หน่วยท่ี 1 ความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์[ชื่อเรื่องรองของเอกสาร]วิทยาลยั เทคนิคคเู มอื งICEC
1 หนว่ ยท่ี 1 ความรูท้ ่ัวไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์สาระการเรียนรู้ 1.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์ 1.2 คณุ สมบตั ิที่เครื่องคอมพิวเตอรแ์ ตกต่างจากเครือ่ งคานวณท่วั ๆ ไป 1.3 ประโยชน์และการใช้งานคอมพวิ เตอร์ 1.4 ทาไมต้องใช้คอมพิวเตอร์ 1.5 วิวฒั นาการคอมพวิ เตอร์ 1.6 ยุคของคอมพิวเตอร์ 1.7 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง 1. เพอื่ ใหส้ ามารถบอกความหมายของคอมพิวเตอรไ์ ด้ 2. เพื่อใหส้ ามารถบอกประโยชนแ์ ละการใชง้ านคอมพิวเตอร์ได้ 3. เพือ่ ใหส้ ามารถบอกถงึ ยุคของคอมพิวเตอรไ์ ด้ 4. เพอ่ื ใหส้ ามารถบอกถงึ ประเภทของคอมพวิ เตอรไ์ ด้
2 หน่วยที่ 1ความรทู้ ั่วไปเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์สาระสาคญั ประจาหนว่ ย ทกุ คนเคยซ้อื สินค้าในซูเปอรม์ ารเ์ ก็ต หรือหา้ งสรรพสนิ คา้ ใหญๆ่ บา้ งหรือไม่ ทกุ คนเคยฝาก-ถอนเงินกบั ธนาคาร หรือใช้บตั รเอทเี อม็ หรือไม่ ถ้าเคยแสดงว่าเคยใช้คอมพิวเตอร์กันบ้างแลว้ อาจจะใชค้ อมพวิ เตอรโ์ ดยมองไม่เห็นตวั คอมพิวเตอร์ที่ใช้ หรอื อาจจะไม่รวู้ ่ากาลังใชง้ านคอมพิวเตอรอ์ ยู่ แต่การบริการท่ไี ดใ้ ชใ้ นโลกแหง่ เทคโนโลยนี ลี้ ว้ นแล้วแต่เปน็ บริการท่ีทาผา่ นสิง่ ที่เรยี กว่า “คอมพวิ เตอร์”ด้วยกันทง้ั สนิ้1.1 ความหมายของคอมพวิ เตอร์ ในบทเรยี นนี้ จะไดศกึ ษาเกี่ยวกับคาจากดั ความของคาวา่ “คอมพวิ เตอร”์ ประโยชนข์ องคอมพวิ เตอรแ์ ละการนาไปใชใ้ นววิ ัฒนาการของคอมพิวเตอร์ท่มี อี ยูใ่ นปัจจบุ นั ว่าคอมพวิ เตอร์คอื อะไรแต่ก่อนท่ีเราจะไดศึกษาว่าคอมพิวเตอร์มีประโยชนแ์ ละสมารถนาไปใช้งานไดอ้ ยา่ งไร เราจาเป็นที่จะต้องรู้จกั คาจากดั ความของคาวา่ “คอมพิวเตอร์” กันก่อน ดงั น้ี คอมพวิ เตอร์ (computer) หมายถงึ อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการคานวณ (Calculating Device) มาจากคาศพั ทภ์ าษาละตนิ ว่า COMPUTER ซ่งึ หมายถึง การนับ หรือการการคานวณจะเห็นว่าอปุ กรณ์มากมายท่เี ราสามารถใช้ในการคานวณได้ เชน่ ลูกคดิ (Abacus) เครือ่ งบวกเลข (Adding Machine)หรอื เคร่อื งคดิ เลข ( Pocket Calculator) ที่เราสามารถพกพาไปไหนได้ ดงั รูปท่ี 1.1รูปท่ี 1.1 แสดงอุปกรณ์ทใี่ ช้ในการคานวณชนดิ ตา่ งๆ
3อย่างไรก็ตามในปจั จบุ นั คาว่าคอมพิวเตอรม์ ักจะหมายถึงอปุ กรณ์ทางไฟฟ้า (Electronic Device) ซง่ึ จะมีหนา้ ที่ 3 อยา่ งท่ีแตกต่างจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการคานวณทั่วไป ดงั นี้1.2 คุณสมบัติที่เครอื่ งคอมพิวเตอร์แตกตา่ งจากเคร่อื งคานวณท่วั ๆ ไป 1.2.1 คอมพวิ เตอร์เปน็ อปุ กรณท์ างไฟฟ้าที่มหี น่วยคานวณ และปฏบิ ัติการทางตรรกะซ่ึงประกอบดว้ ยวงจรไฟฟ้ามากมาย ดงั นั้นการคานวณหรอื การเปรยี บเทยี บ จึงสามารถทาไดอ้ ย่างรวดเร็วโดยการวัดความเร็วของคอมพิวเตอร์สามารถวดั ไดเ้ ปน็ มินเิ ซค็ คั่น (Millisecond) ไมโครเซค็ คน่ั(Microsecond) และนาโนเซค็ คนั่ (Nanosecond) ซึง่ เทา่ กบั 1\10 3 , 1\10 6 และ 1\10 9 ของวนิ าทีตามลาดับ 1.2.2 คอมพวิ เตอรม์ หี น่วยความจาภายในเครื่อง (Intenal Memory) ท่ีสามารถเก็บข้อมลู(Data) ซึ่งอาจเปน็ ขอ้ ความตวั เลข หรือรปู ภาพ ไว้ในหน่วยความจาภายในเครื่อง เพ่อื ประโยชนใ์ นการเรียกใชข้ ้อมูลในปจั จบุ ันหรือเรยี กใชใ้ นภายหลังได้ ผใู้ ช้สามารถเขียนชดุ คาส่ัง (List of Instructions) ท่ีเรยี กวา่ โปรแกรม (Program) ท่ีบอกถึงข้นั ตอนที่คอมพิวเตอร์ต้องทางานโดยเรยี งลาดบั การทางานก่อนหลงั หรอื วิธกี ารประมวลผลท่ีถกู นาเขา้ มาพร้อมกบั โปรแกรม ซ่ึงคอมพวิ เตอร์จะสามารถเก็บโปรแกรมไวใ้ นหนว่ ยความจาภายใน กล่าวโดยสรุป คอื ขอ้ มูลนาเขา้ ส่คู อมพวิ เตอร์ผ่านทางอปุ กรณ์นาขอ้ มลู เข้า ข้อมูลน้นั จะถูกนาไปเกบ็ ไว้ทห่ี นว่ ยความจาภายในเคร่อื งคอมพิวเตอร์ กอ่ นท่จี ะถกู นาไปประมวลผล หลังจากการประมวลผล คอมพิวเตอรจ์ ะแสดงผลลัพธอ์ กมา หรือทีเ่ รียกว่า ข้อมูลออก ผา่ นทางอุปกรณ์แสดงผลดงั แสดงในรูปท่ี 1.2
4 รปู ท่ี 1.2 แสดงการทางานของคอมพิวเตอร์1.3 ประโยชน์และการใช้งานคอมพวิ เตอร์ หลกั จากท่ไี ด้ทาความรู้จกั คุณสมบัติ และหน้าทีข่ องคอมพิวเตอรไ์ ปบา้ งแล้ว ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ีจะมาศึกษาดูว่าความสามารถในการใช้งานคอมพิวเตอร์จะทาประโยชนอ์ ะไรได้บา้ ง และต่อไปนจี้ ะเป็นตัวอยา่ งบางตวั อย่างของการใชง้ านคอมพวิ เตอร์มีอยใู่ นชีวติ ประจาวัน และในทางธุรกิจ1.3.1 การใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นงานสว่ นบคุ คล สามารถนาคอมพิวเตอร์ท่ีมขี นาดเล็กท่ีนยิ มเรียกว่า คอมพวิ เตอร์ส่วนบคุ คล (PersonalComputer) หรือเรยี กยอ่ ๆ วา่ เคร่อื งพซี ี (PC) มาใชใ้ นงานสว่ นตัวของเราได้ เพอ่ื ทาประโยชนใ์ นด้านตา่ งๆ เชน่ รปู ที่ 1.3 คอมพวิ เตอร์สว่ นบุคคล - ใช้พมิ พ์เอกสารหรือรายงาน่ไี ด้รบั มอบหมายจากโรงเรียนหรอื ทที่ างาน
5 - ใช้ฝกึ โปรแกรมด้วยภาษาโปรแกรมตา่ งๆ เพอ่ื สัง่ ใหค้ อมพิวเตอรท์ างาน - ใชใ้ นการเรยี น- การสอน - ใช้คอมพิวเตอร์มาใชช้ ว่ ยในการสอน ในลกั ษณะท่ีเรียกว่า CAI (Computer-AssistedInstructions) เพอื่ ช่วยทบทวนบทเรยี นในวชิ าทางดา้ นต่างๆ ทีไ่ ด้เรียนจากโรงเรียน เชน่ วิชาคณิตศาสตร์ หรอื วชิ าภาษาองั กฤษ หรือแม้แตน่ ามาใช้ช่วยสอนเดก็ เล็กๆ ให้รจู้ ักกบั ตัวเลข หรอืตัวอักษร รปู ที่ 1.4 การใชง้ านคอมพิวเตอรส์ ว่ นบุคคล - ใชใ้ นการวาดรูป ซ่งึ นอกจากจะทาใหเ้ ดก็ ได้รบั ความรู้ และรู้สกึ สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ แลว้ยังเปน็ การฝกึ ให้เด็กมคี วามคุ้นเคยกับคอมพวิ เตอรส์ ามารถใช้ในงานคอมพิวเตอร์ไดด้ ตี อ่ ไป1.3.2 การใชค้ อมพิวเตอร์ในทางธรุ กจิ ในทางธุรกจิ แล้วจะสามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากคอมพวิ เตอร์ได้อย่างมากมายมหาศาล ยกตวั อยา่ งบางธรุ กจิ ท่ีมีการใชง้ านคอมพิวเตอรช์ ว่ ยในการทางานไดด้ งั น้ี รูปท่ี 1.5 การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นสานักงาน
61.3.3 การใชค้ อมพวิ เตอร์ในระบบธนาคาร ในการฝาก-ถอนเงนิ จากธนาคารไมว่ า่ จากเคาน์เตอร์พนกั งานโดยตรง หรือการเบกิ จากเครอื่ งเอทีเอม็ (ATM) หรอื Automatic Teller Machine ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ การใชง้ านคอมพวิ เตอร์ดว้ ยกนัท้งั ส้ิน ถึงแม้วา่ เครอื่ งเอทีเอ็ม โดยตัวมันเองจะไมใ่ ช่คอมพิวเตอร์ แต่มันจะมกี ารเชื่อมต่อกับคอมพวิ เตอรอ์ กี ที เมือ่ ผู้ใช้ทาการสอดบัตรและป้อนรหัสบนเครอื่ งเอทเี อม็ กเ็ ท่ากบั เราป้อนขอ้ มลู เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอรจ์ ะทาการประมวลผลข้อมลู รายการน้ัน เชน่ ทาการปรับปรบั ยอดเงินคงเหลอื ในบญั ชขี องลูกค้าคนนนั้ และพิมพ์ใบแจง้ ยอดคงเหลอื ใหแ้ กล่ กู ค้าทราบ เป็นตน้ รปู ท่ี 1.6 การใชค้ อมพิวเตอร์ในธนาคาร1.3.4 การใช้คอมพิวเตอร์ในการซอ้ื ขายสินคา้ ในระบบการซอ้ื ขายสนิ คา้ ในซูเปอรม์ ารเ์ กต็ หรอื ห้างสรรพสนิ ค้าขนาดใหญ่ จะมกี ารนาระบบพีโอเอส (POS : Point of Sell) มาช่วยในการขายสินค้า ในระบบพโี อเอส จะต้องมกี ารใช้งานกับอปุ กรณ์ทเี รียกวา่ แวนด์ (Wand) หรือสแกนเนอร์ (Scanner) อย่างใดอยา่ งหนงึ่ ทีม่ กี ารเชือ่ มตอ่ กบัคอมพิวเตอรท์ าการอ่านรหัสสนิ คา้ ที่ตดิ อยูบ่ นตัวสินคา้ แตล่ ะชนดิ เขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ เพ่ือจะตรวจสอบราคาสนิ คา้ แต่ละชนิด คานวณยอดรวมราคาสนิ ค้า และแจง้ ใหแ้ ก่พนกั งานขาย และลกู ค้าทราบ ในขณะเดียวกันกจ็ ะทาการปรบั ปรงุ ยอดคงเหลือของสนิ คา้ ในสต็อกให้อกี ดว้ ย
7 รปู ท่ี 1.7 การใชค้ อมพวิ เตอร์ในการขายสินคา้1.3.5 การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นสานกั งาน ในสานกั งานทวั่ ๆ ไปผทู้ ท่ี างานในสานกั งานไม่วา่ จะเปน็ ระดับพนักงาน เลขานุการ ผู้จัดการฝา่ ยต่างๆ ไปจนถงึ ประธานบรษิ ัท ต่างก็สามารถใชค้ อมพิวเตอรท์ างานในด้านต่างๆตามลักษณะงานของแตล่ ะบุคคล เช่น ใชโ้ ปรแกรมจัดเอกสาร (Word Processing) ทต่ี ดิ ต้งั อยบู่ นคอมพวิ เตอร์ทาการพิมพจ์ ดหมาย และเอกสาร ซึง่ สามารถใช้โปรแกรมจัดการเอกสารน้ชี ่วยตรวจสอบความถูกต้องของขอ้ ความในเอกสาร ได้กอ่ นทจ่ี ะทาการพิมพ์เอกสารออกมาบนกระดาษ
8 รปู ที่ 1.8 การใช้คอมพิวเตอรใ์ นการสื่อสาร คอมพวิ เตอรย์ ังสามารถนามาใช้รับสง่ ขอ้ ความหรือจดหมายถงึ กันไดใ้ นรปู แบบของโปรแกรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-mail หรอื Electronic Mail) แทนการใชก้ ระดาษในการสง่ และทางด้านผรู้ ับก็สามารถใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการอ่านขอ้ ความทีม่ ีผู้ส่งมาให้ได้ เชน่ กัน นอกจากนีย้ งั สามารถใช้เขียนโปรแกรมเพื่อทางานในเรอ่ื งใดเร่อื งหนึ่งโดยเฉพาะ เชน่ เขยี นโปรแกรม ระบบบัญชี ระบบเช่าซ้ือ ระบบสนิ ค้าคงคลงั หรอื แม้แต่การเขียนโปรแกรมสรา้ งงานทางดา้ นกราฟิก (Graphic) เปน็ ตน้1.4 ทาไมต้องใช้คอมพิวเตอร์ สาเหตุทนี่ ยิ มใช้คอมพิวเตอร์ในการทางาน เนือ่ งจากคอมพิวเตอรม์ คี วามสามารถในเรอ่ื งต่างๆ ต่อไปน้ี1.4..1 ความเร็วในการทางาน จากทไี่ ด้กล่าวแล้ววา่ คอมพิวเตอร์จะมีความเร็วในการทางานสงู ผ้ใู ช้สามารถไดผ้ ลลพั ธ์จากคอมพวิ เตอรอ์ ยา่ งรวดเรว็ ตวั อยา่ งที่เหน็ ไดช้ ดั เช่น การฝาก-ถอนเงิน จากเครือ่ งเอทเี อ็ม จะสามารถฝาก-ถอนกบั พนักงานธนาคาร เปน็ ต้น รปู ท่ี 1.9 การถอนเงนิ จากเคร่อื งเอทเี อ็ม
91.4.2 ความถูกตอ้ งในการทางาน คอมพิวเตอรจ์ ะมคี วามสามารถในการคดิ คานวณ หรอื ประมวลผลขอ้ มลู ได้ถกู ตอ้ งแม่นยากว่าคน ยกตัวอยา่ งเช่น การซ้ือขายสนิ คา้ ในระบบพโี อเอส คอมพิวเตอรส์ ามารถรับข้อมูล รหสั สินคา้ตรวจสอบราคาสนิ ค้า และคิดคานวณราคาสนิ ค้าไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ย่ิงกวา่ การใหพ้ นักงานงานตอ้ งปอ้ นข้อมูลรหสั สนิ คา้ ป้อนราคา และคิดคานวณราคาสนิ คา้ เอง ซง่ึ มโี อกาสผิดพลาดคอ่ นข้างมาก รปู ที่ 1.10 การใช้เคร่ืองคอมพวิ เตอรข์ ายสินค้า1.4.3 ความสามารถในการเกบ็ บนั ทกึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์สามารถบันทึกข้อมูลเป็นจานวนมากๆ ได้ โดยอาศยั อุปกรณ์ท่ีช่วยในการเกบ็ขอ้ มูลสารอง เชน่ จานแมเ่ หลก็ หรอื ดิสก์ (Disk) เทป (Tape) หรือซดี รี อม (CD-ROM) และประมวลผลที่มีปรมิ าณมากมายนั้นได้ภายในเวลาอนั รวดเรว็ เชน่ ข้อมูลลูกค้าธนาคารทั้งหมดสามารถเก็บอยู่ในดสิ ก์ หรอื เทปบนเครอื่ งคอมพิวเตอร์ เพ่ือใชเ้ ป็นฐานข้อมลู ในการประมวลผลขอ้ มลู ในปัจจุบันหรอื ภายหลังได้ เป็นตน้
101.5 ววิ ฒั นาการคอมพิวเตอร์ ในหวั ขอ้ นี้จะไดพ้ ดู ถึงววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอรต์ งั้ แตอ่ ดตี จนกระทั่งถงึ ปัจจบุ ัน เพอ่ื ให้ไดร้ ู้ถึงจดุ กาเนิดของคอมพวิ เตอร์ และบุคคลทีม่ คี วามสาคัญที่เป็นผูค้ ดิ คน้ ประดิษฐเ์ คร่ืองจักรต่าง ๆ ทเี่ ปน็โบราณ มนษุ ย์ไดม้ กี ารคิดเครื่องมอื ในการคานวณท่ีเรยี กวา่ ลกู คิด (Abacus) ซึง่ ถอื กาเนิดขึ้นในประเทศจีน และถอื ว่าเป็นเครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการคานวณทางดา้ นการบวกชนิดแรก และอาจถอื ไดว้ ่าเปน็ตน้ กาเนิดของคอมพวิ เตอรใ์ นปจั จบุ ัน รปู ท่ี 1.11 ลกู คดิ ของจีน รปู ท่ี 1.12 เครื่องบวกเลขของนายปาสศาล รูปที่ 1.13 แสดงเครือ่ ง Leibniz Calculator ปพี ุทธศักราช 2185 นายแบลล ปาสคาล (Blaise Pascal) นกั คณติ ชาวฝร่ังเศสไดป้ ระดิษฐ์เครื่องบวกเลขเครอ่ื งแรกได้สาเรจ็ โดยใช้ระบบฟันเฟอื งเข้าชว่ ยในการทดเลขท่ีมีการบวกในหลักหน่วยแลว้ เกนิ กวา่ 9 ก็จะมเี ฟืองหมุนนาให้เกดิ การทดในฟันเฟืองของเลขสบิ ได้ ซ่งึ เรยี กเครือ่ งประดษิ ฐ์นว้ี า่
11“Adding Machine” แต่ขอ้ จากดั ของเครื่องประดษิ ฐ์นี้คือจะสามารถทาการคานวณไดเ้ ฉพาะการบวกและลบเทา่ น้ัน ไม่สามารถทาการคูณและการหารได้ ปพี ุทธศกั ราช 2189-2259 กอตต์ฟรดี วลิ เฮล็ม ไลบน์ ิตซ์ (Gottfried Wilhelm Leibniz) นักคณติ ศาสตร์ชาวเยอรมนั ได้ประดิษฐเ์ ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์แบบจักรกลคล้ายกับของนายปาสคาล ทใ่ี ห้ความถกู ต้องแม่นยากว่า ซ่งึ เปน็ เครอ่ื งคานวณทมี่ ีความสามารถในการบวก ลบ คูณ และหาร รวมท้ังยังสามารถหารากที่ 2 ไดด้ ้วยเรียกวา่ “Leibniz Calculator” และเป็นยอมรบั กันว่าเปน็ อนาลอ็ กคอมพิวเตอร์ ปพี ุทธศกั ราช 2344 นายโจแซฟ มารีช ชากการ์ด (Joseph Mare Jacquard) ชาวฝร่งั เศสได้คิดวิธีการทอผา้ โดยการบันทกึ ข้อมูลการควบคุมตาแหน่งของเส้นดา้ ยไว้บนบัตรเจาะรู รูปท่ี 1.14 เครอื่ งทอผ้าควบคุมตาแหนง่ ดา้ ยบนบัตรเจาะรู ปีพุทธศกั ราช 2363 ศาตราจารย์ชารล์ ล์ แบบเบจ (Charles Babbage) นกั คณิตศาสตร์ชาวองั กฤษ ได้สรา้ งเคร่อื งคานวณดว้ ยเคร่ืองจกั ร สรา้ งเปน็ เครอ่ื งคานวณตัวเลข เรียกว่า “DifferenceEnging” สามารถคานวณค่าทางตรโี กณมติ ิ รูปท่ี 1.15 เครอื่ งคานวณ Difference Engine
12 ตอ่ มานายแบบเบจ ได้พฒั นาเครือ่ งคานวณ Joseph Marie Jacquard ได้ทาการออกแบบเคร่ืองทอผ้า ซ่ึงถกู ควบคุมโดยใช้บัตรเจาะรู เอาข้อมลู ใส่บัตรให้เคร่ืองอา่ นได้ ซ่งึ นายแบบเบจ ได้ใช้ความคิดของเครื่องทอผ้านีม้ าออกแบบเคร่อื งจกั รทเ่ี รียกวา่ “Analytical Engine’ ใชใ้ นการคานวณตารางทางคณิตสตร์ ซึ่งเปน็ ตน้ แบบของเคร่ืองคอมพวิ เตอรอ์ เนกประสงค์ เพราะมีโครงสร้างอันประกอบดว้ ย ส่วนประมวลผล ส่วนเกบ็ ข้อมูล และการนาข้อมูลเข้า/ออก โดยทางานด้วยการป้อนชดุ คาสั่งท่เี รยี กวา่ โปรแกรมเข้าเครื่อง ซง่ึ การควบคกุ ารทางานของเครอื่ งจะอาศัยการเจาะรบู ัตร ดังนน้ัจึงถือได้ว่านายแบบเบจ เปน็ เสมือนผู้ต้นคิดในการออกแบบเครือ่ งคอมพิวเตอร์ในปจั จุบนั และถือวา่เปน็ “บิดาแหง่ คอมพิวเตอร์” รูปท่ี 1.16 เครือ่ งจกั ร Difference engine ปีพทุ ธศกั ราช 2358-2396 นางออกุสตา เอดา (Ada Augusta) เปน็ ผ้ชู ่วยปรับปรุงงานของนายแบบเบจ (Babbage) ซงึ่ ทาให้สามารถใชเ้ ลขฐานสองในการแทนค่าตัวเลขฐานสบิ และเปน็ ผู้ที่สมารถเขยี นโปรแกรมโดยใช้บัตรเจาะรู ดงั นนั้ จึงไดร้ ับการยกย่องใหเ้ ป็นนกั เขียนโปรแกรมหรอื เป็นโปรแกรมเมอร์ (Programmer) คนแรกของโลก รปู ท่ี 1.17 นางออกสุ ตา เอดา โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก
13 ปีพทุ ธศกั ราช 2433 ดร.เฮอร์แมน ฮอลเลอรทิ (Dr.Herman Hollerith) เปน็ นักสถิตชิ าวอเมรกิ ัน มีชือ่ เสียงในดา้ นการคดิ เคร่ืองมือทช่ี ่วยในการทางานทางด้านสถิติ โดยคิดบัตรเจาะรูทใี่ ช้กับเครอ่ื งคอมพวิ เตอรเ์ พือ่ ใช้ในการคานวณข้อมลู ของการสารวจสามะโนประชากรจงึ ได้รับการยกย่องวา่เป็นผู้นาเอาบตั รเจาะรูมาใช้ได้สาเรจ็ เปน็ ครัง้ แรกทางธรุ กจิ รปู ที่ 1.18 เครื่องจกั รใช้กบั บัตรเจาะรู ปพี ทุ ธศกั ราช 2487 นายไอแกน (Harward H.Aiken) แห่งมหาวิทยาลัยฮารว์ าด (Harvard)ไดป้ ระดษิ ฐ์เคร่ือง Mark 1 เปน็ เครอื่ งคอมพิวเตอรเ์ ครอื่ งแรกทสี่ ามารถทาการคานวณและเปรียบเทียบตามขัน้ ตอนต่างๆ ทีบ่ นั ทกึ ไว้บนเทปไดโ้ ดยอตั โนมตั ิเคร่อื งนี้จัดวา่ เปน็ เครอ่ื งกง่ึอเิ ลก็ ทรอนิกส์และกลไก (Electromechanical Device) รูปที่ 1.19 คอมพวิ เตอร์มาร์ค 1
14 ปีพุทธศักราช 2492 ดร.จอห์น ฟอน นอยมานนท์ (John Von Neumann) ได้ทาการประดษิ ฐเ์ คร่ืองคอมพิวเตอร์ทส่ี ามารถเกบ็ โปรแกรมไว้ในเครือ่ งได้ โดยใช้วิธีการแปลงชดุ คาสั่งให้เปน็รหัสตวั เลขซง่ึ สามารถเก็บลงเครื่องไดโ้ ดยเกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจาเช่นเดียวกบั การเก็บข้อมูล เครื่องคอมพวิ เตอรเ์ คร่ืองแรกท่ไี ดถ้ กู พัฒนาข้ึนตามแนวความคิดนี้ ไดแ้ ก่ เครือ่ ง EDVAC (ElectronicDiscrete Variable Automatic Computer) นอกเหนือจากนี้ Neumann ยังไดบ้ ัญญัติถึงความสามารถแทนคา่ ของเลขฐานสองด้วยสภาวะทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ไดแ้ ก่ ปิดและเปิด เสมอื นกบั เป็นคา่ 0 และ 1 ตามลาดับ ดงั นน้ั ในปัจจบุ นั จงึ ใช้ระบบเลขฐานสองภายในระบบคอมพิวเตอรก์ นั อย่างถ้วนหน้า รปู ท่ี1.20 คอมพิวเตอรย์ นู ิแวร์1.6 ยุคของคอมพิวเตอร์ ยคุ ของคอมพิวเตอร์ ไดม้ กี ารแบง่ ยคุ ของคอมพิวเตอรอ์ อกเป็นยุคต่าง ๆ ตามเทคโนโลยีท่ีเปล่ียนแปลงไปดงั น้ี ยุคท่ี 1 ปีพุทธศกั ราช 2494 – 2501 มีการประดิษฐเ์ ครื่องคอมพิวเตอรท์ ีม่ กี ารใช้หลอดสุญญากาศ ซงึ่ จะใช้พลงั งานมากตวั เครือ่ งจะมขี นาดใหญ่ และมกั เกิดความผิดพลาดไดง้ ่ายเมอ่ื มีความร้อนสูง จึ่งมีปญั หาในการควบคุมอุณหภูมิ ตัวอยา่ ง เครือ่ งในยคุ นี้ ได้แก่ เครือ่ ง EDVAC UNIVAC – 1IBM 600 สาหรับภาษาที่ใช้ในการสง่ั งานคอมพิวเตอรจ์ ะเปน็ ภาษาเครื่อง (Machine Language) ในรปู ของเลขฐานสอง รูปที่ 1.21 เครือ่ งคอมพวิ เตอรใ์ ช้หลอดสุญญากาศ
15 ยคุ ท่ี 2 ปพี ทุ ธศกั ราช 2502 – 2508 คอมพวิ เตอร์จะมขี นาดเลก็ ลงมคี วามเร็วมากขึน้ มกี ารนาทรานซิสเตอร์ (Transistors) เขา้ มาใชเ้ ปน็ เครื่องแรก ทาใหค้ อมพวิ เตอร์กินไฟนอ้ ยและมีความรอ้ นน้อย มคี วามเร็วในการทางานของอุปกรณ์รับข้อมลู และแสดงผลเร็วข้ึนได้ข้อมูลทถี่ กู ตอ้ งมากข้ึน และทาใหต้ น้ ทนุ ในการผลติ เครอ่ื งคอมพวิ เตอรม์ รี าคาลดลงมาก หน่วยเก็บความจาในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์โดยท่วั ไปจะเกบ็ ข้อมูลไว้ในวงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic Core) ยกเวน้ เครื่องคอมพวิ เตอรข์ นาดเล็กที่ใช้หน่วยเกบ็ ความจาเปน็ Magnetic Drum สาหรับหนว่ ยวัดความเรว็ ในการทางานของเครือ่ งจะเป็น มินิเซค็ คนั่ หรือ 1\10 3 วินาที และในยคุ นจี้ ะมกี ารพัฒนาเทปและจานแม่เหล็กด้วย ตัวอยา่ งเครือ่ งคอมพิวเตอรใ์ นยคุ นี้ ได้แก่ เคร่ืองซูเปอร์คอมพิวเตอร์ คือ CDC 6600 เคร่อื ง IBM 1620 สาหรบั ภาษาทใ่ี ช้ส่ังงานเครอ่ื งคอมพวิ เตอรใ์ นยุคนีจ้ ะเขา้ ใจงา่ ยกวา่ ยคุ แรก โดยจะมกี ารใช้ภาษาอังกฤษ เปน็สัญลักษณ์ ซึง่ ได้แก่ ภาษาแอสแซมบลี (Assebly Language หรอื ภาษาสญั ลักษณ์ SymbolicLanguage) หลงั จากการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ กไ็ ดม้ ีการพัฒนาภาษาที่เรยี กว่าภาษาชนั้ สูง (High-LevelLanguage) เกิดขึ้นซ่งึ เป็นภาษาท่มี ีลกั ษณะเหมอื นภาษาอังกฤษทัว่ ไป ทาให้ง่ายตอ่ การเขียนและอา่ นโปรแกรมมากข้นึ ตัวอย่างเหลา่ นีไ้ ด้โดยตรงจาเปน็ ต้องใชต้ วั แปลภาษาที่เรยี กว่า คอมไพเลอร์(Compiler) หรืออินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) เขา้ ชว่ ย เพื่อแปลภาษาเหล่านใ้ี หเ้ ปน็ ภาษาเครือ่ งที่เครือ่ งเขา้ ใจได้ รูปท่ี 1.22 เคร่อื งคอมพวิ เตอรย์ คุ ที่ 2 ยุคที่ 3 ปีพุทธศกั ราช 2508 – 2513 ยคุ นเ้ี ป็นยุคของการนาเอา ไอซี (IC : IntegratedCircuits) ซ่งึ ได้แก่ สารกงึ่ ตวั นา ชิน้ เล็กๆ ที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะ (Logic Circuit) ไวไ้ ดห้ ลายวงจรซง่ึ วงจรเหลา่ นี้จะถูกบรรจไุ วใ้ นแผน่ ซิลิคอนซปิ (Silicon Chip) จงึ ทาใหค้ อมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงและสามารถทางานไดเ้ รว็ ขน้ึ โดยสมารถปฏิบตั ิงาน 1 คาสั่ง เสร็จภายในเวลาเปน็ หรอื 1 ในล้านของวินาที นาโนเซค็ ค่ัน ซึ่งเครื่องในยคุ น้จี ะเป็นแบบมอดลู าริต้ี (Modularity) คอื สามารถเพม่ิความเรว็ ความสามารถของเครือ่ งได้ โดยการเพม่ิ ส่วนของฮารด์ แวร์ (Hardware) เขา้ ไปกับเครอื่ งท่ีมีอยู่ เครอ่ื งทถี่ กู พฒั นาในยุคน้ลี ว้ นสามารถทางานร่วมกันไดห้ ลายๆ งานในเวลาเดียวกัน และมีระบบที่
16ผใู้ ช้สามารถโต้ตอบกับเครื่องไดห้ ลายคนพร้อมๆ กันท่เี รียกว่า ไทม์แชริ่ง (Time sharing) โดยแต่ละคนจะโตต้ อบกบั เคร่อื งผา่ นทางเทอร์มินสั ของตนเอง ตัวอยา่ งเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ในยคุ นี้ ไดแ้ ก่ เคร่ืองมินคิ อมพิวเตอร์ IBM370 เปน็ ตน้ รปู ท่ี 1.23 เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ในยคุ ที่ 3 ยุคท่ี 4 ปพี ทุ ธศกั ราช 2513 – 2532 ยคุ น้ีเป็นยุคของการนา ไมโครโปรเซสเซอร์ มาใช้ ซง่ึเป็นอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสแ์ บบ แอลเอสไอ (LSI : Large Scale Integrated Circuit) คอื เทคโนโลยใี นการบรรจุวงจรเบด็ เสร็จ หรอื ทรานซิสเตอรเ์ ป็นจานวนมากบรรจุไวใ้ นแผ่นซลิ ิคอนซิป 1 แผน่ โดยสามารถบรรจุทรานซิสเตอรไ์ ดม้ ากกวา่ 1 ลา้ นวงจร และยังได้นามาใชส้ ร้างเครอื่ งคอมพิวเตอร์ท่ีมขี นาดเล็กลงไปอกี เรยี กวา่ ไมโครคอมพวิ เตอร์ นอกจากนีย้ งั ได้มกี ารพฒั นาไมโครโปรเซสเซอร์ ต่อไปอีกแบบวีแอลเอสไอ (VLSI : Very Large Scale Integration ) ท่มี ีประสิทธิภาพมากขน้ึ ขนาดของคอมพิวเตอร์จะมีขนาดเล็กลงไปอกี และมคี วามเร็วในการทางานเพิ่มมากขนึ้ ซงึ่ หนว่ ยวัดความเรว็ จะเปน็ พิกโกเซ็คคน่ั (Pico second) หรอื 1\1012 วนิ าที รูปที่ 1.24 เครอื่ งคอมพวิ เตอรย์ คุ ที่ 4 ยุคท่ี 5 ปพี ทุ ธศักราช 2533 – ปจั จุบนั คอมพิวเตอรใ์ นยุคน้ีจะเน้นทก่ี ารทาไมโครชิปมาใช้และการออกแบบให้เครื่องมีโปรเซสเซอร์หลายๆ ตัวทางานเปน็ คขู่ นานไป อนั จะเป็นการเพ่ิมพลังการประมวลผลอย่างมหาศาลมกี ารใหค้ วามสาคญั กบั งานปญั ญาประดษิ ฐ์ (Artificial Intelligence) กันมาก
17ขึน้ โดยพยายามทาใหค้ อมพิวเตอร์สามารถี่จะเรยี นร้ไู ดด้ ้วยตนเอง มกี ารพฒั นาภาษาทางคอมพวิ เตอรท์ ี่เรยี กว่า โปรลอก (Prolog) รูปที่ 1.25 เครือ่ งคอมพิวเตอร์ยุคที่ 51.7 ประเภทของคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งประเภทของคอมพิวเตอรท์ ่ีมอี ยู่ในปจั จบุ นั ไดเ้ ป็น 3 จาพวกใหญ่ตามลกั ษณะข้อมลู ที่ใช้ในการประมวลผล ตามลักษณะการใช้งาน และตามขนาดของคอมพิวเตอร์ได้ ดงั น้ี1.7.1 แบง่ ตามลกั ษณะของขอ้ มูลที่ใช้ในการประมวลผล สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1.7.1 คอมพิวเตอรแ์ บบอนาล็อก (Analog Computer) เปน็ เคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ใี่ ช้ในการวัดขอ้ มูลแบบต่อเนือ่ ง (Continuous Data) เชน่ขอ้ มูลอุณหภูมิ ความเรว็ หรือความดัน ซ่ึงข้อมลู ประเภทนี้จะมีค่าทสี่ ามารถนับทีละ 1 ได้ แต่จะออกมาเป็นทศนยิ ม ซง่ึ ไมส่ ามารถวัดใหถ้ กู ต้องตงทีเดยี วได้ คอมพิวเตอรแ์ บบนจ้ี ะใชก้ ับงานเฉพาะด้าน เช่นคอมพิวเตอร์ตรวจคลนื่ สมองหรอื หัวใจ เปน็ ต้น 1.7.2 คอมพวิ เตอรแ์ บบดจิ ติ อล (Digital Computer) เปน็ คอมพิวเตอรท์ ใี่ ช้ในการประมวลผลขอ้ มูลแบบไม่ตอ่ เนือ่ ง (Discrete Data) หรือเป็นเคร่ืองมือที่ใช้ในการนับขอ้ มูลทเ่ี ป็นตวั เลขโดยจะนับที่ละ 1 หน่วยได้ เชน่ จานวนนกั ศกึ ษาในมหาวิทยาลัย จานวนประชากรในประเทศไทยหรือใชใ้ นการคานวณ ซึ่งจะได้รับความถกู ตอ้ งแม่นยามากกวา่ ขอ้ มลู ที่มาจากการวัด 1.7.3 คอมพวิ เตอรแ์ บบผสม (Hybrid Computer) เปน็ ระบบคอมพิวเตอรท์ รี่ วมเอาความสามารถของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 2 แบบแรกเข้าดว้ ยกัน ตวั อย่างของระบบประเภทนี้ ได้แก่ การใชร้ ะบบอนาล็อกในการวดั การทางานของหัวใจอุณหภมู ิ และความดนั ต่างๆ ของคนไข้ ข้อมูลที่ไดร้ บั กจ็ ะถกู แปลงออกเป็นตวั เลข เพ่อื สง่ ไปให้คอมพิวเตอรแ์ บบดจิ ิตอลทาการประมวลผลและใหผ้ ลลัพธ์ตามโปรแกรมท่กี าหนดไวภ้ ายในคอมพวิ เตอร์ เช่น ถ้าหวั ใจเตน้ เรว็ หรือชา้ กวา่ ทก่ี าหนด กใ็ หร้ ะบบทาการส่งสญั ญาณเตอื นให้ราบ เปน็ต้น
181.7.2 แบง่ ตามลักษณะการใชง้ าน สามารถแบง่ ออกได้ 2 ประเภท 1.7.2.1 คอมพวิ เตอรอ์ เนกประสงค์ ()General Purpose Computer) เปน็ ระบบคอมพวิ เตอร์ทีไ่ ด้รับการออกแบบ ให้ประยกุ ตใ์ ชง้ านได้อยา่ งนับไม่ถว้ น นั่นคือระบบจะทางานตามคาสัง่ ในโปรแกรมทเ่ี ขยี นขน้ึ มา และยงั สามารถเกบ็ โปรแกรมทางดา้ นต่างๆ ไวใ้ นเคร่ืองๆ เดยี วได้ เช่น โปรแกรมทางด้านระบบเงนิ เดอื น โปรแกรมทางด้านบญั ชลี ูกหนี้ ฯลฯ และเมื่อเราตอ้ งการใช้เครอ่ื งอะไร กเ็ พยี งแตท่ าการเรยี กโปรแกรมทางดา้ นนนั้ ขึน้ มาทางาน 1.7.2.2 คอมพวิ เตอรเ์ ฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) จะถูกออกแบบมาให้ทางานเฉพาะอย่างเทา่ น้นั โดยไมส่ ามารถนาไปใช้งานดา้ นอื่นได้เช่น คอมพวิ เตอร์ทใ่ี ชก้ ารควบคุมระบบการนาวิถขี องจรวด เปน็ ต้น1.7.3 แบ่งตามขนาดเครื่องคอมพวิ เตอร์ มกั จะวดั กนั ตามขนาดความจุของหนว่ ยความจาหลักที่ใช้งาน (Main Memory) ซง่ึ หน่วยวัดความจุอาจอยู่ในเทอมของกิโลไบต์ (Kilobyte หรือ Kb หรือ K) จะมีค่า = 210 =1,024 ไบต์ หรอื1,024 ตัวอกั ขระ (1 ไบต์ จะมคี ่าเท่ากบั 1 ตวั อักขระ) ดังน้ัน ถา้ คอมพวิ เตอรม์ ีความจุ 10 K จะหมายความว่าเครือ่ งคอมพิวเตอร์เครื่องน้ันจะสามารถเกบ็ ข้อมูลไวใ้ นหนว่ ยความจาหลักได้ = 10 x1,024 = 10,240 ไบต์ หรอื เท่ากับ 10,240 ตัวอักขระ นอกจากนี้ ขนาดหนว่ ยความจายงั อาจมหี นว่ ยวดั อยใู่ นเทอมของเมกะไบต์ (Megabyte หรือ MB หรือ M ) โดย 1 Mb = 1,024 Kb = 1,024x1,024 =1,048,576 ไบต์ (ตวั อกั ขระ) หรอื อาจอยู่ในเทอมของจกิ ะไบต์ (Gigabyte หรอื GB) โดย 1GB = 1,024 Mb = 1,024 x 1,024 x , 1,024 x1,024 = 1,073,741,824 ไบต์ (ตัวอกั ขระ) เป็นต้น
19 ใบงาน 1 ความรู้ทั่วไปเก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ชอื่ นาย\นางสาว....................................สาขาวิชา....................กลุม่ ท่ี...................เลขท.ี่ .................... 1. จงศึกษาคน้ คว้าเร่อื ง ความรู้ทั่วไปเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ และจดั ทารายงานเสนอหนา้ ช้นัเรียน โดยการศึกษาจากเวบ็ ไซต์ 1.1 แบง่ นักศึกษากล่มุ ละ 3- 4 คน 1.2 ศึกษาอุปกรณเ์ ก็บขอ้ มูล 1.3 รายงาน และสาธติ หน้าช้ันเรยี น……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แบบฝกึ หดั หน่วยท่ี 1ตอนท่ี 1 จงเตมิ คาหรือขอ้ ความในช่องว่างให้ถูกตอ้ ง1. ...........................................................................................................เปน็ คอมพิวเตอรใ์ นยคุ ท่ี 42. HYBRID COPUTER เปน็ เครื่องคอมพิวเตอร.์ .............................................................................3. INPUT UNIT เปน็ ...........................................................................................ของคอมพวิ เตอร์4. CPU เบอร์.................................................................................เปน็ CPU เบอร์แรกของ INTEL5. ไมโครโปรเซสเซอร์ เบอร์ 80486 เปน็ ไมโครโปรเซสเซอร์ขนาด .........................................Bit
206. ..........................................................................................เป็นหน่วยความจาแบบอ่านอย่างเดียว7. แผ่น DISK 3.5 DS, HD มีความจุ .......................................................................................Byte8. คาเตม็ ของ “COMPUTER PC AT” .........................................................................................9. อุปกรณต์ ัวใดท่ีชว่ ยให้คอมพิวเตอรส์ ามารถนาภาพจากภายนอกเขา้ ไปเกบ็ ไวไ้ ด้............................................................................................................................................................10. SLOT หมายถงึ ............................................................................................................................ตอนที่ 2 จงทาเครอื่ งหมายกากบาท (X) ลงหนา้ ข้อที่ถกู ต้องทีส่ ุด1. COMPUTER มาจากภาษาละตนิ วา่ อะไร 6. INTERRUPT หมายถงึ อะไรก. COMPUTERS ก. สัญญาณท่ีถูกส่งออกไปเพ่ือขดั จงั หวะข. COMPUTARE ข. สัญญาณเวลาในเคร่อื งคอมพิวเตอร์ค. COPOTARE ค. สญั ญาณทใี่ ช้ในการถอดรหสัง. COPUTARE ง. สัญญาณตรวจสอบในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์2. จอภาพ VGA ย่อมาจากอะไร 7. RAM ย่อมาจากอะไรก. VIDEO GRAPHICS ADAPTER ก. READ ACCESS MEMORYข. VIDEO GRAPH ARRAY ข. READ ARRAY MEMORYค. VIDEO GRAPHICS ARRAY ค. RANDOM AREA MEMORYง. VIDEO GRAPH ADAPTER ง. RANDOM ACCESS MEMORY3. อุปกรณอ์ ะไรท่ใี ชใ้ นการอา่ นแผ่นขอ้ มูล 8. เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ท่ีเปน็ ระบบไฟฟ้าอยา่ งก. MOUSE สมบูรณ์เครือ่ งแรก คือข้อใดข. KEYBOARD ก. MARK 1ค. SCANNER ข. ENIACง. DRIVE ค. EDVAC ง. UNIVAC 14. อปุ กรณอ์ ะไรแตกตา่ งจากตัวอนื่ 9. เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ทีใ่ ชใ้ นงานด้านธรุ กจิ ก. KEYBOARD เครอ่ื งแรกของโลก คือขอ้ ใด ข. TRACKBALL ก. UNIVAC ค. PRINTER ข. ENIAC ง. MOUSE ค. EDVAC5. หน่วยความจาของคอมพวิ เตอร์ ขนาด 1 ง. MARK 1KByte เทา่ กบั กไี่ บต์ 10. CPU ย่อมาจากอะไร ก. 1,000 Bytes ก. CONTOL PROGRAM UNT
ข. 1,024 Bytes 21ค. 1,036 Bytesง. 1,048 Bytes ข. CENTRAL PROGRAM UNIT ค. CENTRAL PROCESSING UNIT ง. CONTROL PROCESSING UNITตอนท่ี 3 จงตอบคาถามต่อไปนีใ้ หไ้ ดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. การ์ดแสดงผลทางจอภาพ ท่คี นไทยมีสว่ นในการออกแบบเรยี กวา่ อะไร 2. คอมพวิ เตอร์มสี ่วนประกอบใดบ้าง 3. คอมพิวเตอรใ์ นยคุ ท่ี 3 เป็นคอมพิวเตอรแ์ บบใด 4. CACHE MEMORY หมายถงึ อะไร 5. สามารถใช้คอมพิวเตอรช์ ว่ ยในการสอนไดอ้ ย่างไรบา้ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: