Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนรวม-61

แผนการสอนรวม-61

Published by prakarn_r, 2018-08-22 01:43:58

Description: แผนการสอนรวม-61

Search

Read the Text Version

แผนการสอนเรื่อง Development of nervous systemเวลำ บรรยาย 2 ช่ัวโมงสถำนท่ี หอ้ งบรรยาย 1 อาคารเจ้าฟา้ เพชรรัตนผ้เู รยี น นพท.วพม.ช้ันปีท่ี 2อำจำรย์ผ้สู อน พ.อ.มานพ ชัยมัติวตั ถปุ ระสงค์ เมือ่ จบการเรียนการสอนแล้ว นพท. วพม. สามารถ 1. อธบิ ายการเจรญิ และพฒั นาของ neural tube วา่ มาจากตาแหนง่ ใดของตวั อ่อน 2. อธบิ ายการเจริญและพฒั นาของ neural tube ไปเปน็ spinal cord และ brain 3. บอกลักษณะความผดิ ปกตขิ องการเจรญิ และพัฒนาของ neural tubeมำตรฐำนผลกำรเรยี นรู้ 12. คณุ ธรรม จริยธรรม27. คุณธรรม จรยิ ธรรม: คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ท่ตี ้องพัฒนา  1.4. มคี วามตรงต่อเวลา มีวนิ ยั มีความรับผิดชอบต่อผปู้ ว่ ย และงานที่ไดร้ บั มอบหมายวธิ กี ำรสอน 6. ฝกึ การแสดงออกซง่ึ พฤตกิ รรม 15. ผสู้ อนปฏิบัตติ นเปน็ แบบอย่าง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บนั ทึกเขา้ เรียนและการมสี ่วนร่วม 10.การประเมินตนเอง 11.การประเมนิ โดยเพื่อนร่วมชั้นเรยี นหรือกลุ่มงาน28. ควำมรู้ : ความรู้ ทตี่ อ้ งพฒั นา  2.1. วทิ ยาศาสตร์การแพทยร์ ะดับพนื้ ฐาน ตามเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B3.1.1 Embryonic development, fetal maturation, and perinatal changes, including neural tube derivatives, cerebral ventricles, neural crest derivativesวิธกี ำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บันทึกเข้าเรยี นและการมสี ่วนร่วม 2. ขอ้ สอบปรนัย 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)3. ทกั ษะทำงปัญญำ : ทักษะทำงปญั ญำทต่ี ้องพัฒนำ  3.3.คิดวิเคราะห์อยา่ งเปน็ ระบบ โดยใช้องค์ความรทู้ างวชิ าชพี และดา้ นอืน่ ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง  3.4.สามารถนาขอ้ มลู และหลักฐานทั้งดา้ นวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์พน้ื ฐานและทางคลนิ กิ ไปใช้ในการอ้างองิ และ แกไ้ ขปัญหาได้อยา่ งมีวจิ ารณญาณวิธีกำรสอน

1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. การเรียนรู้โดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning)วิธกี ำรประเมิน 2. ข้อสอบปรนัย 12.การประเมินผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน)4. ทักษะควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงบคุ คลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสมั พันธ์ระหวา่ งบุคคลและความรบั ผดิ ชอบทีต่ อ้ งพฒั นา  4.1.สามารถปรับตวั เชงิ วชิ าชพี แพทย์ และมีปฏสิ มั พนั ธ์อย่างสร้างสรรคก์ บั ผู้อืน่วิธีกำรสอน 3. มอบหมายงานกลมุ่ (คน้ ควา้ ขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 6. ฝึกการแสดงออกซึง่ พฤตกิ รรม 8. การเรยี นรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผูส้ อนปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วธิ กี ำรประเมิน 1. บันทกึ เขา้ เรยี นและการมสี ว่ นร่วม 13.การประเมนิ ผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลมุ่5. ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชิงตัวเลข กำรสอ่ื สำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ : ทักษะกำรวิเครำะหเ์ ชงิ ตวั เลข กำรส่อื สำรและกำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ ที่ตอ้ งพฒั นำ  5.2. สามารถสื่อสารไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพทงั้ การพดู การฟงั การอา่ น การเขยี น การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรอื ภาษาท่าทาง (non-verbal communication) รวมทัง้ สามารถอา่ นตารา และวารสารภาษาอังกฤษไดอ้ ย่าง เขา้ ใจ  5.7. มีทักษะในการรบั ขอ้ มลู อย่างมีวิจารณญาณ และแปลงข้อมลู ให้เป็นสารสนเทศท่ีมคี ณุ ภาพ รวมท้งั สามารถ อ่าน วิเคราะห์ และถ่ายทอดขอ้ มูลข่าวสารแก่ผู้อื่นไดอ้ ย่างเข้าใจ  5.8. สามารถเลอื กและใชร้ ูปแบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารได้อย่าง มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกบั สถานการณ์วิธกี ำรสอน 3. มอบหมายงานกลมุ่ (คน้ ควา้ ขอ้ มลู รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 6. ฝึกการแสดงออกซึง่ พฤตกิ รรม 8. การเรยี นรโู้ ดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning) 15. ผู้สอนปฏิบตั ิตนเป็นแบบอย่าง (role model)วธิ กี ำรประเมนิ 1. บันทกึ เข้าเรียนและการมีส่วนรว่ ม 13.การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลมุ่

6. ทกั ษะพสิ ัย : ทกั ษะพสิ ัย ที่ตอ้ งพฒั นำ -วธิ กี ำรสอน -วิธกี ำรประเมนิ -

แผนการสอนเรื่อง ปฏบิ ตั กิ าร Nervous tissueเวลำ ปฏิบตั กิ าร 2 ชว่ั โมงสถำนที่ : หอ้ งปฏิบตั กิ ารชน้ั 2 อาคารเจ้าฟา้ เพชรรัตน วพม.ผ้เู รียน : นพท.วพม. ชั้นปีท่ี 2อำจำรยผ์ ้สู อน พ.ท. หญงิ มาลี จันทรภ์ ู่วัตถปุ ระสงค์ : เม่อื จบการเรียนการสอน นพท.วพม. สามารถ 1. บอกลกั ษณะทางจุลกายวิภาค ส่วนประกอบและหน้าท่ขี องเนอื้ เยือ่ ประสาท ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. จาแนกเซลล์ต่างๆของเนื้อเยือ่ ประสาทได้มาตรฐานผลการเรียนรู้คณุ ธรรม จริยธรรม29. คุณธรรม จรยิ ธรรม: คุณธรรม จรยิ ธรรม ที่ตอ้ งพัฒนา  1.4. มีความตรงต่อเวลา มีวินัย มีความรับผดิ ชอบตอ่ ผู้ป่วย และงานท่ีได้รับมอบหมายวธิ ีกำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซ่ึงพฤตกิ รรม 15. ผู้สอนปฏิบัตติ นเป็นแบบอยา่ ง (role model)กำรประเมินผล 1. บนั ทกึ เขา้ เรยี นและการมีส่วนร่วม 10.การประเมนิ ตนเอง 11.การประเมนิ โดยเพ่ือนรว่ มชนั้ เรยี นหรือกลุม่ งาน 15.การสงั เกตการทางานกลุ่ม30. ควำมรู้ : ความรู้ ทต่ี อ้ งพัฒนา  2.1. วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ระดับพืน้ ฐาน ตามเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B3.1.2.1 spinal cord, including gross anatomy, blood supply, and spinal reflex B3.1.2.3 brain including gross anatomy and blood supply; cognition, language, memory, hypothalamic function; limbic system and emotion behavior; circadian rhythms and sleep; control of eye movement B3.1.2.6 autonomic system B3.1.2.7 peripheral system B3.1.3.4 glia, myelin B3.1.4 Repair, regeneration, and changes association with stage of lifeวธิ ีกำรสอน 1.บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3.มอบหมายงานกลุ่ม (คน้ คว้าขอ้ มลู รายงานโครงงาน)วิธีกำรประเมิน 1. บันทึกเข้าเรียนและการมสี ว่ นรว่ ม

3. ข้อสอบอัตนยั /อัตนัยดดั แปลง 4. การสอบปฏิบตั ิ 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลมุ่3. ทักษะทำงปัญญำ : ทักษะทำงปัญญำทต่ี ้องพัฒนำ  3.4.สามารถนาข้อมลู และหลกั ฐานทง้ั ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พ้นื ฐานและทางคลินกิ ไปใชใ้ นการอ้างอิงและ แกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งมวี จิ ารณญาณวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลุ่ม (ค้นควา้ ขอ้ มลู รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 8. การเรียนรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝึกปฏบิ ัติทางหอ้ งปฏิบตั ิการ (laboratory study) 15.ผู้สอนปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอย่าง (role model)วิธีกำรประเมนิ 1. บันทึกเขา้ เรยี นและการมีสว่ นร่วม 3. ขอ้ สอบอัตนยั /อัตนยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏบิ ัติ 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13. การประเมินผลงานกล่มุ (เอกสาร รายงาน) 15. การสังเกตการทางานกลมุ่4. ทักษะควำมสัมพันธ์ระหว่ำงบคุ คลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสัมพันธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรบั ผดิ ชอบที่ต้องพฒั นา  4.1. สามารถปรับตัวเชงิ วชิ าชพี แพทย์ และมีปฏิสัมพันธอ์ ย่างสรา้ งสรรคก์ บั ผอู้ น่ืวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 8. การเรียนรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝึกปฏิบัติทางหอ้ งปฏิบตั กิ าร (laboratory study) 15. ผูส้ อนปฏบิ ัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)วิธีกำรประเมิน 1. บนั ทกึ เข้าเรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม 12. การประเมินผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกลุม่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกล่มุ5. ทกั ษะกำรวิเครำะหเ์ ชิงตวั เลข กำรสือ่ สำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ : ทักษะกำรวเิ ครำะหเ์ ชงิ ตัวเลข กำรส่อื สำร

และกำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ ที่ตอ้ งพฒั นำ  5.2. สามารถส่อื สารไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพทง้ั การพูด การฟงั การอา่ น การเขยี น การนาเสนอ และอวจั นภาษา หรอื ภาษาทา่ ทาง (non-verbal communication) รวมทง้ั สามารถอ่านตารา และวารสารภาษาองั กฤษได้อยา่ ง เขา้ ใจ  5.7. มีทักษะในการรบั ขอ้ มลู อยา่ งมีวิจารณญาณ และแปลงขอ้ มูลใหเ้ ปน็ สารสนเทศทมี่ ีคุณภาพ รวมท้งั สามารถ อา่ น วิเคราะห์ และถ่ายทอดข้อมูลขา่ วสารแกผ่ ้อู น่ื ได้อย่างเขา้ ใจ  5.8. สามารถเลอื กและใชร้ ปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารไดอ้ ย่าง มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกบั สถานการณ์วิธกี ำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลุ่ม (ค้นควา้ ขอ้ มลู รายงานโครงงาน) 9. การฝึกปฏบิ ัติทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร (laboratory study) 15. ผู้สอนปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)วิธกี ำรประเมนิ 1. บนั ทึกเข้าเรยี นและการมีส่วนรว่ ม 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกล่มุ (เอกสาร รายงาน)6. ทกั ษะพิสยั : ทักษะพิสัย ทตี่ อ้ งพฒั นำ  6.4. มวี ิจารณญาณในการตัดสินใจ ตรวจวินจิ ฉยั และ บาบดั รกั ษาผปู้ ว่ ยได้อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมทันท่วงท่ี โดยให้ การบริการสขุ ภาพผปู้ ว่ ยแบบองคร์ วม (Holistic Approach)โดยอาศยั เวชศาสตรเ์ ชิงประจักษ์ (Evidence base medicine)วิธกี ำรสอน 9. การฝึกปฏบิ ัติทางห้องปฏบิ ตั ิการ (laboratory study)วธิ กี ำรประเมนิ 1. บนั ทกึ เข้าเรยี นและการมีส่วนร่วม 3. ขอ้ สอบอัตนยั /อัตนยั ดัดแปลง 4. การสอบปฏิบตั ิ

แผนการสอนเร่ือง Skin and membraneเวลำ บรรยาย 1 ชัว่ โมงสถำนที่ ห้องบรรยาย 1 อาคารเจ้าฟ้าเพชรรตั นผเู้ รยี น นพท.วพม.ชนั้ ปที ่ี 2อำจำรย์ผู้สอน พ.อ.มานพ ชยั มัติวตั ถุประสงค์ เม่อื จบการเรียนการสอนแลว้ นพท. วพม. สามารถ 1. อธบิ ายลักษณะโดยท่วั ไปของ skin and membrane 2. อธิบายลกั ษณะทางจลุ กายวิภาคของส่วนประกอบของ skin andมำตรฐำนผลกำรเรยี นรู้คุณธรรม จรยิ ธรรม31. คณุ ธรรม จริยธรรม: คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ทีต่ อ้ งพัฒนา  1.4. มีความตรงตอ่ เวลา มีวนิ ัย มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อผปู้ ว่ ย และงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายวธิ ีกำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซง่ึ พฤติกรรม 15. ผู้สอนปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอยา่ ง (role model)กำรประเมินผล 1. บันทึกเขา้ เรยี นและการมสี ่วนรว่ ม 10.การประเมินตนเอง 11.การประเมนิ โดยเพ่ือนร่วมชั้นเรียนหรือกลุ่มงาน32. ควำมรู้ : ความรู้ ทีต่ อ้ งพัฒนา  2.1. วทิ ยาศาสตร์การแพทยร์ ะดับพนื้ ฐาน ตามเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B4.1.2 Organ structure and function B4.1.3 Cell/tissue structure and function including barrier functions, thermal regulation, eccrine functionวิธกี ำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ)วิธกี ำรประเมนิ 1. บันทึกเขา้ เรียนและการมสี ่วนร่วม 2. ข้อสอบปรนัย 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน)3. ทกั ษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปญั ญำทต่ี ้องพัฒนำ  3.3.คิดวเิ คราะหอ์ ย่างเป็นระบบ โดยใช้องค์ความรทู้ างวชิ าชพี และดา้ นอื่นๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง  3.4.สามารถนาข้อมูลและหลักฐานท้งั ด้านวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์พนื้ ฐานและทางคลนิ ิก ไปใชใ้ นการอา้ งองิ และ

แกไ้ ขปญั หาได้อย่างมวี จิ ารณญาณวธิ ีกำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. การเรียนรโู้ ดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning)วิธกี ำรประเมิน 2. ขอ้ สอบปรนัย 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)4. ทักษะควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงบุคคลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรับผิดชอบท่ีต้องพฒั นา  4.1.สามารถปรับตวั เชงิ วชิ าชีพแพทย์ และมีปฏสิ มั พันธ์อยา่ งสรา้ งสรรค์กบั ผูอ้ น่ืวธิ กี ำรสอน 3. มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 6. ฝกึ การแสดงออกซ่ึงพฤตกิ รรม 8. การเรยี นรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผ้สู อนปฏิบัติตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วิธีกำรประเมนิ 1. บันทกึ เขา้ เรยี นและการมีสว่ นรว่ ม 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลุม่5. ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชิงตัวเลข กำรส่อื สำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชงิ ตวั เลข กำรสอ่ื สำรและกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ ทตี่ ้องพฒั นำ  5.2. สามารถสื่อสารได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพทั้งการพูด การฟงั การอา่ น การเขียน การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรอื ภาษาทา่ ทาง (non-verbal communication) รวมท้ังสามารถอ่านตารา และวารสารภาษาอังกฤษไดอ้ ยา่ ง เขา้ ใจ  5.7. มที กั ษะในการรับข้อมูลอยา่ งมวี ิจารณญาณ และแปลงข้อมลู ให้เปน็ สารสนเทศที่มคี ณุ ภาพ รวมท้ัง สามารถ อา่ น วเิ คราะห์ และถา่ ยทอดข้อมูลขา่ วสารแกผ่ ้อู น่ื ไดอ้ ย่างเข้าใจ  5.8. สามารถเลอื กและใช้รปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารไดอ้ ยา่ ง มีประสทิ ธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์วิธีกำรสอน 3. มอบหมายงานกลุม่ (คน้ คว้าขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอขอ้ มูล 6. ฝกึ การแสดงออกซ่งึ พฤตกิ รรม 8. การเรยี นรโู้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผสู้ อนปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บนั ทึกเขา้ เรยี นและการมีส่วนรว่ ม

13.การประเมนิ ผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลมุ่6. ทักษะพสิ ัย : ทกั ษะพิสยั ท่ีต้องพัฒนำ -วธิ ีกำรสอน -วิธีกำรประเมิน -

แผนการสอนเร่อื ง ปฏิบัตกิ าร Skin and membraneเวลำ ปฏิบัติการ 2 ช่วั โมงสถำนที่ ห้องปฏบิ ตั กิ ารชัน้ 2 อาคารเจา้ ฟ้าเพชรรัตน วพม.ผู้เรียน นพท.วพม.ช้นั ปีที่ 2อำจำรย์ผ้สู อน พ.อ.มานพ ชัยมัติ และคณะฯวตั ถุประสงค์ เมื่อจบการเรยี นการสอนแล้ว นพท. วพม. สามารถ 6. อธิบายลกั ษณะความแตกต่างทางจุลกายวภิ าคของโครงสร้างของskinและmembrane 7. จาแนกความแตกต่างของสว่ นประกอบทางโครงสร้างของ skin and membrane 8. อธบิ ายลกั ษณะการเจริญและพัฒนารวมทง้ั จาแนกความแตกต่างของส่วนประกอบเร่ิมตน้ ของ Integument system 9. จาแนกลกั ษณะโครงสร้างและองค์ประกอบต่าง ๆ ของ connective tissue ได้มำตรฐำนผลกำรเรียนรู้คณุ ธรรม จริยธรรม33. คุณธรรม จริยธรรม: คุณธรรม จรยิ ธรรม ท่ีตอ้ งพัฒนา  1.4. มีความตรงต่อเวลา มีวินยั มคี วามรบั ผิดชอบต่อผู้ป่วย และงานท่ไี ด้รับมอบหมายวธิ กี ำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซึ่งพฤติกรรม 15. ผู้สอนปฏิบตั ติ นเปน็ แบบอยา่ ง (role model)กำรประเมินผล 1. บนั ทกึ เข้าเรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม 10.การประเมนิ ตนเอง 11.การประเมินโดยเพื่อนร่วมช้นั เรียนหรือกลมุ่ งาน 15.การสงั เกตการทางานกลมุ่34. ควำมรู้ : ความรู้ ที่ต้องพัฒนา  2.1. วทิ ยาศาสตร์การแพทยร์ ะดับพืน้ ฐาน ตามเกณฑ์มาตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B4.1.2 Organ structure and function B4.1.3 Cell/tissue structure and function including barrier functions, thermal regulation, eccrine functionวิธกี ำรสอน 1.บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3.มอบหมายงานกลุ่ม (ค้นคว้าข้อมูล รายงานโครงงาน)วิธีกำรประเมิน 1. บนั ทึกเข้าเรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม 3. ขอ้ สอบอัตนัย/อัตนยั ดดั แปลง

4. การสอบปฏบิ ัติ 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลมุ่3. ทักษะทำงปัญญำ : ทักษะทำงปญั ญำท่ีต้องพฒั นำ  3.4.สามารถนาขอ้ มลู และหลกั ฐานท้ังด้านวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์พืน้ ฐานและทางคลินกิ ไปใช้ในการอ้างอิงและ แก้ไขปัญหาไดอ้ ยา่ งมีวจิ ารณญาณวิธกี ำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลุ่ม (คน้ คว้าข้อมูล รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 8. การเรียนร้โู ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝึกปฏิบัติทางหอ้ งปฏบิ ตั ิการ (laboratory study) 15.ผ้สู อนปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอย่าง (role model)วิธกี ำรประเมิน 1. บนั ทึกเข้าเรยี นและการมสี ว่ นร่วม 3. ข้อสอบอัตนัย/อตั นัยดัดแปลง 4. การสอบปฏิบัติ 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13. การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15. การสงั เกตการทางานกลุ่ม4. ทกั ษะควำมสัมพันธร์ ะหว่ำงบุคคลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสมั พันธร์ ะหวา่ งบุคคลและความรับผิดชอบที่ต้องพฒั นา  4.1. สามารถปรับตวั เชงิ วชิ าชพี แพทย์ และมีปฏิสัมพันธ์อย่างสรา้ งสรรคก์ บั ผอู้ น่ืวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นคว้าข้อมูล รายงานโครงงาน) 8. การเรยี นรูโ้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝึกปฏบิ ตั ิทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร (laboratory study) 15. ผู้สอนปฏบิ ัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)วิธกี ำรประเมิน 1. บันทกึ เขา้ เรยี นและการมีสว่ นร่วม 12. การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกล่มุ5. ทกั ษะกำรวิเครำะหเ์ ชงิ ตวั เลข กำรส่อื สำร และกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวิเครำะหเ์ ชงิ ตัวเลข กำรสือ่ สำรและกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ ทตี่ ้องพฒั นำ

 5.2. สามารถส่ือสารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพทั้งการพดู การฟงั การอา่ น การเขียน การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรือภาษาทา่ ทาง (non-verbal communication) รวมท้ังสามารถอา่ นตารา และวารสารภาษาองั กฤษไดอ้ ยา่ ง เข้าใจ  5.7. มีทกั ษะในการรับขอ้ มลู อย่างมีวิจารณญาณ และแปลงขอ้ มูลให้เป็นสารสนเทศทมี่ คี ณุ ภาพ รวมท้ัง สามารถ อา่ น วิเคราะห์ และถา่ ยทอดขอ้ มูลขา่ วสารแกผ่ อู้ ่ืนได้อย่างเขา้ ใจ  5.8. สามารถเลอื กและใช้รูปแบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารไดอ้ ย่าง มีประสิทธภิ าพและเหมาะสมกับสถานการณ์วิธกี ำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลมุ่ (คน้ ควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 9. การฝกึ ปฏบิ ตั ิทางห้องปฏิบัตกิ าร (laboratory study) 15. ผสู้ อนปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วิธีกำรประเมิน 1. บันทกึ เขา้ เรยี นและการมีส่วนร่วม 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน)6. ทกั ษะพิสยั : ทักษะพสิ ยั ทตี่ อ้ งพฒั นำ  6.4. มวี ิจารณญาณในการตัดสนิ ใจ ตรวจวินิจฉยั และ บาบดั รักษาผปู้ ว่ ยได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสมทนั ท่วงท่ี โดยให้ การบริการสุขภาพผู้ป่วยแบบองค์รวม (Holistic Approach)โดยอาศัยเวชศาสตรเ์ ชิงประจกั ษ์ (Evidence base medicine)วิธกี ำรสอน 9. การฝกึ ปฏบิ ัตทิ างหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร (laboratory study)วธิ ีกำรประเมิน 1. บันทกึ เข้าเรียนและการมีสว่ นรว่ ม 3. ขอ้ สอบอัตนัย/อัตนยั ดัดแปลง 4. การสอบปฏิบัติ

แผนการสอนเร่อื ง Bloodเวลำ บรรยาย 1 ชั่วโมงสถำนที่ ห้องบรรยาย 1 อาคารเจ้าฟา้ เพชรรตั น วพม.ผเู้ รยี น นพท.วพม.ชนั้ ปที ่ี 2อำจำรยผ์ สู้ อน พ.อ.หญิง ผศ.ธญั ญารัตน์ กญุ ชรบญุวตั ถุประสงค์ เมอื่ จบการเรยี นการสอนแลว้ นพท. วพม. สามารถ 10. บอกองคป์ ระกอบของ blood ได้ 11. บอกลักษณะของ Formed element ชนดิ ต่างๆ ได้ 12. บอกปริมาณ และคุณสมบตั ิขององค์ประกอบของ blood ในร่างกายของคนปกตไิ ด้ 13. เข้าใจและนาไปประยุกตใ์ ช้ในทางคลนิ กิ ได้มำตรฐำนผลกำรเรียนรู้ 13. คุณธรรม จริยธรรม35. คณุ ธรรม จรยิ ธรรม: คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ท่ีต้องพัฒนา  1.4. มคี วามตรงต่อเวลา มีวินัย มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ ผู้ปว่ ย และงานทไี่ ด้รบั มอบหมายวธิ ีกำรสอน 6. ฝกึ การแสดงออกซง่ึ พฤตกิ รรม 15. ผ้สู อนปฏิบัตติ นเป็นแบบอย่าง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บนั ทึกเข้าเรียนและการมีส่วนร่วม 10.การประเมนิ ตนเอง 11.การประเมนิ โดยเพื่อนรว่ มชน้ั เรียนหรือกลมุ่ งาน36. ควำมรู้ : ความรู้ ท่ีต้องพฒั นา  2.1. วิทยาศาสตร์การแพทย์ระดับพื้นฐาน ตามเกณฑ์มาตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B1.5.9.1 Complete blood count; hemoglobin, hematocrit, white blood count, platelet count, red cell indices, blood smear: differential white blood cell count, red cell morphology, platelet estimate and morphologyวิธกี ำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ)วธิ กี ำรประเมนิ 1. บนั ทึกเข้าเรียนและการมสี ่วนร่วม 2. ข้อสอบปรนัย 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)3. ทกั ษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปญั ญำท่ตี อ้ งพฒั นำ  3.3.คิดวิเคราะหอ์ ย่างเปน็ ระบบ โดยใช้องค์ความรทู้ างวิชาชีพและดา้ นอน่ื ๆ ท่เี กย่ี วข้อง  3.4.สามารถนาข้อมลู และหลกั ฐานทั้งดา้ นวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์พ้ืนฐานและทางคลินกิ ไปใช้ในการอา้ งอิงและ

แกไ้ ขปญั หาได้อย่างมวี จิ ารณญาณวธิ ีกำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. การเรียนรโู้ ดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning)วิธกี ำรประเมิน 2. ขอ้ สอบปรนัย 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)4. ทักษะควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงบุคคลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรับผิดชอบท่ีต้องพฒั นา  4.1.สามารถปรับตวั เชงิ วชิ าชีพแพทย์ และมีปฏสิ มั พันธ์อยา่ งสรา้ งสรรค์กบั ผูอ้ น่ืวธิ กี ำรสอน 3. มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 6. ฝกึ การแสดงออกซ่ึงพฤตกิ รรม 8. การเรยี นรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผ้สู อนปฏิบัติตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วิธีกำรประเมนิ 1. บนั ทึกเขา้ เรยี นและการมีสว่ นรว่ ม 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลุม่5. ทกั ษะกำรวิเครำะหเ์ ชิงตัวเลข กำรส่อื สำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชงิ ตวั เลข กำรสอ่ื สำรและกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ ทตี่ ้องพฒั นำ  5.2. สามารถสื่อสารได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพทั้งการพูด การฟัง การอา่ น การเขียน การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรอื ภาษาทา่ ทาง (non-verbal communication) รวมทั้งสามารถอ่านตารา และวารสารภาษาอังกฤษไดอ้ ยา่ ง เขา้ ใจ  5.7. มีทกั ษะในการรับข้อมูลอยา่ งมวี ิจารณญาณ และแปลงข้อมลู ให้เปน็ สารสนเทศที่มคี ณุ ภาพ รวมท้ัง สามารถ อา่ น วเิ คราะห์ และถา่ ยทอดข้อมูลขา่ วสารแกผ่ ้อู น่ื ไดอ้ ยา่ งเข้าใจ  5.8. สามารถเลอื กและใช้รปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารไดอ้ ยา่ ง มีประสทิ ธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์วิธีกำรสอน 3. มอบหมายงานกลุม่ (คน้ คว้าขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอขอ้ มูล 6. ฝกึ การแสดงออกซ่งึ พฤตกิ รรม 8. การเรยี นรโู้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผสู้ อนปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บนั ทึกเข้าเรียนและการมสี ่วนร่วม

13.การประเมนิ ผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลมุ่6. ทักษะพสิ ัย : ทกั ษะพิสยั ท่ีต้องพัฒนำ -วธิ ีกำรสอน -วิธีกำรประเมิน -

แผนการสอนเรือ่ ง ปฏิบัติการ Bloodเวลำ ปฏบิ ตั กิ าร 2 ชัว่ โมงสถำนท่ี ห้องปฏบิ ัติการชัน้ 2 อาคารเจา้ ฟา้ เพชรรัตน วพม.ผเู้ รยี น นพท.วพม.ชั้นปีที่ 2อำจำรย์ผสู้ อน พ.อ.หญิง ผศ.ธญั ญารัตน์ กญุ ชรบุญ และคณะฯวตั ถุประสงค์ เมอ่ื จบการเรยี นการสอนแล้ว นพท. วพม. สามารถ 14. จาแนกเม็ดเลือดแดง, เม็ดเลอื ดขาวและ Platelet ได้อย่างถูกต้อง 15. จาแนกชนิดของเมด็ เลือดขาวแบบ granulocyte และ agranulocytes ชนดิ ตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่าง ถูกตอ้ งมำตรฐำนผลกำรเรียนรู้ 14. คุณธรรม จริยธรรม37. คณุ ธรรม จริยธรรม: คุณธรรม จรยิ ธรรม ท่ตี อ้ งพัฒนา  1.4. มีความตรงตอ่ เวลา มีวินัย มคี วามรับผดิ ชอบต่อผูป้ ่วย และงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายวธิ กี ำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซ่ึงพฤตกิ รรม 15. ผ้สู อนปฏบิ ตั ิตนเป็นแบบอยา่ ง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บันทกึ เขา้ เรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม 10.การประเมินตนเอง 11.การประเมนิ โดยเพื่อนร่วมชน้ั เรียนหรือกลมุ่ งาน 15.การสังเกตการทางานกลุ่ม38. ควำมรู้ : ความรู้ ทีต่ อ้ งพฒั นา  2.1. วทิ ยาศาสตร์การแพทยร์ ะดับพ้นื ฐาน ตามเกณฑ์มาตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B1.5.9.1 Complete blood count; hemoglobin, hematocrit, white blood count, platelet count, red cell indices, blood smear: differential white blood cell count, red cell morphology, platelet estimate and morphologyวิธกี ำรสอน 1.บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3.มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ข้อมูล รายงานโครงงาน)วิธีกำรประเมิน 1. บันทึกเข้าเรียนและการมสี ว่ นร่วม 3. ขอ้ สอบอัตนยั /อตั นัยดัดแปลง 4. การสอบปฏบิ ตั ิ 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)

13.การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลมุ่3. ทกั ษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปัญญำท่ตี ้องพัฒนำ  3.4.สามารถนาขอ้ มูลและหลกั ฐานทัง้ ดา้ นวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์พืน้ ฐานและทางคลินกิ ไปใช้ในการอา้ งองิ และ แก้ไขปัญหาได้อยา่ งมีวิจารณญาณวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลมุ่ (คน้ คว้าขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 8. การเรียนร้โู ดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning) 9. การฝกึ ปฏบิ ตั ิทางหอ้ งปฏบิ ตั ิการ (laboratory study) 15.ผู้สอนปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)วธิ ีกำรประเมิน 1. บนั ทึกเข้าเรียนและการมสี ว่ นรว่ ม 3. ขอ้ สอบอัตนยั /อัตนยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏิบัติ 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13. การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15. การสงั เกตการทางานกลมุ่4. ทกั ษะควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงบุคคลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสัมพนั ธ์ระหว่างบุคคลและความรบั ผดิ ชอบทตี่ ้องพฒั นา  4.1. สามารถปรับตวั เชงิ วิชาชพี แพทย์ และมีปฏิสัมพันธอ์ ยา่ งสร้างสรรค์กับผ้อู ่ืนวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลมุ่ (คน้ คว้าขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 8. การเรยี นรูโ้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝกึ ปฏิบัติทางห้องปฏิบัตกิ าร (laboratory study) 15. ผู้สอนปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บันทกึ เขา้ เรียนและการมสี ่วนร่วม 12. การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลมุ่5. ทักษะกำรวิเครำะห์เชิงตวั เลข กำรสือ่ สำร และกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชงิ ตัวเลข กำรสอ่ื สำรและกำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ ที่ต้องพฒั นำ  5.2. สามารถสื่อสารได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพท้ังการพูด การฟงั การอา่ น การเขยี น การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรอื ภาษาทา่ ทาง (non-verbal communication) รวมทงั้ สามารถอ่านตารา และวารสารภาษาองั กฤษได้อย่าง

เขา้ ใจ  5.7. มีทกั ษะในการรับข้อมลู อย่างมวี ิจารณญาณ และแปลงข้อมลู ใหเ้ ป็นสารสนเทศท่ีมีคณุ ภาพ รวมท้งั สามารถ อา่ น วิเคราะห์ และถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารแกผ่ อู้ ่นื ได้อย่างเขา้ ใจ  5.8. สามารถเลอื กและใชร้ ูปแบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารไดอ้ ย่าง มีประสทิ ธภิ าพและเหมาะสมกับสถานการณ์วิธีกำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลุ่ม (ค้นควา้ ขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 9. การฝึกปฏิบัตทิ างหอ้ งปฏิบตั ิการ (laboratory study) 15. ผ้สู อนปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บันทึกเข้าเรียนและการมสี ่วนร่วม 12.การประเมินผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน)6. ทกั ษะพิสยั : ทักษะพิสยั ทต่ี อ้ งพัฒนำ  6.4. มีวิจารณญาณในการตดั สนิ ใจ ตรวจวนิ จิ ฉัย และ บาบดั รกั ษาผู้ปว่ ยได้อย่างถกู ต้องเหมาะสมทนั ท่วงที่ โดยให้ การบริการสขุ ภาพผูป้ ว่ ยแบบองค์รวม (Holistic Approach)โดยอาศยั เวชศาสตร์เชงิ ประจักษ์ (Evidence base medicine)วิธกี ำรสอน 9. การฝกึ ปฏบิ ตั ิทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร (laboratory study)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บันทึกเข้าเรยี นและการมสี ว่ นร่วม 3. ข้อสอบอัตนัย/อตั นัยดัดแปลง 4. การสอบปฏิบตั ิ

แผนการสอนเร่อื ง Gland typesเวลำ บรรยาย 1 ช่วั โมงสถำนท่ี ห้องบรรยาย 1 อาคารเจ้าฟ้าเพชรรตั น วพม.ผู้เรียน นพท.วพม.ชนั้ ปที ี่ 2อำจำรย์ผ้สู อน พ.อ.หญงิ ผศ.ธญั ญารัตน์ กุญชรบญุวตั ถปุ ระสงค์ เมอื่ จบการเรียนการสอนแลว้ นพท. วพม. สามารถ 16. เข้าใจรูปร่าง ลักษณะ และหน้าท่ี ตลอดจนวิธีการหลงั่ สารของต่อมชนดิ ตา่ ง ๆ 17. บอกลกั ษณะทางจลุ กายวิภาคฯ ของตอ่ มชนิดต่าง ได้อยา่ งถกู ต้อง 18. บอกหนา้ ที่และความสาคัญของตอ่ มชนดิ ตา่ ง ๆ ได้มำตรฐำนผลกำรเรียนรู้คณุ ธรรม จรยิ ธรรม39. คุณธรรม จรยิ ธรรม: คุณธรรม จริยธรรม ที่ตอ้ งพัฒนา  1.4. มคี วามตรงตอ่ เวลา มีวินยั มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ผู้ปว่ ย และงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายวธิ กี ำรสอน 6. ฝกึ การแสดงออกซ่งึ พฤตกิ รรม 15. ผูส้ อนปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอย่าง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บันทกึ เข้าเรียนและการมีส่วนรว่ ม 10.การประเมินตนเอง 11.การประเมนิ โดยเพื่อนร่วมชั้นเรียนหรือกลุ่มงาน40. ควำมรู้ : ความรู้ ท่ีตอ้ งพฒั นา  2.1. วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ระดับพื้นฐาน ตามเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B4.1.2 Organ structure and function B4.1.3 Cell/tissue structure and function including barrier functions, thermal regulation, eccrine functionวิธีกำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ)วิธีกำรประเมนิ 1. บนั ทกึ เขา้ เรียนและการมสี ่วนรว่ ม 2. ขอ้ สอบปรนัย 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน)3. ทักษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปญั ญำท่ีต้องพฒั นำ  3.3.คดิ วเิ คราะห์อยา่ งเป็นระบบ โดยใชอ้ งคค์ วามร้ทู างวิชาชีพและด้านอ่นื ๆ ทเี่ กีย่ วข้อง  3.4.สามารถนาขอ้ มูลและหลักฐานท้งั ดา้ นวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์พ้นื ฐานและทางคลินกิ ไปใช้ในการอา้ งองิ และ

แกไ้ ขปญั หาได้อย่างมวี จิ ารณญาณวธิ ีกำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. การเรียนรโู้ ดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning)วิธกี ำรประเมิน 2. ขอ้ สอบปรนัย 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)4. ทักษะควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงบุคคลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรับผิดชอบท่ีต้องพฒั นา  4.1.สามารถปรับตวั เชงิ วชิ าชีพแพทย์ และมีปฏสิ มั พันธ์อยา่ งสรา้ งสรรค์กบั ผูอ้ น่ืวธิ กี ำรสอน 3. มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 6. ฝกึ การแสดงออกซ่ึงพฤตกิ รรม 8. การเรยี นรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผ้สู อนปฏิบัติตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วิธีกำรประเมนิ 1. บันทกึ เขา้ เรยี นและการมีสว่ นรว่ ม 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลุม่5. ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชิงตัวเลข กำรส่อื สำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชงิ ตวั เลข กำรสอ่ื สำรและกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ ทตี่ ้องพฒั นำ  5.2. สามารถสื่อสารได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพทั้งการพูด การฟงั การอา่ น การเขียน การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรอื ภาษาทา่ ทาง (non-verbal communication) รวมท้ังสามารถอ่านตารา และวารสารภาษาอังกฤษไดอ้ ยา่ ง เขา้ ใจ  5.7. มที กั ษะในการรับข้อมูลอยา่ งมวี ิจารณญาณ และแปลงข้อมลู ให้เปน็ สารสนเทศที่มคี ณุ ภาพ รวมท้ัง สามารถ อา่ น วเิ คราะห์ และถา่ ยทอดข้อมูลขา่ วสารแกผ่ ้อู น่ื ไดอ้ ย่างเข้าใจ  5.8. สามารถเลอื กและใช้รปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารไดอ้ ยา่ ง มีประสทิ ธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์วิธีกำรสอน 3. มอบหมายงานกลุม่ (คน้ คว้าขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอขอ้ มูล 6. ฝกึ การแสดงออกซ่งึ พฤตกิ รรม 8. การเรยี นรโู้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผสู้ อนปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บนั ทึกเขา้ เรยี นและการมีส่วนรว่ ม

13.การประเมนิ ผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลมุ่6. ทักษะพสิ ัย : ทกั ษะพิสยั ท่ีต้องพัฒนำ -วธิ ีกำรสอน -วิธีกำรประเมิน -

แผนการสอนเรื่อง ปฏบิ ัตกิ าร Gland typesเวลำ ปฏบิ ตั ิการ 2 ชวั่ โมงสถำนท่ี หอ้ งปฏิบตั ิการช้ัน 2 อาคารเจา้ ฟา้ เพชรรัตน วพม.ผเู้ รยี น นพท.วพม.ชน้ั ปีที่ 2อำจำรยผ์ ้สู อน พ.อ.หญิง ผศ.ธญั ญารตั น์ กญุ ชรบุญ และคณะฯวัตถุประสงค์ เมอ่ื จบการเรียนการสอนแลว้ นพท. วพม. สามารถ 1. บอกเนอ้ื เย่ือต่อมชนดิ ตา่ ง ๆ ต่อมน้าลาย และ ต่อมนา้ นมได้อยา่ งถูกต้อง 2. แยกสว่ นสร้างสารและส่วนต่างๆ ในระดบั กลอ้ งจุลทรรศนแ์ สงสว่างไดถ้ ูกต้องมำตรฐำนผลกำรเรยี นรู้คณุ ธรรม จรยิ ธรรม41. คณุ ธรรม จริยธรรม: คณุ ธรรม จริยธรรม ที่ตอ้ งพัฒนา  1.4. มีความตรงต่อเวลา มีวินยั มีความรับผดิ ชอบต่อผปู้ ว่ ย และงานท่ไี ด้รบั มอบหมายวธิ กี ำรสอน 6. ฝกึ การแสดงออกซง่ึ พฤตกิ รรม 15. ผสู้ อนปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บนั ทกึ เขา้ เรียนและการมีสว่ นร่วม 10.การประเมนิ ตนเอง 11.การประเมินโดยเพื่อนรว่ มชัน้ เรยี นหรือกลมุ่ งาน 15.การสังเกตการทางานกลุม่42. ควำมรู้ : ความรู้ ทต่ี ้องพัฒนา  2.1. วิทยาศาสตรก์ ารแพทยร์ ะดับพนื้ ฐาน ตามเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B4.1.2 Organ structure and function B4.1.3 Cell/tissue structure and function including barrier functions, thermal regulation, eccrine functionวิธกี ำรสอน 1.บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3.มอบหมายงานกล่มุ (คน้ ควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน)วธิ กี ำรประเมิน 1. บันทึกเขา้ เรยี นและการมสี ่วนรว่ ม 3. ข้อสอบอัตนยั /อตั นัยดัดแปลง 4. การสอบปฏิบัติ 12.การประเมินผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลุ่ม

3. ทักษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปญั ญำท่ตี ้องพฒั นำ  3.4.สามารถนาขอ้ มลู และหลักฐานทงั้ ด้านวทิ ยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานและทางคลนิ กิ ไปใชใ้ นการอ้างองิ และ แก้ไขปญั หาไดอ้ ยา่ งมวี จิ ารณญาณวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 8. การเรียนรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝกึ ปฏิบตั ิทางห้องปฏิบัตกิ าร (laboratory study) 15.ผู้สอนปฏบิ ัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)วธิ กี ำรประเมนิ 1. บนั ทึกเขา้ เรยี นและการมสี ว่ นร่วม 3. ข้อสอบอตั นยั /อัตนยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏบิ ัติ 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13. การประเมนิ ผลงานกลุม่ (เอกสาร รายงาน) 15. การสงั เกตการทางานกลมุ่4. ทกั ษะควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งบคุ คลและควำมรับผิดชอบ: ทกั ษะความสัมพนั ธ์ระหว่างบุคคลและความรับผดิ ชอบทต่ี ้องพัฒนา  4.1. สามารถปรับตัวเชิงวชิ าชีพแพทย์ และมปี ฏิสัมพันธอ์ ยา่ งสรา้ งสรรคก์ บั ผู้อน่ืวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกล่มุ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 8. การเรียนรโู้ ดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning) 9. การฝกึ ปฏบิ ัตทิ างหอ้ งปฏบิ ตั ิการ (laboratory study) 15. ผ้สู อนปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)วธิ กี ำรประเมิน 1. บันทึกเข้าเรียนและการมีส่วนร่วม 12. การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลุ่ม5. ทักษะกำรวิเครำะหเ์ ชงิ ตวั เลข กำรสอื่ สำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวเิ ครำะหเ์ ชิงตัวเลข กำรส่อื สำรและกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ ท่ตี ้องพฒั นำ  5.2. สามารถสอ่ื สารได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพทง้ั การพดู การฟงั การอ่าน การเขยี น การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรือภาษาท่าทาง (non-verbal communication) รวมท้ังสามารถอ่านตารา และวารสารภาษาองั กฤษได้อย่าง เข้าใจ  5.7. มีทกั ษะในการรบั ขอ้ มูลอย่างมวี ิจารณญาณ และแปลงขอ้ มูลใหเ้ ปน็ สารสนเทศทีม่ คี ณุ ภาพ รวมท้ัง สามารถ

อ่าน วิเคราะห์ และถ่ายทอดขอ้ มูลขา่ วสารแกผ่ อู้ ่ืนไดอ้ ย่างเขา้ ใจ  5.8. สามารถเลือกและใชร้ ปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารไดอ้ ยา่ ง มีประสทิ ธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์วธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกล่มุ (คน้ คว้าข้อมูล รายงานโครงงาน) 9. การฝึกปฏบิ ตั ทิ างหอ้ งปฏิบัตกิ าร (laboratory study) 15. ผสู้ อนปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)วิธีกำรประเมนิ 1. บันทกึ เขา้ เรียนและการมสี ่วนร่วม 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน)6. ทกั ษะพสิ ยั : ทักษะพสิ ยั ทีต่ ้องพัฒนำ  6.4. มวี จิ ารณญาณในการตดั สนิ ใจ ตรวจวินจิ ฉัย และ บาบดั รักษาผู้ปว่ ยไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมทันท่วงท่ี โดยให้ การบริการสุขภาพผู้ป่วยแบบองคร์ วม (Holistic Approach)โดยอาศยั เวชศาสตร์เชงิ ประจักษ์ (Evidence base medicine)วธิ กี ำรสอน 9. การฝึกปฏิบตั ทิ างห้องปฏบิ ัตกิ าร (laboratory study)วิธีกำรประเมนิ 1. บนั ทกึ เขา้ เรียนและการมีส่วนร่วม 3. ขอ้ สอบอัตนยั /อัตนยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏิบตั ิ

แผนการสอนเร่อื ง Development of integumentary systemเวลำ บรรยาย 1 ชวั่ โมงสถำนท่ี หอ้ งบรรยาย 1 อาคารเจา้ ฟา้ เพชรรัตนผู้เรยี น นพท.วพม.ช้นั ปีท่ี 2อำจำรย์ผ้สู อน พ.อ.มานพ ชัยมัติวัตถุประสงค์ เมื่อจบการเรยี นการสอนแล้ว นพท. วพม. สามารถ 1. อธบิ ายระบบปกคลมุ ร่างกายเจรญิ พัฒนามาจากสว่ นใดของตัวอ่อน 2. อธบิ ายการเจริญพัฒนาของผวิ หนัง, ผม, เล็บ, ฟัน, ตอ่ มไขมัน, ต่อมเหงื่อ, ต่อมนา้ นม ซ่ึง เป็นส่วนท่เี จริญและพฒั นามาจากระบบปกคลุมรา่ งกาย 3. บอกลกั ษณะความผดิ ปกตขิ องการเจริญและพฒั นาของระบบปกคลมุ รา่ งกายมำตรฐำนผลกำรเรียนรู้ 15. คุณธรรม จริยธรรม43. คณุ ธรรม จริยธรรม: คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ทตี่ อ้ งพัฒนา 1.4. มคี วามตรงตอ่ เวลา มีวินัย มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ ผู้ปว่ ย และงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายวธิ ีกำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซึง่ พฤตกิ รรม 15. ผู้สอนปฏบิ ัติตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)กำรประเมินผล 1. บนั ทกึ เขา้ เรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม 10.การประเมินตนเอง 11.การประเมินโดยเพ่ือนรว่ มชนั้ เรียนหรือกลมุ่ งาน44. ควำมรู้ : ความรู้ ทตี่ ้องพัฒนา 2.1. วิทยาศาสตร์การแพทยร์ ะดับพนื้ ฐาน ตามเกณฑ์มาตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B4.1.1 Embryonic development, fetal maturation, and perinatal changesวิธกี ำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ)วิธีกำรประเมนิ 1. บนั ทึกเขา้ เรยี นและการมสี ่วนร่วม 2. ข้อสอบปรนัย 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)3. ทกั ษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปัญญำท่ตี อ้ งพฒั นำ 3.3.คิดวิเคราะหอ์ ยา่ งเป็นระบบ โดยใช้องคค์ วามรูท้ างวิชาชีพและด้านอ่นื ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง 3.4.สามารถนาข้อมลู และหลักฐานทงั้ ดา้ นวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์พนื้ ฐานและทางคลินกิ ไปใช้ในการอา้ งอิงและ แก้ไขปัญหาไดอ้ ยา่ งมีวจิ ารณญาณ

วธิ ีกำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. การเรียนรู้โดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning)วธิ กี ำรประเมนิ 2. ข้อสอบปรนัย 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน)4. ทักษะควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงบคุ คลและควำมรับผิดชอบ: ทกั ษะความสัมพันธร์ ะหวา่ งบุคคลและความรบั ผิดชอบท่ตี อ้ งพัฒนา  4.1.สามารถปรบั ตวั เชิงวิชาชพี แพทย์ และมปี ฏิสมั พันธ์อยา่ งสร้างสรรค์กับผูอ้ ่ืนวธิ ีกำรสอน 3. มอบหมายงานกลุ่ม (คน้ ควา้ ขอ้ มลู รายงานโครงงาน) 6. ฝกึ การแสดงออกซง่ึ พฤตกิ รรม 8. การเรยี นรโู้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผ้สู อนปฏิบัตติ นเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วธิ กี ำรประเมิน 1. บนั ทกึ เข้าเรยี นและการมสี ่วนร่วม 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลุ่ม5. ทักษะกำรวิเครำะหเ์ ชงิ ตัวเลข กำรสอื่ สำร และกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวเิ ครำะหเ์ ชงิ ตวั เลข กำรสอื่ สำรและกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ ทตี่ อ้ งพฒั นำ  5.2. สามารถส่อื สารไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพทั้งการพดู การฟัง การอา่ น การเขยี น การนาเสนอ และอวจั นภาษา หรือภาษาทา่ ทาง (non-verbal communication) รวมท้งั สามารถอ่านตารา และวารสารภาษาองั กฤษได้อย่าง เข้าใจ  5.7. มีทักษะในการรบั ขอ้ มลู อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และแปลงขอ้ มูลใหเ้ ป็นสารสนเทศที่มคี ุณภาพ รวมทง้ั สามารถ อ่าน วเิ คราะห์ และถา่ ยทอดขอ้ มูลขา่ วสารแก่ผอู้ ่ืนไดอ้ ย่างเข้าใจ  5.8. สามารถเลอื กและใชร้ ปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารได้อยา่ ง มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์วธิ กี ำรสอน 3. มอบหมายงานกล่มุ (ค้นควา้ ขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอขอ้ มูล 6. ฝกึ การแสดงออกซ่ึงพฤตกิ รรม 8. การเรียนรู้โดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning) 15. ผูส้ อนปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วิธกี ำรประเมิน 1. บันทึกเข้าเรียนและการมีสว่ นรว่ ม 13.การประเมินผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน)

15.การสังเกตการทางานกลุม่6. ทกั ษะพสิ ยั : ทักษะพสิ ยั ท่ตี ้องพัฒนำ -วธิ ีกำรสอน -วิธกี ำรประเมิน -

แผนการสอนเรอื่ ง ปฏบิ ตั กิ าร Development of nervous system และ integumentary systemเวลำ ปฏบิ ัติการ 3 ช่ัวโมงสถำนท่ี หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารช้นั 2 อาคารเจ้าฟา้ เพชรรตั น วพม.ผเู้ รยี น นพท.วพม.ชัน้ ปีท่ี 2อำจำรยผ์ สู้ อน พ.อ.มานพ ชยั มัติ และคณะฯวัตถปุ ระสงค์ เมือ่ จบการเรยี นการสอนแล้ว นพท. วพม. สามารถ 10. อธิบายการเจริญของสมองในระยะ 4 สัปดาห์ โดยแยก Forebrain Midbrain และ Hindbrain ได้ 11. อธิบายการเจริญของสมองในระยะ 5 สัปดาห์ โดยแยก telencephalon, diencephalon, midbrain, myelencephalon และ metencephalon ได้ 12. จาแนก optic vesicle และ otic vesicle ได้ 13. อธบิ าย somite ออกเป็น dermotome, myotome และ sclerotome 14. อธิบายการแบ่งของ neural tube ออกเป็น roof plate, floor plate, alar plate, basal plate, internal limiting membrane, ependymal zone, mantle zone และ marginal zone 15. อธิบาย structure ที่อยู่ lateral ตอ่ neural tube คือ dorsal root ganglia, ventral nerve roots , spinal nerve, dorsal ramus, ventral ramus , ramus communicans และ sympathetic ganglia 16. อธบิ ายลักษณะการเจรญิ และพัฒนารวมทั้งจาแนกความแตกตา่ งของสว่ นประกอบเริ่มตน้ ของ integumentary systemมำตรฐำนผลกำรเรยี นรู้คุณธรรม จรยิ ธรรม45. คุณธรรม จริยธรรม: คณุ ธรรม จริยธรรม ท่ีตอ้ งพัฒนา 1.4. มีความตรงตอ่ เวลา มีวินยั มีความรับผิดชอบต่อผู้ปว่ ย และงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายวิธกี ำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซึง่ พฤติกรรม 15. ผู้สอนปฏบิ ัติตนเปน็ แบบอย่าง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บนั ทกึ เขา้ เรียนและการมีส่วนร่วม 10.การประเมนิ ตนเอง 11.การประเมนิ โดยเพื่อนร่วมชัน้ เรยี นหรือกล่มุ งาน 15.การสงั เกตการทางานกลมุ่46. ควำมรู้ : ความรู้ ทีต่ ้องพัฒนา 2.1. วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทยร์ ะดับพ้ืนฐาน ตามเกณฑ์มาตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B3.1.1 Embryonic development, fetal maturation, and perinatal changes, including neural tube derivatives, cerebral ventricles, neural crest derivatives

B4.1.1 Embryonic development, fetal maturation, and perinatal changesวิธีกำรสอน 1.บรรยาย 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3.มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน)วิธีกำรประเมนิ 1. บันทกึ เขา้ เรียนและการมีสว่ นรว่ ม 3. ขอ้ สอบอัตนัย/อตั นัยดัดแปลง 4. การสอบปฏบิ ัติ 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกลุ่ม (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกล่มุ3. ทกั ษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปญั ญำทต่ี ้องพัฒนำ  3.4.สามารถนาขอ้ มลู และหลักฐานทั้งด้านวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์พ้นื ฐานและทางคลนิ กิ ไปใชใ้ นการอา้ งอิงและ แก้ไขปญั หาได้อย่างมวี ิจารณญาณวิธกี ำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกล่มุ (ค้นคว้าข้อมูล รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 8. การเรียนรโู้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝกึ ปฏบิ ัติทางห้องปฏิบัติการ (laboratory study) 15.ผู้สอนปฏบิ ตั ิตนเป็นแบบอยา่ ง (role model)วิธกี ำรประเมนิ 1. บนั ทกึ เข้าเรยี นและการมีสว่ นรว่ ม 3. ข้อสอบอัตนัย/อัตนัยดัดแปลง 4. การสอบปฏิบตั ิ 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13. การประเมินผลงานกลุม่ (เอกสาร รายงาน) 15. การสังเกตการทางานกลุม่4. ทกั ษะควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งบุคคลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสมั พนั ธ์ระหว่างบุคคลและความรบั ผิดชอบท่ตี ้องพัฒนา  4.1. สามารถปรับตวั เชิงวชิ าชพี แพทย์ และมปี ฏิสัมพนั ธอ์ ย่างสรา้ งสรรค์กบั ผู้อืน่วิธกี ำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลุ่ม (คน้ ควา้ ขอ้ มูล รายงานโครงงาน) 8. การเรยี นรู้โดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning) 9. การฝึกปฏบิ ัติทางห้องปฏิบัตกิ าร (laboratory study)

15. ผูส้ อนปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอย่าง (role model)วิธีกำรประเมนิ 1. บนั ทกึ เข้าเรียนและการมีสว่ นรว่ ม 12. การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกล่มุ (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลุม่5. ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชิงตวั เลข กำรส่ือสำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวเิ ครำะห์เชงิ ตัวเลข กำรสอ่ื สำรและกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ ที่ต้องพฒั นำ  5.2. สามารถส่ือสารไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพทงั้ การพูด การฟงั การอา่ น การเขยี น การนาเสนอ และอวจั นภาษา หรอื ภาษาท่าทาง (non-verbal communication) รวมทั้งสามารถอ่านตารา และวารสารภาษาอังกฤษได้อยา่ ง เข้าใจ  5.7. มีทกั ษะในการรับข้อมูลอยา่ งมีวิจารณญาณ และแปลงข้อมูลใหเ้ ปน็ สารสนเทศท่มี คี ุณภาพ รวมทัง้ สามารถ อา่ น วเิ คราะห์ และถา่ ยทอดขอ้ มูลขา่ วสารแก่ผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ  5.8. สามารถเลอื กและใช้รปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารได้อยา่ ง มีประสทิ ธภิ าพและเหมาะสมกบั สถานการณ์วิธีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกล่มุ (คน้ คว้าขอ้ มลู รายงานโครงงาน) 9. การฝกึ ปฏบิ ัตทิ างห้องปฏิบตั กิ าร (laboratory study) 15. ผสู้ อนปฏบิ ัติตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บันทกึ เขา้ เรยี นและการมีสว่ นรว่ ม 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน)6. ทักษะพสิ ัย : ทกั ษะพิสัย ท่ีต้องพัฒนำ  6.4. มีวิจารณญาณในการตัดสนิ ใจ ตรวจวนิ ิจฉยั และ บาบดั รักษาผู้ปว่ ยไดอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสมทันทว่ งท่ี โดยให้ การบรกิ ารสุขภาพผูป้ ่วยแบบองค์รวม (Holistic Approach)โดยอาศัยเวชศาสตร์เชงิ ประจักษ์ (Evidence base medicine)วิธกี ำรสอน 9. การฝกึ ปฏบิ ัตทิ างหอ้ งปฏิบตั กิ าร (laboratory study)วธิ ีกำรประเมิน 1. บนั ทกึ เขา้ เรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม 3. ขอ้ สอบอัตนยั /อตั นยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏบิ ตั ิ

แผนการสอนเรื่อง Bone and bone developmentเวลำ บรรยาย 2 ช่ัวโมงสถำนท่ี ห้องบรรยาย 1 อาคารเจา้ ฟ้าเพชรรัตนผ้เู รยี น นพท.วพม.ชั้นปีที่ 2อำจำรยผ์ ู้สอน ร.อ.หญิง ปิยะฉัตร จนั ทรเ์ สละวตั ถปุ ระสงค์ เม่ือจบการเรยี นการสอนแล้ว นพท. วพม. สามารถ 3. บอกลักษณะโครงสร้าง และ ลกั ษณะทางจุลกายวิภาคของกระดกู ได้อย่างถกู ตอ้ ง 4. บอกหนา้ ที่ ความสาคญั และการสร้างกระดกู 5. อธิบายกระบวนการซ่อมแซมกระดูก และโรคทพ่ี บบอ่ ยมำตรฐำนผลกำรเรียนรู้ 16. คุณธรรม จริยธรรม47. คุณธรรม จรยิ ธรรม: คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ท่ีต้องพัฒนา  1.4. มีความตรงต่อเวลา มีวินัย มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ผู้ปว่ ย และงานทไี่ ด้รับมอบหมายวิธีกำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซ่ึงพฤตกิ รรม 15. ผสู้ อนปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บันทึกเข้าเรียนและการมสี ่วนรว่ ม 10.การประเมินตนเอง 11.การประเมินโดยเพื่อนรว่ มชัน้ เรียนหรือกลุ่มงาน48. ควำมรู้ : ความรู้ ท่ตี อ้ งพัฒนา  2.1. วทิ ยาศาสตร์การแพทย์ระดับพน้ื ฐาน ตามเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B1.2.8 Structure and function of basic tissue componentsวิธกี ำรสอน 1. บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ)วธิ ีกำรประเมนิ 1. บันทึกเขา้ เรยี นและการมสี ่วนรว่ ม 2. ขอ้ สอบปรนัย 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน)3. ทักษะทำงปัญญำ : ทักษะทำงปญั ญำทตี่ อ้ งพัฒนำ  3.3.คิดวเิ คราะห์อย่างเป็นระบบ โดยใชอ้ งคค์ วามร้ทู างวชิ าชพี และดา้ นอื่นๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง  3.4.สามารถนาขอ้ มูลและหลกั ฐานทั้งด้านวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์พื้นฐานและทางคลินกิ ไปใช้ในการอา้ งองิ และ แกไ้ ขปัญหาได้อยา่ งมีวิจารณญาณวิธีกำรสอน 1. บรรยาย

2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. การเรียนรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning)วธิ ีกำรประเมนิ 2. ข้อสอบปรนัย 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน)4. ทกั ษะควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงบคุ คลและควำมรับผดิ ชอบ: ทกั ษะความสัมพันธร์ ะหวา่ งบคุ คลและความรับผดิ ชอบท่ีต้องพัฒนา  4.1.สามารถปรับตวั เชิงวิชาชพี แพทย์ และมีปฏิสมั พนั ธ์อยา่ งสรา้ งสรรคก์ บั ผ้อู ืน่วธิ ีกำรสอน 3. มอบหมายงานกลมุ่ (คน้ ควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 6. ฝึกการแสดงออกซ่งึ พฤตกิ รรม 8. การเรียนรโู้ ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผู้สอนปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอยา่ ง (role model)วธิ ีกำรประเมิน 1. บันทึกเข้าเรยี นและการมสี ว่ นร่วม 13.การประเมนิ ผลงานกลุม่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลมุ่5. ทักษะกำรวิเครำะหเ์ ชงิ ตวั เลข กำรสอื่ สำร และกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชิงตวั เลข กำรสอ่ื สำรและกำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ ท่ีตอ้ งพัฒนำ  5.2. สามารถส่ือสารได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพท้ังการพดู การฟงั การอา่ น การเขียน การนาเสนอ และอวจั นภาษา หรือภาษาท่าทาง (non-verbal communication) รวมทงั้ สามารถอ่านตารา และวารสารภาษาอังกฤษไดอ้ ยา่ ง เข้าใจ  5.7. มที กั ษะในการรบั ขอ้ มูลอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และแปลงข้อมลู ให้เปน็ สารสนเทศท่มี ีคุณภาพ รวมทัง้ สามารถ อา่ น วิเคราะห์ และถา่ ยทอดขอ้ มูลขา่ วสารแก่ผู้อืน่ ได้อย่างเขา้ ใจ  5.8. สามารถเลือกและใช้รปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารได้อย่าง มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกบั สถานการณ์วิธีกำรสอน 3. มอบหมายงานกลุ่ม (คน้ คว้าขอ้ มลู รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 6. ฝกึ การแสดงออกซงึ่ พฤติกรรม 8. การเรียนร้โู ดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 15. ผู้สอนปฏิบัติตนเป็นแบบอยา่ ง (role model)วธิ กี ำรประเมิน 1. บนั ทกึ เข้าเรยี นและการมีส่วนรว่ ม 13.การประเมนิ ผลงานกลุม่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกลมุ่6. ทกั ษะพิสัย : ทักษะพิสยั ท่ตี ้องพฒั นำ

-วิธีกำรสอน -วธิ กี ำรประเมนิ -

แผนการสอนเร่ือง ปฏิบตั กิ าร Bone & bone developmentเวลำ ปฏิบัตกิ าร 2 ชัว่ โมงสถำนที่ ห้องปฏบิ ตั กิ ารชัน้ 2 อาคารเจา้ ฟา้ เพชรรัตน วพม.ผู้เรยี น นพท.วพม.ช้นั ปีที่ 2อำจำรย์ผู้สอน ร.อ.หญิง ปิยะฉัตร จนั ทร์เสละ และคณะฯวตั ถุประสงค์ เมื่อจบการเรียนการสอนแลว้ นพท. วพม. สามารถ 17. บอกลกั ษณะโครงสร้าง และ ลักษณะทางจลุ กายวิภาคของกระดกู ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 18. บอกหน้าท่ี ความสาคัญและการสรา้ งกระดูก 19. อธิบายกระบวนการซอ่ มแซมกระดกู และโรคทีพ่ บบอ่ ยมำตรฐำนผลกำรเรียนรู้ 17. คณุ ธรรม จริยธรรม49. คณุ ธรรม จรยิ ธรรม: คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ทีต่ อ้ งพัฒนา  1.4. มคี วามตรงตอ่ เวลา มีวนิ ัย มคี วามรบั ผิดชอบต่อผู้ปว่ ย และงานที่ไดร้ บั มอบหมายวิธีกำรสอน 6. ฝึกการแสดงออกซง่ึ พฤตกิ รรม 15. ผสู้ อนปฏบิ ัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)กำรประเมนิ ผล 1. บันทึกเข้าเรียนและการมีส่วนร่วม 10.การประเมินตนเอง 11.การประเมินโดยเพ่ือนร่วมชน้ั เรียนหรือกลุม่ งาน 15.การสงั เกตการทางานกลุ่ม50. ควำมรู้ : ความรู้ ท่ีต้องพัฒนา  2.1. วิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ระดับพื้นฐาน ตามเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ. 2555 ภาคผนวก ก B1.2.8 Structure and function of basic tissue componentsวธิ กี ำรสอน 1.บรรยาย 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3.มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นคว้าขอ้ มูล รายงานโครงงาน)วธิ กี ำรประเมนิ 1. บนั ทกึ เขา้ เรยี นและการมีส่วนร่วม 3. ขอ้ สอบอัตนัย/อตั นยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏิบตั ิ 12.การประเมนิ ผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสังเกตการทางานกล่มุ

3. ทักษะทำงปัญญำ : ทกั ษะทำงปญั ญำท่ตี ้องพฒั นำ  3.4.สามารถนาขอ้ มลู และหลักฐานทงั้ ด้านวทิ ยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานและทางคลนิ กิ ไปใชใ้ นการอ้างองิ และ แก้ไขปญั หาไดอ้ ยา่ งมวี จิ ารณญาณวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบคุ คล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกลมุ่ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 4. นาเสนอข้อมูล 8. การเรียนรู้โดยการกากับตนเอง (self-directed learning) 9. การฝกึ ปฏิบตั ิทางห้องปฏิบัตกิ าร (laboratory study) 15.ผู้สอนปฏบิ ัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)วธิ กี ำรประเมนิ 1. บนั ทึกเขา้ เรยี นและการมสี ว่ นร่วม 3. ข้อสอบอตั นยั /อัตนยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏบิ ัติ 12.การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13. การประเมนิ ผลงานกลุม่ (เอกสาร รายงาน) 15. การสงั เกตการทางานกลมุ่4. ทกั ษะควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งบคุ คลและควำมรับผิดชอบ: ทกั ษะความสัมพนั ธ์ระหว่างบุคคลและความรับผดิ ชอบทต่ี ้องพัฒนา  4.1. สามารถปรับตัวเชิงวชิ าชีพแพทย์ และมปี ฏิสัมพันธอ์ ยา่ งสรา้ งสรรคก์ บั ผู้อน่ืวธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกล่มุ (ค้นควา้ ข้อมลู รายงานโครงงาน) 8. การเรียนรโู้ ดยการกากบั ตนเอง (self-directed learning) 9. การฝกึ ปฏบิ ัตทิ างหอ้ งปฏบิ ตั ิการ (laboratory study) 15. ผ้สู อนปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง (role model)วธิ กี ำรประเมิน 1. บันทึกเข้าเรียนและการมีส่วนร่วม 12. การประเมินผลงานรายบคุ คล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมนิ ผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน) 15.การสงั เกตการทางานกลุ่ม5. ทักษะกำรวิเครำะหเ์ ชงิ ตวั เลข กำรสอื่ สำร และกำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ : ทกั ษะกำรวเิ ครำะหเ์ ชิงตัวเลข กำรส่อื สำรและกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ ท่ตี ้องพฒั นำ  5.2. สามารถสอ่ื สารได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพทง้ั การพดู การฟงั การอ่าน การเขยี น การนาเสนอ และอวัจนภาษา หรือภาษาท่าทาง (non-verbal communication) รวมท้ังสามารถอ่านตารา และวารสารภาษาองั กฤษได้อย่าง เข้าใจ  5.7. มีทกั ษะในการรบั ขอ้ มูลอย่างมวี ิจารณญาณ และแปลงขอ้ มูลใหเ้ ปน็ สารสนเทศทีม่ คี ณุ ภาพ รวมท้ัง สามารถ

อ่าน วิเคราะห์ และถ่ายทอดขอ้ มูลขา่ วสารแกผ่ อู้ ่ืนไดอ้ ย่างเขา้ ใจ  5.8. สามารถเลือกและใชร้ ปู แบบการนาเสนอสารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารไดอ้ ยา่ ง มีประสทิ ธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์วธิ ีกำรสอน 2. มอบหมายงานบุคคล (ตอบคาถาม แบบทดสอบ) 3. มอบหมายงานกล่มุ (คน้ คว้าข้อมูล รายงานโครงงาน) 9. การฝึกปฏบิ ตั ทิ างหอ้ งปฏิบัตกิ าร (laboratory study) 15. ผสู้ อนปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอย่าง (role model)วิธีกำรประเมนิ 1. บันทกึ เขา้ เรียนและการมสี ่วนร่วม 12.การประเมนิ ผลงานรายบุคคล (เอกสาร รายงาน) 13.การประเมินผลงานกลมุ่ (เอกสาร รายงาน)6. ทกั ษะพิสยั : ทักษะพสิ ยั ทีต่ ้องพัฒนำ  6.4. มวี จิ ารณญาณในการตดั สนิ ใจ ตรวจวินจิ ฉัย และ บาบดั รักษาผู้ปว่ ยไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมทันท่วงท่ี โดยให้ การบริการสุขภาพผู้ป่วยแบบองคร์ วม (Holistic Approach)โดยอาศยั เวชศาสตร์เชงิ ประจักษ์ (Evidence base medicine)วธิ กี ำรสอน 9. การฝึกปฏิบตั ทิ างห้องปฏบิ ัตกิ าร (laboratory study)วิธีกำรประเมนิ 1. บนั ทกึ เขา้ เรียนและการมีส่วนร่วม 3. ขอ้ สอบอัตนยั /อัตนยั ดดั แปลง 4. การสอบปฏิบตั ิ

แผนกำรสอนเร่ือง : Physiology of nerve fiber and synapseรูปแบบกำรสอน : บรรยาย 3 ชัว่ โมงจำนวนชวั่ โมง : 1 ชั่วโมงสถำนที่ : ห้องบรรยาย 1 อาคารเจา้ ฟา้ เพชรรัตน วพม.ผู้เรยี น : นพท./นศพ.วพม. ช้ันปีที่ 2อำจำรย์ผู้สอน : พ.อ.หญิง ผศ.อนุสรา วฒั นจนั ทร์วัตถปุ ระสงค์ : เมอื่ จบการเรียนการสอน นพท./นศพ.วพม. สามารถ 1. อธิบายชนดิ และหน้าทข่ี อง nerve fiber ได้ 2. อธบิ ายการเกิด action potential และ refractory period ได้ 3. อธบิ ายการทางานของ ion channels และ ion flux ขณะเกดิ action potential ได้ 4. อธิบาย propagation of action potential ได้ 5. อธบิ ายลกั ษณะทางกายวิภาคของ synapse และชนดิ ของ synapses ได้ 6. อธบิ าย excitatory post synaptic potential (EPSP) and inhibitory postsynaptic potential (IPSP) ได้ 7. อธิบาย chemical transmission of synaptic activity ได้ 8. อธบิ าย convergence and divergence และ summation ได้แนวทำงกำรพัฒนำผลกำรเรียนรขู้ องนกั ศกึ ษำ ผลกำรเรียนรู้ วธิ ีกำรสอน กำรประเมนิ ผล1. คณุ ธรรม จริยธรรม 1. บรรยาย (เนน้ การมสี ่วนรว่ มของผเู้ รียน) 1. บันทึกเข้าเรียนและการมสี ว่ นรว่ ม1.4 มีความตรงต่อเวลา มีวนิ ยั มคี วาม 2. มอบหมายงานบุคคล 2. ข้อสอบปรนัยรับผิดชอบต่องานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 18. ประเมนิ ความก้าวหน้าในการ2. ควำมรู้เกณฑ์มาตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ.๒๕๕๕ เรียน (Formative evaluation)2.1 วทิ ยาศาสตร์การแพทย์ระดับพนื้ ฐานB3.1.3.2 excitable properties of neurons,axons and dendrites, including channelssynthesis, storage, release, reuptake anddegradation of neurotransmitters andneuromodulatorsB5.1.3.3 glia, myelin3. ทกั ษะทำงปัญญำ3.4 สามารถนาขอ้ มูลและหลกั ฐานทงั้ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์การแพทย์พืน้ ฐาน ไปใช้ใน การอ้างอิงและแก้ไขปญั หาได้อยา่ งมีวจิ ารณญาณ

4. ทกั ษะควำมสัมพันธ์ระหว่ำงบุคคลและควำมรับผดิ ชอบ4.3 มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ สือ่ กำรสอน : 1. โปรแกรม PowerPoint ประกอบคาบรรยาย 2. เอกสารประกอบคาบรรยาย กำรวดั และประเมนิ ผล : 1. Formative evaluation 10 ขอ้ 2. Summative MCQ 15 ขอ้ เอกสำรประกอบกำรสอน : 1. Koeppen BM and Stanton BA. Berne and Levy Physiology. 7th ed., Elsevier, Inc., 2018. 2. Kandel ER et al. Principles of Neural Science. 5th ed., Mc Graw-Hill, 2013. 3. Boron WF and Boulpaep EL. Medical Physiology, 3rd ed., Elsevier, Inc, 2017. 4. Hall JE : Guyton and Hall Textbook of Medical Physiology, 12th ed., Saunders, 2011.

แผนกำรสอนเรือ่ ง : Fundamental properties of the peripheral nerve (ปฏิบตั ิการ)รปู แบบกำรสอน : ปฏบิ ตั กิ ารจำนวนช่ัวโมง : 5 ชัว่ โมงสถำนที่ : หอ้ งบรรยาย 1 และหอ้ งปฏิบัตกิ ารสรีรวทิ ยา ชนั้ 2 อาคารเจา้ ฟา้ เพชรรัตน วพม.ผูเ้ รียน : นพท./นศพ.วพม. ชนั้ ปที ี่ 2อำจำรย์ผู้สอน : พ.อ.หญิง ผศ.อนุสรา วัฒนจนั ทร์ และอาจารยภ์ าควชิ าสรีรวทิ ยาวตั ถปุ ระสงค์ : เมอื่ จบการเรียนการสอน นพท./นศพ.วพม. สามารถ 1. บันทึก action potential จากเสน้ ประสาท sciatic ของกบ และบรรยายรูปร่างของเส้นบันทกึ action potential ได้ 2. บอกความสมั พนั ธ์ระหว่างความแรงของตัวกระต้นุ กับขนาดของ action potential ได้ 3. สร้าง strength-duration curve และอธบิ ายความสัมพนั ธท์ ่เี กิดขน้ึ ได้ 4. อธิบายวธิ หี า conduction velocity ของเสน้ ประสาทได้ 5. อธบิ ายและแสดงวธิ หี า refractory period (ท้งั absolute และ relative refractory period)ได้ 6. พสิ ูจนว์ า่ การนา action potential ในเส้นประสาทเปน็ แบบ bidirectional 7. บนั ทึกและอธบิ ายการเกิด diphasic และ monophasic action potential ได้แนวทำงกำรพัฒนำผลกำรเรียนรขู้ องนักศกึ ษำ ผลกำรเรยี นรู้ วิธกี ำรสอน กำรประเมินผล1. คณุ ธรรม จริยธรรม 1. บรรยาย 1. บันทึกเขา้ เรียนและการมสี ว่ นรว่ ม1.4 มคี วามตรงตอ่ เวลา มวี ินัย มีความ 3. มอบหมายงานกลุ่ม (คน้ คว้าข้อมลู รายงาน 3. ข้อสอบอัตนยั /อัตนัยดัดแปลงรับผิดชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย โครงงาน) 13. การประเมนิ ผลงานกลมุ่2. ควำมรู้ 7. การอภปิ รายกลุม่ (group discussion) (เอกสาร รายงาน) การนาเสนอเกณฑม์ าตรฐานฯ แพทยสภา พ.ศ.๒๕๕๕ 9. การฝึกปฏบิ ัติทางห้องปฏบิ ตั ิการ 15. การสงั เกตการทางานกลุ่ม2.1 วทิ ยาศาสตร์การแพทยร์ ะดับพืน้ ฐาน (laboratory study)B3.1.3.2 excitable properties of neurons,axons and dendrites, including channelssynthesis, storage, release, reuptake anddegradation of neurotransmitters andneuromodulatorsB5.1.3.3 glia, myelin3. ทักษะทำงปัญญำ3.4 สามารถนาขอ้ มูลและหลักฐานทงั้ ดา้ นวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์พ้นื ฐาน ไปใช้ใน การอา้ งอิงและแก้ไขปญั หาได้อย่างมีวจิ ารณญาณ4. ทกั ษะควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งบุคคลและควำมรบั ผิดชอบ4.3 มีความรบั ผิดชอบต่อหน้าที่5. ทกั ษะกำรวิเครำะห์เชงิ ตวั เลข กำรส่ือสำรและกำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ : ทกั ษะกำร

วิเครำะหเ์ ชงิ ตวั เลข กำรสอ่ื สำร และกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ ทีต่ อ้ งพฒั นำ5.2 สามารถสือ่ สารได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพทงั้การพดู การฟงั การอา่ น การเขยี น การนาเสนอและอวัจนภาษาหรอื ภาษาท่าทาง (non-verbalcommunication)6. ทักษะพสิ ยั : ทักษะพิสยั ท่ตี ้องพฒั นำ6.3 มีความสามารถในการตรวจและแปลผลโดยเครือ่ งมือพนื้ ฐาน และเลอื กใชก้ ารตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการที่จาเปน็ ได้ โดยคานงึ ถึงความคุ้มคา่และ เหมาะสม ส่อื กำรสอน: 1. โปรแกรม PowerPoint ประกอบคาบรรยาย 2. สอื่ การสอน CAI 3. คู่มอื ปฏิบตั ิการสรีรวทิ ยา กำรวัดและประเมนิ ผล : 1. ข้อสอบอัตนัย/อตั นยั ดัดแปลง 10 ขอ้ เอกสารประกอบการสอน 1. Koeppen BM and Stanton BA. Berne and Levy Physiology. 7th ed., Elsevier, Inc., 2018. 2. Kandel ER et al. Principles of Neural Science. 5th ed., Mc Graw-Hill, 2013. 3. Boron WF and Boulpaep EL. Medical Physiology, 3rd ed., Elsevier, Inc, 2017. 4. Hall JE : Guyton and Hall Textbook of Medical Physiology, 12th ed., Saunders, 2011


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook