Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยม.1 ชลธิชา ศรีมูลเขียว เลขที่6

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยม.1 ชลธิชา ศรีมูลเขียว เลขที่6

Published by ชลธิชา ศรีมูลเขียว, 2021-05-31 05:29:15

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยม.1 ชลธิชา ศรีมูลเขียว เลขที่6

Search

Read the Text Version

47 4.สาระการเรยี นรู้ 1.การวิเคราะห์สานวนที่เปน็ คาพงั เพยและสุภาษติ ๒.การจาแนกและใช้สานวนท่ีเปน็ คาพงั เพยและสภุ าษติ 5.สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน  ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6.ทกั ษะของผู้เรยี นในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L)  ทกั ษะการอา่ น (Reading) ทักษะการเขียน (Writing) ทักษะการคดิ คานวณ (Arithmetic)  ทักษะดา้ นการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะด้านความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ นการส่ือสาร สารสนเทศ และร้เู ท่าทนั สอ่ื (Communication information and media literacy) ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing) ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปลย่ี นแปลง (Change) ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผ้นู า (Leadership)

48 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน ( หลกั ฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ ) -ใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง สานวน สภุ าษิต คาพังเพย -ใบงานที่ ๒ เร่ือง การจาแนกสานวนสภุ าษิต คาพังเพย -ใบงานที่ ๓ เรอ่ื ง แต่งประโยคคาสอนสภุ าษิตพระร่วง 8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ เรื่อง การวิเคราะห์สานวนท่ีเปน็ คาพงั เพยและสภุ าษติ ช่วั โมงที่ ๑-๒ (ใชร้ ปู แบบการเรียนรแู้ บบแฮร์บารต์ : Herbart Method) ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั เตรียม ๑.ครูกลา่ วทกั ทายนักเรยี น พรอ้ มบอกเร่ืองที่จะเรยี นและจุดประสงค์การเรยี นรู้ในคาบนี้ให้ นักเรียนทราบ ๒.ครูใหน้ ักเรียนเตรียมกระดาษเอสีค่ นละหนึ่งแผ่นสาหรบั ทากจิ กรรม ๓.ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรยี นโดยให้นกั เรยี นเลน่ เกมจากการเปดิ ป้ายทายภาพ แลว้ ตอบ วา่ เป็นสานวนไทยใด ข้ันที่ 2 ขั้นสอน ๑.ครใู ห้นักเรยี นพจิ ารณาสานวน๒สานวนวา่ มคี วามแตกตา่ งกันอยา่ งไร ๒.ครอู ธบิ ายความหมายของสานวน สุภาษติ คาพงั เพย ๓.ครอู ธิบายลักษณะและยกตัวอย่างสานวน สุภาษิต คาพงั เพย ขัน้ ท่ี ๓ ขั้นสมั พันธ์หรือขั้นทบทวนและเปรียบเทียบ ๑.ครทู บทวนหลกั การพิจารณาสุภาษติ และคาพังเพย ๒.ครใู ห้นักเรียนเปรยี บเทียบสานวนแลว้ ตอบว่าสานวนใดเปน็ สภุ าษติ และสานวนใดเป็นคา พงั เพย ๓.ครสู ุ่มนักเรียนตอบวา่ สานวนใดเปน็ สภุ าษติ และสานวนใดเปน็ คาพังเพย ขนั้ ที่ ๔ ข้นั ตง้ั กฎหรอื ขอ้ สรปุ ๑.ครใู ห้นักเรยี นนากระดาษเอส่ีทเ่ี ตรยี มไวม้ าทากจิ กรรม ๒.ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนคน้ ควา้ สานวนสภุ าษติ หรือคาพงั เพยจากหนงั สือเรยี นหรอื อนิ เทอรเ์ นต็ คนละ๑สานวนพร้อมความหมายของสานวน จากน้นั นามาแตง่ ประโยค ภายในเวลา๑๐นาที

49 ๓.ครูใหน้ กั เรยี นนาเสนอการวิเคราะหส์ านวนท่ตี นเองหามาว่าเปน็ สภุ าษิตหรือคาพงั เพย พร้อม ให้อ่านประโยคท่ตี นเองแต่ง ๔.ครแู ละนักเรยี นสรปุ ความรู้ร่วมกนั ข้ันที่ ๕ ข้ันการนาไปใช้ ๑.ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง สานวน สภุ าษิต คาพังเพย ๒.ครใู ห้นักเรยี นทาใบงานที่ ๒ เรื่องการจาแนกสานวนสุภาษติ คาพังเพย หนว่ ยย่อยท่ี ๒ เร่อื ง สานวนท่ีเปน็ คาพงั เพยและสุภาษิต ช่วั โมงท่ี ๓-๖ (ใชร้ ปู แบบการเรยี นรู้แบบแฮรบ์ ารต์ : Herbart Method) ขัน้ ที่ 1 ข้ันเตรียม ๑.ครูทบทวนความร้เู ร่อื งการจาแนกสานวน สภุ าษิต คาพังเพยเพ่ือเชือ่ มโยงความรใู้ หม่ โดยให้ นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบว่าสานวนทคี่ รูนามาให้ดเู ปน็ สานวนสุภาษิตหรอื คาพงั เพย ๒.ครยู กตวั อยา่ งคาสอนจากสุภาษติ พระรว่ งแลว้ ถามนกั เรยี นว่าร้จู กั สานวนใดบา้ ง ๓.ครใู ห้นกั เรียนอ่านวรรณคดีเรือ่ งสุภาษติ พระร่วง จากหนงั สอื เรยี นวรรณคดีวิจักษ์ ภายในเวลา ๕นาที ขัน้ ที่ ๒ ข้นั สอน ๑.ครอู ธบิ ายเน้ือหาของวรรณคดเี ร่ืองสุภาษิตพระร่วง ๒.ครอู ธิบายคาสอนในสุภาษิตพระรว่ งวา่ มจี ดุ มงุ่ หมายท่ีจะสอนใครบา้ ง ๓.ครูอธิบายคณุ คา่ จากการเรียนวรรณคดเี รือ่ งสุภาษติ พระร่วง ข้นั ท่ี ๓ ขั้นสัมพนั ธ์หรือขนั้ ทบทวนและเปรียบเทียบ ๑.ครูและนักเรียนทบทวนความรู้เรอื่ งสุภาษติ พระรว่ งและร่วมกันสนทนาเกย่ี วกับสุภาษิตท่ี ปรากฏในวรรณคดีเร่ืองสุภาษิตพระรว่ ง ๒.ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันวเิ คราะห์และเปรียบเทยี บสานวนสุภาษิตไทยจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ กบั คาสอนจากสภุ าษติ พระรว่ งว่ามคี วามหมายเหมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร ขน้ั ท่ี ๔ ขน้ั ต้ังกฎหรือข้อสรปุ ๑.ครูแบ่งเนอ้ื เร่ืองสุภาษติ พระรว่ งใหน้ ักเรียนแต่ละคนอธบิ ายความหมายและความสาคัญของ สภุ าษิตน้นั

50 ๒.ครูใหน้ ักเรยี นเขยี นเน้ือเรือ่ ง ความหมาย ความสาคญั ของสภุ าษติ ทตี่ นเองได้รับมอบหมายลง ในกระดาษภายในเวลา ๑๕ นาที ๓.ครใู ห้นักเรียนออกมานาเสนอสภุ าษิตท่ีตนเองไดร้ บั มอบหมาย ๔.ครูและนักเรยี นสรุปความรู้ร่วมกนั ข้ันท่ี ๕ ขนั้ การนาไปใช้ ๑. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงานที่ ๓ เรื่อง แตง่ ประโยคคาสอนสุภาษิตพระร่วง 9. ส่อื การสอน ๙.1 ใบงาน/แบบฝึกหดั ๙.๒ หนังสือเรียนวรรณคดีวิจกั ษ์ ๙.๓ หนงั สือเรียนหลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย ๙.๔ สื่อการเรยี นการสอนประกอบการนาเสนอ power point 10. แหลง่ เรียนรใู้ นหรือนอกสถานที่ - อินเทอรเ์ นต็

51 11. การวดั และประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ วี ดั ผล เคร่ืองมือวดั ผล เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมิน ใบงานท๑ี่ เรื่อง ๙-๑๐ คะแนน=ดีมาก ระดบั พอใช้ขึน้ ไป ๑.นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของ ตรวจใบงานท๑่ี เรอ่ื ง สานวนสภุ าษิตคา ๖-๘ คะแนน=ดี ถือวา่ ผา่ น พงั เพย ๕-๖คะแนน= พอใช้ สานวนสภุ าษติ สานวนสภุ าษติ คา ๐-๔คะแนน =ปรับปรุง ระดับพอใช้ขึ้นไป ใบงานท๒ี่ ๙-๑๐ คะแนน=ดีมาก ถือวา่ ผา่ น คาพังเพยได้ พงั เพย เรื่อง การจาแนก ๗-๘ คะแนน=ดี สานวนสภุ าษติ ๕-๖คะแนน= พอใช้ ระดับพอใช้ขึน้ ไป 2.นักเรยี นสามารถจาแนกสานวนทเ่ี ป็น ตรวจใบงานท๒ี่ คาพงั เพย ๐-๔คะแนน=ปรบั ปรงุ ถือว่าผา่ น ใบงานท่ี ๓ ๙-๑๐ คะแนน=ดีมาก คาพังเพยและสภุ าษติ ได้ เรอื่ งการจาแนกสานวน เรือ่ งแตง่ ประโยคคา ๗-๘ คะแนน=ดี ระดับพอใช้ขน้ึ ไป สอนสุภาษติ พระรว่ ง ๕-๖คะแนน= พอใช้ ถอื วา่ ผ่าน สภุ าษติ ๐-๔คะแนน=ปรบั ปรุง แบบประเมินผลการ ๔-๕ คะแนน =ดี ระดับพอใชข้ น้ึ ไป คาพังเพย นาเสนอการใช้ ๒-๓ คะแนน=พอใช้ ถอื ว่าผา่ น สานวนทเ่ี ปน็ คา ๐-๑คะแนน=ปรบั ปรุง ๓.นักเรยี นสามารถเลอื กใชส้ านวนท่ีเปน็ ตรวจใบงานที่ ๓เร่ือง พังเพยและสุภาษติ แบบสังเกต ๒-๓คะแนน=ดี คาพังเพยและสภุ าษิตได้ แตง่ ประโยคคาสอน พฤติกรรมการทา ๑คะแนน=พอใช้ กจิ กรรม ๐คะแนน=ปรับปรุง สภุ าษติ พระร่วง 4.นักเรียนสามารถนาเสนอการใช้สานวน ประเมนิ การนาเสนอการ ทเี่ ป็นคาพังเพยและสภุ าษิตได้ ใช้สานวนทเ่ี ป็นคา พังเพยและสุภาษติ 5.นักเรียนเหน็ คณุ ค่าของการจาแนกและ สังเกตพฤตกิ รรมของ ใช้สานวนทเ่ี ปน็ คาพงั เพยและสภุ าษติ นักเรยี นในการทา กจิ กรรม

52 แบบประเมนิ ผล การนาเสนอการใชส้ านวนท่ีเปน็ คาพงั เพยและสภุ าษิต ตัวชี้วดั รายการประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การนาเสนอการใช้สานวนที่เป็นคา ๑.มีความพร้อมในการนาเสนอ ๕คะแนน = มีครบทุกขอ้ ๔คะแนน = มี ๔ข้อขาด๑ขอ้ พงั เพยและสภุ าษิต ๒.รักษาเวลาตามทกี่ าหนด ๓คะแนน = มี ๓ข้อขาด๒ข้อ ๒คะแนน = มี ๒ขอ้ ขาด๓ข้อ ๓.การใชภ้ าษาในการนาเสนอถูกตอ้ ง ๑คะแนน = มี ๑ขอ้ ขาด๔ข้อ เหมาะสม ๔.พูดนาเสนอข้อมลู ได้ถูกต้อง สมบรู ณ์ ๕.พูดนาเสนอได้ครบถว้ นตรงประเด็น ชอ่ื …………………………………………………………………….....ชน้ั ………………เลขท…่ี ………. คะแนนท่ไี ด้…………………คะแนน

53 แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล คาชี้แจง : ให้ทาเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งรายการสังเกตพฤตกิ รรมท่ีนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ รายการ ให้ความ สรปุ ผลการ ประเมนิ เลขที่ ช่อื -สกุล ร่วมมือใน มีความกล้า ตรงตอ่ เวลา การทา แสดงออก กจิ กรรม ๐ ๑ ๐ ๑ ๐ ๑ ผ่าน ไม่ ผา่ น ลงชอ่ื …………………………………………ผู้ประเมนิ (………………………………………….) ……../………./……..

54 12. กจิ กรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ................. ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... 13. บนั ทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทั้งหมดจานวน.....................คน จุดประสงค์การเรยี นรู้ จานวนนักเรยี นทผี่ า่ น จานวนนักเรยี นทไ่ี ม่ผ่าน ข้อท่ี จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน รอ้ ยละ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ 14. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................

55 15. ขอ้ เสนอแนะ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................................ () ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ....................................... ลงชื่อ................................................................ หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ () ลงช่ือ.......................................................... รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ () ความเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา ได้ทาการตรวจแผนการเรยี นร้ขู อง.........................................................................แล้วมคี วามคดิ เหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 3. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผ้อู านวยการโรงเรียน…………………………………………………………..

56 ใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง “สานวน สภุ าษิต คาพงั เพย ตอนท่ี ๑ คาช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคาถามต่อไปนใี้ ห้ถูกต้อง ๑. สานวน หมายถึงอะไร (๑คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. สภุ าษติ หมายถึงอะไร (๑คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. คาพังเพย หมายถึงอะไร (๑คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. สุภาษติ พังเพย จัดรวมอยใู่ น “สานวน” ดว้ ยกนั ท้งั คู่ เพราะเหตุใด (๑คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………….. ๕. สานวนสุภาษติ คาพังเพยมีคุณคา่ อย่างไร (๑คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนจบั ค่สู านวนไทยกับความหมาย โดยนาตักอักษรเติมลงในช่องว่างหลงั สานวนที่ กาหนดให้ (๒ข้อ:๑คะแนน) ๑. กงิ่ ทองใบหยก ……………………… ก.สิ่งทเี่ ปน็ ความลบั เวลาพดู ต้องระวงั ให้มาก ข.ชายหญิงท่ีฐานะดเี หมาะสมกนั 2. น้าขึ้นใหร้ บี ตัก ……………………… ฃ.ทาดีแตก่ ลบั ไมไ่ ดร้ บั ส่งิ ดีตอบแทน ค.ทาช่ัวย่อมได้รับสงิ่ ไมด่ ี 3. ตนเปน็ ท่ีพึ่งแห่งตน ……………………… ฅ.ทาดียอ่ มได้รับผลดี ฆ.ให้รบี ทาเม่ือมโี อกาส 4. กาแพงมหี ู ประตูมีช่อง ……………………… ง.สอนไมใ่ ห้เชื่อใครง่าย ๆ จ.คนชา่ งเลอื ก เลือกมากจนตนเองเดือดร้อน 5. ทาคุณบูชาโทษ ……………………… ฉ.ทาส่ิงตา่ งๆ ดว้ ยตนเองไม่ขอใหใ้ ครช่วย ช.คนเราจาเป็นต้องพ่งึ พาอาศัยซง่ึ กนั และกัน 6. น้าพงึ่ เรือ เสือพึง่ ป่า ……………………… 7. ทาดีได้ดี ……………………… 8. ทาชั่วได้ชั่ว …………………… 9. กบเลอื กนาย ……………………… 10. อย่าไว้ใจทาง อยา่ วางใจคน ………………………

57 ชอ่ื …………………………………………………………………….ชนั้ ……………………….เลขท…ี่ ……………… ใบงานที่๒ เร่ือง การจาแนกสานวนสภุ าษิต คาพังเพย คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนจาแนกสานวนไทยต่อไปนว้ี า่ สานวนใดเป็นสภุ าษิต สานวนใดเปน็ คาพังเพย ๑. บัวไมใ่ ห้ชา้ นา้ ไม่ใหข้ ุ่น เปน็ …………………………………………….. ๒.มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท เปน็ …………………………………………….. ๓.กบเลอื กนาย เป็น…………………………………………….. ๔.พึงเอาชนะความโกรธดว้ ยความไมโ่ กรธ เป็น…………………………………………….. ๕.ขช่ี ้างจับต๊กั แตน เป็น…………………………………………….. ๖.ตานา้ พริกละลายแมน่ า้ เป็น…………………………………………….. ๗.ทาดีไดด้ ี ทาช่ัวไดช้ ่วั เปน็ …………………………………………….. ๘.ตนเป็นท่ีพ่ึงแห่งตน เป็น…………………………………………….. ๙.หน้าไหวห้ ลงั หลอก เปน็ …………………………………………….. ๑๐.หวั ล้านไดห้ วี เป็น……………………………………………..

58 ช่อื ……………………………………………………………………..ช้นั …………………เลขท่ี……………. ใบงานท่ี ๓ เรือ่ ง แตง่ ประโยคคาสอนสุภาษิตพระร่วง คาชีแ้ จง : ให้นักเรียนเลอื กคาสอนในสุภาษิตพระร่วงที่สนใจ ๕ สานวนมาแต่งประโยค สานวนละ๑ ประโยค พรอ้ มบอกความหมายของสานวน ตัวอย่าง : นา่ เจบ็ ใจจรงิ ๆ โดนร้านค้าคแู่ ขง่ มาตีปลาหน้าไซ เพราะเขาป่าวประกาศบอกลกู คา้ ของ เราว่าสินค้าเรา ไม่ดี ตีปลาหนา้ ไซ หมายถึง พูดหรือกระทาการใด ๆ ที่ทาให้งานหรอื กิจการของผู้อืน่ ที่กาลงั ร่งุ เรืองไดร้ บั ความเสียหาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………

59 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓

60 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เร่ือง ภาษามพี ลัง เวลา ๗ ชวั่ โมง 1.มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้ีวดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน เรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี ประสิทธภิ าพ ตวั ช้วี ดั ท ๒.๑ ม.๑/๕ เขียนยอ่ ความจากเร่ืองทอี่ ่าน ท ๒.๑ ม.๑/๖ เขยี นแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับสาระจากสื่อท่ีไดร้ ับ ๒.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถอธบิ ายหลักการเขียนย่อความจากเร่ืองทอ่ี า่ นได้ - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลักการเขียนแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั สาระจากส่อื ทีไ่ ด้รบั ได้ ด้านทกั ษะ (P) - นักเรยี นสามารถเขียนย่อความจากเรื่องท่ีอ่าน (P) - นักเรยี นสามารถเขียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั สาระจากสือ่ ท่ีไดร้ ับได้ (P) ด้านจติ พสิ ัย (A) - นักเรยี นมคี วามต้งั ใจในการเขยี นย่อความจากเร่ืองที่อ่าน - นักเรียนเหน็ ความสาคญั ของการเขียนแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับสาระจากสือ่ ที่ไดร้ ับ

61 ๓.สาระสาคญั การเขียนย่อความ เป็นการเก็บใจความสาคัญของเร่ืองมาเรียบเรียงใหม่ ให้ส้ันกว่าเดิม แต่มี ใจความสาคญั ครบถ้วน โดยใชภ้ าษาของผู้ยอ่ ความ การเขียนแสดงความคิดเห็น หมายถึง การเขียนข้อมูล อนั เป็นขอ้ เทจ็ จรงิ กับการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องใดเรอ่ื งหน่งึ มกั ปรากฏในรปู ความของส่ือต่าง ๆ 4.สาระการเรียนรู้ 1.การเขียนย่อความจากเร่ืองที่อ่าน ๒.การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั สาระจากส่ือท่ไี ด้รับ 5.สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น  ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6.ทักษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L)  ทกั ษะการอ่าน (Reading) ทกั ษะการเขยี น (Writing) ทกั ษะการคิดคานวณ (Arithmetic)  ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and problem solving) ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทักษะดา้ นความรว่ มมอื การทางานเปน็ ทีม และภาวะผู้นา (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศ และร้เู ท่าทันส่ือ (Communication information and media literacy) ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (Computing) ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปลีย่ นแปลง (Change)  ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผูน้ า (Leadership)

62 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) - ใบงานเรือ่ งหลักการเขยี นย่อความ - ชน้ิ งานการเขยี นย่อความจากวรรณคดเี ร่ือง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา - ใบงานเรอื่ งหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นจากสือ่ - ช้ินงานเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสอื่ 8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ เรอ่ื ง การเขยี นย่อความ ชั่วโมงที่ ๑-๔ (ใช้รูปแบบการเรยี นรู้แบบ SQ4R) ขน้ั ท่ี ๑ S-Survey ๑.ครูกล่าวทักทายนกั เรยี น พร้อมบอกเรื่องทจ่ี ะเรยี นในวันนี้ ๒.ครใู หน้ ักเรียนอ่านวรรณคดเี รือ่ ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา จากหนังสือเรยี น วรรณคดวี จิ กั ษ์ ภายในเวลา ๕ นาที เพ่ือใหน้ กั เรียนมองเหน็ ภาพรวมจากเร่อื งท่ีอา่ น ๓.ครถู ามนกั เรียนวา่ วรรณคดเี ร่ือง ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา มเี นอื้ หาเกยี่ วกบั อะไร ขน้ั ท่ี ๒ Q-Question ๑.ครูให้นักเรียนหาคาตอบว่าวรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา มีข้อคิดเก่ียวกับ เรือ่ งใดบา้ ง ภายในเวลา ๑๕นาที ขน้ั ท่ี ๓ R-Read ๑.ครูสุ่มนักเรียนบอกคาตอบของตนเอง และให้นักเรียนที่เหลือจดคาตอบของเพ่ือนลงใน กระดาษ ๒.ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเนือ้ หาเรือ่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา ขน้ั ที่ ๔ R-Record ๑.ครทู บทวนเนื้อหาเรือ่ งราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา เพือ่ เช่อื มโยงเนอื้ หาเร่ืองต่อไป ๒.ครอู ธบิ ายหลักการเขยี นย่อความ ขั้นท่ี ๕ R-Recite ๑.ครูให้นักเรียนทาใบงานเรือ่ ง หลักในการเขียนยอ่ ความ

63 ขั้นที่ ๖ R-Reflect ๑.ครใู หน้ กั เรยี นเขยี นยอ่ ความจากเรอื่ ง ราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสา หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ เร่ือง การเขียนแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับสาระจากส่อื ช่ัวโมงที่ ๑-๓ (ใช้รูปแบบการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ ๕E) ข้นั ท่ี ๑ สร้างความสนใจ (Engagement) ๑.ครูกล่าวคาทักทายนักเรียน และสอบถามนักเรียนว่าการเขยี นมีความสาคัญอยา่ งไร ขั้นที่ ๒ สารวจและคน้ หา (Exploration) ๑.ครูให้นักเรียนอ่านสารวจและทาความเข้าใจเรื่องการเขียนในหนังสือเรียนหลักและการใช้ ภาษา ๒.ครูอธิบายความหมาย ความสาคัญ จุดมุ่งหมาย และมารยาทในการเขียนแสดงวามคิดเห็น และซักถามนกั เรียนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ ข้นั ท่ี ๓ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) ๑.ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ เร่ืองการเขยี นแสดงความคดิ เห็น ๒.ครใู หน้ กั เรียนทาใบงานเรื่องหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นจากสอ่ื ขน้ั ท่ี ๔ ขยายความรู้ (Elaboration) ๑. ครูให้นักเรียนหาบทความ บทบรรณาธิการ หรือคอลัมน์ต่างๆ ในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร เพ่ือนามาเขียนแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั สาระจากส่อื ต่าง ๆ ในชัว่ โมงต่อไป ขนั้ ที่ ๕ ประเมนิ (Evaluation) ๑.ครใู ห้นักเรียนทาชิ้นงานเรื่องการเขียนแสดงความคิดเห็น โดยนาสื่อท่ีนักเรียนหามาแปะลงใน ใบงานท่ีครูแจกให้ และเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากการส่อื 9. สือ่ การสอน ๙.1 ใบงาน/แบบฝึกหดั ๙.๒ หนงั สอื เรียนวรรณคดีวิจักษ์ ๙.๓ หนงั สือเรียนหลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย ๙.๔ ส่อื การเรียนการสอนประกอบการนาเสนอ power point 10. แหลง่ เรียนรใู้ นหรือนอกสถานท่ี - อนิ เทอร์เน็ต - บทความ คอลัมนต์ า่ งๆ ในหนงั สอื พิมพ์ นติ ยสาร วารสาร

64 11. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ วี ัดผล เครือ่ งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๑.นักเรียนสามารถอธิบายหลักการเขียน ตรวจใบงานท่ีหลักการ ใบงานหลักการเขียน ๙-๑๐ คะแนน = ดีมาก ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป ยอ่ ความจากเร่อื งทอี่ า่ นได้ เขยี นยอ่ ความ ย่อความ ๖-๘คะแนน = ดี ถอื วา่ ผา่ น ๕-๖คะแนน = พอใช้ ๐-๔คะแนน= ปรับปรุง 2.นักเรียนสามารถอธิบายหลักการเขียน ตรวจใบงานหลักการ ใบงานหลักการเขียน ๙-๑๐คะแนน = ดมี าก ระดบั พอใช้ข้ึนไป แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับสาระจากเรื่อง เขียนแสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเห็น ๗-๘คะแนน = ดี ถอื ว่าผา่ น ทไี่ ด้รบั ได้ จากสอื่ จากส่อื ๕-๖คะแนน = พอใช้ ๐-๔คะแนน= ปรับปรุง ๓. นักเรียนสามารถเขียนย่อความจาก ตรวจชน้ิ งานการเขยี น แบบประเมินชิ้นงาน ๙-๑๒คะแนน = ดีมาก ระดบั พอใชข้ ึ้นไป เร่อื งทอ่ี ่านได้ ยอ่ ความ การเขียนยอ่ ความ ๗-๘คะแนน = ดี ถอื ว่าผ่าน ๔-๖คะแนน = พอใช้ ๐-๓คะแนน= ปรับปรุง 4.นักเรียนสามารถเขียนแสดงความ ตรวจช้ินงานการเขียน แบบประเมินช้ินงาน ๙-๑๒คะแนน= ดีมาก ระดบั พอใช้ขึ้นไป คิดเหน็ เก่ยี วกับสาระจากสื่อทไี่ ด้รับได้ แสดงความคิดเห็นจาก การเขียนแสดงความ ๗-๘คะแนน= ดี ถือว่าผ่าน สื่อ คิดเหน็ จากสอ่ื ๔-๖คะแนน= พอใช้ ๐-๓คะแนน= ปรับปรุง 5.นักเรียนมีความตั้งใจในการเขียนย่อ สังเกตพฤติกรรมของ แ บ บ สั ง เ ก ต ๒-๓คะแนน= ดี ระดับพอใช้ข้ึนไป ความจากเรอ่ื งทีอ่ า่ น นั กเรี ยนในการท า พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง ๑คะแนน= พอใช้ ถือวา่ ผา่ น กจิ กรรม นักเรียนในการทา ๐คะแนน= ปรับปรงุ กจิ กรรม ๖.นักเรียนเห็นความสาคัญของการเขียน สังเกตพฤติกรรมของ แ บ บ สั ง เ ก ต ๒-๓คะแนน= ดี ระดบั พอใช้ขึน้ ไป แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั สาระจากส่อื ท่ี นั กเรี ยนในการท า พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง ๑คะแนน= พอใช้ ถือว่าผ่าน ไดร้ บั กจิ กรรม นักเรียนในการทา ๐คะแนน= ปรบั ปรุง กิจกรรม

65 แบบประเมนิ ผล ช้ินงานการเขียนย่อความ รายการประเมนิ ระดับการประเมิน เนอ้ื หา ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรับปรุง) การลาดับเร่อื ง หลกั เกณฑ์ทางภาษา ข้อมูลถูกต้องตรง ข้อมูลถูกต้องตรง ข้อมูลถูกต้องตรง ข้อมูลไม่ถูกต้องตรง ตามประเดน็ ตามประเด็ นแต่ ตามประเด็ นแต่ ตามประเดน็ รายละเอียดนอ้ ย รายละเอยี ดน้อยมาก ลาดับเหตุการณ์ ลาดับเหตุการณ์ ลาดับเหตุการณ์ไม่ ไม่ มี การล าดั บ สมเหตสุ มผล สับสนบ้างแต่ยัง สมเหตุสมผล เหตุการณ์ สามารถเขา้ ใจได้ ใช้ภาษาถูกต้องตาม ใช้ภาษาถูกต้องตาม ใช้ภาษาถูกต้องตาม ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง หลั กและการใช้ หลกั ภาษาบางคา หลักภาษาแต่สื่ อ ตามหลักและการใช้ ภาษาทุกคา ความไมไ่ ด้ ภาษา เกณฑ์การประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนน ๙-๑๒ ดี ๗-๘ ๔-๖ พอใช้ ๐-๓ ปรับปรงุ

66 แบบประเมนิ ผล ช้นิ งานการเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากส่ือ รายการประเมนิ ระดบั การประเมนิ เนอ้ื หา ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรงุ ) การลาดบั เรอื่ ง หลักเกณฑ์ทางภาษา ข้อมูลถูกต้องตรง ข้อมูลถูกต้องตรง ข้อมูลถูกต้องตรง ข้อมูลไม่ถูกต้องตรง ตามประเด็น ตามประเด็ นแต่ ตามประเด็ นแต่ ตามประเดน็ รายละเอยี ดน้อย รายละเอียดน้อยมาก ลาดับเหตุการณ์ ลาดับเหตุการณ์ ลาดับเหตุการณ์ไม่ ไม่ มี การล าดั บ สมเหตสุ มผล สับสนบ้างแต่ยัง สมเหตุสมผล เหตกุ ารณ์ สามารถเขา้ ใจได้ ใช้ภาษาถูกต้องตาม ใช้ภาษาถูกต้องตาม ใช้ภาษาถูกต้องตาม ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง หลั กและการใช้ หลักภาษาบางคา หลักภาษาแต่ส่ือ ตามหลักและการใช้ ภาษาทกุ คา ความไมไ่ ด้ ภาษา เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนน ๙-๑๒ ดี ๗-๘ ๔-๖ พอใช้ ๐-๓ ปรบั ปรงุ

67 แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล คาช้ีแจง : ให้ทาเคร่ืองหมาย  ลงในช่องรายการสังเกตพฤตกิ รรมทีน่ ักเรียนปฏบิ ัติ รายการ ใหค้ วาม สรปุ ผลการ ประเมิน เลขท่ี ชอื่ -สกุล ร่วมมอื ใน มีความกลา้ ตรงตอ่ เวลา การทา แสดงออก กิจกรรม ๐ ๑ ๐ ๑ ๐ ๑ ผา่ น ไม่ ผา่ น ลงช่อื …………………………………………ผปู้ ระเมนิ (………………………………………….) ……../………./……..

68 12. กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ 13. บันทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรียนการสอน นักเรียนทัง้ หมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนกั เรยี นทผี่ ่าน จานวนนักเรียนทไี่ ม่ผ่าน ขอ้ ท่ี จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ 14. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ......................................... .......................................................................................... ............................................................................ ............................................................................................................................. ......................................... ........................................................................................................................................... ...........................

69 15. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ลงช่ือ........................................................................ () ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ....................................... ลงชอ่ื ................................................................ หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ () ลงช่อื .......................................................... รองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ () ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ได้ทาการตรวจแผนการเรียนรู้ของ.........................................................................แล้วมคี วามคดิ เห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผอู้ านวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..

70 ชื่อ…………………………………………………………………ชั้น………………..เลขที่……………. ใบงานการเขียนย่อความ คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง ๑.การเขยี นย่อความหมายถึงอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒.หลกั การย่อความมีหลกั ปฏิบตั อิ ย่างไร จงอธิบาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓.การเขยี นย่อความไมใ่ ชก่ ารตัดต่อข้อความ นกั เรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………

71 ชื่อ…………………………………………………………………ชัน้ ………………..เลขที่……………. การเขียนยอ่ ความ คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเขยี นย่อความจากเรื่อง ราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสา …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………

72 ช่ือ…………………………………………………………………ชน้ั ………………..เลขที่……………. ใบงานเรื่องหลกั การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากสอ่ื คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง ๑.การเขยี นแสดงความคดิ เห็นหมายถึงอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒.หลักในการเขียนแสดงความคดิ เห็นมอี ะไรบา้ ง จงอธบิ าย …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓.การเขียนแสดงความคดิ เห็นเชิงสร้างสรรค์มลี กั ษณะอย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔.การเขยี นแสดงความคิดเห็นควรเสนอแนะแนวทางแก้ไขด้วยหรอื ไม่ อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………

73 ชือ่ …………………………………………………………………ช้ัน………………..เลขที่……………. คาช้ีแจง : จงเขยี นแสดงความคิดเห็นจากส่อื ท่นี กั เรียนหามา แปะรปู …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………

74