ตำนาน พีรพัฒน์ แก้วเดโช เลขที่13
ตำนาน ตำนาน คือ เรื่องเล่าขานที่มีมาแต่อดีต เปรียบได้ เหมือนเครื่องมือที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวทาง ประวัติศาสตร์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง วิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ รวมถึงประเพณีต่าง ๆ ของคนในยุคอดีต อาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ได้ อาจมีหลักฐานหรือไม่มีก็ได้ พจนานุกรม ฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554
ตัวอย่างของตำนาน ตำนานน้ำท่วมโลก ตำนาน น้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ ที่ท ำให้เกิดโดยพระเจ้าหรือเทพเจ้า เพื่อทำลายล้างอารยธรรม โดยเป็นการลงโทษความบาปของมนุษย์ เพื่อเริ่มต้นอารยธรรมใหม่ ๆ ที่ส่งผลมายังปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้น บริเวณอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นประเด็นที่ปรากฏอยู่แพร่หลาย ในตำนานของวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น
ตำนานเก็นจิ 源氏物語ตำนานเก็นจิ (ญี่ปุ่น: ; Genji Monogatari) เป็นงานเขียนของ มุราซากิ ชิคิบุ นางข้าหลวงในราชสำนัก ญี่ปุ่นสมัยเฮอัน หรือ เฮอันเคียว ซึ่งมีชิวิตอยู่ราวต้นศตวรรษ ที่ 11 ว่ากันว่า นี่คือนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก [1] และมีการจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 1000 ปี ในปี 2008 ที่ประเทศญี่ปุ่น [2]โดยมีหลักฐานสนับสนุนจากเนิ้อ ความใน มุราซากิ ชิคิบุ นิกกิ (Murasaki Shikibu Nikki บันทึกของมุราซากิ ชิคิบุ) ซึ่งเธอได้เขียนบันทึกนั้นในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ค ศ.1008 ว่า ฟุจิวะระ โนะ คินโตะ (Fujiwara no Kinto) นักปราชญ์ราชบัณฑิตชั้นแนวหน้า ในยุคนั้น ชื่นชมในงานเขียนของเธอเป็นอันมาก และบันทึกนี้ ยืนยันกับเราให้ทราบว่า เธอเขียน บท วะกะมุราซากิ จบใน เวลานั้นเอง (1 พฤศจิกายน ค ศ.1008) [3] บางข้อมูลอ้าง ว่า มุราซากิ ชิคิบุ เริ่มเขียน ตำนานเก็นจิที่วัดอิชิยะมะเดระ ในคืนวันจันทร์เต็มดวงของวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ปี ค ศ. 1004 [4]
ความแตกต่างระหว่างตำนานพื้นบ้าน และนิทาน พื้นบ้าน ถึงแม้ว่าตำนานพื้นบ้าน และนิทานพื้นบ้าน จะมี ความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก คนส่วนมากมัก จะแยกไม่ค่อยออก และเหมารวมกันว่าตำนานพื้น บ้าน และนิทานพื้นบ้านเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ในความ เป็นจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างตำนานเป็นดังนี้
ตำนานพื้นบ้าน เป็นเรื่องราวดั้งเดิม ที่อธิบายถึง ประวัติศาสตร์ หรือปรากฏการณ์ทาง ศาสนาต่อผู้ชม ถือเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ชั้น ต้น ช่วยอธิบายเรื่องราว ของอดีตให้ คลี่คลาย และนำไปสู่ความรู้ความ เข้าใจในเรื่องของ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ตลอดจนประวัติความ เป็นมา ของสังคม แต่ละท้องถิ่นได้ เป็นอย่างดี เนื่องจากตำนานเป็นงานที่เกิดขึ้นจาก การสั่งสมทาง ความคิด ความเชื่อ ค่า นิยม ตลอดจนทัศนคติของ คนหลาย ยุคสมัย
นิทานพื้นบ้าน เน้นความบันเทิง บางครั้งก็สอนบทเรียนชีวิตด้วย เรื่องเล่าที่เล่าสืบต่อกันมา มุ่งให้เห็น ความบันเทิง แทรกแนวคิด คติสอนใจ จนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย อย่างหนึ่ง อาจเรียก นิทานพื้นบ้าน นิทานพื้นเมือง นิทานชาวบ้าน เป็นต้น
ตำนานพื้นบ้านของไทยที่ควรรู้จัก 1. ตำนานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ประวัติของการสร้างธาตุแห่งนี้แตกต่างไปจากธาตุอื่น ๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา โดยเป็นนิทานพื้นบ้าน เล่าว่า มีชายหนุ่มชาวนา (บ้างว่าชื่อ ทอง) ที่ได้ทำนา ทั้งชีวิต วันหนึ่งเขาออกไปไถนา ในเวลาเที่ยงเขา เหนื่อยล้า รู้สึกเกิดอาการร้อนรนและหิวโซ มารดาของ หนุ่มชาวนามาส่งข้าว แต่มาช้ากว่าเวลาปกติ ชายหนุ่ม เห็นว่าก่องข้าวที่มารดาถือมาให้นั้นก่องเล็กมาก เขา โกรธมารดามาก จึงทำร้ายมารดาด้วยความโมโหหิว เอาคันไถนาฟาดไปที่มารดา จนมารดาล้มและเสียชีวิต หลังจากนั้นเขากินข้าวที่มารดานำมาให้ แต่ก็กินเท่าไร ข้าวก่องน้อยนั้นก็ไม่หมดก่อง ลูกชายเริ่มได้สติ หันมา เห็นมารดานอนเสียชีวิตบนพื้น จึงรู้สึกเสียใจมากที่ได้ ทำผิดไป จึงได้สร้างธาตุก่องข้าวน้อยแห่งนี้ขึ้นมาด้วย มือเพื่อชดใช้บาปกรรม
2. ตำนานชาละวัน มีตายายสองสามีภรรยา ออกไปหาปลาพบไข่จระเข้ ที่สระน้ำแห่งหนึ่ง จึงเก็บมาฟักเป็นตัวแล้วเลี้ยงไว้ ในอ่างน้ำ เพราะยายอยากเลี้ยงไว้แทนลูก ต่อมา จระเข้ตัวใหญ่ขึ้นจึงนำไปเลี้ยงไว้ในสระใกล้บ้านหา ปลามาให้เป็นประจำ ต่อมาตายายหาปลามาให้เป็น อาหารไม่พออิ่ม จระเข้ตัวนั้นจึงกินตายายเป็น อาหารเมื่อขาดคนเลี้ยงดูให้อาหาร จระเข้ใหญ่จึง ออกจากสระไปอาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านเก่าซึ่งอยู่ห่าง จากสระตายาย
10. ตำนานเมืองลับแล เรื่องลี้ลับเล่าขานของตำนานพื้นบ้าน มีมาแต่อดีต เรื่องราวเก่าแก่ที่เล่ากันสืบทอดต่อกันมา “อำเภอ ลับแล หรือ เมืองลับแล” เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัด อุตรดิตถ์ เป็นชุมชนโบราณมีมาตั้งแต่สมัยกรุง สุโขทัย1 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2444 ความเป็นมาของ คำว่า “ลับแล” นั้น ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
12. ตำนานรักพระลอ ตำนานรักพระลอ เป็นนิยายรักอมตะ ที่มีชื่อเสียง ที่สุดเรื่องหนึ่งที่เขียนไว้ในวรรณคดีเรื่องลิลิตพระ ลอ เชื่อกันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเขตอำเภอ สอง จังหวัดแพร่ เพราะมีหลักฐานหลายอย่าง สอดคล้องกันเช่น เมืองสรอง ซึ่งเป็นเมืองของพระ เพื่อนพระแพงผู้เลอโฉม สันนิษฐานว่าคือ เมือง สอง (อ.สอง) ของจังหวัดแพร่
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: