ชดุ ไฟส่องสว่าง LED ( LED Sport Light ) จดั ทาโดย นางสาวอรญั ญา เครอื มาลี รหัสประจาตวั 6121040013 นางสาวสริ ินญา ศรีจนั ทร์ รหัสประจาตวั 6121040021 โครงการนเ้ี ป็นสว่ นหนึ่งของการศกึ ษาวิชโครงการ รหสั วชิ า 2104 8501 ตามหลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.) สาขาวชิ าไฟฟ้ากาลงั วิทยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์ อาชีวศกึ ษาจงั หวัดเพชรบรู ณ์ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงการศกึ ษาธิการ ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563
โครงการ ชุดไฟส่องสว่าง LED ( LED Sport Light ) นางสาวอรัญญา เครอื มาลี รหัสประจาตัว 6121040013 นางสาวสริ นิ ญา ศรีจันทร์ รหสั ประจาตัว 6121040021 โครงการนเ้ี ปน็ สว่ นหน่ึงของการศกึ ษาตามหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ สาขาวิชาไฟฟ้ากาลัง แผนกช่างไฟฟา้ กาลัง ปีการศกึ ษา 2563
ก ใบรับรองโครงการ ครูประจำวิชำโครงกำรและแผนกวิชำช่ำงไฟฟ้ำกำลัง ได้พิจำรณำโครงกำรชุดไฟส่องสว่ำง LED ของผู้วิจัยแล้วเห็นสมควรได้รับอนุมัติให้นับเป็นส่วนหน่ึงของกำรศึกษตำมหลักสูตร ประกำศนียบตั รวิชำชีพ สำขำวิชำช่ำงไฟฟ้ำกำลงั ของวทิ ยำลยั เทคนคิ เพชรบรู ณ์ ………………………………………………………. ( นำยประทีป รำชบุรี ) ครูประจำวิชำ …………………………………………………….. ( นำยประยง นอ้ ยหนำ่ ) หวั หน้ำแผนกวชิ ำช่ำงไฟฟ้ำกำลงั
ข ใบรับรองโครงการ วทิ ยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์ เร่ือง ชดุ ไฟสอ่ งสวา่ ง LED ( LED Sport Light ) โดย นางสาวอรญั ญา เครือมาลี รหัสประจาตัว 6121040013 นางสาวสริ ินญา ศรจี นั ทร์ รหสั ประจาตัว 6121040021 ไดร้ บั อนมุ ตั ใิ ห้นับเปน็ ส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษาตามหลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี ปวช.3 สาขาวชิ าไฟฟ้ากาลงั ................................................หวั หน้าแผกวชิ า ( นายประยง น้อยหน่า ) วันที.่ .........เดอื น.................พ.ศ............. คณะกรรมการสอบโครงการ .....................................................................ประธานกรรมการ ( ว่าที่ร้อยตรีวีระ รักอยู่ ) .....................................................................กรรมการ ( นายธนวตั ร สิงหเ์ วียง ) .....................................................................กรรมการ ( นายประทปี ราชบรุ ี )
ก
ชื่อโครงการ : ค คณะผู้จัดทา : สาขาวิชา : ชุดไฟส่องสวา่ ง LED (LED Sport Light) ครูทป่ี รึกษาโครงการ : นางสาวอรัญญา เครือมาลี และ นางสาวสิรินญา ศรีจนั ทร์ ครปู ระจาวชิ าโครงการ : ชา่ งไฟฟ้ากาลงั ปกี ารศกึ ษา : วา่ ทร่ี อ้ ยตรีวรี ะ รกั อยู่ และ นายธนวัตร สงิ หเ์ วียง นายประทปี ราชบรุ ี 2563 บทคัดย่อ โครงการนี้มีวตั ถุประสงค์ เพอ่ื สร้าง ชุดไฟสอ่ งสว่าง LED เพ่ือใช้ในการทากจิ กรรมกลางแจ้ง ตอนกลางคืน จะเป็นชุดไฟส่องสว่างที่มีขนาดกระทัดรัดมากกว่าแบบเก่าติดตั้งได้ง่าย และจัดเก็บได้ สะดวกกว่าเดมิ อุปกรณ์ที่นามาทาชดุ ไฟส่องสวา่ ง LED ประกอบด้วยหลอดไฟ LED ทรงกระบอก 40 วัตต์ E27 ขั้วยางกันนา้ เกลียว E27 ปล๊กั ตวั ผู้ 2 ขาแบน วิธีการดาเนินโครงการไฟส่องสว่าง LED , กาหนดวัตถุประสงค์ของโครงการ , นาผลการ ดาเนนิ การ , กาหนดขอบเขตการศกึ ษาโครงการ , ดาเนินการตามลาดับของวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ , นาผลการดาเนินการโครงการให้ครูที่ปรึกษาโครงการพิจารณา , ปรับปรุงผลการดาเนินการตาม คาแนะนาของครูท่ีปรึกษา , ดาเนนิ การสร้างชุดไฟส่องสว่าง LED , นาแบบสอบถามทส่ี ร้างขนึ้ ไปให้ที่ ปรกึ ษาพิจารณาวา่ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กาหนดและปรับปรุงแก้ไขสอบถามตามคาแนะนาของ ครูท่ีปรึกษาแล้วจัดพิมพ์เป็นฉบับสมบูรณ์เพ่ือใช้หาความพึงพอใจของชุดไฟส่องสว่าง LED , แนะนา ชุดไฟส่องสว่าง LED ที่คณะผู้จัดสร้างข้ึนไปทดลองแล้วให้กลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ใน การศึกษาของโครงการซ่ึงเป็นนักเรียนแผนกช่างวิชาไฟฟ้ากาลังและนักเรียนนักศึกษาภายใน วิทยาลัยเทคนิคเพชรบรู ณ์ จังหวดั เพชรบูรณด์ ้วยการขอเสนอนาชุดไปส่องสวา่ ง LED ไปติดในบริเวณ ท่ีมีการจัดกิจกรรมกลางแจ้งตอนกลางคืน และให้กลุ่มประชากรกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวตอบ แบบสอบถามเพื่อประเมินความพึงพอใจเกี่ยวกับการออกแบบประสิทธิภาพการใช้งานของชุดไฟส่อง สว่าง LED ประเมินความพงึ พอใจเกี่ยวกับชุดไฟส่องสวา่ ง LED พบว่าโดยภาพรวมความคดิ เห็นความพึง พอใจเกี่ยวกบั ด้านการออกแบบชุดไฟสอ่ งสว่าง LED อย่ใู นระดับมากทส่ี ดุ มคี ่าเฉล่ยี 4.56
1
ง กติ ตกิ รรมประกาศ โครงการชุดไฟส่องสว่าง LED คณะผู้จัดทาโครงการได้ดาเนินการสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนื่องมาจากคณะผู้จัดทาได้รับการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาจากความรู้ท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จาก ครทู ่ีให้การอบรมสั่งสอน และคอยดแู ลให้คาแนะนาในการทางานของคณะผู้จดั ทาโครงการ คณะผู้จัดทาโครงการขอขอบคุณ ครูประทีป ราชบุรี ครูผู้สอนวิชาโครงการท่ีให้คาแนะนาใน การดาเนนิ จดั ทาโครงการ ขอบพระคุณ ครูธนวัตร สิงห์เวยี งและครูวรี ะ รกั อยู่ ครทู ป่ี รกึ ษาโครงการ ที่ กรุณาให้คาแนะนาและใหค้ าปรึกษาอันเป็นประโยชน์ ตอ่ การจดั ทาโครงการจนเสร็จลลุ ว่ งไปด้วยดี สุดท้ายนี้หากการดาเนินครงการชุดไฟส่องสว่าง LED มีข้อผิดพลาดประการใดคณะผู้จัดทา ขออภัยไว้ ณ ทนี่ ้ี คณะผจู้ ัดทา นางสาวอรญั ญา เครือมาลี นางสาวสริ ินญา ศรจี ันทร์
1
สารบญั จ เรอื่ ง หนา้ ใบรับรองโครงการ ก บทคัดย่อ ค กิตตกิ รรมประกาศ ง สารบัญ จ สารบัญ(ต่อ) ฉ สารบัญตาราง ช สารบญั ภาพ ซ สารบัญภาพ(ตอ่ ) ณ สารบัญแผนภูมิ ญ บทที่ 1 บทนา 1 1.1 ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา 1 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ 1 1.3 ขอบเขตของโครงการ 1 1.4 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รบั ของโครงการ 2 1.5 ศัพท์น่าร้เู กี่ยวกบั หลอดไฟ 2 บทท่ี 2 เอกสารทเี่ กี่ยวข้อง 3 2.1 ความเป็นมาของหลอดไฟ 3 2.2 ความเปน็ มาของหลอดไฟ LED 14 2.3 หลกั การพ้นื ฐานของไฟส่องสว่าง LED 16 2.4 มาตรฐานเก่ียวข้องกบั สมรรถนะทางแสง 28 2.5 แนวคดิ การทาการทาชุดหลอดไฟส่องสวา่ ง 28 บทที่ 3 วธิ กี ารดาเนินงาน 31 3.1 การดาเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูล 31 3.2 ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 31 3.3 ข้ันตอนการดาเนินการสรา้ ง 32 3.4 การดาเนินการทดลอง 40 3.5 สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 40 3.6 การวิเคราะห์ข้อมลู 41
สารบญั (ต่อ) ฉ เรื่อง หนา้ บทท่ี 4 ผลการดาเนินการ 42 4.1 ผลการสอบถามความพึงพอใจ 42 4.2 การตรวจสอบชุดไฟส่องสวา่ ง LED 43 4.3 ผลวิเคราะหข์ ้อมูลของผู้เช่ยี วชาญ 44 45 บทที่ 5 สรุป ปัญหา การแกไ้ ขปัญหาและข้อเสนอแนะ 45 5.1 วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั 45 5.2 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 45 5.3 เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 45 5.4 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 45 5.5 สรุปผลการวิจยั อภปิ รายผลการวจิ ัยขอ้ เสนอแนะ 46 5.6 อภปิ รายผลการวิจยั 46 5.7 ข้อเสนอแนะ 47 48 บรรณานกุ รม 55 ภาคผนวก ก แบบประเมินความพึงพอใจ 64 ภาคผนวก ข แบบโครงสร้างโครงการ ภาคผนวก ค ประวตั ิผจู้ ดั ทา
1
ช สารบญั ตาราง ตารางที่ หนา้ 4.1 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลการหาคณุ ภาพของชดุ ไฟส่องสวา่ ง LED ตามความคดิ เห็นของ ผู้เชยี่ วชาญ 5 คน 43 4.2 การทดสอบการทางานของโคมไฟ 43
1
ซ สารบญั ภาพ ภาพท่ี หน้า 2.1 หลอดไสร้ อ้ นแบบธรรมดา 5 2.2 หลอดแฮโลเจน 6 2.3 หลอดฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent) 7 2.4 หลอดฟลอู อเรสเซนตช์ นดิ ต่างๆ จากบนลงลา่ ง: หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (หลอด ตะเกียบ) 2 หลอด,หลอดฟลอู อเรสเซนตธ์ รรมดา 2 หลอด เทยี บขนาดกับไม้ขีดไฟด้านซ้ายมอื 8 2.5 โถงทางเดินทตี่ ดิ ตง้ั หลอดฟลอู อเรสเซนต์ 8 2.6 หลอดฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent) 9 2.7 หลอดนีออน NE-34 จากบริษัทเจเนอรลั อเิ ล็กทริกยุค ค.ศ. 1930 10 2.8 หลอดนอี อนขนาดเลก็ เบอร์ NE-2 เม่ือจา่ ยดว้ ยไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลบั 10 2.9 ไดโอดเปล่งแสงสีต่าง ๆ 11 2.10 ไฟสนามที่ใช้หลอดแสงจนั ทร์ขนาด 175 วตั ต์ ภาพนีเ้ ป็นภาพหลงั หลอดตดิ 15วินาที 12 2.11 หลอดแสงจันทรข์ นาด 175 วัตต์. อุปกรณ์แท่งขนาดเล็กที่ตดิ อยดู่ า้ นล่างหลอดเป็นตัว ตา้ นทานทีจ่ า่ ยไฟใหก้ ับส่วนขั้วสตารต์ เตอร์ 12 2.12 ไฟถนนทใ่ี ชห้ ลอดแสงจันทร์ขนาด 250 วัตต์ 13 2.13 วิวัฒนาการของ LED 14 2.14 LED แบบดง้ั เดิม 16 2.15 LED ขนาดเลก็ มากหรือ SMD LED 17 2.16 LED กาลงั สูง หรอื Hi-power LED 17 2.17 วงจรการตอ่ LED 18 2.18 ตัวอย่าง R เพ่ือจากัดกระแสผ่าน LED 18 2.19 Heat sink แบบตา่ งๆ 19 2.20 สว่ นตา่ งๆของ LED 20 2.21 Lens หรือส่วนทเี่ ป็น resin 20 2.22 Bond wire สายเช่ือมตอ่ นาไฟฟ้าระหวา่ ง Anode กับ LED Chip 20 2.23 Reflector cup แปลบ้านๆ ถว้ ยสะท้อน เอาไวส้ ะท้อนแสงของ Chip LED 21 2.24 ตัวอย่าง SMD LED ตัวนี้ มีการเพ่ิมวงจร zener diode ตรง submount 21 2.25 สญั ลักษณท์ างวงจรไดโอดท่เี ปล่งแสงหรือ LED 22 2.26 การตอ่ ไดโอด 23 2.27 LED ขนาดเลก็ มาก 23
สารบัญภาพ(ต่อ) ฌ ภาพท่ี หน้า 2.28 หลอดไฟ LED BULB 24 2.29 หลอดไฟ LED TUBE 24 2.30 หลอดไฟแบบตา่ งๆ 25 2.31 แนวคดิ ของโปรเจค 28 2.32 แนวคิดของโปรเจค 29 2.33 แนวคดิ ของโปรเจค 29 2.34 สิ่งคาดว่าจะเป็นเม่ือสาเรจ็ 30 2.35 ส่งิ คาดวา่ จะเป็นเมือ่ สาเร็จ 32 3.1 ออกแบบชดุ ไฟส่องสวา่ ง LED และกล่องเก็บ 32 3.2 หาจดั ซอ้ื อปุ กรณ์ 33 3.3 ถอดสกรูออกจากปลั๊กตัวผู้ 33 3.4 ตดั สายขวั้ หลอด 34 3.5 ปลอกสายไฟ 34 3.6 ประกอบข้วั เข้าปล๊ักตวั ผู้ 35 3.7 ปดิ ฝาประกอบปลัก๊ ตวั ผู้ 35 3.8 ทดสอบการทางานของข้วั หลอด 36 3.9 ทดสอบขั้วพร้อมใสห่ ลอด 36 3.10 เตรยี มสายไฟ 37 3.11 ทดสอบสายไฟพร้อมใสช่ ดุ หลอด 37 3.12 ซือ้ กล่องและลองจดั เรียงของ 38 3.13 เรียงของใส่กล่อง 38 3.14 เสร็จสมบรู ณ์ 39
1
1 บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปญั หำ นักเรียนทเี่ ขา้ มาเรียนในสาขาวิชาชา่ งไฟฟ้ากาลัง วทิ ยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์ จาเป็นตอ้ งเรียน วชิ าการตดิ ตงั้ ภายในอาคารแบง่ ออกเปน็ 2 ภาค คอื ภาคทฤษฎี 1 คาบและภาคปฏิบัติ 3 คาบ เพื่อให้ จบตามหลักสูตรของสาขาวิชาช่างไฟฟ้ากาลัง วิทยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์ โดยสามารถนาความรู้ เกี่ยวกับการติดต้ังไฟฟ้าภายในอาคารได้นามาประยุกต์ใช้ในการประกอบเป็นส่ิงของภายใน สถานศกึ ษาที่ใช่ในการทากิจกรรมต่างๆของทางวทิ ยาลยั ในรายวชิ าการติดต้ังไฟฟ้าภายในอาคารของ สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากาลัง มีอุปกรณ์ในการเรียนการสอนไม่เพียงพอ อุปกรณ์มีขนาดใ หญ่การ เคลอ่ื นย้ายจึงค่อนขา้ งลาบาก เน่ืองจากอุปกรณ์มีขนาดใหญ่ จึงเคลื่อนย้ายได้ยากลาบากและเกิดการชารดุ ของอุปกรณ์ ทา ให้เป็นอุปสรรคในการตดิ ตั้งและจดั เก็บ ท้งั นี้ชดุ ไฟสอ่ งสวา่ งแบบเก่าค่อนขา้ งมีระยะเวลาในการใช้งาน มานานพอสมควรแล้ว จึงมีการเสื่อมสภาพของหลอดไฟและอีกหนึ่งปัญหาคือไม่มีท่ีเก็บที่รัดกุม การ เคลือ่ นยา้ ยและตดิ ตั้งจึงค่อนข้างเป็นอปุ สรรคพอสมควร ดังนั้นทางคณะผู้ศึกษาค้นคว้าจึงมีแนวคิดที่จะสร้างและพัฒนาการติดตั้งในงาน ชุดไฟส่อง สวา่ ง LED เพือ่ ใชใ้ นกิจกรรมของทางวิทยาลยั และใช้เปน็ อุปกรณ์เสรมิ ท่ชี ่วยในการสอนของวิชาต่างๆ ท่ีจัดการสอนในสถานท่ีโล่งตอนกลางคืน ซ่ึงสามารถ ติดตั้งในการใช้งานได้ง่าย การจัดเก็บไม่ยุ่งยาก ใช้วัสดุท่ีมีความปลอดภยั มีขนาดเล็กกว่าแบบเก่าแต่สามารถให้แสงสว่างได้มากกว่าแบบเดิม มีกล่อง สาหรับจัดเก็บอย่างเปน็ ระเบียบและเคลอื่ นย้ายได้สะดวก 1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงกำร 1.2.1 เพือ่ สรา้ งชดุ ไฟส่องสวา่ ง LED เพอ่ื ใช้ในการทากจิ กรรมกลางแจ้งจานวน 1 เชต 1.2.2 เพื่อแกป้ ัญหาของอุปกรณ์ท่มี ีอยูแ่ ลว้ ใหม้ ีขนาดกระทัดรัดการติดต้ังและจดั เกบ็ งา่ ย 1.3 ขอบเขตของโครงกำร 1.3.1 การออกแบบชดุ ไฟสอ่ งสวา่ ง LED 1.3.1.1 ชดุ ไฟส่องสว่าง LED มีขนาดค่อนขา้ งกระทดั รัด 1.3.1.2 สถานท่ีในการติดตั้งและทดลองภายในแผนกช่างไฟฟ้ากาลัง และภายใน วทิ ยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์
2 1.3.2 การออกแบบโครงสรา้ ง โครงการฉบับนีท้ างคณะผศู้ กึ ษาค้นคว้ามุง่ สรา้ ง และพัฒนาชุดไฟสอ่ งสวา่ ง LED จานวน 1 เซต เพ่ือใช้ในการทากิจกรรมนอกสถานท่ีตอนกลางคืน ณ แผนกช่างไฟฟ้ากาลัง วิทยาลยั เทคนิคเพชรบูรณ์ 1.4 ประโยชน์ทค่ี ำดวำ่ จะได้รับของโครงกำร 1.4.1 ได้ชุดไฟส่องสว่าง LED ท่ีมีประสิทธิภาพสาหรับใช้ในกิจกรรมนอกสถานท่ีตอน กลางคืน 1.4.2 ไดช้ ุดไฟสอ่ งสว่าง LED ที่มีกล่องไว้จัดเก็บอยา่ งมรี ะเบยี บ 1.5 ศพั ท์น่ำรู้เกีย่ วกับหลอดไฟ 1.5.1 วตั ต์ = กาลังไฟฟ้าทีห่ ลอดไฟใช้ ไม่ใช่วดั ความสว่าง ( W ) 1.5.2 ลูเมน = หนว่ ยวดั กาลงั สวา่ งของไฟ ( lm )
บทท่ี 2 เอกสารทเี่ กยี่ วข้อง โครงการชดุ ไฟสอ่ งสว่าง LED ผู้ดําเนินงานไดศ้ ึกษา คน้ คว้า รวบรวมแนวคดิ ทฤษฏีและ เอกสารท่ีเก่ียวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความเป็นมาของหลอดไฟ 2.2 ความเป็นมาของหลอดไฟ LED 2.3 หลกั การพ้นื ฐานของไฟสอ่ งสวา่ ง LED 2.4 มาตรฐานเกยี่ วข้องกับสมรรถนะทางแสง 2.5 แนวคิดการทาํ การทําชุดหลอดไฟส่องสวา่ ง 2.1 ความเปน็ มาของหลอดไฟ พุทธศักราช 2443 มีการคิดค้น หลอดไฟแบบไส้ คร้ังแรกขึ้นในโลกโดย เซอร์ โจเซฟ สวอน ได้นําแนวคิด จากนักวิทยาศาสตร์ มาพัฒนาต่อ จนสร้างหลอดไฟได้สําเร็จแต่ไม่ได้พัฒนา ระบบไฟฟ้าขึน้ ทําให้คนที่ซอื้ หลอดไฟ ของ สวอน ตอ้ งหาซ้ือเครอ่ื งปน่ั ไฟ ก่อใหเ้ กิดความย่งุ ยากในการ ใช้งานมาก ต่อมา ทาง ทอมัส เอดิสัน ได้สามารถสร้างหลอดไฟแบบไส้ข้ึนมาได้บ้าง และ นอกจากนั้น ทอมัส เอดิสัน ยังได้พัฒนาระบบไฟฟ้า ข้ึนมา ควบคู่กับหลอดไฟและแจกจ่ายไฟ ไปยัง บ้านเรือนต่าง ๆ ทําให้ หลอดไฟของเขาได้รับความนิยม มากกว่า หลอดของ ทางสวอน จนในท่ีสุด คนทั่วไป เกิดความเข้าใจกันว่า เอดิสัน คือผู้คิดค้น หลอดไฟ เป็นคนแรกของโลก หลอดไฟ ของเอดิ สนั ทาํ จากแทง่ คาร์บอน ในปีพทุ ธศักราช 2453 ได้มกี าร คิดค้นไส้หลอดที่ทาํ จากทังสเตน ขนึ้ ในโลก เนอ่ื งจากหลอดไฟ ของ เอดิสัน ทําจาก คาร์บอน จงึ มอี ายุการใชส้ น้ั เพียง 13 ชัว่ โมงและจาก ปญั หานี้ ต่อมา วิลเล่ยี ม เดวสิ ได้คดิ ค้นไสห้ ลอด ทท่ี าํ มาจาก ทงั สเตน ซึง่ สามารถ ทนความรอ้ นได้สูง ถงึ 3,419 องศาเซลเซียสในขณะที่ไส้หลอด มีอุณหภมู สิ ูง 2,456 องศาเซลเซียส ทาํ ให้ปัญหาไส้หลอด ขาดงา่ ยหมดไป แตป่ ัญหาทต่ี ามมาอีกก็คอื เมือ่ ไสท้ ังสเตนร้อน จะมอี านภุ าคบางสว่ นหลดุ ลอกไป เกาะ กับผวิ หลอดไฟ ทําใหห้ ลังจากใช้งานไปได้ระยะหน่ึง ประสิทธภิ าพการส่องแสงของหลอดไฟกจ็ ะลดลง จากปัญหาเรื่องแสงไฟที่ลดลง ทําให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ ต่างก็พยายามค้นคว้าหาแนวทางการ พฒั นาหลอดไฟกนั ต่อไป พุทธศักราช 2477 ได้มีการ คิดค้น หลอดนีออน เกิดขึ้นในโลก โดย จอร์จ คลอสิค หลักการ ทํางานคือบรรจุไอปรอทเข้าไปในหลอดและฉาบผิวหลอดแก้วด้านใน ด้วยฟอสฟอรัส หรือสารเรือง แสงเมอ่ื ปลอ่ ยกระแสไฟฟา้ เขา้ ไป ไอปรอทจะถูกกระตุ้นและแผ่พลงั งานออกมาในรูปของรังสที ี่มีความ ยาวคลื่น 254 นาโนเมตรออกมา ซงึ่ เปน็ ความยาวคลื่น ทีส่ ายตามองไม่เห็นและเปน็ อันตราย รงั สีที่ไอ
ปรอทแผ่ออกมาจะกระทบกับสารเร่ืองแสงท่ีผนังหลอด สารเรืองแรงจะดูดซับรังสีที่เป็นอันตราย เอาไว้และตัวมันเองจะแผ่พลังงานในรูป ของคลื่นที่มีความถี่ ท่ีสายตาคนมองเห็นได้ออกมาแทน ท่ี เรียกวา่ แสงขาวอ่นุ เรยี กหลอดพวกนีว้ า่ หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) ซ่งึ มกั ถูกเรยี กในอีกช่ือ ว่า หลอดนีออน ซึ่งในการใช้งานจริงๆ ต้องมีอุปกรณ์อื่นๆ ช่วยคือ สตาร์ทเตอร์ (starter) และบา ลาสท์ (Ballast) พุทธศักราช 2503 ได้มีการ คิดค้น หลอดเมทัลฮาไลด์ ขึ้นมาได้ช่วงน้ี เทคโนโลยีได้แบ่งรูป แบการพัฒนาหลอดไฟ ออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.ใช้หลักการทําให้เกิดความร้อนจนเปล่งแสงได้แก่ หลอดไส้เอดิสัน, หลอดไส้ทังสเตน, และ หลอดฮาโลเจน 2.ใช้หลักการปล่อยประจุในก๊าซหลอดความดันสูง HID, หลอดเมทัลฮาไลด์, หลอดโซเดียม ความดนั สงู หลอดความดันต่ํา หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดโซเดียมความดันตํ่าหลอดเมทัลฮาไลด์ เป็น หลอดไฟท่ีประสิทธิภาพ การให้แสงสว่างสูงทว่ามีอัตราการใช้พลังงานสูง ตั้งแต่ 100 ถึง 3,500 วัตต์ อายุ การใช้งานปานกลาง คือ 8,000 ถึง 10,000 ช่ัวโมง เหมาะกับงานติดต้ังหลอดในที่ สูงต้ังแต่ 6 เมตร ข้ึนไป การจุดติดหลอดไฟ จะต้องรอเวลาการ สตาร์ท ประมาณ 3 ถึง 5 นาที แสง สว่างสูงสุดรอ 15 นาทีท่ีผ่านมา หลอดเมทัล ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในโรงงาน อุตสาหกรรม แต่ในปัจจุบันภาวะวิกฤตทางพลังงาน ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงข้ึนข้ึน จึงส่งผลให้หลาย ๆ โรงงานปรับเปล่ียนระบบไฟฟ้าจากการใช้หลอดไฟประเภทเมทัลฮาไลด์เป็นการใช้หลอดไฟประเภท อ่นื ๆ เชน่ หลอด LED ในปัจจุบันน้ีมีหลอดไฟให้เราเลอื กใช้อยู่มากมายหลายประเภท มีท้ังหลอดไฟที่ให้ความสว่าง แตกต่างกัน หรือว่าเปน็ หลอดที่มคี วามสว่างเทา่ กันแต่เป็นคนละประเภท ซงึ่ ประสทิ ธผิ ลย่อมแตกต่าง กัน ดังนั้นก่อนการเลือกติดตั้งหลอดไฟ ภายในบ้านของเรานนั้ ควรศึกษาและทําความเข้าใจหลอดไฟ ประเภทต่างๆ ในทอ้ งตลาดว่ามีลักษณะและประเภท การใชง้ านอย่างไร เพ่ือใหไ้ ด้ประสิทธภิ าพสูงสุด และยังช่วยประหยดั พลงั งานอีกดว้ ย หลอดไฟฟ้า หรือ หลอดไฟ เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ไฟฟ้าเพ่ือทําใหเ้ กิดแสงสวา่ งหลอดไฟฟ้ามีหลาย ประเภท เช่น หลอดไส้ร้อนแบบธรรมดา , หลอดแฮโลเจน ,หลอดฟลูออเรสเซนต์ , แบล็กไลต์ , หลอดนีออน , แอลอดี ี , หลอดแสงจนั ทร์ หลอดไสร้ ้อนแบบธรรมดา
ภาพที่ 2.1 หลอดไส้รอ้ นแบบธรรมดา ทมี่ า https://th.wikipedia.org/wiki/ หลอดไส้ร้อนแบบธรรมดา หรือ หลอดความร้อน หรือ หลอดไส้ (incandescent light bulb, incandescent lamp หรอื incandescent light globe) ให้แสงสว่างโดยการใหค้ วามรอ้ นแก่ ไส้หลอดท่ีเป็นลวดโลหะกระท่ังมีอุณหภูมิสูงและเปล่งแสง หลอดแก้วที่เติมแก๊สเฉื่อยหรือเป็น สุญญากาศป้องไม่ให้ไส้หลอดท่ีร้อนสัมผัสอากาศ ในหลอดฮาโลเจน กระบวนการทางเคมีคืนให้โลหะ เป็นไส้หลอด ซ่ึงขยายอายุการใช้งาน หลอดไฟฟ้านี้ได้รับกระแสไฟฟ้าจากเทอร์มินอลต่อสายไฟ (feed-through terminal) หรือลวดท่ีฝังในแก้ว หลอดไฟฟ้าส่วนใหญ่ใช้ในเต้ารับซ่ึงสนับสนุนหลอด ไฟฟา้ ทางกลไกและเชอื่ มกระแสไฟฟ้าเขา้ กับเทอรม์ นิ ลั ไฟฟ้าของหลอด หลอดไส้ร้อนแบบธรรมดาผลิตออกมาหลายขนาด กําลังส่องสว่าง และอัตราทนความต่าง ศักย์ ต้ังแต่ 1.5 โวลต์ถึงราว 300 โวลต์ หลอดประเภทน้ีไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ควบคุมภายนอก มีค่า บํารุงรักษาต่ํา และทํางานได้ดีเท่ากันทั้งไฟฟ้ากระแสสลับหรือกระแสตรง ด้วยเหตุนี้ หลอดไส้ร้อน แบบธรรมดาจึงใช้กันอย่างกว้างขวางในครัวเรือนและไฟฟ้าใช้ในเชิงพาณิชย์ ตลอดจนไฟฟ้าแบบ พกพา อย่างเช่น ไฟตั้งโต๊ะ ไฟหน้ารถยนต์ และไฟฉาย และไฟฟ้าสําหรับตกแต่งและโฆษณา บ้างใช้ ประโยชน์จากใช้ความร้อนที่เกิดข้ึนจากไส้หลอดของหลอดไส้ร้อนแบบธรรมดา อาทิ เครื่องฟักไข่ กล่องฟักไข่สําหรับสัตว์ปีก ไฟความร้อนสําหรับสวนจําลองสภาพแวดล้อม (vivarium) ของ สัตว์เลื้อยคลาน การให้ความร้อนอินฟราเรดในกระบวนการให้ความร้อนและอบแห้งในอุตสาหกรรม ความร้อนสว่ นเกินนี้เพมิ่ พลงั งานที่ต้องใช้ในระบบปรบั อากาศของอาคาร หลอดไฟฟ้าแบบอื่นค่อย ๆ แทนที่การใช้งานของหลอดไส้ร้อนแบบธรรมดาหลายด้าน อาทิ หลอดฟลอู อเรสเซนต์, หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (หลอดตะเกียบ), หลอดฟลูออเรสเซนต์แคโทด เย็น, หลอดอัดก๊าซความดันสูง และไดโอดเปล่งแสง เทคโนโลยีท่ีใหม่กว่าเหล่านีพ้ ัฒนาอัตราสว่ นแสง
ที่มองเห็นได้ต่อการผลิตความร้อน เขตอํานาจบางแห่ง เช่น สหภาพยุโรป อยู่ในระหว่างกระบวนการ เลิกใชห้ ลอดไสร้ ้อนแบบธรรมดาและหันไปใชห้ ลอดไฟท่ีมีประสิทธิภาพด้านพลงั งานมากกว่า ประวตั ิศาสตร์ ในการตอบคําถามว่าใครเป็นผู้ประดิษฐ์หลอดไส้ นักประวัติศาสตร์โรเบิร์ต ฟรีเดล และพอล อิสราเอล ทํารายการนักประดิษฐ์หลอดไส้ 22 คน ก่อนโจเซฟ สวอน และโทมัส เอดิสันพวกเขา สรปุ ว่ารุน่ ของเอดสิ ันนั้นล้ําหน้ากวา่ ของคนอ่ืน เพราะองค์ประกอบสามปจั จัย ไดแ้ ก่ (1) วสั ดเุ ปล่งแสง ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ, (2) สุญญากาศทสี่ งู กว่าทีค่ นอน่ื ๆ สามารถทาํ สําเร็จ และ , (3) ความต้านทานไฟฟ้า ทส่ี งู ซ่งึ ทาํ ใหก้ ารแจกจา่ ยพลงั งานจากแหล่งกลางทํางานได้อย่างประหยดั ค.ศ. 1802 ฮัมฟรี เดวี ไดป้ ระดษิ ฐส์ ่งิ ท่ใี นขณะนั้นเป็นแบตเตอรีไฟฟ้าที่ทรงพลงั ท่สี ุดในโลกท่ี ราชสมาคมแห่งบริเตนใหญ่ ซึ่งเขาสร้างหลอดไส้โดยส่งกระแสไฟฟ้าผ่านแพลทินัมแถบบาง ซึ่งโลหะ ชนิดนี้ถูกเลือกเพราะมีจุดหลอมเหลวสูงอย่างย่ิง แต่หลอดไส้น้ีไม่สว่างพอหรือทํางานได้นานพอที่จะ นําไปใชไ้ ดจ้ ริง แตก่ ็มมี าก่อนเบอ้ื งหลังความพยายามการทดลองนับครัง้ ไม่ถว้ นอีก 75 ปีต่อมา โจเซฟ สวอนและโทมัส เอดิสันนั้นเป็นบุคคลแรก ๆ ที่ทําหลอดไส้เป็นธุรกิจ โดยโทมัส เอดิ สันเริ่มการวิจัยอย่างจริงจังในการพัฒนาหลอดไส้ที่ใช้การได้ใน ค.ศ. 1878 เอดิสันจดสิทธิบัตร สิง่ ประดษิ ฐ์สาํ หรับ \"การปรบั ปรุงหลอดไฟฟ้า\" เมือ่ วนั ท่ี 14 ตุลาคม ค.ศ. 1878 หลังจากทดลองหลาย ครั้งด้วยไส้หลอดที่ทําจากแพลทินัมและโลหะอื่น เอดิสันได้หันกลับไปใช้ไส้คาร์บอน การทดลองท่ี ประสบความสาํ เรจ็ ครัง้ แรกเกิดขน้ึ เมอื่ วันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1879 และใชง้ านได้ 13.5 ชั่วโมง เอดสิ นั ยังคงพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว และจนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1879 จดสิทธิบัตรใน สหรัฐอเมริกาสําหรับหลอดไฟฟ้าที่ใช้ \"ไส้คาร์บอนหรือแถบขดและเช่ือมกับสายส่งแพลตินา\" แม้ สิทธิบัตรนั้นจะอธิบายหลายหนทางในการสร้างไส้คาร์บอนรวมท้ัง \"เส้นใยฝ้ายและลินิน เศษไม้ กระดาษทขี่ ดในหลายวิธี\"แต่กระท่งั อีกหลายเดือนตอ่ มาหลังได้รับสทิ ธิบัตรน้ันแล้ว เอดสิ นั และทีมของ เขาจงึ คน้ พบว่า ไสไ้ มไ้ ผท่ ี่เปล่ียนเปน็ คาร์บอนสามารถใชง้ านได้นานเกิน 1,200 ช่ัวโมง หลอดแฮโลเจน ภาพที่ 2.2 หลอดแฮโลเจน ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/
หลอดแฮโลเจน หรือรู้จักกันในช่ือ หลอดแฮโลเจนทังสเตน เป็นหลอดไส้ท่ีมีไส้หลอดเป็น ทังสเตน ซึ่งบรรจุในแก๊สเฉื่อยและแฮโลเจนปริมาณน้อย เช่น ไอโอดีนหรือโบรมีน วัฏจักรแฮโลเจน เคมีนําทังสเตนที่ระเหยไปกลับมาเป็นไส้หลอดอีกคร้ัง ซ่ึงขยายอายุการใช้งานของหลอด ด้วยเหตุน้ี หลอดแฮโลเจนจึงสามารถใช้งานได้ท่ีอุณหภูมิสูงกว่าหลอดเตมิ แก๊สมาตรฐานที่มีกําลงั และอายุการใช้ งานเท่ากนั หลอดแฮโลเจนจึงมีประสิทธศิ กั ยค์ วามสวา่ งสงู กว่า (10-30 ลเู มน/วตั ต)์ หลอดน้ีใหแ้ สงที่มี อุณหภูมิสีสูงกว่า และด้วยขนาดท่ีเล็กกว่า หลอดแฮโลเจนใช้งานได้เต็มที่กับระบบของแสงซ่ึงมี ประสิทธิภาพมากกว่าในแงข่ องวธิ ที หี่ ลอดทอดแสงทปี่ ลดปลอ่ ยออกมา หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ระวังสับสนกับ หลอดนีออน ภาพท่ี 2.3 หลอดฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent) ที่มา http://www.neutron.rmutphysics.com/science- news/index.php?option=com_content&task=view&id=1364&Itemid=4&fbclid=IwAR2Lo Yeuit1MB_JpO8DwYuJjKhCbM9CKUDuQ1za-EWCniOQIYpRbRSu1Q1U
ภาพท่ี 2.4 หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดตา่ งๆ จากบนลงล่าง: หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (หลอด ตะเกยี บ) 2 หลอด, หลอดฟลอู อเรสเซนตธ์ รรมดา 2 หลอด เทียบขนาดกบั ไมข้ ดี ไฟดา้ นซ้ายมือ ท่มี า https://th.wikipedia.org/wiki/ ภาพที่ 2.5 โถงทางเดนิ ทต่ี ดิ ต้ังหลอดฟลูออเรสเซนต์ ทม่ี า https://th.wikipedia.org/wiki/ หลอดฟลูออเรสเซนต์, หลอดเรืองแสง, หลอดวาวแสง (fluorescent tube) หรือที่เรียกกัน ติดปากว่าหลอดนีออน เป็นหลอดไฟฟ้าระบบปล่อยประจุ ท่ีบรรจุไอปรอทความดันต่ําไว้ เม่ือ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอด จะกระตุ้นให้อนุภาคปรอทปล่อยรังสีเหนือม่วงออกมา เมื่อรังสีน้ีกระทบ กับสารเรืองแสงท่ีฉาบไว้ด้านในตัวหลอด สารเรืองแสงจะเปล่งแสงสว่างที่มองเห็นได้ออกมา และ เนื่องจากไมไ่ ด้เปล่งแสงโดยอาศยั ความร้อน จงึ มีประสิทธภิ าพในการใช้พลงั งานมากกว่าหลอดไฟไส้ การใชง้ านปกตจิ ะติดตัง้ คู่กบั บลั ลาสต์และสตารท์ เตอร์ เนอื่ งจากหลอดฟลอู อเรสเซนตจ์ ะต้อง มกี ารอ่นุ ใหไ้ สห้ ลอดร้อน และใช้แรงดนั ไฟฟ้าสูงในการจดุ หลอดให้ติดในตอนแรก
ภาพท่ี 2.6 หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) ที่มา http://www.neutron.rmutphysics.com/science- news/index.php?option=com_content&task=view&id=1364&Itemid=4&fbclid=IwAR2Lo Yeuit1MB_JpO8DwYuJjKhCbM9CKUDuQ1za-EWCniOQIYpRbRSu1Q1U แบล็กไลต์ แบล็กไลต์ (black light) เป็นหลอดที่เปล่งรังสียูวีคลื่นยาว มีสีม่วงดํา ใช้ตรวจเอกสารสําคญั เช่น ธนบัตร, หนังสือเดินทาง, บัตรเครดิต ฯลฯ ว่าเป็นของจริงหรือปลอม หลายประเทศได้ผลิตลาย น้ําที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในรังสีชนิดนี้ นอกจากน้ี แบล็กไลต์ยังสามารถใช้ล่อแมลงให้มาติดกับ เพอ่ื ทจ่ี ะกําจัดภายหลังได้ หลอดนอี อน ระวังสบั สนกับ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ใช้งานกันอย่างจริงจังจังเมื่อ พ.ศ 2477 - 2479 ซ่ึงในการใช้งานจริงๆ ต้องมีอุปกรณ์อ่ืนช่วย คือ สตาร์ทเตอร์ (starter) และบาลาสท์ (Ballast) โดยท่ีในการจุดหลอดครั้งแรกจะต้องใช้ไฟแรงสูง เสียกอ่ นเพื่อกระต้นุ ให้หลอดทาํ งาน สตาร์ทเตอรท์ ํางานโดยการปดิ -เปดิ วงจร อย่างรวดเรว็ ทาํ ให้เกิดแรงดันสูง พอหลอดติดแลว้ หนา้ ที่ของสตาร์ทเตอร์ก็หมดไป และมบี าลาสตท์ ําหน้าท่ีต่อแทน และมีการใชก้ า๊ ซเฉือ่ ยใส่เข้าไปในหลอดดว้ ยเพ่ือช่วยในการกระตนุ้ อิเลก็ ตรอนไอปรอท การเปล่ียนสาร ที่ฉาบผนังหลอด จะทําให้ได้แสงสีต่างกันออกไป เช่น BAM (Barium Magnesium) จะให้สีน้ําเงิน CAT (Cerium Magnesium Terbiumaluminate จะให้แสงสีเขียว ส่วนทางหลอดไฟก็ยังได้รับการ พัฒนาต่อไป มีการสร้างหลอดไฟฟ้าแบบฮาโลเจนซ่ึงมีการเติมก๊าซอาโลเจนในหลอด อะตอมของทัง สะเทนท่ีหลุดออกมาจะไม่ไปจับผนัง แต่จะจับกับฮาโลเจนแทน (ก๊าซฮอาโลเจนมีความดันสูง
หลอดไฟหรือกระเปาะไฟจึงมักทําด้วยควอตซ์) พอสารประกอบระหว่างฮาโลเจนกับทังสะเทนไปใกล้ ไส้หลอดที่มิอุณหภูมิสูง สารประกอบท่ีเกิดจากการจับตัวของไฮโดรเจนกับทังสะเทนจะแตกตัวออก หมนุ วนเช่นนี้เรื่อยไปทงั สะเทนจงึ ไม่มโี อกาสจบั ผวิ หลอด ภาพที่ 2.7 หลอดนีออน NE-34 จากบริษทั เจเนอรัลอิเลก็ ทริกยุค ค.ศ. 1930 ทีม่ า https://th.wikipedia.org/wiki/ หลอดนีออน (neon lamp) เป็นหลอดไฟระบบปล่อยประจุขนาดเล็ก ประกอบด้วย หลอดแก้วบรรจกุ ๊าซนีออนความดันตํ่าไว้ภายใน และมขี ว้ั ไฟฟา้ สองขวั้ อย่ชู ดิ กันในหลอด เม่ือจ่ายไฟฟ้าแรงดันสูงที่ข้ัว แรงดันจะกระตุ้นให้ก๊าซนีออนแตกตัวเป็นไอออนสถานะ พลาสมา นํากระแสขา้ มจากขว้ั หนึง่ ไปยงั อีกขั้วหนึ่ง และเปล่งแสงสสี ้มแดงออกมา ภาพที่ 2.8 หลอดนีออนขนาดเล็ก เบอร์ NE-2 เม่ือจ่ายด้วยไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลบั ทีม่ า https://th.wikipedia.org/wiki/
หลอดนีออนขนาดเล็กส่วนใหญจ่ ะใช้แสดงผลในวงจรไฟฟ้า โดยเฉพาะระบบที่ใช้ไฟบา้ น เชน่ การแสดงสถานะของสวิตช์ เนื่องจากหลอดนีออนขนาดเล็กจะเริ่มติดสว่างที่แรงดัน 90 - 120 โวลต์ และใชก้ ระแสน้อย (ที่ประมาณ 400 ไมโครแอมแปร)์ แอลอดี ี , ไดโอดเปล่งแสง (เปลย่ี นทางจาก แอลอีดี) ภาพที่ 2.9 ไดโอดเปลง่ แสงสตี า่ ง ๆ ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ ไดโอดเปล่งแสง (light-emitting diode หรือย่อวา่ LED) เป็นอปุ กรณ์สารกึ่งตัวนําอย่างหนึ่ง จัดอยู่ในจําพวกไดโอด ที่สามารถเปล่งแสงในช่วงสเปกตรัมแคบ เม่ือถูกไบอัสทางไฟฟ้าในทิศทางไป ข้างหน้า ปรากฏการณ์น้ีอยู่ในรูปของ electroluminescence สีของแสงท่ีเปล่งออกมานั้นข้ึนอยู่กับ องค์ประกอบทางเคมีของวัสดุก่ึงตวั นําที่ใช้ และเปลง่ แสงไดใ้ กลช้ ่วงอลั ตราไวโอเลต ช่วงแสงทม่ี องเห็น และช่วงอินฟราเรด ผู้พัฒนาไดโอดเปล่งแสงขึ้นเป็นคนแรก คือ นิก โฮโลยัก (Nick Holonyak Jr.) แห่งบริษัทเจเนรัล อิเล็กทริก (General Electric Company) โดยได้พัฒนาไดโอดเปล่งแสงในช่วง แสงทีม่ องเห็น และสามารถใชง้ านได้ในเชิงปฏบิ ัติเปน็ คร้ังแรก เมอื่ ค.ศ. 1962 ตัวแปรต่าง ๆ ในการเลอื กใช้ LED color (wavelength) เปน็ ตวั บอกสี ซึง่ หมายถึงขนาดของความยาวคลน่ื ท่ี LED เปลง่ แสงออกมา เช่น สีฟ้า จะมีความยาวคลนื่ ประมาณ 468 nm สขี าว จะมคี วามยาวคลนื่ ประมาณ 462 nm สีเหลอื ง จะมีความยาวคลืน่ ประมาณ 468 nm สเี ขยี ว จะมีความยาวคลื่น ประมาณ 565 nm สีแดง จะมีความยาวคลื่น ประมาณ 630 nm เป็นตน้ Lens เปน็ ตวั บอกประเภทและวัสดทุ ีใ่ ชท้ ํา เชน่ 1. color diffused lens 2. water clear lens millicandela rating เป็นตวั บอกค่าความสว่างของแสงท่ี LED เปล่งออกมา ยิ่งมีคา่ มากยิ่งสว่างมาก
voltage rating อัตราการทนความต่างศักยไ์ ฟฟ้า ที่ LED รบั ไดแ้ ละไมพ่ งั หลอดแสงจันทร์ ภาพท่ี 2.10 ไฟสนามทีใ่ ช้หลอดแสงจันทร์ขนาด 175 วตั ต์ ภาพนเี้ ป็นภาพหลังหลอดตดิ 15 วนิ าที ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ ภาพที่ 2.11 หลอดแสงจันทรข์ นาด 175 วัตต์. อุปกรณ์แท่งขนาดเล็กท่ีติดอยดู่ ้านล่างหลอดเป็นตวั ตา้ นทานท่จี ่ายไฟใหก้ ับสว่ นข้ัวสตาร์ตเตอร์ ทม่ี า https://th.wikipedia.org/wiki/
ภาพที่ 2.12 ไฟถนนที่ใชห้ ลอดแสงจันทร์ขนาด 250 วัตต์ ทีม่ า https://th.wikipedia.org/wiki/ หลอดแสงจันทร์ หรือ หลอดไฟไอปรอท (mercury-vapor lamp) เป็นหลอดไฟฟ้าระบบ ปล่อยประจุชนิดหน่ึง ทํางานโดยใช้ไฟฟ้าแรงสูง กระโดดผ่านไอปรอทที่อยู่ในหลอดเพื่อให้เกิดแสง สว่าง, โครงสร้างจะประกอบด้วยหลอดแก้วควอตซ์ขนาดเล็ก ซึ่งบรรจุไอปรอทและขั้วไฟฟ้า ครอบ ด้วยหลอดแก้วบอโรซิลิเกตขนาดใหญ่ ซึ่งทําหน้าที่ป้องกันความร้อน และปิดก้ันรังสีเหนือม่วงท่ีเปล่ง ออกมาจากไอปรอทพร้อมกับแสง หลอดแสงจันทร์จะทํางานโดยใชค้ วามดันไอปรอทประมาณ 1 บรรยากาศ และต้องอาศัยบัล ลาสต์กับสตาร์ตเตอร์ (คล้ายหลอดฟลูออเรสเซนต์ แต่สตาร์ตเตอร์จะบรรจุมาในตัวหลอด) และ จะต้องใชเ้ วลา 4-7 นาทหี ลงั หลอดติด เพ่ือใหส้ วา่ งเต็มที่ หลอดแสงจนั ทร์ มีประสทิ ธิภาพการใช้พลังงานมากกวา่ หลอดไฟไส้และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ทั่วไป ให้ความสว่างในชว่ ง 35 ถึง 65 ลูเมนต่อวัตต์ ให้แสงขาวที่มีความเข้มสูง, และมีอายุการใช้งาน ท่ียาวนาน (ประมาณ 24000 ช่ัวโมง) จึงนิยมติดต้ังในบริเวณขนาดใหญ่ที่ต้องการการส่องสว่าง ต่อเน่ืองจากด้านบน เช่น โรงงาน, โกดัง, สนามกีฬา หรือใช้เป็นไฟถนน แต่เนื่องจากหลอดแสงจนั ทร์ ให้แสงขาวที่มีสีออกไปทางฟ้า-เขียว (จากสเปกตรัมของปรอท) จึงไม่นิยมใช้เป็นแสงสว่างใน ร้านคา้ เพราะทาํ ให้สีผวิ คนดไู ม่เป็นธรรมชาติ
2.2 ความเป็นมาของหลอดไฟ LED ภาพที่ 2.13 วิวัฒนาการของ LED ทม่ี า https://www.lightworddesign.org/ LED หรือ หลอด LED นั้นมีมานานแล้ว เริ่มปรากฎในแผงวงจรคร้ังแรกเม่ือปี 1962 ซ่ึงโดย ช่วงแรกๆน้ัน LED ให้ความเข้มแสงไม่มากนักและมีใช้ในเฉพาะความถี่ในช่วงแสง infra-red ท่ีไม่ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ (ซึ่งเรายังคงเห็นรูปแบบการใช้งานในช่วงแสง infra-red น้ีตาม อุปกรณ์ประเภทรีโมทคอนโทรลในเครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้านเรือนจนปัจจุบัน) ต่อมา LED ถูกพัฒนาให้ สามารถเปล่งแสงที่มองเห็นได้โดยแสงสแี ดงเป็นสีแรกถูกคิดค้นขึ้นได้ก่อนแต่ทว่าช่วงเริม่ ต้นน้ันก็ยงั มี ความเข้มแสงต่าํ อยู่ยงั นาํ เอามาใชป้ ระโยชนไ์ ดไ้ ม่มากนัก นักวิทยาศาตร์และนักวิจัยก็พัฒนา LED เร่ือยมาจนกระทั่งสามารถให้สร้าง LED ที่มีแสง ครอบคลุมย่านความถ่ีต้ังแต่ infrared คือแสงท่ีมองห็นได้ (visible light)ไปจนถึงย่าน ultra violet หรือ UV ที่มองไม่เห็น ต่อจากน้ันไม่นาน LED ก็ถูกนํามาใช้อย่างแพร่หลายในอุปกรณ์ไฟแสดงตาม แผงควบคุมเพ่ือบอกสัญญาณ และใช้ในไฟแสดงตัวเลข seven segment และนาฬิกาดิจิตอล ต่อมา LED ก็ถกู พัฒนาข้ึนอีก ใหป้ ระสิทธภิ าพดา้ นใหค้ วามเข้มแสงหรือความสว่างมากขนึ้ จนสามารถนาํ เอา LED มาใช้งานในการแสดงสัญญาณ ไฟสัญญาณสําหรับการบิน ไฟสัญญาณจราจร และด้วยเหตุผล ท่ีLED มีข้อดีในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านประหยัดพลังงาน ด้านการใช้งานได้นานข้ึน มีการ บํารุงรักษาที่ต่ํา ความทนของตัวหลอดเอง และขนาดก็เล็กมากเม่ือเทียบกับหลอดไส้อย่างเดิม ทั้งยัง ปิดเปิดควบคุมง่ายขึ้นแล้ว นักวิจัยและบริษัทต่างๆจึงมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพด้านความเข้มแสง หรือความสวา่ งใหส้ งู ข้ึนไปอีก เพื่อหวงั ที่จะนําเอา LED มาใชเ้ ป็นไฟฟ้าแสงสว่างในชีวติ ประจําวันเพ่ือ ทดแทนหลอดไฟแบบที่มีใช้อยู่ท่ัวไปในปัจจุบัน แต่ทว่าในขณะน้ันก็ติดปัญหาเรื่องการทําให้ LED มี แสงสขี าวเหมอื นหลอดไฟทว่ั ไปไม่ได้
ผ่านมาเกือบ 30 ปีจนกระทั่งในปี 1990 นักวิทยาศาตร์ชาวญี่ปุ่น 3 คนได้ร่วมกันพัฒนาจน สามารถทําให้ LED เปล่งแสงสีนํ้าเงินไดซ้ ่ึงต่อมาก็คือพ้ืนฐานของแสงสีขาวได้สําเร็จ ซง่ึ ตอ่ มาภายหลัง นกั วทิ ยาศาตร์ชาวญี่ปุน่ 3 คนท้งั นไ้ี ดร้ ับการยกย่องและได้รบั รางวัลโนเบลสาขาฟิสกิ ส์ ในปี 2014 ใน ฐานะเป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ทําให้เกิดการปฏิวัติด้านไฟฟ้าแสงสว่างและการใช้พลั งงานทั้งโลก ศตวรรษท่ี 21 Nick Holonyak Jr. ทํางานใน General Electric พัฒนาเทคโนโลยีน้ีต่อในปี 1962 ไดโอดเปล่งแสงแรกที่เปล่งแสงเป็นไฟ LED สีแดง M. George Craford ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโท ของ Holonyak ได้คิดค้น LED สีเหลืองตัวแรกและ LED สีแดงท่ีสว่างกว่า Thomas P. Pearsall พัฒนาไดโอดเปล่งแสงความสวา่ งสงู ในปี 1976 เพอื่ ใช้กับไฟเบอร์ออปติกในการส่ือสารโทรคมนาคม Shuji Nakamura ของ Nichia Corporation ผลิต LED สีน้ําเงินคร้ังแรกในปี 1979 แต่มัน แพงเกนิ ไปสําหรบั การใช้งานเชงิ พาณิชย์จนถึงปี 1994 ตอนนี้ไดโอดเปล่งแสงสามารถผลติ ไดใ้ นสีเดียว หรือหลายสี ในตอนแรกไดโอดเปล่งแสงมีราคาแพงมากๆ ช้ินละ 200 เหรียญสหรัฐ ด้วยเหตุนี้จึงใช้ เปน็ ตัวชี้วัดเฉพาะในอปุ กรณห์ ้องปฏบิ ตั ิการท่ีมีความเชยี่ วชาญสงู Fairchild Semiconductors ประสบความสําเร็จในปี 1970 ในการลดต้นทุนของ LED แต่ ละตัวเหลือเพียงแค่ 5 เซนต์ โดยเปล่ียนกระบวนการผลิตมาเป็นแบบชิปเซมิคอนดักเตอร์สําหรับ ไดโอดเปล่งแสง ด้วยการใช้นวัตกรรมวธิ ีการบรรจุภัณฑแ์ ละกระบวนการผลิตชิปทําให้ Fairchild ผลติ LED สําหรับผลติ ภัณฑเ์ ชงิ พาณชิ ย์ไดส้ าํ เร็จ LED ที่มีแสงสว่างถูกนํามาใช้แทนหลอดไส้และไฟนีออน เนื่องจากมันมีข้อได้เปรียบกว่าใน หลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความสว่างหรือแม้แต่การประหยัดไฟ มันถูกนํามาใช้ใน เคร่ืองคิดเลข นาฬิกา และไฟฉายไฟ นอกจากนี้แอลอีดีอินฟราเรดยังนําไปใช้ในรีโมททีวี ดีวีดี และในอุปกรณ์อื่นๆ ท่ีต้องการการควบคุมแบบไร้สาย ข้อดีของไดโอดเปล่งแสงนั้นมีอยู่มากมาย แต่ก็มีข้อบกพร่องเช่นกนั นนั่ คอื ราคาทแี่ พงกบั ความรอ้ นสงู LED ในปัจจบุ ันและอนาคต ในปัจจุบันหลอด LED เริ่มถูกนํามาใช้อย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้าแสงสว่างทั่วไปหรือ ไฟแสงสว่างรถยนต์ แต่ก็ยังติดปัญหาดา้ นต้นทนุ การผลิตอยู่ (ในขณะนั้น) แต่ในอนาคตอีกไม่นานเม่ือ ต้นทุนในการผลิตหลอดไฟLEDต่ําลงเรื่อยๆ หลอดไฟLED จะถูกนํามาทดแทนหลอดไฟในปัจจุบัน ไม่ ต่างจากการเข้ามาของฟลูออเรสเซนต์ เพ่ือมาทดแทนหลอดไส้เหมือนช่วง30ปีท่ีผ่านมา (ปัจจุบัน 2562 เกดิ ขนึ้ แลว้ )
2.3 หลักการพน้ื ฐานของไฟส่องสวา่ ง LED หลักการทํางานของ LED เม่ือ LED กําลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจําวันของทุกคน อย่างไม่มีทางหลีกเล่ียงได้ ดังนั้นการเข้าใจและรู้หลักการทํางาน LED จึงเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับเรา LED ยอ่ มาจาก Light Emitting Diode L-Light แสง E-Emitting เปลง่ ประกาย D-Diodeไดโอด แปลรวมกัน ก็คอื ไดโอดชนิดเปล่งแสง ไดโอด (Diode) คือ อุปกรณ์ก่ึงตัวนํา (Semi Conductor Device) ที่ให้กระแสไฟฟ้าไหล ผ่านได้ทางเดียว ไดโอดเป็นอุปกรณ์พ้ืนฐานที่สําคัญในวงจรไฟฟ้า มีใช้อยู่ทั่วไปในวงจรอิเลคทรอนิกส์ และวงจรไฟฟ้าเพื่อทําหน้าที่บังคับทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้า ไดโอดโดยท่ัวไปแล้วไม่เปล่งแสง ออกมา มีสัญลักษณ์ทางวงจรคือ ส่วนไดโอดท่ีเปล่งแสงหรือ LED มีสัญลักษณ์ทางวงจร คื อ ต่ า ง กั น นิ ด ห น่ อ ย ต ร ง ท่ี ไ ม่ มี ลู ก ศ ร แ ส ด ง ก า ร เ ป ล่ ง แ ส ง กั บ ไ ม่ มี ประเภทของ LED LED จําแนกออกเป็นประเภทตา่ งๆ ดังน้ี 1. LED แบบดงั้ เดิม กําลงั วตั ตน์ ้อย ขนาดหรือรูปร่างหรอื สีขนึ้ อยกู่ ับพลาสติกที่ใชท้ าํ เปลือก หมุ้ ใช้ทาํ ไฟสัญลักษณใ์ นวงจร ภาพที่ 2.14 LED แบบด้งั เดมิ ทม่ี า https://www.klcbright.com/LEDis.php 2. LED ขนาดเล็กมาก ใช้เทคโนโลยีการเช่ือมเม็ด LED ติดลงไปกับแผงวงจรหรือท่ีเรียกว่า Surface Mounting Technology (SMT) ซ่ึงเป็นวิธีการเดียวกับการประกอบช้ินส่วนอิเลคโทรนิค
และsemi-conductorขนาดเล็ก ในบางคร้ังก็เรียก LED ชนิดน้ีว่า Surface Mounting Device LED หรอื SMD LED ภาพที่ 2.15 LED ขนาดเล็กมากหรือ SMD LED ทม่ี า https://www.klcbright.com/LEDis.php 3. LED กําลังสูง LED กําลังสูง หรือ Hi-power LED เป็น LED ชนิดท่ีให้กําลังสูง ให้ความ สว่างมาก ต้องการกระแสขับสูงถึง 100mA บางรุ่นอาจต้องการกระแสขับถึง 1A ดังนั้นการระบาย ความร้อนสําหรับ LED ชนิดน้ีจึงเป็นสิ่งสําคัญ ถ้าระบายความร้อนไม่ดีอาจจะทําให้พังหรือเสียใน ภายในไมก่ ่ีวินาที LED ชนดิ น้สี ว่ นใหญจ่ ะใชท้ ําอปุ กรณ์ให้แสงสว่างหรือจะเข้ามาทดแทนหลอดไฟท่ีใช้ อยใู่ นปัจจุบัน ภาพที่ 2.16 LED กาํ ลังสงู หรือ Hi-power LED ท่มี า https://www.klcbright.com/LEDis.php การตอ่ วงจร ด้วยภายในไดโอดเปล่งแสงหรือ LED มีค่าความต้านทานอยู่ค่าหน่ึง(Rd) จะทําให้แสงเปล่ง ออกมาได้ต้องมีกระแส (I) ไหลผ่านท่ีมากพอแต่ต้องไม่มากจนเกินไป การควบคุมกระไหลผ่าน LED ใหพ้ อดี เราจึงจาํ เปน็ ตอ้ งทราบคุณสมบัตทิ ส่ี ําคญั 2 อยา่ งของ LED คอื 1. แรงดนั ตกครอ่ มเมื่อมีกระแสไหลผา่ น (Forword Valtage:Vf) 2. กระแสที่ LED ตอ้ งการ (Imax)
สว่ นสิง่ ทเี่ ราตอ้ งคํานวณหาคือ R ภายนอกท่ีมาต่อเพ่ิม เพอ่ื จํากดั กระแส และแรงดันสาํ หรับจ่ายไฟซ่ึง เราทราบอยู่แล้ว วธิ ีการหาค่า R ใชส้ ตู รง่ายๆ กฏของโอหม์ V=IR , V=(Vdc-Vf) ดงั นน้ั R=(Vdc-Vf)/I โอห์ม การต่อวงจรของ LED ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงจ่ายไฟบวกกระแสตรงเข้าท่ีขา อาร์โนด (Anode) หรอื ขาที่ยาวกวา่ และต่อไฟลบเข้ากับขา แคโธด(Cathode)หรือขาสน้ั และตอ่ อนุกรมวงจร ด้วย R ภายนอกทเี่ ราคาํ นวณมาได้ ดงั รูปขา้ งล่าง ภาพที่ 2.17 วงจรการต่อ LED ทมี่ า https://www.klcbright.com/LEDis.php ตัวต้านทานหรือ R ภายนอกที่นํามาใช้จํากัดกระแส เมื่อมีกระแสไหลผ่านก็มีความร้อน เกิดข้ึนเช่นกัน ดังน้ันส่ิงท่ีสําคัญในการออกแบบหลอดไฟ LED อีกอย่างหน่ึงคือการระบายความร้อน และการเลอื กตวั ต้านทานหรอื R ที่ทนความร้อนได้ดี ภาพท่ี 2.18 ตวั อยา่ ง R เพื่อจํากดั กระแสผ่าน LED ทม่ี า https://www.klcbright.com/LEDis.php
การระบายความร้อน โดยหลกั การแลว้ ในไดโอดเปลง่ แสงหรอื LED แบบทัว่ ๆไปจะเปล่งแสงโดยมีความร้อนเกิดขึ้น น้อยมากจนเราสามรถใช้มือเปล่าสัมผัสได้ แต่ใน Hi Power LED หรือ LED กําลังสูง ท่ีให้แสงสว่าง มากๆ มีความร้อนเกิดขึ้นมาก การออกแบบระบบระบายความร้อนจึงมีความสําคัญ อุปกรณ์สําคัญ อยา่ งหน่ึงที่ตอ้ งใส่เพ่ิมเข้ามาในระบบคือแผงระบายความร้อนหรอื ที่เรียกว่าฮีทซิงค์ (Heat Sink) สว่ น ใหญท่ ํามาจาก อลูมเิ นียมซงึ่ มคี ณุ สมบัตคิ ือ หลอมขนึ้ รปู ไดง้ า่ ย นํา้ หนกั เบา และพาความร้อนได้ดี ภาพที่ 2.19 Heat sink แบบต่างๆ ทมี่ า https://www.klcbright.com/LEDis.php ท้ังน้ี การออกแบบฮีทซิงค์ นอกจากจะคํานึงถึงการระบายความรอ้ นแล้ว ยังต้องคํานึงถึง ให้ รูปทรงเป็นตามลักษณะของหลอดไฟอีกด้วย การออกแบบระบบระบายความร้อนที่ดี จะช่วยให้อายุ การใช้งานของ หลอดไฟLED แต่ในทางตรงกันข้ามการออกแบบ heat sink ท่ีไม่ดีย่อมทําให้ความ รอ้ นสะสมในหลอด LED มาก ผลกค็ อื อายุของ LED จะสน้ั ลงและไม่เป็นไปตามผ้ผู ลติ กําหนดไว้นั่นเอง ส่วนประกอบหรือโครงสร้างของ LED องค์ประกอบจะเป็นแบบพื้นฐาน LED ส่วนมากก็จะมี โครงสร้างหลักๆเทา่ นีล้ ่ะครบั อาจมีการเพมิ่ chip ต่อดวงมากเพ่ือเพ่มิ ความสวา่ งหรือเพิม่ chip เพื่อสี ของหลอด และมกี ระท้ังวงจรทส่ี ามารถเพิม่ ลงไปบนชบิ ไดเ้ ลย
ภาพที่ 2.20 ส่วนต่างๆของ LED ทม่ี า http://led-th.blogspot.com/2012/03/led_28.html 1.Lens หรือส่วนที่เปน็ resin ทาํ หน้าทีจ่ าํ กดั ทศิ ทางของแสงใหไ้ ปในองศาที่ตอ้ งการ ภาพท่ี 2.21 Lens หรอื สว่ นท่เี ป็น resin ท่ีมา http://led-th.blogspot.com/2012/03/led_28.html 2.Bond wire สายเช่ือมต่อ นําไฟฟ้าระหว่าง Anode กับ LED Chip ทําจากอลูมิเนียมผสม หรือบางเจา้ ก็ทาํ จาก ทองคาํ ก็มี ภาพท่ี 2.22 Bond wire สายเช่อื มต่อ นําไฟฟา้ ระหวา่ ง Anode กับ LED Chip ที่มา http://led-th.blogspot.com/2012/03/led_28.html
3.Reflector cup แปลบ้านๆ ถ้วยสะท้อน เอาไว้สะท้อนแสงของ Chip LED มักทําเป็นชิ้น เดียวกับ Cathode เป็นเหล็กบ้าง อลูมิเนียม บ้าง บางแบบไม่มีแต่ใช้อย่างอ่ืนในการสะท้อนแทนเช่น heatsink ภาพท่ี 2.23 Reflector cup แปลบ้านๆ ถว้ ยสะท้อน เอาไวส้ ะท้อนแสงของ Chip LED ทม่ี า http://led-th.blogspot.com/2012/03/led_28.html 4.LED chip ก็คือสารก่ึงตัวนํา Pและ N ต่อกัน ทําจากอะไรบ้างให้ดูบทความ การเกิดแสง แสงจะออกมาตามรอยต่อ จึงตอ้ งมี Reflector กระจายแสง ภาพที่ 2.24 ตวั อยา่ ง SMD LED ตัวนี้ มีการเพิ่มวงจร zener diode ตรง submount ทีม่ า http://led-th.blogspot.com/2012/03/led_28.html
ภาพท่ี 2.25 สญั ลกั ษณ์ทางวงจรไดโอดทเ่ี ปล่งแสงหรอื LED ทีม่ า http://supawatledmini.blogspot.com/2017/04/led_0.html ประเภทของหลอดไฟแอลอดี ี วา่ มกี แี่ บบ อะไรบา้ ง เร่ืองของ ไฟ LED หรือ ไดโอดเปล่งแสง ซ่ึงเป็นส่วนที่เปล่งแสงทําให้เรามองเห็นได้เมื่อ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไดโอดเปล่งแสง เช่นเดียวกับ หลอดไฟฟ้าท่ัวไป ที่เราสามารถนํามาใช้เพ่ือให้ ความสว่างในที่ต่างๆ เช่น อาคาร บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย หรือ พ้ืนท่ีต่างๆ ที่เราต้องการแสงสว่างใน บริเวณนั้นๆ และหลอดไฟฟ้า ยังถูกนํามาใช้ในหลากหลายสถานการณ์มาก เพราะสามารถใช้งานได้ ท้ังในร่ม และกลางแจ้ง เรียกได้ว่าถ้าโลกนี้ไม่มี หลอดไฟ ในยามค่ําคืนเราคงจะลําบากน่าดู คงต้อง อาศยั เทยี น หรอื ตะเกียง แบบสมยั โบราณ กนั เลยทเี ดียว ทั้งนี้ต้องขอบคุณท่านผู้นี้ ทอมัส แอลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) ซ่ึงจริงๆ แล้ว “เอดิสัน” ไม่ได้เป็นผู้คิดค้น “หลอดไฟ” แต่เพียงผู้เดียว ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีก 20 คน ที่คิดค้นหลอดไฟข้ึนมา เพียงแต่ ทอมสั เอดสิ ัน เปน็ บุคคลแรกทจี่ ดสทิ ธิบตั รในการประดษิ ฐ์หลอดไฟ จนนํามาทาํ เปน็ ธรุ กิจได้ และปัจจุบัน หลอดไฟแอลอีดี ได้เข้ามาแทนที่ หลอดไฟฟ้าแบบเดิม เช่น หลอดไส้ หลอดนีออน (ฟลูออเรสเซนต์) หรือแม้กระท่ังหลอดที่มีกําลังวัตต์สูง เช่น หลอดเมทัลฮาไลด์ หรือ หลอดฮาโลเจน โดยมาในรูปแบบของ โคม LED เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หลอด LED สามารถนํามาใช้แทนหลอดไฟ แบบเดิมไดเ้ ป็นอยา่ งดี ชนิดของไฟแอลอีดี แอลอีดี (LED) ไดโอดเปล่งแสง ถือเป็นเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์อีกแบบหน่ึง เพราะมัน ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ แล้วเปล่งแสงสว่างออกมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบมานานแล้ว แต่เน่อื งจากแสงท่เี ปล่งออกมาน้อยมาก จึงทาํ ให้ LED ในยคุ นนั้ ไมไ่ ดร้ ับความสนใจเท่าท่ีควร แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาแอลอีดี LED ให้มีประสิทธภาพสูงข้ึนมาก จนสามารถนํามาใช้แทน หลอดไฟสอ่ งสวา่ งแบบเดมิ ได้เป็นอย่างดี แลว้ ไฟแอลอดี ีทว่ี า่ มันเปน็ อยา่ งไร มรี ูปแบบใดบ้าง
ภาพที่ 2.26 การต่อไดโอด ทีม่ า https://www.sangfi.com LED ขนาดเล็ก หรือ เรียกกันว่าเม็ดแอลอีดี เจ้าสิ่งน้ีเราจะพบเห็นได้เป็นประจําในอุปกรณ์ ต่างๆ เช่น รีโมทโทรทัศน์ ไฟแสดงสถานะของทวี ี จอคอมพิวเตอร์ โทรศพั ทม์ ือถือ หรอื แมก้ ระทั้ง ไม้ ตยี งุ ซึง่ จะสงั เกตได้จากอุปกรณใ์ ด หรอื เคร่อื งใช้ไฟฟ้าใด ทม่ี ีไฟแสดงสถานะ ลว้ นแล้วแต่ใชเ้ จา้ LED ขนาดเล็กนี้ในการทํางานท้ังส้ิน เพราะคุณสมบัติในการเปล่งแสงของมันน้ีเอง รวมถึงยังมีขนาดเล็ก และกนิ ไฟนอ้ ยอีกดว้ ย ภาพที่ 2.27 LED ขนาดเล็กมาก ท่มี าhttps://www.sangfi.com LED พลังงานสูง (High Power LED) แอลอีดีชนิดน้ี เป็นผลมาจากความก้าวหน้าในด้าน เทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีความสามารถในการเปล่งแสงที่มีความเข้ม และความสว่างสูงข้ึนมาก ลักษณะของ LED ชนิดนี้จะเป็นแผ่นชิป โดยทั่วไปมักจะมีสีเหลือง มีรูปทรง และขนาดที่แตกต่างกัน และเจ้า “LED พลังงานสูง” นี้หละครับ ที่ในปัจจุบันได้ถูกนํามาผลิตเป็น หลอดไฟ LED และ โคมไฟ LED ที่มีมากมายหลากหลายแบบให้เราเลือกใช้ ซึ่งปัจจุบันไฟแอลอีดี มีประสิทธิภาพสูงข้ึนมาก แถม ยังราคาถูกลงด้วย ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าลงได้เป็นอย่างดี แต่เราควรเลือกใช้แอลอีดีท่ีได้ มาตรฐาน มอก. นะครบั เพอ่ื ความปลอดภัยในชีวติ และทรพั ยส์ นิ
ชนิดของแอลอีดี (LED) หลักๆ แล้วจะมีอยู่ 2 ประเภทข้างต้นท่ีเราสามารถนํามาใช้แทนหลอดไฟ แบบเดิมได้ นอกน้ันจะเป็นไฟแอลอีดี ท่ีใช้กับเคร่ืองจักร และ ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้ในการ เพาะปลูกพชื ต่างๆ ซงึ่ เปน็ แอลอีดีชนดิ พิเศษท่ผี ลติ ขน้ึ มาเฉพาะงานเท่านนั้ ประเภทของ หลอดไฟแอลอดี ี หลอดไฟแอลอีดี ปจั จุบันพบว่าถูกนาํ มาใชแ้ ทนหลอดไฟแบบด้งั เดิมกนั อย่างแพร่หลาย และประเภทที่ นยิ มนํามาติดตงั้ ใน บา้ น อาคาร โรงแรม และ โรงงานอุตสาหกรรม หลกั ๆ แลว้ จะมีอยู่ 2 ชนิด ดงั น้ี ภาพท่ี 2.28 หลอดไฟ LED BULB ท่มี า https://www.sangfi.com หลอดไฟ LED BULB: หลอดแอลอีดี BULB (กระเปาะ) ได้ถูกนํามาใช้แทนหลอดไส้ (Incandescent) หรือหลอดตะเกียบ (ฟลูออเรสเซนต์) เป็นที่นิยมเป็นอยา่ งมาก ท้ังน้ีเนื่องจากหลอด แอลอีดีทรง BULB ปัจจุบันราคาถูกลงมาก และมีให้เลือกได้หลากหลายขนาดวัตต์ รูปทรงหลอด สวยงาม และท่ีสําคญั ยังช่วยลดความร้อนที่มาจากตวั หลอดได้เปน็ อย่างดี เรยี กไดว้ ่าประหยัดทง้ั ค่าไฟ และอุณหภมู ภิ ายในบา้ นกล็ ดลงด้วย ภาพที่ 2.29 หลอดไฟ LED TUBE ทม่ี า https://www.sangfi.com
หลอดไฟ LED TUBE: สําหรับหลอดแอลอดี ี TUBE (ทรงยาว) ได้ถกู นํามาใช้แทนหลอดนีออน หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์ T5 และ T8 ซ่ึงปัจจุบันได้รับความสนใจอย่างมากเชน่ กัน โดยเฉพาะกลุ่ม ธุรกิจ องค์กร ห้างสรรพสินค้า หรือ โรงงานอุตสาหกรรม ต่างๆ ท่ีต้องการลดค่าใช้จ่ายลง จากการที่ ของเดิมใช้เป็นหลอดนีออน 18W หรือ 36W โดยใช้เป็นจํานวนมาก ซึ่งหากเปลี่ยนมาใช้ หลอดไฟ LED TUBE ทั้งหมดจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าลงได้อย่างมากเลยทีเดียว เป็นการเพ่ิมศักยภาพในการ แขง่ ขนั ของธุรกิจได้เป็นอย่างดี จากประเภทของหลอดแอลดีข้างต้น ปัจจุบัน ไฟแอลอีดี ยังพัฒนาไปเป็นรูปทรงต่างๆ ตาม หลอดไฟแบบเดิม และไดเ้ พิ่มมากขนึ้ เรื่อยๆ เพือ่ ให้สามารถทดแทนหลอดไฟฟ้าดั่งเดมิ ได้ทัง้ หมด อาทิ เช่น หลอดทรงปิงปอง หลอดทรงจําปา หลอดทรงพาร์ หลอดทรงตะเกยี บ เปน็ ตน้ ภาพท่ี 2.30 หลอดไฟแบบต่างๆ ท่มี า https://www.sangfi.com ขว้ั หลอดไฟมีก่แี บบ ขวั้ หลอดไฟ มีอะไรบา้ งลองมาดูกันครบั โดยหลักๆ แล้วขั้วหลอดไฟจะมที ่ใี ช้กนั โดยทว่ั ไปไม่ก่ี ประเภทเท่านั้น แต่ยังมีขั้วหลอดไฟ ท่ีใช้สําหรับหลอดพิเศษต่างๆ เช่น หลอดในเครื่องจักรกล หลอด เคร่ืองมือแพทย์ หลอดสําหรับฆ่าเช้ือ เป็นต้น แต่ในที่น้ีเราจะมาแนะนําในสว่ นของ ขั้วหลอดไฟ ที่เรา ใช้กนั ท่วั ไป และพบเห็นไดบ้ อ่ ยๆ ขัว้ แบบเกลียว ขัว้ E14 : หรือท่ีเรยี กกนั ว่า “ข้ัวเลก็ ” แตย่ งั มีอกี ขนาดคือ ขว้ั E12 ซึง่ พบไมม่ ากนัก โดยมาก เป็นหลอดเฉพาะรุ่นเท่าน้ัน สําหรับขั้วหลอดไฟ E14 น้ันนิยมใช้กับหลอดรูปทรงจําปา หรือ ทรงกระบอกเล็ก โดยแต่เดิมหลอดทรงจําปาน้ันจะเป็นแบบหลอดไส้ เวลาเปิดใช้งานไปสักพัก ตัว หลอดจะมีความร้อนสูงมาก ประมาณว่าหากเผลอไปจับเข้า อาจจะมือพองได้เลยครับ ข่าวดีก็คือ ปัจจบุ นั หลอดแอลอดี ีได้พัฒนาจนมหี ลอดสาํ หรบั ขัว้ E14 ได้แลว้ โดยมีรูปทรงเหมอื นกับหลอดไส้เดิม เช่น ทรงจาํ ปา หรือ ทรงเปลวเทียน ซ่ึงเมอื่ เปิดไฟแล้วหลอดจะไม่ร้อน ชว่ ยลดความร้อนลงไปได้เยอะ เลยทีเดยี ว
ข้ัว E27 : เป็นขั้วหลอดไฟ ที่พบเห็นกันได้มากท่ีสุด เพราะนิยมใช้กับหลอดไฟแบบต่างๆ ได้ หลากหลาย เร่ิมแรกเดิมที ข้ัว E27 จะนํามาใช้กับหลอดไส้ทรงน้ําเต้า หรือ ทรงอินแคน ซึ่งย่อมาจาก Incandescent และ ทรงปิงปอง ต่อมาได้พัฒนามาใช้ในหลอดประหยัดไฟแบบแท่ง หรือ เรียกอีก อย่างนึงว่า หลอดตะเกียบ และในปัจจุบันน้ีหลอดแอลอีดี ก็ได้ผลิตออกมาตอบสนองผู้ใช้อย่าง ครบถว้ น โดยทรงทนี่ ยิ ม คอื ทรงน้ําเต้า หรือ LED BULB ข้ัว E40 : ข้ัวหลอดไฟ E40 เป็นข้ัวหลอดเกลียวเหมือนกันกับ ข้ัว E27 แต่มีขนาดใหญ่กว่า สําหรับข้ัวหลอดไฟ E40 นั้น นิยมใช้กับหลอดท่ีมีกําลังวัตต์สงู ๆ เพ่ือรองรับขนาดของหลอดท่ีใหญข่ ึ้น โดยทั่วไปจะใช้กับหลอด “High Watt” ท่ีมีกําลังวัตต์มากกว่า 40w ข้ึนไป ซ่ึงเราจะพบเห็นได้มากใน โคมฟลัดไลท์ หรือ โคมสปอรต์ ไลท์ หลอดเมทัลฮาไลด์ และ หลอดไฮเพรสเชอรโ์ ซเดยี ม ทรงกระบอก ส่วนหลอดทรงโบว์ลิ่งจะใช้สําหรับโคมฝาชี หรือ เรียกกันว่า โคมไฮเบย์ หรือ โคมโลว์เบย์ ท้ังนี้หลอด ดังกล่าวจะต้องใช้ควบคู่กับ บัลลาสต์ และ อิกไนเตอร์ ในการทําให้หลอดติด ซ่ึงเป็นการสิ้นเปลือง อย่างมาก อีกท้ังหลอดยังมีความร้อนสูงมาก จนอู่ซ่อมสีรถนํามาใช้ในการอบสีให้แห้งเร็วขึ้น ปัจจุบัน เทคโนโลยี LED ได้พัฒนามาเป็น โคมไฟสปอร์ตไลท์ LED (โคมฟลัดไลท์) ซ่ึงมีคุณภาพเทียบเท่ากับ โคมวตั ตส์ ูงแบบเดิม ติดตง้ั ง่าย น้าํ หนกั เบา และไมต่ ้องใช้อปุ กรณ์ต่อพว่ งใดๆ เลย ข้วั แบบเขี้ยว ข้วั G13 : ก็คอื ขั้วหลอดไฟนีออนน้ันเอง โดยจะนาํ มาใชก้ บั หลอดนอี อน T8 (ฟลอู อเรสเซนต์) ขนาดวัตต์ 18w (หลอดสั้น) และ 36w (หลอดยาว) ซ่ึงหลอดนีออนเดิมน้ันต้องใช้ควบคู่กับ บัลลาสต์ และ สตาร์ทเตอร์ เพื่อทําให้หลอดติด หรือ ใช้กับ บัลลาสต์อิเล็คทรอนิกส์อย่างเดียวก็ได้เหมือนกัน และปัจจุบันหลอดแอลอีดีได้มีการผลิตข้ึนเพื่อใช้แทนหลอดนีออนเดิมแล้ว โดยมีช่ือเรียกว่าหลอด LED TUBE ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟลงได้มากเลยทีเดียว ติดตั้งก็ง่าย ไม่ต้องใช้ และ ให้ความสว่าง มากกวา่ และความร้อนต่าํ กว่าอีกด้วย ข้ัว GU10 : หรือเรียกอีกช่ือนึงว่า ขั้วขาสตาร์ทเตอร์ ลักษณะจะเหมือนกับข้ัวสตาร์ทเตอร์ คอื มีขาบดิ ล็อคได้ ซ่งึ ขวั้ GU10 เรามกั จะพบเห็นในหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย MR16 ซ่งึ หลอดดังกลา่ ว นิยมนํามาใช้กับโคมไฟติดราง ซึ่งต้องติดตั้งในลักษณะส่องลง ทําให้มีโอกาสท่ีหลอดจะหลุดออกจาก ตัวโคมได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมจึงต้องใช้ขั้ว GU10 กับหลอดไฟบางประเภทน้ันเองครับ ปัจจุบัน หลอดแอลอดี กี ไ็ ด้มกี ารผลิตมาในขัว้ หลอด GU10 นด้ี ้วยเหมือนกนั เพือ่ ตอบสนองผู้ใชท้ ีย่ ังมีโคมไฟขั้ว GU10 อยดู่ ้วย ข้ัว GU5.3 : สําหรับข้ัว GU5.3 นั้น นิยมนํามาใช้กับหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย และ ฮาโลเจน แบบแคปซลู ซึ่งลกั ษณะข้ัวจะเปน็ เหล็กแหลมสั้นๆ 2 แท่งท่ีตัวขวั้ หลอด โดยตวั เลข 5.3 คอื ระยะหา่ ง ของแทง่ เหล็กทง้ั 2 แท่ง น้ังเองครบั (หนว่ ยเป็นมลิ ลิเมตร) และยังมขี ัว้ GU4 ซ่ึงระยะหา่ งระหว่างแท่ง เหล็กจะแคบกวา่ ข้ัว GU5.3 เล็กน้อย
จากข้างต้นจะเป็นขั้วหลอดไฟ ท่ีพบเห็นกันได้บ่อยๆ และมีใช้กันอยู่ในชีวิตประจําวัน นอกเหนอื จากนี้จะเปน็ ขัว้ สําหรับหลอดประเภทต่างๆ ซง่ึ เราไมค่ อ่ ยได้ใชก้ นั สักเท่าไรครับ ดงั น้นั จงึ ขอ นําเสนอชนิดของ ขว้ั หลอดไฟ พน้ื ฐานของหลอดไฟแอลอดี ี อายกุ ารใช้งานของหลอดไฟแอลอดี ี มกี ารกําหนดทีแ่ ตกตา่ งกว่าหลอดไฟแบบเดมิ เชน่ หลอด ไส้ หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์ คือ หลอดแอลอีดี จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก สูงสุดถึง 50,000 ชว่ั โมงเลยทเี ดียว นนั้ เป็นเพราะ หลอดไฟ LED มคี วามร้อนน้อยกว่า จงึ ทาํ ใหห้ ลอดแอลอีดีมี อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับมาตรฐานการผลิตของแต่ละแบรนด์ด้วยว่าเลือกใช้ แอลอดี ีที่มีคณุ ภาพมากน้อยแค่ไหน แต่แอลอดี กี ็ยังคงเหมือนหลอดไฟแบบเดิมตรงที่ เมื่อเราเปิดใช้ไป นานๆ ค่าของลเู มน หรือ ค่าความสวา่ งจะคอ่ ยๆ ลดลงไปตามอายุการใชง้ าน ซงึ่ กไ็ ม่ได้แตกตา่ งไปจาก หลอดไฟแบบเดมิ ท่มี กี ารเส่อื มค่าของลูเมนลงตามอายุการใช้งานเชน่ เดียวกัน ตรงนีเ้ ปน็ เรื่องของวัตถุ ที่มีการเสือ่ มไปตามกาลเวลา ซ่งึ ถอื เป็นเร่ืองปกตมิ ากๆ ครับ ความรอ้ นของไฟแอลอีดี ไฟแอลอีดจี ะไม่แผ่ความร้อน เหมือนหลอดไส้เดิมที่แผ่ความร้อนออกมาทางไสห้ ลอดโดยตรง เช่นเดียวกันกับหลอดไฟฮาโลเจนซ่ึงมีความร้อนสูง โดยระบบของหลอดแอลอีดีที่มีคุณภาพ จะมีการ ระบายความร้อนออกจากตัวหลอด ผ่านทางช่องระบายความรอ้ นที่ถูกออกแบบมาเพ่ือช่วยในการดูด ซับความร้อนจากตัวหลอด โดยมากมักจะผลิตจากอลูมิเนียม ซ่ึงปัจจุบันเทคโนโลยีแอลอีดี สามารถ จัดการกับความร้อนของแอลอีดีได้เป็นอย่างดี ทําให้หลอดแอลอีดี และ โคมไฟแอลอีดี มีอายุการใช้ งานทีย่ าวนานข้ึนกว่าเดิม ใหค้ วามสว่างมากข้ึน แตก่ ินไฟน้อยลง จงึ ไมต่ ้องสงสัยเลยว่าวันนี้เราควรใส่ ใจหันมาช่วยกัน เปลี่ยนมาใช้ไฟแอลอีดีกันให้มาก้ข้ึน ทั้งนี้ท้ังน้ันเพ่ือช่วยลดความร้อนโดยรวม และ ช่วยลดขยะท่ีเกิดจากการท้ิงหลอดไฟแบบเดิมซึ่งมีปริมาณมากในแต่ละวัน และยังเป็นขยะมีพิษอีก ตา่ งหาก หลอดไฟแอลอดี ี (LED) ถอื เป็นเทคโนโลยีการสอ่ งสว่างที่มปี ระสิทธภิ าพและมีศักยภาพสูงสุด ในปัจจุบัน ซ่ึงอนาคตหากทุกท่านร่วมกันเปล่ียนจากหลอดไฟเดิม มาใช้หลอดไฟแอลอีดี กันทุกบ้าน ทุกภาคส่วน ลองคิดดูสิครับว่าประเทศเรา จะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว ซึ่งช่วยชาติประหยัดงบประมาณในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมากมายมหาศาล ซ่ึงปัจจุบัน การ ไฟฟ้านครหลวง และ กระทรวงพลังงาน รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็ได้รณรงค์เชิญชวนผู้คนให้ เปลี่ยนมาใช้แอลอีดี กันอย่างต่อเน่ือง จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่เราจะยังคงใช้หลอดไฟแบบเก่าอยู่อีก เปลี่ยนเถอะครับ หากหลอดไฟดวงเดิมของทา่ นเสีย หวังว่าทา่ นจะเลือกซ้ือหลอดไฟแอลอดี ีมาเปล่ียน ใช้แทนหลอดเดิม
2.4 มาตรฐานเกี่ยวข้องกบั สมรรถนะทางแสง มาตรฐานเกี่ยวข้องกับสมรรถนะทางแสง โดยตรงในการพิจารณาการหนด ระดับใช้หลักการ ส่องสว่างของถนน (Lighting classes) การจําแนกโคม ไฟถนนตามสมรรถนะทางแสงและวิธีการ คํานวณค่าสมรรถนะด้านความสว่างค่าความส่องสว่าง และค่าที่เก่ียวขอ้งเกณฑ์สมรรถนะการส่อง สว่างไฟถนน เป็นเรื่องสําคัญมากสําหรับประสิทธิภาพ และการประหยัดพลังงาน ในการออกแบบไฟ ถนน ผู้ออกแบบได้คํานึงถึงสมรรถนะด้านความ สว่าง ใช้ค่าความสว่าง(Illuminance) และความสมา่ํ เสมอของความสว่างเป็นเกณฑ์ในการออกแบบ ต่อมาได้ปรับเปล่ียนไปใช้ค่าความส่องสว่าง (Luminance) ความสม่ําเสมอรวมของความส่องสว่าง และความสมํ่าเสมอในแต่ละช่องทางว่ิงของ ความส่องสว่าง ตลอดจนปัจจัยท่ีก่อให้เกิดความจ้าตา (Glare) เป็นเกณฑ์ในการออกแบบ การใช้ค่า ความส่องสว่างนี้ได้รวมปัจจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติการ สะท้อนแสงของผิวถนนชนิดต่าง ๆ เข้าไปด้วย การออกแบบไฟถนนในยุคปัจจุบันนอกจากจะต้องคํานึงถึงสมรรถนะด้านความส่องสว่างแล้วยังต้อง คํา นึงถึงประสิทธิภาพทางพลังงาน (Energy efficiency) ของระบบด้วย ทั้งน้ีเพ่ือให้เกิดการใช้ พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสงู สดุ และช่วยลด ผลกระทบด้านส่ิงแวดลอ้ มดว้ ย 2.5 แนวคิดการทาการทาชดุ หลอดไฟส่องสวา่ ง ได้ความคิดมาจากโคมไฟในบ้านและไฟประดับ จึงต้องการจะพัฒนาให้ขอบเขตการใช้งาน กว้างข้ึนมคี วามสว่างมากข้นึ และไมต่ อ้ งทําแบบไฟหลกั ให้ยงุ่ ยากทาํ แบบใชส้ ะดวกใช้งา่ ย ภาพที่ 2.31 แนวคิดของโปรเจค ท่ีมา https://compare-price.thairath.co.th/s
ภาพที่ 2.32 แนวคิดของโปรเจค ทมี่ า https://www.ltledlighting.com/product ภาพที่ 2.33 แนวคดิ ของโปรเจค ท่ีมา https://www.google.com/imgres?imgurl=https://990bulb.com/wp- content/uploads ภาพท่ี 2.34 สง่ิ คาดวา่ จะเป็นเมื่อสาํ เรจ็
ภาพที่ 2.35 ส่งิ คาดว่าจะเป็นเมื่อสาํ เรจ็
1
31 บทท่ี 3 วิธกี ารดาเนนิ งาน วิธีดาเนินการวิจัย มีลาดับขั้นตอนการดาเนนิ งาน 3.1 การดาเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 3.2 ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 3.3 ขัน้ ตอนการดาเนนิ การสรา้ ง 3.4 การดาเนินการทดลอง 3.5 สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 3.6 การวิเคราะหข์ ้อมูล 3.1 การดาเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 3.1.1 ศกึ ษาจากเอกสาร ตารา เวบ็ ไซต์ ทีม่ เี อหาข้อมลู ท่เี ก่ียวข้องในการทาชดุ ไฟส่องสวา่ ง LED เพื่อนามาประยกุ ต์ใชก้ ับชุดจาลองไดม้ ีประสทิ ธิภาพ 3.1.2 กาหนดขอบเขตความพึงพอใจท่จี ะประเมนิ ประสทิ ธิภาพ 3.1.3 ตารางแบบสอบถาม 3.1.4 นาแบบสอบถามเสนอใหผ้ ูท้ รงคุณวุฒิ จานวน 5 ทา่ น เพื่อตรวจสอบขอบเขตเน้ือหา 3.1.5 นาแบบสอบถามผา่ นการพจิ ารณาแล้วมาปรับปรุงแกไ้ ข เพอ่ื ให้ได้แบบสอบถามท่ี สมบูรณ์นาไปใชเ้ ปน็ เครอ่ื งเก็บรวบรวมข้อมูล 3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 3.2.1 ประชากรทใี่ ช้ในการทดลองครัง้ น้ี ได้แก่ ผูเ้ ช่ยี วชาญ ซ่งึ เปนอาจารยผ์ สู้ อนในแผนก วิชาช่างไฟฟา้ กาลงั วิทยาลัยเทคนิคเพชรบรู ณ์ จานวน 5 ท่าน
Search