Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการตลาดแบบดั้งเดิม

รายงานการตลาดแบบดั้งเดิม

Published by Kanokwanpnw, 2022-07-14 05:01:51

Description: รายงานการตลาดแบบดั้งเดิม

Search

Read the Text Version

รายงาน เรอ่ื ง การตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional marketing) โดย นางสาวนฤมล ศรีรอด เลขท่ี 4 นางสาวกนกวรรณ อมรพรพงศ์ เลขที่ 8 นางสาวสุนษิ า ครองราช เลขท่ี 9 นักศึกษาระดบั ปริญญาตรปี ีที่ 2 สาขาวชิ าการบญั ชี เสนอ อาจารย์นพิ ร จทุ ยั รัตน์ รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของวชิ าการบริหารเศรษฐศาสตร์อุสาหกรรม (23-4001-2007) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาชลบุรี สถาบนั การอาชวี ศึกษาภาคตะวันออก

รายงาน เรอ่ื ง การตลาดแบบดัง้ เดิม (Traditional marketing) โดย นางสาวนฤมล ศรีรอด เลขท่ี 4 นางสาวกนกวรรณ อมรพรพงศ์ เลขที่ 8 นางสาวสุนษิ า ครองราช เลขท่ี 9 นักศึกษาระดบั ปริญญาตรปี ีที่ 2 สาขาวชิ าการบญั ชี เสนอ อาจารย์นพิ ร จทุ ยั รัตน์ รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนึ่งของวชิ าการบริหารเศรษฐศาสตร์อุสาหกรรม (23-4001-2007) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาชลบุรี สถาบนั การอาชวี ศึกษาภาคตะวันออก

คำนำ รายงานเรื่องการตลาดแบบด้ังเดิม (Traditional marketing) รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการ บริหารเศรษฐศาสตร์อุสาหกรรม ระดับปริญญาตรีปีที่ 2 สาขาวิชาการบัญชี จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาการ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบดั้งเดิม และการเปลี่ยนไปของการตลาดแบบดั้งเดิมเข้าสู่การตลาดแบบ ใหม่ตามยุคสมัยที่พัฒนาขึ้น คณะผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลจากสื่ออินเตอร์เน็ตนำมาเรียบเรียง เพื่อให้ง่าย ตอ่ การศกึ ษาและเป็นประโยชน์ตอ่ ผทู้ ่สี นใจศกึ ษาและใชป้ ระโยชนจ์ ากการตลาดแบบดงั่ เดิม คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานเรื่องการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional marketing) นี้ จะเปน็ ประโยชน์ต่อผู้ทสี่ นใจจะศึกษา หากรายงานเล่มน้ีมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำต้องขออภัย มา ณ ท่นี ี้ดว้ ย คณะผูจ้ ัดทำ

สารบญั เรื่อง หนา้ คำนำ............................................................................................................. ......................................ก สารบัญ......................................................................................................................... .......................ข สารบัญภาพ..................................................................................................... ....................................ค การตลาดแบบต้ังเดิม.................................................................................... .......................................1 ตวั อย่างการสื่อสารการตลาดแบบดัง้ เดมิ .............................................................................................2 การออกบธู แสดงสินค้า..........................................................................................................2 การโฆษณาผา่ นป้าย..............................................................................................................4 แนวความคดิ ตลาดแบบดัง่ เดิม............................................................................................................6 รูปแบบหรือลกั ษณะ/สว่ นประสมทางการตลาด 4P............................................................................6 การแบ่งสว่ นตลาด...............................................................................................................................7 ระดบั ของการแบง่ สว่ นการตลาด.........................................................................................................8 การเปลีย่ นแปลงตลาดดั้งเดมิ สู่ตลาดดจิ ติ อล.......................................................................................9 ขอ้ ดีของการตลาดแบบดั้งเดิม............................................................................................................11 ความตา่ งระหว่างการตลาดแบบดง้ั เดมิ และการตลาดดิจิทัล..............................................................12 สรุป........................................................................................................................... .........................14 บรรณานุกรม......................................................................................................................... .............15

สารบญั ภาพ ภาพที่ หนา้ ภาพที่ 1 ตัวอยา่ งการสอื่ สารการตลาดแบบด้ังเดิม...........................................................................1 ภาพท่ี 2 ตวั อย่างการส่ือสารการตลาดแบบดั้งเดิม...........................................................................4 ภาพที่ 3 ตวั อย่างการสือ่ สารการตลาดแบบดั้งเดิม...........................................................................5 ภาพที่ 4 ตวั อยา่ งการสื่อสารการตลาดแบบดั้งเดิม...........................................................................5 ภาพท่ี 5 ตัวอยา่ งการส่อื สารการตลาดแบบดั้งเดิม...........................................................................6 ภาพท่ี 6 ตวั อย่างการสอ่ื สารการตลาดแบบด้ังเดิม...........................................................................7 ภาพท่ี 7 การเปรยี บเทยี บระหว่างตลาดแบบด้งั เดิมและตลาดแบบใหม่.........................................11

ตลาดแบบด้ังเดมิ หมายถงึ การตลาดแบบด้ังเดิม (Traditional Marketing) หมายถึง การตลาดแบบดั้งเดิมโดยการตลาด แบบนี้คือการทำการตลาดโดยท่ีไมม่ ีอินเทอร์เนต็ เข้ามาช่วยในการประชาสมั พันธ์ หรือเผยแพร่ข้อมูลตา่ งๆ และเป็นการใช้ช่องทางออฟไลน์ต่างๆ ที่มีอยู่ในขณะนั้นเป็นการสื่อสารไปยังผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายที่ ต้องการอีกทงั้ การตลาดแบบด้งั เดิมยังเปน็ การสือ่ สารเพียงดา้ นเดยี วอกี ดว้ ย ซ่ึงทำให้การไดร้ บั ฟีดแบกต่างๆ หรือผลลัพธ์ก็จะค่อยข้างช้า และการทำการตลาดแบบดั้งเดิมนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและมีการใช้ระยะ เวลานานในการทำการตลาดแบบนี้กว่าจะเข้าถึงกลมุ่ ลูกค้าได้น่ันเอง การสื่อสารแบบทางเดียวในการตลาด แบบดั้งเดิมนี้ เช่น การโฆษณาผ่าโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงการแจกโบรชวั ร์ การติดป้ายโฆษณา ตามทีต่ า่ งๆซึง่ ลกู ค้านัน้ จะไม่สามารถแลกเปล่ยี น หรอื แสดงความคดิ เหน็ อ่ืนใดได้ เพราะว่านีเ่ ปน็ การสอื่ สาร ทางเดยี ว และไดร้ บั สารอยู่ฝ่ายเดียว เมอื่ เป็นเช่นนผ้ี ลลพั ธ์ที่ไดจ้ งึ ไม่แมน่ ยำ และใช้เวลาคอ่ นข้างนาน แต่จะ สามารถความน่าเช่ือถือได้มากกว่าการทำการตลาดแบบอนไลน์ เนื่องจากลูกคา้ สามารถรับรู้ได้ว่าธุรกิจของ เรานนั้ มตี วั ตน ภาพท่ี 1 ตัวอยา่ งการสอื่ สารการตลาดแบบด้ังเดมิ

2 ตัวอยา่ งการส่อื สารการตลาดแบบด้ังเดมิ 1. การออกบธู แสดงสนิ คา้ การออกบูธแสดงสินค้าถือเป็นเร่ืองธรรมดาทีผ่ ปู้ระกอบการธุรกิจหลายทา่ นอาจเคยผ่าน และมีประสบการณ์บ้างไม่มากก็น้อยเพราะในปัจจุบันกระแสตอบรับการออกบูธแสดงสินค้าได้รับความ สนใจจากกลุ่มลูกค้าผู้บรโิ ภคมากอยา่ งย่ิง และเพราะการออกบูธแสดงสินค้ายังให้ผลตอบรับและตอบแทน อย่างดี มาตลอด ผปู้ระกอบการหลายรายจึงไวว้างใจเลือกใช้การออกบูธแสดงสนิ ค้าหรือทำกิจกรรมต่างๆ เป็น เครื่องมือทางการตลาดอีกชนิดหน่ึงแต่ก็เป็นที่น่าสังเกตวา่ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่ม ตลาดและทุนใหม่กลับให้ความสนใจไปออกบูธแสดงสินคา้และบริการเพียงแค่เล็กน้อยเท่าน้ัน ท้ังที่ความ เป็นจรงิ แล้วการไปออกบธู แสดงสินคา้และบริการสามารถสรา้ งประโยชนต์ ่างๆ ได้มากมายดังตอ่ ไปนี้ 1.1. การออกบธู แสดงสินคา้ เพื่อประชาสัมพันธ์สนิ คา้ หรือบริการ การออกบูธแสดงสินค้าหรือบริการถือเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า และ บริการได้ดี มากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะองค์ประกอบที่จะทำให้การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ได้ผลคือ สาระสำคัญของสาร ต้องถูกส่งผ่านไปยังผู้รับสารเป็นจำนวนมาก ซ่ึงการไปออกบูธแสดงสินค้าหรือบริการ ตามนิทรรศการหรือ งานเทศกาลต่างๆ สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะสามารถเขา้ถึงกลุ่มลูก คา้ที่มาเดินภายในงาน ได้เป็นจำนวนมากและรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่ลูกคา้ที่มาเดินตามงานต่างๆ ท่ี ผู้ประกอบการไปออกบูธแสดง สินค้าก็มักสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานที่จัดแสดงอยู่แล้วทำให้สามารถ สื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมาก ที่สุด ซ่ึงประโยชน์ข้อน้ีคือจุดเด่นที่สุดของการไปออกบูธแสดงสินค้าและ บริการ 1.2. ออกบธู แสดงสินค้าเพื่อเพ่ิมช่องทางและโอกาสในการขาย การออกบูธแสดงสินคา้และบริการจัดเป็นอีกหน่ึงช่องทางการคา้ขายสินค้าหรือ บริการที่ น่าสนใจเพราะแม้ว่าช่วงระยะเวลาในการจดังานจะน้อยและไม่ใช่ช่องทางการขายสินคา้หรือ บรกิ ารทม่ี น่ั คงถาวรแตน่ ิทรรศการและงานทจ่ี ัดข้ึนก็มักเป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาลูกค้าชั้นดีท่ีต่างแห่แหน มาร่วมงานกันจึงทำให้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดไม่ใช่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด หากเจ้าของกิจการสามารถใช้การ ออกบูธแสดง สินคาแ้ ละบรกิ ารครั้งน้ันใหเ้ ปน็ ประโยชน์ด้วยการสร้างยอดจำหน่ายต่อชั่วโมงให้ได้จำนวนสูง มาก อย่างเชน่ สำนักพิมพ์ตา่ งๆ ทีม่ กั ไปออกบูธแสดงสินคาใ้ นมหกรรมหนังสอื เปน็ ต้น

3 1.3 ออกบูธแสดงสนิ ค้าและบริการเพ่ือโชวศ์ กั ยภาพอย่างเต็มที่ การออกบธู แสดงสินค้าและบริการถือเปน็ โอกาสทองในการแสดงศักยภาพสินค้า บริการ หรือการ ดำเนนิ งานของบริษัทน้ัน ๆ อกี ด้วยเพราะสามารถเขา้ถึงและสื่อสารกับผู้คนได้เป็นจำนวน มาก นอกจากน้ี เจา้ ของกิจการทั้งหลายยังสามารถใช้การออกบธู แสดงสินคาเ้ ป็นช่องทางเพื่อเกทับคู่ต่อสู้ที่ ท้ังไม่ได้มาและ มาออกบูธงานเดียวกันได้อกี ด้วยการแสดงศักยภาพน้ีผูป้ ระกอบการสามารถนา สินค้าหรือ บริการต้นแบบท่ี แสดงถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาโชว์ได้โดยไม่จำเป็นสินค้าต้นแบบหรือเป็น เพียงคอนเซปต์ไอเดียไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าพร้อมจำหน่ายเสมอไปดังเช่นงานออกบูธแสดงสินค้าด้าน เทคโนโลยตี ่างๆ 1.4. ออกบธู แสดงสินคา้ และบริการเพ่ือหาคู่คา้ ทางธุรกจิ การออกบูธแสดงสินค้าและบริการนอกจากจะได้พบลูกค้ารายย่อยแล้วยังมี โอกาสพบคู่ค้าทางธุรกิจอีกด้วยเพราะในปัจจุบันงานมหกรรมแสดงสินคา้และบริการต่างๆ ได้แบ่ง กำหนดการใหหมีวันและช่วงเวลาสำหรับนักธุรกจิ โดยเฉพาะเพื่อเปดิ โอกาสให้พบปะพดูคยุ และหาคู่ค้าทาง ธุรกจิ ซึ่งส่วนมากแล้วมักเป็นวันแรกๆ ของงาน จงึ กลายเป็นโอกาสสำคญั ให้ผู้ประกอบการได้พบปะพูดคุย และทำสัญญาธุรกิจ กับคู่ค้าได้โดยตรง ซ่ึงโอกาสดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการและนักธุรกิจท้ังหลาย สามารถลดต้นทุนของตนเองลงได้อันเน่ืองมาจากได้พบเจอกับเจ้าของปจั จัยการผลิตรายอ่ืนๆ ซึ่งเสนอขาย ราคาวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตสินค้าให้เราเพื่อเป็นตัวเลือกเพื่อเทียบกับคู่ค้าเดิมอีกด้วยถือเป็นประโยชน์ ด้านงบประมาณเลยทีเดียว 1.5. ออกบูธแสดงสนิ คา้ และบรกิ ารเพื่อแลกเปล่ียนข้อมูลกับลกู ค้าและกลุ่มธุรกิจ การออกบูธสินค้าและบริการมีข้อดีอีกหน่ึงอย่างคือเป็นการสื่อสารสองทางที่ ผู้ประกอบการ สามารถรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจและสามารถแนะนำสินค้าและ บริการกลับคืนสู่ท้ัง 14 ลูกค้าและคู่ค้าอีกด้วยสิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ซึ่ง สามารถนา กลับมาใช้พฒั นาธุรกิจไดใ้ นอนาคต 1.6. ออกบธู สินคา้ และบรกิ ารเพ่ือสำรวจคู่แขง่ และตลาด การออกบูธสินค้าและบริการนอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการได้พบกบั ลูกค้าและ คู่ค้าทางธุรกิจแล้วยังถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้ประกอบการได้พบกับคู่แข่งด้วยจึงเป็นช่วงสำคัญและมี ประโยชน์อย่างมาก เพราะผู้ประกอบการสามารถสำรวจตรวจสอบความก้าวหน้าของคู่แข่งและสามารถ สำรวจตลาดไปในตวั ได้อกี ดว้ ย

4 1.7. ออกบูธสินคา้ และบรกิ ารเพื่อสร้างฐานขอ้ มูลลกู ค้า แม้ผู้ประกอบการจะไม่มีสินคา้หรือบริการไปออกบูธแสดงสินค้าแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ผู้ประกอบการก็ควรต้องไปออกบูธที่งานเพื่อเป็นการสร้างฐานข้อมูลของลูกค้าผู้บริโภคไม่มีโอกาสไหน แล้วท่ผี บู้ รโิ ภคจะรวมตวั กันมากขนาดน้ีดังนน้ั ผูป้ ระกอบการจึงควรฉวยโอกาสน้ีไปออกบูธแสดงสินค้าและ บริการด้วยประการทั้งปวงแม้ไม่ไดต้ ัวเงนิ กลับมา อย่างน้อยก็ข้อให้ได้ฐานข้อมลู ลูกค้าก็ยังดีเพราะบางครั้ง ข้อมูล เหล่าน้ีอาจมคี า่ และประโยชนม์ ากกว่าเงินเสยี อีก ภาพที่ 2 ตวั อยา่ งการส่อื สารการตลาดแบบดั้งเดมิ 2. การโฆษณาผา่ นปา้ ย ในการทำการตลาด “ป้ายโฆษณา” เป็นวิธีการโปรโมตหนึ่งที่มีผลต่อผู้บริโภคอย่างมาก เนื่องจากป้ายโฆษณาเป็นสื่อที่กว้างขวาง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายและชัดเจน ตัวอย่างที่เห็นได้ งา่ ยที่สดุ ก็คือ ปา้ ยโฆษณาตามทางด่วนหรอื บนตึกสงู ท่ีมปี ้ายขนาดใหญ่ ตัวอกั ษรโดดเด่นดึงดูดสายตาผู้คน และแน่นอนว่ามันต้องผา่ นสายตาของคนเป็นหม่ืนๆ คนทุกวัน นอกจากนอี้ ีกตวั อยา่ งหน่ึงที่เหน็ ได้บ่อยนั่นก็ คือ ป้ายหาเสียงของนักการเมือง สรุปแล้วก็คือ ป้ายโฆษณา เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่สามารถให้ข้อมูล เกย่ี วกับตัวสนิ ค้า หรอื การแนะนำให้คนอน่ื ร้จู ักสินคา้ ผ่านรปู ภาพ ถอ้ ยคำทีส่ ้ัน กระชับ โดดเดน่ ไวส้ ำหรบั เผยแพรใ่ นทส่ี าธารณะ สามารถเขา้ ถงึ กลุ่มคนได้มาก และนับได้วา่ เปน็ ส่อื โฆษณาท่ีใชก้ ันอยา่ งแพร่หลายใน ทกุ วงการในปัจจุบนั อกี ด้วย 2.1. ดึงดดู ความสนใจได้ดี ถ้าให้คุณเลือกอ่านข้อความจากสื่อสองสื่อนี้ คุณจะเลือกอ่านข้อความจากอะไร ก่อน ระหว่าง ป้ายโฆษณาขนาด 1.5 เมตร กับ โบรชัวร์โฆษณาที่วางอยู่บนโต๊ะ แน่นอนว่าถ้าคุณยืนอยู่ใน ระยะ 5 เมตร คุณจะต้องเห็นข้อความบนป้ายโฆษณาก่อนและสามารถอ่านข้อความทั้งหมดจบได้ในครั้ง แรกที่เห็น ซึ่งต่างจากโบรชัวร์ที่วางไว้ที่โต๊ะ กว่าจะรับข้อมูลได้คุณจะต้องเดินไปเพื่อหยิบมันขึ้นมาอ่าน ดังนั้นจากข้อนี้สรุปได้อย่างดีว่าป้ายโฆษณาดึงดูดความสนใจได้ดีกว่าสื่ออีกหลายประเภท เนื่องจากป้าย โฆษณามีขนาดใหญ่ ตัวอักษรขนาดใหญ่น่นั เอง

5 2.2 เขา้ ถึงกลมุ่ เป้าหมายไดม้ าก หากจัดประเภทป้ายโฆษณา ก็คงจัดให้อยู่ในหมวดของสื่อโฆษณากลางแจ้ง ทั้ง ในรูปแบบโปสเตอร์ ไวนิล บิลบอร์ดและอื่นๆ ป้ายโฆษณานอกจากจะดึงดูดความสนใจได้ดีแล้ว ยังเป็น อิสระในการหาพื้นที่จัดวางเพื่อให้เหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นก่อน การติดตั้งป้ายโฆษณาจึง จำเป็นตอ้ งวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายเสียก่อน เช่น โฆษณารถยนต์ หากต้องการประชาสมั พันธ์ให้ลูกค้าได้รู้ถึง รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด พื้นฐานอาจจะต้องเป็นคนมีฐานะ มีรถขับอยู่แล้ว ดังนั้นป้ายโฆษณาชิน้ น้ีอาจตดิ เป็น ปา้ ยโฆษณาขนาดใหญ่ตามทางดว่ น เพือ่ ให้เหน็ อยา่ งทว่ั ถงึ ครบทกุ ด้าน 2.3 ตน้ ทนุ ต่ำ หลายคนสงสยั ว่าการทำป้ายโฆษณาใชต้ ้นทุนตำ่ จริงหรือ ขออธบิ ายเพิ่มเติมว่าใน การลงทุนทำป้ายโฆษณาต่อหนึ่งชิ้นอาจแพงกว่าสื่ออื่นๆ แต่หากเทียบคุณภาพกับจำนวนที่ต้องผลิต สามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ โดยให้ผลประโยชน์เท่ากัน เช่น ต้องการทำสื่อให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย 500,000 คน ผู้ผลิตอาจเลือกทำป้ายขนาดใหญ่ติดบนตึกที่มีรถผ่านสม่ำเสมอ ลงทุน 200,000 บาท/ช้ิน แต่ทำเพียง 2 ชิ้น (ใช้งบ 400,000 บาท) หรือทำสื่อโบรชัวร์เฉลีย่ ใบละ 2 บาท จำนวน 500,000 แผ่น (ใช้ งบ 1,000,000 บาท) จะเห็นได้วา่ ในปริมาณเปา้ หมายทเ่ี ท่ากัน การทำป้ายโฆษณาช่วยลดต้นทนุ ได้มากกว่า และถา้ ป้ายทำจากวัสดทุ ีม่ คี ณุ ภาพก็ยิ่งอยู่ได้นาน คุ้มมากขน้ึ ภาพที่ 3 ตัวอย่างการส่อื สารการตลาดแบบด้ังเดมิ ภาพท่ี 4 ตัวอย่างการสอ่ื สารการตลาดแบบดั้งเดิม

6 แนวความคดิ ตลาดแบบด้ังเดิม เมื่อมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงแรก ๆ ผู้ผลิตจะมุ่งเน้นการผลิตเพื่อขายเพียงอย่างเดียว และ พยายามลดต้นทุนให้ต่ำลง เพื่อผลกำไรที่มากขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความตอ้ งการของลูกค้า เป็นยุคที่ผู้ผลติ และผู้ขายมีอำนาจในการต่อรองเหนือลกู คา้ หรอื เป็นยุคท่ตี ลาดเป็นของผผู้ ลติ หรอื ผู้ขาย ธุรกิจค้าปลกี แบบดั้งเดมิ มักจะเปน็ การบริหารงานธรุ กิจด้วยสมาชกิ ในครอบครวั ตัง้ อยูใ่ กล้ชุมชน รูปแบบของร้านไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มีความสวยงาม หรือมีการตกแต่งมากนัก ซึ่งแม้ในปัจจุบัน ก็ยังมี ธรุ กจิ คา้ ปลกี แบบดั้งเดมิ นใ้ี หเ้ ห็นกนั อยทู่ ว่ั โลก ภาพที่ 5 ตัวอยา่ งการส่อื สารการตลาดแบบดั้งเดมิ รูปแบบหรือลักษณะ/ส่วนประสมทางการตลาด 4P การตลาดแบบดั้งเดมิ จะมีกลุ่มเป้าหมายทีห่ ลากหลาย จะไมเ่ นน้ ทำกับบุคคลใดบุคคลหนึง่ แต่จะ เน้นไปทางส่วนประสมทางการตลาด 4P คือ 1.) Product ประกอบด้วย ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ คุณภาพ การออกแบบรูปทรง ตรา ยหี่ ้อ บรรจภุ ัณฑ์ เป็นตน้

7 2.) Price ประกอบด้วย ราคาสินค้า ส่วนลด การรับรู้ราคาสินค้าของผู้บริโภคระยะเวลาการ จ่ายเงนิ เปน็ ต้น 3.) Place ประกอบด้วย ช่องทางการจำหน่าย สถานที่จำหน่ายสินค้า สินค้าคงคลัง การขนส่ง เป็นต้น 4.) Promotion ประกอบด้วย กานส่งเสริมการขาย การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การขาย ตรง การส่งเสรมิ การขายโดยผา่ นตวั แทนจำหนา่ ย เปน็ ต้น และมักจะใช้วิธี การแบ่งส่วนตลาด (Marketing Segmentation) โดยใช้เกณฑ์สภาพ ประชากรศาสตร์ หรือสภาพภูมิศาสตร์ และสามารถครอบคลุมได้บางพื้นที่เท่านั้น ซึ่งมีวิธีการสื่อสาร แบบ ( ONE TO MANY ) เป็นการสอ่ื สารแบบไม่สามารถโตต้ อบได้ทันทตี อ้ งใช้ระยะเวลาในการตอบรบั ภาพท่ี 6 ตัวอยา่ งการสอื่ สารการตลาดแบบดั้งเดมิ การแบง่ สว่ นตลาด (Market Segmentation) การแบ่งส่วนตลาด (Market Segmentation) หมายถึงกระบวนการการแบ่งหรือแยกลูกค้า ออกเป็นกลุ่มยอ่ ยๆ เพื่อให้ลูกค้าทมี่ ลี ักษณะท่ีมีความ ตอ้ งการคลา้ ยคลึงกนั มาอยใู่ นกลมุ่ เดียวกนั ทำใหเ้ พ่ิม ประสทิ ธภิ าพในการทำงานทางการตลาดเข้าถึง ลกู คา้ เป้าหมายแตล่ ะกลุ่ม ซ่งึ มีความต้องการแตกต่างกนั

8 ระดับของการแบ่งสว่ นการตลาด (Levels of market segmentation) การตลาดมวลชน (Mass marketing) เป็นการตลาดที่มุ่งความสำคัญที่มกี ารผลติ สนิ ค้าในรปู แบบ เดียวกันเป็นจำนวนมาก (Mass production) โดยนำออกวางตลาดให้ทั่วถึง (Mass distribution) และ ส่งเสริมการตลาดอย่างมาก (Mass promotion) โดยมองตลาดวา่ มคี วามตอ้ งการคล้ายคลึงกนั เป็นแนวคิด ท่ีม่งุ ความสำคัญที่การผลิต (Production-oriented) โดยมุง่ ทจ่ี ะผลติ ภณั ฑส์ ินคา้ ในรูปแบบเดียวกันจำนวน มาก เพอื่ ลดต้นทุนในการผลิต การตลาดโดยมุ่งที่ส่วนของตลาด (Segment marketing) เป็นการใช้เครื่องมือการตลาดโดยมุ่งที่ ส่วนของตลาด (Market segment) แนวคิดนี้อาจมองว่าตลาดมีความต้องการที่แตกต่างกัน บริษัทต้องจัด ผลิตภัณฑ์และสว่ นประสมทางการตลาดให้แตกต่างกันสำหรับแต่ละตลาดเป้าหมาย ในกรณีนี้จะก่อให้เกดิ ข้อได้เปรียบกับธุรกิจ เพราะผลิตภัณฑ์และส่วนประสมทางการตลาดจะสามารถสนองความต้องการของ ลูกคา้ ไดด้ ีข้นึ การตลาดโดยมุ่งที่ตลาดกลุ่มเล็ก (Niche marketing) เป็นการใช้เครื่องมือการตลาดโดยมุ่งที่ ตลาดกลุ่มเล็ก (Niche market) ซึ่งมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงเป็นกลุ่มที่แคบกว่าส่วนของตลาด (Market segment) เนื่องจากส่วนของตลาดมีขนาดใหญ่จึงมีคู่แข่งขันมาก แต่ตลาดกลุ่มเล็กนี้ (Niche market) จะมีคู่แข่งขันเพียงหน่ึงรายหรือไม่กี่รายเท่านั้น ตลาดกลุ่มเล็กจึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับบริษัทเลก็ แต่อย่างไรกต็ ามบรษิ ัทใหญ่ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้เชน่ กัน ตลาดกลมุ่ เล็กส่วนใหญจ่ ะเปน็ กลุ่มที่มีรายได้สูง พร้อมท่ีจะจา่ ยเงนิ ซ้อื สนิ ค้าราคาแพง มคี วามต้องการทเ่ี ฉพาะเจาะจง เช่น มคี ุณภาพดีเด่นเปน็ พเิ ศษ การตลาดท้องถิ่น (Local marketing) เป็นการใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการ ของกลุ่มลูกค้าในทอ้ งถิ่น เช่น ห้างสรรพสินค้าแต่ละสาขาจะจดั หาสินค้า และใช้กลยุทธ์การตลาดแตกต่าง กัน ธนาคารแต่ละสาขาจะเน้นกลยุทธ์การให้บริการลูกค้าที่แตกต่างกัน การตลาดท้องถิ่นนี้จะยึดถือ ลักษณะด้านประชากรศาสตร์ (Demographics) ค่านิยมและรูปแบบการดำรงชีวิต (Value and lifestyles) ของแต่ละชมุ ชนหรอื ทอ้ งถิ่น เปน็ หลกั การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล (Individual marketing) เป็นการใช้เครื่องมือการตลาดโดยมุ่งที่ลูกค้า รายใดรายหนึ่ง ตัวอย่างของธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์นี้คือ บริษัทคอมพิวเตอร์มุ่งขายให้กับธนาคารหรือ สถาบันการศึกษาหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ร้านตัดเสื้อซึ่งตัดเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งให้ร้านค้าปลีกร้านใดร้าน หนึ่ง บริษัททัวร์จัดท่องเที่ยวให้กับครอบครัวหรือนักศึกษากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลยุทธ์นี้อาจจะเรียกว่า การตลาดมุ่งเฉพาะกลุ่มลูกค้า (Customized marketing) หรือ การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล (One-to-one marketing) หรอื การตลาดหน่งึ สว่ นตลาด (Segments of one)

9 การตลาดที่ลูกคา้ ต้องรับผดิ ชอบตวั เอง (Self-marketing) เป็นการตลาดที่ลูกคา้ ช่วยตัวเองในการ ซ้อื สนิ ค้า ซ่งึ ผู้บรโิ ภคแตล่ ะรายต้องใช้ความรับผิดชอบมากข้ึนในการพจิ ารณาผลิตภัณฑ์และตราสินค้า เช่น การซอ้ื ผ่านอินเตอร์เน็ต การสั่งซ้อื สนิ คา้ ทางโทรศัพท์ การสั่งซอ้ื ทาง Fax หรอื E-mail การส่ังซ้ือสินค้าทาง จดหมาย ฯลฯ การเปลย่ี นแปลงตลาดดง้ั เดิมสู่ตลาดดจิ ติ อล การตลาดมีการวิวัฒนาการขึ้นมาอยู่ตลอดเกือบทุกยุคทุกสมัย ท้งั น้ีข้นึ อยกู่ ับปัจจัยต่างๆ ที่ต่างกัน ออกไป และแน่นอนว่าปัจจัยเหล่านี้จะต้องเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อ-ขาย อย่างเช่น ความต้องการของ ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอด สภาพสังคมและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจ ต่างๆ ที่ทำให้การตลาดต้องปรับตัวตามไปเพื่อรองรับความต้องการของผู้คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งมาถึงในยุคนี้ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก จนทำให้ พฤติกรรมของผูค้ นเปลีย่ นแปลงไปจากเดมิ จากแผนการตลาดที่เคยใชไ้ ดก้ ับผบู้ รโิ ภคกลุ่มนี้ก็อาจใช้ไม่ได้อีก ตอ่ ไปแลว้ ดงั นน้ั ผปู้ ระกอบการจึงควรทำความเข้าใจกับพฤติกรรมผ้บู รโิ ภคสมัยใหม่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไป อยา่ งไรบ้าง พร้อมทัง้ หาวธิ รี ับมือกบั ความเปลี่ยนแปลงวา่ ควรจดั การส่ิงเหล่านี้อยา่ งเป็นระบบได้อยา่ งไร 1. จากโฆษณา ไปสคู่ วามเห็นของผใู้ ช้จริง ที่ผ่านมานั้นผู้ประกอบการส่วนมากใช้โฆษณาเป็นเครื่องมือในการส่งสารต่างๆ ให้ลูกค้า ได้รับรถู้ ึงการมีตวั ตนของแบรนด์ รวมไปถงึ บง่ บอกคณุ ลักษณะของสินคา้ ทเ่ี ราต้องการจะนำเสนอ แต่ในทุก วันนี้ลูกค้าแทบไม่ค่อยจะเชื่อถือโฆษณาที่มาจากทางองค์กรโดยตรงอีกต่อไปแล้ว และหันไปรับฟัง ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆ จากคนรอบตัวแทน ส่งผลให้ผู้คนในปัจจุบัน ส่วนมากนั้นรับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ผ่านการบอกปากต่อปากหรือผ่านกระแสใน Social Network ได้ รวดเร็วกว่าการโฆษณาในแบบเดิมๆ เสียอีกทำให้สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวตามก็คือการใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีในการสร้างความสัมพันธ์ลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์และผู้ใช้รายอื่นๆ เพ่ือ ก่อให้เกิดสงั คมของกลุ่มผู้ใชท้ ี่พร้อมจะชว่ ยสร้างกระแสและบอกต่อถงึ สินคา้ และบรกิ ารของแบรนด์ออกไป ในทางทดี่ ี โดย Social Media ถือเปน็ ชอ่ งทางอีกอยา่ งหน่ึงทจ่ี ะช่วยใหเ้ ราเข้าถึงบรรดาลกู คา้ ของเราได้ง่าย ขึ้น เป็นอีกช่องทางที่ใชเ้ ปิดรับความคิดเห็นขอ้ เสนอแนะของลูกค้าชั้นดีถ้าหากมีการใชอ้ ย่างถกู วิธี ซึ่งทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงคอนเทนทแ์ ละเนื้อหาท่ีจะนำเสนอดว้ ยว่ามีความเหมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมายหรือไม่ เพื่อไม่ให้ เกดิ ข้อผดิ พลาดและช่อื เสยี งทางดา้ นลบตามมา

10 2. จากเหตผุ ล ไปสคู่ วามหลงใหล ลกู คา้ อาจเคยเลอื กซ้ือสินค้าโดยตดั สนิ จากเหตผุ ลและความจำเป็นของผลิตภัณฑ์เหล่าน้ัน แต่หน้าท่ขี องผปู้ ระกอบการในยุคใหม่นนั้ คือเปลยี่ นจาก ”ความจำเป็น” ใหก้ ลายเป็น “ความต้องการ” ให้ ได้ สังเกตได้ว่าทุกวันนี้สินค้าแบรนด์หลายอย่างนั้นไม่ได้มีความจำเป็นในการดำรงชีวติ ของลูกค้าสักเท่าไร แต่ แบรนด์เหล่านี้กลับเป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น บรรดากระเป๋าแบรนด์ เนมต่างๆ ที่มีราคาสูงถึงหลกั หมื่น หลักแสน แต่ผู้คนก็ยงั สนใจและอยากซ้ือจากความหลงใหลแทนที่จะ ซื้อโดยใช้เหตุผลและหลักความจำเป็นเหมือนเมื่อก่อน แล้วอะไรล่ะที่จะเปลี่ยนให้ผู้คนเริ่มสนใจในสินค้า ด้วยความหลงใหลได้คำตอบแรกที่ก่อให้เกิดความหลงใหลก็คือประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากแบรนด์ นัน่ เอง เพราะทุกวันนีล้ ูกค้าเลือกซื้อสนิ ค้าโดยมองท่ีประสบการณ์ทจ่ี ะได้รับมากกวา่ คุณภาพของสินค้าเสีย อีก อย่างเช่น กระเป๋าแบรนด์เนมน้ัน ลูกค้ายอมจ่ายราคาสูงเพื่อแลกกับประสบการณ์ของความความร้สู ึก วา่ ตัวเองดดู ีตอบแทนกลับมา และเกดิ ม่ันใจทุกครั้งเม่ือได้ใช้ นอกจากเร่ืองของประสบการณ์แล้วการทำให้ ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าผู้จงรักภักดีหลงใหลในสินค้าและการบริการ ของแบรนด์เราได้มากขึ้นเช่นกัน อย่างบรรดาสาวก Apple ที่เกือบทุกคนรู้สึกท่ีเป็นส่วนหนึง่ ของแบรนด์ก็ จะคอยติดตามทุกผลิตภณั ฑ์ท่ีออกมาวางขายของแบรนดน์ ้ี พร้อมทงั้ ชว่ ยกันโปรโมท แจง้ ข่าวสารต่างๆ เม่ือ มีสินค้าใหม่ๆ ออกมาอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ลูกค้านั้นเลือกซื้อสินค้าด้วยความหลงใหลมากกว่า เหตผุ ลและความจำเปน็ แล้ว 3. จากเน้นการวางแผน ไปสูเ่ น้นการปรบั ตวั ไม่ใช่ว่าการวางแผนจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ทว่าการวางแผนธุรกิจเพียงอย่างเดียวอาจไม่ เพียงพออีกต่อไปแล้ว เพราะโลกธุรกิจทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กระแสบางอย่างมาเร็วไป เร็วจนแทบตามไม่ทัน ทำให้แผนที่วางไว้อยู่แต่เดิมอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นแทนที่จะมุ่งเน้นไปกับ การวางแผนอย่างละเอียดเพียงแผนเดียวก็ควรที่จะมีแผนสำรอง และเตรียมรับมือสำหรับความเปลี่ยน ต่างๆ ที่เข้ามาอยู่เสมอ แผนธุรกิจที่ดีคือแผนที่สามารถปรับยืดหยุ่นได้ตามสภาพและความเหมาะสม ซ่ึง หัวใจสำคัญของการปรับตัวนัน้ ก็คือการหมั่นติดตามขา่ วสารให้ทันอยู่ตลอดเวลาว่าทกุ วันนีผ้ ูค้ นสนใจอะไร กันอยู่ ผู้บริโภคยังมีปัญหาอะไรที่สินค้าและการบรกิ ารของเราจะช่วยตอบสนองความตอ้ งการของพวกเขา ได้หรือไม่ มีหลากหลายตัวอย่างของแบรนด์ดังๆ ในประเทศที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมปรับตัวให้เข้า กับกระแสอย่างรวดเร็ว และคว้าโอกาสในการทำกำไรนำหน้าคู่แข่งได้จากกระแสเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ธนาคารกสิกรไทยที่รีบคว้าเอาลิขสิทธิ์ของตัวการ์ตูนใน Application Line ที่เป็น Application สำหรับ การ Chat ที่หลายๆ คนรู้จัก เพื่อมาออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของทางธนาคารอย่างบัตรเครดิต เดบิตท่ี สกรนี ด้วยลาย หมี Brown และกระต่าย Cony รวมไปถงึ แคมเปญของสมนาคุณอื่นๆ ทีม่ ตี ัวละครใน Line กช็ ่วยเพม่ิ มลู ค่าให้กับสง่ิ ของเหล่านเ้ี ปน็ อยา่ งมาก 4. เน้นจากการ คาดคะเน ไปสู่ การทดลอง

11 หากเป็นเมื่อก่อนนั้นการทำธุรกิจโดยใช้สัญชาตญาณและการคาดคะเนโดยอาศัยข้อมูล อาจยังใช้ได้ผลดีโดยที่ไม่มีปัญหา แต่สำหรับปัจจุบันทีธ่ ุรกิจเริ่มมีปัจจัยต่างๆ มากมายเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ข้นึ แล้ว การคาดคะเนก็คงไม่เพยี งพออีกต่อไป ปจั จัยบางอยา่ งก็มีเร่ืองของเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวขอ้ ง อย่าง เมื่อกอ่ นท่กี ว่าผู้คนจะรู้ถึงคุณภาพของสินค้าหรือการบริการก็ต้องลองเร่ิมทดลองใชด้ ว้ ยตวั เองหรือไม่ก็จาก คนรอบข้างเท่านน้ั ในขณะท่ที กุ วันนี้ผู้คนน้นั หนั มาหาข้อมูล หาความคิดเห็นของผู้อื่นที่เคยทดลองใช้สินค้า มาแล้ว เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการซื้อโดยที่ไม่ต้องไปทดลองเลือกใช้เองก่อนด้วยซ้ำ ทำให้หลายๆ ธุรกิจที่คาดคะเนว่ายอดขายจะออกมาดี แต่กลับโดนกระแสช่วงแรกๆ ของการจำหน่ายสินค้าออกมาว่าไม่ ดีแล้วก็มีโอกาสควำ่ ไดง้ า่ ยๆ ทางเลือกอย่างหนึ่งท่ีจะชว่ ยลดความเสีย่ งได้ก็คือการวิเคราะห์ข้อมูลจากลูกค้า อยา่ งละเอียดและรอบคอบ หากใช้แบบสอบถามกต็ ้องมีคำถามทีต่ รงตามจุดประสงคแ์ ละนำไปใชป้ ระโยชน์ ได้จริง รวมไปการออกสินค้าตวั อย่างออกมาทดลองก่อนวา่ มีผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างไรและมีอะไรที่ ยังต้องปรับปรุงอยู่บา้ งกอ่ นที่จะตดั สนิ ใจนำสนิ ค้าเหลา่ น้นั ออกมาขายจริง ภาพท่ี 7 การเปรยี บเทียบระหวา่ งตลาดแบบดงั้ เดิมและตลาดแบบใหม่ ขอ้ ดีของการตลาดแบบดัง้ เดมิ COVID-19 ได้ผลักดันให้ประชาชนยอมรับโลกดิจิทัลมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะใช่การตลาดดิจิทัล เป็นเทรนด์ในปัจจุบัน แต่การตลาดแบบดั้งเดิมยังคงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ การตลาดแบบดัง้ เดิมยังคงมชี ีวิตอยู่เปน็ อย่างมากและทำงานได้ดีทส่ี ุดสำหรับการส่อื สารแบบ Business to Business ตลอดจนการสื่อสารระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค ในบทความนี้เราจะเน้นถึงความหมายของ การตลาดแบบด้งั เดมิ วิธกี ารใช้และขอ้ ดีของการตลาดในยคุ ดจิ ิทัล 1. การตลาดแบบดั้งเดิมได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีอัตราความสำเร็จสูงกว่าการตลาดดิจทิ ัล เหตุผล หลักคือความสามารถในการเข้าถึงสถานที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่ปฏิเสธว่าโบรชัวร์ที่พิมพ์ออกมาและป้าย

12 โฆษณาขนาดใหญ่นั้นดงึ ดูดผู้บริโภคและดึงดูดความสนใจได้มากเม่ือเทียบกับวิธีการทางดิจิทัลโฆษณาทาง โทรทศั น์ไดพ้ ิสูจน์แล้ววา่ วิธีการทางการตลาดหลักในการกำหนดเป้าหมายผู้บรโิ ภคจำนวนมาก เป็นกลยุทธ์ ทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สุดในปัจจุบนั การตลาดที่มอี ทิ ธพิ ลจำนวนมากทำผ่านโทรทศั นเ์ ชน่ กนั 2. กลยทุ ธ์การตลาดแบบดงั้ เดิมหากวางแผนดว้ ยแผนการที่ดีที่สุดจะสร้างผลลัพธท์ ่มี ปี ระสิทธิผล สูงสดุ และสรา้ งยอดขายได้มากขน้ึ 3. การตลาดแบบดัง้ เดิมมผี ูช้ มออฟไลนจ์ ำนวนมากและอาจเป็นประโยชนส์ ำหรบั แคมเปญ การตลาดของคุณทจี่ ะไมเ่ พิกเฉยต่อผชู้ มกลมุ่ น้ี ความตา่ งระหวา่ งการตลาดแบบดง้ั เดิมและการตลาดดิจทิ ัล การตลาดในยุคนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ การตลาดแบบดั้งเดิม หรือ Classic/Traditional Marketing และการตลาดแบบดิจิทัล Digital Marketing ซึ่งปัจจุบันต้องบอกว่าทั้ง 2 อย่างช่วยให้มีผลกับธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างหลังที่มีบทบาทอย่างมากกับธุรกิจ เพราะด้วย ความนิยมจากกลุ่มคนที่หันมาใช้จนกลายเป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตไปแล้วแต่กับหลายๆ คนนั้น การตลาดแบบ ดจิ ทิ ัลยงั คงเปน็ เรือ่ งใหม่ ซ่งึ ถา้ ถามวา่ มันช้าไปไหมที่จะเรียนรู้ กต็ ้องตอบวา่ ไมช่ ้าเกนิ ไป แต่อาจจะต้องตาม คนอื่นแบบเร่งๆ หน่อย สำหรับ infographic ที่ผมหาเจอนี้เรียกได้ว่าถูกทำขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบให้คน รู้จกั ถึงความตา่ งระหวา่ งการตลาด 2 แบบแบบชีก้ นั ชัดๆ ไปเลยวา่ เปน็ อย่างไรบ้าง 1. รูปแบบ – แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยความชัดเจนในการสื่อสารที่ต้องทำให้เห็นบน การตลาดแบบดั้งเดิม กับการทีท่ ำให้แพร่กระจายแบบมากทส่ี ดุ โดยไม่สนใจโครงสรา้ ง 2. วธิ กี ารส่ือสาร – ชัดเจนว่าเป็นแบบ 1-to-many ท่ีคนรับฟงั ฟังอยา่ งเดียว และ many- to-many สามารถรบั สง่ กันได้ 3. ระยะเวลา – แบบดั้งเดิมจะใช้กันระยะยาว ส่วนดิจิทัล เป็นการวางแผนแบบคร่าวๆ และใช้การโต้ตอบอยา่ งรวดเรว็ 4. ลักษณะการพูดกับกลุ่มผู้บริโภค – รูปแบบจะเป็นการปกปิดเสียเป็นส่วนใหญ่และใช้ การสือ่ สารผา่ นเมล, โทรศัพท์ สว่ นดจิ ิทัลก็เน้นความรวดเร็วแบบโตต้ อบกนั ทนั ทีอยา่ งเปดิ เผย 5. ช่วงระยะเวลา – แบบเดิมก็จะเน้นเป็น working hour จบที่ตอนเลิกงาน ส่วนดิจิทัล มองวา่ ได้ตลอด 24/7 6. ขอบเขต – มีกลมุ่ เฉพาะเจาะจง แตส่ ามารถทำให้เปน็ Mass ไดห้ ากเปน็ ดิจิทัล ซ่ึงการ เป็น Mass กเ็ พื่อท่จี ะเข้าหาโอกาสกลมุ่ เปา้ หมายใหม่ไดด้ ้วย (แตส่ ุดทา้ ยก็ตอ้ งเจาะกลุม่ ท่ีเราสนใจอยดู่ ี) 7. คุณค่าของประสบการณ์ที่ได้รับ – ดิจิทัลดีกว่าและชัดเจนกว่าอยู่แล้วในด้านนี้ เน่อื งจากสามารถโตต้ อบกนั กบั ผูใ้ ชง้ านได้ แต่แบบดั้งเดมิ เป็นอนาลอก 8. ภาษาที่ใช้ – การใช้แบบดั้งเดิมจะต้องมาในแนวเป็นทางการ แต่ดิจิทัลค่อนข้างอิสระ ในการใช้ ท้ังนี้ก็เพราะเพอ่ื ให้เข้าถงึ กลมุ่ คนไดง้ า่ ยน่นั เอง

13 9. หน่วยงานที่ดูแล – ทุกวันนี้ต้องบอกว่าคนที่ทำการตลาดแบบเดิมก็ถูกย้ายให้มาทำ ดิจิทัล ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่สามารถทดแทนกันได้จากพฤติกรรมของคนไมเ่ หมือนกันเสียทีเดียว ดังนั้นเลยมี แผนกที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ นั่นคือแผนก New Media หรืออาจจะมีการตั้งเป็นบริษัทใหม่ท่ีดูแลด้าน ดจิ ทิ ลั เลยกเ็ ป็นได้ ซง่ึ เราจะเห็นรปู แบบนเ้ี ยอะในประเทศไทย

14 สรุป การตลาดแบบดั้งเดิม คือ การทำการตลาดโดยผ่านสื่อการโฆษณาต่างๆ แบบออฟไลน์ เป็นการ ส่อื สารเพียงด้านเดียว ทำให้ไมส่ ามารถรบั รู้ได้ว่าลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากแค่ไหน โดยการทำการตลาด แบบดั้งเดิมนั้นใช้หลักการวางแผนการตลาดแบบ 4P (Product, Price, Place และ Promotion) และ แนวความคิดตลาดแบบดั้งเดิมอีกด้วย เพื่อจะมุ่งเน้นการผลิตเพื่อขายเพียงอย่างเดียว และพยายามลด ต้นทุนให้ต่ำลง เพื่อผลกำไรที่มากขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของลูกค้า เป็นยุคที่ผู้ผลิตและผู้ขายมี อำนาจในการต่อรองเหนือลูกค้าหรือเป็นยุคที่ตลาดเป็นของผู้ผลิตหรือผู้ขาย และมีการแบ่งส่วนตลาด ออกเป็น 6 ระดับ คือ การตลาดมวลชน (Mass marketing) การตลาดโดยมุ่งที่ส่วนของตลาด (Segment marketing) การตลาดโดยมุ่งที่ตลาดกลุ่มเล็ก (Niche marketing) การตลาดท้องถิ่น (Local marketing) การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล (Individual marketing) และ การตลาดที่ลูกค้าต้องรับผิดชอบ ตัวเอง (Self-marketing) การเปลี่ยนแปลงตลาดดั้งเดิมสู่ตลาดดิจิตอล จะมีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพ สงั คมและสภาพแวดล้อมทไ่ี มเ่ หมอื นเดมิ รวมไปถึงสภาพเศรษฐกจิ ต่างๆ ทท่ี ำให้การตลาดต้องปรับตัวตาม ไปเพื่อรองรับความต้องการของผู้คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งมาถึงในยุคนี้ที่เทคโนโลยีเข้ามามี บทบาทในการดำเนินชีวติ ของผูค้ นเปน็ อย่างมาก จนทำให้พฤติกรรมของผู้คนเปลีย่ นแปลงไปจากเดมิ จาก แผนการตลาดท่ีเคยใชไ้ ดก้ ับผบู้ รโิ ภคกล่มุ น้ีก็อาจใช้ไมไ่ ด้อกี ต่อไปแล้ว

15 บรรณานกุ รม “การตลาดแบบด้งั เดิม.” (ออนไลน์). เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://avedoofficial.com/2018/06/การตลาดแบบ ดง้ั เดมิ -การ สบื ค้นวนั ที่ 03/07/2565 “การตลาดแบบดั้งเดิม.” (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: http://moneyforaids.org/การตลาดแบบดั้งเดิม/ สืบคน้ วนั ที่ 03/07/2565 “การตลาดแบบดัง้ เดิมและการตลาดแบบดิจทิ ลั .” (ออนไลน)์ . เข้าถงึ ได้จาก: https://www.dreamrev.info/blog/2017/04/25/traditional-vs-digitalmarketing/ สืบค้นวนั ท่ี 03/07/2565 “การออกบูธแสดงสนิ ค้า.” (ออนไลน์). เขา้ ถึงได้จาก: http://www.prosoft.co.th/Article/Detail/108042 สืบค้นวันที่ 03/07/2565 “ความแตกต่างระหว่างการตลาดแบบดั้งเดมิ และการตลาดดจิ ทิ ัล.” (ออนไลน)์ . เข้าถงึ ได้จาก: http://www.thumbsup.in.th/10-differences-classic-marketing-digital-marketing สบื ค้นวนั ท่ี 03/07/2565 “TRADITIONAL MARKETING VS DIGITAL MARKETING.” (ออนไลน์). เข้าถึงไดจ้ าก: Traditional marketing vs Digital marketing (wynnsoft-solution.com) สบื คน้ วนั ที่ 03/07/2565

PowerPoint นำเสนอ

จดั ทำ นางสาวนฤมล ศรี นางสาวกนกวรรณ อม นางสาวสุนิษา ครอ นักศึกษาระดบั ปริญญาต เส อาจารย์นิพ

ำโดย รรอด เลขท่ี 4 มรพรพงศ์ เลขท่ี 8 องราช เลขที่ 9 ตรีปี ท่ี 2 สาขาวชิ าการบัญชี สนอ พร จุทยั รัตน์

การตลาดแ (Traditional

แบบดง้ั เดิม l marketing)

การตลาดแบบดง้ั เดิม (Tr โดยการตลาดแบบนีค้ ือการทาการตลาดโดยท่ีไมม่ ีอินเท เผยแพรข่ อ้ มลู ต่างๆ และเป็นการใชช้ ่องทางออฟไลนต์ า่ และกลมุ่ เปา้ หมายท่ีตอ้ งการ อีกทงั้ การตลาดแบบดงั้ เดิม การไดร้ บั ฟี ดแบกตา่ งๆ หรอื ผลลพั ธก์ จ็ ะคอ่ ยขา้ งชา้ และ คอ่ นขา้ งสงู และมีการใชร้ ะยะเวลานานในการทาการตล

raditional Marketing) ทอรเ์ น็ตเขา้ มาช่วยในการประชาสมั พนั ธ์ หรอื างๆ ท่ีมีอยใู่ นขณะนนั้ เป็นการส่ือสารไปยงั ผบู้ รโิ ภค มยงั เป็นการส่อื สารเพียงดา้ นเดียวอีกดว้ ย ซง่ึ ทาให้ ะการทาการตลาดแบบดงั้ เดมิ นีม้ ีคา่ ใชจ้ า่ ยท่ี ลาดแบบนีก้ วา่ จะเขา้ ถงึ กลมุ่ ลกู คา้ ไดน้ ่นั เอง

การส่อื สารแบบทางเดียวในการตลาดแบบ ดงั้ เดิมนี้ เชน่ การโฆษณาผา่ โทรทศั น์ วิทยุ ส่อื ส่งิ พิมพ์ รวมไปถงึ การแจกโบรชวั ร์ การตดิ ปา้ ย โฆษณาตามท่ีตา่ งๆ ซง่ึ ลกู คา้ นนั้ จะไม่สามารถ แลกเปล่ยี น หรอื แสดงความคดิ เห็นอ่ืนใดได้ เพราะวา่ น่ีเป็นการส่อื สารทางเดียว และไดร้ บั สารอยฝู่ ่ายเดียว เม่ือเป็นเช่นนีผ้ ลลพั ธท์ ่ีไดจ้ งึ ไมแ่ มน่ ยา และใชเ้ วลาคอ่ นขา้ งนาน แตจ่ ะ สามารถความน่าเช่ือถือไดม้ ากกวา่ การทา การตลาดแบบอนไลน์ เน่ืองจากลกู คา้ สามารถ รบั รูไ้ ดว้ า่ ธรุ กิจของเรานนั้ มีตวั ตน



ตวั อยา่ งการสอ่ื สารกา การออก อาจเคยผ ตอบรบั ก อย่างย่ิง อยา่ งดี ม แสดงสนิ ก็เป็นท่ีน ใหมก่ ลบั เท่านนั้ ท สรา้ งประ ประชาส โอกาสใน เตม็ ท่ี กา

ารตลาดแบบดงั้ เดมิ 1. การออกบูธแสดงสนิ ค้า กบธู แสดงสินคา้ ถือเป็นเรอ่ื งธรรมดาท่ีผปู้ ระกอบการธุรกิจหลายท่าน ผา่ นและมีประสบการณบ์ า้ งไม่มากก็นอ้ ยเพราะในปัจจบุ นั กระแส การออกบธู แสดงสินคา้ ไดร้ บั ความสนใจ จากกลมุ่ ลกู คา้ ผบู้ รโิ ภคมาก และเพราะการออกบธู แสดงสินคา้ ยงั ใหผ้ ลตอบรบั และตอบแทน มาตลอด ผปรู้ ะกอบการหลายรายจงึ ไววา้ งใจเลือกใชก้ ารออกบธู นคา้ หรอื ทากิจกรรมตา่ งๆ เป็น เครอ่ื งมือทางการตลาดอีกชนิดหน่งึ แต่ นา่ สงั เกตวา่ ผปู้ ระกอบการสว่ นใหญ่โดยเฉพาะกลมุ่ ตลาด และทนุ บใหค้ วามสนใจไปออกบธู แสดงสนิ คา้ และบรกิ ารเพียงแค่เลก็ นอ้ ย ทงั้ ท่ีความเป็นจรงิ แลว้ การไปออกบธู แสดงสนิ คา้ และบรกิ ารสามารถ ะโยชนต์ ่างๆ ไดม้ ากมาย เช่น การออกบธู แสดงสินคา้ เพ่ือ สมั พนั ธส์ นิ คา้ หรอื บรกิ าร การออกบธู แสดงสินคา้ เพ่ือเพ่ิมช่องทางและ นการขาย การออกบธู แสดงสินคา้ และบรกิ ารเพ่ือโชวศ์ กั ยภาพอย่าง ารออกบธู แสดงสนิ คา้ และบรกิ ารเพ่ือหาคคู่ า้ ทางธรุ กิจ เป็นตน้

ตวั อยา่ งการสอ่ื สารกา ในการทา อย่างมา หลากหล ดว่ นหรอื แนน่ อนว ตวั อย่าง ปา้ ยโฆษ การแนะ สาหรบั เผ เป็นส่อื โฆ

ารตลาดแบบดงั้ เดมิ 2. การโฆษณาผ่านป้าย าการตลาด “ปา้ ยโฆษณา” เป็นวธิ ีการโปรโมตหน่งึ ท่ีมีผลตอ่ ผบู้ รโิ ภค าก เน่ืองจากปา้ ยโฆษณาเป็นส่ือท่ีกวา้ งขวาง เขา้ ถึงกล่มุ เปา้ หมายได้ ลายและชดั เจน ตวั อยา่ งท่ีเห็นไดง้ า่ ยท่ีสดุ ก็คือ ปา้ ยโฆษณาตามทาง อบนตกึ สงู ท่ีมีปา้ ยขนาดใหญ่ ตวั อกั ษรโดดเดน่ ดงึ ดดู สายตาผคู้ น และ ว่ามนั ตอ้ งผา่ นสายตาของคนเป็นหม่ืนๆ คนทกุ วนั นอกจากนีอ้ ีก งหน่งึ ท่ีเหน็ ไดบ้ อ่ ยน่นั ก็คือ ปา้ ยหาเสยี งของนกั การเมือง สรุปแลว้ ก็คือ ษณา เป็นส่ือประเภทหน่งึ ท่ีสามารถใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตวั สนิ คา้ หรอื ะนาใหค้ นอ่ืนรูจ้ กั สนิ คา้ ผ่านรูปภาพ ถอ้ ยคาท่ีสนั้ กระชบั โดดเดน่ ไว้ ผยแพรใ่ นท่ีสาธารณะ สามารถเขา้ ถึงกลมุ่ คนไดม้ าก และนบั ไดว้ ่า ฆษณาท่ีใชก้ นั อย่างแพรห่ ลายในทกุ วงการในปัจจบุ นั อีกดว้ ย

แนวความคิดการ (Traditiona

รตลาดแบบดง้ั เดิม al Marketing)



เม่ือมีการปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรมในช่วงแรก ๆ ผผู้ ลติ จะมงุ่ เนน้ การผลติ เพ่ือขายเพียงอยา่ งเดียว และพยายามลดตน้ ทนุ ใหต้ ่าลง เพ่ือผลกาไรท่ีมาก ขนึ้ โดยไมไ่ ดค้ านงึ ถงึ ความตอ้ งการของลกู คา้ เป็น ยคุ ท่ีผผู้ ลติ และผขู้ ายมีอานาจในการต่อรองเหนือ ลกู คา้ หรอื เป็นยคุ ท่ีตลาดเป็นของผผู้ ลิตหรอื ผขู้ าย ธรุ กิจคา้ ปลีกแบบดงั้ เดิม มกั จะเป็นการ บรหิ ารงานธุรกิจดว้ ยสมาชิกในครอบครวั ตงั้ อยู่ ใกลช้ มุ ชน รูปแบบของรา้ นไมไ่ ดถ้ กู ออกแบบมาให้ มีความสวยงาม หรอื มีการตกแต่งมากนกั ซง่ึ แมใ้ น ปัจจบุ นั กย็ งั มีธรุ กิจคา้ ปลีกแบบดงั้ เดิมนีใ้ หเ้ หน็ กนั อยทู่ ่วั โลก

S

W

รปู แบบหรอื ประสมทางก

อลกั ษณะ/สว่ น การตลาด 4P

การตลาดแบบดัง้ เดมิ จะมีกลมุ่ เปา้ หมายท่ีหลากหลา แตจ่ ะเนน้ ไปทางสว่ นประสมทางการตลาด 4P คือ 1 ) Product ประกอบดว้ ย ความหลากหลายของผ บรรจภุ ณั ฑ์ เป็นตน้ 2 ) Price ประกอบดว้ ย ราคาสนิ คา้ สว่ นลด การรบั 3 ) Place ประกอบดว้ ย ช่องทางการจาหน่าย สถา 4 ) Promotion ประกอบดว้ ย กานสง่ เสรมิ การข สง่ เสรมิ การขายโดยผา่ นตวั แทนจาหนา่ ย เป็นตน้ และมกั จะใชว้ ิธี การแบง่ สว่ นตลาด ( สภาพภมู ิศาสตร์ และสามารถครอบคลมุ ไดบ้ างพืน้ ท่ีเท เป็นการส่อื สารแบบไมส่ ามารถโตต้ อบไดท้ นั

าย จะไมเ่ นน้ ทากบั บคุ คลใดบคุ คลหน่งึ ผลติ ภณั ฑ์ คณุ ภาพ การออกแบบรูปทรง ตราย่ีหอ้ บรูร้ าคาสนิ คา้ ของผบู้ รโิ ภคระยะเวลาการจ่ายเงิน เป็นตน้ านท่ีจาหนา่ ยสนิ คา้ สนิ คา้ คงคลงั การขนสง่ เป็นตน้ ขาย การโฆษณา การประชาสมั พนั ธ์ การขายตรง การ โดยใชเ้ กณฑส์ ภาพประชากรศาสตร์ หรอื ทา่ นนั้ ซง่ึ มีวธิ ีการส่อื สาร แบบ ( นทีตอ้ งใชร้ ะยะเวลาในการตอบรบั

การแบง่ สว่ นตลาด ( หมายถึง กระบวนการการแบ่งหรอื แยกลกู คา้ ออกเป็นกลมุ่ ย กนั มาอย่ใู นกลมุ่ เดยี วกนั ทาใหเ้ พ่ิมประสทิ ธิภาพในการทาง ความตอ้ งการแตกตา่ งกนั ระดับของการแบง่ ส่วนการตลาด การตลาดมวลชน ( เป็นการตลาดท่ีมงุ่ จานวนมาก ( โดยนาออกวางตลาดใหท้ ( โดยมองตลาดวา่ มีความตอ้ งการคลา้ ย ( โดยม่งุ ท่ีจะผลิตภณั ฑส์ นิ คา้ ในรูปแ การตลาดโดยมุ่งทส่ี ่วนของตลาด ( ( แนวคิดนีอ้ าจมองวา่ ตลาดมีความตอ้ งก ทางการตลาดใหแ้ ตกตา่ งกนั สาหรบั แตล่ ะตลาดเปา้ หมาย ใน และสว่ นประสมทางการตลาดจะสามารถสนองความตอ้ งกา

ยอ่ ยๆ เพ่ือใหล้ กู คา้ ท่ีมีลกั ษณะท่ีมีความ ตอ้ งการคลา้ ยคลงึ งานทางการตลาดเขา้ ถึง ลกู คา้ เปา้ หมายแตล่ ะกลมุ่ ซง่ึ มี ( งความสาคญั ท่ีมีการผลิตสินคา้ ในรูปแบบเดียวกนั เป็น ท่วั ถงึ ( และสง่ เสรมิ การตลาดอยา่ งมาก ยคลงึ กนั เป็นแนวคิดท่ีม่งุ ความสาคญั ท่ีการผลิต แบบเดียวกนั จานวนมาก เพ่ือลดตน้ ทนุ ในการผลิต เป็นการใชเ้ ครอ่ื งมือการตลาดโดยม่งุ ท่ีสว่ นของตลาด การท่ีแตกตา่ งกนั บรษิ ัทตอ้ งจดั ผลิตภณั ฑแ์ ละสว่ นประสม นกรณีนีจ้ ะก่อใหเ้ กิดขอ้ ไดเ้ ปรยี บกบั ธรุ กิจ เพราะผลิตภณั ฑ์ ารของลกู คา้ ไดด้ ีขนึ้

การตลาดโดยมุ่งทตี่ ลาดกลุ่มเล็ก ( ( ซง่ึ มคี วามตอ้ งการท่ีเฉพาะเจาะจงเป็นกล สว่ นของตลาดมีขนาดใหญ่จึงมีคแู่ ขง่ ขนั มาก แต่ตลาดกลมุ่ รายเทา่ นนั้ ตลาดกลมุ่ เลก็ จึงเป็นท่ีนา่ สนใจสาหรบั บรษิ ัทเล เช่นกนั ตลาดกลมุ่ เลก็ สว่ นใหญ่จะเป็นกลมุ่ ท่ีมีรายไดส้ งู พร เฉพาะเจาะจง เช่น มีคณุ ภาพดีเดน่ เป็นพิเศษ การตลาดทอ้ งถนิ่ ( เป็นการใชก้ ลยทุ ธ ทอ้ งถ่ิน เช่น หา้ งสรรพสนิ คา้ แตล่ ะสาขาจะจดั หาสนิ คา้ และ กลยทุ ธก์ ารใหบ้ รกิ ารลกู คา้ ท่ีแตกตา่ งกนั การตลาดทอ้ งถ่ินน ค่านิยมและรูปแบบการดารงชีวิต ( ข

เป็นการใชเ้ ครอ่ื งมือการตลาดโดยม่งุ ท่ีตลาดกลมุ่ เลก็ ลมุ่ ท่ีแคบกวา่ สว่ นของตลาด ( เน่ืองจาก มเลก็ นี้ ( จะมีคแู่ ขง่ ขนั เพยี งหน่งึ รายหรอื ไมก่ ่ี ลก็ แตอ่ ยา่ งไรก็ตามบรษิ ัทใหญ่ก็สามารถใชก้ ลยทุ ธน์ ีไ้ ด้ รอ้ มท่ีจะจา่ ยเงนิ ซอื้ สนิ คา้ ราคาแพง มีความตอ้ งการท่ี ธก์ ารตลาดเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของกลมุ่ ลกู คา้ ใน ะใชก้ ลยทุ ธก์ ารตลาดแตกต่างกนั ธนาคารแต่ละสาขาจะเนน้ นีจ้ ะยดึ ถือลกั ษณะดา้ นประชากรศาสตร์ ( ของแต่ละชมุ ชนหรอื ทอ้ งถ่ิน เป็นหลกั

การตลาดมุง่ เฉพาะบคุ คล ( เป ตวั อยา่ งของธรุ กิจท่ีใชก้ ลยทุ ธน์ ีค้ ือ บรษิ ัทคอมพิวเตอรม์ ่งุ ขา หนง่ึ รา้ นตดั เสอื้ ซง่ึ ตดั เสอื้ ผา้ สาเรจ็ รูปสง่ ใหร้ า้ นคา้ ปลีกรา้ นใ นกั ศกึ ษากลมุ่ ใดกลมุ่ หนง่ึ กลยทุ ธน์ ีอ้ าจจะเรยี กว่า การตลา การตลาดม่งุ เฉพาะบคุ คล ( หรอื การตลาดทลี่ ูกค้าตอ้ งรับผิดชอบตวั เอง ( ผบู้ รโิ ภคแตล่ ะรายตอ้ งใชค้ วามรบั ผิดชอบมากขนึ้ ในการพิจ การส่งั ซอื้ สนิ คา้ ทางโทรศพั ท์ การส่งั ซอื้ ทาง หรอื

ป็นการใชเ้ ครอ่ื งมือการตลาดโดยมงุ่ ท่ีลกู คา้ รายใดรายหนง่ึ ายใหก้ บั ธนาคารหรอื สถาบนั การศึกษาหรอื บรษิ ัทใดบรษิ ัท ใดรา้ นหนง่ึ บรษิ ัททวั รจ์ ัดทอ่ งเท่ียวใหก้ บั ครอบครวั หรอื าดม่งุ เฉพาะกลมุ่ ลกู คา้ ( หรอื อ การตลาดหน่งึ สว่ นตลาด ( เป็นการตลาดท่ีลกู คา้ ชว่ ยตวั เองในการซือ้ สนิ คา้ ซง่ึ จารณาผลิตภณั ฑแ์ ละตราสินคา้ เชน่ การซือ้ ผา่ นอินเตอรเ์ น็ต การส่งั ซอื้ สินคา้ ทางจดหมาย ฯลฯ

ข้อดขี องการต ไดผ้ ลกั ดนั ใหป้ ระชาชนยอมรบั โลกดจิ ิทลั การตลาดแบบดงั้ เดิมยงั คงไดร้ บั การพิสจู นแ์ ลว้ วา่ ใหผ้ ลลพั ธท์ ่ีมีป ทางานไดด้ ีท่ีสดุ สาหรบั การส่อื สารแบบ เนน้ ถงึ ความหมายของการตลาดแบบดงั้ เดิมวธิ ีการใชแ้ ละขอ้ ดีข 1. การตลาดแบบดงั้ เดิมไดร้ บั การพสิ จู นแ์ ลว้ วา่ มีอตั ราความสาเ สถานท่ีท่ีไมม่ ีอินเทอรเ์ นต็ ไมป่ ฏิเสธวา่ โบรชวั รท์ ่ีพิมพอ์ อกมาแล มากเม่ือเทียบกบั วิธีการทางดจิ ิทลั โฆษณาทางโทรทศั นไ์ ดพ้ ิสจู น จานวนมาก เป็นกลยทุ ธท์ ่ีมีประสทิ ธิภาพสงู สดุ ในปัจจบุ นั การต 2. กลยทุ ธก์ ารตลาดแบบดงั้ เดิมหากวางแผนดว้ ยแผนการท่ีดที ่ีส 3. การตลาดแบบดงั้ เดมิ มีผชู้ มออฟไลนจ์ านวนมากและอาจเป็น กลมุ่ นี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook