบ่ า้ นทีเ่ ข้ารับตาแหนง่ ใหม่สามารถคดั เลอื กตัวบุคคล มารว่ มปฏิบัตงิ านในท้องที่ในฐานะผูช้ ว่ ยผูใ้ หญบ่ า้ นได้ตามความตอ้ งการแก่การบรหิ ารและการปกครอง ทอ้ งท่ี จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบัญญตั ินี้ พระราชบญั ญตั ลิ ักษณะปกครองท้องท่ี (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๔ ใหก้ านนั และผ้ใู หญบ่ ้านซ่ึงดารงตาแหน่งอยใู่ นวนั ที่พระราชบญั ญตั นิ ใี้ ชบ้ ังคับ ยงั คงดารงตาแหน่งตอ่ ไปจนกว่าจะพ้นจากตาแหน่งตามวาระหรอื ดว้ ยเหตุอืน่ ทง้ั นี้ ตามทกี่ าหนดไว้ใน พระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครองทอ้ งท่ี พระพุทธศกั ราช ๒๔๕๗ ก่อนการแก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตินี้ มาตรา ๑๕ บรรดาความแพง่ ซ่งึ อยใู่ นระหว่างการดาเนินการของนายอาเภอก่อนหรอื ในวันท่ี พระราชบญั ญตั ินใ้ี ชบ้ ังคบั ใหน้ ายอาเภอมีอานาจดาเนินการตอ่ ไปจนแลว้ เสรจ็ ตามมาตรา ๑๐๘ แห่ง พระราชบญั ญัตลิ กั ษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศกั ราช ๒๔๕๗ ซงึ่ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิลกั ษณะ

ปกครองทอ้ งที่ (ฉบบั ที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๗ ก่อนถูกยกเลิกโดยพระราชบญั ญัตนิ ี้ หรือจะดาเนนิ การตามกฎหมาย อืน่ ที่บญั ญตั ใิ นเรื่องดังกลา่ วไวเ้ ปน็ การเฉพาะก็ได้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัติฉบับน้ี คือ เนอื่ งดว้ ยปัจจุบันได้มกี ารปรับปรงุ การบรหิ าร ราชการแผ่นดนิ ให้เปน็ ไปโดยรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสทิ ธภิ าพ แต่โดยท่ีกระบวนการเข้าสตู่ าแหนง่ ระยะเวลาการดารงตาแหนง่ การพน้ จากตาแหน่ง และบทบาทและอานาจหน้าท่ขี องกานนั และผู้ใหญ่บา้ นตาม พระราชบญั ญัตลิ กั ษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ยงั มิไดม้ กี ารปรบั ปรงุ ให้เหมาะสมทาใหก้ าร ปฏิบัตงิ านของกานันและผู้ใหญ่บ้านไม่เกิดประสทิ ธภิ าพเท่าที่ควร ประกอบกบั อานาจหนา้ ทย่ี งั มคี วามซ้าซ้อน กบั ภารกิจและอานาจหน้าทข่ี ององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ สมควรท่ีจะได้มีการปรับปรงุ กระบวนการเข้าสู่ ตาแหน่ง ระยะเวลาการดารงตาแหนง่ การพ้นจากตาแหนง่ และบทบาทและอานาจหน้าทีข่ องกานันและ ผใู้ หญบ่ ้าน รวมถงึ บทบาทและการปฏิบัติหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการหมบู่ ้าน ให้สอดคล้องกับการปรับปรงุ การ บริหารราชการแผ่นดินและอานาจหน้าทข่ี ององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญัตินี้ พระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองทอ้ งท่ี (ฉบับท่ี ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๔ ใหร้ ัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญตั ฉิ บบั นี้ คือ โดยที่ กานนั ผูใ้ หญ่บ้าน แพทย์ประจาตาบล สารวัตรกานนั ผู้ช่วยผใู้ หญบ่ า้ น เปน็ บุคคลในพื้นที่ท่มี ีความใกล้ชดิ กับราษฎรในการปฏิบตั ิงานตามกฎหมาย และแนวนโยบายของรัฐ เปน็ ผู้ช่วยเหลือนายอาเภอซ่งึ เป็นส่วนหน่ึงของราชการบริหารสว่ นภูมิภาคมบี ทบาท อานาจหนา้ ท่ตี ามพระราชบัญญัตลิ ักษณะปกครองทอ้ งที่ พระพทุ ธศักราช ๒๔๕๗ ท่ีได้แกไ้ ขเพิม่ เตมิ ถงึ ปัจจุบัน โดยเฉพาะในการเป็นผู้ประสานงานระหวา่ งราชการสว่ นภูมิภาคกบั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การรักษา ความสงบเรยี บร้อย การป้องกนั และแกไ้ ขปญั หากรณตี ่าง ๆ นอกจากนี้ยงั ทาหน้าทเ่ี ป็นคนกลางในการไกล่ เกลี่ย ประนปี ระนอมและจัดการระงบั ปัญหาความขัดแย้งในทอ้ งท่ี และยังมีฐานะเป็นตวั แทนของรัฐ ตัวแทน ของราษฎรเกย่ี วกบั เรื่องร้องทุกข์ ความเดือดรอ้ นของราษฎรเพอ่ื นาเสนอต่อสว่ นราชการ เพ่ือใหค้ งมีตาแหนง่ กานัน ผู้ใหญ่บา้ น แพทยป์ ระจาตาบล สารวตั รกานัน ผู้ช่วยผใู้ หญ่บา้ นใน ทุกตาบล หมูบ่ ้านต่อไป จึงจาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี