๕๑ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๑๘ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านพระบรมราโชวาทต่อไปน้ีแลว้ เขียนเคร่ืองหมาย หนา้ ขอ้ ความ ที่ตรงกบั พระบรมราโชวาทและเขียนเคร่ืองหมาย X หนา้ ขอ้ ความที่ไม่ตรงกบั พระบรมราโชวาท (๑๐ คะแนน)
๕๒ ตวั อยา่ ง ความสามคั คีเป็นคุณธรรมท่ีสาํ คญั ๑. ถา้ ทาํ งานร่วมกนั แลว้ ขดั แยง้ กนั งานกจ็ ะสาํ เร็จดว้ ยดี ๒. การทาํ งานร่วมกนั ตอ้ งเช่ือฟังผนู้ าํ แต่เพียงผเู้ ดียว ๓. พระบรมราโชวาทน้ีกล่าวเมื่อวนั ท่ี ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๐ ๔. การอยรู่ ่วมกนั ตอ้ งยดึ ความคิดเห็นของตวั เองเป็นใหญ่ ๕. การทาํ งานตอ้ งใชค้ วามสามารถและความคิดสร้างสรรค์ ๖. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดชเป็นผกู้ ล่าว พระบรมราโชวาทน้ี ๗. ถา้ แต่ละฝ่ ายทาํ งานร่วมกนั ดว้ ยความต้งั ใจงานจะสาํ เร็จ อยา่ งสมบูรณ์ ๘. การมีความสามคั คีกนั จะทาํ ใหง้ านสาํ เร็จดว้ ยดี ๙. การอยรู่ ่วมกนั ตอ้ งถนอมรักษาน้าํ ใจกนั ๑๐. ผนู้ าํ จะตอ้ งเลือกเฉพาะคนเก่งมาร่วมงานเท่าน้นั
๕๓ แบบฝึ กทกั ษะท่ี ๑๙ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านพระบรมราโชวาทต่อไปน้ีแลว้ เติมขอ้ ความลงในช่องวา่ ง ใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน)
๕๔ คุณสมบตั ทิ ่ีจาเป็ นสาหรับทุกคน ตวั อยา่ ง ความละอายต่อความชว่ั ๑. _________________________________________ ๒._________________________________________ ๓. _________________________________________ ๔. _________________________________________ ๕. _________________________________________ ๖. _________________________________________ ๗. _________________________________________ ๘. _________________________________________ ๙. _________________________________________ ๑๐._________________________________________
๕๕ แบบฝึ กทกั ษะท่ี ๒๐ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านพระบรมราโชวาทต่อไปน้ีแลว้ เติมขอ้ มูลลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน)
๕๖ ๑. พระบรมราโชวาทนี้ ...................................................................... กล่าวถงึ ๑.................................................................. ๒. สิ่งสาคญั ในการปฏบิ ตั ิ ๒................................................................ หน้าทขี่ องข้าราชการ ๓................................................................ ๔................................................................ ๕................................................................ ๓. การปฏบิ ัตงิ านของ ๑.................................................................. ข้าราชการมผี ลเกยี่ วเนื่องถึง ๒................................................................ ๔. พระบรมราโชวาทนี้ ................................................................... ทรงพระราชทานแก่ ................................................................... ๕. พระบรมราโชวาทนี้ ทรงพระราชทานเน่ือง ในโอกาส
๕๗ แบบฝึ กทักษะที่ ๒๑ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านพระบรมราโชวาทต่อไปน้ีแลว้ ตอบคาํ ถามใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน)
๕๘ ๑. พระบรมราโชวาทมีเน้ือหาเก่ียวกบั เรื่องอะไร ตอบ.................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ๒. เพราะเหตุใดอนาคตของชาติจึงข้ึนอยกู่ บั เดก็ ตอบ.................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ๓. ส่ิงใดที่ควรอบรมบ่มนิสัยใหก้ บั เดก็ ตอบ................................................................................................................................. .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... ๔. เมื่อเดก็ เติบโตแลว้ เป็นพลเมืองที่ดีจะส่งผลต่อชาติอยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................. .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... ๕. จุดมุ่งหมายสาํ คญั ของพระบรมราโชวาทน้ีคืออะไร ตอบ................................................................................................................................. .......................................................................................................................... ..........................................................................................................................
๕๙ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๒๒ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านพระบรมราโชวาทต่อไปน้ีแลว้ ตอบคาํ ถามใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน)
๖๐ ๑. พระบรมราโชวาทน้ีกล่าวถึงเรื่องใด ตอบ................................................................................................................................. .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... ๒. การทาํ งานใหส้ าํ เร็จข้ึนอยกู่ บั ความสามารถดา้ นใดบา้ ง ตอบ................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ๓. ส่ิงจาํ เป็นที่จะทาํ ใหง้ านบรรลุจุดมุ่งหมายมีอะไรบา้ ง ตอบ.................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ๔. จุดมุ่งหมายสาํ คญั ของพระบรมราโชวาทน้ีคืออะไร ตอบ.................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ๕. นกั เรียนจะนาํ พระบรมราโชวาทน้ีไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั อยา่ งไรบา้ ง ตอบ................................................................................................................................. .......................................................................................................................... ..........................................................................................................................
๖๑ แบบฝึ กทกั ษะท่ี ๒๓ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอ่านพระบรมราโชวาทต่อไปน้ีแลว้ เลือกคาํ ตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุด (๑๐ คะแนน) อ่านพระบรมราโชวาทต่อไปนีแ้ ล้วตอบคาถามข้อ ๑ – ๕ ๑. พระบรมราโชวาทน้ีกล่าวถึงเร่ืองใด ก. การรู้จกั ประมาณตน ข. การใชช้ ีวติ อยา่ งพอเพยี ง ค. การศึกษาหาความรู้ดว้ ยตนเอง ง. การรู้จกั พอใจในส่ิงที่ตนเองมีอยู่ ๒. ขอ้ ใดเป็นการรู้จกั ประมาณตน ก. รู้จกั ศึกษาและแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง ข. รู้จกั ภูมิปัญญาและความสามารถของผอู้ ่ืน ค. รู้จกั ภูมิปัญญาและความสามารถของตนเอง ง. รู้จกั เลือกสิ่งท่ีตนเองอยากได้ อยากมีในอนาคต
๖๒ ๓. การรู้จกั ประมาณตนส่งผลดีอยา่ งไร ก. ทาํ ใหร้ ่าํ รวย ข. ทาํ ใหไ้ ดร้ ับความรู้เพ่ิมเติม ค. ทาํ ใหเ้ ป็นที่รักของคนทวั่ ไป ง. ทาํ ใหใ้ ชค้ วามรู้ ความสามารถไดเ้ หมาะสมกบั งาน ๔. พระบรมราโชวาทน้ีกล่าวไวท้ ี่ไหน ก. พิธีพระราชทานปริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ข. พธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ค. พิธีพระราชทานปริญญาบตั รของจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ง. พิธีพระราชทานปริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช ๕. พระบรมราโชวาทน้ีกล่าวไวเ้ ม่ือไร ก. วนั ที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ข. วนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ค. วนั ที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ง. วนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ อ่านพระบรมราโชวาทต่อไปนีแ้ ล้วตอบคาถามข้อ ๖ – ๑๐
๖๓ ๖. เหตุใดงานดา้ นการศึกษาจึงสาํ คญั ที่สุด ก. เพราะการศกึ ษาทาํ ใหช้ าติไทยเจริญ ข. เพราะการศกึ ษาทาํ ใหค้ นไทยมีน้าํ ใจ ค. เพราะการศกึ ษาทาํ ใหค้ นไทยมีความสามคั คีกนั ง. เพราะการศกึ ษาทาํ ใหค้ นไทยกตญั ํูต่อผมู้ ีพระคุณ ๗. ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองไดส้ ิ่งใดสาํ คญั ที่สุด ก. เทคโนโลยที ่ีทนั สมยั ข. การศึกษาของคนในชาติ ค. ความร่าํ รวยของคนในชาติ ง. การมีคุณธรรมของคนในชาติ ๘. ขอ้ ใดเป็นวธิ ีการแกไ้ ขปัญหาดา้ นการศึกษา ก. จดั การศึกษาใหเ้ ขม้ แขง็ ยง่ิ ข้ึน ข. จดั การศกึ ษาใหเ้ หมาะสมกบั ทอ้ งถ่ิน ค. จดั การศกึ ษาใหผ้ สู้ ูงอายทุ ุกคนในชาติ ง. จดั การศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ ๙. บุคคลในขอ้ ใดเป็นผกู้ ล่าวพระบรมราโชวาทน้ี ก. นายกรัฐมนตรี ข. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เชียงใหม่ ค. สมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ง. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ๑๐. พระบรมราโชวาทน้ีกล่าวถึงเรื่องใด ก. การจดั การศึกษาของชาติ ข. การมีความรักสามคั คีกนั ในชาติ ค. การรู้จกั มีน้าํ ใจ เอ้ือเฟ้ื อเผอื่ แผก่ นั ในชาติ ง. การยอมรับฟังความคิดเห็นของคนในชาติ
๖๔ ใบความรู้ การอ่านจบั ใจความสารคดี การอ่านจับใจความสาคญั หมายถึง การอ่านเพือ่ คน้ หาความคิดสาํ คญั หรือสาระสาํ คญั ของเรื่องที่ ผเู้ ขียนมุ่งเสนอใหผ้ อู้ ่านทราบ ใจความสาคญั หมายถึง ขอ้ ความที่มีสาระคลุมขอ้ ความอ่ืนๆ ในยอ่ หนา้ หรือเร่ืองน้นั ท้งั หมด (ท่ีจะทาํ ใหผ้ อู้ ่านสามารถเขา้ ใจเรื่องไดง้ ่าย) โดยมีขอ้ ความ อ่ืนๆ เป็นเพียงส่วนขยายใจความสาํ คญั เท่าน้นั ขอ้ ความหน่ึงหรือตอนหน่ึงจะมี ใจความสาํ คญั เพียงหน่ึงเดียว นอกน้นั เป็นใจความสาํ คญั รองลงไป สารคดี สารคดี หมายถึง งานเขียนร้อยแกว้ ประเภทหน่ึ งที่เสนอเร่ื องราวของบุคคล สถานท่ีหรื อเหตุการณ์เก่ียวกับความรู้ ขอ้ เทจ็ จริง โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือใหค้ วามรู้ และขอ้ เทจ็ จริงเป็นสาํ คญั นอกจากน้ียงั ทาํ ให้ผูอ้ ่านเกิดคุณค่าทางปัญญาและได้รับ ความเพลิดเพลินไปในขณะเดียวกนั กลวิธี ก า ร เ ขี ย น ที่ เ ร้ า ค ว า ม ส น ใ จ แ ล ะ ก า ร ใ ช้ สาํ นวนที่ชวนอ่าน
๖๕ ประเภทของสารคดี แบ่งตามวธิ ีเขียน มี ๓ ประเภท คือ สารคดีประเภทความเรียง สารคดีประเภทเร่ืองเล่า และสารคดีประเภทรวบรวม ๑. สารคดปี ระเภทความเรียง เป็นงานเขียนเรียบเรียงเร่ืองราวที่เป็นความรู้ และความเขา้ ใจ แก่ผอู้ ่าน ใชภ้ าษาเขียนที่สละสลวย เป็นภาษาแบบแผน มี ๒ ลกั ษณะ คือ สารคดีความเรียงเชิงประวตั ิศาสตร์ และสารคดีความเรียงพรรณนา ๒. สารคดปี ระเภทเรื่องเล่า เป็นงานเขียนที่มีรูปแบบเชิงถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ เร่ืองส่วนตวั ของ ผเู้ขียน ท้งั ที่ไดท้ าํ กิจกรรมต่างๆ มีอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิด และไดร้ ับ ประสบการณ์ใหม่ๆ นาํ มาเขียนเล่าเป็นเร่ืองขนาดยาว มี ๒ ลกั ษณะ คือ สารคดีประเภทบนั ทึก และสารคดีประเภทจดหมาย ๓. สารคดีประเภทรวบรวม เป็นหนงั สือท่ีรวบรวมงานเขียนที่มีเร่ืองราวเฉพาะเรื่อง ส่วนใหญ่ เป็นเร่ืองของความรู้ที่ผเู้ ขียนเช่ียวชาญ หรือท่ีมีประสบการณ์ตรง เช่น สารคดี ๕ นาทีกบั ศลิ ปะไทย มีเน้ือหาเกี่ยวกบั ศิลปะไทย เป็นตน้ มี ๒ ลกั ษณะ คือ สารคดีประเภท โนม้ นา้ วใจ และสารคดีประเภท การขอร้องวงิ วอน
๖๖ หลกั ในการอ่านจบั ใจความสารคดี ๑. อ่านผา่ นๆ ใหร้ ู้วา่ เร่ืองน้นั วา่ ดว้ ยเรื่องอะไร จุดใดเป็น จุดสาํ คญั ของเรื่อง ๒.อ่านเพอ่ื พิจารณาขอ้ ความสาํ คญั เป็นรายยอ่ หนา้ โดยอาจ สงั เกตไดจ้ ากคาํ หรือประโยคที่กล่าวซ้าํ กนั หรือสอดคลอ้ งกนั ซ่ึงปรากฏอยใู่ นแต่ละยอ่ หนา้ ๓. ถาม - ตอบคาํ ถามส้ันๆ เก่ียวกบั ใจความสาํ คญั ของเร่ือง ในแต่ละยอ่ หนา้ ๔. เชื่อมโยงความคิดสาํ คญั ของแต่ละยอ่ หนา้ เขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื จบั ใจความสาํ คญั ๕. เรียบเรียงใจความสาํ คญั ดว้ ยภาษาของตนเอง ที่เห็นวา่ จะทาํ ใหเ้ ขา้ ใจเรื่องไดถ้ ูกตอ้ ง ๖. วเิ คราะหค์ วามน่าเช่ือถือของขอ้ มูลวา่ ถูกตอ้ งเพียงใด รวมท้งั วเิ คราะหเ์ จตนาและจุดประสงคใ์ นการเขียนสารคดี ของผเู้ ขียนดว้ ย
๖๗ แบบฝึ กทกั ษะท่ี ๒๔ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านสารคดีเร่ือง “ตุ่น” แลว้ เขียนเคร่ืองหมาย หนา้ ขอ้ ความที่ ตรงกบั สารคดี และเขียนเคร่ืองหมาย X หนา้ ขอ้ ความท่ีไม่ตรงกบั สารคดี (๑๐ คะแนน) ตุ่น ตุ่นมีลกั ษณะคลา้ ยหนูตะเภาตวั อว้ นๆ ซ่ึงเป็นสัตวใ์ นอนั ดบั สัตวฟ์ ันแทะ แต่ทวา่ ตุ่นมีอนั ดบั แยกออกมาเองต่างหาก ซ่ึงใกลเ้ คียงกบั หนูผมี ากกวา่ มีขนอ่อนนุ่ม สีคล้าํ อยา่ งสีเทาหรือสีดาํ ตลอดท้งั ลาํ ตวั ซ่ึงขนน้ีมีคุณลกั ษณะพิเศษที่สามารถบิดไป ในทิศทางใดกไ็ ด้ แตกต่างจากสตั วป์ ระเภทอ่ืนๆ ส่วนหางส้นั ตุ่นอาศยั ในโพรงใตด้ ิน ตลอดเวลา จะไม่ข้ึนมาบนพ้นื ดิน หากไม่จาํ เป็น ดงั น้นั จึงมีหูและตาเลก็ มาก เพราะ แทบไม่ไดใ้ ชป้ ระโยชนแ์ ละถูกเกบ็ ซ่อนอยใู่ ตข้ น เพอ่ื ป้องกนั มิใหด้ ินเขา้ เวลาขดุ ดิน ในบางชนิดจะมีหนงั พเิ ศษปิ ดเหนือตาดว้ ย ขาคู่หนา้ ของตุ่นซ่อนอยใู่ ตข้ น ซ่ึงจะยนื่ ออกมาแต่ส่วนปลายเป็นขอ้ มือที่มีเลบ็ ที่แขง็ แรง ๕ เลบ็ ซ่ึงใชใ้ นการขดุ โพรงดิน แต่จะ ใชเ้ ดินบนพ้ืนดินไม่ไดเ้ ลย หากตุ่นข้ึนมาบนดินจะทาํ ไดเ้ พยี งแค่คืบคลาน ในโพรง ใตด้ ินของตุ่นมีทางยาวมาก โดยมกั จะขดุ ใหล้ ึกไปจากผวิ ดินราว ๓ นิ้วคร่ึงถึงคร่ึงฟุต เป็นทางยาวขนานไปกบั ผิวดิน และลึกจากหนา้ ดินราวหน่ึงฟุตกม็ ีอีกโพรงหน่ึงเป็น คู่ขนานดว้ ยเช่นกนั ซ่ึงท้งั สองสายน้ีเช่ือมไวด้ ว้ ยทางเช่ือมเลก็ ๆ ในแนวตามจุดต่างๆ เป็นระยะๆ แต่ในบางจุดอาจมีแนวด่ิงลึกลงไปถึง ๔ ฟุต ผนงั โพรงราบเรียบสม่าํ เสมอ กนั ท่ีปลายสุดของโพรงจะใชเ้ ป็นท่ีกลบั ตวั ซ่ึงมีความกวา้ งเพยี งขนาดเท่าตวั ของตุ่น ดิน ท่ีขดุ ข้ึนทาํ โพรงน้นั จะถูกอดั ไปตามผนงั โพรงเพอ่ื ใหแ้ น่นและแขง็ แรง แต่บางส่วนกจ็ ะ ถูกดนั ข้ึนไปเหนือพ้ืนดิน เห็นเป็นเนินๆ ซ่ึงเรียกในภาษาไทยวา่ \"โขย\"
๖๘ ตุ่นกินอาหารหลกั คือ ไสเ้ ดือนดินและกส็ ามารถกินอาหารอื่นได้ เช่น หนอน, หอยทาก และพชื ประเภทหวั เช่น มนั หรือ แหว้ หลายชนิด ในวนั หน่ึงๆ ตุ่นสามารถท่ีจะกินอาหารไดเ้ ท่ากบั น้าํ หนกั ตวั จึงเป็นสัตวท์ ่ีไม่อาจอดอาหารไดน้ าน ในฤดูแลง้ ที่อาหารขาดแคลน ตุ่นสามารถจะสะสมอาหารเป็นเสบียงได้ ในโพรงดิน ส่วนท่ีเป็นหอ้ งเกบ็ อาหาร โดยมีรายงานวา่ ตุ่นบางตวั เกบ็ หนอนไวใ้ นหอ้ งเกบ็ อาหาร นบั ร้อยตวั โดยท่ีหวั ของหนอนเหล่าน้ีถูกกดั จนหวั ขาดแลว้ แต่ยงั ไม่ตาย ไม่อาจจะหนี ไปไหนได้ ตามปกติ ตุ่นเป็นสัตวท์ ี่อาศยั อยลู่ าํ พงั นอกจากในฤดูผสมพนั ธุ์ ซ่ึงในฤดูผสม พนั ธุ์ตวั ผตู้ อ้ งต่อสูแ้ ยง่ ชิงตวั เมียเสียก่อน ตวั เมียจะเป็นฝ่ ายสร้างรังขนาดลูกรักบ้ีที่บุ ดว้ ยใบไมแ้ ละฟางหรือกิ่งไมเ้ ลก็ ๆ โดยจะอยลู่ ึกจากหนา้ ดินประมาณ ๒ ฟุต หรือ ต้ืนกวา่ น้นั มีทางแยกออกจากรังหลายทาง เพือ่ ท่ีจะเขา้ ออกไดห้ ลายทาง เพอ่ื ความสะดวกและปลอดภยั ซ่ึงรังของตุ่นจะสะอาดสะอา้ นอยเู่ สมอ
๖๙ ตวั อย่าง ตุ่นมีลกั ษณะคลา้ ยหนูตะเภาตวั อว้ น ๑. “โขย” คือดินท่ีถูกตวั ตุ่นดนั ข้ึนไปเหนือพ้ืนดิน เป็นเนิน ๒. ตวั ตุ่นใชเ้ ลบ็ ในการขดุ โพรงดิน ๓. ในฤดูผสมพนั ธุ์ตุ่นตวั ผจู้ ะต่อสูก้ นั เพอื่ แยง่ ชิงตุ่นตวั เมีย ๔. ตวั ตุ่นกินผลไมเ้ ป็นอาหารหลกั ๕. โพรงของตวั ตุ่นจะลึกลงไปในใตด้ ินเป็นแนวด่ิง ๖. ตวั ตุ่นมีขนสีขาวอ่อนนุ่มตลอดท้งั ตวั ๗. รังของตวั ตุ่นจะรกรุงรังไปดว้ ยเศษอาหาร ๘. ขาคู่หนา้ ของตวั ตุ่นจะซ่อนอยใู่ ตข้ น ๙. ตวั ตุ่นสามารถอดอาหารไดน้ านมาก ๑๐. ตวั ตุ่นอาศยั อยใู่ นโพรงใตด้ ินเป็นบางคร้ัง
๗๐ แบบฝึ กทักษะที่ ๒๕ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านสารคดีเรื่อง วดั ประจาํ รัชกาล แลว้ เขียนแผนภาพความคิด ใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) วดั ประจารัชกาล ในการนาํ ชาวต่างประเทศชมความงดงามของบา้ นเมืองในประเทศไทย รายการสาํ คญั ที่จะขาดมิไดค้ ือ การนาํ ชมวดั ต่างๆ ท้งั น้ีเพราะวดั ถือเป็นศูนยร์ วมของ ศิลปวฒั นธรรมไทยไม่วา่ จะเป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และงาน ช่างศิลป์ ท้งั ปวง แมแ้ ต่ในสมยั กรุงรัตนโกสินทร์ตอนตน้ ท่ีชาวต่างประเทศส่วนใหญ่ ตอ้ งเดินทางโดยเรือ เม่ือผา่ นปากน้าํ เจา้ พระยาเขา้ มากจ็ ะพบพระสมุทรเจดียก์ ่อน ส่ิงก่อสร้างใหญ่ๆ อยา่ งอื่น จนเขา้ มาถึงใจกลางพระนครกจ็ ะเห็นพระปรางคว์ ดั อรุณราชวราราม สูงเด่นเป็นสง่าและงดงามยง่ิ จนเป็นที่ยอมรับนบั ถือกนั วา่ พระพทุ ธปรางคอ์ งคน์ ้ีเป็นสญั ลกั ษณ์ท่ีสาํ คญั อยา่ งหน่ึงของประเทศไทย การสร้างวดั ในสมยั แรกน้นั สืบเน่ืองมาจากการถวายที่ดินซ่ึงเป็นป่ าเป็นสวน ให้ เป็น ท่ีพกั ของพระภิกษสุ งฆ์ และเพ่อื สร้างเป็นอนุสรณ์แห่งพุทธศาสนา ดว้ ยการสร้าง พระสถูปเจดียบ์ รรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรืออฐั ิบุคคลสาํ คญั ในพทุ ธศาสนาต่อมา วตั ถุประสงคข์ องการสร้างวดั ไดเ้ นน้ หนกั ไปในทางสร้างใหเ้ ป็นวดั ประจาํ ตระกลู สาํ หรับเป็นสถานท่ีบาํ เพญ็ กศุ ลและบรรจุ อฐั ิธาตุของคนในวงศต์ ระกลู หรือเป็น การสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งเหตุการณ์ หรือบุคคล ท้งั ท่ียงั มีชีวติ อยู่ หรือล่วงลบั ไปแลว้ และท่ีสาํ คญั ส่วนใหญ่มกั สร้างวดั ดว้ ยความศรัทธาและความเช่ือเรื่องบุญ เรื่องกรรม โดยถือวา่ การสร้างวดั น้นั ไดก้ ศุ ลสูงยง่ิ
๗๑ ต่อมา วดั ในพระพทุ ธศาสนาไดม้ ีความสาํ คญั ในดา้ นการปกครองและสังคม มากข้ึนตามลาํ ดบั โดยทางดา้ นการปกครองกต็ อ้ งอาศยั การอบรมสงั่ สอนและช้ีนาํ ของ พระภิกษุสงฆ์ และเป็นศูนยก์ ลางของชุมชนในการพบปะทาํ กิจกรรมร่วมกนั ตลอดจน เป็นผนู้ าํ ของชุมชนในเรื่องศิลปวทิ ยาต่างๆ รวมไปถึงการศึกษาและการสาธารณสุข ดงั น้นั จึงถือวา่ เป็นหนา้ ที่ของพระมหากษตั ริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ขา้ ราชการพ่อคา้ คหบดี ท่ีจะตอ้ งสร้างหรือทะนุบาํ รุงวดั ใหเ้ จริญมนั่ คง คตินิยมท่ีวา่ เม่ือพระเจา้ แผน่ ดิน พระองคใ์ ดเสดจ็ เถลิงถวลั ยร์ าชสมบตั ิแลว้ จะตอ้ งสร้างวดั ประจาํ รัชกาล ปรากฏชดั เจน ในสมยั กรุงรัตนโกสินทร์ดงั ปรากฏช่ือวดั ดงั น้ี วดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม เป็นวดั ประจาํ รัชกาล พระบาทสมเด็จพระพทุ ธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วดั อรุณราชวราราม เป็นวดั ประจาํ รัชกาล พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั วดั ราชโอรสาราม เป็นวดั ประจาํ รัชกาล พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั วดั ราชประดิษฐส์ ถิตมหาสีมาราม เป็นวดั ประจาํ รัชกาล พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั วดั ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นวดั ประจาํ รัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ส่วนในรัชกาลต่อมาน้นั ไม่พบหลกั ฐานชดั เจนวา่ ทรงถือวา่ วดั ใดเป็นวดั ประจาํ รัชกาล ยงิ่ ไปกวา่ น้นั มีพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงแถลงไวช้ ดั เจนวา่ มีพระราชดาํ ริวา่ พระอารามหลวงในกรุงรัตนโกสินทร์มีจาํ นวน มากแลว้ ตอ้ งเป็นพระราชภาระในการอุปถมั ภบ์ าํ รุงมิใช่นอ้ ย และพระอารามต่างๆ น้นั ทาํ หนา้ ท่ีใหก้ ารศึกษาแก่เยาวชนอยแู่ ลว้ จึงทรงสร้างโรงเรียนมหาดเลก็ หลวง เพอ่ื เป็นอนุสาวรียแ์ ทนการสร้างวดั ประจาํ รัชกาล ซ่ึงต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ได้ ทรงรวมโรงเรียนราชวทิ ยว์ ทิ ยาลยั เขา้ กบั โรงเรียนมหาดเลก็ หลวง เป็น โรงเรียนวชิราวธุ วทิ ยาลยั
๗๒ สาํ หรับในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เน่ืองดว้ ยฐานะทาง เศรษฐกิจของประเทศตกต่าํ จึงมิไดท้ รงสร้างพระอารามหลวงข้ึนใหม่ แต่ทรงอุทิศ พระราชทรัพยซ์ ่อมแซม วดั ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นงานใหญ่ ส่วนในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหิดล กเ็ ป็นช่วงระยะเวลา ส้ันๆ จึงมิไดม้ ีพระราชดาํ ริเก่ียวกบั เร่ืองน้ีแต่ประการใด ท่ีมา : สารานุกรมไทย ฉบบั กาญจนาภิเษก สืบคน้ เม่ือ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม วดั อรุณราชวราราม วดั ราชโอรสาราม วดั ราชประดิษฐส์ ถติ มหาสีมาราม วดั ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ชื่อวดั ๗๓ ประจารัชกาล ช่ือวดั ประจารัชกาล วดั ประจารัชกาล ช่ือวดั ชื่อวดั ประจารัชกาล ประจารัชกาล ชื่อวดั ประจารัชกาล
๗๔ แบบฝึ กทักษะที่ ๒๖ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านสารคดีเร่ือง โยนบวั แลว้ ตอบคาํ ถามใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) โยนบัว งานประเพณีโยนบวั หรืองานรับบวั เป็นงานประเพณีประจาํ ทอ้ งถิ่นของ ชาวบางพลี จงั หวดั สมุทรปราการ มาเกือบร้อยปี แลว้ เหตุท่ีเกิดมีประเพณีน้ีข้ึนที่ บางพลีกเ็ พราะมีตาํ นานวา่ เมื่อประมาณสองร้อยปี เศษล่วงมาน้ี มีพระพทุ ธรูปแบบ เชียงแสน ๓ องคพ์ น่ี อ้ งปาฏิหาริยล์ อยน้าํ จากทางเหนือตามลาํ น้าํ เจา้ พระยา ลงมา ทางใต้ องคห์ น่ึงไดไ้ ปประดิษฐานอยู่ ณ วดั บา้ นแหลม จงั หวดั สมุทรสงคราม องคห์ น่ึงไดล้ อยเขา้ ไปตามลาํ แม่น้าํ บางปะกง ประชาชนในถ่ินน้นั จึงไดอ้ ญั เชิญ ข้ึนประดิษฐานไวท้ ี่วดั พระพทุ ธโสธร และไดช้ ื่อวา่ “หลวงพ่อพุทธโสธร” องคห์ น่ึงไดล้ อยทวนน้าํ เขา้ คลองสาํ โรงไปจนถึงอาํ เภอบางพลี ชาวบางพลี จึงอาราธนาข้ึนประดิษฐานไว้ ณ วดั บางพลีใหญ่ ในคนทว่ั ไปเรียกพระพุทธรูป องคน์ ้ีวา่ “หลวงพอ่ โต” หลวงพ่อโตเป็นท่ีเคารพบูชาของประชาชนทวั่ ไปท้งั ใกล้ และไกล ชาวบางพลีไดจ้ ดั ใหม้ ีงานฉลองประจาํ ปี เพือ่ ใหป้ ระชาชนไดม้ านมสั การ หลวงพ่อโตในวนั ข้ึน ๑๔ ค่าํ เดือน ๑๑ ถึงแรม ๑ ค่าํ เดือน ๑๑ ซ่ึงเป็นวนั ออกพรรษา พอดีรวมงาน ๓ วนั ๓ คืน
๗๕ ตอนเชา้ วนั ข้ึน ๑๔ ค่าํ ชาวบางพลีจะอญั เชิญหลวงพ่อโตลงไปประดิษฐาน ในเรือขนาดใหญ่ แลว้ แห่ไปตามลาํ คลองมีดนตรีและเรือลาํ เลก็ ลาํ ใหญ่ร่วมขบวน นบั จาํ นวนร้อยๆ ลาํ เรือเหล่าน้ีตกแต่งอยา่ งสวยงาม บา้ งกจ็ บั คู่พายแข่งกนั บา้ งก็ ร้องเพลงเก้ียวกนั อยา่ งสนุกสนาน ผทู้ ่ีคอยชมขบวนเรือแห่อยสู่ องฝ่ังคลองพากนั เกบ็ ดอกบวั มาเตรียมไว้ พอขบวนเรือแห่ผา่ นมากโ็ ยนดอกบวั ลงไปใหผ้ ทู้ ี่อยใู่ นเรือ รับไปบูชาพระ ตอนโยนบวั และรับบวั น้ีสนุกสนานมาก บางทีแยง่ กนั รับจนตกน้าํ กม็ ี ตอนกลางคืนจะมีมหรสพสมโภชฉลองตลอดคืน ชาวบา้ นจะนาํ บวั ที่รับไดไ้ ปบูชา หลวงพ่อโตที่พระอุโบสถ เชื่อกนั วา่ เป็นสิริมงคลและจะทาํ ใหโ้ ชคดีตลอดปี
๗๖ ๑. สารคดีน้ีเก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองใด ๒. เร่ืองราวของสารคดีน้ีเกิดข้ึนที่ใด ๓. ชาวบางพลีอญั เชิญพระพุทธรูปองคใ์ ดไปประดิษฐานในเรือ เพ่ือแห่นาํ ไปตามลาํ คลอง ๔. ประเพณีโยนบวั จะจดั ข้ึนในโอกาสใด ๕. เหตุใดประเพณีโยนบวั จึงเกิดข้ึนที่บางพลี
๗๗ ๖. ชาวบางพลีจดั งานฉลองประจาํ ปี จาํ นวนก่ีวนั ๗. ประเพณีโยนบวั มีการจดั กิจกรรมใดบา้ ง ๘. เพราะเหตุใดชาวบา้ นจึงนาํ บวั ที่รับไดไ้ ปบูชาหลวงพ่อโต ๙. ใครเป็นผนู้ าํ ดอกบวั ท่ีชาวบา้ นโยนลงในเรือไปบูชาพระ ๑๐. สารคดีน้ีมีประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง
๗๘ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๒๗ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านสารคดีเรื่อง “ขยะทะเล” แลว้ เติมขอ้ มูลลงในช่องวา่ ง ใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) ขยะทะเล ความสวยงามของโลกใตท้ ะเล นบั เป็นสิ่งดึงดูดนกั ท่องเที่ยวใหเ้ ขา้ มาเยย่ี มชม พ้นื ที่ภาคใตข้ องประเทศไทย โดยฝั่งทะเลทางดา้ นอ่าวไทยและอนั ดามนั ถือเป็นแหล่ง ทรัพยากรธรรมชาติที่สาํ คญั ในดา้ นการผลิตอาหาร การท่องเท่ียว การคมนาคม แต่ ทุกวนั น้ีการทิง้ ขยะอยา่ งไร้ความรับผดิ ชอบของมนุษย์ กาํ ลงั ทาํ ลายความสวยงามของ ธรรมชาติ และเกิดปัญหาขยะในทะเลของไทย การทิ้งขยะลงทะเล ไม่วา่ จะโดยต้งั ใจทิ้ง หรือไม่ไดเ้ จตนาทิง้ ความจริงกค็ ือขยะทะเลไดส้ ร้างผลกระทบแลว้ มากมาย ท้งั ต่อชีวติ ของสัตวท์ ะเล ต่อระบบนิเวศทางทะเล ต่อความงามของพ้ืนที่ชายฝ่ัง ต่อการท่องเท่ียว ต่อสุขอนามยั ของชุมชนชายทะเล และอื่นๆ ที่น่าเป็นห่วงท่ีสุดคือ ขยะพลาสติก ที่สตั ว์ ทะเลเล้ียงลูกดว้ ยนมเผลอกินเขา้ ไป เพราะหลงคิดวา่ เป็นอาหาร สุดทา้ ยกส็ ะสมอยใู่ น กระเพาะและเป็นสาเหตุการตายของ เต่า โลมา และวาฬ จาํ นวนมาก ทาํ ใหส้ ตั วท์ ะเลหา ยากเหล่าน้ียงิ่ ลดจาํ นวนลง ไม่นอ้ ยกวา่ ปี ละ ๒๐ ถึง ๓๐ ตวั หากประเทศไทยไม่ตระหนกั ถึงความสาํ คญั ของปัญหาขยะในทะเลแลว้ ต่อไปอาจส่งผลต่อในระดบั เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพของมนุษย์ ประเภทขยะทะเลท่ีพบมีท้งั ขนาดเลก็ ขนาดใหญ่ รวมท้งั เคร่ืองมือประมง แบ่งอยา่ งกวา้ งๆ สามารถจาํ แนกขยะทะเลออกเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มแรก ไดแ้ ก่ ซากเรืออปั ปาง ท่าเรือท่ีหกั พงั และเศษสิ่งก่อสร้างต่างๆ กลุ่มท่ีสอง ไดแ้ ก่ อุปกรณ์ประมง เช่น อวน ลอบปู เอน็ ตกปลา ทุ่น และกลุ่มที่สาม ไดแ้ ก่ ขยะอื่นๆ ท่ีไม่ ควรจะถูกทิ้งลงทะเล ซ่ึงมีต้งั แต่ชิ้นเลก็ อยา่ งกน้ บุหรี่ ไปจนถึงชิ้นใหญ่ เช่น ยางรถยนต์ ตูเ้ ยน็ เห็นไดช้ ดั วา่ ส่วนประกอบของขยะทะเลเกือบท้งั หมดคือ วสั ดุที่คงทน
๗๙ ท้งั พลาสติก แกว้ ไม้ โลหะ และยาง แมข้ ยะประเภทอ่ืน เช่น กระดาษ เศษอาหาร และ เส้ือผา้ อาจเน่าเปื่ อยและยอ่ ยสลายในเวลาอนั ส้ัน แต่ไม่วา่ จะอยา่ งไร ขยะทะเลกส็ ามารถ สร้างปัญหา และเป็นอนั ตรายต่อท้งั สัตวท์ ะเลและผูค้ นได้ ยงิ่ ไปกวา่ น้นั ยงั ทาํ ลายคุณค่า ความงามของพ้ืนที่ชายฝ่ังทะเลอีกดว้ ย ตน้ ทางของขยะทะเล ไม่วา่ จะเป็นขยะทะเล ประเภทใด ลว้ นกาํ เนิดจากตน้ ทางเพยี ง ๒ แห่ง ตน้ ทางแห่งแรกอยใู่ นน้าํ ซ่ึงหมาย ความถึงทะเล มหาสมุทรและทางน้าํ อื่นๆ ที่ไหลจากตอนในของแผน่ ดินออกสู่ทะเล โดยขยะมกั จะถูกทิ้งจากเรือนานาชนิด รวมถึงกิจกรรมเพ่ือการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ เช่น การท่องเท่ียว การตกปลา การล่องเรือ กิจกรรมเหล่าน้ีกเ็ ป็นสาเหตุสาํ คญั ท่ีทาํ ให้ ขยะเดินทางมาถึงชายหาดไดอ้ ยา่ งง่ายดาย ส่วนตน้ ทางที่สองอยบู่ นแผน่ ดิน ซ่ึงมีขยะอีก จาํ นวนหน่ึงท่ีเกิดจากผคู้ นในชุมชนและนกั ท่องเท่ียว เม่ือเกิดลมพายฝุ นฟ้าคะนอง กส็ ามารถพดั พาขยะจากแหล่งกาํ เนิดต่างๆ ไปสู่ทอ้ งทะเลไดเ้ ช่นกนั ดงั น้นั การดูแล รักษาความสะอาดของพ้นื ท่ีชายฝั่งและเสน้ ทางน้าํ ที่ไหลลงทะเล จึงเป็นหนา้ ที่ท่ีทุกคน ตอ้ งรับผดิ ชอบร่วมกนั เพราะเราจะไม่สามารถแกป้ ัญหาท่ีตน้ เหตุได้ หากคนส่วนมาก ขาดจิตสาํ นึก มีความมกั ง่ายและเห็นแก่ได้ ความไมร่ ู้กฎหมาย หรือรู้ แต่ต้งั ใจทาํ ผดิ กฎหมาย สุดทา้ ยกค็ ือความไม่พร้อมของภาครัฐ ดว้ ยเหตุน้ี จึงควรมีการร่วมมือหรือ รณรงคใ์ นการจดั การกบั ปัญหาขยะทะเลในเบ้ืองตน้ ดงั แนวทางต่อไปน้ี คือ ทิ้งขยะลงถงั และนาํ ไปกาํ จดั ดว้ ยวธิ ีการท่ีเหมาะสม อยา่ ทิ้งขยะใดๆ ลงบนชายหาดหรือบริเวณท่าเรือ หากพบเห็นขยะเกลื่อนชายหาดกช็ ่วยกนั เกบ็ ไม่โยนเอน็ ตกปลาหรือเครื่องมือประมง อ่ืนๆ ลงทะเลโดยเดด็ ขาด และขอใหท้ ิ้งเพียงรอยเทา้ ไวบ้ นผนื ทรายเท่าน้นั เพราะส่ิง สวยงามของทะเลไทยไม่ใช่ของใครคนใดคนหน่ึง แต่เป็นของพวกเราทุกคนท่ีตอ้ ง ร่วมกนั รักษาไว้ ก่อนที่จะไม่มีหลงเหลือใหไ้ ดช้ ่ืนชมอีกต่อไป
๘๐ ๑. นกั เรียนบอกสาเหตุของการเกิดขยะทะเล (๒ คะแนน) ๑. ____________________________________________ ๒.____________________________________________ ๒. การทิ้งขยะลงในทะเลส่งผลกระทบต่อสิ่งใด (๕ คะแนน) ๑. ____________________________________________ ๒.____________________________________________ ๓. ____________________________________________ ๔. ____________________________________________ ๕. ____________________________________________ ๓. นกั เรียนบอกแนวทางในการแกป้ ัญหาขยะทะเล (๓ คะแนน) ๑. ____________________________________________ ๒.____________________________________________ ๓. ____________________________________________
๘๑ แบบฝึ กทักษะที่ ๒๘ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านสารคดีเร่ือง “ยาที่ทุกคนควรรู้” แลว้ ตอบคาํ ถามใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) “ยาทท่ี ุกคนควรรู้” เมื่อป่ วยไขไ้ ม่สบาย ยาท่ีแพทยจ์ ่ายให้ อาจมีขอ้ แนะนาํ พเิ ศษในการใชย้ า ซ่ึงควร รู้อยา่ งยง่ิ วา่ มนั หมายความวา่ อยา่ งไร เพ่อื ประสิทธิภาพในการรักษา ๑. รับประทานติดต่อกนั ทุกวนั จนหมด เพื่อใหก้ ารรักษาไดผ้ ลดี ยาบางประเภท ตอ้ งรับประทานติดต่อกนั เป็นระยะเวลานานหรือตามแพทยส์ ่ัง แมว้ า่ อาการจะทุเลาลง หรือไม่มีอาการแลว้ กต็ าม เช่น ยาฆ่าเช้ือ อะมอ็ กซี่ซิลีน เตตราซยั คลิน หากรับประทาน ไม่ครบกาํ หนดเวลา จะทาํ ใหก้ ารรักษาไม่ไดผ้ ล และอาจเกิดการด้ือยาได้ ยารักษาโรค เร้ือรังบางอยา่ งตอ้ งรับประทานยาเป็นเวลานาน หยดุ ยาเองไม่ได้ เช่น ยาจาํ พวกสเตียรอยด์ (เพรดนิโซโลน) ยารักษาความบกพร่องของร่างกาย เช่น ยาเบาหวาน ความดนั โลหิตสูง โรคกระดูกบาง ๒. เฉพาะเวลามีอาการ ยาท่ีใชบ้ รรเทาอาการต่างๆ เช่น ยาแกไ้ อ ยาลดน้าํ มูก ยาแกป้ วด ยาแกไ้ ข้ ยาแกท้ อ้ งเสีย แพทยอ์ าจสั่งใหร้ ับประทานเป็นช่วงๆ เช่น ทุก ๔ ชวั่ โมง เวลามีอาการ เม่ืออาการทุเลาลง กส็ ามารถหยดุ ยาได้ ไม่จาํ เป็นตอ้ งรับประทาน ต่อเน่ือง ๓. ก่อนอาหาร ควรรับประทานก่อนอาหาร ถึง ๑ ชวั่ โมง อาหารอาจลด การดูดซึม หรือยบั ย้งั ทาํ ใหย้ าบางชนิดออกฤทธ์ินอ้ ยลง เช่น ยาปฏิชีวนะต่างๆ ยา บางอยา่ งตอ้ งการใหอ้ อกฤทธ์ิก่อนอาหาร เพ่ือผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ยาแก้ อาเจียน หรือในกรณียาเบาหวานบางชนิดที่ตอ้ งรับประทานก่อนอาหาร เพือ่ ให้ การดูดซึมและการออกฤทธ์ิมีความสมั พนั ธ์กบั การลดระดบั น้าํ ตาลในเลือด ๔. หลงั อาหาร โดยทวั่ ไปควรรับประทานหลงั อาหาร ๑๕ – ๓๐ นาที ยกเวน้ ยาที่ระบุใหร้ ับประทานหลงั อาหารทนั ที
๘๒ ๕. หลงั อาหารทนั ที หรือ พร้อมอาหาร ยาบางชนิดทาํ ใหเ้ กิดการระคายเคือง กระเพาะอาหาร อาจทาํ ใหค้ ลื่นไส้อาเจียนได้ การรับประทานหลงั อาหารทนั ทีหรือ พร้อมอาหาร กเ็ พอ่ื ลดปัญหาดงั กล่าว เช่น เพรดนิโซโลน แอสไพริน หรือในกรณียา เบาหวานบางชนิด ใหร้ ับประทานพร้อมอาหารเพ่ือช่วยลดการดูดซึมน้าํ ตาล ๖. ควรด่ืมน้าํ ตามมากๆ ยาพวกซลั ฟา ละลายน้าํ ไดน้ อ้ ยมาก อาจตกตะกอนในไต การดื่มน้าํ มากๆ จะช่วยเพิ่มการละลายได้ หรือยาถ่ายที่ทาํ ใหเ้ พิ่มกากอุจจาระหรือท่ีทาํ ให้ อุจจาระน่ิม ควรดื่มน้าํ ตาม มากๆ ๗. เค้ียวยาใหล้ ะเอียดก่อนกลืน ยาลดกรดชนิดเมด็ หรือยาบางชนิด ตอ้ งเค้ียวก่อน เพือ่ ใหย้ ากระจายตวั ในกระเพาะอาหาร และออกฤทธ์ิไดด้ ีข้ึน ๘. หา้ มรับประทานร่วมกบั เหลา้ หรือเครื่องด่ืมท่ีมีแอลกอฮอล์ ยาปฏิชีวนะบาง ชนิด ยาลดน้าํ ตาลในเลือด ยาระงบั ประสาท ยานอนหลบั ยาแกป้ วด หรือยากดประสาท ต่างๆ ตลอดจนยาแกแ้ พ้ จะเสริมฤทธ์ิกบั แอลกอฮอล์ ทาํ ใหเ้ กิดอนั ตรายได้ ๙. ไม่ควรรับประทานยาน้ีร่วมกบั นมหรือยาลดกรด เพราะนมและยาลดกรด ทาํ ใหก้ ารดูดซึมยาบางชนิดลดลง จึงทาํ ใหผ้ ลการรักษาลดลงดว้ ย เช่น เตตราซยั คลิน ยาบาํ รุงที่มีธาตุเหลก็ ๑๐.รับประทานยาน้ีแลว้ อาจทาํ ใหง้ ่วงซึม ยาแกแ้ พ้ ยานอนหลบั ยาแกป้ วดบาง ชนิด อาจมีผลขา้ งเคียง ทาํ ใหง้ ่วงนอนหรือมึนงง ผใู้ ชย้ าควรระมดั ระวงั ในการขบั รถหรือ การใชเ้ คร่ืองจกั รกล ๑๑. รับประทานยาน้ีแลว้ ปัสสาวะจะมีสีสม้ แดง ยาพวก Phenazopyridine ทาํ ให้ ปัสสาวะเป็นสีแดง อาจเขา้ ใจผดิ วา่ เป็นเลือด แต่ท่ีจริงเป็นสีจากยา หรือยา Rifampicin ทาํ ใหน้ ้าํ ลาย น้าํ ตา ปัสสาวะ เป็นสีแดงส้ม ๑๒. เกบ็ ไวใ้ นตูเ้ ยน็ โดยทว่ั ไปหมายถึงการเกบ็ ที่อุณหภูมิ ๒ – ๘ องศาเซลเซียส โดยแช่ในช่องธรรมดา ไม่ตอ้ งใส่ในช่องทาํ น้าํ แขง็ หรือเกบ็ ในกระติกน้าํ แขง็ ตลอดเวลา เช่น ยาอินซูลิน วคั ซีน หรือยาหยอดตาบางชนิด
๘๓ ๑. สารคดีน้ีเป็นเร่ืองเกี่ยวกบั อะไร (๑ คะแนน) _____________________________________________________ _____________________________________________________ ๒. จงบอกขอ้ ควรระวงั ในการใชย้ า (๕ คะแนน) ๑. _____________________________________________________ ๒. _____________________________________________________ ๓. _____________________________________________________ ๔. _____________________________________________________ ๕. _____________________________________________________ ๓. นกั เรียนไดร้ ับประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ งจากการอ่านสารคดีเร่ืองน้ี (๓ คะแนน) ๑. _____________________________________________________ ๒. _____________________________________________________ ๓. _____________________________________________________ ๔. จงบอกแหล่งที่มาของสารคดีเรื่องน้ี (๑ คะแนน) _____________________________________________________ _____________________________________________________
๘๔ แบบฝึ กทักษะที่ ๒๙ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอ่านสารคดีแลว้ เลือกคาํ ตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุด (๑๐ คะแนน) อ่านสารคดีต่อไปนีแ้ ล้วเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องทสี่ ุด (ข้อ ๑ – ๕) ภาชนะรักษ์โลก ถา้ เหลียวมองไปบนทอ้ งถนน แลว้ มีส่ิงปฏิกลู กระจายเกลื่อน คูคลองมีเศษ พลาสติก ขวดน้าํ หรือเศษขยะต่างๆ ที่ถูกทิง้ ดว้ ยน้าํ มือของมนุษย์ กค็ งสร้างความ ไม่สบายใจใหก้ บั สายตาของคนที่มอง โดยเฉพาะพลาสติกและโฟม ท่ีเขา้ มามีบทบาท สาํ คญั ในชีวติ ความเป็นอยขู่ องมนุษยท์ ุกคน เพราะช่วยอาํ นวยประโยชนแ์ ละความ สะดวกสบายใหม้ ากมาย แต่หลงั การใชง้ านแลว้ ขยะพลาสติกและโฟมเหล่าน้ี กลบั สร้างปัญหาใหส้ ่ิงแวดลอ้ มอยา่ งรุนแรง เน่ืองจากยอ่ ยสลายยากมาก จนอาจกล่าวไดว้ า่ ไม่ยอ่ ยสลายในธรรมชาติเมื่อนาํ ไปฝังกลบ และหากนาํ ไปเผาจะปล่อยก๊าซพิษสู่ ส่ิงแวดลอ้ ม นกั วจิ ยั จากมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ จึงศกึ ษาวจิ ยั จนคิดคน้ วสั ดุยอ่ ยสลาย ไดท้ างชีวภาพจากมนั สาํ ปะหลงั โดยเห็นวา่ แป้งเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพชนิดหน่ึง ไดจ้ าก พืชหวั หรือธญั พชื ที่สามารถผลิตทดแทนส่วนที่ใชไ้ ปไดต้ ลอดเวลาและราคาถูก นอกจากน้ีแป้งยงั มีคุณสมบตั ิทางกายภาพและทางเคมีท่ีเหมาะสมในการนาํ มาแปรรูป เป็นวสั ดุที่มีลกั ษณะคลา้ ยโฟมและยอ่ ยสลายไดง้ ่ายทางชีวภาพ ขณะเดียวกนั มนั สาํ ปะหลงั เป็นพชื เศรษฐกิจของประเทศไทย แต่มกั ประสบปัญหาผลผลิตลน้ ตลาด ราคาตกต่าํ และไม่มีเสถียรภาพ การนาํ มาแปรรูปเป็นวสั ดุยอ่ ยสลายไดเ้ พ่อื ทดแทน ภาชนะพลาสติกและโฟมจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มใหม้ นั สาํ ปะหลงั และช่วยลดปัญหา สิ่งแวดลอ้ มที่เกิดจากการใชแ้ ละกาํ จดั ขยะพลาสติกและโฟมไปพร้อมกนั ผลงานวจิ ยั น้ี ไดร้ ับรางวลั ในเวทีต่างๆ มาแลว้ หลายประเทศ รวมท้งั ไดร้ ับสิทธิบตั รจากกรมทรัพยส์ ิน
๘๕ ทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ วสั ดุบรรจุยอ่ ยสลายไดท้ างชีวภาพจากมนั สาํ ปะหลงั น้ี สามารถข้ึนรูปเป็นภาชนะใหม้ ีรูปแบบต่างๆ ไดอ้ ยา่ งหลากหลายตามความตอ้ งการของ ผบู้ ริโภค ไดแ้ ก่ จาน ชาม แกว้ รวมท้งั ถาดอาหารท้งั แบบสองหลุมและสามหลุม ซ่ึง เหมาะสาํ หรับการใชบ้ รรจุอาหารพร้อมบริโภค และอาหารก่ึงสาํ เร็จรูปเพ่อื การใช้ คร้ังเดียว สามารถบรรจุไดท้ ้งั อาหารแหง้ อาหารเหลว อาหารร้อน อาหารเยน็ และ สามารถใชอ้ ุ่นอาหารในตูไ้ มโครเวฟได้ นอกจากน้ียงั เหมาะสาํ หรับการใชง้ านท่ีตอ้ ง แยกภาชนะบรรจุอาหารเห็นสดั ส่วน เนื่องจากเหตุผลทางศาสนาและสุขอนามยั การใชว้ สั ดุบรรจุยอ่ ยสลายไดท้ างชีวภาพจากมนั สาํ ปะหลงั จึงช่วยลดภาระให้ ผปู้ ระกอบการธุรกิจอาหาร ท้งั เวลาและค่าใชจ้ ่ายในการจดั เกบ็ และทาํ ความสะอาด ภาชนะบรรจุดว้ ย สาํ หรับลกั ษณะของภาชนะชนิดน้ีเป็นฟองอากาศกระจายตวั ภายใน เน้ือวสั ดุคลา้ ยโฟม มีสีน้าํ ตาลอ่อนท่ีเป็นสีธรรมชาติ อาจมีกล่ินอ่อนๆ ของแป้งที่ผา่ น ความร้อน แต่ไม่มผี ลเสียต่อคุณภาพอาหาร ใชบ้ รรจุอาหารและเครื่องดื่มไดอ้ ยา่ ง ปลอดภยั สามารถเกบ็ รักษาในภาชนะท่ีปิ ดสนิทได้ ๒ ปี ภายใตส้ ภาพบรรยากาศปกติ หลงั ใชง้ านสามารถเกบ็ รวบรวมนาํ ไปใชเ้ ป็นส่วนผสมอาหารสัตวห์ รือทาํ ป๋ ุยหมกั และ ยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ ภายในระยะเวลา ๒-๓ เดือน กรณีท่ีทิ้งในระบบนิเวศน์ หรือระบบกาํ จดั ขยะทว่ั ไป โดยไม่มีสารพิษตกคา้ งในสิ่งแวดลอ้ ม
๘๖ ๑. นกั วจิ ยั ไดค้ ิดคน้ วสั ดุยอ่ ยสลายทางชีวภาพจากสิ่งใด ก. มะละกอ ข. มะเขือเทศ ค. มนั สาํ ปะหลงั ง. เปลือกขา้ วโพด ๒. ขอ้ ใดเป็นประโยชนข์ องภาชนะรักษโ์ ลก ก. ช่วยลดปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม ข. ช่วยลดปัญหามลพิษทางเสียง ค. ช่วยลดปัญหาเศรษฐกิจตกต่าํ ง. ช่วยลดปัญหาความขดั แยง้ ทางการเมือง ๓. ขอ้ ใดกล่าวไดถ้ ูกตอ้ ง ก. ภาชนะท่ีผลิตจากมนั สาํ ปะหลงั จะมีสีขาวใส ข. ภาชนะที่ผลิตจากมนั สาํ ปะหลงั แขง็ แรง คงทน ถาวร ค. ภาชนะที่ผลิตจากมนั สาํ ปะหลงั สามารถเกบ็ อาหารไวไ้ ดน้ าน ง. ภาชนะที่ผลิตจากมนั สาํ ปะหลงั ใชบ้ รรจุอาหารไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ๔. สารคดีน้ีกล่าวถึงเรื่องใด ก. ภาชนะบรรจุอาหารจากออ้ ย ข. ภาชนะบรรจุอาหารจากโฟม ค. ภาชนะบรรจุอาหารจากตน้ กลว้ ย ง. ภาชนะบรรจุอาหารจากมนั สาํ ปะหลงั ๕. เหตุใดขยะประเภทพลาสติกและโฟมจึงสร้างปัญหาใหก้ บั ส่ิงแวดลอ้ ม ก. เพราะคนนิยมใชก้ นั มาก ข. เพราะไม่ยอ่ ยสลายในธรรมชาติ ค. เพราะยอ่ ยสลายไดด้ ว้ ยการฝังดิน ง. เพราะพลาสติกและโฟมสามารถนาํ มาแปรรูปได้
๘๗ อ่านสารคดตี ่อไปนีแ้ ล้วเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องทส่ี ุด (ข้อ ๖ – ๑๐) ปลงิ ทะเล ปลิงทะเลเป็นสัตวท์ ี่มีรูปร่างน่าเกลียด ลาํ ตวั สีดาํ คล้าํ หรือน้าํ ตาลหรือเขียวเขม้ ตวั อาจแขง็ เหมือนแตงกวาหรือนุ่มน่ิมกม็ ี หนงั หนา เหนียว และมีป่ ุมแหลมเหมือน หนามทวั่ ตวั ปลิงทะเลอาศยั อยทู่ ่ีพ้นื ทะเล มนั เคล่ือนท่ีไปตามพ้ืนทรายอยา่ งชา้ ๆ เพอ่ื หาอาหารอาหารของปลิงทะเล ไดแ้ ก่ ซากสัตว์ ซากพืชท่ีเน่าเป่ื อย ผพุ งั ปนอยู่ ใน ทราย ปลิงทะเลมีปากเป็นรูกลมอยทู่ ่ีปลายดา้ นหน่ึงของลาํ ตวั รอบๆ ปากเป็นหนวด เสน้ ส้นั ๆ จาํ นวนมาก หนวดเป็นอวยั วะที่สาํ คญั เพราะนอกจากจะใชค้ วกั ทรายซ่ึงมี อาหารปนอยใู่ ส่ปากแลว้ ยงั ใชค้ ลาํ ทางและขดุ ทรายเพือ่ ฝังตวั เองไวใ้ ตท้ ราย ชูแต่ ปลายหางโผล่ข้ึนเพอ่ื รับน้าํ ทะเลที่มีออกซิเจนละลายปนอยเู่ ขา้ ไปใชห้ ายใจ ปลิงทะเล น้ีใชเ้ ป็นอาหารได้ ถา้ เกบ็ ปลิงทะเลข้ึนมาผา่ ทอ้ งควกั เคร่ืองในออกแลว้ ตากแหง้ และรมควนั มนั จะหดตวั เหลือขนาดเพยี งคร่ึงหน่ึงของลาํ ตวั ขณะมีชีวติ สามารถ เกบ็ ไวไ้ ดน้ านใชป้ รุงเป็นอาหารท่ีมีรสอร่อยอยา่ งหน่ึง ปลิงมีสารพษิ โฮโลทูลินซ่ึงปล่อย ออกทางผวิ หนงั ใชใ้ นการป้องกนั อนั ตรายจากปลาและปู ถา้ หากนาํ ปลิงทะเลไปใส่ใน ตูเ้ ล้ียงปลามนั จะปล่อยสารพิษดงั กล่าวออกมามากจนทาํ ใหป้ ลาตายได้ (สมศกั ด์ิ อมั พรวสิ ิทธิโสภา และธญั ลกั ษณ์ จุย้ เรือง, ๒๕๕๑) ปลิงทะเลบริเวณชายฝ่ังทะเลตะวนั ออกของประเทศไทย สืบคน้ เมื่อ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๖. ขอ้ ใดเป็นอาหารของปลิงทะเล ก. ปะการัง ข. สาหร่ายทะเล ค. ซากพชื ซากสัตว์ ง. สัตวท์ ะเลขนาดเลก็
๘๘ ๗. ขอ้ ใดเป็นประโยชนข์ องปลิงทะเล ก. ใชเ้ ป็นอาหาร ข. ใชเ้ ป็นสัตวเ์ ล้ียง ค. ใชเ้ ป็นยารักษาโรค ง. ใชท้ าํ ความสะอาดตูป้ ลา ๘. เหตุใดเมื่อนาํ ปลิงทะเลไปใส่ไวใ้ นตูเ้ ล้ียงปลาจะทาํ ใหป้ ลาตายได้ ก. เพราะปลิงทะเลจะจบั ปลากินเป็นอาหาร ข. เพราะปลิงทะเลจะดูดกินน้าํ ในตูป้ ลาจนหมด ค. เพราะปลิงทะเลจะปล่อยสารพิษออกมาทางผวิ หนงั ง. เพราะปลิงทะเลจะกดั กินสารอาหารในตูป้ ลาจนหมด ๙. สารคดีน้ีกล่าวถึงเร่ืองใด ก. ปูทะเล ข. ปลาทะเล ค. ปลิงทะเล ง. สัตวท์ ะเล ๑๐. ปลิงทะเลเคล่ือนท่ีไดอ้ ยา่ งไร ก. คลานไปตามพ้ืนทราย ข. วา่ ยน้าํ ใตท้ อ้ งทะเลลึก ค. ปล่อยตวั ไหลไปตามกระแสน้าํ ง. เกาะไปกบั สตั วน์ ้าํ ชนิดอื่นๆ ใตท้ ะเล
๘๙ ใบความรู้ การอ่านจบั ใจความเร่ืองส้ัน เร่ืองส้ัน หมายถึง งานเขียนประเภทร้อยแกว้ เก่ียวกบั เร่ืองราวที่ สมมุติข้ึน มีโครงเรื่องง่ายๆและมีความสมั พนั ธ์เก่ียวโยงไปถึงจุดสุดยอดของ เร่ืองท่ีกาํ หนดไว้ โดยการดาํ เนินเร่ืองอยา่ งรวดเร็วภายในระยะเวลาส้นั ๆ ผา่ น ตวั ละครจาํ นวน ๓ – ๕ ตวั และอยภู่ ายใตแ้ นวคิดสาํ คญั เพยี งแนวคิดเดียว ความยาวหรือส้ันจึงไม่ไดก้ าํ หนดตายตวั แต่จะยดึ ลกั ษณะ การเขียนเป็นสาํ คญั ชนิดของเรื่องส้ัน ๑. เรื่องส้นั ชนิดเนน้ การผกู เรื่อง คือผเู้ ขียนมกั สร้างปมขดั แยง้ ข้ึนมา ทาํ ใหเ้ กิดความซบั ซอ้ น และมกั จบลงดว้ ยการพลิกความคาดหมายของผอู้ ่าน ๒. เร่ืองส้นั ชนิดเนน้ การสร้างตวั ละคร คือ เรื่องส้ันที่เนน้ พฤติกรรมของ ตวั ละคร โดยใชต้ วั ละครเป็นตวั ดาํ เนินเรื่องเป็นส่วนใหญ่ โดยมกั บรรยาย เพือ่ แสดงลกั ษณะของตวั ละครอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงใหเ้ ด่นชดั ๓. เร่ืองส้นั ชนิดเนน้ การสร้างบรรยากาศหรือฉากเป็นสาํ คญั คือ เรื่องส้นั ท่ีมุ่งเนน้ และใหค้ วามสาํ คญั ของฉากและบรรยากาศ เพอื่ ใหผ้ อู้ ่านคลอ้ ยตาม ๔. เรื่องส้ันชนิดเนน้ แนวคิดหรือความคิดเห็น คือ เร่ืองส้ันท่ีผเู้ ขียน ตอ้ งการเสนอแนวคิดอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงใหผ้ อู้ ่าน ไดไ้ ตร่ตรองไปพร้อมๆกบั เร่ืองในขณะที่อ่าน โดยใชส้ ญั ลกั ษณ์ กล่าวโดยนยั หรือมุ่งเนน้ ใหเ้ ห็น สัจธรรมของชีวติ
๙๐ หลกั การอ่านจบั ใจความเร่ืองส้ัน การอ่านจบั ใจความเร่ืองส้ัน มีข้นั ตอนดงั น้ี ๑. ต้งั ใจอ่าน มีสมาธิในการอ่าน ๒. อ่านเรื่องราวน้นั ๆ ต้งั แต่ตน้ จนจบเร่ือง ๓. สรุปหรือจบั ใจความสาํ คญั วา่ เป็นเรื่องอะไร มีใคร ทาํ อะไร กบั ใคร ที่ไหน เมื่อไร ทาํ อยา่ งไร ๔. ทบทวนความบางตอน หรือสาระบางเร่ืองท่ีเขา้ ใจไม่ชดั เจน ใหเ้ ขา้ ใจ ๕. พิจารณาวา่ เรื่องส้นั มีสาระหรือความสาํ คญั อยทู่ ่ีใด มีประโยชนแ์ ละใหข้ อ้ คิดท่ีจะนาํ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ได้ อยา่ งไรบา้ ง ๖. สรุปความคิด เขียนขอ้ ความที่สัมพนั ธ์กนั อยา่ งส้ันๆ ดว้ ย ภาษาท่ีสละสลวย กะทดั รัดและชดั เจน
๙๑ แบบฝึ กทักษะท่ี ๓๐ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านเรื่องส้นั ต่อไปน้ีแลว้ เติมคาํ ลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) บ้านของนก มีนายอาํ เภอคนหน่ึงเป็นคนใจซื่อมือสะอาด วนั หน่ึงขณะท่ีนายอาํ เภอกาํ ลงั พจิ ารณาคดีอยู่ ทนั ใดกม็ ีนกตวั หน่ึงบินวนเวยี นอยทู่ ่ีหนา้ ท่ีทาํ การ พร้อมกบั ส่งเสียง ร้องไม่หยดุ คลา้ ยกบั วา่ มีเร่ืองจะร้องเรียน นายอาํ เภอรู้สึกประหลาดใจนกั จึงสั่งให้ เจา้ หนา้ ท่ีติดตามนกไปดูว่าเกิดอะไรข้ึน เม่ือติดตามนกไปไดก้ ิโลเมตรกวา่ เจา้ หนา้ ที่ กเ็ ห็นนกบินไปที่ตน้ ไมใ้ หญ่ตน้ หน่ึง ซ่ึงมีรังนกและลูกนกอยู่ ๓ – ๔ ตวั ใตต้ น้ ไม้ มีคนอยหู่ า้ คน พร้อมเครื่องมือในการตดั ไม้ เช่น เล่ือย ขวาน เชือก กาํ ลงั เตรียม ท่ีจะโค่นตน้ ไมใ้ หญ่ตน้ น้ี เจา้ หนา้ ที่จึงเขา้ ไปหา้ มปรามและนาํ พวกเขาไปพบนายอาํ เภอ นายอาํ เภอตกั เตือนพวกเขาใหม้ ีมโนธรรม อยา่ ไปทาํ ลายท่ีอยขู่ องพวกนกกา สตั วม์ นั กม็ ีชีวติ จิตใจ เช่นกนั พวกลกั ลอบตดั ตน้ ไมไ้ ดล้ ากลบั ไปดว้ ยความละอายใจ ต้งั แต่น้นั มาพวกเขาไม่เคยโค่นตน้ ไมท้ ี่มีรังนกอีกเลย ท่ีมา : http://www.mindcyber.com/1255.html
๙๒ ตวั อย่าง บนต้นไม้ใหญ่มี รังนก และลกู นก ๑. เจา้ หนา้ ที่เห็นนกบินไปที่ ๒. เจา้ หนา้ ที่เขา้ ไป พวกคน ๓. พวกคนตดั ไมร้ ู้สึก ๔. ใตต้ น้ ไมม้ ีคนอยู่ ๕ คน ๕. นายอาํ เภอรู้สึก ๖. นายอาํ เภอเป็นคน มือสะอาด ๗. นายอาํ เภอสง่ั ให้ ติดตามนกไป ๘. เจา้ หนา้ ท่ีนาํ คนท้งั ๕ ไปพบ ๙. นกตวั หน่ึงบิน อยหู่ นา้ ท่ีทาํ การอาํ เภอ ๑๐. คนท้งั ๕ คน กาํ ลงั เตรียมจะ
๙๓ แบบฝึ กทักษะที่ ๓๑ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านเรื่องส้ันต่อไปน้ีแลว้ เติมเคร่ืองหมาย ในช่องวา่ งวา่ ขอ้ ความ ที่เป็นจริงหรือไม่จริง (๑๐ คะแนน) ความซื่อสัตย์ เศรษฐีเฒ่าผหู้ น่ึง มีบุตรชายท้งั สิ้นจาํ นวน ๑๕ คน วนั หน่ึงเศรษฐีไดเ้ รียก บุตรชายทุกคนเขา้ พบเพอื่ แจง้ วา่ มอบภารกิจให้ ๑ อยา่ งเพอ่ื เป็นการคดั เลือกวา่ ใครจะไดเ้ ป็นทายาทในการครอบครองทรัพยส์ มบตั ิ ภารกิจที่วา่ คือ การใหเ้ มลด็ ดอกทานตะวนั แก่บุตรชายคนละ ๑ หยบิ มือ เพอื่ นาํ ไปปลูกจากน้นั บอกวา่ อีก ๓๐ วนั ใหน้ าํ กระถางที่ปลูกเมลด็ ดอกทานตะวนั มาใหด้ ูแลว้ วนั น้นั จะเป็นวนั ประกาศชื่อทายาท ๑ เดือนผา่ นไป บุตรชายท้งั ๑๕ คนกไ็ ดน้ าํ กระถางดอกทานตะวนั มายนื เรียง เพอื่ อวดโฉมดอกต่อผเู้ ป็นพอ่ เศรษฐีเฒ่าเดินผา่ นบุตรชายท่ีถือกระถางดอกท่ีบาน สะพร่ังสวยงามอยา่ งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จนกระทง่ั มาถึงลูกคนสุดทอ้ งท่ียนื กม้ หนา้ กม้ ตา พร้อมกล่าวคาํ ขอโทษผเู้ ป็นพอ่ วา่ ตนเองกพ็ ยายามดูแลเอาใจใส่เป็นอยา่ งดี มนั กไ็ ม่ งอกงาม แต่ตรงกนั ขา้ มผพู้ ่อกลบั ยมิ้ ปริ่มไปดว้ ยน้าํ ตา พร้อมกบั ประกาศกอ้ งวา่ ทายาทท่ีจะไดด้ ูแลสมบตั ิของตนคือลูกชายคนสุดทอ้ ง เพราะเป็นคนซ่ือสัตยเ์ นื่องจาก ตนเองใหเ้ มลด็ ทานตะวนั ที่คว่ั แลว้ ดงั น้นั จะเจริญงอกงามไดฉ้ นั ใด ลูกชายท้งั ๑๔ คน ไดแ้ ต่ร้องไหเ้ สียใจกบั การกระทาํ ที่ไม่ซื่อสัตยข์ องตนเอง ท่ีมา : https://www.gotoknow.org/posts/253554
๙๔ ตัวอย่าง เศรษฐีเฒ่ามีบุตรชาย ๑๕ คน จริง ไม่จริง ๑. เศรษฐีเฒ่าตอ้ งการมอบสมบตั ิใหล้ ูกชายทุกคน จริง ไม่จริง ๒. เศรษฐีเฒ่าตอ้ งการคดั เลือกทายาทผรู้ ับสมบตั ิ จริง ไม่จริง ๓. เศรษฐีเฒ่ามอบเมลด็ ดอกทานตะวนั ใหบ้ ุตรชาย จริง ไม่จริง ทุกคนเพอ่ื นาํ ไปปลูก จริง ไม่จริง ๔. เศรษฐีเฒ่าบอกลูกชายใหป้ ลูกดอกทานตะวนั ในนา ๕. อีก ๓๐ วนั เศรษฐีเฒ่านดั บตุ รชายมาเพือ่ ประกาศ จริง ไม่จริง ช่ือทายาท จริง ไม่จริง ๖. ตน้ ทานตะวนั ของบุตรชายทุกคนเติบโตสวยงาม ๗. ตน้ ทานตะวนั ของลูกคนสุดทอ้ งไม่งอกงาม จริง ไม่จริง ๘. ตน้ ทานตะวนั ของลูกคนแรกสวยงามท่ีสุด จริง ไม่จริง ๙. เมลด็ ทานตะวนั ท่ีใหบ้ ุตรชายเป็นเมลด็ ท่ีควั่ แลว้ จริง ไม่จริง ๑๐. เศรษฐีเฒ่ามอบสมบตั ิใหล้ ูกชายคนสุดทอ้ งเพราะ จริง ไม่จริง เป็นผมู้ ีความซ่ือสัตยเ์ พียงคนเดียว
๙๕ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๓๒ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านเรื่องส้ันต่อไปน้ีแลว้ ตอบคาํ ถามใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) ใบ้กตัญํู เจา้ ใบเ้ ป็นลูกกตญั ํู เขามีมารดาท่ีชรามากแลว้ ไมว่ า่ มารดาจะหิวหรือหนาว เจา้ ใบม้ กั จะรู้ก่อนเสมอโดยไม่ตอ้ งรอใหม้ ารดาบอก ครอบครัวเจา้ ใบย้ ากจนไม่มีอะไร จะกิน จึงตอ้ งไปขออาหารที่คนเขากินเหลือมาเล้ียงดูมารดา เม่ือไดอ้ าหารมา เขาจะตอ้ ง เอาไปวางต่อหนา้ มารดา รอจนกวา่ มารดากินอิ่มแลว้ เขาถึงจะกิน หากมารดายงั ไม่ได้ กินเขาไม่เคยท่ีจะกินก่อน เวลาที่มารดาอารมณ์ไม่ดี เขาจะแสดงเป็นตวั ตลกเตน้ ระบาํ เหมือนเดก็ ๆ เพือ่ ใหม้ ารดาขาํ ขนั คลายอารมณ์ มารดาเขามีลูกเพียงคนเดียวคือเจา้ ใบ้ แรกๆ เม่ือนางรู้วา่ ลูกชายเป็นใบก้ ร็ ู้สึก เสียใจต่อมากท็ าํ ใจได้ คร้ันเวลาผา่ นไปนานเขา้ นางกลบั รู้สึกวา่ การมีลูกเป็นใบแ้ ต่ กตญั ํูยงั ดีกวา่ ลูกคนอ่ืนท่ีไม่ใบเ้ สียอีก ต่อมามารดาเจา้ ใบไ้ ดเ้ สียชีวติ ลง ขณะท่ีคน ในหมู่บา้ นกาํ ลงั ปรึกษาถึงเร่ืองการบริจาคเงินช่วยงานศพ เจา้ ใบก้ โ็ ผล่เขา้ มาแลว้ จูงมือ พวกชาวบา้ นไปที่ขา้ งบ่อน้าํ แห่งหน่ึง แลว้ ช้ีมือช้ีไมล้ งไปในบ่อ ทีแรกทุกคนไม่เขา้ ใจ ความหมาย คร้ันเมื่อไต่เชือกลงไปดูกไ็ ดพ้ บเงินเหรียญจาํ นวนมากมาย ซ่ึงเพียงพอแก่ การซ้ือโลงและค่าใชจ้ ่ายในการจดั งานศพมารดา กไ็ ม่ทราบวา่ เงินเหล่าน้ีไดม้ าจากไหน บางคนวา่ ทุกวนั เมื่อเจา้ ใบก้ ลบั จากการขอทาน เขาจะตอ้ งโยนสตางคห์ น่ึงเหรียญลงไป ในบ่อสะสมเป็นเวลาหลายปี จึงมีเงินมากมายเช่นน้ี หลงั จากงานศพของมารดาเสร็จ เรียบร้อยแลว้ ไม่มีผใู้ ดพบเห็นเจา้ ใบอ้ ีกเลย ท่ีมา : http://www.tumsrivichai.com
๙๖ ๑. นกั เรียนคิดวา่ เจา้ ใบม้ ีนิสัยอยา่ งไร ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๒. เพราะเหตุใดเจา้ ใบจ้ ึงไม่เคยกินขา้ วก่อนมารดา ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๓. เพราะเหตุใดในบ่อน้าํ จึงมีเงินเหรียญมากมาย ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๔. เร่ืองน้ีใหข้ อ้ คิดอยา่ งไรบา้ ง ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๕. นกั เรียนจะนาํ ขอ้ คิดจากการอ่านเรื่อง “ใบก้ ตญั ํู” ไปใชใ้ น ชีวติ ประจาํ วนั อยา่ งไร ____________________________________________________ ____________________________________________________
๙๗ แบบฝึ กทกั ษะที่ ๓๓ คาชี้แจง นกั เรียนอ่านเร่ืองส้นั “ขนมไทยคุณยาย” ต่อไปน้ีแลว้ ตอบคาํ ถามใหถ้ ูกตอ้ ง (๒๐ คะแนน) ขนมไทยคุณยาย วนั น้ีแกว้ ไม่ไดไ้ ปโรงเรียนเพราะเป็นวนั หยดุ แกว้ บอกกบั คุณยายวา่ จะช่วย ทาํ ขนมไทย เพอื่ ท่ีจะนาํ ไปถวายพระในวนั พรุ่งน้ี ดงั น้นั แกว้ จึงไม่รีรอ รีบเขา้ ไปในครัว แกว้ เห็น คุณยายกาํ ลงั ทาํ ทองหยอด สงั ขยา และขนมช้นั จึงไดเ้ ขา้ ไปช่วยคุณยายตอกไข่และคนส่วนผสมต่างๆเขา้ ดว้ ยกนั ระหวา่ งท่ีทาํ ขนม คุณยายกไ็ ดเ้ ล่าเรื่องราวของขนมไทยใหแ้ กว้ ฟังวา่ ... ขนมไทยน้นั มีมานานแลว้ ต้งั แต่สมยั ก่อน ขนมบางชนิดกไ็ ม่อาจบอกไดว้ า่ เป็นขนมไทย เพราะเราไดร้ ับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ เช่น ขนมทองหยอด ฝอยทอง ทองหยบิ ฯลฯ ซ่ึงเป็นขนมท่ีมาจากชาติโปรตุเกส เขา้ มาในสมยั ของสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช การทาํ ขนมในสมยั น้นั จะใชแ้ ป้ง น้าํ ตาล และกะทิเป็นส่วนผสม และต่อมา ไดใ้ ชไ้ ข่เป็นส่วนประกอบหลกั หลงั จากที่ไดร้ ับอิทธิพลจากต่างประเทศ “แกว้ ลองนึกดูนะจะ๊ ร้านขนมไทยที่ตลาดส่วนใหญ่จะมีแป้ง น้าํ ตาล และมะพร้าวเป็ นส่วนใหญ่ใช่ไหมล่ะ”
๙๘ “จริงดว้ ยค่ะคุณยาย” แกว้ ตอบ คุณยายเสริมต่ออีกวา่ “เราสามารถทาํ ขนมไดห้ ลายๆอยา่ ง ข้ึนอยกู่ บั การดดั แปลงของคนทาํ ขนม วา่ มีฝี มือและมีความคิดสร้างสรรคเ์ พยี งใด” “แค่นึกถึงขนมแลว้ กอ็ ยากทานแลว้ ล่ะค่ะ แกว้ วา่ ฝีมือของคุณยายอร่อยกวา่ ร้านท่ีตลาดแน่นอนค่ะ” “แหม! ชมกนั อยา่ งน้ีจะเอาขนมสักกี่ชิ้นดีละ” ยายพดู “หลายๆ ชิ้นเลยค่ะ” “แต่กค็ วรระวงั นะจ๊ะ หากเราทานขนมไทย เป็นประจาํ หรือทานในปริมาณมากอาจจะทาํ ใหเ้ ป็น โรคอว้ นได้ เพราะขนมมีส่วนผสมของน้าํ ตาล และ แป้งมากมายทีเดียว” ยายพูด “ค่ะคุณยาย เด๋ียวทาํ ขนมเสร็จแลว้ แกว้ จะเอาไปใหพ้ ่ีกอ้ ยลองชิมฝีมือ ของคุณยายกบั แกว้ นะคะ” “จะ้ ” ยายตอบและยมิ้ ใหก้ บั แกว้ ดว้ ยความภูมิใจ ที่มา : แบบฝึกทกั ษะการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียนภาษาไทย
๙๙ กจิ กรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรียนเขียนแผนภาพความคิดเรื่อง “ขนมไทยคุณยาย” (๑๐ คะแนน) ชื่อขนมไทย ส่ วนผสมของขนมไทย ตัวอย่าง ขนมถ้วย ตวั อย่าง ไข่ ๑.________________________ ๑.________________________ ๒.________________________ ๒.________________________ ๓.________________________ ๓.________________________ ๔.________________________ ๕.________________________ ขนมไทยคุณยาย ประโยชน์ของขนมไทย โทษของขนมไทย ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________
๑๐๐ กจิ กรรมท่ี ๒ ใหน้ กั เรียนตอบคาํ ถามจากการอ่านเร่ืองส้นั “ขนมไทยคุณยาย” ใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) ๑. นกั เรียนชอบทานขนมไทยหรือไม่ เพราะเหตุใด ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๒. นกั เรียนบอกช่ือขนมไทยชนิดอ่ืนๆ นอกจากในเน้ือเร่ืองมา ๓ ชนิด ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๓. ทาํ ไมในเน้ือเร่ืองจึงกล่าววา่ “ขนมทองหยอด” ไม่ใช่ขนมไทย ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๔. นกั เรียนคิดวา่ ขนมไทยมีประโยชนห์ รือไม่ เพราะอะไร ____________________________________________________ ____________________________________________________ ๕. นกั เรียนจะนาํ ประโยชนจ์ ากการอ่านเรื่องส้ัน “ขนมไทยคุณยาย” ไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั อยา่ งไรบา้ ง ____________________________________________________ ____________________________________________________
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133