Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปเศรษฐกิจกรรมพอเพียงสำหรับนักศึกษา กศน.1

สรุปเศรษฐกิจกรรมพอเพียงสำหรับนักศึกษา กศน.1

Published by supawadee_011, 2023-07-01 09:09:55

Description: สรุปเศรษฐกิจกรรมพอเพียงสำหรับนักศึกษา กศน.1

Search

Read the Text Version

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสาหรับนกั ศึกษา กศน. 1 ศนู ย์การเรียนรู้อาเภอสุวรรณคูหา

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพฒั นาความร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. ก คานา สรุปผลการดําเนินงานโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับนักศึกษา กศน. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อําเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลําภู ฉบับน้ีจัดทําขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลระดับ ความสําเร็จและความพึงพอใจที่มีต่อโครงการ ปัญหา อุปสรรค ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะ เพื่อนําไปใช้เป็นข้อมูล ประกอบในการดําเนนิ โครงการคร้ัง ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อําเภอสุวรรณคูหา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสรุปผลการดําเนินงานการจัด กิจกรรมดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องการศึกษาและจะเป็นแนวทางในการนําไปพัฒนาและปรับปรุงงานใน ปีงบประมาณต่อไป ศนู ย์ส่งเสรมิ การเรยี นรู้อาํ เภอสุวรรณคหู า มถิ ุนายน 2566 ศูนย์การเรียนรูอ้ าเภอสวุ รรณคูหา

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพฒั นาความรูเ้ ศรษฐกิจพอเพียงสาหรับนกั ศึกษา กศน. ข สารบัญ หนา้ ก คาํ นํา ข สารบัญ 1 บทที่ 1 บทนาํ 5 บทที่ 2 เอกสารที่เกยี่ วขอ้ ง 18 บทที่ 3 วธิ ดี าํ เนนิ งาน 20 บทที่ 4 ผลการดาํ เนนิ โครงการ 25 บทท่ี 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ 26 ภาคผนวก - ภาพกจิ กรรม - รายชือ่ ผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการ คณะทาํ งาน ศนู ยก์ ารเรียนร้อู าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับนักศึกษา กศน. 3 บทที่ 1 บทนา หลกั การและเหตผุ ล เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ช้ีถึงแนวทางปฏิบัติตน โดยคํานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภมู ิคุ้มกนั ที่ดี เพอื่ พรอ้ มรับตอ่ ความเสี่ยงบนพื้นฐานของความรอบรู้ ความรอบคอบ ระมัดระวัง และ มีคุณธรรม การใช้ความรู้อย่างถูกหลักวิชาการ ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ควบคู่ไปกับการกระทําท่ีไม่ เบยี ดเบยี นกัน การแบ่งปัน ช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั ความรว่ มมือปรองดองกันในสังคม จะสร้างสายใยเช่ือมโยงคน ในภาคส่วนต่างๆ ของสังคมเข้าด้วยกัน สร้างสรรค์พลังในทางบวก นําไปสู่ความสามัคคี การพัฒนาท่ีสมดุลและ ยงั่ ยืน และการพร้อมรับตอ่ การเปลี่ยนแปลงตา่ งๆ ภายใต้กระแสโลกาภวิ ตั น์ ศูนย์สง่ เสรมิ การเรยี นร้อู าํ เภอสุวรรณคหู า ไดจ้ ดั ทาํ โครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับ นักศกึ ษา กศน. ขึน้ มาเพอื่ ใหน้ ักศกึ ษา ศนู ย์ส่งเสรมิ การเรียนรูอ้ ําเภอสวุ รรณคหู า ได้ตระหนกั และเกดิ การเรียนรูใ้ นการ พึ่งพาตนเอง มีการดําเนินชีวิตให้อยู่อย่างพอประมาณตน เดินทางสายกลาง มีความพอดีและพอเพียงกับตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกต่าง ๆ โดยใช้ปัจจัยด้านพื้นฐานในการดําเนินชีวิตที่ ประชาชนโดยทั่วไปใช้ในการบริโภค มีการส่งเสริมให้ใช้พื้นที่ว่างเปล่าในบริเวณบ้าน ร้ัวรอบบ้าน ปลูกพืช ประเภทพืชสมุนไพร เครื่องเทศ และล้มลุกต่าง ๆ ไว้ บริโภค เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย โหระพา มะนาว มะกรูด ฯลฯ ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และเป็นการสร้างกิจกรรม นนั ทนาการ เป็นการใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ มีคุณค่า สร้างความรักสามัคคี พฒั นาความผูกพนั ในครอบครัว มากยง่ิ ขนึ้ วัตถปุ ระสงค์โครงการ 1. เพอื่ ใหน้ ักศกึ ษาทเี่ ขา้ รว่ มโครงการมีความรู้ เรื่องหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. เพือ่ ให้นกั ศึกษาสามารถนาํ ความรทู้ ไ่ี ด้รบั ไปปรับใชใ้ นชวี ิตประจําวนั ได้ เป้าหมาย เชิงปริมาณ นักศกึ ษาศูนย์สง่ เสรมิ การเรยี นรู้อาํ เภอสวุ รรณคูหา จํานวน 40 คน เชงิ คุณภาพ นกั ศึกษา ศูนย์ส่งเสรมิ การเรยี นรู้อําเภอสวุ รรณคหู า ท่เี ข้าร่วมโครงการมีความรู้ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์และวิจารณญาณมีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรองและเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทาง การศึกษาสามารถนําความรู้ท่ไี ด้ไปใช้ให้เกดิ ประโยชนอ์ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ศนู ย์การเรยี นรอู้ าเภอสุวรรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. 4 ประโยชน์ท่คี าดว่าจะไดร้ บั ตัวชี้วดั ผลผลิต ร้อยละ 90 ของนักศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อําเภอสุวรรณคูหา ท่ีร่วมโครงการมีความรู้ ความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์และวิจารณญาณมีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรองเพ่ือเพ่ิม ผลสัมฤทธิท์ างการศึกษา ตวั ชวี้ ัดผลลัพธ์ นักศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อําเภอสุวรรณคูหา ที่ร่วมโครงการสามารถนําความรู้ท่ีได้ไปพัฒนาการ เรยี นเพื่อเพมิ่ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนเปน็ ไปตามเกณฑไ์ ดอ้ ย่าง ศนู ย์การเรยี นรูอ้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสาหรับนักศกึ ษา กศน. 5 บทท่ี 2 เอกสารท่เี ก่ียวข้อง เศรษฐกิจพอเพยี ง ผลจากการใช้แนวทางการพัฒนาประเทศไปสูค่ วามทนั สมยั ไดก้ ่อใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงแก่ สงั คมไทยอยา่ งมากในทกุ ดา้ น ไมว่ ่าจะเป็นดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม อีกทงั้ กระบวนการของความเปลีย่ นแปลงมคี วามสลับซบั ซ้อนจนยากทจ่ี ะอธิบายใน เชิงสาเหตแุ ละผลลพั ธไ์ ด้ เพราะการ เปลย่ี นแปลงท้งั หมดต่างเป็นปัจจัยเชื่อมโยงซงึ่ กันและกนั สําหรบั ผลของการพฒั นาในด้านบวกนั้น ไดแ้ ก่ การเพ่มิ ข้ึนของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ ความเจริญทางวัตถุ และสาธารณปู โภคตา่ งๆ ระบบสอ่ื สารทท่ี ันสมยั หรอื การขยายปรมิ าณและกระจายการศึกษา อย่างทั่วถึงมากขึ้น แต่ผลด้านบวกเหล่าน้ีส่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผู้ด้อยโอกาสในสังคมน้อย แตว่ ่า กระบวนการเปล่ียนแปลงของสังคมได้เกิดผลลบติดตามมาด้วย เช่น การขยายตัวของรัฐเข้าไปในชนบท ได้ สง่ ผลให้ชนบทเกิดความอ่อนแอในหลายด้าน ท้ังการต้องพ่ึงพิงตลาดและพ่อค้าคนกลางในการส่ังสินค้าทุน ความ เส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพันธ์แบบเครือญาติ และการรวมกลุ่มกันตามประเพณีเพื่อการ จัดการทรัพยากรที่เคยมีอยู่แต่เดิมแตก สลายลง ภูมิความรู้ท่ีเคยใช้แก้ปัญหาและสั่งสมปรับเปล่ียนกันมาถูกลืม เลือนและเรม่ิ สูญหายไป ส่ิงสําคัญ ก็คือ ความพอเพียงในการดํารงชีวิต ซ่ึงเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ทําให้คนไทยสามารถ พ่งึ ตนเอง และดําเนินชีวิตไปได้อย่างมีศักดิ์ศรีภายใต้อํานาจและความมีอิสระในการกําหนด ชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจัดการเพื่อให้ตนเองได้รับการสนองตอบต่อความต้อง การต่างๆ รวมท้ัง ความสามารถในการจัดการปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งท้ังหมดนี้ถือว่าเป็นศักยภาพพื้นฐานที่คนไทยและ สังคมไทยเคยมอี ยู่แต่ เดมิ ต้องถูกกระทบกระเทือน ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบู่และปัญหาความอ่อนแอ ของชนบท รวมทั้งปญั หาอ่ืนๆ ที่เกดิ ขึ้น ล้วนแตเ่ ป็นขอ้ พสิ ูจน์และยืนยนั ปรากฎการณ์นไ้ี ด้เป็นอยา่ งดี พระราชดารวิ ่าดว้ ยเศรษฐกจิ พอเพียง “...การพฒั นาประเทศจาํ เป็นตอ้ งทาํ ตามลาํ ดบั ขนั้ ต้องสรา้ งพื้นฐานคอื ความพอมี พอกนิ พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญเ่ บือ้ งตน้ ก่อน โดยใชว้ ิธกี ารและอปุ กรณท์ ี่ประหยัดแต่ถูกตอ้ งตามหลักวชิ าการ เมื่อได้ พื้นฐานความม่ันคงพรอ้ มพอสมควร และปฏิบัติไดแ้ ล้ว จงึ คอ่ ยสรา้ งคอ่ ยเสรมิ ความเจรญิ และฐานะทางเศรษฐกิจ ขัน้ ทส่ี ูงขน้ึ โดยลาํ ดับต่อไป...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗) “เศรษฐกจิ พอเพียง” เปน็ แนวพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่ีพระราชทานมา นานกว่า ๓๐ ปี เป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาที่ต้ังบนพ้ืนฐานของ ศนู ย์การเรยี นรู้อาเภอสวุ รรณคูหา

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศกึ ษา กศน. 6 ทางสายกลาง และความไม่ประมาท คํานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพ้ืนฐานในการดํารงชีวิต ท่ีสําคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และ ความเพยี ร” ซ่ึงจะนําไปสู่ “ความสุข” ในการดําเนนิ ชวี ติ อยา่ งแท้จรงิ “...คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีส่ิงท่ี สมยั ใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทย พออยู่พอกิน มีความสงบ และ ทํางานต้ังจติ อธษิ ฐานตงั้ ปณิธาน ในทางนีท้ จี่ ะใหเ้ มืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไมใ่ ช่วา่ จะรุง่ เรืองอย่างยอด แต่วา่ มี ความพออยูพ่ อกนิ มีความสงบ เปรยี บเทียบกบั ประเทศอื่นๆ ถ้าเรารกั ษาความพออยพู่ อกนิ นไ้ี ด้ เรากจ็ ะยอด ยง่ิ ยวดได้...” (๔ ธนั วาคม ๒๕๑๗) พระบรมราโชวาทน้ี ทรงเห็นว่าแนวทางการพัฒนาที่เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ ประเทศเป็นหลักแต่ เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเน้นการมีพอกินพอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่ ในเบื้องต้นก่อน เม่ือมีพ้ืนฐานความม่ันคงพร้อมพอสมควรแล้ว จึงสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจให้ สงู ขน้ึ ซึ่งหมายถึง แทนท่ีจะเน้นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมนําการพัฒนาประเทศ ควรที่จะ สร้างความม่ันคงทางเศรษฐกิจพื้นฐานก่อน นั่นคือ ทาให้ประชาชนในชนบทส่วนใหญ่พอมีพอกินก่อนเป็นแนว ทางการพัฒนาท่ีเน้นการกระจายรายได้ เพ่ือสร้างพ้ืนฐานและความม่ันงคงทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ กอ่ นเนน้ การพัฒนาในระดบั สงู ขึน้ ไป ทรงเตือนเรือ่ งพออยูพ่ อกนิ ตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ คอื เมอ่ื ๓๐ กว่าปีท่แี ล้ว แต่ทศิ ทางการพฒั นามิไดเ้ ปล่ียนแปลง “...เมื่อปี ๒๕๑๗ วันนนั้ ได้พดู ถึงว่า เราควรปฏบิ ตั ใิ ห้พอมีพอกนิ พอมพี อกนิ นก้ี ็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนนั่ เอง ถ้าแตล่ ะคนมพี อมพี อกนิ กใ็ ช้ได้ ยิ่งถ้าทงั้ ประเทศพอมพี อกนิ ก็ยิ่งดี และประเทศไทย เวลานัน้ กเ็ รม่ิ จะเปน็ ไมพ่ อมีพอกนิ บางคนก็มีมาก บางคนกไ็ ม่มีเลย...” (๔ ธันวาคม ๒๕๔๑) เศรษฐกจิ พอเพียง “เศรษฐกิจพอเพียง” เปน็ ปรัชญาทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานพระราชดาํ ริ ชีแ้ นะแนวทาง การดาํ เนนิ ชวี ติ แก่พสกนกิ รชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตง้ั แต่กอ่ นเกิดวกิ ฤตการณ์ทาง เศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเนน้ ยาํ้ แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพน้ และสามารถดาํ รงอยไู่ ดอ้ ย่างมัน่ คงและ ยั่งยนื ภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ตั น์และความ เปล่ียนแปลงต่างๆ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ศนู ยก์ ารเรียนร้อู าเภอสวุ รรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความร้เู ศรษฐกจิ พอเพียงสาหรบั นักศกึ ษา กศน. 7 เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการดํารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดําเนินไปในทางสาย กลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงท้ังภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ ระมดั ระวงั อย่างย่ิงในการนาํ วิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดําเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะตอ้ งเสรมิ สร้างพนื้ ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มี สาํ นึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดําเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มี สติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่อื ให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรบั การเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จงึ ประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังน้ี ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ี่ไม่น้อยเกินไปและไมม่ ากเกินไป โดยไม่เบยี ดเบียนตนเอง และผู้อน่ื เชน่ การผลติ และการบริโภคทอ่ี ยูใ่ นระดับพอประมาณ ๒. ความมีเหตผุ ล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกีย่ วกบั ระดับความพอเพยี งนั้น จะตอ้ งเป็นไปอย่างมเี หตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจัยทเี่ ก่ียวขอ้ ง ตลอดจนคํานึงถงึ ผลที่คาดวา่ จะเกดิ ขึ้นจากการกระทาํ น้ันๆ อย่างรอบคอบ ๓. ภูมิคมุ้ กนั หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงดา้ นต่างๆทีจ่ ะเกดิ ขน้ึ โดยคํานึงถงึ ความเปน็ ไปได้ของสถานการณต์ า่ งๆ ทค่ี าดว่าจะเกดิ ขึ้นในอนาคต โดยมี เงือ่ นไข ของการตดั สนิ ใจและดําเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี ง ๒ ประการ ดังนี้ ๑. เงือ่ นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกย่ี วกับวิชาการตา่ งๆ ท่ีเกย่ี วข้องรอบด้าน ความรอบคอบ ท่จี ะนาํ ความรู้เหลา่ น้นั มาพจิ ารณาใหเ้ ชอื่ มโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผนและความระมดั ระวังในการปฏบิ ตั ิ ๒. เงอ่ื นไขคุณธรรม ท่ีจะต้องเสริมสรา้ ง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คณุ ธรรม มคี วามซื่อสัตย์ สจุ รติ และมคี วามอดทน มคี วามเพียร ใช้สติปัญญาในการดาํ เนินชีวิต ศูนยก์ ารเรียนรูอ้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. 8 พระราชดารัสท่ีเก่ยี วกับเศรษฐกิจพอเพยี ง “...เศรษฐศาสตรเ์ ป็นวิชาของเศรษฐกจิ การทตี่ อ้ งใชร้ ถไถตอ้ งไปซอ้ื เราตอ้ งใช้ตอ้ งหาเงนิ มาสาํ หรบั ซ้ือ นํ้ามนั สาํ หรับรถไถ เวลารถไถเกา่ เราต้องย่ิงซ่อมแซม แต่เวลาใชน้ นั้ เรากต็ อ้ งปูอนนํา้ มนั ใหเ้ ป็นอาหาร เสรจ็ แล้วมนั คายควัน ควันเราสดู เข้าไปแลว้ ก็ปวดหัว สว่ นควายเวลาเราใชเ้ รากต็ อ้ งปูอนอาหาร ต้องให้หญ้าใหอ้ าหารมนั กนิ แตว่ า่ มันคายออกมา ทีม่ นั คายออกมากเ็ ป็นป๋ยุ แล้วก็ใชไ้ ดส้ าํ หรับให้ท่ดี นิ ของเราไมเ่ สยี ...” พระราชดํารสั เนือ่ งในพระราชพิธพี ชื มงคลจรดพระนังคลั แรกนาขวญั ณ ศาลาดุสดิ าลัย วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ “...เราไม่เป็นประเทศรํ่ารวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้ แต่ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก เพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมากก็จะมีแต่ถอยกลับ ประเทศเหล่าน้ันที่เป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้า จะมีแต่ถอยหลังและถอยหลังอย่างน่ากลัว แต่ถ้าเรามีการ บริหารแบบเรียกว่าแบบคนจน แบบทไี่ มต่ ดิ กบั ตาํ รามากเกินไป ทําอยา่ งมสี ามคั คนี ี่แหละคอื เมตตากนั จะอยู่ได้ ตลอดไป.” พระราชดํารสั เน่อื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วันที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๔ “...ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณ์ในทางดี ทเ่ี ขาเรียกว่าเลง็ ผลเลิศ กเ็ หน็ ว่าประเทศไทย เราน่ีก้าวหน้า ดี การเงินการอุตสาหกรรมการค้าดี มีกําไร อีกทางหนึ่งก็ต้องบอกว่าเรากําลังเสื่อมลงไปส่วนใหญ่ ทฤษฎีว่า ถ้ามีเงินเท่านั้นๆ มีการกู้เท่าน้ันๆ หมายความว่าเศรษฐกิจก้าวหน้า แล้วก็ประเทศก็เจริญมีหวังว่าจะเป็น มหาอํานาจ ขอโทษเลยต้องเตือนเขาว่า จริงตัวเลขดี แต่ว่าถ้าเราไม่ระมัดระวังในความต้องการพื้นฐานของ ประชาชนนน้ั ไม่มีทาง” พระราชดาํ รัส เนือ่ งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๖ “...เด๋ียวนี้ประเทศไทยก็ยังอยู่ดีพอสมควร ใช้คําว่า พอสมควร เพราะเดี๋ยวมีคนเห็นว่ามีคนจน คนเดือดร้อน จํานวนมากพอสมควร แต่ใช้คําว่า พอสมควรนี้ หมายความว่าตามอัตตภาพ...”พระราชดํารัส เน่ืองในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙ “...ท่ีเปน็ หว่ งนั้น เพราะแม้ในเวลา ๒ ปี ทเ่ี ปน็ ปีกาญจนาภเิ ษกกไ็ ดเ้ หน็ ส่งิ ทที่ ําให้เห็นได้ว่า ประชาชนยัง มีความเดือดร้อนมาก และมีส่ิงที่ควรจะแก้ไขและดําเนินการต่อไปทุกด้าน มีภัยจากธรรมชาติกระหนํ่า ภัย ธรรมชาตนิ เี้ ราคงสามารถที่จะบรรเทาไดห้ รือแก้ไขได้ เพียงแต่ว่าต้องใชเ้ วลาพอใช้ มภี ยั ทมี่ าจากจิตใจของคน ซ่ึงก็ แก้ไขได้เหมือนกัน แต่ว่ายากกว่าภัยธรรมชาติ ธรรมชาติน้ันเป็นสิ่งนอกกายเรา แต่นิสัยใจคอของคนเป็นสิ่ง ท่ี อ ยู่ ข้ า ง ใ น อั น นี้ ก็ เ ป็ น ข้ อ ห นึ่ ง ท่ี อ ย า ก ใ ห้ จั ด ก า ร ใ ห้ มี ค ว า ม เ รี ย บ ร้ อ ย แ ต่ ก็ ไ ม่ ห ม ด ห วั ง . . ” พระราชดํารัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดสุ ิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙ ศนู ย์การเรียนรู้อาเภอสุวรรณคูหา

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั นกั ศกึ ษา กศน. 9 “...การจะเป็นเสือน้ันไม่สําคัญ สําคัญอยู่ท่ีเรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความวา่ อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตนเอง ความพอเพียงน้ีไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิต อาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างน้ันมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอําเภอ จะต้องมีความพอเพียง พอสมควร บางสงิ่ บางอยา่ งผลติ ไดม้ ากกวา่ ความต้องการกข็ ายได้ แตข่ ายในท่ีไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่ง มากนัก...” พระราชดํารสั เนือ่ งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วนั ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙. “...เม่ือปี ๒๕๑๗ วันนั้นได้พูดถึงว่า เราควรปฏิบัติให้พอมีพอกิน พอมีพอกินนี้ก็แปลว่า เศรษฐกิจ พอเพยี งนน่ั เอง ถ้าแตล่ ะคนมีพอมีพอกนิ กใ็ ชไ้ ด้ ย่ิงถ้าทงั้ ประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดี และประเทศไทยเวลาน้ันก็เร่ิม จะเป็นไม่พอมีพอกิน บางคนก็มีมาก บางคนก็ไม่มีเลย...”พระราชดํารัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย วนั ท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ “...พอเพยี ง มคี วามหมายกวา้ งขวางยิง่ กว่านอ้ี กี คอื คาํ ว่าพอ ก็พอเพียงน้ีก็พอแค่นั้นเอง คนเราถ้าพอใน ความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอ่ืนน้อย ถ้าประเทศใดมีความคิดอันนี้ มคี วามคดิ วา่ ทําอะไรตอ้ งพอเพยี ง หมายความว่าพอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอยา่ งมาก คนเราก็อยูเ่ ปน็ สุข พอเพยี ง นีอ้ าจจะมี มมี ากอาจจะมีของหรหู รากไ็ ด้ แตว่ ่าตอ้ งไม่ไปเบยี ดเบียนคนอ่ืน...” พระราชดาํ รสั เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ “...ไฟดับถา้ มีความจําเป็น หากมเี ศรษฐกิจพอเพยี งแบบไม่เตม็ ที่ เรามีเครอ่ื งปั่นไฟกใ็ ชป้ นั่ ไฟ หรอื ถ้าข้ัน โบราณกว่า มืดก็จุดเทียน คือมีทางท่ีจะแก้ปัญหาเสมอ ฉะนั้นเศรษฐกิจพอเพียงก็มีเป็นข้ันๆ แต่จะบอกว่า เศรษฐกิจพอเพียงน้ี ให้พอเพียงเฉพาะตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์นี่เป็นส่ิงทําไม่ได้ จะต้องมีการแลกเปลี่ยน ต้องมีการ ช่วยกัน ถา้ มกี ารช่วยกัน แลกเปลี่ยนกนั กไ็ ม่ใชพ่ อเพียงแลว้ แต่ว่าพอเพยี งในทฤษฎใี นหลวงนี้ คอื ใหส้ ามารถท่จี ะ ดาํ เนินงานได้...” พระราชดาํ รสั เนื่องในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ที่ ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๔๒ “...โครงการต่างๆ หรือเศรษฐกิจท่ีใหญ่ ต้องมีความสอดคล้องกันดีท่ีไม่ใช่เหมือนทฤษฎีใหม่ ที่ใช้ท่ีดิน เพยี ง ๑๕ ไร่ และสามารถทจี่ ะปลกู ข้าวพอกนิ กจิ การนใ้ี หญก่ ว่า แตก่ ็เปน็ เศรษฐกจิ พอเพียงเหมือนกนั คนไม่เข้าใจ ว่ากิจการใหญ่ๆ เหมือนสร้างเขื่อนปุาสักก็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน เขานึกว่าเป็นเศรษฐกิจสมัยใหม่ เป็น เศรษฐกิจท่ีห่างไกลจากเศรษฐกิจพอเพียง แต่ที่จริงแล้ว เป็นเศรษฐกิจพอเพียง เหมือนกัน...” พระราชดํารสั เนอ่ื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๒ ศูนย์การเรียนร้อู าเภอสุวรรณคูหา

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพัฒนาความรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงสาหรับนักศึกษา กศน. 10 “...ฉันพูดเศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือ ทําอะไรให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเอง คือทําจากรายได้ ๒๐๐-๓๐๐ บาท ข้ึนไปเป็นสองหมื่น สามหม่ืนบาท คนชอบเอาคําพูดของฉัน เศรษฐกิจพอเพียงไปพูดกันเลอะ เทอะ เศรษฐกิจพอเพียง คอื ทาํ เป็น Self-Sufficiency มันไม่ใช่ความหมายไม่ใชแ่ บบที่ฉันคิด ท่ีฉันคดิ คอื เปน็ Self- Sufficiency of Economy เช่น ถ้าเขาต้องการดูทีวี ก็ควรให้เขามีดู ไม่ใช่ไปจํากัดเขาไม่ให้ซ้ือทีวีดู เขาต้องการดู เพื่อความสนุกสนาน ในหมู่บ้านไกลๆ ที่ฉันไป เขามีทีวีดูแต่ใช้แบตเตอร่ี เขาไม่มีไฟฟูา แต่ถ้า Sufficiency น้ัน มี ทีวีเขาฟุมเฟือย เปรียบเสมือนคนไม่มีสตางค์ไปตัดสูทใส่ และยังใส่เนคไทเวอร์ซาเช่ อันนี้ก็เกินไป... ” พระตาํ หนักเปีย่ มสุข วงั ไกลกังวล ๑๗ มกราคม ๒๕๔๔ ประเทศไทยกับเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นให้ผู้ผลิต หรือผู้บริโภค พยายามเร่ิมต้นผลิต หรือบริโภคภายใต้ขอบเขต ข้อจํากัดของรายได้ หรือทรัพยากรที่มีอยู่ไปก่อน ซ่ึงก็คือ หลักในการลดการพึ่งพา เพ่ิมขีดความสามารถในการ ควบคุมการผลติ ได้ดว้ ยตนเอง และลดภาวะการเสย่ี งจากการไม่สามารถควบคมุ ระบบตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกจิ พอเพียงมิใช่หมายความถึง การกระเบยี ดกระเสยี นจนเกินสมควร หากแตอ่ าจฟุมเฟือยไดเ้ ป็นครัง้ คราว ตามอัตภาพ แตค่ นส่วนใหญข่ องประเทศ มักใชจ้ ่ายเกินตัว เกินฐานะที่หามาได้ เศรษฐกิจพอเพียง สามารถนําไปสู่เปูาหมายของการสร้างความม่ันคงในทางเศรษฐกิจได้ เช่น โดยพ้ืนฐานแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของประเทศจึงควรเน้นท่ีเศรษฐกิจการเกษตร เนน้ ความมน่ั คงทางอาหาร เป็นการสรา้ งความมน่ั คงให้เป็นระบบเศรษฐกจิ ในระดบั หนง่ึ จึงเป็นระบบเศรษฐกิจที่ ชว่ ยลดความเสีย่ ง หรือความไม่มน่ั คงทางเศรษฐกจิ ในระยะยาวได้ เศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถประยุกตใ์ ชไ้ ดใ้ นทกุ ระดบั ทุกสาขา ทกุ ภาคของเศรษฐกจิ ไมจ่ ําเปน็ จะต้อง จํากดั เฉพาะแตภ่ าคการเกษตร หรอื ภาคชนบท แมแ้ ตภ่ าคการเงนิ ภาคอสงั หารมิ ทรพั ย์ และการคา้ การลงทุน ระหว่างประเทศโดยมีหลกั การท่คี ล้ายคลึงกันคอื เน้นการเลือกปฏบิ ัตอิ ยา่ งพอประมาณ มีเหตมุ ีผล และสรา้ ง ภูมคิ มุ้ กันให้แก่ตนเองและสังคม การดาเนินชวี ติ ตามแนวพระราชดารพิ อเพยี ง พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงเข้าใจถงึ สภาพสังคมไทย ดงั น้ัน เม่ือไดพ้ ระราชทานแนวพระราชดาํ ริ หรือพระบรมราโชวาทในดา้ นต่างๆ จะทรงคํานงึ ถึงวิถชี ีวติ สภาพสงั คมของประชาชนดว้ ย เพื่อไมใ่ หเ้ กดิ ความ ขดั แยง้ ทางความคดิ ที่อาจนําไปสู่ความขดั แย้งในทางปฏิบัติได้ ศูนยก์ ารเรียนร้อู าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศกึ ษา กศน. 11 แนวพระราชดาํ ริในการดาํ เนินชีวิตแบบพอเพียง ๑. ยดึ ความประหยัด ตดั ทอนค่าใช้จา่ ยในทุกด้าน ลดละความฟุมเฟือยในการใชช้ วี ิต ๒. ยดึ ถือการประกอบอาชพี ดว้ ยความถูกต้อง ซ่อื สตั ย์สจุ ริต ๓. ละเลกิ การแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันกันในทางการคา้ แบบต่อสู้กนั อยา่ งรนุ แรง ๔. ไม่หยุดนิง่ ทจี่ ะหาทางให้ชวี ติ หลดุ พ้นจากความทกุ ข์ยาก ดว้ ยการขวนขวายใฝุหาความรใู้ ห้มีรายได้ เพ่ิมพนู ขึน้ จนถงึ ขน้ั พอเพียงเปน็ เปาู หมายสําคัญ ๕. ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ดี ี ลดละส่งิ ชว่ั ประพฤตติ นตามหลกั ศาสนา ตวั อยา่ งเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทฤษฎใี หม่ ทฤษฎีใหม่ คือ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของ การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงท่ีเด่นชัดท่ีสุด ซ่ึง พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ได้พระราชทานพระราชดํารนิ ี้ เพ่ือเปน็ การช่วยเหลือเกษตรกรท่ีมักประสบปัญหาท้ัง ภัยธรรมชาติและปจั จัยภาย นอกทมี่ ีผลกระทบต่อการทําการเกษตร ใหส้ ามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะ การขาดแคลนน้าํ ได้โดยไมเ่ ดอื ดรอ้ นและยากลําบากนักความเสย่ี งท่ีเกษตรกร มักพบเป็นประจํา ประกอบดว้ ย ๑. ความเสีย่ งดา้ นราคาสนิ คา้ เกษตร ๒. ความเสี่ยงในราคาและการพึง่ พาปัจจยั การผลติ สมยั ใหม่จากตา่ งประเทศ ๓. ความเสีย่ งดา้ นนา้ํ ฝนทงิ้ ชว่ ง ฝนแลง้ ๔. ภยั ธรรมชาตอิ นื่ ๆ และโรคระบาด ๕. ความเส่ยี งด้านแบบแผนการผลติ - ความเส่ียงดา้ นโรคและศัตรพู ชื - ความเสี่ยงดา้ นการขาดแคลนแรงงาน - ความเส่ยี งดา้ นหนี้สนิ และการสูญเสียทดี่ นิ ทฤษฎใี หม่ จึงเปน็ แนวทางหรือหลกั การในการบรหิ ารการจดั การท่ีดนิ และน้ํา เพื่อการเกษตรในทดี่ ินขนาดเลก็ ให้ เกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ ทฤษฎใี หม่ ความสาคญั ของทฤษฎีใหม่ ๑. มกี ารบรหิ ารและจัดแบง่ ทด่ี นิ แปลงเล็กออกเปน็ สดั ส่วนท่ีชดั เจน เพือ่ ประโยชนส์ งู สุดของเกษตรกร ซ่ึง ไม่เคยมใี ครคิดมาก่อน ศูนย์การเรียนรอู้ าเภอสวุ รรณคูหา

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. 12 ๒. มีการคาํ นวณโดยใช้หลักวชิ าการเกย่ี วกับปริมาณนํา้ ทีจ่ ะกกั เกบ็ ใหพ้ อเพียงตอ่ การเพาะปลูกไดอ้ ย่าง เหมาะสมตลอดปี ๓. มีการวางแผนท่ีสมบูรณ์แบบสาํ หรับเกษตรกรรายย่อย โดยมีถงึ ๓ ขน้ั ตอน ทฤษฎใี หมข่ นั้ ต้น ใหแ้ บง่ พืน้ ท่อี อกเปน็ ๔ สว่ น ตามอตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซงึ่ หมายถงึ พ้ืนท่ีสว่ นทีห่ นง่ึ ประมาณ ๓๐% ให้ขดุ สระเก็บกกั นํ้าเพือ่ ใชเ้ ก็บกกั นาํ้ ฝนในฤดฝู น และใชเ้ สรมิ การปลูก พชื ในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลย้ี งสัตว์และพชื นา้ํ ตา่ งๆ พน้ื ท่สี ว่ นที่สอง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกขา้ วในฤดฝู นเพอ่ื ใช้เปน็ อาหารประจาํ วนั สาํ หรบั ครอบครวั ให้ เพยี งพอตลอด ปี เพอื่ ตดั ค่าใช้จา่ ยและสามารถพึ่งตนเองได้ พนื้ ที่สว่ นที่สาม ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลกู ไมผ้ ล ไม้ยนื ต้น พชื ผัก พชื ไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพ่ือใชเ้ ปน็ อาหารประจาํ วัน หากเหลอื บรโิ ภคกน็ าํ ไปจําหนา่ ย พื้นทสี่ ว่ นทส่ี ี่ ประมาณ ๑๐% เป็นทอ่ี ยอู่ าศยั เลีย้ งสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรอื นอนื่ ๆ ทฤษฎใี หมข่ ้นั ท่สี อง เม่อื เกษตรกรเข้าใจในหลกั การและไดป้ ฏบิ ัตใิ นที่ดนิ ของตนจนได้ผลแล้ว กต็ อ้ งเรม่ิ ขนั้ ทสี่ อง คอื ให้ เกษตรกรรวมพลังกันในรูป กลุม่ หรอื สหกรณ์ รว่ มแรงรว่ มใจกนั ดาํ เนนิ การในดา้ น (๑) การผลติ (พนั ธพุ์ ชื เตรยี มดนิ ชลประทาน ฯลฯ) - เกษตรกรจะตอ้ งรว่ มมอื ในการผลติ โดยเร่มิ ต้งั แตข่ ้นั เตรยี มดิน การหาพันธ์ุพชื ปยุ๋ การจัดหานาํ้ และอ่ืนๆ เพอ่ื การเพาะปลกู (๒) การตลาด (ลานตากข้าว ยงุ้ เครอื่ งสขี ้าว การจาํ หน่ายผลผลติ ) - เม่ือมผี ลผลิตแล้ว จะต้องเตรียมการตา่ งๆ เพื่อการขายผลผลติ ให้ได้ประโยชนส์ งู สดุ เชน่ การเตรียม ลานตากขา้ วรว่ มกัน การจดั หายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเครอ่ื งสขี า้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลิตใหไ้ ดร้ าคาดี และลดคา่ ใชจ้ า่ ยลงดว้ ย (๓) การเป็นอยู่ (กะปิ นา้ํ ปลา อาหาร เครอ่ื งนุ่งห่ม ฯลฯ) - ในขณะเดียวกันเกษตรกรต้องมีความเป็นอยทู่ ี่ดีพอสมควร โดยมปี จั จัยพน้ื ฐานในการดาํ รงชวี ิต เชน่ อาหารการกินตา่ งๆ กะปิ นาํ้ ปลา เส้ือผา้ ทพี่ อเพยี ง (๔) สวัสดกิ าร (สาธารณสุข เงนิ กู)้ - แตล่ ะชมุ ชนควรมีสวสั ดภิ าพและบริการทจี่ าํ เป็น เชน่ มสี ถานีอนามัยเมื่อยามปวุ ยไข้ หรอื มี ศนู ยก์ ารเรยี นรู้อาเภอสวุ รรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับนักศึกษา กศน. 13 กองทนุ ไวก้ ยู้ มื เพือ่ ประโยชน์ในกิจกรรมตา่ งๆ ของชุมชน (๕) การศกึ ษา (โรงเรยี น ทนุ การศึกษา) - ชมุ ชนควรมีบทบาทในการสง่ เสรมิ การศกึ ษา เช่น มกี องทุนเพ่ือการศกึ ษาเลา่ เรียนให้แก่เยาวชน ของชมชนเอง (๖) สังคมและศาสนา - ชุมชนควรเป็นทีร่ วมในการพัฒนาสงั คมและจติ ใจ โดยมศี าสนาเปน็ ท่ยี ดึ เหนย่ี วโดยกจิ กรรม ทัง้ หมดดังกลา่ วขา้ งต้น จะต้องไดร้ บั ความรว่ มมอื จากทุกฝุายที่เกยี่ วขอ้ ง ไม่ว่าสว่ นราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชมุ ชนนนั้ เป็นสําคญั ทฤษฎใี หม่ข้ันทีส่ าม เมอ่ื ดาํ เนนิ การผา่ นพน้ ข้นั ท่สี องแล้ว เกษตรกร หรือกลุม่ เกษตรกรกค็ วรพฒั นากา้ วหนา้ ไปส่ขู ้นั ที่สาม ตอ่ ไป คอื ตดิ ตอ่ ประสานงาน เพ่อื จดั หาทุน หรือแหล่งเงนิ เช่น ธนาคาร หรือบริษัท ห้างร้านเอกชน มาชว่ ยในการ ลงทนุ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ท้ังนี้ ทั้งฝาุ ยเกษตรกรและฝุายธนาคาร หรอื บริษทั เอกชนจะไดร้ บั ประโยชน์ร่วมกัน กลา่ วคือ - เกษตรกรขายขา้ วได้ราคาสูง (ไมถ่ กู กดราคา) - ธนาคารหรอื บรษิ ัทเอกชนสามารถซ้ือข้าวบรโิ ภคในราคาต่ํา (ซือ้ ขา้ วเปลอื กตรงจากเกษตรกรและมาสเี อง) - เกษตรกรซ้ือเครอื่ งอุปโภคบริโภคได้ในราคาต่าํ เพราะรวมกันซอื้ เป็นจาํ นวนมาก (เป็นร้านสหกรณ์ราคา ขายส่ง) - ธนาคารหรอื บรษิ ทั เอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพื่อไปดําเนนิ การในกจิ กรรมต่างๆ ให้เกิดผลดี ยิง่ ข้นึ หลักการและแนวทางสาคัญ ๑. เปน็ ระบบการผลติ แบบเศรษฐกิจพอเพียงท่ีเกษตรกรสามารถเลีย้ งตัวเองไดใ้ นระดับ ทปี่ ระหยัดก่อน ทงั้ น้ี ชุมชนต้องมคี วามสามคั คี ร่วมมอื รว่ มใจในการชว่ ยเหลือซ่งึ กันและกันทํานองเดยี วกบั การ “ลงแขก” แบบ ดั้งเดิมเพอ่ื ลดคา่ ใช้จา่ ยในการจา้ งแรงงานดว้ ย ๒. เนื่องจากข้าวเป็นปัจจัยหลกั ท่ีทุกครวั เรอื นจะต้องบริโภค ดงั นน้ั จึงประมาณวา่ ครอบครัวหน่งึ ทํานา ประมาณ ๕ ไร่ จะทําใหม้ ีข้าวพอกินตลอดปี โดยไมต่ ้องซอ้ื หาในราคาแพง เพื่อยดึ หลักพงึ่ ตนเองไดอ้ ยา่ งมอี ิสรภาพ ๓. ต้องมนี ้ําเพอ่ื การเพาะปลูกสํารองไวใ้ ช้ในฤดูแล้ง หรือระยะฝนท้งิ ช่วงไดอ้ ย่างพอเพยี ง ดงั นน้ั จึง จาํ เป็นตอ้ งกนั ท่ีดนิ ส่วนหนงึ่ ไวข้ ุดสระน้ํา โดยมหี ลกั ว่าตอ้ งมีน้ําเพยี งพอทจี่ ะเพาะปลกู ได้ตลอดปี ทงั้ น้ี ได้ ศูนยก์ ารเรียนร้อู าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. 14 พระราชทานพระราชดาํ ริเป็นแนวทางว่า ต้องมีน้ํา ๑,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ต่อการเพาะปลูก ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะน้นั เมอื่ ทาํ นา ๕ ไร่ ทาํ พืชไร่ หรอื ไม้ผลอกี ๕ ไร่ (รวมเป็น ๑๐ ไร)่ จะตอ้ งมนี าํ้ ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตรต่อปี ดังนั้น หากตั้งสมมตฐิ านว่า มพี น้ื ที่ ๕ ไร่ ก็จะสามารถกาํ หนดสตู รครา่ วๆ วา่ แต่ละแปลง ประกอบดว้ ย - นาขา้ ว ๕ ไร่ - พชื ไร่ พชื สวน ๕ ไร่ - สระนํา้ ๓ ไร่ ขดุ ลึก ๔ เมตร จนุ ํา้ ได้ประมาณ ๑๙,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตร ซึ่งเปน็ ปริมาณนํ้าทเ่ี พยี ง พอที่จะสาํ รองไวใ้ ชย้ ามฤดแู ล้ง - ท่อี ยู่อาศยั และอ่นื ๆ ๒ ไร่ รวมทัง้ หมด ๑๕ ไร่ แตท่ ้ังน้ี ขนาดของสระเกบ็ นํา้ ขน้ึ อยู่กับสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดลอ้ ม ดงั น้ี - ถา้ เป็นพื้นทที่ ําการเกษตรอาศัยนํ้าฝน สระนํา้ ควรมลี กั ษณะลึก เพื่อปอู งกนั ไม่ให้นํ้าระเหยได้มากเกินไป ซงึ่ จะทําให้มนี ้าํ ใชต้ ลอดทัง้ ปี - ถา้ เป็นพื้นทที่ ําการเกษตรในเขตชลประทาน สระน้าํ อาจมลี กั ษณะลกึ หรอื ตน้ื และแคบ หรอื กวา้ งก็ได้ โดยพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะสามารถมีนํ้ามาเติมอยูเ่ รื่อยๆ การมสี ระเกบ็ น้าํ กเ็ พ่ือใหเ้ กษตรกรมีนา้ํ ใชอ้ ยา่ งสมาํ่ เสมอทัง้ ปี (ทรงเรียกวา่ Regulator หมายถึงการควบคุมให้ดี มรี ะบบน้าํ หมุนเวียนใชเ้ พือ่ การเกษตรได้โดยตลอดเวลาอย่างตอ่ เน่อื ง) โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในหน้าแลง้ และระยะฝน ทง้ิ ชว่ ง แตม่ ิไดห้ มายความวา่ เกษตรกรจะสามารถปลกู ขา้ วนาปรังได้ เพราะหากน้ําในสระเก็บนา้ํ ไม่พอ ในกรณีมี เขื่อนอยบู่ รเิ วณใกล้เคียงกอ็ าจจะต้องสบู น้ํามาจากเขือ่ น ซง่ึ จะทาํ ใหน้ ้าํ ในเขื่อนหมดได้ แตเ่ กษตรกรควรทํานาใน หน้าฝน และเม่ือถึงฤดูแลง้ หรอื ฝนท้ิงชว่ งใหเ้ กษตรกรใชน้ ้าํ ที่เกบ็ ตนุ นน้ั ให้เกดิ ประโยชนท์ างการเกษตรอยา่ ง สูงสดุ โดยพิจารณาปลกู พชื ให้เหมาะสมกับฤดกู าล เพอ่ื จะไดม้ ีผลผลติ อน่ื ๆ ไวบ้ ริโภคและสามารถนาํ ไปขายได้ ตลอดทง้ั ปี ๔. การจัดแบง่ แปลงท่ีดินเพ่ือใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ น้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงคํานวณและ คํานึงจากอตั ราการถือครองทดี่ นิ ถัว เฉลยี่ ครวั เรอื นละ ๑๕ ไร่ อยา่ งไรกต็ าม หากเกษตรกรมพี น้ื ทถี่ อื ครองน้อยกวา่ น้ี หรอื มากกว่านี้ ก็สามารถใชอ้ ตั ราสว่ น ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เปน็ เกณฑป์ รบั ใช้ได้ กลา่ วคอื รอ้ ยละ ๓๐ สว่ นแรก ขุดสระนํา้ (สามารถเลยี้ งปลา ปลกู พชื น้ํา เช่น ผักบุง้ ผักกะเฉด ฯลฯ ไดด้ ้วย) บนสระอาจสรา้ งเลา้ ไกแ่ ละบนขอบ สระนาํ้ อาจปลูกไม้ยนื ตน้ ท่ีไมใ่ ชน้ าํ้ มากโดยรอบ ได้ร้อยละ ๓๐ สว่ นที่สอง ทํานา ร้อยละ ๓๐ สว่ นท่ีสาม ปลกู พชื ไร่ พชื สวน (ไมผ้ ล ไมย้ ืนต้น ไมใ้ ชส้ อย ไม้เพ่อื เปน็ เช้ือฟนื ไมส้ รา้ งบ้าน พชื ไร่ พชื ผัก สมนุ ไพร เปน็ ต้น) ร้อยละ ๑๐ สุดทา้ ย เปน็ ทีอ่ ยู่อาศัยและอ่นื ๆ (ทางเดิน คนั ดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมัก โรงเรือน โรงเพาะ ศนู ย์การเรยี นรู้อาเภอสุวรรณคูหา

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับนกั ศึกษา กศน. 15 เห็ด คอกสัตว์ ไมด้ อกไมป้ ระดบั พชื สวนครัวหลังบ้าน เปน็ ต้น) อยา่ งไรกต็ าม อัตราสว่ นดังกล่าวเปน็ สตู ร หรือหลักการโดยประมาณเทา่ นน้ั สามารถปรับปรุงเปลยี่ นแปลงได้ตาม ความเหมาะสม โดยข้นึ อยู่กับสภาพของพืน้ ทดี่ ิน ปรมิ าณนา้ํ ฝน และสภาพแวดล้อม เช่น ในกรณภี าคใตท้ ี่มฝี นตก ชุก หรอื พืน้ ที่ท่มี ีแหลง่ นํ้ามาเติมสระได้ต่อเนื่อง กอ็ าจลดขนาดของบอ่ หรือสระเกบ็ น้ําให้เล็กลง เพ่ือเก็บพื้นทไ่ี ว้ใช้ ประโชน์อื่นตอ่ ไปได้ ๕. การดําเนินการตามทฤษฎีใหม่ มีปัจจัยประกอบหลายประการข้ึนอยู่กับสภาพภูมิประเทศ สภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถ่ิน ดังนั้น เกษตรกรควรขอรับคําแนะนําจากเจ้าหน้าท่ีด้วย และที่สําคัญ คือ ราคาการลงทุนค่อนขา้ งสูง โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งการขดุ สระนา้ํ เกษตรกรจะตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือจากส่วน ราชการ มลู นธิ ิ และเอกชน ๖. ในระหว่างการขดุ สระนํา้ จะมดี นิ ที่ถกู ขดุ ข้ึนมาจํานวนมาก หน้าดินซึ่งเป็นดินดี ควรนําไปกองไว้ ต่างหากเพื่อนํามาใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชต่างๆ ในภายหลัง โดยนํามาเกลี่ยคลุมดินชั้นล่างท่ีเป็นดินไม่ดี หรืออาจนาํ มาถมทําขอบสระนา้ํ หรอื ยกร่องสาํ หรับปลกู ไม้ผลกจ็ ะไดป้ ระโยชนอ์ กี ทางหนึง่ ตัวอยา่ งพืชทีค่ วรปลกู และสัตวท์ ่ีควรเลยี้ ง ไมผ้ ลและผกั ยนื ต้น : มะมว่ ง มะพรา้ ว มะขาม ขนนุ ละมุด สม้ กลว้ ย นอ้ ยหน่า มะละกอ กะทอ้ น แคบา้ น มะรุม สะเดา ข้ีเหล็ก กระถิน ฯลฯ ผกั ลม้ ลกุ และดอกไม้ : มนั เทศ เผือก ถั่วฝกั ยาว มะเขือ มะลิ ดาวเรือง บานไม่รโู้ รย กหุ ลาบ รกั และ ซ่อนกล่นิ เปน็ ต้น เห็ด : เหด็ นางฟาู เหด็ ฟาง เห็ดเปา๋ ฮือ้ เปน็ ตน้ สมุนไพรและเคร่อื งเทศ : หมาก พลู พรกิ ไท บกุ บวั บก มะเกลือ ชมุ เหด็ หญ้าแฝก และพืชผกั บางชนดิ เชน่ กะเพรา โหระพา สะระแหน่ แมงลกั และตะไคร้ เปน็ ต้น ไมใ้ ชส้ อยและเช้ือเพลิง : ไผ่ มะพร้าว ตาล กระถินณรงค์ มะขามเทศ สะแก ทองหลาง จามจรุ ี กระถนิ สะเดา ข้ีเหล็ก ประดู่ ชงิ ชัน และยางนา เปน็ ต้น พืชไร่ : ข้าวโพด ถวั่ เหลอื ง ถัว่ ลิสง ถั่วพุ่ม ถ่วั มะแฮะ ออ้ ย มันสาํ ปะหลงั ละหุ่ง นุ่น เป็นต้น พชื ไร่ หลายชนิดอาจเกบ็ เก่ียวเมือ่ ผลผลติ ยงั สดอยู่ และจําหน่ายเป็นพชื ประเภทผักได้ และมีราคาดีกวา่ เก็บเมอ่ื แก่ ไดแ้ ก่ ข้าวโพด ถวั เหลอื ง ถ่ัวลสิ ง ถวั่ พมุ่ ถ่ัวมะแฮะ อ้อย และมันสําปะหลัง พืชบาํ รุงดนิ และพชื คลมุ ดนิ : ถัว่ มะแฮะ ถ่ัวฮามาตา้ โสนแอฟรกิ นั โสนพ้นื เมือง ปอเทือง ถ่วั พรา้ ขีเ้ หลก็ กระถนิ รวมทัง้ ถัว่ เขียวและถ่วั พุ่ม เปน็ ตน้ และเมือ่ เก็บเกี่ยวแลว้ ไถกลบลงไปเพ่ือบาํ รุงดินได้ หมายเหตุ : พชื หลายชนดิ ใช้ทาํ ประโยชน์ได้มากกว่าหนงึ่ ชนดิ และการเลอื กปลูกพืชควรเน้นพชื ยนื ตน้ ดว้ ย เพราะ ศูนยก์ ารเรียนรูอ้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. 16 การดแู ลรกั ษาในระยะหลังจะลดนอ้ ยลง มีผลผลติ ทยอยออกตลอดปี ควรเลือกพชื ยืนตน้ ชนิดตา่ งๆ กนั ใหค้ วาม ร่มเย็นและชุม่ ชน้ื กบั ทีอ่ ย่อู าศัยและสิง่ แวดล้อม และควรเลือกตน้ ไม้ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพของพน้ื ท่ี เช่น ไม่ควร ปลูกยคู าลิปตัสบริเวณขอบสระ ควรเป็นไม้ผลแทน เปน็ ต้น สัตวเ์ ลีย้ งอืน่ ๆ ได้แก่ สตั ว์น้าํ : ปลาไน ปลานลิ ปลาตะเพียนขาว ปลาดุก เพื่อเป็นอาหารเสรมิ ประเภทโปรตนี และยงั สามารถนําไปจาํ หนา่ ยเป็นรายไดเ้ สรมิ ไดอ้ กี ดว้ ย ในบางพน้ื ท่สี ามารถเล้ียงกบได้ สกุ ร หรือ ไก่ เล้ยี งบนขอบสระน้ํา ทงั้ น้ี มลู สุกรและไก่สามารถนาํ มาเปน็ อาหารปลา บางแห่งอาจเลย้ี งเปด็ ได้ ประโยชน์ของทฤษฎใี หม่ ๑. ใหป้ ระชาชนพออย่พู อกนิ สมควรแกอ่ ัตภาพในระดบั ที่ประหยัด ไม่อดอยาก และเลยี้ งตนเองไดต้ าม หลักปรชั ญา “เศรษฐกิจพอเพยี ง” ๒. ในหน้าแลง้ มีน้าํ นอ้ ย กส็ ามารถเอานา้ํ ท่ีเกบ็ ไวใ้ นสระมาปลูกพืชผักตา่ งๆ ทใ่ี ชน้ ้าํ น้อยได้ โดยไมต่ อ้ ง เบยี ดเบียนชลประทาน ๓. ในปที ีฝ่ นตกตามฤดูกาลโดยมีน้ําดตี ลอดปี ทฤษฎีใหม่นีส้ ามารถสรา้ งรายไดใ้ หแ้ กเ่ กษตรกรได้โดยไม่ เดือดรอ้ นในเรื่องคา่ ใชจ้ า่ ยต่างๆ ๔. ในกรณีท่ีเกดิ อุทกภัย เกษตรกรสามารถที่จะฟืน้ ตัวและชว่ ยตวั เองได้ในระดบั หนง่ึ โดยทางราชการไม่ ตอ้ งช่วยเหลือมากนกั ซ่ึงเปน็ การประหยดั งบประมาณด้วย ทฤษฎใี หม่ทสี่ มบูรณ์ ทฤษฎีใหมท่ ่ีดาํ เนนิ การโดยอาศยั แหลง่ นํ้า ธรรมชาติ นํ้าฝน จะอยู่ในลกั ษณะ “หม่นิ เหม่” เพราะหากปี ใดฝนนอ้ ย น้ําอาจจะไมเ่ พียงพอ ฉะน้ัน การทจ่ี ะทาํ ให้ทฤษฎีใหม่สมบรู ณ์ได้น้ัน จาํ เป็นต้องมสี ระเก็บกกั นา้ํ ทีม่ ี ประสทิ ธิภาพและเต็มความสามารถ โดยการมแี หลง่ นาํ้ ขนาดใหญ่ทสี่ ามารถเพ่ิมเติมน้ําในสระเกบ็ กักนํา้ ให้เตม็ อยู่ เสมอ ดังเช่น กรณีของการทดลองที่โครงการพฒั นาพ้นื ที่บริเวณวดั มงคลชยั พัฒนาอันเนอ่ื งมาจาก พระราชดําริ จงั หวัดสระบรุ ี ศนู ยก์ ารเรียนรู้อาเภอสุวรรณคูหา

สรปุ ผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. 17 ระบบทฤษฎีใหม่ที่สมบรู ณ์ อา่ งใหญ่ เตมิ อา่ งเลก็ อ่างเล็ก เติมสระนา้ จากภาพ วงกลมเลก็ คอื สระน้ําท่เี กษตรกรขุดขึ้นตามทฤษฎีใหม่ เมื่อเกิดช่วงขาดแคลนน้ําในฤดูแล้ง เกษตรกรสามารถสูบน้ํามาใช้ประโยชน์ได้ และหากน้ําในสระนํ้าไม่เพียงพอก็ขอรับน้ําจากอ่างห้วยหินขาว (อ่างเลก็ ) ซ่ึงได้ทําระบบสง่ นํ้าเชื่อมต่อทางท่อลงมายังสระน้ําที่ได้ขุดไว้ในแต่ละแปลง ซึ่งจะช่วยให้สามารถมีน้ําใช้ ตลอดปี กรณที ีเ่ กษตรกรใช้น้าํ กนั มาก อา่ งห้วยหนิ ขาว (อา่ งเล็ก) ก็อาจมปี รมิ าณนาํ้ ไมเ่ พียงพอ ก็สามารถใช้วิธีการ ผันนํ้าจากเขื่อนปุาสักชลสิทธิ์ (อ่างใหญ่) ต่อลงมายังอ่างเก็บน้ําห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ก็จะช่วยให้มีปริมาณน้ํามา เติมในสระของเกษตรกรพอตลอดท้ังปีโดยไม่ต้องเสี่ ยงระบบการจัดการทรัพยากรน้ําตามแนวพระราชดําริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามารถทําให้การใช้น้ํามีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จากระบบส่งท่อเปิดผ่านไปตาม แปลงไร่นาตา่ งๆ ถงึ ๓-๕ เทา่ เพราะยามหนา้ ฝน นอกจากจะมนี ้าํ ในอา่ งเก็บนาํ้ แล้ว ยังมีนํ้าในสระของราษฎรเก็บ ไวพ้ ร้อมกนั ด้วย ทาํ ให้มีปริมาณน้ําเพมิ่ อย่างมหาศาล นา้ํ ในอ่างที่ต่อมาสู่สระจะทําหน้าท่ีเป็นแหล่งนํ้าสํารอง คอย เติมเทา่ นน้ั เอง ศูนยก์ ารเรยี นรอู้ าเภอสุวรรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความร้เู ศรษฐกิจพอเพียงสาหรบั นักศึกษา กศน. บทที่ 3 วิธดี าเนินการดาเนนิ งาน ในการดําเนินงานจัดโครงการอบรมพัฒนาความรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาํ หรบั นักศกึ ษา กศน. มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ ขั้นตอนการวางแผน (plan) ขัน้ ตอนการลงมอื ทาํ (Do) ขั้นตอนการตรวจสอบ (Check) ขน้ั ตอนการปรับปรงุ แกไ้ ข (Act) ข้ันตอนการวางแผน (plan) 1. ดําเนนิ การประชาสัมพันธ์ใหน้ ักศกึ ษาเข้ารว่ มโครงการ 2. ได้กลมุ่ เปาู หมาย 3. เตรยี มหลักสตู ร เสนอโครงการเพือ่ ขออนุมัติ 4. แต่งตัง้ คณะทํางานภายในตาํ บล คณะกรรมการนเิ ทศกจิ กรรม 5. ประสานวทิ ยากร ขน้ั ตอนการลงมือทํา (Do) 1.ดําเนนิ การประสานงานผ้ทู เี่ กยี่ วข้อง ครู กศน.ตาํ บล ครู ศรช. ผู้นาํ ชมุ ชน และนักศึกษา 2. นักศกึ ษามาเขา้ รว่ มกิจกรรม 3. ประเมินผลโครงการโดยให้ผู้เข้าร่วมโครงการออกแบบประเมินความพึงพอใจในการเข้าร่วม โครงการ 4. รวบรวมข้อมลู จากแบบประเมนิ 5. สรปุ ผลความพึงพอใจของผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการ ขน้ั ตอนการตรวจสอบ (Check) 1.เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการตรวจสอบ แบบประเมินความพึงพอใจของผ้เู ข้ารว่ มโครงการ 2. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล บคุ ลากรศูนย์สง่ เสริมการเรียนรู้อําเภอสุวรรณคูหา ได้ดาํ เนินการเก็บรวบรวมข้อมลู จากผู้เข้าร่วม โครงการ - นกั ศึกษา จาํ นวน 40 คน ศนู ย์การเรยี นรู้อาเภอสุวรรณคูหา

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพฒั นาความร้เู ศรษฐกิจพอเพียงสาหรับนักศึกษา กศน. 3. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การประเมนิ ผลการดําเนนิ งานของโครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพียง สําหรับนักศึกษากศน.ดาํ เนนิ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดังน้ี 3.1 แบบประเมินตอนที่ 1 ข้อมูลทว่ั ไป วเิ คราะหห์ าคา่ ร้อยละ 3.2 แบบประเมนิ ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจตวั บง่ ชี้ของโครงการ 3.2.1 ให้คะแนนตามนํ้าหนักแบบประเมินฉบับสมบูรณ์ ตามเกณฑ์ มาตรฐานของ สมศ. โดยมีเกณฑใ์ หค้ ะแนน ดังนี้ ระดบั 5 หมายถงึ ดาํ เนินงานไดต้ ามเกณฑ์ของตวั บง่ ชีด้ มี าก ระดบั 4 หมายถงึ ดาํ เนินงานได้ตามเกณฑข์ องตวั บง่ ชดี้ ี ระดับ 3 หมายถงึ ดําเนินงานได้ตามเกณฑข์ องตัวบ่งชี้พอใช้ ระดับ 2 หมายถึง ดาํ เนินงานไดต้ ามเกณฑ์ของตัวบง่ ชี้ปรับปรุง ระดับ 1 หมายถงึ ดาํ เนนิ งานได้ตามเกณฑข์ องตัวบ่งชต้ี อ้ งปรบั ปรุง 3.2.2 วิเคราะห์ข้อมลู โดยการหาค่าเฉลีย่ ร้อยละความพึงพอใจ 3.3 แบบประเมินตอนท่ี 3 ข้อคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะอื่นๆ วเิ คราะห์ดว้ ยเนอื้ หา (Content analysis) ศูนย์การเรยี นรู้อาเภอสุวรรณคหู า

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพฒั นาความรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. บทที่ 4 ผลการดาเนนิ โครงการ การจัดกิจกรรมโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับนักศึกษา กศน. ณ วัดสุวรรณาราม ตําบลสุวรรณคูหา อาํ เภอสวุ รรณคหู าจงั หวัดหนองบวั ลําภูสรุปผลการดาํ เนนิ งานไดด้ ังน้ี ชือ่ โครงการ วันที่ดาํ เนินการ เปูาที่ไดร้ บั จัดสรร ผล คิดเป็นร้อยละ โครงการอบรมพฒั นาความรู้ 22 มิถุนายน 2566 40 40 100 เศรษฐกิจพอเพยี งสาํ หรับ นกั ศกึ ษากศน. ก า ร ปร ะเมินคว า มพึ งพ อใ จ ใ นก า ร ดํ า เนินงา นต า ม โครงการอบรมพั ฒนาความรู้ เศรษฐกิ จพอเพี ยงสําหรั บ นักศึกษา กศน. ที่เข้าร่วมโครงการ โดยเสนอรายละเอียดตามลําดับคือ สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ลาํ ดับขนั้ ตอนในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ผลการวิเคราะห์ข้อมูล และการแปลความหมายข้อมลู ดังต่อไปนี้ สัญลกั ษณท์ ีใ่ ช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู การเสนอผลการประเมนิ ครั้งนี้ได้กาํ หนดสญั ลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู ดงั น้ี N แทน ขนาดของกลุ่มผ้ปู ระเมินการใช้คมู่ ือ (Sample size) % แทน คา่ ร้อยละ (Percentage) ลาดับข้นั ตอนในการวิเคราะห์ข้อมลู การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผู้ประเมินได้เสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู เป็นตอนๆ เรียงลําดับดงั น้ี ตอนท่ี 1 การวิเคราะห์ข้อมลู เก่ยี วกับขอ้ มูลทัว่ ไป ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์ขอ้ มูลด้านความพึงพอใจของผ้รู บั บรกิ าร ตอนท่ี 3 การวิเคราะห์ข้อมลู ขอ้ คดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ในการสรปุ ผลการดําเนนิ งานโครงการโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับนักศึกษา กศน. สังกัด ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อําเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลําภู ได้จัดทําเครื่องมือเป็นแบบสอบถาม วัดระดับ ความคิดเห็นและความพึงพอใจในการดําเนินการพัฒนาซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นคําถาม ปลายเปดิ มาตราส่วนประมาณคา่ (Rating scales) สว่ นท่ี 2 มาตราส่วนประมาณค่าของ ลิเคริ ์ท likert’s Scales 5 ระดับ ส่วนท่ีสามเป็นคําถามปลายเปิด ข้อเสนอแนะอื่นๆ ส่วนที่สามเป็นคําถามปลายเปิดเน้ือหา สาระที่ต้องการพัฒนาใน คร้ังต่อไป ซึ่งในการเก็บรวบรวมน้ัน ได้แจกแบบสอบถามแก่นักศึกษาร่วม โครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสําหรับนกั ศกึ ษา กศน. จํานวน 40 คน ได้แบบสอบถามคืนจํานวน 40 ฉบับ จากผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ คดิ เป็นร้อยละ 100 กระทาํ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลตามประเภทและลักษณะของข้อมูล โดย หาค่าเฉล่ียเปน็ คา่ ร้อยละ ซง่ึ ได้วดั ระดบั ความคดิ เหน็ และความพงึ พอใจทม่ี ีต่อโครงการจะปรากฏดังน้ี ศนู ย์การเรียนรู้อาเภอสุวรรณคูหา

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับนักศึกษา กศน. สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจ โครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับนักศึกษา กศน. ตอนที่ 1 ข้อมูลทวั่ ไป รายการขอ้ มูลพื้นฐาน จาํ นวน รอ้ ยละ (ƒ) (%) 1.เพศ 1.1 ชาย 23 57.5 1.2 หญิง 17 42.5 รวม 40 100.00 2.อายุ 2.1 ตา่ํ กวา่ 15 ปี 00 2.2 อายุ 15 – 39 ปี 36 90.00 2.3 อายุ 40 – 59 ปี 4 10.00 2.4 อายุ 60 ปีขน้ึ ไป 00 รวม 40 100.00 3.ระดบั การศกึ ษา 00 3.1 ป.4 00 3.2 ป.6 23 57.5 3.3 ม.ต้น 17 42.5 3.4 ม.ปลาย 00 3.5 ปวช. 00 3.6 ปวส. 00 3.7 ปรญิ ญาตรี 00 3.8 อ่นื ๆ 40 100.00 รวม 4.อาชพี 00 4.1 ผนู้ าํ ท้องถ่ิน 00 4.2 อบต/เทศบาล 00 4.3 พนกั งานรัฐวสิ าหกจิ 00 4.4 ทหารกองประจําการ 00 4.5 เกษตรกร 00 4.6 รับราชการ ศนู ย์การเรยี นรูอ้ าเภอสวุ รรณคูหา

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับนกั ศึกษา กศน. 4.7 คา้ ขาย 00 4.8 รบั จ้าง 00 4.9 อสม. 00 4.10 แรงงานต่างด้าว 00 4.11 วา่ งงาน 00 4.12 อื่นๆ(นกั ศึกษา) 00 รวม 40 100.00 จากตาราง ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับ นักศึกษา กศน. ผลการวิเคราะห์ปรากฏว่า ผลการวิเคราะห์ปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมโครงการ 40 คน เป็นเพศชาย จํานวน 23 คน คดิ เป็นร้อยละ 57.5 เปน็ เพศหญิง 17 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 42.5 อายุ 15 – 39 ปี จํานวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 90.00 อายุ 40 – 59 ปี จํานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 10.00 ระดับการศึกษา ม.ต้น จํานวน 23 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 57.5 ม.ปลายจํานวน 17 คน คดิ เป็นร้อยละ 42.5 ด้านอาชีพ อ่ืนๆ (นักศึกษา) จํานวน 100 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ศนู ย์การเรียนรอู้ าเภอสุวรรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความร้เู ศรษฐกิจพอเพียงสาหรับนักศึกษา กศน. สรุปผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลความพึงพอใจโครงการอบรมพัฒนาความร้เู ศรษฐกิจพอเพยี งสาํ หรบั นกั ศกึ ษา กศน. ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจในการให้บรกิ าร ดีมาก ดี ปาน พอใช้ ปรับปรงุ (2) (1) รายการ (5) (4) กลาง (3) 1.เนอ้ื หาวิชาทจี่ ัดการเรียนรู้ตรงตามความตอ้ งการของท่าน 40 (100.00) 2. วิทยากรมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ 40 (100.00) 3. วทิ ยากรมีความสามารถในการอธบิ ายเน้ือหา 30 10 (75.00) (25.00) 4. เอกสารที่ใช้ในการประกอบการอบรม 40 (100.00) 5. ความเหมาะสมของสือ่ /อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการฝึกอบรม 36 4 (85.00) (15.00) 6. ท่านได้รับความรูแ้ ละสามารถฝกึ ทกั ษะตามท่คี าดหวัง 40 (100.00) 7. ความรแู้ ละทักษะทไี่ ดร้ ับ สามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ น 40 ชีวิตประจาํ วนั ได้ (100) 8. ความเหมาะสมของสถานที่ 35 5 (87.5) (12.5) 9. ท่านได้รับโอกาสในการเรยี นรเู้ ทา่ เทยี มกนั เพยี งใด 40 (100.00) 10. ความเหมาะสมของระยะเวลาท่ีใชใ้ นการฝกึ อบรม 40 (100.00) 11. โดยภาพรวมทา่ นมคี วามพงึ พอใจในกระนวยการขั้นตอนของ 35 5 การฝกึ อบรมในครงั้ น้ี (87.5) (12.5) เฉลยี่ โดยรวม 94.09 5.91 ศนู ยก์ ารเรียนร้อู าเภอสุวรรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับนกั ศึกษา กศน. สรุปความคิดเห็นและความพึงพอใจของผู้รับบริการ โครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียง สําหรับนักศึกษา กศน. สรุปได้ดังนี้ เนื้อหาวิชาที่จัดการเรียนรู้ตรงตามความต้องการของท่าน ตอบดีมาก จํานวน 40 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100.00 วิทยากรมคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ตอบดีมาก จํานวน 40 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100.00 เอกสารที่ใช้ในการประกอบการอบรม ตอบดีมาก จํานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ท่านได้รับความรู้และสามารถฝึกทักษะตามที่คาดหวัง ตอบดีมาก จํานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ท่านได้รับโอกาสในการเรียนรู้เท่าเทียมกันเพียงใด ตอบดีมาก จํานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ความรู้และทักษะท่ีได้รับ สามารถนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันได้ ตอบดีมาก จํานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ท่านได้รับโอกาสในการเรียนรู้เท่าเทียมกันเพียงใด ตอบดีมาก จํานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ความเหมาะสมของระยะเวลาท่ีใช้ในการฝึกอบรมตอบดีมาก จํานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ความเหมาะสมของสื่อ/อุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกอบรม ตอบดีมาก จํานวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 85.00 ตอบดี จํานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 15.00 ความเหมาะสมของสถานท่ี ตอบดีมาก จํานวน 35 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 87.5 ตอบดี จํานวน 5 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12.5 โดยภาพรวมท่านมีความพึงพอใจ ในกระนวยการข้ันตอนของการฝึกอบรมในครั้งน้ี ตอบดีมาก จํานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 87.5 ตอบดี จํานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 12.5 วิทยากรมีความสามารถในการอธิบายเน้ือหา ตอบดีมาก จํานวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 75.00 ตอบดี จํานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 โดยภาพรวมทั้งหมดท่านมี ความพึงพอใจในระดับดีมาก 94.09 ถือไดว้ า่ มีความสาํ เร็จในการดําเนนิ งานขั้น “ดีมาก” ศนู ย์การเรียนร้อู าเภอสุวรรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความรเู้ ศรษฐกิจพอเพียงสาหรบั นักศึกษา กศน. บทท่ี 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ ผลการจัดกิจกรรมตามโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับนักศึกษา กศน. ได้ผลสรุปดังน้ี 1. วตั ถุประสงค์ 1.เพอื่ ให้นักศกึ ษาทเี่ ข้ารว่ มโครงการมีความรู้ เร่ืองหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2.เพ่อื ให้นกั ศกึ ษาสามารถนําความรูท้ ไี่ ดร้ บั ไปปรับใช้ในชีวิตประจาํ วันได้ 2. กลุ่มเปา้ หมาย - เชงิ ปรมิ าณ นักศึกษาศูนย์สง่ เสริมการเรยี นรู้อําเภอสวุ รรณคหู า จาํ นวน 40 คน - เชงิ คณุ ภาพ นักศึกษาท่เี ขา้ ร่วมโครงการมีความร้คู วามเข้าใจในเร่อื งหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และสามารถนาํ ความรู้ทไ่ี ด้รบั ไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาํ วันได้ 3. เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู แบบสอบถามความคดิ เหน็ ของผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ 4. การเก็บรวบรวมข้อมลู มขี ัน้ ตอนในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดังนี้ 1. ผู้รับผิดชอบในแตล่ ะกจิ กรรมแจกแบบสอบถามความคิดเหน็ ให้กบั ผู้เข้าร่วมโครงการ 2. ผ้รู บั ผดิ ชอบแตล่ ะกจิ กรรมรายงานผลการจดั กจิ กรรม 5. สรุปผลการดาเนนิ การ โครงการโครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสําหรับนักศึกษา กศน. ด้านความรู้ ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม ผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจมากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 100 คือ ด้าน ภาพรวมในการดําเนินการจัดกิจกรรม มีความพึงใจจากผู้ประเมินทั้งหมด 100 คน พบว่ามีความพึงพอใจใน ระดบั ดมี าก 96.15 ถอื ไดว้ ่ามีความสาํ เรจ็ ในการดาํ เนนิ งานขน้ั “ดีมาก” 6. ข้อเสนอแนะ นกั ศกึ ษาที่เขา้ ร่วมโครงการค่ายพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนสง่ เสรมิ ความรู้เพอ่ื เพม่ิ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นวิชา วทิ ยาศาสตร์ และวชิ าคณิตศาสตร(์ STEM CAMP)และนาํ ความรู้ทไ่ี ด้ไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพได้ ศูนยก์ ารเรียนร้อู าเภอสุวรรณคูหา

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพัฒนาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสาหรบั นักศึกษา กศน. ภาคผนวก ศูนย์การเรยี นรูอ้ าเภอสุวรรณคูหา

สรุปผลการดาเนินโครงการอบรมพัฒนาความร้เู ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรับนกั ศึกษา กศน. ภาพกจิ กรรม โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับนักศกึ ษา กศน. วันที่ 22 มิถุนายน 2566 ณ วัดสวุ รรณาราม ตาบลสุวรรณคูหา อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบัวลาภู นางนวพรรษ จนั ทราทลู ผู้อานวยการ กศน.อาเภอสวุ รรณคหู า ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ผูอ้ านวยการศูนยส์ ่งเสรมิ การเรยี นรู้อาเภอสวุ รรณคหู า ปฏบิ ัติราชการแทนอธิบดีกรม ส่งเสรมิ การเรียนรู้ ประธานในพิธีเปดิ โครงการ ศูนย์การเรยี นรูอ้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. ภาพกิจกรรม โครงการอบรมพฒั นาความรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2566 ณ วดั สวุ รรณาราม ตาบลสวุ รรณคูหา อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู ศนู ย์การเรียนรอู้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. ภาพกิจกรรม โครงการอบรมพฒั นาความรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2566 ณ วดั สวุ รรณาราม ตาบลสวุ รรณคูหา อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู ศนู ย์การเรียนรอู้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. ภาพกจิ กรรม โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. วนั ที่ 22 มถิ นุ ายน 2566 ณ วดั สวุ รรณาราม ตาบลสวุ รรณคูหา อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู ศูนยก์ ารเรยี นรอู้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. ภาพกิจกรรม โครงการอบรมพฒั นาความรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2566 ณ วดั สวุ รรณาราม ตาบลสวุ รรณคูหา อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู ศนู ย์การเรียนรอู้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. ภาพกิจกรรม โครงการอบรมพฒั นาความรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นักศึกษา กศน. วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2566 ณ วดั สวุ รรณาราม ตาบลสวุ รรณคูหา อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู ศนู ย์การเรียนรอู้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพียงสาหรบั นักศึกษา กศน. ทีป่ รกึ ษา คณะทางาน 1. นางนวพรรษ จันทราทลู 2. นายคมกฤษฏ์ ไชยเตม็ ผู้อาํ นวยการ สกร.อาํ เภอสุวรรณคหู า 3. นางสาวอารยา วชิ าสวัสดิ์ ครู ครู คณะทางาน 1. นายอภชิ าติ สุทธิโสม ครอู าสาสมคั รการศกึ ษานอกโรงเรียน 2. นางสวุ รรณา สุทธิโสม ครูอาสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรยี น 3. นายวชรพล เพียเทพ ครูอาสาสมัครการศกึ ษานอกโรงเรยี น 4. นางสุภาวดี ไชยโพธ์ิ ครู กศน.ตาํ บล 5. นายอัฒชา คาํ สที า ครู กศน.ตาํ บล 6. นายพสิ ิษฐ โคตรุ าช ครู กศน.ตาํ บล 4. นางศภุ ชั ญา พรชยั ครู กศน.ตําบล 5. นายทรงศักดิ์ พรชยั ครู กศน.ตําบล 6. นางฐิตพิ รรณ ใหม่วงษ์ ครู กศน.ตําบล 7. นายทววี ทิ ย์ ชาวดอน ครู กศน.ตาํ บล 8. นางอคั รอนงค์ สมทอง ครู กศน.ตาํ บล 10. นายพิสษิ ฐ์พล ปญั ญาพทุ ธกิ ุล ครู กศน.ตาํ บล 11. นายศกั ดินนท์ ชยั ภมู ิ ครู กศน.ตําบล 12. นํางสาํ วนรินทรา บุญหนา ครู กศน.ตําบล 13. นายจตพุ นธ์ ประครองญาติ ครู กศน.ตําบล 14. นางยพุ รัตน์ ทมุ วนั ครู กศน.ตาํ บล 15.นางสาวหทยั รัตน์ พมิ พจ์ ่อง ครู กศน.ตําบล 19. นางสาววงค์เดือน พันธล์ ี ครู กศน.ตําบล 20. นายนฐั ศกั ดิ์ สไี ชย ครู กศน.ตําบล 21. นายนพิ นธ์ บาํ รงุ ภกั ดี ครู กศน.ตําบล 22. นายพิชยั รตั น์ วงศ์อนนั ท์ ครู กศน.ตาํ บล 23. นายธนภทั ร ภูมสิ ายดอน ครู กศน.ตาํ บล 24. นางสาวปรียารัตน์ ทนุ่ ใจ ครู ศรช. 25. นางสาวจุฑามาศ ดู่ปอู ง ครู ศรช. 26. นายวีรพล ทับพิมล ครู ศรช. ศนู ย์การเรียนรอู้ าเภอสวุ รรณคูหา

สรุปผลการดาเนนิ โครงการอบรมพัฒนาความรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งสาหรับนกั ศึกษา กศน. 27. นางสาวรตั นาภรณ์ หลาวเหล็ก คณะผู้จัดทาํ (ต่อ) 28. นางสาวจฑุ ามาศ พลนางาม ครูผสู้ อนคนพกิ าร 29. นางสาวอมรา ใหมบดิ า เจา้ หนา้ ท่บี รรณารกั ษ์ พนักงานบริการ คณะเรียบเรียงและจัดพิมพ์ ครู กศน.ตําบล 1. นางศุภัชญา พรชัย ครู กศน.ตาํ บล 2. นางฐติ ิพรรณ ใหม่วงษ์ ครู กศน.ตาํ บล 3. นางยุพรตั น์ ทุมวัน ครู กศน.ตาํ บล 4. นางอคั รอนงค์ สมทอง ครู กศน.ตาํ บล 5. นางสาววงคเ์ ดือน พนั ธ์ลี ครู กศน.ตําบล 6. นางสาวนรินทรา บุญหนา ครู กศน.ตําบล 7. นายนพิ นธ์ บํารงุ ภักดี ครู กศน.ตาํ บล ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงกาํ ร 8. นางสภุ าวดี ไชยโพธ์ิ ออกแบบปก ครู กศน.ตาํ บล นางสุภาวดี ไชยโพธิ์ ศนู ยก์ ารเรยี นรูอ้ าเภอสวุ รรณคหู า

สรปุ ผลการดาเนินโครงการอบรมพฒั นาความรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั นกั ศึกษา กศน. ศนู ย์การเรยี นรู้อาเภอสุวรรณคูหา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook