Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาตร์ชาติ

สรุปแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาตร์ชาติ

Published by ธงชัย ชาวงค์ศรี, 2021-01-30 04:37:02

Description: สรุปแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาตร์ชาติ

Search

Read the Text Version

๔๒

๑๐. ประเดน็ การปรับเปล่ียนคา่ นยิ มและวฒั นธรรม ยุทธศาสตรช์ าติให้ความสาคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากเป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนา ด้านต่าง ๆ ของประเทศในระยะยาว โดยการจะพัฒนาประชากรท่ีดีและสมบูรณ์น้ัน นอกจากการยกระดับใน ดา้ นสขุ ภาวะและด้านทักษะการศึกษาแล้ว จะต้องพัฒนาด้านค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีดีของประชาชนทุกกลุ่ม วัยควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ในการพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้ เป็นคนดี เกง่ และมีคุณภาพ โดยในช่วงที่ผ่านมาประชากรไทยส่วนใหญ่ยังมีปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรมและไม่ตระหนักถึง ความสาคัญของการมวี ินัย ความซอ่ื สัตย์สุจริต และการมีจิตสาธารณะดังปรากฏในผลการสารวจด้านคุณธรรม จริยธรรมต่าง ๆ อาทิการสารวจโดยศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน) เม่ือปี ๒๕๖๑ พบว่า ปัญหาความซ่ือสัตย์ สุจริตทุจริตคอรัปช่ัน เป็นปัญหาท่ีมีความรุนแรงมากที่สุด (ระดับความรุนแรง ๔.๑๓ จากคะแนนเต็ม ๕.๐๐) และจาเป็นต้องได้รับการแก้ไขปัญหามากที่สุดรองลงมาคือปัญหาจิตสานึกสาธารณะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าสว่ นรวมซึ่งอาจสะท้อนการเปลี่ยนไปของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่มีค่านิยมยึดตนเองเป็นหลักมากกว่า การคานึงถงึ สังคมส่วนรวม สถานการณ์ ปัญหาวิกฤตดิ า้ นคณุ ธรรมในสงั คมไทย ประเดน็ ค่าเฉล่ีย การแปลความ ๑. ปัญหาความซ่ือสตั ย์สุจรติ การทจุ ริต คอร์รัปชนั ๔.๑๓ มาก ๒. ปัญหาจิตสา นึกสาธารณะ ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมเห็นแก่ประโยชน์ สว่ นตัวมากกวา่ ส่วนรวม ๓.๙๕ มาก ๓. ปญั หาพฤตกิ รรมวตั ถุนิยม บริโภคนิยม ไมม่ ีความพอเพยี ง ๔. ปัญหาขาดระเบียบวินยั ไม่เคารพ กตกิ า กฎหมาย ๓.๙๑ มาก ๕. ปัญหาขาดความสามคั คเี กิดความ ขดั แย้งในสงั คม ๓.๘๒ มาก ๓.๗๓ มาก ทมี่ า : โครงการสารวจสถานการณ์ คุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทย ปี ๒๕๖๑ (มกราคม – พฤษภาคม) เปา้ หมาย คนไทยมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมท่ีดีงาม และมีความรัก และภูมิใจในความเป็นไทย คนไทย นาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดารงชีวิตสังคมไทยมีความสุขและเป็นที่ยอมรับของนานา ประเทศมากข้นึ ตัวชีว้ ดั และค่าเป้าหมาย ดัชนีคุณธรรม ๕ ประการ (ความซ่ือสัตยส์ ุจริต การมจี ิตสาธารณะ การเป็นอยู่อย่าง พอเพียง การกระทาอยา่ งรับผิดชอบ ความเปน็ ธรรมทางสังคม) ร้อยละ รอ้ ยละจากปฐี าน (ปี ๒๕๖๑) 15 20 20 (66 - 70) (71 - 75) (76 - 80) 25 20 15 10 10 5 0 ช่วงปี (61 - 65) ๔๓

ดังน้ัน จึงจาเป็นต้องกาหนดให้มีแผนแม่บท ด้านการปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม เพื่อปลูกฝัง คา่ นยิ มวัฒนธรรมท่พี งึ ประสงคข์ องประชาชนไทยในชว่ งระยะเวลา ๒๐ ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการมีวินัย ความ ซ่ือสัตย์สุจริต การมีจิตอาสา จิตสาธารณะ และความตระหนักถึงหน้าที่ต่อประโยชน์ส่วนรวม รวมท้ัง การ ส่งเสริมให้ประชาชนยึดมั่นสถาบันหลักท่ีเป็นศูนย์รวมจิตใจให้เกิดความรัก ความสามัคคี ความภาคภูมิใจใน ความเป็นไทยท่ีมีอัตลักษณ์และความโดดเด่นจนเป็นท่ีประจักษ์แก่สายตาชาวโลก ท้ังในด้านความมีน้าใจ ความเอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่ ความมีไมตรีและความเป็นมิตร โดยมุ่งเน้นให้สถาบันทางสังคมร่วมปลูกฝังค่านิยม วัฒนธรรมที่พึงประสงค์ ซึ่งบูรณาการร่วมระหว่างภาคีต่าง ๆ อาทิ ครอบครัว ชุมชน ศาสนา การศึกษา สื่อ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการหล่อหลอมคนไทยให้มีคุณธรรม จริยธรรม ในลักษณะที่เป็น ‘วถิ ’ี การดาเนนิ ชวี ติ โดยวางรากฐานการพัฒนาคนให้มีความสมบูรณ์ เริ่มตั้งแต่การพัฒนาคนให้มีสุขภาพกาย และใจทีด่ ี บนพื้นฐานของการมสี ว่ นรว่ มของสถาบันสังคมและวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ท้ังครอบครัว ชุมชน ศาสนา การศึกษา สอ่ื และภาคเอกชน โดยแผนแม่บทฯ ประกอบดว้ ย ๓ แผนยอ่ ย ดังนี้ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และการเสริมสร้างจิตสาธารณะและการเป็นพลเมืองที่ดี ผา่ นการเลย้ี งดใู นครอบครัว การบรู ณาการเรอ่ื งความซอ่ื สัตย์ วนิ ยั คณุ ธรรม จริยธรรม ในการจัดการเรียนการ สอน การสร้างความเข้มแข็งของสถาบันทางศาสนา การปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน การส่งเสริมให้คนไทยมีจิตสาธารณะ จิตอาสาและรับผิดชอบต่อส่วนรวม รวมทั้งการสร้างเสริมผู้นาการ เปลย่ี นแปลงและต้นแบบท่ดี ที ั้งระดับบุคคลและองคก์ ร คนไทยเปน็ มนษุ ย์ทส่ี มบรู ณ์ มีความพร้อมในทกุ มิตติ ามมาตรฐานและสมดลุ ท้งั ด้านสติปัญญา คุณธรรมจรยิ ธรรม มจี ติ วญิ ญาณท่ีดี เข้าใจในการปฏิบตั ิตนปรบั ตวั เขา้ กับสภาพแวดล้อมดีขนึ้ ประชากรอายุ ๑๓ ปขี ึน้ ไป มกี ิจกรรมการปฏิบตั ติ นท่ีสะทอ้ นการมคี ณุ ธรรมจริยธรรมเพมิ่ ขนึ้ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) เพิ่มขึน้ ร้อยละ ๕ ต่อปี เพ่ิมขึ้นร้อยละ ๕ ต่อปี เพม่ิ ขึน้ ร้อยละ ๕ ต่อปี เพิม่ ขนึ้ รอ้ ยละ ๕ ต่อปี การสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีพึงประสงค์จากภาคธุรกิจ โดยการเสริมสร้างและพัฒนากลไก เพ่ือให้ภาคธุรกิจ ส่งเสริมสนับสนุนและสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดี และการยกระดับการบริหารจัดการ รวมถงึ มาตรการของภาครฐั เพ่อื ให้ภาคธรุ กิจร่วมรับผิดชอบในการปรบั เปลี่ยนคา่ นยิ มและวัฒนธรรม ภาคธุรกิจมีบทบาทสาคัญในการลงทนุ เพอ่ื สงั คม จานวนธรุ กจิ ทเี่ ปน็ วสิ าหกจิ เพ่อื สังคม (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ๕๐ บริษทั ๑๐๐ บริษทั ๑๘๐ บรษิ ทั ๓๐๐ บรษิ ัท ๔๔

การใชส้ ือ่ และสอ่ื สารมวลชนในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมของคนในสังคม โดยการพัฒนาสื่อ สร้างสรรค์ และเสริมสร้างค่านิยมที่ดีให้กับเยาวชน และประชาชนทั่วไป พัฒนาส่ือเผยแพร่ เพื่อสร้างเสริม ศิลปะและวฒั นธรรม และจัดสรรเวลาและเปดิ พน้ื ที่ให้ส่ือสร้างสรรค์สาหรับเด็ก เยาวชน และประชาชนในการ ปลกู จติ สานึกและสร้างเสรมิ ค่านิยมท่ีดี ส่ือในสงั คมไทยมคี วามเขม้ แข็ง สามารถสรา้ งภูมิคมุ้ กันใหแ้ กป่ ระชาชนในสังคม ทาใหเ้ กิดสงั คมแหง่ การเรียนร้ปู ลอดภัย และสรา้ งสรรค์เพิ่มขน้ึ ระดบั ความสาเรจ็ ของการสร้างการรับ รู้ ความตระหนกั และการใช้สือ่ อย่าง ปลอดภัยและสร้างสรรค์ของประชาชน กลุม่ เป้าหมาย (เฉลี่ยร้อยละ) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ๗๐ ๘๐ ๙๐ ๙๐ ๔๕

๑๑. ประเดน็ การพฒั นาศกั ยภาพคนตลอดชว่ งชวี ติ ยุทธศาสตร์ชาติได้กาหนดเป้าหมายการขับเคล่ือนการพัฒนาให้ประเทศเจริญก้าวหน้าไปในอนาคต ซึ่งทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยขับเคล่ือนสาคัญในการยกระดับการพัฒนาประเทศในทุกมิติไปสู่เป้าหมายการเป็น ประเทศที่พัฒนาแล้วท่ีขับเคลื่อนโดยภูมิปัญญาและนวัตกรรมในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า อีกท้ังการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างประชากรท่ีมีสัดส่วนประชากรวัยแรงงานและวัยเด็กที่ลดลงและประชากรสูงอายุที่เพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสาคัญที่จะทาให้การพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ มีความท้าทายเพิ่มมากขึ้น ท้ังในส่วนของ เสถียรภาพทางการเงินของประเทศในการจัดสวัสดิการเพ่ือดูแลผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้น การลงทุนและการออม การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ความมนั่ คงทางสงั คม การบริหารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างยั่งยืน ซ่งึ จะเป็นประเด็นทา้ ทายตอ่ การขบั เคลือ่ นประเทศไปสู่การเปน็ ประเทศพัฒนาแลว้ โดยปัจจุบัน โครงสร้างประชากรไทยกาลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมสูงวัย และจะเปล่ียนแปลงอย่างสมบูรณ์ ในช่วงปี ๒๕๖๔ ซ่ึงทาให้ประชากรวัยแรงงานจะมีจานวนสูงสุดและเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อ ศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว นอกจากน้ี อัตราการเจริญพันธุ์รวมของประชากรไทย ในปี ๒๕๖๑ อยู่ที่ ๑.๕๘ ซ่ึงต่ากว่าระดับทดแทน นอกจากนี้ กลุ่มวัยต่าง ๆ ยังคงมีปัญหาและความท้าทายใน แต่ละกลุ่ม อาทิ โภชนาการในกลุ่มเด็กปฐมวัย ความสามารถทางเชาว์ปัญญา และความฉลาดทางอารมณ์ของ กลมุ่ วยั รุ่น ผลิตภาพแรงงานตา่ ในกลุ่มวัยแรงงาน และปัญหาสุขภาพของกลมุ่ ผูส้ งู อายุ เป็นต้น สถานการณ์ จานวนประชากรผสู้ งู อายมุ ีจานวนเพ่มิ ข้นึ อยา่ งตอ่ เน่อื ง ร้อยละของประชากร 100 17 20 24 30 80 60 65 64 61 สงู อายุ 40 56 แรงงาน 20 17 16 14 เด็ก 0 18 2560 2564 2569 2579 ปี 1.7 1.62 อตั ราเจริญพนั ธุ์รวม 1.49 1.6 1.62 1.5 1.55 TFR 1.4 1.43 2573 ปี 1.3 2558 2563 2568 2553 ทมี่ า : การคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕๖๓ - ๒๕๘๓ สศช.

เป้าหมาย คนไทยทกุ ชว่ งวัยมีคณุ ภาพเพ่ิมขนึ้ ไดร้ ับการพฒั นาอย่างสมดุล ทัง้ ดา้ นร่างกาย สติปญั ญา และ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม เป็นผ้ทู ม่ี ีความรู้และทกั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ รักการเรียนรู้อย่างตอ่ เน่ืองตลอดชวี ติ ตวั ชีว้ ัดและค่าเปา้ หมาย ดัชนีการพฒั นามนษุ ย์ (Human Development Index) 0.86 0.85 มากกว่า 0.85 HDI 0.84 0.82 (66 - 70) 0.82 (71 - 75) (76 - 80) ช่วงปี 0.8 0.79 0.78 0.76 (61 - 65) ดังน้ัน จึงจาเป็นต้องมีการวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยจาเปน็ ต้องมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ สร้างความอยู่ดีมี สุขของครอบครัวไทยซึ่งเป็นหน่วยที่ย่อยท่ีสุดเพ่อื ให้สามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนชว่ ยเหลือสังคม พฒั นาและ ยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง และมีคุณภาพพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนา ประเทศไปข้างหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ ซ่ึง “คนไทยในอนาคตจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะท่ีดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดขี องชาติ มีหลักคิดท่ีถูกต้อง มีทักษะที่จาเป็นในโลก อนาคต สามารถใชภ้ าษาไทยไดด้ ี มีทักษะส่ือสารภาษาอังกฤษและภาษาท่ี ๓ รวมท้ังอนุรักษ์ภาษาท้องถ่ิน มีนิสัย รกั การเรยี นรแู้ ละการพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดชวี ิต สูก่ ารเปน็ คนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนักพัฒนาเทคโนโลยี ระดับสูงและนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่น ๆ โดยมีสัมมาชพี ตามความถนัดของตนเอง” แผนแม่บทประเด็น การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ได้กาหนดแผนย่อยไว้ ๕ แผนย่อย เพื่อพัฒนาและ ยกระดับทรพั ยากรมนษุ ย์ในทกุ มติ ิและในทุกช่วงวัยให้เตม็ ศักยภาพและเหมาะสม ดังนี้ การสร้างสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ประเทศ โดยจาเป็นต้องมุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ท่ีดี เก่ง และมีคุณภาพพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปข้างหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ ซ่ึงจาเป็นต้องมี การเสริมสร้างสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์อย่างเป็นระบบต้ังแต่ ระดบั ครอบครวั ชมุ ชน สังคม และการมีระบบและกลไกรองรบั การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธภิ าพ ๔๗

ครอบครวั ไทยมีความเขม้ แขง็ และมีจติ สานกึ ความเป็นไทย ดารงชวี ิตแบบพอเพียงมากขึ้น ดัชนคี รอบครัวอบอนุ่ (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) รอ้ ยละ ๗๕ ร้อยละ ๘๐ ร้อยละ ๘๕ ร้อยละ ๙๐ การพัฒนาเด็กตัง้ แต่ชว่ งการตัง้ ครรภ์จนถงึ ปฐมวัย โดยจัดให้มีการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการ ตั้งครรภ์ พร้อมทั้งส่งเสริมอนามัยแม่และเด็กต้ังแต่เร่ิมต้ังครรภ์ ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงพยาบาลทุกระดับ ดาเนินงานตาม มาตรฐานงานอนามัยแม่และเด็กสู่มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ส่งเสริมและสนับสนุน การเล้ียงลูกด้วยนมแม่ และสารอาหารที่จาเป็นต่อสมองเด็ก การกระตุ้นพัฒนาการสมองและการพัฒนา เดก็ ปฐมวัยใหม้ ีพัฒนาการทสี่ มวยั ทกุ ดา้ น เด็กเกดิ อยา่ งมคี ุณภาพ มีพฒั นาการสมวัย สามารถเข้าถึงบริการทมี่ คี ณุ ภาพมากขึ้น ดัชนีพัฒนาการเดก็ สมวยั (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ไมน่ ้อยกว่า ไม่นอ้ ยกว่า ไมน่ อ้ ยกว่า ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ร้อยละ ๘๕ ร้อยละ ๙๐ ร้อยละ ๙๕ การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น จัดให้มีการพฒั นาทักษะความสามารถที่สอดรับกับทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ โดยเฉพาะทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ความคิดสร้างสรรค์ การทางานร่วมกับผู้อื่น จัดให้มีการพัฒนาทักษะด้านภาษา ศิลปะ ทักษะด้านดิจิทัล และความสามารถในการใช้ เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัดและความสนใจ จัดให้มีการพัฒนาทักษะในการวางแผนชีวิต และวางแผนการเงิน ตลอดจนทักษะการเรียนรู้ที่เช่ือมต่อกับโลกการทางาน จัดให้มีการเรียนรู้ทักษะอาชีพ ที่ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ค ว า ม ต้ อง ก า ร ข อ ง ป ร ะเ ท ศ แ ล ะ ทั ก ษ ะชี วิ ต ที่ ส า ม า ร ถ อ ยู่ ร่ ว ม แ ล ะ ท า ง า น ภ าย ใ ต้ สั งค ม ที่ เ ป็ น พหุวัฒนธรรม ส่งเสริมและสนับสนุนระบบบริการสุขภาพและอนามัยท่ีเช่ือมต่อกันระหว่างระบบสาธารณสุขกับ โรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษา เพ่อื เสรมิ สร้างศกั ยภาพด้านความฉลาดทางเชาวน์ปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ของ กลุม่ วัยเรยี น/วยั รนุ่ รวมทั้งสร้างความอยากรอู้ ยากเหน็ และสร้างแรงจูงใจใฝส่ ัมฤทธิ์ วยั เรยี น / วัยรุน่ มคี วามรแู้ ละทกั ษะในศตวรรษที่ ๒๑ ครบถ้วน ร้จู กั คดิ วเิ คราะห์ รกั การเรยี นรู้ มีสานึกพลเมือง มีความกลา้ หาญทางจริยธรรม มีความสามารถในการแกป้ ัญหา ปรบั ตวั สอ่ื สาร และทางานรว่ มกับผู้อืน่ ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิผลตลอดชีวิตดีขน้ึ คะแนนความสามารถในการแขง่ ขนั การพัฒนาทุนมนุษย์ด้านทกั ษะ (Skill) ของ World Economic Forum (WEF) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) เพ่มิ ขน้ึ ร้อยละ ๒๐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ เพิ่มขึน้ ร้อยละ ๒๐ เพิ่มข้นึ ร้อยละ ๒๐ ๔๘

การพัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน ด้วยการยกระดับศักยภาพทักษะและสมรรถนะของคนใน ช่วงวัยทางานให้สอดคล้องกับความสามารถเฉพาะบุคคลและความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อสร้างความ เข้มแข็งของเศรษฐกิจและผลิตภาพเพิ่มขึ้นให้กับประเทศ เสริมสร้างความอยากรู้และยกระดับตนเอง สร้างวัฒนธรรมการทางานท่ีพึงประสงค์ และความรู้ความเข้าใจและทักษะทางการเงิน เพ่ือเสริมสร้างความม่ันคง และหลักประกันของตนเองและครอบครัว ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความรู้แรงงานฝีมือให้เป็น ผู้ประกอบการใหม่ และสามารถพฒั นาต่อยอดความรู้ในการสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ และสร้างเสริมคุณภาพชีวติ ท่ีดี ใหก้ ับวยั ทางานผ่านระบบการคุ้มครองทางสังคมและการส่งเสริมการออม แรงงานมีศกั ยภาพในการเพม่ิ ผลผลิต มีทักษะอาชพี สงู ตระหนกั ในความสาคญั ที่จะพัฒนาตนเองให้เตม็ ศักยภาพ สามารถปรับตัวและเรยี นรสู้ ิง่ ใหมต่ ามพลวัตของโครงสร้างอาชีพและความตอ้ งการของตลาดแรงงานเพิม่ ขนึ้ ผลติ ภาพแรงงาน (รอ้ ยละต่อปี) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ไมต่ ่ากวา่ รอ้ ยละ ๒.๕ ไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ ๒.๕ ไมต่ า่ กวา่ รอ้ ยละ ๒.๕ ไม่ตา่ กวา่ รอ้ ยละ ๒.๕ มคี นไทยท่ีมีความสามารถและผูเ้ ชยี่ วชาญต่างประเทศเขา้ มาทาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรม ในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มข้ึน สดั ส่วนกาลงั แรงงานด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) เพิ่มขึน้ ร้อยละ ๑๐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐ เพ่ิมข้ึนร้อยละ ๑๐ สดั สว่ นผู้สาเร็จการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ นวตั กรรม เป็นร้อยละ ๕๐ ของผู้สาเร็จการศึกษา ท้งั หมด การส่งเสริมศักยภาพวัยผู้สูงอายุ โดยส่งเสริมการมีงานทาของผู้สูงอายุให้พ่ึงพาตนเองได้ทางเศรษฐกิจ และ ร่วมเป็นพลังสาคัญต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ ชุมชนและประเทศ สง่ เสริมและพฒั นาระบบการออมเพื่อสรา้ งหลกั ประกนั ความมั่นคงในชีวิตหลังเกษียณ และหลักประกันทางสังคมท่ีสอดคล้องกับความจาเป็นพ้ืนฐานในการดารงชีวิต และ ส่งเสริมสนบั สนุนระบบการส่งเสริมสุขภาพดแู ลผูส้ ูงอายุ พรอ้ มทัง้ จดั สภาพแวดลอ้ มให้เป็นมติ รกบั ผ้สู ูงอายุ ผ้สู งู อายมุ คี ณุ ภาพชีวติ ทดี่ ี มีความมน่ั คงในชวี ิต มีทกั ษะการดารงชีวิต เรียนรพู้ ัฒนาตลอดชีวติ มีสว่ นรว่ มในกิจกรรมสังคม สร้างมลู คา่ เพิ่มใหแ้ กส่ ังคมเพิ่มขึน้ ร้อยละผูส้ ูงอายุท่ีมีศักยภาพมีงานทา และรายได้เหมาะสม (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) เพม่ิ ข้ึนร้อยละ ๑๐ เพ่ิมขนึ้ ร้อยละ ๑๐ เพม่ิ ข้ึนร้อยละ ๑๐ เพม่ิ ข้ึนร้อยละ ๑๐ ๔๙

๑๒. ประเด็น การพัฒนาการเรียนรู้ ยุทธศาสตร์ชาติให้ความสาคัญกับการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของประชากรไทยทุกช่วงวัย ให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ ซ่ึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้ให้ความสาคัญกับการพัฒนาทั้งสอดคล้อง กับศักยภาพ ความสนใจ ความถนัด และการตระหนักถึงพหุปัญญา ของมนุษย์ท่ีหลากหลาย อาทิ ภาษา ตรรกะและคณิตศาสตร์ ด้านทัศนะและมิติ ดนตรี กีฬาและการเคลื่อนไหวของร่างกาย การจัดการตนเอง มนุษยสัมพันธ์ รวมถึงผู้มีความสามารถอันโดดเด่นด้านใดด้านหน่ึงหรือหลายด้าน ซ่ึงจาเป็นต้องมีการพัฒนา ระบบและปจั จยั ส่งเสริมต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องไปพร้อมกัน ทั้งในส่วนของระบบการเรียนการสอน และการพัฒนา ทักษะฝีมือ รวมทั้งการให้ความสาคัญกับการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถ ยกระดับเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวทันโลก ซ่ึงการศึกษาและการเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือสาคัญใน การพัฒนาศักยภาพของคนให้มีทักษะความรู้ ทักษะอาชีพบนฐานพหุปัญญา มีสมรรถนะท่ีมีคุณภาพสูง รู้เท่าทนั การเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าคนไทยได้รับโอกาสทางการศึกษาสูงข้ึน โดยมีจานวนปีการศึกษาเฉล่ียของ ประชากรวัยแรงงานอายุ ๑๕-๕๙ ปี เพิ่มข้ึนอย่างต่อเน่ืองจาก ๘.๘ ปี ในปี ๒๕๕๑ เป็น ๙.๔ ปี ในปี ๒๕๕๙ แต่ในภาพรวมคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ของคนไทยยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่า แต่เมื่อพิจารณาคะแนน ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนขั้นพ้ืนฐาน ในปี ๒๕๖๐ พบว่า มีค่าเฉล่ียต่ากว่าร้อยละ ๕๐ และผล คะแนนสอบ PISA ท่ีอยู่ในระดับต่ากว่าอีกหลายประเทศที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงกัน เน่ืองจากข้อจากัดที่ สาคัญของการศึกษาไทย ท้ังปัญหาเร่ืองหลักสูตรและระบบการเรียนการสอนที่เน้นการท่องจาทาให้ขาด ความคดิ สร้างสรรค์ ปัจจยั สนับสนุนการจัดการเรียนการสอนและครูท่ีมีคุณภาพยังกระจายไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะ ในพ้ืนที่ห่างไกล ขณะท่ีในระดับอาชีวศึกษายังมีเด็กท่ีสนใจเรียนต่อสายอาชีพในสัดส่วนท่ีน้อย ส่วนระดับอดุ มศึกษาพบว่า มีการเปิดหลักสูตรโดยไม่คานึงถึงความต้องการของตลาดงาน บัณฑิตที่จบออกมา บางสว่ นยังมปี ัญหาคุณภาพ สถานการณ์ จานวนปกี ารศกึ ษาเฉลยี่ ของประชากรไทยวันแรงงาน (กลุ่มอายุ ๑๕ – ๕๙ ป)ี ปี ๒๕๕๙ ๙.๔๐ ปี ๓.๑ ปี ๑๒.๕ ปี ปี ๒๕๕๙ เปา้ หมาย ปี ๒๕๗๙ ระดับ ม.ต้น ระดับ ม.ปลาย ทม่ี า : สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๕๐

เปา้ หมาย ๑. คนไทยมีการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล มีทักษะท่ีจาเป็นของโลกศตวรรษที่ ๒๑ สามารถในการแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสาร และทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีประสิทธิผล มีนิสัย ใฝเ่ รียนรู้อยา่ งต่อเนือ่ งตลอดชวี ติ ๒. คนไทยไดร้ ับการพัฒนาเต็มตามศกั ยภาพตามความถนัดและความสามารถของพหุปัญญา ตวั ชีว้ ดั และคา่ เปา้ หมาย คะแนน PISA ดา้ นการอ่าน คณิตศาสตร์ และ อนั ดบั อนั ดบั ขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ คะแนน วทิ ยาศาสตร์ ด้านการศึกษา ๒๕ ๕๒๐ (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ช่วงปี ๕๑๐ ๓๐ ๕๐๐ ๔๙๐ ๓๕ ๔๘๐ ๔๐ ๔๗๐ ๔๖๐ ๔๕ ๔๕๐ ๕๐ (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ชว่ งปี คะแนน ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศไทยในระดับสากลดขี ้ึน ๘๐.๐๐ (GTCI) (คะแนน) ๗๐.๐๐ ๖๐.๐๐ ๕๐.๐๐ ๔๐.๐๐ (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ชว่ งปี ดังนั้น แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการพัฒนาการเรียนรู้ ได้กาหนดประเด็นยุทธศาสตร์ ที่เน้นทั้งการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน และการเสริมสร้างและยกระดับการพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ท้ัง การศึกษาในระบบ นอกระบบ และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการพัฒนาระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการ เปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ มีการออกแบบระบบการเรียนรู้ใหม่ การเปล่ียนบทบาทครู การเพ่ิม ประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษา และการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ สามารถกากับการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับตนเองได้อย่างต่อเนื่องแม้จะออกจากระบบการศึกษาแล้ว ควบคู่กับ การส่งเสริมการพัฒนาคนไทยตามพหุปัญญาให้เต็มตามศักยภาพ รวมถึงการสร้างเสริมศักยภาพ ผ้มู ีความสามารถพิเศษใหส้ ามารถตอ่ ยอดการประกอบอาชพี ได้อย่างมั่นคง โดยประกอบดว้ ย ๒ แผนยอ่ ย ดงั นี้ การปฏริ ปู กระบวนการเรียนรทู้ ่ตี อบสนองต่อการเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ ด้วยการปรับเปลี่ยน ระบบการเรียนรู้สาหรับศตวรรษท่ี ๒๑ โดยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ในทุกระดับชั้น ต้ังแต่ปฐมวัยจนถึง อุดมศึกษา ท่ีใช้ฐานความรู้และระบบคิดในลักษณะ สหวิทยาการ พัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ๕๑

ทุกระดับการศึกษา รวมถึงจัดกิจกรรมเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะสาหรับศตวรรษท่ี ๒๑ พัฒนาระบบการ เรียนรู้เชิงบูรณาการที่เน้นการลงมือปฏิบัติ มีการสะท้อนความคิด/ทบทวนไตร่ตรอง พัฒนาระบบการเรียนรู้ ท่ีให้ผู้เรียนสามารถกากับการเรียนรู้ของตนได้ เพ่ือให้สามารถนาองค์ความรู้ไปใช้สร้างรายได้ รวมถึงมีทักษะ ด้านวชิ าชีพและทักษะชวี ติ เปล่ยี นโฉมบทบาท “คร”ู ให้เป็นครูยุคใหม่ โดยวางแผนการผลิต พัฒนาและปรับ บทบาท “ครู คณาจารย์ยุคใหม่” ให้เป็น “ผู้อานวยการการเรียนรู้” ปรับระบบการผลิตและพัฒนาครูตั้งแต่ การดึงดูด คัดสรร ผู้มีความสามารถสูงให้เข้ามาเป็นครู ส่งเสริมสนับสนุนระบบการพัฒนาศักยภาพและ สมรรถนะครูอย่างต่อเน่ืองครอบคลุมท้ังเงินเดือน สายอาชีพและระบบสนับสนุนอื่น ๆ การเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบบรหิ ารจัดการศกึ ษาในทกุ ระดบั ทุกประเภท โดยปฏิรูปโครงสรา้ งองค์กรดา้ นการศกึ ษาให้มีประสิทธิภาพ จดั ให้มีมาตรฐานขน้ั ตา่ ของโรงเรยี นในทกุ ระดบั เพอ่ื ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนที่สูงข้ึน ปรับปรุงโครงสร้างการจัด การศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มคุณภาพการศึกษา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนในการจัด การศกึ ษา พฒั นาระบบประกันคณุ ภาพการศึกษา โดยแยกการประกันคุณภาพการศึกษาออกจากการประเมิน คณุ ภาพและการรบั รองคณุ ภาพและการกากับดูแลคุณภาพการศึกษา ปฏิรูประบบการสอบที่นาไปสู่การวัดผล ในเชิงทักษะที่จาเป็นสาหรับศตวรรษท่ี ๒๑ มากกว่าการวัดระดับความรู้ รวมท้ังส่งเสริมการวิจัยและ ใช้เทคโนโลยีในการสร้างและจัดการความรู้ การเรียนการสอน และการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ ที่สอดคล้องกับบริบทพื้นท่ี การพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยจัดให้มีระบบการศึกษาและระบบ ฝึกอบรมบนฐานสมรรถนะท่ีมีคุณภาพสูงและยืดหยุ่น มีมาตรการจูงใจและส่งเสริมสนับสนุนให้คนเข้าสู่ ใฝ่เรียนรู้ พัฒนาตนเอง รวมถึงการยกระดับทักษะวิชาชีพ พัฒนาระบบการเรียนรู้ชุมชนให้เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม พัฒนาระบบเคร่ืองข่ายเทคโนโลยี ดิจิทัลและดิจิทัลแฟลตฟอร์มเพ่ือการศึกษาในทุกระดับทุกประเภทการศึกษาอย่างท่ัวถึงและมีประสิทธิภาพ พฒั นาโปรแกรมประยกุ ตห์ รือสื่อการเรยี นรู้ดจิ ิทลั ท่ีมคี ณุ ภาพทน่ี กั เรียน นักศึกษาและประชาชนสามารถเข้าถึง และใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ รวมถึง การสร้างระบบการศึกษา เพ่ือเป็นเลิศทางวชิ าการระดับนานาชาติ โดยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสถาบันการศึกษาท่ีมีความเชี่ยวชาญ และมีความโดดเด่นเฉพาะสาขาสู่ระดับนานาชาติ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและแลกเปล่ียน นักเรียน นักศึกษาและบุคลากรในระดับนานาชาติ รวมถึงการพัฒนาศูนย์วิจัยเฉพาะทาง ศูนย์ฝึกอบรม และ ทดสอบในระดบั ภมู ภิ าค จดั ให้มกี ารเรยี นร้ปู ระวัตศิ าสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น จัดให้มีการเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรมของไทยและพัฒนาการของประเทศเพื่อนบ้านในระบบการศึกษา และ สาหรับประชาชน ส่งเสริมสนับสนุนการแลกเปล่ียนเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและนักเรียนกับประเทศเพ่ือนบ้าน ในภมู ิภาคเอเชยี อาคเนย์ คนไทยได้รับการศกึ ษาทมี่ คี ุณภาพตามมาตรฐาน มที ักษะการเรยี นรู้ และทักษะทจ่ี าเป็นของโลก ศตวรรษท่ี ๒๑ สามารถเข้าถงึ การเรยี นร้อู ยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวติ สดั ส่วนครูผ่านการทดสอบสมรรถนะรายสาขาในระดับสงู ตามมาตรฐานนานาชาติ (ปี 61 – 65) (ปี 66 – 70) (ปี 71 – 75) (ปี 76 – 80) รอ้ ยละ 50 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 รอ้ ยละ 100 อตั ราความแตกตา่ งของคะแนน PISA ในแตล่ ะกลมุ่ โรงเรยี นลดลง (ปี 61 – 65) (ปี 66 – 70) (ปี 71 – 75) (ปี 76 – 80) รอ้ ยละ 20 รอ้ ยละ 20 รอ้ ยละ 20 รอ้ ยละ 20 อัตราการเข้าเรียนสุทธิระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น (ปี 61 – 65) (ปี 66 – 70) (ปี 71 – 75) (ปี 76 – 80) ร้อยละ 80 ร้อยละ 90 รอ้ ยละ 100 ร้อยละ 100 ๕๒

การตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ท่ีหลากหลาย ด้วยการพัฒนาและส่งเสริมพหุปัญญา ผ่าน ครอบครัว ระบบสถานศึกษา สภาพแวดลอ้ ม รวมทง้ั สอื่ โดยพฒั นาระบบบริหารจดั การ กลไกการคัดกรองและ การส่งต่อเพื่อส่งเสรมิ การพฒั นาคนไทยตามพหปุ ญั ญาใหเ้ ต็มตามศกั ยภาพ ส่งเสริมสนับสนุนครอบครัว ในการ เสริมสร้างความสามารถพิเศษตามความถนัดและศักยภาพ ทั้งด้านกีฬา ภาษาและวรรณกรรม สุนทรียศิลป์ ส่งเสริมสนับสนุนระบบสถานศึกษาและสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการสร้างและพัฒนาเด็กและเยาวชนท่ีมี ความสามารถพิเศษบนฐานพหุปัญญา ส่งเสริมสนับสนุนมาตรการจูงใจแก่ภาคเอกชน และส่ือ ในการมีส่วน ร่วมและผลักดันให้ผู้มีความสามารถพิเศษ มีบทบาทเด่นในระดับนานาชาติ การสร้างเส้นทางอาชีพ สภาพแวดลอ้ มการทางาน และระบบสนบั สนนุ ที่เหมาะสมสาหรับผู้มีความสามารถพเิ ศษ โดยจัดให้มีโครงสร้าง พ้ืนฐาน และระบบสนับสนุนเพ่ือผู้มีความสามารถพิเศษได้สร้างความเข้มแข็งและต่อยอดได้ จัดให้มีกลไกการ ทางานในลักษณะการรวมตัวของกลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษในหลากสาขาวิชา เพ่ือรวมนักวิจัยและ นักเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าเพื่อพัฒนาต่อยอดงานวิจัยเพ่ือตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และสร้างความร่วมมือและ เช่ือมต่อสถาบันวจิ ยั ช้ันนาทวั่ โลก เพ่ือสรา้ งความเข้มแข็งให้นักวจิ ัยความสามารถสงู ของไทยให้มีศักยภาพสูงยิง่ ขึน้ ประเทศไทยมีระบบข้อมลู เพ่ือการส่งเสรมิ การพัฒนาศกั ยภาพตามพหุปญั ญา เพอ่ื ประโยชน์ในการพฒั นาและการสง่ ตอ่ การพฒั นาให้เต็มตามศักยภาพ สดั สว่ นสถานศึกษาท่ีสามารถจัดการเรยี นการสอนท่สี รา้ งสมดุลทกุ ด้าน และมกี ารจัดการศึกษาเพอ่ื พัฒนาพหปุ ญั ญารายบุคคล (ปี 61 – 65) (ปี 66 – 70) (ปี 71 – 75) (ปี 76 – 80) รอ้ ยละ 10 สถานศึกษาทุกแหง่ สามารถ สถานศึกษาทกุ แห่งสามารถ สถานศึกษาทกุ แห่งสามารถ จดั การเรียนตามพหุปัญญา จัดการเรยี นตามพหปุ ัญญา จดั การเรยี นตามพหุปัญญา สัดส่วนเด็กและเยาวชนที่ไดร้ ับการสง่ ต่อและพฒั นาตามศกั ยภาพ/พหุปญั ญา (ปี 61 – 65) (ปี 66 – 70) (ปี 71 – 75) (ปี 76 – 80) รอ้ ยละ 10 รอ้ ยละ 10 รอ้ ยละ 10 ร้อยละ 10 ๕๓

๑๓. ประเดน็ การเสรมิ สร้างใหค้ นไทยมีสขุ ภาวะที่ดี ยุทธศาสตรช์ าตใิ หค้ วามสาคัญกบั การพัฒนาทรพั ยากรมนุษยใ์ หม้ คี วามพรอ้ มท้ังดา้ นร่างกาย จิตใจ และ สุขภาวะ ประกอบกับการเป็นสังคมสูงวัย จึงจาเป็นตอ้ งมีการพฒั นาทักษะและระบบรองรองรับการพัฒนาท่ีมี คุณภาพ มาตรฐาน รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต ให้กับคนไทย และสร้างความมั่นคงให้กับระบบสาธารณสุขของไทย ในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพและรักษา ผู้ป่วยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยสถานการณ์ด้านสุขภาวะของคนไทยยังมีความท้าทายในหลายประการ โดยในชว่ งทผ่ี ่านมาคนไทยมีแนวโน้มเปน็ โรคไมต่ ิดต่อมากข้นึ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชวี ิตเน่ืองจากการมี พฤติกรรมเส่ียงทางสุขภาพท่ีไม่เหมาะสม การขาดการออกกิจกรรมทางกายอย่างต่อเนื่อง สภาพการทางานที่ ส่งผลต่อวิถีชีวิต ระดับการศึกษา มลพิษในสิ่งแวดล้อม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทาง ถนนของคนไทยทีม่ ีอัตราสูงถึง ๓๒.๗ คนตอ่ ประชากรแสนคน หรือเปน็ อันดบั ๙ ของโลกในปี ๒๕๕๙ สถานการณ์ อายุ อายุคาดเฉลีย่ ของคนไทย (๒๕๓๓ - ๒๕๕๖) 67 66.75 ปี 66 65 64.95 ปี 64 63.75 ปี 63 62 2533 2548 2556 ปี เปา้ หมาย ท่มี า รายงานการสาธารณสขุ ไทยปี ๒๕๕๔-๒๕๕๘ กระทรวงสาธารณสขุ คนไทยมสี ุขภาวะทดี่ ขี ึ้น และมคี วามเป็นอยดู่ ี ตวั ชีว้ ัดและคา่ เป้าหมาย อายุ อายุคาดเฉลยี่ ของการมีสขุ ภาพดีเพิม่ ข้นึ ต่อเนอื่ ง 76 75 ปี 74 72 72 ปี 70 70 ปี 68 68 ปี 66 64 (๖๑ - ๖๕) (๖๖ – ๗๐) (๗๑ – ๗๕) (๗๖ – ๘๐) ช่วงปี ๕๔

ดงั นัน้ แผนแม่บทการเสรมิ สร้างให้คนไทยมีสขุ ภาวะทด่ี จี งึ มุง่ เนน้ การเสริมสร้างการจัดการสุขภาวะใน ทกุ รูปแบบ ท่นี าไปสูก่ ารมีศักยภาพในการจัดการสุขภาวะที่ดีได้ด้วยตนเอง พร้อมท้ังสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมี ส่วนร่วมในการสร้างเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี และมีทักษะด้านสุขภาวะที่เหมาะสม การพัฒนาระบบ บริการสุขภาพท่ีทันสมัยสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดี การกระจายบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึงและมี คุณภาพ รวมถึงการพฒั นาและสรา้ งระบบรับมือปรับตัวต่อโรคอบุ ัติใหม่และอุบัติซ้าท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลง ภูมอิ ากาศ โดยแผนแมบ่ ทฯ ประกอบดว้ ย ๕ แผนย่อย ดังน้ี การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาวะและการป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงท่ีคุกคามสุขภาวะ โดย พัฒนาสื่อเพ่ือส่งเสริม และเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสุขภาพและด้านสุขภาวะที่ถูกต้อง พัฒนาภาคีเครือข่าย ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น ให้มีความรู้เก่ียวกับการเจ็บป่วยและตายจากโรคที่ป้องกันได้ สร้างเสริมความรู้เพ่ือ เพ่ิมศักยภาพในการจัดการสุขภาวะของคนทุกกลุ่มวัย การพัฒนาระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และกลไก การสอ่ื สารประชาสมั พันธ์แบบบรู ณาการทกุ ระดับ การพัฒนานโยบาย และมาตรการป้องกันและควบคุมปจั จัย เสย่ี งทค่ี กุ คามสุขภาวะ ประชาชนมีความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาวะสามารถดแู ลสุขภาพ มพี ฤติกรรมสขุ ภาพทีพ่ งึ ประสงค์ และสามารถป้องกนั และลดโรคที่สามารถปอ้ งกันได้ เกดิ เป็นสังคมบ่มเพาะจิตสานึกการมีสขุ ภาพดี อัตราความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาวะ ของประชากร (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) รอ้ ยละ ๕๐ รอ้ ยละ ๖๐ ร้อยละ ๘๐ รอ้ ยละ ๑๐๐ การใช้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี โดยจัดสภาพแวดล้อม ทางกายภาพ เพ่ือเอื้อต่อการยกระดับสุขภาวะของประชาชน ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดมาตรการของภาครัฐท่ี สนับสนุนสินคา้ ทเ่ี ป็นมติ รต่อสขุ ภาพประชาชน การวเิ คราะห์ความเสยี่ ง การประเมินความตอ้ งการดา้ นสุขภาพ เพือ่ การกาหนดนโยบายและขบั เคลื่อนการดาเนินงานดา้ นการป้องกันและควบคุมปจั จัยเส่ียงที่คุกคามสุขภาวะ ในระดับชุมชน ตาบล อาเภอ และระดับจังหวัด สร้างการมีส่วนร่วมเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปญั หาสุขภาพ และการพัฒนาคณุ ภาพบรกิ ารอนามยั แบบบรู ณาการรว่ มกับชมุ ชน จานวนชมุ ชนสุขภาพดเี พิม่ ขึ้น อตั ราการนอนโรงพยาบาลโดยไมจ่ าเปน็ ดว้ ยภาวะทค่ี วรควบคุมดว้ ยบรกิ ารผู้ปว่ ยภายนอก ( ambulatory care sensitive condition: ACSC ) ลดลง (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไมเ่ กนิ ร้อยละ ๑๐๐ ไม่เกินร้อยละ ๑๐๐ ไมเ่ กินร้อยละ ๑๐๐ ไม่เกนิ ร้อยละ ๑๐๐ การพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ทันสมัยสนับสนุนการสร้างสุขภาวะท่ีดี โดยพัฒนาระบบบริการ สุขภาพ ที่ทันสมัย ภายใต้ระบบการบริหารที่มีการกระจายอานาจ มีประสิทธิภาพ พอเพียง เป็นธรรมและ ยงั่ ยนื พัฒนาขดี ความสามารถในการวจิ ยั ดา้ นวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์และสาธารณสุข ปฏิรูประบบหลักประกัน สุขภาพของประชาชนตลอดช่วงชีวิตให้มีประสิทธิภาพ โดยอยู่บนพื้นฐานความยั่งยืนทางการคลัง นาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้กับระบบบริการสุขภาพ และระบบสุขภาพทางไกล พัฒนาระบบ ฐานขอ้ มลู ทส่ี ามารถเชือ่ มโยงทกุ หนว่ ยงานท่เี กีย่ วขอ้ งในระบบบรกิ ารสขุ ภาพ ๕๕

มรี ะบบสาธารณสขุ ท่ีได้มาตรฐานท่ีประชากรทุกระดับเข้าถึงได้ การจัดอนั ดบั ประสิทธิภาพระบบบริการสขุ ภาพ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) อนั ดับท่ี ๑ ใน ๒๕ อันดบั ท่ี ๑ ใน ๑๕ อันดบั ที่ ๑ ใน ๒๐ อันดับที่ ๑ ใน ๑๕ การกระจายบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ มีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้าในการ เข้าถึงบริการทางสาธารณสุข ด้วยการพัฒนาสถานพยาบาลให้เพิ่มกาลังคนและนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วย ในการขยายการใหบ้ ริการ รวมทง้ั ยกระดับคุณภาพการให้บรกิ ารตามมาตรฐานสากลท่วั ทุกพ้ืนที่ การเขา้ ถึงบรกิ ารสาธารณสุขมคี วามเหล่อื มล้าลดลง ดชั นคี วามก้าวหนา้ ของการพัฒนาคนดา้ นสขุ ภาพ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ทุกจังหวดั ไมต่ า่ กว่า ๐.๖๗ ทกุ จังหวดั ไม่ต่ากวา่ ๐.๗๐ ทุกจังหวัดไม่ตา่ กวา่ ๐.๖๘ ทุกจงั หวัดไม่ต่ากว่า ๐.๖๙ การพัฒนาและสร้างระบบรับมือปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้าท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลง ภมู ิอากาศ ให้ความสาคัญกับเผยแพร่ความรู้สุขภาพและสร้างความตระหนักของประชาชน เรื่องโรคอบุ ัติใหม่ และโรคอุบัติซ้าที่เกิดจากการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ พัฒนาโครงสร้างระบบสาธารณสุข เครือข่ายเตือนภัย และเฝา้ ระวังโรคและภยั สุขภาพใหม้ ีคณุ ภาพและมีประสิทธิภาพในการรองรับการปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ และพัฒนาและยกระดับระบบรับมือปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้าท่ีเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ได้แก่ ระบบสาธารณสุขสิ่งแวดล้อมและเวชศาสตร์ป้องกันทั้งระบบ การติดตาม ตรวจสอบและเฝ้าระวังโรคอุบตั ใิ หมแ่ ละอบุ ัตซิ ้า รวมทั้งศึกษาวจิ ยั สร้างองคค์ วามรดู้ า้ นการส่งเสริมสุขภาพและ การป้องกันโรคในประชากรทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เพิ่มขีดความสามารถในการติดตาม วิเคราะห์ และประเมินแนวโน้มสถานการณ์ปัญหาโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้า และสร้างความพร้อมของภาคีเครือข่าย ในการรบั มอื กบั ภาวะฉุกเฉินจากโรคระบาดตา่ ง ๆ ประชาชนมีความรอบรู้สขุ ภาพ เร่อื งอุบัติใหมแ่ ละโรคอบุ ตั ซิ ้าที่เกดิ จากการเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศมากขน้ึ สัดส่วนประชาชนท่มี ีความร้สู ขุ ภาพ เรือ่ งโรคอุบตั ใิ หมแ่ ละโรคอบุ ัตซิ า้ ท่เี กิดจากการเปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศ (ร้อยละของประชากรท้งั หมด) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) เพม่ิ เปน็ ร้อยละ ๕ เพิ่มเป็นร้อยละ ๑๐ เพ่มิ เป็นร้อยละ ๑๕ เพิม่ เป็นร้อยละ ๒๐ ๕๖

14. ประเด็น ศักยภาพการกีฬา ยุทธศาสตร์ชาติให้ความสาคัญกับการให้กีฬาและนันทนาการบนฐานของวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างการพัฒนาท้ังในการเสริมสร้างสุขภาวะ การพัฒนาจิตใจ การสร้าง ความสามัคคีของคนในชาติ หล่อหลอมการเป็นพลเมืองดี พัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงสร้างช่ือเสียง และเกียรติภูมิของประเทศชาติ ดังจะเห็นได้ว่าการกีฬาและนันทนาการเป็นกลไกสาคัญย่ิงในการพัฒนา ทรัพยากรมนษุ ย์ที่เปน็ ที่ยอมรับในระดบั สากลในการสรา้ งคุณค่าและมูลค่าใหแ้ ก่ประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมา คนไทยมแี นวโน้มการออกกาลังกายและเล่นกีฬาลดลงในทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะใน กลุ่มเยาวชนช่วงอายุ ๑๑ – ๑๔ ปี รวมถึงประชากรเพศชายท่ีมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการกีฬาที่ลดลงโดย เฉล่ียร้อยละ ๒.๕ ต่อปี โดยลดลงจากร้อยละ ๓๓ ของประชากรเพศชายทั้งประเทศ ในปี ๒๕๔๗ เหลือเพียง ร้อยละ ๒๗ ในปี ๒๕๕๔ ในขณะที่ประชากรเพศหญิงยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการกีฬาอย่างต่อเนื่องและ สม่าเสมอ อยู่ท่ีประมาณร้อยละ ๒๕ ของประชากรเพศหญิงท้ังประเทศ และเมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุพบว่า กล่มุ ท่มี อี ายุ ๑๕ - ๒๙ ปี เขา้ ร่วมการออกกาลงั กายมากท่สี ดุ ถึงร้อยละ ๔๕ ซึ่งสาเหตุหลกั ในการออกกาลังกาย เนื่องมาจากความต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรง สาหรับด้านกลุ่มนักกีฬาท่ีจดทะเบียนกับทางการกีฬาแห่ง ประเทศไทย มีประมาณ ๒๖๐,๐๐๐ ราย โดยหากจาแนกตามประเภทกีฬา พบว่าสองอันดับแรกเป็นนักกีฬา ฟตุ บอลร้อยละ ๑๖ และนักกฬี าลูล่ านรอ้ ยละ ๑๐ นอกจากนีย้ ังพบว่ามีกล่มุ คนพกิ ารประมาณ ๒,๗๐๐ รายต่อ ปีทเ่ี ขา้ รว่ มการแข่งขนั ระดบั ชาตแิ ละนานาชาติประจาปี สถานการณ์ สัดส่วนการออกกาลังกายของประชากรลดลง ร้อยละ ร้อยละ ร้อยละ ร้อยละ ๓๓ ๒๕ ๒๗ ๒๕ ๒๕๔๗ ๒๕๕๔ ทม่ี า แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ ๖ - กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกฬี า เปา้ หมาย คนไทยมสี ุขภาพดีข้ึน มีน้าใจนกั กฬี า และมีวนิ ยั เคารพกฎกตกิ ามากขึน้ ด้วยกฬี า ตวั ชีว้ ดั และค่าเปา้ หมาย ปี อายคุ าดเฉลยี่ ของการมีสุขภาพดีเพิ่มขน้ึ ตอ่ เน่อื ง 76 74 75 ปี 72 70 72 ปี 68 70 ปี 66 68 ปี 64 (61-65) (66-70) (71-75) (76-80) ช่วงปี ๕๗

ทิศทางการขับเคล่ือนศักยภาพการกีฬา ในแผนแม่บทฯ จะมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้กิจกรรมกีฬาและ นันทนาการ บนฐานของวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา เปน็ เคร่ืองมือในการเสริมสร้างสุขภาวะของประชาชนอย่างครบ วงจรและมคี ณุ ภาพมาตรฐาน การสรา้ งนสิ ัยรกั กฬี าและมีนา้ ใจเป็นนักกีฬา โดยประกอบดว้ ย ๓ แผนย่อย ดงั นี้ การสง่ เสริมการออกกาลังกาย และกฬี าข้ันพ้ืนฐานใหก้ ลายเปน็ วถิ ชี ีวิตและการส่งเสริมให้ประชาชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมออกกาลังกาย กีฬาและนันทนาการ โดยส่งเสริมให้เกิดความรู้และความตระหนักใน ประโยชน์ของการออกกาลังกายและการเล่นกีฬาขั้นพ้ืนฐานท่ีมีความจาเป็นต่อทักษะในการดารงชีวิต รวมถึง การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น รวมถึงความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องในการเล่นกีฬาและออกกาลังกายเพ่ือรักษา สขุ ภาพและนนั ทนาการ เช่น ธนาคารอุปกรณ์กีฬา และอาสาสมัคร การกีฬา ปลูกฝังประชาชนมีน้าใจนักกีฬา และมรี ะเบยี บ วินัย รู้แพ้ รูช้ นะ รู้อภัยและรจู้ ักการขอโทษ ส่งเสริมการออกกาลังกายและการเล่นกีฬาของเด็ก และเยาวชน ทุกกลุ่มและทุกพ้ืนที่ท้ังในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรม ออกกาลังกาย กีฬาและนันทนาการของประชาชนอย่างต่อเนื่องในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับชาติ ส่งเสริมและสนบั สนุนกิจกรรมนันทนาการตามความถนัดหรือความสนใจเฉพาะบุคคล ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์ สถานท่ีและสิ่งอานวยความสะดวก ด้านการออกกาลังกาย การกีฬาและนันทนาการ ส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการร่วมลงทุนและ บรหิ ารจัดการสถานกีฬาในระดบั ชุมชน ท้องถนิ่ และระดับประเทศ คนไทยออกกา่ ลังกาย เล่นกีฬา และนันทนาการอยา่ งสม่าเสมอเพิม่ ข้ึน ประชาชนทกุ ภาคสว่ นของประชากรทั้งหมดออกกา่ ลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) รอ้ ยละ ๔๐ ร้อยละ ๕๐ รอ้ ยละ ๗๐ ร้อยละ ๘๐ การสง่ เสริมการกฬี าเพื่อพัฒนาส่รู ะดับอาชพี โดยสง่ เสริมการกีฬาเพื่อพัฒนาสู่ระดับอาชีพ โดยมุ่งการ สร้างและพัฒนานักกีฬาของชาติ การเฟ้นหานักกีฬาที่มีความสามารถ สร้างพ้ืนท่ีและโอกาสในการแข่งขัน แสดงศกั ยภาพ ดา้ นกีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬา การส่งเสริมการจัดกีฬาระดับนานาชาติ และ สร้างแรงบันดาลใจในการต่อยอดความสาเร็จจากความเป็นเลิศสู่การประกอบอาชีพและมีเส้นทางอาชีพท่ี มน่ั คง ควบคู่กบั สง่ เสรมิ สนบั สนุนศึกษาเชงิ ลึกดา้ นการกีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬา นักกฬี าไทยประสบความสา่ เร็จในการแข่งขนั ระดับนานาชาติ อันดบั การแขง่ ขันกฬี าในมหกรรมกีฬาระดบั นานาชาตขิ องนักกีฬาไทย (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) อนั ดับ ๗ ในระดบั เอเชีย อันดบั ๖ ในระดับเอเชีย อันดับ ๕ ในระดบั เอเชยี อนั ดบั ๔ ในระดบั เอเชยี บคุ ลากรดา้ นการกีฬาและนันทนาการ โดยพัฒนาบุคลากรด้านการกีฬาและนันทนาการ โดยมุ่งสร้างและ พฒั นาบคุ ลากรด้านการกฬี าและนันทนาการท้งั ครหู รอื ผ้สู อนกีฬา ผู้ตัดสินกีฬา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ผู้บริหาร การกฬี า อาสาสมัครกีฬา ตลอดจนผทู้ ี่เกย่ี วขอ้ งตา่ ง ๆ อย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน สามารถถ่ายทอดความรู้ให้ เดก็ เยาวชน ประชาชนท่ัวไป บุคคลกลุ่มพิเศษ และผู้ด้อยโอกาสได้อย่างถูกต้อง และสามารถต่อยอดศักยภาพใน การพัฒนาเป็นบุคลากรทางการกีฬาและนันทนาการที่มีมาตรฐานของประเทศ รวมท้ังการสนับสนุนและส่งเสริม การผลิตบุคลากรและการพัฒนานวตั กรรมท่ีสนับสนุนการพัฒนากีฬาและนนั ทนาการ บคุ ลากรด้านการกฬี าและนนั ทนาการมคี ุณภาพและมาตรฐานเพิ่มขึ้น มีบคุ ลากรดา้ นการกีฬา นนั ทนาการ และวิทยาศาสตรก์ ารกฬี าท่ัวประเทศที่ได้รับการรบั รองมาตรฐานเพม่ิ ข้ึน (เฉล่ียรอ้ ยละ) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๕ ร้อยละ ๕ รอ้ ยละ ๕ มีสดั สว่ นทเี่ หมาะสมตาม มาตรฐานสากล ๕๘

๑๕. ประเด็น พลังทางสงั คม การเสริมสร้างพลังทางสังคมจะเป็นปัจจัยแห่งความสาเร็จท่ีสาคัญที่จะเป็นกลไกช่วยให้ การดาเนินการ ตามยทุ ธศาสตร์ชาติในดา้ นต่าง ๆ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางสังคม โดยการดึงเอาพลังของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม ชุมชนท้องถ่ิน มาร่วมขับเคล่ือน การสนับสนุนการรวมตัวของประชาชนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการเป็นส่วนร่วม การแก้ไขปัญหาท่ีสอดคล้องกับความต้องการระดับพื้นท่ีบนฐานองค์ความรู้และความเข้าใจในบริบทและสภาพ ปญั หาในเชิงลกึ ทแ่ี ท้จริง เพือ่ ให้คนไทยมีวิถกี ารดาเนินชีวิตและมีจิตสานึกร่วมในการสร้างสังคมท่ีน่าอยู่ เพ่ือให้ การพัฒนาประเทศมีส่วนร่วมจากชุมชนและสังคม และนาไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความม่ันคง ม่ังคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ได้อย่างไม่ท้ิงใคร ไว้ขา้ งหลงั สถานการณ์ ที่ผ่านมา ภาคีการพัฒนาต่าง ๆ ของประเทศอาจมีข้อจากัดในการเข้ามาเป็นส่วนร่วมในการพัฒนา ประเทศ ซึ่งสะท้อนได้จากองค์ประกอบในมิติด้านโอกาสของดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าทางสังคมในปี ๒๕๖๑ จัดทาโดยองค์กร Social Progress Imperative ซ่ึงเป็นองค์กรระดับสากลท่ีไม่แสวงหากาไร โดยได้รับการ จดั ตั้งข้นึ เมือ่ ปี ๒๕๕๕ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ ๙๒ จากทั้งหมด ๑๔๖ ประเทศ และได้คะแนนเพียง ๔๕.๙๑ ในมิติด้านโอกาส โดยด้านท่ีประเทศไทยจาเป็นต้องเร่งให้ความสาคัญ คอื การเปิดโอกาสใหภ้ าคสว่ นตา่ ง ๆ มีสว่ นร่วมในการเป็นภาคีการพฒั นาสงั คมและประเทศ ประเทศไทย ปี ๒๕๖๑ ประเทศไทย อยู่ในอันดับท่ี ๙๒ จาก ท้ังหมด ๑๔๖ ประเทศ แล ะไ ด้ คะ แนนเพี ย ง ๔๕.๙๑ ในมติ ิดา้ นโอกาส ทม่ี า: https://www.socialprogress.org ๕๙

เปา้ หมาย ทุกภาคส่วนมีส่วนรว่ มในการพัฒนาสังคมเพ่ิมข้ึน ตวั ชี้วัดและคา่ เป้าหมาย มิตดิ ้านโอกาสของดัชนชี ว้ี ดั ความก้าวหนา้ ทางสังคม (เฉลีย่ รอ้ ยละ) ร้อยละ ๗๐ ๖๐ ๕๐ ๔๐ ๓๐ ๒๐ ๑๐ ๐ (๖๖ - ๗๐) (๗๑ - ๗๕) (๗๖ - ๘๐) ช่วงปี (๖๑ - ๖๕) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น พลังทางสังคม จึงได้กาหนดเป้าหมายให้ประเทศไทย มีความเท่าเทียมและเสมอภาคในสังคม ผ่านการมีส่วนร่วมจากประชากรทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย และภาคีต่าง ๆ ในทุกระดับ ในการร่วมเป็นกลไกในการจัดการกับปัญหาความเหลื่อมล้าและการสร้างความเป็นธรรมทาง เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ท่ีเก้ือกูลการดาเนินการของภาครัฐอย่างเป็นระบบ โดยเป็นการแก้ไขปัญหา ทสี่ อดคลอ้ งกับความต้องการระดับพ้ืนท่ีท่ีมีความแตกต่างระหว่างกัน บนฐานองค์ความรู้ ข้อมูล และหลักวิชาการ ทีม่ ีสว่ นรว่ มจากชมุ ชนและภาคีในสังคมอย่างแท้จริง โดยแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น พลังทางสังคม ประกอบดว้ ย ๒ แผนย่อยโดยสรุป ดงั นี้ การเสริมสร้างทุนทางสังคม เน้นการเปิดโอกาสให้เกิดกระบวนการรวมตัวของประชากรกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงภาคีเครือข่าย ในการร่วมคิด ร่วมทา และร่วมเป็นพลังสาคัญในการจัดการกับปัญหาความเหลื่อมล้า ทางเศรษฐกิจและสังคมประชาสังคม โดยการเพ่ิมขีดความสามารถของชุมชนท้องถ่ินในการพัฒนา การพึ่งตนเอง และการจัดการตนเอง การต่อยอดจากรากฐานของสังคมวัฒนธรรมไทยมีทุนเดิมที่เป็นยกย่อง และยอมรบั ทั่วโลก คือความมีนา้ ใจ การชว่ ยเหลอื เก้ือกลู กัน ภาคีการพัฒนามบี ทบาทในการพัฒนาสังคมมากข้ึนอย่างตอ่ เน่อื ง ดชั นชี ีว้ ดั ทนุ ทางสงั คม (เฉลี่ยรอ้ ยละ) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) เพิม่ ขึน้ รอ้ ยละ ๑๐ เพิ่มขนึ้ รอ้ ยละ ๑๐ เพิ่มขน้ึ รอ้ ยละ ๑๐ เพมิ่ ขึ้นรอ้ ยละ ๑๐ ๖๐

การรองรบั สังคมสูงวัยเชิงรกุ เน้นการเตรียมคนและสังคมเชงิ รกุ ให้คนทกุ ช่วงวัยตระหนัก มีความรอบรู้ และความพร้อมรองรับการเป็นสังคมสูงวัยในทุกมิติ ท้ังในมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม เพื่อให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพท่ีสามารถพึ่งตนเองและเป็นพลังในการพัฒนาครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศให้นานท่ีสุด รวมท้ังส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นพลังสังคมด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์ และ ภูมิปัญญาใหก้ ับประชากรรนุ่ อืน่ ๆ และสง่ เสริมการปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติของสังคมที่มีต่อการปฏิบัติ กบั ผสู้ ูงอายุ ประชากรไทยมกี ารเตรียมการกอ่ นยามสูงอายุเพอ่ื ใหส้ ูงวยั อย่างมคี ุณภาพเพม่ิ ขึ้น สัดสว่ นประชากรอายุ ๒๕ – ๕๙ ปี ทมี่ กี ารเตรียมการเพ่ือยามสูงอายทุ ั้งมติ ิทางเศรษฐกจิ สังคม สขุ ภาพ และสภาพแวดล้อม เทียบกบั จานวนประชากรอายุ ๒๕ - ๕๙ ปี ทั้งหมด (เฉล่ียร้อยละ) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ร้อยละ ๖๐ รอ้ ยละ ๖๕ รอ้ ยละ ๗๐ ร้อยละ ๘๐ ผู้สงู อายมุ ีความเป็นอยู่ทด่ี ขี ้ึนอย่างต่อเนอ่ื ง สดั สว่ นผู้สงู อายทุ ี่ประสบปัญหาความยากจนหลายมติ ิลดลง (เฉลี่ยร้อยละ) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ลดลงร้อยละ ๑๐ ลดลงรอ้ ยละ ๑๕ ลดลงร้อยละ ๒๐ ลดลงร้อยละ ๒๕ ๖๑

๑๖. ประเด็น เศรษฐกิจฐานราก การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจะเป็นการดาเนินการท่ีสาคัญในการพัฒนาและยกระดับประเทศ ให้เป็นประเทศรายได้สูง ที่มีการกระจายรายได้อย่างท่ัวถึง เป็นการวางรากฐานท่ีมั่นคงให้กับเศรษฐกิจไทย ในอนาคต โดยการส่งเสริมเศรษฐกิจระดับชุมชนท้องถิ่นให้สามารถมีความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการแข่งขัน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ซ่ึงจะช่วยก่อให้เกิดการยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชนใน ชุมชนให้ดีขึ้น และนาไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน ความเหล่ือมล้า และความไม่เสมอภาคตามเป้าหมาย การพัฒนาของยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพ่ือให้ทุกคนได้รับ ผลประโยชน์จากการพัฒนาอย่างท่ัวถึงและเป็นธรรม ผ่านการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและพฤติกรรม และด้าน การสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาและส่งเสริมการสร้างมูลค่าสินค้าเกษตรเพื่อสร้างรายได้ ใหเ้ กษตรกรและการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นและวสิ าหกิจชมุ ชน สถานการณ์ ปัญหาด้านโครงสร้างทางเศรษฐกิจเป็นสาเหตุหนึ่งท่ีทาให้เกิดความยากจนและความเหล่ือมล้า โดยเฉพาะ ในกลุ่มเกษตรกรและแรงงานท่ัวไป ซ่ึงเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้น้อยและไม่ม่ันคง โดยในปี ๒๕๖๐ มีประชากรท่ี ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและแรงงานท่ัวไปคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๕๕.๕ และอาชีพอิสระร้อยละ ๓๕ ของกลุ่ม ประชากรร้อยละ ๔๐ ท่ีมีรายได้น้อยที่สุด โดยส่วนมากประสบปัญหาการเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ รวมถึงท่ีดินทากิน การเข้าถึงแหล่งทุน ขาดองค์ความรู้ต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องสาหรับการวางแผนการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ รวมท้ัง ยังมีพฤติกรรมขาดการออมและมีแนวโน้มจะมีหน้ีสินที่สะสมเรื้อรัง ดังนั้น การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จึงเป็น ความคาดหวังในการท่ีจะคดิ หาวธิ จี ัดการแก้ไขความยากจนและความเหล่ือมล้าอย่างถูกต้องและมีความยั่งยืน ไม่ทิ้ง ใครไวข้ ้างหลัง สดั ส่วนอาชีพของกลุ่มประชากรร้อยละ ๔๐ ที่มีรายได้นอ้ ยที่สดุ ปี ๒๕๖๐ ทม่ี า : ขอ้ มูลการสารวจภาวะเศรษฐกจิ และสงั คมของครัวเรือนสานกั งานสถติ ิแหง่ ชาต,ิ ประมวลผลโดยสานักพัฒนาฐานขอ้ มลู และตวั ช้ีวดั ภาวะสงั คม สศช. ๖๒

เปา้ หมาย รายได้ของประชากรกลมุ่ รายได้น้อยเพ่ิมข้ึนอย่างกระจายอย่างต่อเนื่อง ตวั ชีว้ ดั และค่าเป้าหมาย คะแนน ดชั นกี ารพัฒนาอยา่ งทั่วถึงของประเทศไทย ๔.๖ ๔.๖ ๔.๕ ๔.๕ ๔.๔ ๔.๔ ๔.๓ ๔.๓ ๔.๒ ๔.๑ ชว่ งปี (๖๑ - ๖๕) (๖๖ - ๗๐) (๗๑ - ๗๕) (๗๖ - ๘๐) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็น เศรษฐกิจฐานราก จึงมีเป้าหมายเพ่ือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ฐานราก เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง สามารถพ่ึงตนเอง ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อซ่ึงกันและกัน มีคณุ ธรรม และเป็นระบบเศรษฐกจิ ที่เออ้ื ใหเ้ กิดการพัฒนาด้านอื่น ๆ ในพ้ืนท่ี เกิดการสร้างอาชีพ สร้างและกระจาย รายได้ และลดปัญหาความเหลื่อมล้าและความไม่เสมอภาคจากระดับชุมชน แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นเศรษฐกิจฐานราก ประกอบด้วย ๒ แผนย่อย ได้แก่ การยกระดับศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ โดยการเพ่ิมพูนองค์ความรู้และทักษะในการเป็น ผู้ประกอบการธุรกิจของเกษตรกร แรงงานท่ัวไป และกลุ่มประชากรท่ีมีรายได้น้อยและไม่มั่นคงให้เป็น ผู้ประกอบการ ผ่านการสนับสนุนการช่วยเหลือทางวิชาการต่าง ๆ เพ่ือยกระดับองค์ความรู้และทักษะท่ีสาคัญ และจาเป็นในการสร้างมูลค่าเพ่ิมให้กับสินค้า เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก่อให้เกิด การสร้างรายได้ได้ด้วยตนเอง รวมถึงการบริหารจัดการหนี้สิน ครอบคลุมทั้งหน้ีในระบบและนอกระบบ เพื่อการแก้ไขปัญหาหน้ีสินอย่างยั่งยืน และการใช้ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มายกระดับห่วงโซ่อุปทาน ให้เป็นหว่ งโซ่คณุ ค่าทีส่ ามารถก่อใหเ้ กิดการกระจายรายได้สชู่ มุ ชนได้อย่างเป็นธรรม ศักยภาพและขดี ความสามารถของเศรษฐกจิ ฐานรากเพิม่ ขึ้น อตั ราการเติบโตของรายได้ของกลุ่มประชากรร้อยละ ๔๐ ท่มี ีรายไดต้ ่าสดุ (เฉลีย่ ร้อยละ) (ปี ๖๐ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไม่ต่ากว่ารอ้ ยละ ๑๕ ต่อปี ไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๒๐ ต่อปี ไมต่ า่ กวา่ รอ้ ยละ ๒๐ ต่อปี ไม่ตา่ กว่าร้อยละ ๒๐ ต่อปี ๖๓

การสร้างสภาพแวดล้อมและกลไกที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เน้นส่งเสริมการรวมกลุ่ม ในรูปแบบที่มีโครงสร้างกระจายรายได้ ทั้งวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และวิสาหกิจเพื่อสังคม การพัฒนาช่องทาง การตลาดและเครือข่าย เพ่ือให้เกิดการจัดการกลไกการตลาดครบวงจรในรูปแบบการค้าที่เป็นธรรม รวมถึง การมีกติกาให้เกิดโครงสร้างกระจายรายได้ให้กับเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม การส่งเสริมการเข้าถึง แหล่งทุนและทรัพยากรต่าง ๆ ที่จาเป็น และการบริหารจัดการกลไกต่าง ๆ เพ่ือให้เศรษฐกิจชุมชนมีทุนใน การพฒั นาการสินค้าและยกระดับเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ รวมถึง การส่งเสริมสถาบันการเงินชุมชนให้มีบทบาท ในการดูแล ให้คาแนะนาในการจดั การหน้ีสนิ ผ้ปู ระกอบการเศรษฐกิจฐานรากมรี ายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ อย่างตอ่ เน่ือง อัตราการเตบิ โตของมลู ค่าเศรษฐกิจฐานรากของมูลค่าสนิ คา้ OTOP (เฉล่ียรอ้ ยละ) (ปี ๖๐ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) อย่างนอ้ ย อย่างนอ้ ย อยา่ งนอ้ ย อย่างนอ้ ย รอ้ ยละ ๓๐ ของปฐี าน ร้อยละ ๔๐ ของปีฐาน รอ้ ยละ ๕๐ ของปฐี าน ร้อยละ ๕๐ ของปฐี าน กลมุ่ ประชากรรายได้ตา่ สุดร้อยละ ๔๐ มคี วามสามารถในการบริหารจัดการหน้ีสินไดม้ ีประสิทธภิ าพเพม่ิ ขึน้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง สดั ส่วนภาระหนตี้ ่อรายได้ (debt service ratio) (ร้อยละ) (ปี ๖๐ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) รอ้ ยละ ๕๕ รอ้ ยละ ๕๐ รอ้ ยละ ๔๕ ร้อยละ ๔๐ ๖๔

๑๗. ประเด็น ความเสมอภาคและหลกั ประกนั ทางสังคม การพัฒนาประเทศในระยะ ๒๐ ปีข้างหน้าจาเป็นต้องให้ความสาคัญกับการสร้างความเป็นธรรม และหลักประกันทางสังคมที่เป็นธรรมอย่างบูรณาการและเป็นระบบ ซึ่งจะเป็นรากฐานสาคัญในการพัฒนา ตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านต่าง ๆ ให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะด้านการสร้าง โอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยการสร้างหลักประกันทางสังคมท่ีครอบคลุมและเหมาะสมกับคน ทุกช่วงวัย ทุกเพศสภาพ และทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบาง รวมท้ังการปิดช่องว่าง การคุ้มครองทางสังคมอื่น ๆ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ และป้องกันปัญหา ความเหล่ือมล้าและความไม่เสมอภาคท่ีคาดว่าจะทวีความรุนแรงเพ่ิมมากข้ึนจากกระแสโลกาภิวัตน์ และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างต่าง ๆ ท้ังจากในและต่างประเทศ รวมท้ังพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ โดยการสร้างหลักประกันทางสังคมที่สอดคล้องกับความจาเป็นพื้นฐานในการดารงชีวิต โดยเฉพาะอย่างย่ิงผ้สู ูงอายใุ นสงั คม สถานการณ์ ท่ีผ่านมา ประชากรกลุ่มด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางจานวนมากยังไม่ได้รับการคุ้มครองทางสังคม และยังขาดหลักประกันทางสังคมที่มีประสิทธิภาพ ซ่ึงเป็นสาเหตุหน่ึงของการนาไปสู่ความเหลื่อมล้าและ ความยากจน โดยเฉพาะอย่างในกรณีเกิดเหตุการณ์ท่ีก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ ท้ังการเจ็บป่วย ความพิการ การเสียชีวิตหรือการสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างของหัวหน้าครอบครัวหรือสมาชิกในครอบครัว โดยระดับความ คุ้มครองทางสังคมข้ันพ้ืนฐานของประเทศไทยยังจาเป็นต้องได้รับการยกระดับให้ครอบคลุมความคุ้มครอง ทางสังคมอื่น ๆ โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ คนสูงอายุ และผู้ที่มีความพิการ เน่ืองจากสวัสดิการทางสังคม ยังขาดความมั่นคงหรือไม่สามารถยึดถือเป็นหลักประกันให้กับประชาชนในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี ๒๕๖๐ ประเทศไทยมีแรงงานนอกระบบจานวน ๒๐.๘ ล้านคน หรือประมาณร้อยละ ๕๕.๒ ของจานวนผู้มีงานทาท้ังหมดที่ ๓๗.๗ ล้านคน และมีแรงงานนอกระบบเพียง ๒.๔๓ ล้านคน หรือ ร้อยละ ๑๒ ท่ีเป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคมมาตรา ๔๐ ขณะท่ีผู้บริโภคไม่มีหลักประกันที่จะได้รับการบริการอย่างมี มาตรฐานทงั้ ความตอ้ งการสนิ คา้ และบริการทม่ี ีคุณภาพในราคาที่ยตุ ธิ รรม ๖๕

ปัญหาความเหลื่อมล้ายังคงเปน็ ประเดน็ ทา้ ทายส้าหรับประเทศไทย นับตัง้ แตแ่ ผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาตฉิ บับที่ ๖ c ช่วงปี แผนฯ ๖ แผนฯ ๗ แผนฯ ๘ แผนฯ ๙ แผนฯ ๑๐ แผนฯ ๑๑ ทีม่ า : สานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ที่มา : สานักงานประกนั สงั คม เปา้ หมาย คนไทยทกุ คนได้รับการคุ้มครองและมหี ลกั ประกันทางสังคมเพิ่มขึ้น ตัวช้วี ดั และคา่ เปา้ หมาย รอ้ ยละ สดั ส่วนประชากรไทยทงั้ หมดทไี่ ดร้ ับความค้มุ ครอง ตามมาตรการคุ้มครองทางสังคม ๑๐๐ ๗๕ ๑๐๐ ๙๐ ๘๐ ๗๐ ๕๐ (๖๖-๗๐) (๗๑-๗๕) (๗๖-๘๐) ช่วงปี (๖๑-๖๕) ๖๖

แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตรช์ าติ ประเดน็ ความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม จึงจะเป็นกลไกสาคัญ ของการกาจัดวงจรความเหล่ือมล้าและความยากจนที่จะถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่ม ดอ้ ยโอกาสและกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย ๒ แผนยอ่ ยโดยสรปุ ดังนี้ การคุ้มครองทางสังคมข้ันพ้ืนฐานและหลักประกันทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ เน้นการขยาย ความคมุ้ ครองทางสังคมข้ันต่าให้ทุกชีวิตให้สามารถดารงชีวติ ได้อย่างสมกับความเป็นมนุษย์ โดยเป็นสวัสดิการ ท่ีทุกภาคส่วนร่วมกันรับผิดชอบ สร้างระบบคุ้มครองและป้องกันแบบถ้วนหน้า และพัฒนาระบบหลักประกัน ทางสังคมด้านสุขภาพและเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ครอบคลุมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมถึงการคุ้มครองแรงงานไทยให้มีสวัสดิภาพในการทางานโดยยกระดับกลไกการดูแลคุ้มครองสวัสดิภาพ ของผู้ใช้แรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และส่งเสริมการทางานท่ีมีคุณค่า และการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ได้รับสินค้าและบริการท่ีปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพ่ือให้เกิดความเป็นธรรมและลดความเสียเปรียบ ของผู้บรโิ ภค คนไทยทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มด้อยโอกาสและกล่มุ เปราะบางได้รบั การคุม้ ครองและมีหลักประกันทางสังคมเพ่ิมขนึ้ สัดสว่ นประชากรกลมุ่ ด้อยโอกาสและกลมุ่ เปราะบางท่ีได้รับความคุ้มครองตามมาตรการคุ้มครองทางสงั คม อย่างนอ้ ย ๙ กรณี ได้แก่ (๑) เจ็บปว่ ย (๒) คลอดบตุ ร (๓) ตาย (๔) ทพุ พลภาพ/พิการ (๕) เงนิ ช่วยเหลอื ครอบครัว หรือบุตร (๖) ชราภาพ (๗) วา่ งงาน (๘) ผู้อยูใ่ นอปุ การะ (๙) และการบาดเจบ็ จากการท้างาน (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) รอ้ ยละ ๘๐ ร้อยละ ๙๐ ร้อยละ ๑๐๐ รอ้ ยละ ๑๐๐ มาตรการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพ่ือแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม เน้นการพัฒนามาตรการและพัฒนา กลไกสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มเปราะบาง มีความเส่ียงสูง และมีความสามารถในการปรับตัวต่า เพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรของรัฐในการแก้ปัญหาให้ตรงจุดและตรงกับกลุ่มท่ีต้องการ ความชว่ ยเหลืออย่างแท้จริงและเหมาะสม มีระบบและกลไกในการให้ความชว่ ยเหลือกลมุ่ เปา้ หมายท่ีตอ้ งการความช่วยเหลอื เปน็ พิเศษไดค้ รอบคลุมมากย่งิ ขนึ้ ดชั นคี วามยากจนแบบหลากหลายมติ ขิ องกลุ่มเป้าหมายที่ตอ้ งการความช่วยเหลือ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ลดลงร้อยละ ๑๐ ลดลงร้อยละ ๑๐ ลดลงรอ้ ยละ ๑๐ ลดลงร้อยละ ๑๐ ๖๗

๑๘. ประเด็น การเติบโตอย่างย่ังยืน ทผี่ า่ นมาฐานทรพั ยากรทางธรรมชาติของประเทศไทยถกู นาไปใชใ้ นการพัฒนาจานวนมาก ก่อให้เกิดความ เส่ือมโทรมอย่างต่อเน่ือง พื้นที่ป่าไม้ลดลง ทรัพยากรดินและน้าเส่ือมโทรม ความหลากหลายทางชีวภาพ ถูกคุกคาม ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและต้นทุนทางเศรษฐกิจ การเปล่ียนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มีความผันผวนและรุนแรงมากขึ้น ซ่ึงในการจัดอันดับผลการดาเนินการด้านส่ิงแวดล้อม ปี ๒๕๖๑ ประเทศไทย อยอู่ นั ดบั ท่ี ๑๒๑ จาก ๑๘๐ ประเทศท่วั โลก สถานการณ์ เป้าหมาย ท่มี า : SDG Index and Dashboards สภาพแวดล้อมของประเทศไทยมีคุณภาพดีข้นึ อย่างยั่งยนื ตัวชีว้ ดั และคา่ เป้าหมาย อันดับของประเทศด้านความยัง่ ยืนและคุณภาพสิง่ แวดล้อมในระดบั โลก อันดับ t0 t10 t20 ตา่ กวา่ ๒๐ t30 t40 ตา่ กว่า ๕๐ ตา่ กว่า ๓๐ t50 ต่ากวา่ ๔๐ t60 (2561 - 2(5๖6๑5–) ๖(2๕5) 66 -(๖2๖57–0๗)๐()257(1๗๑- 2–5๗7๕5)) (25(๗7๖6–- ๘2๐5)8ช0่ว)ปงปี ี ๖๘

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงต้องกาหนดทิศทางการพัฒนาที่สนับสนุนการเติบโตท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม แผนแม่บทด้านการเติบโตอย่างย่ังยืน ให้ความสาคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเติบโตท่ีเน้นหลักของการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ รักษา ฟ้ืนฟูและสร้างใหม่ฐาน ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่างยั่งยืน ไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนเกินความพอดี ไม่สร้างมลภาวะต่อ ส่ิงแวดล้อมจนเกินความสามารถในการรองรับและเยียวยาของระบบนิเวศ การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน ทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นและ สง่ิ แวดล้อมมคี ณุ ภาพดขี ึ้น โดยกาหนดแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ ทัง้ หมด ๕ แผนย่อย ดงั น้ี การสรา้ งการเตบิ โตอยา่ งยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว อนุรักษ์และฟ้ืนฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ในและนอกถ่ินกาเนิด โดยเฉพาะสัตว์ป่าและพันธุ์พืชท่ีใกล้สูญพันธ์ุ ด้วยการดาเนินการปราบปรามและป้องกัน การบุกรุกทาลายเพื่อปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้ บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ท่ีดินในพื้นท่ีป่าไม้บนพ้ืนฐาน ให้คนและชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้ ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ให้กลับมีสภาพที่สมบูรณ์ รวมท้ังรักษาและเพ่ิม พื้นท่ีสีเขียวท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม โดยการบริหารจัดการป่าไม้เชิงพื้นที่มีการปกป้องรักษาหยุดย้ังการทาลาย พ้ืนท่ีป่าไม้ ฟ้ืนฟูระบบนิเวศป่าธรรมชาติท่ีสมบูรณ์ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์พื้นที่ต้นน้าท่ีเหมาะสมและไม่เกิด ผลกระทบ ส่งเสริมการปลูกป่าและไม้เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากป่าปลูกแบบครบวงจร รวมไปถึงการสร้าง และพฒั นาพน้ื ที่สเี ขียวเพ่ือการพักผอ่ นหย่อนใจและการเรียนร้ทู างธรรมชาตใิ นเขตชมุ ชนเมืองและชนบท การบริโภคและการผลติ ของประเทศมีความยั่งยืนสูงขึน้ ดัชนีสมรรถนะส่งิ แวดล้อม (คะแนน) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ๕๐ คะแนน ๖๕ คะแนน ๕๕ คะแนน ๖๐ คะแนน ๖๙

พืน้ ท่สี ีเขียวทุกประเภทเพ่ิมข้ึน สดั ส่วนพ้ืนที่สเี ขยี วทุกประเภท ได้แก่ พื้นท่ีเปน็ ปา่ ธรรมชาติ พ้นื ที่ปา่ เศรษฐกิจเพอื่ การใช้ประโยชน์ พ้นื ท่สี ีเขยี วในเมืองและชนบท รวมทัง้ ป่าในเมอื งและชมุ ชนเพอื่ การเรียนรูพ้ ักผอ่ นหย่อนใจ (ร้อยละของพ้ืนทีท่ ง้ั ประเทศ) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) - สดั สว่ นพนื้ ที่สีเขยี วพื้นที่ - สดั ส่วนพนื้ ท่สี เี ขียวพ้ืนทเี่ ป็น - สดั สว่ นพ้นื ทส่ี เี ขยี วพ้นื ท่ี - สัดส่วนพ้ืนทสี่ เี ขียวพ้นื ที่ เปน็ ป่าธรรมชาติ รอ้ ยละ ๓๒ ป่าธรรมชาติ ร้อยละ ๓๓ เป็นปา่ ธรรมชาติ ร้อยละ ๓๔ เป็นปา่ ธรรมชาติ ร้อยละ ๓๕ - พ้ืนทีป่ ่าเศรษฐกจิ เพือ่ การ - พื้นที่ปา่ เศรษฐกจิ เพอื่ การใช้ - พน้ื ทป่ี ่าเศรษฐกิจเพอื่ การ - พน้ื ท่ีปา่ เศรษฐกิจเพื่อการ ใชป้ ระโยชน์ รอ้ ยละ ๑๐ ประโยชน์ รอ้ ยละ ๑๒ ใชป้ ระโยชน์ รอ้ ยละ ๑๕ ใช้ประโยชน์ รอ้ ยละ ๑๕ - พน้ื ทส่ี ีเขยี วในเขตเมอื งและ - พนื้ ท่สี ีเขยี วในเขตเมอื งและ - พ้ืนทีส่ ีเขยี วในเขตเมือง - พน้ื ท่สี ีเขียวในเขตเมือง ชนบท รอ้ ยละ ๒ ชนบท รอ้ ยละ ๓ และชนบท ร้อยละ ๔ และชนบท ร้อยละ ๕ การสร้างการเติบโตอย่างย่ังยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล ปรับปรุงฟื้นฟูและสร้างใหม่ทรัพยากรทาง ทะเลและชายฝงั่ ทัง้ ระบบ โดยมุ่งเนน้ การแกไ้ ขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่สาคัญ ได้แก่ ขยะทะเลและมลพิษอื่น ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ รักษาแนวปะการังท่ีสาคัญต่อการท่องเท่ียว รักษาป่าชายเลนที่สาคัญต่อการดูดซับ ก๊าซเรือนกระจก รักษาแหล่งหญ้าทะเลที่สาคัญต่อประมงและสัตว์ทะเลหายาก จัดให้มีพื้นท่ีคุ้มครองทางทะเลใน รูปแบบต่าง ๆ ควบคุมและยกเลิกเครื่องมือประมงแบบทาลายล้าง ประกอบกับการดูแลที่มีประสิทธิภาพ โดยส่งเสริมการมสี ว่ นรว่ มของภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ พฒั นากลไกคุ้มครองสัตว์ที่มีความสาคัญต่อระบบ นิเวศ การท่องเที่ยว และการอนุรกั ษ์ท่มี มี าตรฐานระดับสากล ความสมบูรณข์ องระบบนเิ วศทางทะเลเพ่มิ ข้ึน ดชั นีคุณภาพมหาสมทุ ร (คะแนน) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ๗๐ คะแนน ๗๗ คะแนน ๗๒ คะแนน ๗๕ คะแนน การสร้างการเติบโตอย่างย่ังยืนบนสังคมท่ีเป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใหค้ วามสาคัญกับการกาหนดเปา้ หมายและแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศในระยะยาวที่สอดคล้อง กับการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางเพ่ือสนับสนุนการ ดาเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนาระบบการรายงานข้อมูล และระบบติดตามประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจกท่ีครอบคลุมทุกสาขา โดยมีความเชื่อมโยงของเครือข่าย ข้อมูลในทุกภาคส่วน และดาเนินงานตามแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกในสาขาพลังงานและขนส่ง กระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และการจัดการของเสีย มุ่งเน้นในด้านการปรับปรุงการบริหาร จดั การพบิ ตั ภิ ัยทัง้ ระบบ โดยคานงึ ถึงปจั จยั การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว การปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยลดลง ปริมาณการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมในสาขาพลังงานและขนสง่ สาขากระบวนการอุตสาหกรรมและ การใช้ผลติ ภัณฑ์ และสาขาการจดั การของเสียลดลง (ล้านตันคารบ์ อนไดออกไซด์) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ลดลงอย่างนอ้ ย ลดลงอย่างนอ้ ย ลดลงอย่างน้อย ลดลงอย่างนอ้ ย ร้อยละ ๑๒ จากกรณปี กติ ร้อยละ ๑๕ จากกรณปี กติ รอ้ ยละ ๒๐ จากกรณีปกติ รอ้ ยละ ๒๐ จากกรณปี กติ ๗๐

การจัดการมลพิษที่มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม และสารเคมีในภาคเกษตรท้ังระบบ ให้เป็นไปตาม มาตรฐานสากลและค่ามาตรฐานสากล ปรับปรุงมาตรฐานส่ิงแวดล้อมของประเทศตามมาตรฐานสากล และมีการบังคับใช้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม เช่น ด้านดิน น้า อากาศ ป่าไม้ สัตว์ป่า และความหลากหลายทาง ชีวภาพกับทุกภาคส่วนอย่างเคร่งครัด การพัฒนามาตรฐานและระบบจัดการมลพิษกาเนิดใหม่ พร้อมท้ังขจัด มลพษิ และแก้ไขฟ้ืนฟผู ลกระทบสง่ิ แวดล้อม เพื่อลดมลพิษและผลกระทบส่ิงแวดล้อม พร้อมท้ังกาหนดเป้าหมาย การจัดการขยะตัง้ แต่ต้นทางถึงปลายทาง ด้วยเปา้ หมายการจดั การทรพั ยากรอย่างย่ังยืน และกาหนดกลไกกากับ ดแู ลการจัดการขยะและมลพษิ อยา่ งเป็นระบบทั้งประเทศ ครอบคลุมถึงการบริหารจัดการสารเคมีในภาคเกษตร อย่างครบวงจร การผลิตและการนาเข้าสารเคมีป้องกันและกาจัดศัตรูพืชมาใช้ในประเทศไทย ก่อให้เกิด การปนเปอ้ื นของสารเคมปี ้องกันและกาจดั ศัตรูพืชในส่ิงแวดล้อม คณุ ภาพนา้ ในแหลง่ นา้ ผวิ ดิน แหล่งนา้ ใตด้ ินและแหลง่ น้าทะเลมีคุณภาพเหมาะสมกบั ประเภทการใช้ประโยชน์ คุณภาพของนา้ ในแหล่งน้าผวิ ดิน แหล่งน้าทะเล และแหลง่ น้าใตด้ ิน อยูใ่ นเกณฑ์เหมาะสมกับประเภทของ การใช้ประโยชน์ (ร้อยละของพื้นทเี่ ปา้ หมายทั้งหมด) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) รอ้ ยละ ๓๕ รอ้ ยละ ๙๐ รอ้ ยละ ๙๐ รอ้ ยละ ๙๐ ของพ้ืนทเี่ ป้าหมาย ของพืน้ ที่เปา้ หมาย ของพนื้ ที่เปา้ หมาย ของพน้ื ท่เี ปา้ หมาย คณุ ภาพอากาศ เสียง และความสั่นสะเทือนอยู่ระดับมาตรฐานของประเทศไทย คุณภาพอากาศ เสียง และความสัน่ สะเทอื นอยูใ่ นเกณฑม์ าตรฐานประเทศไทย (รอ้ ยละของพืน้ ทเ่ี ป้าหมายทัง้ หมด) (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ร้อยละ ๓๕ ร้อยละ ๙๐ รอ้ ยละ ๙๐ รอ้ ยละ ๙๐ ของพน้ื ทีเ่ ปา้ หมาย ของพืน้ ที่เปา้ หมาย ของพน้ื ทเ่ี ปา้ หมาย ของพ้ืนทเ่ี ปา้ หมาย การจัดการขยะมลู ฝอย มลู ฝอยตดิ เชอื้ ของเสยี อันตราย สารเคมีในภาคการเกษตรและการอตุ สาหกรรม มีประสิทธภิ าพมากข้นึ ดชั นปี ระสทิ ธภิ าพการจัดการขยะ (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ๐.๗๔ ๐.๙๕ ๐.๘๑ ๐.๘๙ การยกระดับกระบวนทัศน์เพื่อก้าหนดอนาคตประเทศ ส่งเสริมคุณลักษณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตท่ีดีของคนไทย พัฒนาเคร่ืองมือ กลไกและระบบยุติธรรม และระบบ ประชาธิปไตยสิ่งแวดล้อม จัดโครงสร้างเชิงสถาบันเพื่อจัดการประเด็นร่วมด้านการบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สาคัญ พัฒนาและดาเนินโครงการที่ยกระดับกระบวนทัศน์ เพ่ือกาหนด อนาคตประเทศ ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ มและวัฒนธรรม บนหลกั ของการมีส่วนรว่ มและธรรมาภบิ าล คนไทยมคี ณุ ลกั ษณะและพฤตกิ รรมทพี่ ึงประสงคด์ ้านสงิ่ แวดล้อมและคุณภาพชีวติ ทดี่ ี ดัชนีการตระหนักร้ดู า้ นสงิ่ แวดลอ้ ม (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ - ๗๕) (ปี ๗๖ - ๘๐) ร้อยละ ๒๐ ร้อยละ ๒๐ ร้อยละ ๒๐ รอ้ ยละ ๒๐ ๗๑

๑๙. ประเดน็ การบรหิ ารจดั การน้าทังระบบ ทรัพยากรน้าเป็นทรัพยากรที่มีความส้าคัญส้าหรับการด้ารงชีพของมนุษย์ซ่ึงถูกใช้เพ่ือกิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจ้าวัน ทังเพ่ือการบริโภคและอุปโภค เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม รวมถึงเพื่อปรับสมดลุ ของระบบ นิเวศ ท่ีผ่านมาภาพรวมความต้องการใช้น้าในประเทศ มีจ้านวน ๑๕๑,๗๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะท่ี ศักยภาพของการเข้าถึงแหล่งน้าของภาคส่วนต่างๆ มีจ้านวน ๑๐๒,๑๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี ประเทศไทยยังมีความต้องการใช้น้าเพ่ิมขึนในอนาคตจากการขยายตัวของเมืองและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยขาดการค้านึงถึงศักยภาพของลุ่มน้า และการใช้น้าเพ่ือการผลิตและอุปโภคอย่างไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ประกอบกบั การบริหารจัดการน้าทงั ในมิติเชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในภาวะนา้ แลง้ หรอื น้าท่วมยงั ขาดกลไกในการบรู ณาการระหวา่ งหน่วยงานและภาคีท่ีเก่ียวข้องในการแก้ไข และบรรเทาปัญหาไดอ้ ย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดความเสียหายจ้านวนมากต่อภาคการผลิต และประชาชน รวมถงึ ระบบนิเวศอยา่ งกว้างขวาง สถานการณ์ การบริโภคและอุปโภค ภาพรวมความตอ้ งการใช้นา้ ในประเทศ ภาคเกษตรกรรม มีจา้ นวน ๑๕๑,๗๕๐ ล้านลกู บาศก์เมตร ศักยภาพของการเข้าถงึ แหล่งนา้ ภาคอตุ สาหกรรม ของภาคสว่ นต่างๆมี จ้านวน ๑๐๒,๑๔๐ ลา้ นลูกบาศก์เมตร ท่มี า : สา้ นักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ (สศช.) เป้าหม(สาศยช.) ๑. ความมั่นคงด้านน้าของประเทศเพิ่มขึน ๒. ผลิตภาพของนา้ ทังระบบเพมิ่ ขนึ ในการใช้นา้ อย่างประหยดั และสร้างมลู ค่าเพิม่ จากการใช้น้า ๓. แม่น้าลา้ คลองและแหล่งนา้ ธรรมชาตไิ ดร้ บั การอนุรักษแ์ ละฟื้นฟูสภาพใหม้ รี ะบบนเิ วศทด่ี ี ตัวชีวดั และคา่ เปา้ หมาย คะแนน ดัชนคี วามมนั่ คงด้านน้าของประเทศ 100 ระดับ 3 ระดับ 3 ระดับ 4 80 60 ระดบั 2 40 20 0 (61-65) (66-70) (71-75) (76-80) ช่วงปี ๗๒

ระดับความมั่นคง และ/หรือผลิตภาพจากการใชน้ า้ (บาท/ลูกบาศกเ์ มตร) เ ่ิพมจากค่าเฉลี่ย ัปจ ุจบัน ีป 2561 12 เพิม่ 10 เท่า ท1ี่ม0า : ส้านกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (สศช.) ปี เพ่ิม 7 เทา่ 8 เพิม่ 5 เท่า 6 เพมิ่ 3 เทา่ 4 2 0 (๒๕(๖๖๖๖-๒๗๐๕)๗๐) (๒๕๗(๑๗-๑๒-๗๕๕๗)๕) (๒๕๗(๖๗-๖๒-๘๕๐๘)๐)ช่วปงปี ี (๒๕(๖๖๑๑-๖-๒๕๕) ๖๕) รอ้ ยละ สดั ส่วนของแม่นา้ ลา้ คลองและแหลง่ นา้ ธรรมชาตทิ ไี่ ม่มสี ิง่ รุกลา้ ผดิ กฎหมาย 100 90 90 80 80 70 6ท0่มี า : สา้ นักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และส6ัง0คมแหง่ ชาติ (สศช.) 50 40 30 20 20 10 0 (๒๕(๖๑-๖๒๕๕)๖๕) (๒๕๖(๖๖-๒-๗๕๐๗)๐) (๒๕๗(๑๗-๑๒-๗๕๕๗)๕) (๒๕๗(๗๖๖-๒-๘๕๐๘)๐)ชว่ งปปี ทีม่ า : สา้ นักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ (สศช.) จากสถานการณ์และเงื่อนไขการใช้น้าดังกล่าว ประเทศไทยจึงต้องให้ความส้าคัญกับการบริหาร จัดการน้าทังระบบ รวมทังการพัฒนาการจัดการน้าเชิงลุ่มน้าทังระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้าของ ประเทศดังนัน แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการบริหารจัดการน้าทังระบบ จึงมุ่งเน้นการ ก้าหนดเป้าหมาย และแนวทางพัฒนาระบบจัดการน้าทังระบบ เพื่อให้เกิดความมั่นคง เพิ่มผลิตผล ใน เรื่องการจัดการและการใช้น้าทุกภาคส่วน โดยมีแนวทางพัฒนาประกอบด้วยแผนย่อย ๓ แผน ดังนี การพัฒนาการจัดการน้าเชิงลุ่มน้าทังระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้าของประเทศ การจัดการ นา้ เพ่ือเพ่ิมความมั่นคงจะดา้ เนินการในกรอบลุ่มน้าและเป็นระบบเพ่ือให้เกิดความสมดุลทังด้านการจัดหา การใช้ และการอนุรักษ์ โดยมีแนวทางการด้าเนินการเพื่อชุมชน เพื่อสิ่งแวดล้อม การจัดการในภาวะ วิกฤติ และการบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ซึ่งจะต้องพัฒนา ยกระดับระบบการจัดการให้ทันสมัย มีคุณภาพ โดยใช้เทคโนโลยี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และทุนทางสังคมในแต่ละพืนท่ีเข้าช่วย และตาม ยุคของการพัฒนาของประเทศและโลก ๗๓

ระดับความมน่ั คงด้านน้าอปุ โภคบรโิ ภคเพ่ิมขึน จากระดับ ๓ ให้เปน็ ระดบั ๔ (สูงสุดท่รี ะดบั ๕) ดัชนีความมน่ั คงดา้ นนา้ อปุ โภคบรโิ ภค (ระดบั ) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) อยู่ในระดบั ๓.๒๕ อยู่ในระดบั ๔ อยูใ่ นระดับ ๓.๕ อย่ใู นระดบั ๓.๗๕ (ปี ๖๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) อยใู่ นระดบั ๒.๕ ดัชนคี วามม่นั คงด้านนา้ เพือ่ ส่ิงแวดลอ้ ม (ระดบั ) อยใู่ นระดบั ๔ (ป๖ี ๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) อยใู่ นระดบั ๓ อยูใ่ นระดับ ๓.๕ ระดับการรบั มือกับพิบตั ภิ ยั ดา้ นนา้ เพ่ิมขึน ดชั นกี ารรบั มือกับพบิ ัติภัยด้านน้า (ระดับ) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) อยใู่ นระดับ ๓.๐ อยใู่ นระดับ ๔.๐ อยูใ่ นระดับ ๓.๕ อยูใ่ นระดับ ๔.๐ ยกระดบั ธรรมาภบิ าลในการบริหารจัดการน้าเพิม่ ขนึ จากปจั จุบัน ๖๔ คะแนน ใหเ้ ป็น ๘๐ คะแนน ดชั นธี รรมาภบิ าลในการบรหิ ารจัดการน้า (ระดบั ) (ปี ๖๑-๖๕) (ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) ระดับธรรมาภบิ าลไม่นอ้ ยกวา่ ระดับธรรมาภบิ าลไม่น้อยกวา่ ระดบั ธรรมาภิบาลไมน่ ้อยกวา่ ระดบั ธรรมาภิบาลไมน่ ้อยกวา่ ๗๐ คะแนน ๗๕ คะแนน ๘๐ คะแนน ๘๐ คะแนน เพิม่ ผลิตภาพของนา้ ทังระบบ ในการใชน้ ้าอย่างประหยดั รู้คุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้า ใหท้ ัดเทยี มกับระดับสากล การจดั การนา้ ในเขตเมอื ง นอกจากจะพจิ ารณาในกรอบปรมิ าณ คณุ ภาพแล้ว จ้าต้อง พิจารณาผลิตภาพของการใช้น้าให้เหมาะสมกับทรัพยากรน้าที่มีอยู่จ้ากัดของแต่ละพืนที่ โดยจะต้องรองรับต่อ ความต้องการใช้นา้ ท่ีมากขนึ จากการเตบิ โตทางเศรษฐกิจ สงั คมของเมืองในอนาคต การจัดการนา้ เพื่อการพฒั นา ต้องค้านึงถึงการเพ่ิมผลิตภาพของน้าทังระบบ โดยการจัดหาและใช้น้าอย่างประหยัด รู้คุณค่า การลดความ สูญเสีย และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้า ให้ทัดเทียมกับระดับสากล ทังเพ่ือตอบสนองการเติบโตของเศรษฐกิจ และสงั คมในอนาคต (ทงั ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม บรกิ ารและพลังงาน) ระดบั ความม่นั คงด้านน้าในเขตเมืองเพิ่มขึน ดชั นีความมั่นคงด้านน้าในเขตเมือง(ระดับ) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) ความมั่นคงดา้ นนา้ ในเขต ความม่ันคงด้านนา้ ในเขต เมือง อยู่ในระดับ ๑.๕ ความม่ันคงด้านนา้ ในเขต ความม่นั คงดา้ นนา้ ในเขต เมือง (ปี ๖๑-๖๕) เมือง เมือง อย่ใู นระดบั ๔ ความม่นั คงดา้ นน้าเพอื่ การ อยู่ในระดับ ๒ อย่ใู นระดบั ๓ (ปี ๗๖-๘๐) พฒั นาเศรษฐกิจ ความม่นั คงด้านน้าเพอื่ การ อย่ใู นระดบั ๔.๒ ระดับความมนั่ คงด้านน้าเพ่ือการพัฒนาเศรษฐกิจเพมิ่ ขึน พัฒนาเศรษฐกิจ ดชั นีความม่นั คงดา้ นนา้ เพ่ือการพฒั นาเศรษฐกิจ (ระดบั ) อยใู่ นระดบั ๕.๐ ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) ความมัน่ คงด้านน้าเพอื่ การ ความม่นั คงด้านนา้ เพื่อการ พฒั นาเศรษฐกิจ พฒั นาเศรษฐกิจ อยใู่ นระดบั ๔.๔ อยู่ในระดบั ๔.๘ ๗๔

ผลิตภาพจากการใชน้ า้ เพิม่ ขนึ ผลติ ภาพจากการใชน้ า้ (บาท/ลกู บาศกเ์ มตร) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) เพ่มิ ๓ เท่าจากคา่ เฉล่ีย เพ่ิม ๕ เทา่ จากคา่ เฉลีย่ เพ่มิ ๗ เท่าจากคา่ เฉลี่ย เพม่ิ ๑๐ เทา่ จากค่าเฉลี่ย ปัจจบุ ันปี พ.ศ.๒๕๖๑ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ปี พ.ศ.๒๕๖๑ การอนุรักษ์และฟื้นฟูแม่น้าล้าคลองและแหล่งน้าธรรมชาติท่ัวประเทศ โดยให้ความส้าคัญกับการ สา้ รวจ พสิ จู น์แนวเขตแมน่ ้าล้าคลองและแหล่งนา้ ธรรมชาติ และขึนทะเบียนแนวเขตแม่น้าล้าคลองและแหล่งน้า ธรรมชาติ การท้าแผนรือถอนสิ่งกอ่ สรา้ งและอาคารท่รี กุ ล้าแม่นา้ ลา้ คลองและแหลง่ นา้ ธรรมชาติและรับฟงั ความ คิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน การอนุรักษ์ฟื้นฟูและพัฒนาแม่น้า ล้าคลอง และแหล่งน้า ธรรมชาติ ในทกุ มิติ เช่น ดา้ นการระบายน้า เก็บกกั น้า การจัดการคุณภาพน้า ขยะวัชพืช ส่ิงกีดขวางทางน้า การ บ้ารุงรักษา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของชุมชนริมน้า สุนทรียภาพทางธรรมชาติ ระบบนิเวศ และความ หลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น ให้ความส้าคัญกับการบริหารเชิงพืนท่ี ตลอดจนมีการจัดท้าข้อก้าหนดในการ ออกแบบทังเชงิ ภมู ิสถาปตั ยกรรมและวศิ วกรรมเพือ่ การอนรุ ักษ์ฟ้นื ฟแู มน่ ้า ลา้ คลองและแหล่งนา้ ธรรมชาติ แม่น้าล้าคลองและแหล่งน้าธรรมชาตทิ วั่ ประเทศมีระบบนเิ วศและทศั นยี ภาพทีด่ ี มคี ณุ ภาพได้มาตรฐานเพมิ่ ขึน สัดสว่ นพนื ที่ล้าคลองทีไ่ ด้รบั การฟ้ืนฟู (ร้อยละของพนื ทเี่ ป้าหมาย) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) คลองสายหลกั ในเขต คลองสายหลกั ในเขต กทม.คลองสว่ นที่เหลอื กรุงเทพมหานคร ความสา้ เรจ็ กรุงเทพ มหานครสว่ นท่ีเหลอื ความสา้ เร็จรอ้ ยละ ๙๐ รอ้ ยละ ๕๐ ความสา้ เรจ็ ร้อยละ ๗๕ สัดสว่ นพนื ที่ล้าน้าท่ีไดร้ บั การฟื้นฟู (รอ้ ยละของพนื ท่ีเป้าหมาย) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) ลา้ นา้ สายหลกั ใน ๒๕ ลมุ่ น้า ลา้ น้าสายหลกั ใน ๒๕ ลุม่ น้า ลา้ นา้ สายหลักใน ๒๕ ลมุ่ นา้ ความสา้ เร็จรอ้ ยละ ๒๐ ความสา้ เร็จรอ้ ยละ ๕๐ ความส้าเรจ็ ร้อยละ ๗๕ สดั สว่ นพืนท่ีชุม่ นา้ และแหล่งนา้ ทไี่ ดร้ ับการฟนื้ ฟู (ร้อยละของพนื ทเ่ี ปา้ หมาย) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) - พืนท่ีชุ่มนา้ Ramsar Site - ล้าน้าสาขาใน ๒๐ ลา้ น้าสาขาใน ๒๕ ความสา้ เร็จร้อยละ ๙๐ ล่มุ นา้ ความส้าเรจ็ ล่มุ นา้ ความสา้ เรจ็ ร้อยละ - พืนท่ชี ่มุ นา้ ทมี่ ีความสา้ คัญ รอ้ ยละ ๒๐ ๕๐ ระดับชาติ ความสา้ เร็จร้อยละ - แหล่งนา้ ธรรมชาติ ท่ีมพี นื ที่ ๙๐ ผิวนา้ เกิน ๑๐๐๐ ไร่ ความส้าเร็จร้อยละ ๙๐ สัดสว่ นพืนท่ีชมุ ชน (นอกเขต กทม.ทีเ่ ป็นชุมชนขนาดใหญ)่ รมิ แมน่ ้า ล้าคลอง และแหลง่ น้าธรรมชาติ (ร้อยละของพนื ท่ีเป้าหมาย) (ปี ๖๑-๖๕) ( ปี ๖๖-๗๐) (ปี ๗๑-๖๕) (ปี ๗๖-๘๐) ความส้าเร็จร้อยละ ๕๐ ความส้าเรจ็ รอ้ ยละ ๙๐ ๗๕

๒๐. ประเดน็ การบริการประชาชนและประสทิ ธิภาพภาครัฐ การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐเป็นท้ังเป้าหมายและเครื่องมือกลไก ในการรองรับการขับเคล่ือนของยุทธศาสตร์ชาติด้านอ่ืน ๆ ให้สามารถดาเนินการจนบรรลุเป้าหมายและ วิสัยทัศน์ท่ีวางไว้ ดังนั้นแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การบริการประชาชนและประสิทธิภาพ ภาครัฐจึงมุ่งเน้นพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐให้มีความทันสมัย มีขนาดเหมาะสมกับภารกิจ มีสมรรถนะสูง ตอบสนองปัญหาความต้องการของประชาชน และสนับสนุนให้เป็นประเทศไทย ๔.๐ ที่สามารถก้าวทันความเปลี่ยนแปลง และพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ด้วยหลักการ “ภาครัฐของประชาชน เพ่ือประชาชนและประโยชนส์ ่วนรวม” ทั้งนี้ เพ่ือให้เป็นไปตามหลักการข้างต้น แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้จึงให้ความสาคัญกับ ความพึงพอใจของประชาชนในคุณภาพการให้บริการของภาครัฐ ซ่ึงจะต้องมีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๐ ภายในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ โดยการประเมินความพึงพอใจของประชาชนฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ พบว่าประชาชนชาวไทยมีความพึงพอใจต่อการให้บริการของภาครัฐร้อยละ ๘๔ ซึ่งพิจารณาจากสองปัจจัยหลัก ได้แก่ ความพึงพอใจด้านกระบวนการขั้นตอนในการให้บริการ และด้านเจ้าหน้าท่ีผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับเพิ่มปัจจัยในการใหบ้ รกิ ารเพือ่ ใหเ้ กดิ การสะท้อนความพึงพอใจของประชาชนไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ สถานการณ์ เปา้ หมาย ท่ีมา: สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ บริการของรฐั มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพเปน็ ที่ยอมรับของผูใ้ ชบ้ รกิ าร ตัวชว้ี ัดและค่าเป้าหมาย ร้อยละ ระดบั ความพงึ พอใจในคณุ ภาพการใหบ้ ริการของภาครฐั ๑๐๐ ไมน่ อ้ ยกวา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๙๕ ๙๐ ไม่นอ้ ยกว่า รอ้ ยละ ๙๕ ร้อยละ ๙๕ ๘๕ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๙๐ ร้อยละ ๘๕ ๘๐ ๗๕ ๗๐ (๖๐ - ๖๕) (๖๖ - ๗๐) (๗๑ - ๗๕) (๗๖ - ๘๐) ชว่ งปี ๗๖

นอกจากนี้ แผนแม่บทฯ ฉบับนี้ยังให้ความสาคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐให้มีมาตรฐาน เทียบเท่าสากล เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ซ่ึงสามารถสะท้อนได้จากดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในการจัดลาดับ ขององค์กรสหประชาชาติ ที่กาหนดให้ประเทศไทยจะต้องได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน ๑ ใน ๑๐ ของโลก ภายในช่วงปี ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐ ซึ่งประเทสไทยอยใู่ นอนั ดบั ท่ี ๗๓ จาก ๑๙๓ ประเทศทั่วโลกในปี ๒๕๖๑ สถานการณ์ เป้าหมาย หมายเหตุ : จากทง้ั หมด ๑๙๓ ประเทศ ทมี่ า: สานักงานพัฒนารัฐบาลดิจทิ ลั (องคก์ ารมหาชน) ภาครฐั มีการดาเนนิ การทม่ี ีประสทิ ธภิ าพดว้ ยการนานวตั กรรม เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ตัวชวี้ ัดและคา่ เป้าหมาย อนั ดบั ดชั นรี ฐั บาลอิเล็กทรอนกิ ส์ อนั ดบั (๖๐ -๖๕) (๖๖ - ๗๐) (๗๑ - ๗๕) (๗๖ - ๘๐) ช่วงปี ๒๕ ๓๐ อันดับแรก ๓๕ ๔๐ อนั ดบั แรก ๔๕ ๕๐ อนั ดับแรก ๕๕ ๖๐ อนั ดับแรก ๖๕ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ จึงมุ่งเน้น พัฒนาการให้บริการของรัฐมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพเป็นท่ียอมรับของผู้ใช้บริการ โดยเป็นการพัฒนา แบบครอบคลุมทั่วถึง บรู ณาการไรร้ อยต่อ ใหค้ วามสาคัญกับการพัฒนาบริการดิจิทัล และมุ่งดาเนินการพัฒนา ระบบอานวยความสะดวกในการบริการภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนและผู้รับบริการทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส มีหลากหลายช่องทาง สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีข้อจากัดของเวลา พ้ืนท่ี และกลุ่มคน รวมท้งั นานวัตกรรมเทคโนโลยีดจิ ิทัลมาประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่อื เพิม่ ประสิทธภิ าพและลดค่าใชจ้ ่ายของประชาชน ๗๗

แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตรช์ าติ ประเด็น การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐประกอบด้วย ๕ แผนยอ่ ย ได้แก่ การพัฒนาบริการประชาชน เพ่ือให้บริการภาครัฐสามารถอานวยความสะดวกประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส ให้เป็นภาครัฐของประชาชน และเป็นไปเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง จากการนาเทคโนโลยีดิจิทัล และนวตั กรรมมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการประชาชน โดยมีเปา้ หมายและตวั ช้ีวดั ดงั น้ี งานบรกิ ารภาครัฐที่ปรับเปลย่ี นเป็นดจิ ิทัลเพม่ิ ขน้ึ สดั สว่ นความสาเรจ็ ของกระบวนงานที่ได้รับการปรับเปลยี่ นให้เป็นดิจทิ ลั (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๑๐๐ รอ้ ยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๑๐๐ รอ้ ยละ ๑๐๐ (๒,๑๘๐ กระบวนงาน) (๕,๓๖๐ กระบวนงาน) การบริหารจัดการการเงินการคลัง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการใช้งบประมาณและทรัพยากร ของภาครัฐ และการจัดการรายได้และรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า เป็นไปอย่างประหยัด และ สอดคลอ้ งกบั การดาเนนิ การตามยุทธศาสตรช์ าติ ซง่ึ จะก่อใหเ้ กดิ การพัฒนาประเทศที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อยา่ งมีจุดมุง่ หมาย โดยมีเป้าหมายและตัวช้ีวัด ดังน้ี หน่วยงานภาครัฐบรรลุผลสมั ฤทธิต์ ามเป้าหมายยุทธศาสตรช์ าติ ร้อยละของโครงการทม่ี ีผลสัมฤทธ์ิตอ่ เป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) แผนงาน/โครงการภายใต้ ร้อยละ ๕๐ ของโครงการ ร้อยละ ๗๕ ของโครงการ โครงการท้งั หมดทีไ่ ดร้ ับ ๑๕ ประเดน็ เร่งด่วนของ งบประมาณมผี ลสัมฤทธ์ิ ท่ีไดร้ ับงบประมาณ ที่ได้รบั งบประมาณ ตอ่ เป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ แผนแมบ่ ทภายใต้ มีผลสัมฤทธ์ติ ่อเปา้ หมาย มผี ลสมั ฤทธิ์ตอ่ เปา้ หมาย ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ชาติ การปรับสมดุลภาครัฐ เพ่ือให้ภาคส่วนอื่น ๆ อาทิ ภาคประชาชน ภาคเอกชน หรือประชารัฐโมเดล เข้ามาแบ่งเบาภารกิจในการแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนในพ้ืนท่ี ส่งผลให้ภาครัฐมีขนาด ทเ่ี หมาะสมและทุกภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจเพ่อื ก่อใหเ้ กดิ บริการสาธารณะเพ่ือประชาชน มีเป้าหมาย และตัวช้ีวัด ดงั น้ี เปิดโอกาสใหภ้ าคสว่ นตา่ ง ๆ มสี ว่ นรว่ มในการจัดบรกิ ารสาธารณะและกจิ กรรมสาธารณะอย่างเหมาะสม ระดับความสาเรจ็ การเปดิ ให้ภาคส่วนอืน่ เข้ามาดาเนนิ การบรกิ ารสาธารณะ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไม่น้อยกว่า ไม่นอ้ ยกวา่ ไมน่ ้อยกวา่ ไมน่ ้อยกว่า รอ้ ยละ ๒๐ ร้อยละ ๓๕ ร้อยละ ๕๐ ร้อยละ ๗๕ ๗๘

องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ มีสมรรถนะและสร้างความทนั สมยั ในการจดั บรกิ ารสาธารณะและกจิ กรรมสาธารณะให้กับประชาชน ค่าคะแนนการประเมินร้อยละของเทศบาลและองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลทน่ี าแผนชมุ ชนสกู่ ารพัฒนาท้องถนิ่ ได้ตามเกณฑ์ท่กี าหนด (Local Quality Management : LQM) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๗๐ ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๙๐ ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๑๐๐ การพฒั นาระบบบรหิ ารงานภาครัฐ เพื่อประโยชน์ในการบริหารการตัดสินใจและการบริการที่เป็นเลิศ รวมท้ังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารภาครัฐ และเพ่ิมโอกาสในการแข่งขัน และประโยชน์ในการดาเนินชีวิต โดยเน้นการพัฒนาระบบฐานข้อมูลภาครัฐและการนาเทคโนโลยีดิจิทัล มาประยกุ ตใ์ ช้ใหว้ ธิ ีการทางานของหน่วยงานราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายและตวั ชีว้ ัด ดงั น้ี ภาครฐั มขี ดี สมรรถนะสูงเทยี บเทา่ มาตรฐานสากลและมคี วามคลอ่ งตัว ระดับ Digital Government Maturity Model (Gartner) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ระดับ ๒ ระดับ ๓ ระดับ ๔ ระดับ ๕ สดั ส่วนของหนว่ ยงานทบี่ รรลผุ ลสมั ฤทธ์อิ ยา่ งสงู ตามเป้าหมาย (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๙๐ ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๙๐ ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๙๐ ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๙๐ การสร้างและพัฒนาบุคลากรภาครัฐ เพื่อให้บุคลากรภาครัฐเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีจิตสานึก มีความสามารถสูง มีภาวะผู้นา และมีความรู้ความสามารถในการทางานรับใช้ประเทศชาติและ ประชาชนอย่างแท้จริง มีทักษะในการปฏิบัติงานท่ีทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยกาหนด เป้าหมายและตัวชว้ี ัด ดังนี้ บคุ ลากรภาครัฐยึดคา่ นิยมในการทางานเพอ่ื ประชาชน ยึดหลักคณุ ธรรม จริยธรรม มีจิตสานกึ มคี วามสามารถสงู มงุ่ ม่ัน และเป็นมืออาชพี ดชั นีความผกู พนั ของบุคลากรภาครฐั (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๕ ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๙๐ ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๙๕ สัดสว่ นเจา้ หน้าทีร่ ฐั ทกี่ ระทาผดิ กฎหมายลดลง (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ - ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ลดลงร้อยละ ๒๐ ลดลงรอ้ ยละ ๓๐ ลดลงรอ้ ยละ ๔๐ ลดลงร้อยละ ๕๐ ๗๙

๒๑. ประเดน็ การต่อต้านการทจุ รติ และประพฤติมชิ อบ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) มีเป้าหมายหลักเพ่ือให้ภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยดัชนีการรับรู้ การทุจริตของประเทศไทยอยู่ในลาดับ ๑ ใน ๒๐ หรือมีค่าคะแนนประมาณ ๗๓ คะแนน ภายในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๗๖ – ๒๕๘๐ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเทศไทยได้คะแนน ๓๗ อยู่ในลาดับท่ี ๙๖ จาก ๑๘๐ ประเทศ ท่ัวโลก สถานการณ์ อนั ดบั อันดบั และดัชนีการรับรู้การทุจรติ (CPI Index) ของประเทศไทย คะแน3น9 60 65 อันดับที่ 76 38 (38 คะแนน) 37 70 อันดบั ท่ี 78 อนั ดับที่ 85 36 75 (35 คะแนน) (38 คะแนน) 35 อนั ดับที่ 88 34 80 (37 คะแนน) 85 อันดับท่ี 80 อนั ดบั ท่ี 96 90 (34 คะแนน) (37 คะแนน) 95 100 อนั ดับที่ 102 อันดบั ที่ 101 อนั ดับที่ 99 33 105 (35 คะแนน) (35 คะแนน) (36 คะแนน) 32 110 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 * ดชั นกี ารรับรู้การทจุ ริตเตม็ ๑๐ คะแนน ** ดัชนีการรับรู้การทจุ รติ เตม็ ๑๐๐ คะแนน ที่มา: องค์กรเพือ่ ความโปรง่ ใสนานาชาติ (Transparency International) ๘๐

เป้าหมาย ประเทศไทยปลอดการทจุ รติ และประพฤติมิชอบ ตัวชวี้ ัดและค่าเปา้ หมาย อนั ดบั อันดบั ดัชนีการรับรู้การทจุ รติ (CPI Index) ของประเทศไทย ๐ ๒๐ ๕๔ ๒๐ ๔๐ (ไม่ต่ากว่า ๕๐ คะแนน) (ไม่ตา่ กว่า ๗๓ คะแนน) ๓๒ ๔๓ (ไมต่ า่ กว่า ๖๒ คะแนน) ๖๐ ๙๖ (ไมต่ ่ากวา่ ๓๗ คะแนน) (ไมต่ ่ากว่า ๕๗ คะแนน) ๘๐ ๑๐๐ (๖๑ - ๖๕) (๖๖ - ๗๐) (๗๑ - ๗๕) (๗๖ - ๘๐) ช่วงปี ๖๐ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบมีแนวทาง การพฒั นาท่สี าคัญเพื่อขบั เคลื่อนเร่ืองดงั กล่าว ประกอบด้วย ๒ แผนย่อย โดยสรปุ ดังนี้ การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มุ่งการพัฒนาคนและการพัฒนาระบบ ในส่วนการพัฒนาคน เน้นการปรับพฤติกรรม “คน” ทุกกลุ่มในสังคม โดยกลุ่มเด็กและเยาวชน เน้นการปลูกฝังและหล่อหลอม ใหม้ จี ติ สานกึ และพฤติกรรม ยึดมนั่ ในความซือ่ สตั ยส์ ุจริตผา่ นหลักสูตรการศึกษาภาคบังคบั ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษา กลุ่มประชาชนท่ัวไป เน้นการสร้างวัฒนธรรมและพฤติกรรมสุจริต ควบคู่กับส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรั ฐ ส่งเสริมการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารงาน รู้จักแยกแยะเร่ืองส่วนตัวออกจากหน้าที่การงาน พร้อมกับ สร้างจติ สานึกและคา่ นิยมของบุคลากรในการต่อต้านการทุจริต สนับสนุนการมีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง สอดส่อง และแจ้งเบาะแสการทุจริต พร้อมทั้งจัดให้มีมาตรการสนับสนุนและคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส กลุ่มนักการเมือง ให้ความสาคัญกับการพัฒนาและยกระดับการมีจริยธรรมของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ทั้งระดับประเทศและท้องถ่ินให้มีเจตนารมณ์ท่ีแน่วแน่ ในการทาตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม รวมท้ังส่งเสริมให้มีการกากับจริยธรรมภายในพรรคการเมือง อยา่ งเข้มข้น ในส่วนการพัฒนา “ระบบ” ให้ความสาคัญกับการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในการต่อต้าน การทุจริตในหน่วยงานภาครัฐที่เหมาะสมกับบริบท สภาพปัญหา และพลวัตการทุจริตของแต่ละหน่วยงาน พร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้เครื่องมือและมาตรการเพ่ือสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และปิดโอกาสในการกระทาการทุจริต ทาให้การทุจริตคอร์รัปช่ันทาได้ยากและมีโอกาสสูงท่ีจะถูกตรวจพบ และลงโทษ ขณะเดียวกันเป็นการสร้างความไว้วางใจของประชาชนต่อภาครัฐ พร้อมกับการเพิ่มโทษให้หนัก และการตัดสินคดีที่มีความรวดเร็ว เด็ดขาด เพื่อให้การกระทาการทุจริตเป็นสิ่งที่ “ได้” ไม่คุ้ม “เสีย” ท้งั น้ี ในการดาเนินการตามแนวทางการปอ้ งกันการทุจริตและประพฤติมิชอบมีเป้าหมายสาคัญ ๒ ประการ คือ ๘๑

ประชาชนคนไทยมีวัฒนธรรมและพฤติกรรมซื่อสัตย์สุจริต และคดีทุจริตลดลงท้ังในส่วนคดีของหน่วยงาน และคดีของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองและผู้ดารงตาแหน่งระดับสูง โดยโครงการสาคัญท่ีทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันขับเคล่ือน คือ โครงการปลูกฝังวิธีคิด สร้างจิตสานึกในความซื่อสัตย์สุจริตและ การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และโครงการสร้างนวัตกรรมในการต่อต้านการทุจริต อย่างมสี ่วนรว่ ม ประชาชนมีวฒั นธรรมและพฤติกรรมซอ่ื สัตยส์ ุจรติ ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยมพี ฤตกิ รรมที่ยดึ มัน่ ความซื่อสตั ย์สจุ รติ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) รอ้ ยละ ๕๐ รอ้ ยละ ๖๐ ร้อยละ ๗๐ ร้อยละ ๘๐ ร้อยละของประชาชนท่มี วี ฒั นธรรมค่านยิ มสจุ ริต มีทศั นคตแิ ละพฤติกรรมในการต่อตา้ นการทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๕๐ รอ้ ยละ ๖๐ รอ้ ยละ ๗๐ ร้อยละ ๘๐ รอ้ ยละของหน่วยงานท่ผี ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ITA (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๘๐ ร้อยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๘๐ รอ้ ยละ ๑๐๐ ( ๙๐ คะแนนขึน้ ไป) (๘๕ คะแนนขนึ้ ไป) (๘๕ คะแนนขึน้ ไป) (๙๐ คะแนนข้ึนไป) (ปี ๗๖ – ๘๐) (ปี ๖๑ – ๖๕) คดีทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบลดลง ลดลงรอ้ ยละ ๘๐ ลดลงรอ้ ยละ ๑๐ จานวนคดีทุจริตในภาพรวมลดลง (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) ลดลงรอ้ ยละ ๕๐ ลดลงรอ้ ยละ ๗๐ จานวนคดีทจุ รติ รายหนว่ ยงานลดลง (จานวนข้อรอ้ งเรียนเจ้าหน้าท่ภี าครัฐที่ถูกชม้ี ูลเรือ่ งวินัย (ทจุ รติ ) ลดลง ) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ลดลงรอ้ ยละ ๑๐ ลดลงรอ้ ยละ ๕๐ ลดลงร้อยละ ๗๐ ลดลงรอ้ ยละ ๘๐ (สดั สว่ นจานวนขอ้ ร้องเรยี นเจ้าหนา้ ทภ่ี าครัฐท่ีถกู ช้มี ลู ว่ากระทาการทุจรติ ลดลง) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ลดลงรอ้ ยละ ๑๐ ลดลงรอ้ ยละ ๕๐ ลดลงรอ้ ยละ ๗๐ ลดลงร้อยละ ๘๐ สดั ส่วนจานวนคดีทุจริตทเี่ กยี่ วขอ้ งกับผูด้ ารงตาแหน่งทางการเมืองลดลง (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ลดลงร้อยละ ๒๕ ลดลงร้อยละ ๕๐ ลดลงรอ้ ยละ ๘๐ ลดลงร้อยละ ๙๐ ๘๒

การปราบปรามการทุจริต มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดาเนินงานของกระบวนการและกลไก ท่ีเก่ียวข้องในการปราบปรามการทุจริต ท้ังในขั้นตอนการสืบสวน/ตรวจสอบเบ้ืองต้น การดาเนินการทางคดี การยึด/อายัดทรัพย์สินของผู้กระทาความผิด การตัดสินลงโทษผู้กระทาความผิด ทั้งทางวินัยและอาญา ให้มีความรวดเร็ว การปรับปรุงกฎหมายและตรากฎหมายใหม่เพ่ือสนับสนุนให้การบังคับใช้กฎหมาย มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน การปรับกระบวนการทางานด้านการปราบปรามการทุจริตเข้าสู่ระบบดิจิทัล การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูลท่ีสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการทุจริ ต ซ่ึงรวมถึงการเช่ือมโยงระบบข้อมูลเร่ืองร้องเรียนระหว่างหน่วยงาน การบูรณาการงานคดี การพัฒนาและ เช่ือมโยงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินท่ีทันสมัย การจัดทาระบบฐานข้อมูล องค์ความรู้ด้านการปราบปรามการทุจริต การพัฒนาสมรรถนะและองค์ความรู้เชิงสหวิทยาการของเจ้าหน้าท่ี ในกระบวนการปราบปรามการทุจริต และการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงาน/องค์กรต่อต้าน การทุจริตและองค์กรเอกชนในระดับนานาชาติ การดาเนินการตามแนวทางการปราบปรามการทุจริต ต้องการบรรลุเป้าหมายสาคัญ คือ การดาเนินคดีทุจริตมีความรวดเร็ว เป็นธรรม โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ โครงการสาคญั ทีจ่ ะสนบั สนุนการขบั เคลอ่ื น คือ โครงการสร้างนวัตกรรมการปราบปรามการทุจริตเชิงรุก การดาเนินคดีทจุ ริตมีความรวดเรว็ เป็นธรรม โปร่งใส ไมเ่ ลอื กปฏิบตั ิ สัดส่วนกระบวนการดาเนนิ คดีทจุ รติ ทจี่ าเปน็ ตอ้ งขอขยายระยะเวลาเกินกว่ากรอบเวลาปกตทิ ี่กฎหมายกาหนดลดลง (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไม่เกินร้อยละ ๒๕ ไม่เกนิ รอ้ ยละ ๒๐ ไมเ่ กินรอ้ ยละ ๑๕ ไมเ่ กินรอ้ ยละ ๑๐ สดั ส่วนจานวนคดอี าญาที่หนว่ ยงานไต่สวนคดที จุ รติ ถกู ฟ้องกลับลดลง (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ ๔ ไม่เกนิ ร้อยละ ๓ ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ ๒ ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ ๑ ของจานวนคดีท่ีส่งฟ้อง ของจานวนคดีทสี่ ง่ ฟอ้ ง ของจานวนคดีท่สี ง่ ฟ้อง ของจานวนคดที ่ีสง่ ฟอ้ ง ๘๓

๒๒. ประเด็น กฎหมายและกระบวนการยุตธิ รรม ทิศทางการขับเคล่ือนการพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ กาหนดให้ กฎหมายเป็นปัจจัยสาคัญในการพัฒนาประเทศ มีเป้าหมายหลักให้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นไป เพ่ือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็น กฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรมจึงถูกจัดทาข้ึน เพื่อเป็นกลไกสาคัญตอบสนองต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้วยการมุ่งเน้นให้ กฎหมายมคี วามเปน็ พลวัตทสี่ อดคลอ้ งเหมาะสมกบั บริบทต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปและเป็นไปตามความต้องการ ของประชาชน และมกี ระบวนการยุตธิ รรมทเ่ี คารพสทิ ธิมนษุ ยชนและปฏิบัติตอ่ ประชาชนโดยเสมอภาค ท่ีผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาการมีกฎหมายจานวนมากเกินไป ไม่สอดคล้องกับบริบทการ พัฒนาประเทศ และการนากฎหมายไปปฏิบัติยังขาดประสิทธิภาพและความโปร่งใส ทาให้เกิดปัญหาในการ ดาเนินงานของภาครัฐและภาคส่วนที่เก่ียวข้อง รวมท้ังปัญหากระบวนการยุติธรรมของประเทศที่ขาดความ โปรง่ ใส อนั เกิดจากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมท่ียังไม่สามารถดาเนินการอย่างสอดประสานกันได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ขาดความเป็นธรรม และเลือกปฏิบัติ อันสามารถสะท้อนได้จากดัชนีนิติธรรม จัดทาโดย World Justice Project (WJP) ของประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ซ่ึงมีคะแนนเฉล่ีย ๐.๕ และลาดับท่ี ๗๑ จาก ๑๑๓ ประเทศ ดงั นัน้ จึงจาเปน็ ตอ้ งมกี ารเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้กฎหมายและ กระบวนการยุติธรรมของประเทศสามารถเป็นเคร่ืองมือของประชาชนท้ังประเทศที่จะใช้สร้างสังคมที่พัฒนาใน ทกุ มติ อิ ย่างเป็นธรรม ลดความเหลอื่ มล้า และไมเ่ ลอื กปฏิบัติ สถานการณ์ ดัชนีนิตธิ รรมของประเทศไทย ๐.๕๘ ๐.๕๗ ๗๑/๑๑๓ 8๘0๐ ๐.๕๖ ๐.๕๗ ๖๔/๑๑๓ ๐.๕๔ ๕๖/๑๐๒ 7๗0๐ ๔๗/๙๙ 6๖0๐ คะแนน 5๕0๐ ัอนดับ4๔0๐ ๐.๕๒ ๐.๕๓ 3๒๓0๐๐ ๐.๕๐ ๐.๕๒ ๐.๕๒ ๐.๕๐ 2๑0๐ ๐.๕๑ 1๐0 ๐.๔๘ ๐.๔๖ 0 ๕๓ ๕๔ (๕๕ - ๕๖) ๕๗ ๕๘ ๕๙ (๖๐ - ๖๑) ปี หมายเหตุ : (อันดับ/จานวนประเทศ) ทม่ี า : World Justice Project , ปี ๒๐๑๗ - ๒๐๑๘ ๘๔

เป้าหมาย ๑. กฎหมายเป็นเครื่องมือให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์จากการพัฒนาประเทศอย่าง เทา่ เทียมและเป็นธรรม ๒. การอานวยความยุติธรรมเป็นไปโดยความเสมอภาค โปร่งใส เป็นธรรม ท่ัวถึง และ ปราศจากการเลือกปฏิบตั ิ ตัวชี้วดั และคา่ เปา้ หมาย 1คะแนน ดชั นีนติ ิธรรม 0.8๗ * กาหนดดชั นี 0.65 0.75 นติ ิธรรมใน ๔ ปจั จัย 0.8 (66-70) (71-75) ช่วงปี ไดแ้ ก่ (76-80) 0.6 *0.65 ๑.การจากดั อานาจรฐั 0.4 ๒. รัฐบาลโปรง่ ใส ๓. สทิ ธิขัน้ พนื้ ฐาน 0.2 ๔. ความเปน็ ระเบียบ 0 และความมน่ั คง (61-65) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้ความสาคัญกับ การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกลไกในการขับเคล่ือนและสร้างการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ มุ่งเน้นการนา นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและพลวัตให้กับการพัฒนากฎหมายและ กระบวนการยุติธรรม เพ่ือส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนในสังคมมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการพัฒนา ประเทศอย่างเทา่ เทยี ม เปน็ ธรรม และท่ัวถงึ ประกอบด้วย ๒ แผนย่อย ไดแ้ ก่ การพัฒนากฎหมาย โดยเน้นการดาเนินการปรับปรุง แก้ไข ยกเลิกกฎหมายให้มีเท่าที่จาเป็นและ สอดคล้องบรบิ ทและไม่เป็นอปุ สรรคต่อการพฒั นาประเทศ จากนาเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรมทางกฎหมายมา ประยุกต์ใช้ และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม รวมท้ังบูรณาการเชื่อมโยง กฎหมายทุกลาดับชั้นให้เช่ือมโยงกันอยา่ งเป็นเอกภาพ ไมข่ ัดกัน มกี ารนากฎหมายไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ มี ความโปร่งใสซงึ่ เปน็ กลไกสาคัญท่จี ะนากระบวนการยุตธิ รรมปราศจากความเหลอ่ื มลา้ และความไม่เท่าเทยี ม กฎหมายไม่เปน็ อปุ สรรคตอ่ การพัฒนาภาครฐั และภาคเอกชนอยภู่ ายใตก้ รอบกฎหมาย ทม่ี ุ่งใหป้ ระชาชนในวงกว้างได้รับประโยชน์จากการพัฒนาประเทศโดยท่วั ถึง สัดส่วนของกฎหมายท่ีไดร้ ับการทบทวนแก้ไข ปรับปรุงและ/หรอื ยกเลิก ให้มีเนื้อหาท่ีไมเ่ ป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ (ปี ๖๑–๖๕) (ปี ๖๖–๗๐) (ปี ๗๑–๗๕) (ปี ๗๖–๘๐) ร้อยละ ๕๐ ของ ร้อยละ ๑๐๐ ของ ร้อยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๑๐๐ กฎหมายทั้งหมด กฎหมายทั้งหมด (กรณีมีกฎหมายบญั ญัติใหม่) (กรณีมีกฎหมายบัญญัตใิ หม่) ๘๕

ร้อยละจานวนคดี/ เรอื่ งรอ้ งเรยี นทีเ่ กย่ี วกับการไม่รบั ความเปน็ ธรรมจากกฎหมาย (ปี ๖๑–๖๕) (ปี ๖๖–๗๐) (ปี ๗๑–๗๕) (ปี ๗๖–๘๐) - - คดีท่ีเกยี่ วกับ คดที ี่เกย่ี วกับ ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาติ การคมุ้ ครองผู้บรโิ ภค การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค การจา้ งแรงงานที่ไมเ่ ปน็ ธรรม การจ้างแรงงานทีไ่ มเ่ ปน็ ธรรม และการผูกขาดทางการค้า และการผกู ขาดทางการค้า ลดลงร้อยละ ๕๐ ลดลงร้อยละ ๗๕ การปฏบิ ัตติ ามและการบงั คับใชก้ ฎหมายมคี วามค้มุ ค่าทางเศรษฐกิจ ทั่วถงึ ไมเ่ ลือกปฏบิ ตั ิ และเปน็ ธรรม สดั สว่ นการนาเทคโนโลยแี ละระบบฐานข้อมูลกลางของประเทศมาใชใ้ นการบังคับใชก้ ฎหมายต่อจานวนกฎหมาย (ปี ๖๑–๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๕๐ ร้อยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๑๐๐ ของกฎหมาย ของกฎหมาย ของกฎหมาย ของกฎหมาย ระยะเวลาทล่ี ดลงในกระบวนการบังคับใชก้ ฎหมาย (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ทุกหนว่ ยงานของรัฐ ทุกหน่วยงานของรฐั ทุกหน่วยงานของรัฐ ทกุ หน่วยงานของรัฐ บงั คบั ใชก้ ฎหมายได้ บังคับใชก้ ฎหมายได้ บังคบั ใช้กฎหมายได้ บังคบั ใช้กฎหมายได้ รวดเร็วขึ้น ร้อยละ ๕๐ รวดเร็วขึ้น ร้อยละ ๗๐ รวดเรว็ ข้นึ ร้อยละ ๘๐ รวดเร็วขนึ้ ร้อยละ ๘๕ ระดับความเชื่อมั่นของประชาชนในการบังคับใชก้ ฎหมาย (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๗๕ ร้อยละ ๘๕ ร้อยละ ๙๐ ร้อยละ ๙๗ ของประชาชนเช่อื ม่ัน ของประชาชนเชอ่ื มนั่ ของประชาชนเชื่อมน่ั ของประชาชนเชอ่ื ม่นั ในการบังคบั ใช้กฎหมาย ในการบังคับใชก้ ฎหมาย ในการบังคับใชก้ ฎหมาย ในการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ประชาชนมีสว่ นร่วมในการพฒั นากฎหมาย จานวน/ ระดบั ของมาตรการ/ กลไกท่ปี ระชาชนมสี ว่ นรว่ มกัน ในการทบทวนความจาเปน็ เหมาะสมและผลสมั ฤทธิข์ องกฎหมาย (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๕๐ ร้อยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๑๐๐ ๘๖

การพฒั นากระบวนการยตุ ธิ รรม โดยอานวยความยุติธรรมให้เป็นไปอย่างเสมอภาค โปร่งใส เป็นธรรม ท่ัวถึง และปราศจากการเลือกปฏิบัติ บูรณาการหน่วยงานที่เก่ียวข้องในกระบวนการยุติธรรมให้ดาเนินงานสอด ประสานกันอยา่ งเป็นองคาพยพเพ่ือให้สามารถจดั การกับข้อขัดแย้ง กรณพี พิ าทได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ การอานวยความยตุ ิธรรมมีความโปรง่ ใส สะดวก รวดเร็ว เสมอภาค ท่ัวถึง เปน็ ธรรม และปราศจากการเลอื กปฏิบตั ิ อัตราส่วนที่เพิม่ ขนึ้ ของจานวนขนั้ ตอนในการอานวยความยตุ ิธรรมท่ใี ช้นวตั กรรมและเทคโนโลยีดจิ ิทัล เพอื่ ความโปรง่ ใส ความสะดวกและรวดเรว็ (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๗๕ รอ้ ยละ ๑๐๐ รอ้ ยละ ๗๐ รอ้ ยละ ๑๐๐ ของจานวนข้นั ตอนทส่ี าคัญ ของจานวนขนั้ ตอนทสี่ าคัญ ของจานวนขน้ั ตอนท้ังหมด ของจานวนข้นั ตอนทง้ั หมด ประเภทและระดับของมาตรการที่รฐั กาหนดขนึ้ เพ่ือความเสมอภาค ในกระบวนการยตุ ิธรรม (ปี ๖๑ - ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๑๐๐ ไมต่ า่ กวา่ ร้อยละ๕๐ รอ้ ยละ ๑๐๐ ร้อยละ ๑๐๐ (มาตรการเพ่อื คุม้ ครอง (มาตรการสาคญั ที่รฐั กาหนด (มาตรการที่สาคัญทีร่ ัฐกาหนด (มาตรการท่ีรัฐกาหนดขน้ึ หรืออานวยความสะดวก ขน้ึ เพ่ือขจัดการเลือกปฏบิ ตั ิ ขนึ้ เพื่อขจัดการเลือกปฏิบตั ิ เพือ่ ขจัดอปุ สรรคหรือ ใหแ้ กเ่ ด็ก สตรี ผสู้ ูงอายุ โดยไมเ่ ป็นธรรม โดยไมเ่ ปน็ ธรรมในการอานวย ส่งเสริมให้บุคคลสามารถ คนพกิ าร หรือผ้ดู ้อยโอกาส ในกระบวนการยตุ ิธรรม) ความยตุ ิธรรม) ใชส้ ิทธหิ รือเสรภี าพ ในกระบวนการยตุ ิธรรม) ในกระบวนการยตุ ิธรรม ได้เชน่ เดียวกับบคุ คลอ่นื ) ๘๗

๒๓. ประเดน็ การวิจัยและพัฒนานวตั กรรม การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สาคัญในการดาเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม ตลอดจนด้านการปรับ สมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง ม่ังค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยการสร้างและ สะสมองค์ความรู้ในด้านเป้าหมายต่าง ๆ ให้มีความทันสมัยตลอดเวลา และพัฒนาประเทศจากประเทศที่ใช้ แรงงานเขม้ ข้นไปเปน็ ประเทศท่ีมรี ะบบเศรษฐกจิ และสังคมบนฐานความรู้ดา้ นการวิจัยและนวัตกรรม โดยในปี ๒๕๖๑ สถาบันการจัดการนานาชาติ ได้จัดอันดับประเทศไทยในด้านโครงสร้างพื้นฐานทาง วิทยาศาสตร์อยู่ในอันดับท่ี ๔๒ ซึ่งปรับดีขึ้น ๖ อันดับจากปี ๒๕๖๐ นอกจากนี้ ประเทศไทยมีจุดแข็งในด้าน การวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม อาทิ ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมและ กฎหมายท่ีเอ้อื ต่อการลงทุนด้านโครงสร้างพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวตั กรรม อย่างไรก็ตาม ยังคง มคี วามทา้ ทายในด้านการวจิ ยั และพฒั นานวัตกรรมทีส่ าคญั เช่น การกาหนดโจทยก์ ารวิจัยที่ตอบความตอ้ งการ ของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ในประเทศ ของภาคการผลิตและบริการ หรือปัญหาของสังคม การบูรณาการ หน่วยงานด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม การขาดแคลนบุคลากรนักวิจัย และการนาผลงานวิจัยไปใช้ ประโยชน์ เปน็ ต้น สถานการณ์ การจดั อนั ดบั ความสามารถในการแข่งขัน มูลค่าการลงทุนวิจัยและพฒั นานวตั กรรมต่อ 1.00% ดา้ นโครงสรา้ งพ้ืนฐานทางเทคโนโลยี ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมภายในของประเทศ และทางวิทยาศาสตรข์ องประเทศ 118600,,000000(คล่าา้ ในชบจ้ า่ายทก)ารลงทุน R&D อนั ดบั 140,000 120,000สลัดงทสนุว่ นRค&่าDใชต้จอ่า่ ยGกDารP 0.78% ๔๐ 0.62% ๔๕ ๔๒ 100,000(รอ้ ยละ) ๕๐ ๔๗ ๔๘ 80,000 0.47% 0.48% 154,519 113,527 ลา้ นบาท ๕๕ 60,000 63,490 84,671 ล้านบาท 40,000 57,038 ลา้ นบาท ล้านบาท 20,000 ล้านบาท ๖๐ - ๒๕๕๙ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ปี ปี 2556 2557 2558 2559 2560 ทีม่ า สถาบนั การจัดการนานาชาติ ทม่ี า สวทน. เป้าหมาย ๑. ความสามารถในการแข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี และด้านโครงสร้าง พืน้ ฐานทางวิทยาศาสตรข์ องประเทศเพมิ่ สูงขน้ึ ๒. มลู ค่าการลงทุนวิจยั และพัฒนานวัตกรรมตอ่ ผลติ ภัณฑม์ วลรวมภายในของประเทศเพิ่มขน้ึ ๘๘

ตวั ชีว้ ดั และค่าเป้าหมาย การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน รอ้ ยละ ร้อยละของมูลค่าการลงทุน ด้านโครงสรา้ งพนื้ ฐานทางเทคโนโลยี วจิ ัยและพัฒนานวตั กรรม ๒.๕ ตอ่ ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ อนั ดบั และทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ ๑ ๒๑ ๑ ใน ๓๐ อนั ดบั แรก ๒.๐ ๑.๗ ๑.๙ ๒.๐ ๔๑ โดยสถาบนั การจัดการนานาชาติ ๑.๕ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๑.๐ ๑.๕ ๐.๕ ๖๑ ๐.๐ (๖๑-๖๕) (๖๖-๗๐) (๗๑-๗๕) (๗๖-๘๐)ช่วงปี (๖๑-๖๕) (๖๖-๗๐) (๗๑-๗๕) (๗๖-๘๐) ชว่ งปี ดงั น้ัน จงึ จาเปน็ ต้องมแี ผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เรื่องการวิจัยและพัฒนานวตั กรรม โดยกาหนด เป้าหมายให้ประเทศไทยมคี วามสามารถในการแข่งขนั ด้านโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางเทคโนโลยี และดา้ นโครงสร้าง พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของประเทศเพ่ิมสูงข้ึน และมีมูลค่าการลงทุนวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ือง รวมทั้ง กาหนดตัวช้ีวัดผลการดาเนินงานท่ีสาคัญ อาทิ การจัดอนั ดับ โดยสถาบันการจัดการนานาชาติ และร้อยละของมูลค่าการลงทุนวจิ ัย พัฒนา และนวตั กรรมตอ่ ผลิตภัณฑ์มวล รวมในประเทศ ท้ังน้ี เพ่อื ให้การดาเนินการวิจัยและพัฒนานวตั กรรมของประเทศไทยสามารถตอบโจทย์ความ ต้องการของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ในประเทศ ยกระดับภาคการผลิตและบริการ แก้ไขปัญหาของสังคม พัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐ รวมทั้ง รักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ตลอดจนมุ่งเน้นการบูรณาการหน่วยงานด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม การบริหารจัดการงานวิจัย และ การสร้างองค์ความรูพ้ นื้ ฐานตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยประกอบดว้ ย ๕ แผนยอ่ ย ประกอบด้วย การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมท่ีตอบโจทย์ความ ตอ้ งการของประเทศ ยกระดับผลิตภาพการผลิตด้านการเกษตร ศักยภาพของผู้ประกอบการภาคอตุ สาหกรรม และบริการท่ีสามารถใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้จริง โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีบทบาทนา รวมทั้งการสร้าง เครือข่ายรว่ มกบั ภาคการศกึ ษาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ตลอดจนการพัฒนามาตรฐาน คุณภาพ และ การบริการวิเคราะห์ทดสอบที่เป็นที่ยอมรับตามข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อให้สามารถรองรับความจาเป็น ของอุตสาหกรรมและบริการของไทยในการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและความปลอดภัยตาม มาตรฐานระหว่างประเทศ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ สร้างมูลค่าเพ่ิมสงู ขึน้ จากการวิจยั และนวตั กรรม ส่งผลให้เกิดการขยายตัวเพ่ิมข้นึ จากปัจจุบัน อัตราการขยายตวั ของภาคอุตสาหกรรมการผลติ และบริการที่สร้างมลู คา่ เพม่ิ สูงขนึ้ จากการวิจัย (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) เฉล่ียรอ้ ยละ ๕ ตอ่ ปี เฉลยี่ ร้อยละ ๕ ตอ่ ปี เฉล่ยี รอ้ ยละ ๕ ต่อปี เฉลย่ี รอ้ ยละ ๕ ต่อปี ๘๙

วิสาหกิจในกลุ่มเปา้ หมายด้านเศรษฐกจิ ท่มี นี วัตกรรมเพ่ิมข้นึ จานวนวสิ าหกิจทม่ี ีนวัตกรรมที่มีสดั ส่วนของรายได้จากผลติ ภัณฑ์นวัตกรรมตอ่ รายได้ท้งั หมดเพ่ิมขึน้ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) เพ่มิ ข้นึ ๑ เท่าจากปฐี าน เพิ่มขน้ึ ๒ เทา่ จากปฐี าน เพ่ิมขึน้ ๓ เทา่ จากปีฐาน เพิม่ ข้นึ ๕ เทา่ จากปีฐาน การวจิ ัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสังคม มงุ่ เน้นประเดน็ สาคัญทางสังคมของประเทศที่ต้องใชก้ ารวิจัย และนวัตกรรม เป็นเครอื่ งมอื ในการขบั เคล่อื นสังคมไทย ไดแ้ ก่ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา และการเข้าถึงบริการและสวัสดิการของรัฐ การเตรียมความพร้อมของประชาชน ไทยเพ่ือรองรับกระแสโลกาภิวัตน์ของวัฒนธรรมโลกที่รวดเร็วข้ึนในยุคดิจิทัล การเข้าสู่สังคมสูงวัย การพฒั นา แรงงานทักษะสูงและเฉพาะทาง การยกระดับแรงงานทักษะต่า การแก้ปัญหาความเหล่ือมล้าในสั งคม ตลอดจนเพ่ิมประสิทธิภาพการทางานของภาครัฐให้เข้ากับการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในยุค ดจิ ิทัล คุณภาพชีวติ ศักยภาพทรัพยากรมนษุ ย์ และความเสมอภาคทางสังคมได้รับการยกระดับเพมิ่ ขึ้น จากผลการวิจยั และพฒั นานวัตกรรมเชิงสังคม ดัชนนี วตั กรรมเชงิ สังคม* (รอ้ ยละของผลสัมฤทธใ์ิ นการยกระดบั คณุ ภาพทางสงั คมจากผลการวิจัยฯ) (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) - - - - หมายเหตุ อยู่ระหวา่ งการตรวจสอบ/จดั ทาคา่ เปา้ หมาย การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นประเด็นสาคัญทางทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อมของประเทศ ท่ีต้องใช้การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เป็นเครื่องมือในการสร้างและพัฒนาองค์ ความรู้ เทคโนโลยีที่สร้างเศรษฐกิจฐานชีวภาพอุบัติใหม่ทั้งระบบอย่างครบวงจร ส่งเสริมงานวิจัยเพ่ือการ อนุรักษ์และฟ้ืนฟูความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพของทรัพยากรทางบก ทางน้า และทาง ทะเล รวมทง้ั การจัดการมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิง่ แวดล้อมและการจัดการก๊าซเรือนกระจก และด้านพลังงาน หมุนเวียน การประยุกตใ์ ช้ความรเู้ ทคโนโลยแี ละนวัตกรรมในการเพ่มิ มูลค่าของเศรษฐกิจสเี ขียวอยา่ งย่งั ยืนเพ่ิมข้ึน สัดส่วนสทิ ธิบัตร อนสุ ิทธิบตั ร สิ่งบ่งชี้ทางภูมศิ าสตร์ ด้านเศรษฐกิจชีวภาพ ตอ่ สทิ ธบิ ัตร อนุสทิ ธิบัตร ส่งิ บง่ ชี้ทางภมู ิศาสตร์ท้ังหมด (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) จดั ทาฐานข้อมลู และมี สัดส่วนสิทธิบตั ร ฯลฯ สดั สว่ นสทิ ธิบัตร ฯลฯ สดั สว่ นสทิ ธบิ ตั ร ฯลฯ ขอ้ มูลปีฐาน เก่ียวกับ สทิ ธิบัตร อนุสิทธิบตั ร ส่ิง เพิ่มขนึ้ ๑ เทา่ เพ่ิมข้ึน ๒ เทา่ เพ่มิ ข้ึน ๓ เท่า บง่ ช้ีทางภูมิศาสตร์ ด้าน เศรษฐกจิ ฐานชีวภาพ ๙๐

การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านองค์ความรู้พ้ืนฐาน มุ่งเน้นการวิจัยท่ีสร้างองค์ความรู้พ้ืนฐานเพื่อ การสะสมองค์ความรู้ การต่อยอดไปสู่การประยุกต์ใช้องค์ความรู้ และการต่อยอดไปสู่นวัตกรรมทางเศรษฐกิจ หรือนวตั กรรมทางสงั คม รวมท้ังการสร้างนวตั กรรมเพ่ือให้ภาคอตุ สาหกรรมสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์โดยตรง ผ่านการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีฐาน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นาในระดับนานาชาติ ในงานวิจัยท่ีประเทศ ไทยมีความเข้มแข็ง ประเทศไทยมขี ีดความสามารถของเทคโนโลยีฐานทั้ง ๔ ด้าน ทัดเทียมประเทศทก่ี า้ วหน้าในเอเชยี อนั ดับความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีวัสดุ นาโนเทคโนโลยี และเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) อันดบั ๑ ใน ๒๐ อันดับ ๑ ใน ๑๕ อนั ดับ ๑ ใน ๑๐ อนั ดบั ๑ ใน ๕ ของ ของประเทศทกี่ ้าวหน้า ของประเทศท่ีก้าวหนา้ ของประเทศทก่ี า้ วหนา้ ประเทศทก่ี า้ วหน้า ในเอเชีย ในเอเชีย ในเอเชีย ในเอเชีย ด้านปัจจัยสนับสนุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม มุ่งเน้นการพัฒนาปัจจัยสนับสนุน อาทิ โครงสร้างพ้ืนฐานและส่ิงอานวยความสะดวกด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ระบบบริหารจัดการงานวิจัย เพ่ือนาไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม การพัฒนามาตรการแรงจูงใจเพ่ือส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุน วิจัยและนวัตกรรม การเพิ่มจานวนบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมในภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน รวมทงั้ การพฒั นามาตรฐาน ระบบคณุ ภาพ และการวิเคราะหท์ ดสอบ จานวนโครงสรา้ งพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยสี มยั ใหมท่ ีจ่ าเปน็ ต่อการพัฒนาประเทศเพ่มิ ข้นึ อตั ราจานวนโครงสรา้ งพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ท่ีจาเปน็ ตอ่ การพัฒนาประเทศเพ่ิมขึน้ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ร้อยละ ๑๐ รอ้ ยละ ๒๐ ร้อยละ ๕๐ ร้อยละ ๘๐ สัดส่วนการลงทุนวิจยั และพัฒนาของภาคเอกชนตอ่ ภาครัฐเพม่ิ ขึ้น สดั ส่วนการลงทุนวจิ ยั และพฒั นาของภาคเอกชนตอ่ ภาครัฐ (ปี ๖๑ – ๖๕) (ปี ๖๖ – ๗๐) (ปี ๗๑ – ๗๕) (ปี ๗๖ – ๘๐) ๗๐ : ๓๐ ๗๕ : ๒๕ ๘๐ : ๒๐ ๘๐ : ๒๐ ๙๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook