Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การส่งเสริมความสุขตามหลักพุทธธรรม สำหรับโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร.

การส่งเสริมความสุขตามหลักพุทธธรรม สำหรับโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร.

Published by PRASIT P., 2020-12-07 11:45:14

Description: โดย ดร.ชลตวรรณ ขุมเพ็ชร
.............
ออกแบบโดย ประสิทธิ์ พุทธศาสน์ศรัทธา

Keywords: การส่งเสริม,ความสุข

Search

Read the Text Version

www.drprasit.net



(2) ISBN : 978-616-577-134-4 ทีป่ รกึ ษา : รศ.ดร.สมศกั ดิ์ บญุ ปู ผศ.ดร.ระวงิ เรอื งสงั ข PREPRESS By ผศ.ดร.ประสทิ ธิ์ พุทธศาสนศรทั ธา | ๐๘๖ ๑๕๕ ๖๒๗๙ www.drprasit.net | Email : [email protected] ผรู บั ผิดชอบการจัดพิมพ ดร.ชลตวรรณ ขุมเพช็ ร สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โทรศพั ท ๐๘๕ ๔๐๔ ๗๐๐๙ E-BOOK PubHTML5

(3) คานิยม ธรรมะของพระพุทธเจ้านน้ั จาแนกออกเปน็ ๓ ปฎิ กคือ พระวนิ ัยปฎิ ก เกี่ยวกับข้อบัญญัติในการอนุญาต หรือข้อห้ามส่ิงหนึ่งสิ่งใดของนักบวชใน พระพุทธศาสนา พระสุตตันตปิฎกเกี่ยวกับหลักธรรมท่ีใช้ในการปฏิบัติเพ่ือ พ้นวัฏฏสงสาร หรือเพ่ือให้เกิดความสุขทั้งตนเองและสังคม และพระอภิธรรม ปิฎก เกี่ยวกับสภาวธรรมท่ีไม่ใช่บุคคล ตัวตน เรา เขา หลักพุทธธรรมในทาง พระพุทธศาสนาน้ันนับว่าเป็นธรรมนูญท่ีใช้ในการอยู่ร่วมกนั ปฏิบัติร่วมกัน โดย แบ่งออกเป็น ๓ ปฎิ กทั้งหมดนีเ้ ปรียบเหมอื นรา่ งกายของมนษุ ย์เราจะขาดอย่างใด อย่างหน่ึงไม่ได้ พระวินัย มี ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ประกอบด้วยคัมภีร์ มหา วิภังค์ ภิกษุณีวิภังค์ มหาวรรค จุฬวรรค และบริวาร เป็นเสมือนผิวหนัง พระสูตร มี ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ประกอบด้วยคัมภีร์ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตต นิกาย อังคุตตรนิกาย และขุททกนิกาย เปรียบเสมือนเน้อื และพระอภิธรรมปิฎก มี ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ประกอบด้วยคัมภรี ์ธมั มสังคณี วภิ ังค์ ธาตุกถา ปุคคล บัญญัติ กถาวัตถุ ยะมะกะ ปัฏฐาน เปรียบเสมือนกระดูก ซึ่งการศึกษาใน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาน้ันจะมงุ่ เน้นใหน้ ิสิตมีความรู้ ความเข้าใจ ทง้ั ทางโลก และทางธรรมสามารถนาเอาหลักธรรมไปประยกุ ตใ์ ช้ไดก้ บั การทางาน อย่างไรก็ตามการศึกษาในระดับดุษฎีบัณฑิตน้ัน เป็นการทุ่มเทท้ัง แรงกาย แรงใจ และแรงของทุนทรัพย์ เพื่อให้ได้ผลงานวิจัยออกมาและสามารถ นาไปใช้ในการบริหารการศึกษาได้สมดังเจตนารมณ์ของหลักสูตร ดร.ชลตวรรณ ขุมเพ็ชร นิสิตปริญญาเอก ครั้นเม่ือทาวิทยานิพนธ์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึง ต้องการนาผลจากการศึกษามาเป็นคู่มือแนวทางในการใช้ผลของการวิจั ยนี้ไป บริหารโรงเรียน ได้มาปรึกษาเก่ยี วกับการทาหนงั สือคู่มือให้เป็นรปู เล่มที่สามารถ

อ่านง่ายเข้าใจเร็ว ปรับการเขียนใหม่ให้เป็นรปู แบบของหนังสือกระชับให้อ่านได้ (4) อย่างกระชบั ไมย่ าวเกนิ ไป ข้าพเจ้าขออนุโมทนากุศลเจตนารมณ์ของ ดร.ชลตวรรณ ขุมเพ็ชร ท่ี อุตสาหะปรับย่องานวิจัยมาเป็นคู่มือให้อ่านง่าย ขอให้ท่านผู้อ่านได้รับสารัตถะ จากหนังสือเล่มนี้ตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน และเพ่ิมพูนปัญญาบารมีของตน ตอ่ ไป ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ระวิง เรอื งสังข์ อาจารยป์ ระจาหลกั สตู ร ภาควิชาบรหิ ารการศึกษา คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั อ่านง่ายเข้าใจเร็ว ปรับการเขียนใหม่ให้เป็นรปู แบบของหนงั สือกระชับให้อ่านได้ อย่างกระชับไมย่ าวเกินไป ข้าพเจ้าขออนุโมทนากุศลเจตนารมณ์ของ ดร.ชลตวรรณ ขุมเพ็ชร ท่ี อุตสาหะปรับย่องานวิจัยมาเป็นคู่มือให้อ่านง่าย ขอให้ท่านผู้อ่านได้รับสารัตถะ จากหนังสือเล่มน้ีตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน และเพิ่มพูนปัญญาบารมีของตน ต่อไป ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ระวิง เรอื งสังข์ อาจารย์ประจาหลักสตู ร ภาควชิ าบรหิ ารการศึกษา คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย

การสง่ เสรมิ ความสขุ ตามหลกั พทุ ธธรรมสาหรับโรงเรยี นสงั กัดกรงุ เทพมหานคร (5๑) คานา ค่มู อื การใช้การส่งเสริมความสุขตามหลกั พทุ ธธรรม สาหรบั โรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานครฉบับน้ี เป็นส่วนหนึ่งของดุษฎีนิพนธ์ ตามหลักสูตรพุทธศาสตร ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพทุ ธบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย จัดทาข้ึนเพ่ือเป็นคู่มือสาหรับการส่งเสริมความสุขตามหลัก พุทธธรรมของครู เพือ่ ใหเ้ ปน็ บุคลากรท่ีมีความสมบูรณท์ ง้ั ร่างกาย จิตใจ สติปญั ญา อกี ทัง้ สามารถอย่รู ว่ มกับผู้อ่ืนได้อยา่ งมคี วามสขุ ผ้จู ัดทาหวังเป็นอย่างยง่ิ วา่ คมู่ ือการใช้การสง่ เสริมความสุขตามหลกั พุทธ ธรรมสาหรบั โรงเรยี นสงั กัดกรุงเทพมหานครจะเป็นประโยชนต์ อ่ สถานศกึ ษาท่ีนาไป ปรับใช้เพื่อให้เกิดการส่งเสริมความสุขตามหลักพุทธธรรมของครู ทุกระดับ การศึกษา ชลตวรรณ ขมุ เพช็ ร สาขาวชิ าพทุ ธบริหารการศกึ ษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒ การส่งเสริมความสขุ ตามหลกั พุทธธรรม สาหรับโรงเรียนสังกัดกรงุ เทพมหานคร (6) สารบญั หน้า คานยิ ม (๓ก) คานา (๕ค) สารบัญ (๖)ง ความเปน็ มาของระบบ .................................................................................... ๑ ความหมายของระบบ ...................................................................................... ๓ ประโยชนข์ องระบบ ........................................................................................ ๓ ความสขุ ........................................................................................................... ๔ ประโยชน์ของความสุข ..................................................................................... ๕ หลกั พุทธธรรม .................................................................................................. ๗ องค์ประกอบของระบบการส่งเสรมิ ความสขุ ตามหลกั พุทธธรรมของครู ........... ๙ ๑. ดา้ นปจั จยั ปอ้ นเข้า ........................................................................... ๑๐ ๒. กระบวนการสง่ เสริมความสขุ .......................................................... ๑๗ องคป์ ระกอบของความสขุ ............................................................. ๑๙ องค์ประกอบที่ ๑ การสร้างศรทั ธาตอ่ ความสุข ............................... ๑๙ องค์ประกอบที่ ๒ เปิดโลกทัศนค์ วามสขุ ........................................ ๒๒ องค์ประกอบที่ ๓ เปดิ โอกาสในการพฒั นาองค์ประกอบของ ความสขุ ........................................................... ๒๔ องค์ประกอบท่ี ๔ ประสานงานในการสร้างความสุข ...................... ๒๕ องค์ประกอบท่ี ๕ สรา้ งดชั นีความสุขในที่ทางาน ........................... ๒๗

การสง่ เสริมความสุขตามหลกั พทุ ธธรรมสาหรบั โรงเรยี นสังกัดกรุงเทพมหานคร (7) ๓ องคป์ ระกอบท่ี ๖ ประสานพลังในการสร้างวัฒนธรรมการทางาน อยา่ งมคี วามสุข ................................................. ๓๐ ๓. ปัจจยั สง่ ออก ................................................................................... ๓๔ ๔. ข้อมลู ย้อนกลับ ................................................................................. ๓๕ ๕. สภาพแวดล้อม ................................................................................. ๓๖ บรรณานกุ รม ................................................................................................... ๓๙

(๔8) การสง่ เสรมิ ความสุขตามหลกั พุทธธรรม สาหรบั โรงเรยี นสงั กดั กรุงเทพมหานคร แผนภาพ : การส่งเสริมความสุขตามหลักพุทธธรรม สาหรับโรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานคร การส่งเสริมความสุขตามหลักพุทธธรรม สาหรับโรงเรียนสังกั ด กรงุ เทพมหานคร โดยมอี งค์ประกอบของระบบ ๕ องคป์ ระกอบ คอื ๑) ด้านปัจจยั ป้อนเข้า ๒) กระบวนการส่งเสริมความสุขในการทางานของครู ๓) ปัจจัยป้อนออก ๔) ข้อมูล ปอ้ นกลับ ๕) สภาพแวดลอ้ ม

การส่งเสรมิ ความสขุ ตามหลักพทุ ธธรรมสาหรับโรงเรยี นสงั กัดกรงุ เทพมหานคร ๑ ความเปน็ มาของระบบ แนวคิดและทฤษฎีระบบ เริ่มต้นข้ึนเมื่อประมาณ ปี ๑๙๒๐-๑๘๔๐ นักวิทยาศาสตร์ท้ังหลายมองเห็นปรากฏการณ์ต่างๆ บนโลกนี้เกิดข้ึนอย่างมคี วาม ซับซอ้ นเป็นไปในลักษณะเดียวกนั คล้ายกนั ซึ่งเรียกว่า ความเปน็ ระบบ กระทัง่ เม่ือ ประมาณ ปี ค.ศ.๑๙๓๐ Lydving Von Bertalanffy ค้นพบทฤษฎีระบบท่ัวไป (General Systems Theory) และนาเสนอมุมมองระบบแบบองค์รวมในปี ค.ศ. ๑๙๕๖ ผู้ที่เร่ิมพูดถึงแนวคิดน้ีเป็นคนแรก คือ Bertalanfy นักชีววิทยา ชาว ออสเตรีย ต่อมาแนวคิดนี้เร่ิมเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายเมื่อทศวรรษ ๑๙๔๐ และ พฒั นาไปสู่สาขาอืน่ ๆ เชน่ ฟิสิกส์ Cybernetic (เช่นงานของ Freder ic Vester) การศึกษาองค์การ โดยเน้นเฉพาะโครงสร้างตามแนวคิดของนกั วิชาการ กลุ่มการบริหารเชิงวิทยาศาสตรห์ รือเนน้ เฉพาะการปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มบริหารเชิง มนุษยสัมพันธ์ย่อมมีปัญหา เพราะไม่ครอบคลุมพฤติกรรทุกส่วนขององค์การท้ัง

๒2 | ดร.ชกลาตรวสรง่รเณสรขิมุมคเวพาช็มรสุขตามหลักพทุ ธธรรม สาหรบั โรงเรยี นสงั กัดกรุงเทพมหานคร ระบบ ทาให้สามารถอธิบายพฤติกรรมทุกส่วนของ องค์การได้ไม่ครอบคลุมทุก ระดับทง้ั ระดับบคุ คล ระดบั กลมุ่ และระดับองคก์ าร ทฤษฎีน้ีจึงเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบัน องคก์ ารมกี ารขยายตงั อย่างรวดเร็วและสลบั ซับซอ้ นมากข้ึนจึงยากท่ีจะพิจารณาถึง พฤติกรรมขององค์การโดยให้ครอบคลุมได้หมดทุกแง่ทุกมุม ทาให้นักวิชาการการ บรหิ ารทฤษฎอี งค์การสมัยใหม่หันมาศึกษาเรื่องพฤติกรรมองคก์ าร โดยมคี วามเห็น ว่าองค์การเปน็ ระบบสังคมซงึ่ เป็นระบบใหญ่ จงึ ตอ้ งมปี ฏิสมั พันธ์กับสงิ่ แวดล้อมอยู่ ตลอดเวลา (จนั ทรานี สงวนนาม, ๒๕๔๕) ผทู้ ี่คิดทฤษฎีระบบ คือ ลดั วิก วอน เบอร์ ทาแลนฟิ (Ludwig Von Bertalanffy) ซ่ึงเป็นนักชีววิทยาเป็นคนแรกท่ีเขียน หนังสือช่ือ “General System Theory” โดยนาเอาแนวความคิด มาจากระบบ ชีววิทยา ซ่ึงเป็นระบบท่ีมีปฏิสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมว่าระบบชีววิทยาที่สมบูรณ์จะ ช่วยให้ท้ังคน สัตว์ และพืช สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ทั้งในด้านการ เรียนรู้ ปฏิกิริยา ตอบสนอง และการแกป้ ัญหา เขามีความเชื่อวา่ ในเมือ่ องค์การเป็น ระบบเปดิ จึงยอ่ มมปี ฏิสมั พันธ์ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม และเปล่ยี นแปลงได้อย่างเปน็ ระบบ มีความเกี่ยวพันต่อกันหลายด้าน หลายระดับ และ ส่วนต่างๆ ขององค์การก็เป็น สาคัญเท่าๆ กับตัวองค์การเอง ดังน้ันทฤษฎีระบบจะรวมเอาระบบย่อยทุกชนดิ ทัง้ ทางด้านชีวิภาพ กายภาพ พฤติกรรมความคิดเก่ียวกับการควบคุมโครงสร้าง เปา้ หมาย และกระบวนการปฏิบตั งิ านไวด้ ว้ ยกนั

การสก่งาเรสสร่งมิ เสครวมิามคสวาุขมตสาขุมตหาลมกั หพลทุ ักธพธุทรรธมธสรรามหสรำ�ับหโรงับเโรรียงนเรสียงั นกสัดงักกรดังุ เกทรพุงเมทหพามนหคารนคร | 3๓ ความหมายของระบบ จากการศึกษาความหมายของระบบได้มีนักวิชาการหลายท่าน ได้แก่ ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔, กติ มิ า ปรีดีดิลก, มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช, พรรณี ประเสริฐวงศ และคณะ, จันทรานี สงวนนาม, กูด (Good), เซมพรีวิโว (Semprevivo) ได้ให้ความหมายของระบบไวไ้ ปทิศทางเดียวกัน ดังน้ันในคู่มือนี้ จงึ ได้สรุปความหมายของระบบวา่ หมายถงึ การมีความสัมพนั ธก์ ันระหวา่ งกัน ซึง่ ทาให้ งานใดงานหนึ่งบรรลุถึงเป้าหมาย การปฏิสัมพันธ์ขององค์ประกอบ ทั้งหลายของ ระบบนน้ั จะตอ้ งมคี วามสมั พันธก์ นั เก่ียวเน่ืองกันตอ้ งเป็นเหตุเปน็ ผลของกันและกัน จะบริหารงานโดยไม่คานงึ ถึงองค์ประกอบด้านอนื่ ไม่ได้จึงจักทาให้ระบบน้ันดาเนนิ ไปได้ และใช้ได้อย่างมปี ระสิทธิผล ประโยชน์ของระบบ การจะนาระบบไปใช้น้ันควรทราบว่ามีประโยชน์อย่างไร การรับรู้ถึง ประโยชน์ของส่ิงใดสิ่งหนึ่งเป็นไปเพื่อการสร้างแรงจูงใจ สร้างกาลังใจในการนาสิ่ง นนั้ ๆ ไปใชห้ รือไปปฏิบัติ ซงึ่ ในการจะนาระบบไปใช้นั้น ควรศึกษาถงึ ประโยชน์ของ ระบบก่อน และจาการศึกษาประโยชน์ของระบบจากนักวิชาการทั้งหลาย ได้แก่ จันทรานี สงวนนาม, ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ ซึ่งสรุปประโยชน์ของระบบได้ ๑๑ ประการ ดังน้ี ๑) ชว่ ยกาหนดเปา้ หมายและวตั ถุประสงค์ ๒) ช่วยใหก้ ารจดั ทรัพยากรเป็นไปอยา่ งมรี ะบบ ๓) ชว่ ยกาหนดคุณลักษณะ/รายละเอยี ดท่จี าเป็น ๔) ชว่ ยให้มองเห็นวตั ถปุ ระสงคท์ ีส่ ามารถวัดไดช้ ัดเจนยิง่ ขึน้

4๔ | ดร.ชลตกวารรรสณง่ เสขรมุ ิมเคพว็ชารมสขุ ตามหลกั พทุ ธธรรม สาหรบั โรงเรียนสังกดั กรุงเทพมหานคร ๕) การพฒั นานวัตกรรมและการแก้ปัญหาท่รี่ ุนแรง ๖) มคี วามยุติธรรม ๗) เปน็ เคร่อื งมอื ท่ีชว่ ยผู้บริหารในการตัดสินใจ ๘) ช่วยผู้บริหารในการตัดสินค่านิยมและนโยบายภายใต้กรอบความ รับผิดชอบ ๙) ผ้บู รหิ ารมคี วามร้ทู ถ่ี กู ต้องทันสมัย ๑๐) ผู้บริหารมเี วลาในการปฏบิ ตั ิงานและควบคุมงาน ๑๑) การเผยแพรแ่ ละประชาสมั พนั ธ์ ความสุข มนุษยท์ ุกคนลว้ นมสี ทิ ธิ์เทา่ เทยี มกนั ในการเป็นมนุษยท์ ี่มีความสขุ เร่อื ง การแสวงหาความสุข และเข้าถึงแหล่งของความสุข การฝึกฝนจิตใจให้มีความสุข ผู้คนควรเริ่มต้นค้นหาความสุขท่ีมีอยู่ในตัวเราก่อนที่จะไปค้นหาความสุขจากแหลง่ อื่นๆ การสร้างความสนิทสนม สัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งระหว่างมนุษย์ท่ีอบอุ่น ละเอียดอ่อน ละเมียดละไม ซ่ึงเป็นความสัมพันธ์ในระดับสูงขึ้นกว่าความสัมพันธ์ ทางกายในแบบรักใคร่ลุ่มหลงและเสน่หา ซึ่งความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่น้ีเป็น หนทางหน่ึงในการสร้างความสุขให้กับชีวิตอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการฝึกสมาธิเพื่อ การสร้างความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจต่อเพ่ือนมนุษย์ด้วยกันว่ าในเมื่อ พิจารณาจากตัวเราเองท่ีไม่ปรารถนาความทุกข์และเรามีสิทธิท่ีจะเป็นผู้มีความสขุ ดังน้นั เราต้องฝกึ ฝนจิตใจของเราให้เข้าใจผอู้ ่ืนว่าคนเหล่านน้ั ก็มีความปรารถนาที่ไม่ แตกตา่ งกับตวั เรา ความทกุ ข์ ทรมานท้งั กายและทางใจของมนุษย์เปน็ สาเหตุสาคัญ ทีท่ าให้มนุษย์ดารงชีวติ อย่างไม่มคี วามสุข การฝกึ ฝนจิตใจโดยการทาสมาธเิ ป็นสร้าง

การสกง่ าเสรสรมิ่งเคสวรามิ มคสวุขาตมาสมุขหตลาักมพหุทลกัธธพรุทรธมธสรารหมรสบั ำาโหรรงบัเรโียรนงเสรียังกนัดสกงั รกุงัดเกทรพุงมเทหพานมคหรานคร | 5๕ การคุณคา่ ของชวี ติ มนษุ ย์ ซ่ึงความสุขน้ันมีคทัง้ ท่ีเป็นความสุขแบบชวั่ ครู่ช่วั ยาม กบั แบบที่ยั่งยืนถาวร ความสุขแบบช่ัวครชู ่ัวยามนน้ั จะเป็นความท่ีเปฯ็ การบารุงบาเรอ ให้กบั ตนเอง ส่วนสุขแบบถาวรนน้ั จะมาจากการทาให้ผู้อ่นื เปน็ สุข ความสุขได้มีการแบ่งออกเป็นความสุขทางโลก กับความสุขทางธรรม ออกเป็น ๑๐ ประการ ดังนี้ ๑) รู้สึกชอบหรือพึงพอใจ ๒) สภาพชีวิตที่เป็นสุข ๓) ค ว า ม ดี ง า ม ใ น จิ ต ใ จ ภ า ย ใ ต้ สภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมท่ี เปล่ียนแปลงไป ๔) การมีงาน ทา การมีเงินใช้การไร้โรคา ๕) การได้เก่ียวข้องและใกล้ชิดกับ คนท่ีรู้ใจ ๖) ความเบิกบาน อย่างลึกซึ้งเกิดจากจิต ๗) การ ส้ินไปของความทุกข์เกิดจาก การบีบคั้นทางกาย สังคม จิต และปัญญา ๘) ความรู้สึกท่ี เกดิ ข้ึนภายในจิตใจ ๙) ผลทีเ่ กิด จากการเรียนรู้ ๑๐) การสราง สรรคในทางบวก ประโยชน์ของความสุข ความสุขแน่นอนว่าเป็นตัวช้ีวัดความสาเร็จในชีวิตของเรา ทาให้เรารู้สึก ทาอะไรก็ดีไปหมด ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งไม่มีอะไรที่ดีกว่าการมีความสุขไปมากกว่านี้ อีกแล้ว ประโยชน์ของความสุขน้ันคนเราทุกคนย่อมต้องการที่จะมีความสุขในชวี ติ

6 | ดร.ชลตวรรณ ขุมเพช็ ร ๖ การสง่ เสริมความสุขตามหลักพุทธธรรม สาหรับโรงเรียนสงั กัดกรงุ เทพมหานคร น่ันเพราะความสุขช่วยให้เรารสู้ ึกดี มีความสดช่ืน จิตใจเบิกบาน สามารถยิ้มให้กับ โลกได้ทั้งโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ ความสุขยังมีคุณค่าและประโยชน์มากมายต่อ ตัวเรา และจาการศึกษาประโยชน์ของความสุขจากนักวิชาการทั้งหลาย ได้แก่ Mr.lawrence, Kritchaporn piwlueng, พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เป็นไปใน ทศิ ทางเดยี วกันซึ่งสรุปไดว้ ่า ประโยชนข์ องความสุขได้จานวน ๑๒ ประการ ดังน้ี ๑) ทาให้ประสบความสาเรจ็ ในชวี ติ ๒) ทา ให้มีชวี ิตที่ดีข้นึ กว่าเดิม ๓) ชว่ ยให้เรามี ความยืดหยนุ่ ๔) ชว่ ยใหร้ ะบบภูมิคุ้มกัน ของรา่ งกายเข้มแข็ง ๕) ชว่ ยให้เรามพี ลัง ในการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ ๖) การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ง่ายขึ้น ๗) สร้างความพอใจกับตัวเอง ๘) ได้รับ ความนิยมจากผู้คน ๙) ความยืดหยุ่น ๑๐) มีความอบอุ่นซาบซึ้งสุขใจ ไม่ อ้างว้างยึดเหน่ียวใจให้เข้มแข็ง ๑๑) มี ค ว า ม อ่ิ ม ใ จ ใ น ชี วิ ต มี คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ ท า ประโยชน์ตลอดมาด้วยน้าใจเสียสละ ๑๒) มีความแกลว้ กล้ามั่นใจทจี่ ะแกไ้ ขปญั หา นาชีวติ และภารกจิ ไปได้ หลักพุทธธรรม

๑๒) มีความแกลว้ กลา้ มนั่ ใจทจ่ี ะแกไ้ ขปญั หา นาชวี ติ และภารกิจไปได้ การสง่ เสรมิ ความสุขตามหลักพทุ ธธรรมสาำ หรบั โรงเรียนสังกดั กรงุ เทพมหานคร | 7 กหารลสกั่งเพสรทุิมคธวธามรสรุขมตามหลกั พุทธธรรมสาหรบั โรงเรยี นสังกัดกรงุ เทพมหานคร ๗ หลั ก พุ ทธ ธ ร ร ม ใน ทางพ ร ะพุทธ ศาสน าน้ัน มี วัตถุปร ะสง ค์ และขอ บเขต กว้างขวางเพียงใด จะเห็นได้จากพุทธพจน์ตั้งแต่คร้ังแรกที่พระองค์ส่งสาวกออก ประกาศศาสนาว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายจงจาริกไป เพ่ือประโยชน์และ ความสุขของชนเป็นอันมาก เพ่ือเกื้อการุณย์แก่โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและ ความสขุ แก่ทวยเทพและมนุษย์ท้งั หลาย” ซ่งึ หลกั พทุ ธธรรมเป็นคาสอนทม่ี งุ่ สาหรับ คนทุกประเภท ทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ คือครอบคลุมสังคมทั้งหมด อีกท้ังเป็น หลกั ทคี่ รอบคลุมสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในการบริหารงาน หรอื การปฏิบัติงานได้ หลากหลาย โดยมีลกั ษณะท่วั ไปของพทุ ธธรรม สรปุ ได้ ๒ อย่าง คือ ๑. แสดงหลักความจริงสายกลาง ที่เรียกว่า “มัชเฌนธรรม” หรือท่ีเรียก เต็มๆ ว่า “มัชเฌนธรรมเทศนา” คือความจริงตามแนวของเหตุผลบริสุทธ์ิตาม กระบวนการของธรรมชาติ นามาแสดงเพ่ือประโยชน์ในทางปฏิบัติในชีวิตจริง เท่าน้ัน ไม่ส่งเสริมความพยายามที่จะเข้าถึงสัจจธรรมด้วยวิธีถกเถียงสร้างทฤษฎี ต่างๆ ข้ึนแลว้ ยึดมน่ั ปกป้องทฤษฎนี ้นั ๆ ด้วยการยึดถอื ว่าเป็นความจริงทางปรชั ญา ๒. แสดงข้อปฏิบัตสิ ายกลาง ท่เี รยี กวา่ “มชั ฌิมาปฏปิ ทา” อนั เปน็ หลักการ ครองชีวิตของผู้ฝึกอบรมตนผู้รู้เท่าทันชีวติ ไม่หลงงมงาย มุ่งผลสาเร็จ คือความสุข สะอาด สว่าง สงบ เป็นอิสระ ท่ีสามารถมองเห็นได้ในชีวิตน้ี ในทางปฏิบัติ ความ เป็นสายกลางนี้เป็นไปโดยสัมพันธ์กับองค์ประกอบอื่นๆ เช่น สภาพชีวิตของ บรรพชิต หรือคฤหัสถ์ เป็นตน้ (พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยตุ ฺโต, ๒๕๕๙) ดังน้ันหลักพุทธมีหลากหลายมากมายครอบคลุมระบบของสังคม การท่ีจะ เลือกว่าหลักธรรมใดสามารถนาไปใชใ้ นเร่ืองใดนน้ั ผู้วิจัยได้ทาการศึกษาหลกั ธรรม จากนักวิชาการท่ีได้กล่าวถึงหลักท่ีนามาใช้ซ้าๆ กันหลายท่าน ซ่ึงหลักธรรมที่ เหมาะสมในการสง่ เสริมความสุขนัน้ หลกั พทุ ธธรรม คอื หลักฆราวาสธรรม ๔ คอื

๘8 | ดร.ชกลาตรสวร่งรเสณรมิ ขคุมวเาพม็ชสรุขตามหลักพทุ ธธรรม สาหรบั โรงเรียนสงั กดั กรุงเทพมหานคร ๑) สัจจะ หมายถึง การเป็นคนจริง เป็นคนท่ีรักษาคาพูด พูดอย่างไรทา อย่างน้ัน ความจริงใจต่อเพื่อนร่วมงานหรือคนที่เรารัก ไม่ท้อถอยต่อเป้าหมายที่ กาหนดไว้ เพราะงานทกุ อยา่ งทงั้ งานใหญแ่ ละงานเลก็ ตอ้ งเจออปุ สรรค ๒) ทมะ หมายถึง การเป็นผู้รู้จักฝึกฝนปรับปรุงตนเอง รู้จักแก้ไข ข้อบกพร่อง ไม่เป็นผู้เอาแต่ใจ รู้จักบังคับควบคุมอารมณ์ของตนเอง รู้จักข่มใจ สามารถยอมรับในความต่างของกันและกัน ยอมรับข้อบกพร่องและความแตกต่าง ของกันและกันให้ได้ เข้าใจในข้อด้อยและข้อเด่นของผู้อื่น การใช้สติและปัญญาใน การตดั สนิ ใจ ฝกึ ตัวเองพัฒนาศกั ยภาพ ๓) ขันติ หมายถึง ความอดทนต่อความยากลาบาก ซ่ึงทาให้มีจิตใจ เข้มแขง็ พรอ้ มท่ีจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ต้ังใจไว้ โดยอดทนตอ่ ความลาบากท่ีเกิดขึ้น จากธรรมชาติหรือความยากลาบากไม่ทอดท้ิงงาน เพราะความหนาวความร้อน หรือเพราะลักษณะของงานน้ันเป็นงานหนักงานท่ีเหนื่อยยาก ต้องฟันฝ่าอุปสรรค อดทนต่อความทกุ ข์ไมน่ ามาเปน็ อปุ สรรคในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อดทนต่อการถูก ด่า ถูกรังแก ถูกดูหมิ่น ถูกนินทา หรือถูกผู้อื่นย่ัวยุ ทาให้ไม่มีเร่ืองทะเลาะวิวาทกบั คนอ่นื ๔) จาคะ หมายถึง ความเสียสละ มีจิตใจกว้างขวาง เอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกลู สละความสุขสบาย และผลประโยชนส์ ่วนตน ไมต่ ระหน่เี ห็นแกต่ ัว สละทรัพย์สินของตนเองเพ่ือประโยชน์แก่ผู้อ่ืนหรือ เพื่อสาธารณประโยชน์ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามความสามารถ รู้จักปล่อยอารมณ์ท่ีจะให้จิตเศร้าหมอง ขุ่นมวั และเป็นข้าศกึ ตอ่ ความสงบใจ ซ่ึงหลักการมีฆราวาสธรรม ๔ จะทาให้ประสบความสาเร็จในชีวิตและ ครอบครัว หากเรามีไว้ แม้เราเป็นคนโสด ไม่ใช่ผู้ครองเรือน หลักคุณธรรมน้ีก็จะ

การสง่ กเสารรมิ สค่งเวสารมมิ สคุขวตาามมสหุขลตกั าพมุทหธลธกั รพรุทมธสธารหรรมบั สโำ�รหงเรรบั ยี โนรสงเังรกยี ัดนกสรงั งุ กเทัดกพรมงุ หเทานพคมรหานคร | ๙9 เหนี่ยวนาให้มีคนรัก มีเมตตา ทาให้สมหวังในความรักและคู่ครองได้ ซึ่งโดยรวมก็ คือ เม่ือมีสัจจะย่อมมีเกียรติยศช่ือเสียง มีผู้คนเช่ือม่ัน เมื่อมีทมะย่อมได้รับปัญญา ควบคุมอารมณ์ได้ เม่ือมีขันติย่อมเกิดทรัพย์และความสาเร็จท่ีตั้งใจไว้ และเมื่อมี จาคะย่อมเกิดมิตรที่ดี เกิดคนรักใคร่ ทาให้มีสมัครพรรคพวกที่ดีในสังคม เป็นต้น ส่วนโทษของการขาดฆราวาสธรรมโดยรวมก็คือ เมื่อขาดสัจจะย่อมเกิดปัญหา ถูก หวาดระแวง ไม่มีใครเช่ือถือ เมื่อขาดทมะย่อมเป็นผู้มีภาวะทางอารมณ์ต่า มีแต่ ความโง่เขลา เบาปัญญา เมื่อขาดขันติย่อมเกิดปัญหาความยากจน จะทาอะไรก็ ลม้ เหลวไมเ่ ป็นท่า และเม่อื ขาดจาคะย่อมเกดิ ปญั หาความเห็นแก่ตัวเกดิ ขึ้น ไมม่ ใี คร รัก มีแต่คนอื่นชัง เป็นต้น หลัก ฆราวาสธรรม ท้ัง ๔ ข้อนี้ เป็นหลักธรรมใน พระพุทธศาสนา ทม่ี มี าสองพนั กวา่ ปีแล้ว แต่ก็นบั เปน็ หลักธรรมที่ทนั สมัย สามารถ เกื้อหนุนชีวติ คแู่ ละความรักในปัจจุบันให้สมหวังได้ หลักฆราวาสธรรมนี้ ไมเ่ พยี งแต่ ยงั เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้มีความรักท่ีดรี ะหว่างคู่รักเพยี ง ๒ คนเทา่ น้ัน แต่ สามารถท่ีจะนาไปปฏิบัติกับทุกคนในสังคมท่ีเราอาศัยอยู่ด้วย หรือนาไปพัฒนา ตนเองเฉพาะบุคคลก็ย่อมดีมากเช่นกัน เพ่ือท่ีจะทาให้สังคมมีแต่ความสงบสุขและ เต็มเป่ยี มไปดว้ ยความรกั ทมี่ อบให้กันและกัน องคป์ ระกอบของระบบการสง่ เสรมิ ความสุขตามหลักพทุ ธธรรม องค์ประกอบของระบบการส่งเสริมความสุขตามหลักพุทธธรรมของครู สาหรบั โรงเรยี นสังกัดกรงุ เทพมหานคร ประกอบดว้ ย ๕ องคป์ ระกอบ คือ ๑) ดา้ น ปจั จยั ปอ้ นเข้า ๒) กระบวนการส่งเสรมิ ความสขุ ในการทางานของครู ๓) ปจั จยั ป้อน ออก ๔) ขอ้ มลู ป้อนกลับ ๕) สภาพแวดลอ้ ม มีรายละเอยี ด ดงั นี้

1๑0๐ | ดร.ชกลาตรวสร่งรเสณรมิ ขคมุ วเพามช็ สรขุ ตามหลกั พุทธธรรม สาหรับโรงเรยี นสังกัดกรงุ เทพมหานคร ๑. ดา้ นปัจจยั ป้อนเข้า (Input) ซง่ึ ประกอบดว้ ย สภาพแวดล้อมในการทางาน ภาวะผู้นาของผู้บริหาร ค่าตอบแทน คณุ ลักษณะงาน สมั พันธภาพระหว่างบุคคล ๑.๑ สภาพแวดล้อมในการทางาน สภาพแวดล้อมในการทางานเป็น ปัจจัยหน่ึงที่ส่งผลต่อความสุขในการทางาน เพราะสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของ ผู้ปฏิบัติงานในสถานท่ีทางานท้ังที่เป็นในเชิงกายภาพ และในเชิงนามธรรมจะเป็น ปัจจัยทีส่ ่งผลต่อพฤตกิ รรมการทางานของผปู้ ฏิบัตงิ าน ไมว่ ่าจะเปน็ สภาพแวดล้อม ทางกายภาพ ที่เกี่ยวข้องกับความสะอาด มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความ ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย อากาศ แสง สว่าง มีอุปกรณ์ เคร่ืองมือ เครื่องใช้ที่เพียงพอและสะดวก ต่อการใช้งาน สภาพแวดล้อม ด้าน ตาร าง เวลา ก ล่าวคือ ระยะเวลาการทางานในแต่ละ วันท่ีเหมาะสม มีความยืดหยุ่น รวมถึงสภาพแวดล้อมทางด้าน จิตใจท่ีมีส่วนเกีย่ วข้องกับความ เบ่ือหน่าย และความเหน่ือยล้า จากการทางาน หากสามารถจัด สภาพแวดล้อมให้มีบรรยากาศ ที่ดี มีความสะดวกสบาย มี

กการาสรส่งเง่ สเสรมิริมคควาวมามสสขุ ตุขตามามหหลลกั ักพพทุ ทุธธธรธรรมรมสสาหำาหรบัรับโรโงรเงรเรยี ยีนนสสังกังกดั ดักกรงุรเุงทเทพพมมหหานานคครร | 1๑1๑ สถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจ มีสถานที่สาหรับออกกาลังกาย มีบรรยากาศที่ทาให้รู้สึก อบอนุ่ ทาใหบ้ ุคลากรในสถานศกึ ษามีความสะดวก สบายในการทางานเพ่ิมมากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม สถานที่ทางาน ขาดสุขอนามัยท่ีดี วัสดุอุปกรณ์ ที่มีความ จาเป็นจะต้องใช้ในการทางาน ไม่เพียงพอ ชารุด ล้าสมัย มีปริมาณงานที่มากเกิน กวา่ ระยะเวลาทีใ่ ชไ้ ปในแต่ละวัน ขาดความยดื หยุ่น สภาพแวดล้อมเหล่าน้ีคงจะทา ให้ครูผู้สอนทางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและทาเกิดความสุขในการทางานใน สถานศึกษาได้ยาก สภาพแวดล้อมในการทางาน ห้องเรียนสะอาด เป็นระเบียบ เรียบร้อยสถานศึกษามีการรักษาความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย ในห้องเรียนมี แสงสว่างเพียงพอ สื่อ/อุปกรณ์ในการใช้งานเพียงพอ สะดวกต่อการใช้งาน มี ตารางเวลาทางานเหมาะสม

๑1๒2 | ดรก.าชรลสต่งวเสรรรณมิ คขวมุามเพสช็ขุ รตามหลักพทุ ธธรรม สาหรับโรงเรียนสงั กัดกรุงเทพมหานคร ๑.๒ ภาวะผู้นาของผู้บริหาร ภาวะผู้นาของผู้บริหารเป็นคุณลักษณะ ของผบู้ ริหารที่ใช้ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะในการสร้างอานาจหรอื อิทธิพลเหนือ ทัศนคติและพฤติกรรมของบุคคลอ่ืนให้ปฏิบัติตามท่ีต้องการเพื่อความสาเร็จตาม เป้าหมาย เป็นอีกปัจจัยที่สาคัญมากที่จะส่งผลต่อความสุขในการทางานของครู เพราะผ้บู รหิ ารจะเป็นผู้ทบ่ี งั คับบัญชา และมบี ทบาทหลักในการกาหนดแนวทางใน การบรหิ ารงานตา่ งๆ หากผู้บรหิ ารขาดภาวะผู้นาคงจะนาพาองค์กรไปสูค่ วามสาเร็จ ไดย้ าก ซึ่งภาวะผูน้ าท่ีสาคัญในการสร้างองค์กรแหง่ ความสขุ ในสถานศกึ ษามดี ังน้ี ๑) ความฉลาด เป็นความสามารถของผู้บริหารทางด้านสติปัญญา มี ความรอบรู้ วิเคราะห์ ปัญหาทยี่ ่งุ ยากซับซ้อนและมไี หวพริบปฏิภาณท่ีดีสามารถใช้ ความฉลาดที่มาประโยชนใ์ หก้ ับองคก์ รและบุคคลอน่ื

กากราสรง่ สเส่งเรสิมรคิมวคาวมาสมุขสตขุ าตมาหมลหกั ลพักุทพธุทธธรธรรมรสมาสหำ�รหับรโับรโงรเงรเยี รนียสนังสกงั ดักกัดรกงุ รเงุทเพทมพหมาหนาคนรคร | 1๑3๓ ๒) ความสามารถในการปรับตวั เป็นความสามารถของผบู้ รหิ ารในการ ปรับเปล่ียนตนเองให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หรือแตกตา่ งไปจากเดิมใหส้ ามารถอยู่ร่วมหรือเขา้ กับผ้อู ่ืนไดด้ ี ๓) ความสามารถในการบริหาร เป็นความสามารถของผู้บริหารที่ใช้ ความรู้ ทักษะประสบการณท์ ่ีจะทาให้การทางานสาเร็จลุลว่ งตามเปา้ หมาย ๔) ความริเร่ิมสร้างสรรค์ เป็นความสามารถของผู้บริหารในการคิด การสร้างสิ่งใหม่ท่ีแตกต่างไปหลายแง่หลายมุมจากเดิมท่ีมีคุณค่า และสามารถ นาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม ๕) ความอดทน อุตสาหะ เป็นความสามารถของผู้บริหารในการใช้ ความพยายาม บากบั่นแม้ได้รับความยากลาบากหรืออุปสรรคก็ไม่ย่อท้อต่อการ ทางานเพอ่ื ให้งานสาเรจ็ สมบรู ณ์ตามเป้าหมาย ๖) ความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นความสามารถของผู้บริหารในการ ควบคุมอารมณ์ให้มีความคงท่ี โดยใช้สติเพื่อให้สามารถควบคุมตนเองท้ังทางด้าน จติ ใจและร่างกาย ปัจจัยด้านภาวะผู้นาของผู้บริหารเป็นปัจจัยท่ีมีความสาคัญไม่น้อยกว่า สภาพแวดล้อมในการทางาน เพราะถ้าผบู้ ริหารมีความฉลาด มีความคดิ สร้างสรรค์ มีความสามารถในการบริหาร รอบรู้ มีปฏิภาณ อดทน อุตสาหะ สามารถเข้ากับ ผู้อ่ืนได้ สามารถควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ท่ีเลวร้ายจนสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ภายในองค์กรได้ คงเป็นเร่ืองที่ดีกับองค์กร หากเป็นไปทางตรงข้ามผู้บริหารขาด ภาวะผู้นาไม่สามารถประสานงาน ขาดการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี อารมณ์ฉุนเฉียว คงเป็นเร่ืองที่ไม่ดีต่อการเป็นองค์กรแห่งความสุข แต่กลับจะกลายเป็นองค์กรแห่ง ความทุกข์ เพราะผู้บรหิ ารขาดภาวะผู้นาทดี่ ี

๑1๔4 | ดรก.ชาลรตสวง่ รเสรรณิมคขวมุ าเมพส็ชขุรตามหลกั พทุ ธธรรม สาหรับโรงเรียนสงั กัดกรุงเทพมหานคร ภาวะผู้นาของผู้บริหาร มีความรู้ แก้ปัญหาท่ียุ่งยากซับซ้อนได้ ปรับตัว เขา้ กบั ผ้อู ืน่ ได้ดใี ช้ความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ในการทางานให้สาเร็จ ไมย่ อ่ ท้อต่อ อุปสรรคในการทางานเพ่ือให้งานสาเร็จ คิดสร้างสิ่งใหม่ และสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม ควบคุมอารมณไ์ ด้ ๑.๓ ค่าตอบแทน ค่าตอบแทนเป็นค่าใช้จ่ายท่ีองค์กรจ่ายให้แก่ ผู้ปฏิบัติงาน ท้ังท่ีเป็นในรูปตัวเงิน และผลประโยชน์อื่น เพื่อตอบแทนการ ปฏิบัติงานตามหนา้ ที่ความรับผิดชอบจูงใจให้มีการปฏิบตั ิงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมขวัญกาลังใจของผู้ปฏิบัติงาน รวมท้ังดึงคนมีศักยภาพมาปฏิบัติงานให้แก่ องคก์ ร ประกอบไปดว้ ย ๑) เงินเดือน เป็นค่าตอบแทนที่องค์กรจ่ายให้ผู้ปฏิบัติงาน เป็น รายได้ประจาทกุ เดอื น ๒) ค่าจูงใจ เป็นค่าตอบแทนท่ีองค์กรจัดให้เป็นพิเศษเพื่อจูงใจ ใหม้ กี ารปฏบิ ตั ิงานใหด้ ียง่ิ ข้ึน เช่น โบนัส เงนิ รางวัลพิเศษ เปน็ ตน้ ๓) ประโยชน์เก้ือกูล เป็นค่าตอบแทนท่ีองค์กรจัดให้แก่ ผูป้ ฏิบัติงานนอกเหนอื จากค่าจา้ งเงินเดอื นและคา่ จูงใจ เปน็ ค่าตอบแทนทอ่ี งค์กรจัด ให้เพื่อสนับสนุนให้มีการทางานดีข้ึน หรือเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้สึกม่ันคงใน การปฏบิ ตั ิงานกับองคก์ ร ดงั น้ันคา่ ตอบแทนจงึ เป็นหนึง่ ท่สี รา้ งแรงกระต้นุ และแรงจงู ใจที่ทาให้เกิด ความพึงพอใจในงานที่ตนเองได้ทา เพราะรู้สึกว่าได้รับค่าตอบแทนท่ีคุ้มค่า กับการทุ่มเทในการทางาน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการทางาน หากลองสังเกตองค์กรที่มีสวัสดิการท่ีดี มคี า่ ตอบแทนสงู บุคลากรมักจะมีความพึง

กากรสาร่งสเส่งรเสมิ รคมิ วคามวาสมุขสตุขาตมาหมลหกั ลพักทุ พธทุธรธรธมรรสมาสหำ�รหับรโับรงโเรรงียเรนยี สนังสกงัดั กกัดรกงุ รเทุงเพทมพหมาหนาคนรคร | 1๑5๕ พอใจในการทางาน ทุ่มเทในการทางาน แม้จะต้องทางานที่หนกั เพราะเล็งเห็นถงึ ความคุ้มคา่ ทีจ่ ะทางานให้กบั องคก์ ร ค่าตอบแทน ได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม เงิน โบนัส/เงินรางวัลพิเศษ มีการสนับสนุนค่าตอบแทนเพื่อให้การทางานดีข้ึน ได้รับ ตาแหน่งทสี่ ูงขึ้นตามความมุ่งหวัง มีความรกั ศรัทธาในงานทที่ า ๑.๔ คณุ ลกั ษณะงาน เป็นการออกแบบงานท่ีเนน้ คุณลักษณะงานของ ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งก่อให้เกิดแรงจูงใจในการทางานและผลของการปฏิบัติงาน เป็นอกี หนึ่งปจั จยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกับลักษณะของการทางานโดยตรงท่จี ะส่งผลตอ่ ความพอใจต่อ การทางานของแตล่ ะบคุ คล ซ่งึ คณุ ลักษณะงานประกอบไปด้วย ๑) ความหลากหลายของงาน เป็นระดับท่ีผู้ปฏิบัติงานต้องใช้ ทักษะและความชานาญในการปฏิบัติงาน หรือในการทากิจกรรมหลายด้านเพื่อให้ งานนนั้ สาเรจ็ บรรลุเป้าหมาย ๒) ความมีเอกลักษณ์ของงาน เป็นระดับของการเปิดโอกาสให้ ผู้ปฏิบัติงานสามารถทางานต้ังแต่ต้นจนจบด้วยตนเอง จึงทาให้ทราบกระบวนการ ทงั้ หมดของการทางาน ๓) ความสาคญั ของงาน เปน็ ระดบั ทผ่ี ู้ปฏิบตั ิงานทราบว่างานนั้น มีความสาคัญและจะมผี ลกระทบของงานท่ีมีต่อผ้อู ่นื หรือองคก์ ร ๔) ความมีอิสระในงาน เป็นระดับของการเปิดโอกาสให้ ผู้ปฏิบัติงานมีอิสระในการทางานเริ่มตั้งแต่การวางแผน การคิดวิเคราะห์งาน การ บริหารงาน การจัดตารางการทางานด้วยตนเองทาให้เกิดความรู้สึกรับผิดชอบต่อ งานสูงมากข้นึ ๕) ผลป้อนกลับจากงาน เป็นระดับท่ีผู้ปฏิบัติงานได้รับข้อมูล โดยตรง ชัดเจนและถูกต้องเกี่ยวกับประสิทธิผลในการปฏบิ ัติงานของพวกเขา เพ่ือ

1๑๖6 | ดร.ชกลารตสวง่รเรสณริมขคมุ วเาพมช็ สรขุ ตามหลักพุทธธรรม สาหรับโรงเรยี นสังกัดกรงุ เทพมหานคร ทราบถึงผลการปฏิบัติงานของตน ซึ่งผลป้อนกลับจากงานมีได้ทั้งในทางบวกและ ทางลบ คุณลักษณะของงานเป็นปัจจัยท่ีสาคัญที่ส่งผลต่อความสุขในการทางาน โดยตรง เพราะเมือ่ บคุ ลากรสามารถทางานทม่ี ีหลากหลาย ไม่ซ้าซากจาเจ มีความ อิสระในงาน เปิดโอกาสให้บุคลากรได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในการทางานท่ี เกี่ยวข้องกับตัวผู้ปฏิบัติงานเอง สามารถควบคุมขั้นตอนการทางานของตนเองได้ ทราบถึงกระบวนการทางานท้ังหมดของการทางาน ได้รับผลตอบกลับจากการ ทางานทั้งจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา ทาให้ผู้ปฏิบัติงาน เกิดความ ภาคภูมิใจในงาน และพร้อมท่ีจะพัฒนาการทางานในส่วนที่ตนได้รับผิดชอบอยา่ ง เต็มความสามารถ เพราะเล็งเห็นว่างานที่ตนทามีความสาคัญต่อความสาเร็จของ องค์กร คุณลักษณะงาน สามารถปฏิบัติงานหลายๆ งานและบรรลุเป้าหมายใน การปฏบิ ัตงิ านนั้นๆ เปิดโอกาสให้ปฏิบตั งิ านต้ังแตต่ ้นจนแลว้ เสร็จดว้ ยตนเอง ทราบ ว่างานนั้นมีความสาคัญและผลกระทบต่อองค์กรหรือผู้อ่ืน มีการเปิดโอกาสให้ ปฏิบัติงานอย่างมีอิสระ สามารถรับรู้ข้อมูลโดยตรง ชัดเจน ถูกต้อง เก่ียวกบั ประสทิ ธิผลในการปฏิบัตงิ านทั้งทางบวกและทางลบ มีการทางานให้สาเร็จ ตามเป้าหมาย การมีความสามารถควบคุมงานท่ีทาได้ การได้รู้ว่าสถานศึกษาได้ คาดหวงั อะไรจากตนเอง ๑.๕ สัมพันธภาพระหว่างบุคคล เป็นการติดต่อส่ือสารเก่ียวข้องกัน ระหว่างบุคคล ซ่ึงเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน โดยการ แสดงออกพฤติกรรมในลักษณะต่างๆ ทางกาย วาจา ใจ ในเชิงบวกเพื่อให้เกิด ความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันภายในโรงเรียน ซ่ึงเป็นปัจจัยสาคัญท่ีส่งผลต่อ

กกาารรสสง่่งเเสสรรมิิมคคววาามมสสขุขุ ตตาามมหหลลกักั พพุทุทธธธธรรรรมมสสำ�าหหรรบัับโโรรงงเเรรียียนนสสงังั กกัดัดกกรรุงุงเเททพพมมหหาานนคครร | 17๑๗ ความสุขในการทางานมาก เพราะสมั พนั ธภาพระหว่างบุคคลในองค์กรจะช่วยสร้าง บรรยากาศ ท่ีดีให้กับสถานศึกษา เป็นบรรยากาศแห่งความสุข ซ่ึงเม่ือเราคิดถึง สถานที่ทางานแล้วทาให้เราอยากทางานเพือ่ ที่เจอเพ่อื นรว่ มงานที่ดี รว่ มแรงรว่ มใจ กันทางาน สามารถไว้วางใจท่ีจะปรึกษาได้ท้ังเรอ่ื งงานและเร่ืองส่วนตวั มีผู้บริหาร ท่เี ขา้ ใจ มคี วามเปน็ กันเอง มลี ูกศษิ ย์ท่เี คารพนับถือในตัวท่าน ไว้วางใจท่านประดุจ กบั คนในครอบครัว หากเปน็ จรงิ ทัง้ หมดคงเปน็ สถานท่ีทางานท่ีความอบอ่นุ เหมือน อยู่กันในครอบครัว แต่หากสัมพันธภาพของคนในองค์กรไม่ดีก็อาจสร้างปัญหา ตา่ งๆ ใหก้ ับสถานศกึ ษาได้ ไม่ว่าจะเปน็ ระหว่างผู้บริหารกบั ครูผู้สอน ครูผสู้ อนด้วย กนั เอง หรอื แมแ้ ตร่ ะหว่างครผู ูส้ อนกบั ผ้เู รียน ยอ่ มสง่ ผลกระทบ เกิดความผดิ ใจและ ก่อให้เกิดผลเสียท่ีอาจบานปลายออกไปจนอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาที่ยากจะ แกไ้ ขได้ โดยประกอบด้วย ๑) สมั พนั ธภาพระหวา่ งครูกบั ผบู้ ริหาร ๒) สมั พนั ธภาพระหวา่ งครูกบั เพื่อนครู ๓) สมั พันธภาพระหวา่ งครกู ับนักเรียน ซง่ึ สัมพนั ธภาพระหวา่ งบุคคล ครูกับผบู้ ริหาร เข้าใจกันชว่ ยเหลือ กนั ไม่บังคบั ขเู่ ข็ญ ครูกับเพอื่ นครูรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของกันและกัน ครกู บั ผู้เรียนให้ ความเป็นกันเองกับผู้เรียนประดุจคนในครอบครัวความเป็นมิตร การให้ความ ช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน การได้รับการยอมรับและภูมิใจกับงาน บรรยากาศ และสังคมในการทางานอบอุ่น ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชา ผใู้ ต้บังคับบัญชาสามารถทางานได้อย่างไม่มีแรงกดดัน ๒. กระบวนการส่งเสรมิ ความสขุ (Process) ประกอบด้วย หลักพุทธธรรมทใ่ี ชใ้ นการบริหารหารงานสาหรับทาให้ครูมี ความสุขคือ หลักธรรมฆราวาสธรรม ๔ ประกอบด้วย ๑) สัจจะ หมายถึง การเป็น

๑1๘8 | ดรก.ชาลรสต่งวเรสรรณมิ คขวุมาเมพส็ชขุ รตามหลกั พทุ ธธรรม สาหรับโรงเรียนสังกัดกรงุ เทพมหานคร คนจริง ๒) ทมะ หมายถึง การเป็นผู้รู้จักฝึกฝนปรับปรุงตนเอง ๓) ขันติ หมายถงึ ความอดทนต่อความยากลาบาก และ ๔) จาคะ หมายถึง ความเสียสละ และ องค์ประกอบของความสุข ๖ องค์ประกอบ คือ ๑) การสร้างศรัทธาตอ่ “ความสุข” ๒) เปดิ โลกทศั น์ความสุข ๓) เปิดโอกาสในการพัฒนาองค์ประกอบของความสุข ๔) ประสานงานในการสรา้ ง “ความสขุ ” ๕) สร้างดัชนคี วามสขุ ในท่ที างาน ๖) ประสาน พลังในการสร้างวัฒนธรรมการทางาน ซ่ึงกระบวนการท้ัง ๖ องค์ประกอบ จะต้อง ทางานตอ่ เนอื่ งและมีความสมั พนั ธ์กัน โดยองค์ประกอบที่ ๑ เปน็ องคป์ ระกอบท่ีจะ เกดิ ก่อนควบคไู่ ปกับองค์ประกอบที่ ๒ สาหรบั องคป์ ระกอบ ที่ ๓ – ๖ จะขับเคลื่อน ไปพร้อมๆ โดยมีความร่วมมือของทุกภาคส่วนเป็นสิ่งที่จะนาพาให้การดาเนินงาน ทุกองค์ประกอบประสบผลสาเร็จได้นน้ั ต้องอาศัยหลักธรรมเป็นตัวขับเคล่ือนซึง่ จะ ทาให้เกดิ ความสขุ อยา่ งยงั่ ยนื ไดด้ ังน้ี หลักธรรมท่ีใช้ในการส่งเสริมความสุขในการทางานให้กับครูในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร ไดแ้ ก่ ฆราวาสธรรม ๔ ประกอบ คอื ๑. สัจจะ หมายถึง การเป็นคนจริง เป็นคนท่ีรักษาคาพูด พูดอย่างไรทา อย่างน้ัน ความจริงใจต่อเพื่อนร่วมงานหรือคนท่ีเรารัก ไม่ท้อถอยต่อเป้าหมายท่ี กาหนดไว้ เพราะงานทกุ อยา่ งท้ังงานใหญแ่ ละงานเลก็ ตอ้ งเจออุปสรรค ๒. ทมะ หมายถึง การเป็นผู้รู้จักฝึกฝนปรับปรุงตนเอง รู้จักแก้ไข ข้อบกพร่อง ไม่เป็นผู้เอาแต่ใจ รู้จักบังคับควบคุมอารมณ์ของตนเอง รู้จักข่มใจ สามารถยอมรับในความต่างของกันและกัน ยอมรับข้อบกพร่องและความแตกตา่ ง ของกันและกันให้ได้ เข้าใจในข้อด้อยและข้อเด่นของผู้อื่น การใช้สติและปัญญาใน การตัดสินใจ ฝกึ ตวั เองพัฒนาศักยภาพ

กากราสรง่ สเส่งเรสมิ รคิมวคาวมาสมขุ สตขุ าตมาหมลหกั ลพกั ทุ พธทุ ธธรธรรมรสมาสหำารหบั รโบั รโงรเรงเียรนียสนงั สกงั ดั กกัดรกงุ รเทงุ เพทมพหมาหนาคนรคร | 1๑9๙ ๓. ขันติ หมายถึง ความอดทนต่อความยากลาบาก ซึ่งทาให้มีจิตใจ เข้มแข็ง พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามท่ีต้ังใจไว้ โดยอดทนต่อความลาบากที่เกิดข้นึ จากธรรมชาติหรือความยากลาบากไม่ทอดท้ิงงาน เพราะความหนาวความร้อน หรือเพราะลักษณะของงานนั้นเป็นงานหนักงานท่ีเหนื่อยยาก ต้องฟันฝ่าอุปสรรค อดทนต่อความทกุ ขไ์ มน่ ามาเป็นอุปสรรคในการปฏิบตั หิ น้าท่ีตา่ งๆ อดทนตอ่ การถูก ด่า ถูกรังแก ถูกดูหม่ิน ถูกนินทา หรือถูกผู้อ่ืนยั่วยุ ทาให้ไม่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกบั คนอ่นื ๔. จาคะ หมายถึง ความเสยี สละ ทั้งสละวตั ถุสงิ่ ของ มนี า้ ใจช่วยเหลอื คน อ่ืน และสละอารมณ์ไม่เก็บอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ ทาให้ใจเราผ่องใสอยู่ เร่ือยๆ คนจะประสบความสาเร็จได้ต้องรูจ้ ักจาคะ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น ด้วย คนไหนท่ีเร่ิมเติบโตในหน้าท่ีการ งานแล้ว มีน้าใจต่อผู้ร่วมงานรอบข้าง ไม่โตเดี่ยว ดึงคนอื่นข้ึนมาด้วยเป็น กลุ่ม ก็จะสามารถรับมือกับอุปสรรคที่ จะเกดิ ขึ้นไดอ้ ยา่ งมั่นคง องค์ประกอบของความสขุ องค์ประกอบที่ ๑ การสรา้ ง ศรทั ธาตอ่ ความสขุ เ ป็ น ก า ร ส ร้ า ง ค ว า ม น่าเช่ือถือ ความเลื่อมใส และสร้าง ทัศนคติเชิงบวกต่อ ความสุข ผู้บริหาร จะต้องมีบทบาทในการชี้แจง โน้มน้าว ชักจูง และเชิญชวนให้คนในองค์กร

๒2๐0 | ดรก.ชาลรตสวง่ เรสรรณิมคขวุมาเมพส็ชขุ รตามหลักพทุ ธธรรม สาหรับโรงเรยี นสงั กดั กรุงเทพมหานคร ตระหนักถึงคุณค่าของการทางานอย่างมีความสุข ว่าเกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ ต่อตนเอง หน่วยงานและองค์กรอย่างไรบ้าง ถ้าท่ีทางานมบี รรยากาศเปี่ยมไป ด้วย ความสขุ ครกู ็อยากจะมาทางาน อัตราการลาออก อตั ราการขาดงานหรืออัตรา การ ลาอื่นๆ จะลดลง ย่อมส่งผลให้องค์กรมีครูที่พร้อมจะทางานอยู่ตลอดเวลา และ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการหาคนใหม่ที่ทางานด้วยความสุข มีสมาธิและใช้ปัญญา ในการทางาน ผลสัมฤทธ์ิของงานก็จะออกมาดี ครูและองค์กรก็จะเจริญเติบโต ด้วยกัน นอกจากนี้การใช้สมาธแิ ละปัญญาในการทางาน จะก่อให้เกิดประโยชน์ใน การปรับปรุงงาน และสร้างสรรค์ยา่ งต่อเน่อื งสม่าเสมอ พึงระลึกเสมอวา่ นวัตกรรม ท่คี ิดได้ จะมีประโยชนต์ อองคก์ รอย่างย่งิ ในกระบวนการสร้างศรัทธาต่อความสุขน้ีจะต้องเป็นกระบวนการค่อย เป็นคอ่ ยไป ซง่ึ ผูบ้ ริหารจะต้องวางกลยุทธ์ในการเลอื กวธิ ีการใหเ้ หมาะสม ดงั นี้ ๑. มีการประชุมช้แี จง อธิบาย

กากราสร่งสเ่งสเรสิมรคิมวคาวมาสมขุสตุขาตมาหมลหักลพกั ทุพธทุ ธธรธรรมรสมาสหำ�รหบั รโับรโงรเงรเยีรนียนสังสกังัดกกัดรกุงรเงุทเทพพมหมหานาคนรคร | 2๒1๑ ๑) ผู้บริหารสถานศึกษา ควรมีการวางแผนให้มีการประชุม บคุ ลากรในโรงเรยี นเดือนละคร้ัง เพื่อช้ี สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจในงานท่รี บั ผิดชอบ เพ่ือเป็นไปในทิศทางเดียวกนั ๒) สรา้ งความรกั ความสามคั คี เป็นหนึง่ ร้จู กั ปรบั ตวั เข้าหากนั ๓) ใหท้ กุ คนร้จู ักบทบาทหนา้ ทีข่ องตนเองในงานท่ีรบั ผิดขอบ ๒. ฝึกอบรม ๑) ประชมุ วางแผนงาน ชแ้ี จง ทาความเข้ารายละเอียด ๒) กาหนดสถานที่ วัน เวลา ๓) เชิญวิทยากรผู้มีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญ ด้านความสุข เปน็ บุคคลท่สี ามารถกระตุน้ ใหบ้ ุคลากรเกิดความรกั ในองคก์ ร ๔) ดาเนนิ งาน สรุป วดั ประเมินผล เพอื่ พัฒนา ปรับปรุงคร้งั ตอ่ ไป ๓. ใชส้ ื่ออเิ ลก็ ทรอนคิ ในการแบ่งปนั ความรู้ ๑) โรงเรยี นใช้ Face book Line เพ่อื เผยแพรข่ า่ วสาร ๒) มีการกาหนดวตั ถุประสงค์ของการเผยแพร่เพอ่ื ให้บุคลากรได้รับรู้ ขอ้ มลู ข่าวสารที่สง่ เสริมความสขุ ๓) โรงเรยี นจดั ทาเวบ็ ไซดเ์ พือ่ เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกบั ความสขุ ๔) มีการติดตามการประเมินผลการเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อตรวจสอบ ว่าผู้ทีเ่ ก่ียวขอ้ งรับรูข้ า่ วสารได้ถูกต้อง และรวดเร็วทันตอ่ เหตุการณห์ รือไม่

๒2๒2 | ดรก.ชารลสตง่ วเรสรรณิมคขวมุาเมพส็ชขุ รตามหลกั พุทธธรรม สาหรับโรงเรียนสงั กัดกรุงเทพมหานคร องค์ประกอบที่ ๒ เปิดโลกทศั น์ความสุข เป็นองค์ประกอบ เมื่อพนักงานเริ่มมีศรัทธาต่อ “ความสุข” แล้ว ผู้บรหิ ารควร เสริมต่อด้วยการให้ เห็นภาพ กระบวนการปฏิบัตจิ ริง ๑) พาบุคลากรไป ศึกษาดงู านเยีย่ มชมองค์กรที่มี การพัฒนาความสขุ ในการทางาน ได้รับการยอมรบั จากหนว่ ยงานต่างๆ ๒) เชิญผู้แทนขององค์กรที่ประสบความสาเร็จด้านความสุขมาบรรยาย แลกเปลี่ยนเรียนรเู้ พ่ือนาวธิ ีการและแนวทางเพอื่ ประยกุ ต์ใชเ้ ข้าบริบทของโรงเรียน ๓) มีจุดมุ่งหมายในใจ เป้าหมายท่ีตัวเองต้องการ หรือส่ิงที่เราเชื่อว่าใน ท่ีสุดนี่แหละคือส่ิงท่ีใช่และอยากทามากท่ีสุด ทาได้ไม่รู้จักเบื่อ มีความสุขทุกครั้งท่ี ได้ทาสง่ิ น้ัน ๔) มีจิตสานึกท่ีดี มีความตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลา ที่สาคัญต้องรู้จัก ตัวเอง คิดด้วยทัศนคติที่เป็นบวก (Attitude) ลงมือทาด้วยพฤติกรรมท่ีเหมาะสม (Behavior) และทบทวนผลลพั ธท์ ี่ได้ (Consequence) ๕) การกระตุ้นจูงใจและสร้างพลังให้กับตัวเอง โดยไม่จาเป็นต้องรอ แรงขับดันจากภายนอก การที่เราสามารถจะสรา้ งพลังให้กับตัวเองได้ ก็ไม่ต่างจาก ดาวฤกษ์ทมี่ แี สงในตวั เอง สาคญั ทส่ี ดุ คือไมว่ ่าจะเจอปญั หาอุปสรรคใดๆ กไ็ มย่ อ่ ท้อ สาหรับนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น นอกจากแสงและพลังท่ีสร้างข้ึน

กากราสร่งสเสง่ เรสมิ รคิมวคาวมาสมุขสตขุ าตมาหมลหกั ลพักุทพธุทธธรธรรมรสมาสหำ�รหบั รโับรโงรเงรเยี รนียสนงัสกังัดกกัดรกุงรเุงทเพทมพหมาหนาคนรคร | 2๒3๓ ให้กับตัวเองแล้ว ยังเผื่อแพร่ไปสู่คนรอบข้าง และช่วยจุดประกายให้กบั ใครหลายๆ คนไดอ้ ีก จงึ ถอื วา่ บคุ คลเหลา่ น้ีสดุ ยอดมาก ๖) ร้จู กั พอเพยี ง รวู้ า่ แคไ่ หน เทา่ ไร ตามแนวทางธรรมทพ่ี ึงปฏิบัติคือ มัชฌิมาปฎปิ ทา ทางสายกลางนนั่ เอง ไมม่ ากไป ไมน่ อ้ ยไป ๗) อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ ส่งิ นี้แสดงให้ เห็นวา่ กลมุ่ คนท่ีรายล้อมรอบตัวคณุ มีอิทธิพลอย่างมาก ผคู้ นเหลา่ นั้นสง่ ผลต่อการ ดาเนินชีวิต นิสัย ทัศนคติ และมุมมองของคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณคบเพื่อนท่ี ชอบออกกาลังกาย พวกเขาก็จะชวนคุณไปร่วมออกกาลังกายด้วย จะเป็น แรงผลักดันให้คุณทาในสง่ิ ต่างๆ ไดส้ าเรจ็ ๘) ท้าทาย และเอาชนะร่างกายของคุณ การท้าทายและเอาชนะ รา่ งกายของคณุ เป็นหน่ึงในวิธีท่ีช่วยให้คณุ ก้าวออกมาจากกาแพงท่ีคุณสร้างข้ึน การ ต้ังเป้าหมายกบั ร่างกายของคุณเอง เชน่ การลดน้าหนัก หรอื การออกกาลงั กาย เป็น สิ่งง่ายๆท่ีคุณสามารถทาได้ และเม่ือคุณทาสาเร็จ คุณจะเกิดความมั่นใจ และ สามารถนาไปต่อยอดกับความสาเร็จด้านอ่ืนๆ ในชีวิตได้ การพิชิตเป้าหมายด้าน ร่างกายของตนเองสอนให้คุณมีระเบียบวินัยกับตนเอง ลดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง และช่วยให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองมากข้ึนคุณอาจท้าทายและเอาชนะรา่ งกาย ของตนเองด้วยการออกกาลังกายมันมีประโยชน์ เพราะทาให้ร่างกายหล่ังสารเอ็น โดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา สุขภาพของคุณจะแข็งแรงและส่ิงนี้ช่วย สนับสนุนและผลกั ดันให้คณุ มีความสุขและปลอดภยั ในชีวิต ๙) ทาความเข้าใจ และมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีกับผู้อื่น ในทุกๆ บทสนทนา คุณควรสนใจว่าผู้อ่ืนกาลังพูดอะไร และต้องการสื่อสารสิ่งใด วิธีการน้ีจะทา ให้คุณเป็นนักส่ือสารท่ีดี เข้าใจตนเองและผู้อื่นมากย่ิงข้ึน การทาความเข้าใจกับ

2๒4๔ | ดร.กชาลรตสว่งรเรสณรมิ ขคมุ วเาพมช็ สรุขตามหลกั พุทธธรรม สาหรับโรงเรียนสังกัดกรงุ เทพมหานคร ความคิดของผ้อู นื่ และการเชือ่ มความสัมพันธ์อันดตี อ่ กันจะทาให้คุณสามารถอยู่กับ ผอู้ นื่ อยา่ งมีความสุข องคป์ ระกอบที่ ๓ เปิดโอกาสในการพฒั นาองคป์ ระกอบของความสุข แนวคิดในการสร้างความสุขในท่ีทางาน ตัวความสุขจะต้องมาจาก องค์ประกอบต่างๆ ท่ีพนักงานส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความสุขได้ เพราะฉะนน้ั ในการสร้างความสขุ ในท่ีทางาน ฝา่ ยบรหิ ารจะต้องสรา้ งกระบวนการ ในการมสี ่วนร่วม เสนอแนะว่าองค์ประกอบหรือปัจจยั อะไรบ้าง ทีจ่ ะสง่ เสรมิ ให้เกิด ความสุขได้ ซึ่งการมี ส่วนร่วมอาจจะมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ให้พนักงานเสนอ งานตอ่ ผูบ้ ังคับบัญชา ผ้บู ังคบั บญั ชาเสนอเอง หรอื ฝ่ายบรหิ ารทาการสอบถามจาก พนักงานโดยตรง เป็นต้น ในการเปิด โอกาสให้พนักงานเข้ามามีส่วนร่วมแบบเสรี จริงๆ เพ่ือจะได้องค์ประกอบของความสุขที่มา จากหลากหลาย คณะผู้บริหาร องค์กรจะต้องมาคัดกรองเอาที่คิดวา่ จะเป็นองค์ประกอบจริงๆ ที่สามารถปฏิบตั ิได้ อาจมกี ารตดั ทิ้งหรอื เพ่มิ เติมแลว้ ชีแ้ จงความจาเป็น ทราบและยอมรบั ร่วมกัน ๑) มีการประชุมร่วมกัน กาหนดปัจจัยท่ีส่งเสริมให้เกิดความสุข ใน กระบวนการประชุมร่วมเพ่ือกาหนดองค์ประกอบของความสุขจะต้องประกอบไป ดว้ ย ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครู ทง้ั หมด ๒) กาหนดองคป์ ระกอบความสุข ในขัน้ ตอนการกาหนดองค์ประกอบ ของความสขุ มีวธิ ีการดาเนินการดงั นี้ ๒.๑) ศกึ ษานโยบายของโรงเรยี นในการส่งเสริมความสุข เพ่ือเป็น แนวทางในการพัฒนาองค์ประกอบของความสุขนอกจากน้ันยังต้องศึกษาถึง แนวทางด้านการศึกษา ด้านการพัฒนาผู้เรียน และพระราชบัญญัติการศึกษาของ

กากราสร่งสเง่สเรสมิ รคมิ วคาวมาสมุขสตุขาตมาหมลหกัลพกั ทุพธุทธธรธรรมรสมาสห�ำ รหับรโับรโงรเงรเยีรนียนสงัสกังัดกกัดรกุงรเงุทเทพพมหมาหนาคนรคร | 2๒5๕ ชาติซ่ึงจะเป็นกรอบในการกาหนดนโยบาย ที่ว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพ่ือ พัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และ คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้ อยา่ งมีความสุข ๒.๒) วเิ คราะห์ปัญหาองค์ประกอบหรือปัจจัยของความสุขของครู ในโรงเรียนแบบองคร์ วมท้งั ทางด้านกาย จิต สังคม และจติ วญิ ญาณ ๒.๓) วเิ คราะหส์ ภาพปัจจุบนั ของโรงเรยี น เพ่อื หาจุดแข็ง จดุ อ่อน ภายในบริบทของโรงเรียน โอกาสในการพัฒนา และอุปสรรคในการพัฒนาจาก สิ่งแวดล้อมภายนอก เพื่อการกาหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการดาเนินงานด้าน ความสขุ ๒.๔) โรงเรียนประกาศให้ครูในโรงเรยี นได้รบั ทราบองค์ประกอบ หรือปัจจัยด้านการสง่ เสริมความสุขโดยการประชมุ ชแ้ี จงให้กับครู องค์ประกอบที่ ๔ ประสานงานในการสรา้ งความสุข เม่ือได้องค์ประกอบของความสุขแล้วในการลงมือปฏิบัติฝ่ายบริหารจงึ มี ควรมกี ารดาเนินการในประสานการสรา้ งความสุข ดังน้ี ๑. ผ้บู ริหารอานวยความสะดวก ผู้บริหารสง่ เสริม สนบั สนนุ ให้ความ ดแู ลและชว่ ยเหลอื ในการจดั กิจกรรมตา่ งๆ ๒. การสร้างความสัมพันธ์กับครู ระหว่างผู้บริหารกับครู ครูกับครู บุคคลภายนอก เจา้ หนา้ ทข่ี ององคก์ รภาครัฐหรือเอกชน สาขาต่างๆ ในชุมชน โดย การเข้าร่วมกิจกรรมตา่ งๆ ของโรงเรียน ๓. การสร้างแกนนาของโรงเรียน หรือทีมส่งเสริมความสุขของ โรงเรียน ด้วยการจัดประชมุ เพ่ือเปดิ กว้างให้กบั ทกุ คนโรงเรียนได้เขา้ มามีส่วนรว่ ม

๒2๖6 | ดรก.ชาลรตสว่งเรสรรณิมคขวมุ าเมพสช็ ุขรตามหลกั พุทธธรรม สาหรบั โรงเรยี นสงั กดั กรุงเทพมหานคร ๔. การให้ความรู้แก่กลุ่มแกนนาโรงเรียน เพื่อให้กลุ่มแกนนา ได้เกิด แนวคิดเก่ียวกับการส่งเสริมความสุข โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของโรงเรียน เป็นพ้นื ฐานในการทางานตอ่ ไป ๕. การสรา้ งความตระหนักถงึ ปัญหาความสุขของครู ใหส้ ามารถทาได้ โดย การศึกษาวิเคราะห์ปัญหาโรงเรียน โดยเร่ิมจาก การมีส่วนร่วมของครู เพื่อให้ ครูได้รู้สภาพปัญหาของโรงเรียนด้วยตนเอง การระบุปัญหา และสาเหตุของปัญหา และเปิดโอกาสให้ครเู สนอความคดิ เห็นและปญั หาเพ่ิมเตมิ เพ่ือนามาวางแผนตอ่ ไป ๖. การจัดทาแผนโรงเรียนด้วยกระบวนการ/เคร่ืองมือต่างๆ เพื่อ วางแผนแกไ้ ขปญั หาเกย่ี วกบั ความสุขของครู ๗. การดาเนินงานของโรงเรียน โดยการจัดตั้งกลุ่มทางานของแต่ละ กิจกรรม และดาเนนิ งานตามแผน โดยมผี บู้ รหิ ารสถานศึกษาเป็นผู้ชว่ ยประสานงาน ให้คณะทางานสามารถดาเนินการได้ และมกี ารประชุม ประเมินผลการทางานเป็น ระยะๆ เพื่อปรับปรงุ แผนงานอย่างตอ่ เนื่อง ๘. การประเมินผล และการดาเนินงานอย่างต่อเน่ืองด้านระบบ สง่ เสรมิ ความสขุ ของครู ๙. การประชาสัมพันธ์หรือร่วมกับหน่วยงานทากิจกรรม เชิญ หน่วยงานภายนอกร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนเพ่ือส่งเสริมความสุขโดยคานึงถึง หลกั ธรรมในการส่งเสรมิ ความสขุ คอื ฆราวาสธรรม ๔ ไดแ้ ก่ ๑) สจั จะคอื ความซ่อื สัตย์ ๒) ทมะ คือ การฝกึ ตน ๓) ขนั ตคิ ือ ความอดทน ๔) จาคะคือ ความเสียสละ

กการาสรสง่ เ่งสเสรมิริมคควาวมามสสุขุขตตามามหหลลักักพพุทุทธธธรธรรมรมสสาหำาหรับรับโรโงรเงรเรียยีนนสสังังกกดั ดักกรรุงเุงทเทพพมมหหาานนคครร | 2๒7๗ องค์ประกอบที่ ๕ สร้างดัชนีความสุขในที่ทางาน การสร้างความสุขในทท่ี างานเป็นการพฒั นาองคก์ รอย่างตอ่ เนือ่ งและเป็น ระบบ ต้องมกี ารสรา้ งดชั นีความสขุ โดยผู้อานวยการสถานศึกษาสร้างกระบวนการ สารวจ หรือวดั ความสุขในทีท่ างาน มีกระบวนการสร้าง ดังนี้ ๑. การประชมุ กระบวนการ ในการจัดประเมิน ต้องทาความเข้าใจใน กระบวนการ ขั้นตอนการจัดการประชุม รวมท้ังต้องศึกษารายละเอียดเก่ียวกับ ความสุข ๒. แนะนาทาความรู้จัก สร้างบรรยากาศของความเป็นกันเอง ระหวา่ งทีมวิทยากรกระบวนการกับครทู ่ีเข้ารว่ มประชุม ๓. ชแี้ จงวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ และสรา้ งความร้สู ึกปลอดภัยใน การประเมิน วัตถุประสงค์ของการประเมินเพื่อต้องการทราบความรู้สึกของครู ความรู้สึกเป็นสุข ซ่ึงเป็นความรู้สึก พอใจ สบายใจ สะดวก หมดห่วง ไร้กังวล ต่อ

๒2๘8 | ดรก.ชารลสตง่ วเรสรรณิมคขวมุาเมพส็ชขุ รตามหลักพุทธธรรม สาหรับโรงเรยี นสงั กัดกรุงเทพมหานคร สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตของตนเอง ครอบครัวและชุมชน มากน้อยเพียงใด หลงั จากทีไ่ ด้มีการจัดกจิ กรรมการพฒั นาตา่ งๆ ในชว่ งเวลาท่ีผา่ นมา ๔. การประเมินเป็นการกระทาโดยครูเพ่ือให้ทราบผลท่ีเป็นการ สะท้อนเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนาและพิจารณาเชื่อมโยงย้อนไปถึงวิธีการ ต่างๆ ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของความสุข มีการประเมินเป็นข้อ ตามปัจจยั ท่ีส่งผลต่อความสขุ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑) หอ้ งเรยี นสะอาด เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย ๒) สถานศึกษามกี ารรกั ษาความปลอดภยั และถูกสุขอนามยั ๓) ในห้องเรียนมแี สงสว่างเพียงพอ ๔) สือ่ /อุปกรณ์ในการใชง้ านเพยี งพอ สะดวกต่อการใชง้ าน ๕) มีตารางเวลาทางานเหมาะสม ๖) มีความรู้ แก้ปัญหาที่ยงุ่ ยากซับซอ้ นได้ ๗) ปรบั ตัวเขา้ กับผ้อู ืน่ ไดด้ ี ๘) ใชค้ วามรู้ ทกั ษะ ประสบการณใ์ นการทางานให้สาเรจ็ ๙) ไมย่ ่อท้อต่ออุปสรรคในการทางานเพ่อื ให้งานสาเร็จ ๑๐) คิดสร้างสิ่งใหม่ และสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้อย่าง เหมาะสม ๑๑) ควบคุมอารมณ์ได้ ๑๒) ได้รับค่าตอบแทนในการปฏบิ ตั ิงานอย่างเหมาะสม ๑๓) เงนิ โบนัส/เงนิ รางวัลพเิ ศษ ๑๔) มีการสนบั สนุนค่าตอบแทนเพ่อื ให้การทางานดีข้ึน ๑๕) ไดร้ บั ตาแหน่งท่ีสูงข้นึ ตามความมุ่งหวัง

กากรสาร่งสเสง่ รเสมิ รคิมวคาวมาสมุขสตุขาตมาหมลหกั ลพักุทพธทุ ธธรรธมรรสมาสห�ำ รหบั รโบัรงโรเรงยีเรนยี สนังสกงั ดั กกดั รกุงรเทงุ เพทมพหมาหนาคนรคร | 2๒9๙ ๑๖) มีความรัก ศรทั ธาในงานที่ทา ๑๗) สามารถปฏิบัติงานหลายๆ งานและบรรลุเป้าหมายในการ ปฏิบัติงานนนั้ ๆ ๑๘) เปดิ โอกาสใหป้ ฏิบัตงิ านต้ังแตต่ น้ จนแลว้ เสรจ็ ด้วยตนเอง ๑๙) ทราบว่างานน้ันมีความสาคัญและผลกระทบต่อองค์กรหรือ ผู้อ่นื ๒๐) มีการเปิดโอกาสให้ปฏิบัตงิ านอย่างมีอสิ ระ ๒๑) สามารถรับรู้ข้อมูลโดยตรง ชัดเจน ถูกต้องเกี่ยวกับ ประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงานทั้งทางบวกและทางลบ ๒๒) มกี ารทางานให้สาเรจ็ ตามเปา้ หมาย ๒๓) การมคี วามสามารถควบคุมงานทท่ี าได้ ๒๔) การไดร้ วู้ า่ สถานศกึ ษาไดค้ าดหวังอะไรจากตนเอง ๒๕) ครูกับผบู้ รหิ าร เขา้ ใจกนั ชว่ ยเหลอื กนั ไม่บงั คบั ขูเ่ ขญ็ ๒๖) ครูกบั เพื่อนครรู บั ฟังความคดิ เห็นของกนั และกนั ๒๗) ครูกับผู้เรียนให้ความเป็นกันเองกับผู้เรียนประดุจคนใน ครอบครัว ๒๘) ความเป็นมติ ร การให้ความช่วยเหลอื จากเพอื่ นร่วมงาน ๒๙) การไดร้ บั การยอมรับและภูมใิ จกบั งาน ๓๐) บรรยากาศและสงั คมในการทางานอบอนุ่ ๓๑) สง่ เสริมและสนับสนนุ ผ้ใู ตบ้ ังคับบญั ชา ๓๒) ผใู้ ต้บงั คบั บัญชาสามารถทางานไดอ้ ยา่ งไม่มีแรงกดดัน

3๓0๐ | ดร.ชกลาตรวสร่งรเณสริมขคุมวเพามช็ รสุขตามหลกั พุทธธรรม สาหรบั โรงเรียนสงั กัดกรุงเทพมหานคร องค์ประกอบท่ี ๖ ประสานพลังในการสร้างวัฒนธรรมการทางานอยา่ งมี ความสุขการที่จะบริหารองค์กรให้เป็นสถานที่ทางานอย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน จะต้อง เป็นกระบวนการในการประสานพลังของคนในองค์กร ให้ประพฤติ ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมท่ีตกลงรว่ มกันแล้วว่าจะเป็นส่งิ ซง่ึ กอ่ ให้เกิดบรรยากาศ แห่งความสุข และการ แสดงออกเหล่าน้ีจะต้องกระทาด้วยความจริงใจ จริงจัง ต่อเน่ือง สม่าเสมอ ม่ันคง และถาวรจนกลายเป็นวฒั นธรรมองค์กร โดยมีประสาน พ ลั ง ใ น ก า ร ส ร้ า ง วั ฒ น ธ ร ร ม ก า ร ท า ง า น อ ย่ า ง มี ค ว า ม สุ ข ดั ง น้ี ๑. สร้างวัฒนธรรมท่ีเชื่อมต่อกับองค์กร ร่วมมือประสานพลังกันเพ่อื แสวงหาว่าวัฒนธรรมในองค์กรแบบไหนคือวัฒนธรรมในแบบที่โรงเรียนต้องการ และวัฒนธรรมที่คิดไวน้ ้ันจะมีผลต่อการทาให้ครูมีความสุขได้อยา่ งไร การตัดสินใจ สร้างวัฒนธรรมองค์กรต้องคานึงถึงเป้าหมายว่าเมื่อทาไปแล้วจะส่งเสริมให้ครูมี ความสุขได้อยา่ งไร และมีประโยชน์อย่างไร ซึ่งนอกจากปัจจัยเรื่องประโยชนท์ ต่ี าม

กากราสรง่ สเ่งสเรสมิ รคมิ วคาวมาสมขุ สตุขาตมาหมลหักลพักุทพธทุ ธธรธรรมรสมาสห�ำ รหับรโับรโงรเงรเยี รนียสนังสกังดักกดั รกุงรเุงทเพทมพหมาหนาคนรคร | 3๓1๑ มาแล้วนัน้ ตอ้ งคานึงด้วยว่าวัฒนธรรมทีค่ ิดไว้นัน้ จะสามารถปรบั ให้เข้ากบั โรงเรียนที่ เป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหากบางโรงเรียนมีบุคลากรที่มีแนวคิดหรือ ทัศนคติที่ฝังรากลึกมานาน หากจะให้เปลี่ยนไปในทางตรงข้ามทันทีก็คงเป็นเรื่อง ยาก ทาให้ต้องวิเคราะห์ถึงสภาพแบบเดิมก่อนว่ามีวัฒนธรรมองค์กรไปทางไหน เพื่อท่ีจะคอ่ ยๆ ปรบั แนวทางใหไ้ ด้วฒั นธรรมใหม่ทตี่ อ้ งการ ๒. มีการต้ังเป้าหมายชัดเจนอธิบายได้ วัฒนธรรมในองค์กรไม่ใชเ่ รือ่ ง ที่จะสามารถทาคนเดียวได้ ในฐานะผู้บริหารจะต้องมีการกาหนดเป้าหมายที่ แน่นอน และมีแนวทางการสร้างวัฒนธรรมท่ีครูสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้วครูจะหาเหตุผลไม่ได้ว่าทาไมถึงควรต้องมีวัฒนธรรมในองค์กร และ ทาไมต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นเราจึงควรมีรายละเอียดของเป้าหมาย พร้อมทั้งการ วดั ผลที่ตัง้ ไว้ในแต่ละระดับเพอ่ื ให้ครูทุกๆ คนได้เหน็ ว่าแนวทางการสร้างวฒั นธรรม ในองคก์ รนนั้ มีประโยชน์จรงิ ๆ รวมถึงคอย ๓. การพัฒนาครูใหม่ให้คานึงถึงทัศนคติ การเลือกวัฒนธรรมที่ ต้องการและกาหนดเป้าหมายท่ีชัดเจน ควรเริ่มดาเนินการเพื่อให้วัฒนธรรมนัน้ คง อยู่กับองค์กรต่อไปในอนาคตคือในการว่ารับครูเข้ามาใหม่ต่อไปจากน้ี ควรท่ีจะมี การเลอื กบคุ คลท่มี คี วามสามารถและทัศนคติท่ีใกลเ้ คยี งกบั วัฒนธรรมทตี่ ้ังไว้ เพราะ วัฒนธรรมองค์กรคงดาเนินต่อไปได้ยากหากคนท่ีรับเข้ามาใหม่แต่ละคนนั้นมี ความคิดที่ไปกันคนละทิศทาง ซ่ึงสามารถดูทัศนคติของผู้ที่มาสมัครเบ้ืองตน้ ได้จาก การสัมภาษณ์ โดยการดูอารมณ์และวิธีการตอบคาถาม ซ่ึงควรเตรียมคาถามที่ เหมาะสมและต้องนามาใช้ชี้วัดผู้มาสัมภาษณ์ได้ด้วยว่ามีลักษณะแนวคิดตรงตามท่ี ต้องการมากน้อยเพยี งใด และควรให้ความสาคัญกับเรื่องทัศนคติให้มากกว่าทกั ษะ ในการทางานดว้ ย เน่ืองจากทักษะในการทางานน้นั ยงั สามารถใชก้ ารฝึกฝนกันไดแ้ ต่

๓3๒2 | ดรก.ชารลสตง่ วเรสรรณมิ คขวุมาเมพส็ชุขรตามหลกั พุทธธรรม สาหรบั โรงเรยี นสังกัดกรุงเทพมหานคร เร่ืองทัศนคติในการทางานนน้ั เปน็ เร่อื งทเ่ี ปลย่ี นใหเ้ ข้ากับวัฒนธรรมในองคก์ รได้ยาก กวา่ ถา้ หากมคี วามแตกตา่ งกนั จนเกินไป ๔. คอยแนะแนวทางอย่างสม่าเสมอ วัฒนธรรมในองค์กรน้ันควรมี รายละเอยี ดและเป้าหมายท่ีชัดเจน แตใ่ นบางคร้ังวัฒนธรรมในองค์กรก็อาจมีความ ซับซ้อนมากกว่านั้นจนหลายๆ ทาให้ครูบางท่านอาจหลงไปจากแนวท่ีต้ังไว้อย่าง ง่ายดาย ซึง่ ทั้งน้ใี นฐานะผู้เป็นหวั หนา้ หรอื ผทู้ มี่ ีหน้าท่รี บั ผิดชอบในการกากบั ดูแลว่า แต่ละคนว่ายังดาเนินรอยตามวัฒนธรรมมาถูกทางหรือไม่ เพราะในบางคร้ังการ ปลอ่ ยละเลยวฒั นธรรมเหล่านไ้ี ป ก็จะทาใหแ้ นวคิดท่ตี ง้ั ไว้แต่แรกน้นั ค่อยๆ หายไป จนแตล่ ะคนในองคก์ รกลบั มามคี วามคิดท่ีกระจัดกระจายกนั เหมอื นเดิม ๕. หมั่นดูผลตอบรับจากบุคลากร (ครู) เพื่อให้แนวทางการสร้าง วัฒนธรรมในองคก์ รน้นั ดาเนินไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ ทางผู้บรหิ ารที่รบั ผิดชอบควร จะมีการหมั่นคอยวัดผลถึงความเปล่ียนแปลงของผู้คนในทีมอย่างสมา่ เสมอว่าผคู้ น ในทีมน้นั สามารถดาเนนิ การทางานใกลเ้ คยี งกบั วัฒนธรรมที่ตง้ั ไว้ในองค์กรมากน้อย เพียงใด และมีผลท่ีตามมาดีข้ึนมากน้อยขนาดไหน ซึ่งนอกจากจะมีการวัดผลแล้ว ยังต้องมีการสารวจผลตอบรับของครูด้วยว่าคิดอย่างไรกับวัฒนธรรมที่มีอยู่ตอนนี้ และส่วนใดท่ีอยากปรับปรุงเพ่ือให้ดาเนินการทางานให้มีประสิทธิภาพให้ได้มาก กว่าเดิมหรือไม่ หรือมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมในองค์กรมากน้อย เพียงใด ซ่ึงในส่วนน้ีควรที่จะลงมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้เหล่านั้น เพ่ือให้สามารถ ทางานให้เข้ากับวัฒนธรรมในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการ ทางานอยู่เสมอ ๖. ส่งเสริมให้ครูมีสุขภาพจิตที่ดี ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม เช่อื มั่น ในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีหลักยึดเหน่ียวในใจ ท้ังหลักศาสนาปรัชญาของ

กากราสร่งสเ่งสเรสมิ รคิมวคาวมาสมุขสตุขาตมาหมลหักลพกั ทุพธุทธธรธรรมรสมาสหำ�รหับรโับรโงรเงรเียรนียนสังสกงั กัดกดั รกงุรเุงทเทพพมหมหานานครคร | 3๓3๓ เศรษฐกิจพอเพยี ง ประเพณี วฒั นธรรม เมื่อเกดิ ปัญหาสามารถแกไ้ ขให้สาเรจ็ ลุล่วง ไป ไมเ่ ปน็ โรควิตกกงั วล ไม่เป็นโรคซมึ เศร้า ไม่เป็นโรคจิต ไมฆ่ า่ ตัวตาย ๗. สร้างทกั ษะในการใช้ชวี ติ อย่างมีคุณค่า โดยการสร้างให้ครูสามารถ อยใู่ นสงั คมได้อย่างปกติสุข สร้างสรรค์ ประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และชุมชนได้ อย่างเตม็ ศกั ยภาพ มีเปา้ หมายในชีวติ เชือ่ มนั่ ในความรู้ความสามารถของตน ได้รบั การยอมรับจากคนรอบข้าง ใช้ความสามารถในการปรับตัวเพ่ือการเผชิญ สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การคิด วิเคราะห์อย่างมีเหตุผล การตัดสินใจ “คิดเป็น ทาเป็น”ความคิดสร้างสรรค์ การ ประมาณตนและการควบคุมสถานการณ์ การสื่อสาร ต่อรอง ปฏิเสธและโน้มน้าว จติ ใจ การปรบั ตวั ๘. ครอบครัวรักษาสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ในการประสานพลังสร้าง วัฒนธรรมน้ันต้องทาให้ครูสามารถปฏิบัติบทบาทหน้าท่ีได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ สามารถดารงความเป็นครอบครวั และชุมชนได้อยา่ งมีคุณภาพท่ีย่ังยืน ครูทาหน้าท่ี ในการสร้างครอบครัว โดยมีเป้าหมาย และทากิจกรรมต่างๆ มีความรับผิดชอบ ร่วมกันในด้านต่างๆ เช่น ดูแล เล้ียงดูบุตร ส่งเสริมการศึกษา สุขภาพ ธรรมเนียม ประเพณไี ทย ดแู ลผู้สูงอายุ และชว่ ยเหลอื ญาตพิ ี่น้อง ด้านการงาน ด้วยความผกู พัน เอ้ืออาทรต่อกัน รว่ มกนั แกป้ ญั หาของครอบครัวด้วยความรัก และการแสดงบทบาท หนา้ ที่ในครอบครวั อย่างสมบูรณ์ เชน่ พอ่ แม่ ประกอบอาชีพสุจรติ กระทาตนเป็น ตัวอย่างแก่บุตรดูแลทุกข์สุข ให้ความอบอุ่น เลี้ยงดูอบรมสั่งสอน บุตรมีหน้าท่ี ช่วยเหลือ ดูแล บารุงพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เคารพเช่ือฟัง เป็นต้น สามี ภรรยา มี ความสนใจในแนวทางเดียวกัน จิตใจหนักแน่น ปรับตัวเข้าหากัน เสียสละ ใจกว้าง รู้เหตุผล ไม่ขัดแย้งโดยไมม่ ีเหตผุ ล และไม่ยึดเหตุผลของตนฝ่ายเดียว เอาใจใส่และ หว่ งใยพรอ้ มรว่ มสขุ รว่ มทุกข์ ยกย่อง ไมด่ หู มนิ่ ไม่นอกใจ ชว่ ยเหลือซ่งึ กันและกัน

3๓4๔ | ดร.ชกลาตรวสรง่ รเสณริมขคุมวเพามช็ สรุขตามหลกั พุทธธรรม สาหรบั โรงเรยี นสังกัดกรงุ เทพมหานคร ๙. ร่วมจัดสภาพแวดล้อม เพื่อการดารงชีวิตให้มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน บรรยากาศสวยงามและสิ่งแวดล้อมมีคุณภาพที่ดี ไม่มีสิ่งเป็นพิษ รบกวน สร้างความเดอื ดร้อนราคาญ ๓. ปจั จัยส่งออก (Output) ปัจจัยการส่งเสริมความสุขของครูตามหลักพุทธธรรมในการปฏิบัติงาน สาหรับโรงเรยี นสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยครมู ีความสุขทงั้ ๔ ด้าน คือ รา่ งกาย จติ สงั คม จติ วิญญาณทีเ่ กิดจากการปฏบิ ัติงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ บริหารโรงเรียน ประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนเพ่ือส่งเสริมความสุขของครู ได้แก่ ๑) มีนโยบายส่งเสริมสุขภาพที่ครอบคลุมสุขทางกาย สุขทางจิต สุข ทางสังคม และสขุ ทางจติ วญิ ญาณ (ทางปญั ญา) ๒) ครู รบั ทราบขา่ วสารเก่ียวกับการสง่ เสริมความสุขในการปฏิบัติงาน ๓) ครู มีความพึงพอใจต่อการส่งเสรมิ ความสุขในการปฏิบัติทางาน ๔) โรงเรียนจัดสภาพแวดล้อม อาคารสถานที่เป็นไปตามมาตรฐาน สขุ าภิบาล ส่ิงแวดลอ้ มในโรงเรยี น ๕) ครูได้รับการตรวจสุขภาพโดยบุคลากรสาธารณสุขอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ๖) ครูที่มีปัญหาด้านสุขภาพได้รับการดูแลรักษาและกรณีที่เจ็บป่วย เกินขอบเขต การบรกิ ารได้รับการสง่ ตอ่ และดแู ลเป็นอยา่ งดี ๗) ครทู ่มี ีปัญหาไดร้ ับคาปรกึ ษา แนะนา และสามารถแก้ปัญหาได้

การกสาง่รเสสง่ รเิมสครมิวาคมวสามุขตสาุขมตหามลหกั พลักุทพธธุทรธรธมรสรมาหสรำ�บัหโรรบั งโเรรงยี เนรียสนงั กสดัังกกดัรุงกเรทงุ พเทมพหมาหนาคนรคร | 3๓๕5 ๑๑) บุคลากรทกุ คนในโรงเรียนเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามสขุ ประสิทธิภาพ คือ การดาเนินงานให้ประสบผลสาเร็จตามเป้าประสงค์ท่ี วางไว้ โดยใช้ ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและน้อยท่ีสุด ในที่นี้ประสิทธิภาพคือ การใช้ ทรัพยากร อันได้แก่ คน เงิน วัสดุ ในการบริหารงานโรงเรียน เพื่อส่งเสริมความสุข ในการปฏิบัติงานของครูอย่างคุ้มค่าและน้อยที่สุดเพื่อให้การบริหารงานบรรลุตาม เป้าประสงค์ทวี่ างไว้ การบริหารงานเพื่อส่งเสริมสุขภาพอนามัยเป้าประสงค์ท่ีสาคัญที่สุดคือ การท่ีครูมีความสุขทางกาย สุขทางจิต สุขทางสังคม และสุขทางจิตวิญญาณ (ทาง ปัญญา) ที่ดี ดังนั้นโรงเรียนจะหาวิธีการ แนวทางการดาเนินงานเพื่อให้ครูมี ความสขุ ท่ีดี และเป็นทีท่ ราบกนั ดีว่าการบรหิ ารงานโรงเรยี นเพ่ือสง่ เสรมิ ความสขุ นน้ั การเข้ามีส่วนร่วมของทุกภาค เป็นหัวใจสาคัญในการดาเนินงาน ซึ่งจะส่งผลให้มี การใช้ทรัพยากร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นคน เงิน วัสดุ เช่น การจัดสภาพแวดล้อมใน โรงเรียนท่ีเอือ้ ตอ่ การสง่ เสริมความสขุ เช่น การจัดภมู ิทศั น์ การจดั สถานท่ี และ สิง่ อานวยความสะดวกในการออกกาลังกาย ผลการดาเนินงานนักเรียนและชุมชนมี สขุ นสิ ยั รักการออกกาลังกาย และมสี ุขภาพแข็งแรง ๔. ข้อมูลยอ้ นกลบั (Feedback) ข้อมูลย้อนกลับ หมายถึง ข้อมูลสารสนเทศที่ได้จากปัจจัยนาเข้า กระบวนการ ปจั จัยส่งออกส่งิ แวดล้อม โดยเฉพาะท่ไี ด้จากกระบวนการ ดาเนินงาน และผลผลิตของการส่งเสริมความสุขในการปฏิบัติงานของครู การได้รับข้อมูล ย้อนกลับจะเป็นประโยชน์ในการกาหนดปัจจัยนาเข้าในการดาเนินงานคร้ังต่อไป ข้อมลู ยอ้ นกลับการดาเนนิ งานส่งเสริมสขุ ในการปฏบิ ัตงิ านของครใู นโรงเรยี น ได้แก่

3๓6๖ | ดร.ชกลาตรวสร่งรเณสริมขุมคเวพาช็มรสขุ ตามหลักพุทธธรรม สาหรับโรงเรยี นสงั กัดกรงุ เทพมหานคร ๑. คณะกรรมการส่งเสริมความสุของโรงเรียนท่ีมีความต้ังใจ มีจิต สาธารณะ และเห็นประโยชนใ์ นการส่งเสริมความสุข จะทาให้การส่งเสรมิ ความสุข ในการปฏิบัตงิ านของในโรงเรยี นประสบผลสาเร็จ ๒. การมสี ว่ นรว่ มของผูเ้ ก่ียวขอ้ งทุกภาคส่วน สง่ ผลให้บคุ ลากรทกุ ฝ่าย ได้แก่ ครู ผบู้ รหิ าร ๓. สภาพแวดลอ้ มของโรงเรียน สะอาด นา่ อยู่ ปลอดภยั ๔. ครูมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และเป็นผู้ท่ีสามารถเผยแพร่ความรู้ ดา้ นความสขุ ให้ผู้อื่นได้ ๕. ผู้บริหารสถานศึกษาคณะครู มีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ส่งเสริมความสขุ ของครู ๖. ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา คณะครู นกั เรยี น ผู้ปกครอง และชุมชน มกี จิ นิสัยในการออกกาลังกาย เล่นกีฬา และนันทนาการ ส่งผลให้บุคลากรในโรงเรียน และชุมชน ลดความเสอ่ื มจากอบายมขุ และสงิ่ เสพตดิ ๕. สภาพแวดล้อม (Environment) สิ่งแวดล้อม หมายถึง ส่ิงที่อยู่ล้อมรอบโรงเรียนและส่งผลต่อการบริหาร โรงเรียน ประกอบด้วย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีซึ่ง ส่งิ แวดล้อมเหล่านี้อาจเปน็ โอกาสสามารถส่งผลกระทบ ท้ังทางตรงและทางอ้อมต่อ การบรหิ ารโรงเรยี นเพ่อื ส่งเสริมความสขุ ของครูตามหลกั พุทธธรรมในการปฏิบตั งิ าน สาหรับโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครใหเ้ ข้มแข็งขึ้นได้ ในทางตรงกนั ข้ามอาจเป็น

กกาารรสส่งง่เสเสรริมิมคคววาามมสสขุ ขุ ตตาามมหหลลกั กั พพุทุทธธธธรรรรมมสสา�ำหหรรบั บั โรโรงงเรเรียียนนสสงั ังกกัดดั กกรรงุ ุงเเททพพมมหหาานนคครร | 3๓7๗ อุปสรรคท่ีสามารถส่งผลกระทบที่จะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางตรงและ ทางออ้ มตอ่ การบริหารเชน่ กัน ด้านการเมือง นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ หรือ หน่วยงานต้นสังกัด กาหนดนโยบายเกย่ี วกับการส่งเสริมความสุขของครูในการปฏบิ ัติงานในโรงเรยี นที่ เด่นชัด จะสง่ ผลใหโ้ รงเรียนซง่ึ เปน็ ฝา่ ยปฏบิ ตั ิ ตอ้ งดาเนินการสนองนโยบายดังกล่าว ด้านเศรษฐกิจ ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเศรษฐกิจประเทศชาติหรือชุมชนดีจะ สง่ ผลต่อการ ดาเนินงานสง่ เสริมความสขุ ของครใู นการปฏิบัตงิ านในโรงเรียน ด้านสังคม ได้แก่ ระดับการศึกษา ลักษณะของชุมชน ขนบธรรมเนียม ประเพณี ค่านิยม ความเช่ือ และวัฒนธรรม ถ้าคนในสังคมเป็นผู้มีการศึกษา ย่อม ตระหนักและเห็นคุณค่า และประโยชน์ของการส่งเสริมความสุขของครู ส่งผลให้ เกิดความร่วมมือร่วมใจในการสนับสนุนการส่งเสริมความสุขของครูในกา ร ปฏิบัติงานในโรงเรียน วัฒนธรรมของชุมชนเป็นส่วนหนึ่งท่ีจะเป็นอุปสรรคหรือ แรงผลกั ดัน ในการดาเนินงาน ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีทางการแพทย์ เทคโนโลยีทางการ สื่อสาร ซ่ึงทั้งสอง เร่ืองนี้ถือว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นต่อการส่งเสริม สุขภาพในโรงเรียนเป็นอย่างย่ิง เช่น ถ้าโรงเรยี นมีเทคโนโลยีในการส่ือสารที่ทันสมัย เทคโนโลยีของเครื่องมอื วัสดุ อุปกรณ์ท่ีเก่ียวข้องกับการจัดการเรียนการสอนหรือ อานวยความสะดวกให้ครูในการปฏิบัติ เป็นต้น เทคโนโลยีน้ีรวมไปถึงเทคโนโลยี ด้านอื่นๆ เช่น คอมพิวเตอร์ซ่ึงใช้ในการบันทึกข้อมูลและใช้ในการส่ือสารเพ่ือผู้ให้ และผรู้ บั ข่าวสารสามารถโต้ตอบกนั ได้ จะทาใหข้ ้อมลู ทีไดร้ บั มคี วามรวดเรว็ ถกู ตอ้ ง เปน็ การสร้างความเขา้ ใจทด่ี ตี ่อกัน สรุป ระบบการส่งเสริมความสุขตามหลักพุทธธรรมของครู สาหรับ โรงเรียนสงั กัดกรุงเทพมหานคร ได้ดงั ภาพ

38 | ดร.ชลตวรรณ ขมุ เพ็ชร ๓๘ การสง่ เสรมิ ความสขุ ตามหลักพุทธธรรม สาหรบั โรงเรยี นสังกดั กรุงเทพมหานคร

การสง่ เสริมความสขุ ตามหลักพทุ ธธรรมสาหรับโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ๓๙ บรรณานกุ รม จันทรานี สงวนนาม. (๒๕๔๕).ทฤษฎีแนวปฏิบัติการบริหารสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร : บุค๊ พอยท์. ราชบัณฑิตยสถาน.(๒๕๕๔). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. พิมพ์คร้งั ท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั ดา่ นสุทธาการพมิ พ์. กติ มิ า ปรดี ดี ิลก. (๒๕๒๙). ทฤษฎกี ารบริหารองค์การ. กรุงเทพมหานคร: ชนะการ พิมพ์. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (๒๕๔๐). จิตวิทยาการบริหาร. พิมพ์คร้ังที่ ๓. นนทบุรี: มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (๒๕๕๙). พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์ บรษิ ัท สหธรรมกิ จากัด. พรรณี ประเสริฐวงษ์ และวีรนารถ มานะกิจ. ๒๕๑๙. การจัดองค์การและการ บรหิ าร. กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั โรงพมิ พไ์ ทยวฒั นาพานชิ จากดั . ทพิ วรรณ หล่อสวุ รรณรตั น์. (๒๕๔๖). ทฤษฎีองค์การสมยั ใหม่. กรงุ เทพมหานคร : สถาบนั บัณฑิตพัฒนบรหิ ารศาสตร์. Good, Carter V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw- Hill Book. Semprevivo, Philop C. (1976) System Analysis Definition Process and Design. Chicago : Science Research Association.

เกี่ยวกบั ผเู้ ขยี น ดร.ชลตวรรณ ขุมเพ็ชร ดร.ชลตวรรณ..ขุมเพ็ชร..เป็นผู้สนใจทางการศึกษา..และส่งเสริมความสุข ใหก้ ับบุคลากรทางการศกึ ษา.. การศกึ ษา ปรญิ ญาตรี จากสถาบนั เทคโนโลยีราชมงคล วชิ าเอก นาฏศิลปไ์ ทย ปรญิ ญาโท การบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยรามค�ำ แหง ปรญิ ญาเอก พุทธบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย.. คลกุ คลีกบั การศึกษามาเปน็ ระยะเวลา ๒๘ ปี รางวัลทไ่ี ดร้ บั รบั เครื่องหมายเชดิ ชเู กียรติ “คุรุสดุด”ี ประจำ�ปี ๒๕๖๓ ในฐานะเป็นผู้ ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี เปน็ ทป่ี ระจกั ษช์ ดั รับเครอื่ งหมายเชิดชูเกยี รติ “หนงึ่ แสนครดู ”ี ประจ�ำ ปี ๒๕๕๖ ในฐานะ เปน็ ผปู้ ฏิบัติตนตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวชิ าชีพทางการศกึ ษา รับประกาศเกยี รติคุณ“เป็นผปู้ ฏบิ ตั หิ น้าท่ีราชการด้วยความรู้ ความ สามารถ ความวิริยะ อตุ สาหะและความเสียสละ เป็นเวลา ๒๐ ป”ี จาก กรุงเทพมหานคร รับรางวัล..“หนึ่งโรงเรียน..หน่ึงนวัตกรรม”..เหรียญเงินระดับ ภูมิภาคเรอื่ ง รอบรู้เร่อื งรูปสเี่ หลีย่ ม โดยสำ�นักงานเลขาธิการครุ สุ ภา