E-Book ศูนย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนชลบุรี จดั ทำโดย นำงสำวนุชจรีย์ อปุ สยั นกั ทรัพยำกรบุคคล
นยิ ามการจัดการความรู้ “การจัดการความรู้” เป็นกระบวนการในการนาความรู้ที่มอี ยู่หรือเรยี นรมู้ าใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอ่ องค์กร โดยผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การค้นหา รวบรวม สร้าง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและใชค้ วามรู้ เพ่ือต่อยอดในการทางานให้เกิดผลสมั ฤทธ์ิดีขึ้นกว่าเดมิ โดยการคน้ หาความรู้ ความชานาญทีแ่ ฝงเร้นอยู่ในตัว คน สร้างเป็นความรใู้ หม่ใหง้ ่ายต่อการใช้ประโยชน์ มีการต่อยอดใหเ้ กิดสิง่ ใหม่หรอื นวตั กรรมปรับให้เหมาะสม กบั สภาพความเปน็ จริง ซ่ึงเราสามารถใช้การจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือเพอ่ื การบรรลเุ ป้าหมายอย่างนอ้ ย 4 ประการ ดังน้ี 1. บรรลุเป้าหมายการพฒั นาคน 2. บรรลเุ ปา้ หมายการพฒั นางาน 3. บรรลเุ ปา้ หมายการพฒั นาองค์กร 4. บรรลุเปา้ หมายการพฒั นาสังคม และชมุ ชน
บทบาทหน้าทีศ่ นู ยศ์ กึ ษาและพัฒนาชมุ ชนชลบรุ ี ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนชลบุรี มีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบเก่ียวกับการฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร กรมการพัฒนาชุมชน ผู้นาองค์กร เครือข่าย ภาคี และภาคประชาชน โดยทาหน้าท่ีในการฝึกอบรม บริหาร กระบวนการฝึกอบรม จัดกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาสื่อ และชุดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้รับบริการ ให้ได้ ตามเกณฑ์มาตรฐานการฝึกอบรม : Top Training ดังน้ันจึงมีความจาเป็นในการออกแบบ และวางแผน รายละเอียดขั้นตอน/กระบวนการฝึกอบรมที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นแนวทางในการนาไป ปฏิบัติงานของบุคลากรให้เป็นนักฝึกอบรมมืออาชีพ และสนับสนุนการดาเนินงานที่เชื่อมโยงกับบทบาทและ ภารกิจหลักของหน่วยงานใน 3 ด้าน คือ มาตรฐานการดาเนินการฝึกอบรม : Top Training มาตรฐานนัก ทรัพยากรบุคคล : Talent Trainer และมาตรฐานการให้บริการ : Better Touch Point โดยมีเป้าหมายเพื่อ เป็นแนวทางในการนาไปปฏิบัติงานการฝึกอบรมและการให้บริการด้านต่างๆเกิดประสิทธิภาพสูงบรรลุ วิสยั ทัศน์องคก์ ร คือ “องค์กรทเี่ ป็นเลิศ บริการดีเยี่ยม”
ทมี่ าและความสาคัญในการจัดทาองคค์ วามรู้ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนชลบุรีได้จัดเวทีเพื่อค้นหา/บ่งช้ีความรู้ที่จาเป็นในการปฏิบัติงานของ บุคลากรและองค์กรร่วมกันโดยการวิเคราะห์ผลการดาเนินงานที่ผ่านมาของศูนย์ศกึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี และยุทธศาสตรอ์ งค์กร โดยใชห้ ลกั การ นั่นคือ 1 วิสยั ทศั น์ 3 พนั ธกจิ และ 3 เปา้ ประสงค์ ดงั นี้ : องค์กรท่เี ปน็ เลศิ บรกิ ารดเี ย่ยี ม ๑) พัฒนาสมรรถนะบคุ ลากรให้สามารถปฏบิ ตั ิงานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ๒) ศึกษาวเิ คราะห์วจิ ยั จัดการความรู้งานพัฒนาชุมชนเฉพาะพน้ื ท่ีและนาผลการศึกษาไปปฏิบตั ิได้ ๓) พัฒนา ศนู ยศ์ ึกษาและพัฒนาชมุ ชนใหเ้ ป็นศนู ยฝ์ ึกอบรมประชาชนภายใตก้ ารบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล ๑) บุคลากรของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชมุ ชนสามารถให้บริการด้านวิชาการได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ๒) ผลงานวิจัย/การจัดการความรู้สามารถนาไปใช้ในการพัฒนาชุมชนได้อย่างสอดคล้องกับ สถานการณ์และภูมิสังคม ๓) ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจในคุณภาพและการให้บริการภายใต้การบริหาร จัดการตามหลักธรรมาภิบาล ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนชลบุรีจึงได้จัดทาองค์ความรู้เก่ียวกับข้ันตอน/ กระบวนการฝึกอบรมท่ีมีประสิทธิภาพ The Training Process ในชื่อชดุ ความรู้ “นักบริหารงานฝึกอบรมมือ อาชีพ”ข้ึนเพ่ือสนับสนุนการดาเนินงานท่ีเช่ือมโยงกับบทบาทและภารกิจหลักของหน่วยงานใน 3 ด้าน คือ มาตรฐานการดาเนินการฝึกอบรม : Top Training มาตรฐานนักทรัพยากรบุคคล : Talent Trainer และ มาตรฐานการให้บริการ : Better Touch Point โดยมเี ป้าหมายเพื่อเป็นแนวทางในการนาไปปฏิบัตงิ านการฝกึ อบรมและการให้บริการด้านต่างๆเกิด ประสทิ ธภิ าพสงู บรรลุวิสัยทศั นอ์ งคก์ ร คือ “องค์กรทีเ่ ป็นเลิศ บรกิ ารดเี ยย่ี ม” ต่อไป
การท่ีเราจะเปน็ “นกั บรหิ ารงานฝกึ อบรมมอื อาชีพ” ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพน้ัน จาเป็นทีจ่ ะต้องรู้ ขนั้ ตอน/รายละเอียดของงานใหช้ ดั เจนตามลาดับเหตกุ ารณ์ก่อน-หลังเปน็ ระบบ ดงั นั้นศนู ย์ศกึ ษาและพฒั นา ชมุ ชนชลบุรีจึงไดจ้ ดั ทาองค์ความรู้เกย่ี วกบั ขั้นตอน/กระบวนการฝกึ อบรมท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ The Training Process เพอ่ื ใหเ้ จ้าหน้าท่ีหรือบุคลากรด้านการฝึกอบรมทกุ คนนาความรไู้ ปประโยชน์ในการปฏบิ ตั ิงาน ในชอ่ื ชดุ ความรู้ “นกั บริหารงานฝึกอบรมมืออาชีพ” โดยมีข้ันตอนเทคนิค/วิธกี ารในการปฏิบตั ิงาน ดังนี้ 1. ค้นหาและวิเคราะห์ความตอ้ งการในการฝกึ อบรม training needs วิธกี ารทใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์หา ความจาเป็นในการฝกึ อบรมกม็ ีหลากหลายวิธกี ารท่สี ามารถนามาใช้ได้ เช่น การสารวจ การสงั เกต การสอบถาม แบบสอบถาม การทดสอบ และการประชมุ ฯลฯ 2. กาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องหลักสูตรการฝกึ อบรมให้สอดคลอ้ งกับ training needs 3. การสร้างและออกแบบหลกั สตู รการฝกึ อบรม ประกอบด้วย หัวข้อรายวิชา วัตถุประสงค์ของวิชา ขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลา เทคนิค/วิธีการ ฝึกอบรม สื่อการฝกึ อบรม ตารางการฝึกอบรม แผนการสอน และการจดั การเรยี นรู้ 4. การจัดเวทียกร่างหลักสตู ร 5. การจัดเวทีวิพากษ์หลักสูตร ถือเป็นขั้นตอนท่ีสาคัญไม่น้อยไปกว่า ๒ ขั้นตอนข้างต้น ซ่ึงข้ันตอน การวิพากษ์หลักสูตรเป็นข้นั ท่ีนาหลักสูตรทยี่ กร่างเรยี บร้อยแล้วมานาเสนอให้ผู้มีประสบการณ์จากหน่วยงาน ภาครัฐหรือภาคเอกชน วิพากษแ์ ละให้ข้อเสนอแนะ เพื่อนาขอ้ วพิ ากษม์ าปรับปรงุ หลกั สตู ร 6. การทดลองหลักสตู ร 7. การประเมินผลการใชห้ ลักสตู ร
การบริหารโครงการฝึกอบรม ผู้จัดการโครงการ/ผู้รับผิดชอบโครงการมีหน้าที่ในการแจงรายละเอียดของงานทั้งหมด เพราะยง่ิ สามารถแจกแจงได้ละเอียดเท่าไรกจ็ ะช่วยให้การวางแผนจัดการ กระจายงาน และกากับติดตามงาน ได้ดดี ้วย การแจกแจงงานจึงต้องละเอยี ดเป็นลาดับข้ันตอนก่อน-หลัง งานใดที่สามารถดาเนินการไปพร้อมกัน ได้ และงานใดจาเปน็ ต้องรอใหง้ านอ่ืนเสร็จเรียบร้อยก่อนจงึ ดาเนินการได้ เพ่ือให้การปฏิบัติงานเรียบร้อยและ ราบร่ืน บุคลากรทุกคนในหน่วยงานจะต้องมีความเข้าใจกระบวนงานอย่างชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึง่ การดาเนนิ งานการฝึกอบรมสามารถแบ่งงานออกเป็น 3 ขนั้ ตอน ดงั นี้ ขั้นตอนเตรยี มการก่อนการฝึกอบรม ขนั้ ตอนดาเนินงานระหว่างการฝกึ อบรม ขัน้ ตอนดาเนนิ งานหลงั เสร็จส้นิ การฝกึ อบรม
ข้ันตอนเตรียมการกอ่ นการฝกึ อบรม 1. พจิ ารณารายละเอียดโครงการ กาหนดวันเวลา/งบประมาณ/สถานที่/ 2. ขออนุมตั ิโครงการ กาหนดการ/ตารางการฝึกอบรม/งบประมาณ 3. ประชุมช้แี จงทาความเข้าใจรว่ มกันของเจ้าหน้าทแี่ ละทมี งานทกุ คนจัดทาคาสัง่ มอบหมาย งานประกอบด้วย 1. คาส่งั แตง่ ตง้ั คณะทางาน 2. คาสั่งแต่งตั้งผบู้ ริหาร ผู้จัดการ เจา้ หน้าท่ี วิทยากรวิชาหลัก/วทิ ยากรวชิ าเสรมิ และ วทิ ยากรกลมุ่ 3. คาส่ังแตง่ ต้งั วิทยากรผูร้ บั ผิดชอบเวรประจาวัน โครงการ เพอ่ื ให้เกดิ ความชดั เจนในการปฏิบัตงิ าน 4. ทาหนังสือยมื เงินทดรองราชการเพอ่ื เปน็ คา่ ใช้จ่ายในการฝึกอบรม กรณยี มื เงินโครงการ สัญญายืมเงนิ 2 ฉบับ ประมาณการยมื เงนิ ราชการ เซ็นชอื่ กากบั ทา้ ยยอดรวม จานวน 2 ฉบบั สาเนาโครงการ รบั รองสาเนาถูกต้องทุกฉบับ กาหนดการ รบั รองสาเนาถกู ต้องทุกฉบับ รายช่อื เจ้าหน้าท่ีโครงการ รบั รองสาเนาถูกตอ้ งทุกฉบบั สาเนาขออนมุ ตั ิดาเนนิ โครงการ รบั รองสาเนาถูกตอ้ งทุกฉบบั ] กรณยี ืมเงินไปราชการ สัญญายืมเงนิ 2 ฉบบั ประมาณการคา่ ใช้จ่าย เซ็นชอ่ื กากับท้ายยอดรวม จานวน 2 ฉบบั ขออนญุ าตไปราชการ
5. สรรหาวทิ ยากร -วเิ คราะห์/สรรหา -ประสานงาน -หนงั สือเชญิ -แบบประวัติ -ใบค่าตอบแทน -จัดรถรับ-สง่ 6. เตรียมสถานที่ให้บริการฝกึ อบรม -ห้องอบรม -โสตทัศนปู กรณ์ -หอ้ งพัก -โรงอาหาร -หอ้ งออกกาลังกาย -ภูมิทศั น์ ฯลฯ 7. การจัดห้องประชุมในรปู แบบที่เหมาะสม และเพียงพอกบั จานวนผู้เขา้ อบรม หรอื จัดตาม รูปแบบการเรียนร้/ู ตามท่วี ิทยากรตอ้ งการ 1. การจดั หอ้ งประชมุ แบบเธียเตอร์ (Theater Style) เป็นการจดั ห้องประชุมทย่ี ดึ รูปแบบมาจากโรงหนงั หรือโรงละครเวทีการจัดหอ้ งประชุมแบบเธียเตอรน์ ้เี หมาะ สาหรบั : การประชมุ ทีม่ ีประธาน หรอื ผ้พู ดู เพยี งคนเดยี ว และมเี ข้าร่วมฟังเป็นจานวนมาก ลักษณะการจัด คอื จัดใหเ้ ก้าอ้ีทุกตัวหนั หนา้ ไปทางเวที ทางผ้พู ดู ทงั้ หมด โดยไมต่ ้องมโี ต๊ะ มงุ่ เน้นใหผ้ ู้พูดเปน็ จดุ สนใจเพยี งจุด เดยี วของผูเ้ ข้าร่วมประชมุ 2. การจดั หอ้ งประชุมแบบเกา้ อี้วงกลม (Circle Style) ยังคงอยู่กบั รูปแบบการจดั หอ้ งประชุมประเภทท่ไี ม่ตอ้ งใช้โตะ๊ การจดั หอ้ งประชุมน้ีเราจะใช้เก้าอีเ้ พียงอย่าง เดยี วเท่านัน้ การจัดหอ้ งประชุมแบบเกา้ อว้ี งกลมนี้เหมาะสาหรับ: กิจกรรมตา่ งๆ ทีไ่ ม่เป็นทางการนัก เช่น กิจกรรมค่ายเยาวชน การเวิร์กชอ้ ป การประชุมงานกลมุ่ ลกั ษณะการจดั คือ การจดั วางเก้าอ้ตี อ่ ๆ กนั เปน็ วงกลม เวน้ พืน้ ท่ตี รงกลางไว้สาหรบั ประธาน หรอื ผดู้ าเนินการประชมุ เดินได้สะดวกเพอ่ื เข้าให้คาปรึกษาราย กลุ่ม
3. การจัดห้องประชุมแบบหอ้ งเรียน (Classroom Style) การจัดห้องประชุมแบบหอ้ งเรียนนเ้ี หมาะสาหรับ: การประชมุ ท่ีผ้เู ข้ารว่ มประชุมจะต้องมีโตะ๊ เพ่ือวางอุปกรณ์ และสาหรับการจดบนั ทึก ลักษณะการจัด คือ จัดเตรียมโตะ๊ และเกา้ อีข้ องผู้เข้ารว่ มประชมุ หันหน้าเขา้ หาเวที จอภาพ หรือทที่ ี่ผ้พู ูดใชย้ นื บรรยาย อาจตกแตง่ โตะ๊ ดว้ ยผา้ คลุมโต๊ะและเกา้ อ้เี พอื่ ความเรยี บร้อยและสวยงาม 4. การจดั หอ้ งประชมุ แบบบอร์ดรูม (Boardroom Style) การจดั ห้องประชุมแบบบอรด์ รมู น้ีเหมาะสาหรับ: การประชุมที่ผ้เู ขา้ รวมประชุมต้องปรึกษาหารือและระดม ความคิด ลกั ษณะการจดั คอื การจัดให้มโี ต๊ะสเี่ หลยี่ มขนาดใหญ่กลางห้องแลว้ นาเกา้ อมี้ าจดั วางล้อมรอบโต๊ะ เหมาะ สาหรับการประชมุ ท่ตี ้องระดมความคิด ปรึกษาหารอื กัน ผเู้ ขา้ ร่วมประชมุ จะได้สามารถส่อื สารกันไดอ้ ยา่ ง สะดวก และไดเ้ ห็นสหี น้าท่าทขี องผ้เู ข้าร่วมประชมุ คนอื่นๆ ได้อยา่ งชัดเจน
5. การจดั ห้องประชมุ แบบโตะ๊ กลมวงปิด (Banquet Style) การจัดห้องประชุมแบบโต๊ะกลมวงปดิ เหมาะสาหรบั : งานท่ีต้องการใหผ้ เู้ ข้ารว่ มได้มกี ารพดู คุยสนทนากนั ได้ อย่างสะดวก มกี ารแบง่ กลุ่มแบ่งโตะ๊ กันอย่างชัดเจน ลกั ษณะการจดั คือ การจัดหอ้ งประชุมโดยใช้โต๊ะกลมวงปดิ จัดทนี่ ่ังใหห้ น่ึงโตะ๊ สามารถน่งั ได้ 6-10 คน ซ่ึง 8 คนกาลังดี หรือท่เี ราชอบเรยี กกนั วา่ โตะ๊ จีนนัน่ เอง ทง้ั น้กี ็เพราะว่าการจดั โตะ๊ แบบนนี้ ยิ มมากในงานจัดเลย้ี ง เช่น งานแตง่ งานทาบญุ ขึน้ บ้านใหม่ งานบวช ฯลฯ 6. การจดั หอ้ งประชมุ แบบโต๊ะกลมวงเปดิ (Cabaret Style) การจดั ห้องประชุมแบบโตะ๊ กลมวงเปดิ เหมาะสาหรับ: งานที่ต้องการให้ผู้เข้ารว่ มไดม้ ีการพดู คยุ สนทนากันได้ อยา่ งสะดวก (สว่ นตัวภายในโตะ๊ เทา่ น้นั ) พร้อมๆ กบั ที่ตอ้ งการใหผ้ ู้เข้ารว่ มสามารถมองเหน็ เวทไี ดส้ ะดวกมาก ขน้ึ ลักษณะการจัด คอื การจดั เหมือนการจดั หอ้ งประชมุ แบบโต๊ะกลมวงปดิ แทบทกุ อยา่ งเพยี งแตจ่ ดั ให้เหลือเกา้ อ้ี 4-5 ตัวตอ่ โตะ๊ หนงึ่ ตวั เท่านน้ั เพอื่ ไมใ่ หผ้ ู้เขา้ รว่ มการประชุมตอ้ งน่งั หนั หลังให้เวที หรอื จอภาพท่ีทาใหผ้ ู้เขา้ ร่วม ประชมุ ตอ้ งคอยหนั ตัว คอยเอีย้ วคอมองจนเกิดความลาบากต่อผูเ้ ข้ารว่ มงาน และยังไมต่ อ้ งคอยกงั วลเร่อื ง ระยะหา่ งของโตะ๊ เทา่ กบั การจดั แบบโต๊ะกลมวงปิดอกี ด้วย ผ้เู ข้าร่วมประชุมสามารถนงั่ ได้อย่างสบายไมร่ สู้ กึ อึด
7. การจดั หอ้ งประชมุ U shape (U-Shape Style) การจัดห้องประชุม U shape เหมาะสาหรบั : วทิ ยากรหรือผบู้ รรยายต้องการใกล้ชดิ ผู้ฟัง สามารถเดินเขา้ ไป หาผู้ฟงั ได้งา่ ย ลกั ษณะการจดั คอื การจัดวางโต๊ะให้มลี ักษณะเป็นตัว U เวน้ ทีว่ ่างบรเิ วณดา้ นหน้าไวส้ าหรับผพู้ ดู ผู้บรรยาย อาจมกี ารจดั ซ้อนแถวใหเ้ ปน็ ตัวยู 2 ตวั ซ้อนกนั ในกรณที ่ีมีผเู้ ข้าร่วมประชุมเปน็ จานวนมาก แตก่ ไ็ มค่ วรเกิน มากไปกว่านี้เพราะจะเปลอื งพืน้ ที่ และทาใหผ้ ู้บรรยายไม่สามารถบรรยายไดอ้ ย่างทั่วถึง รวมทัง้ อาจเกิดปญั หา การมองไม่เหน็ ของผู้เข้าร่วมประชุมทอ่ี ยแู่ ถวหลงั 8. ทาหนังสือแจง้ จงั หวดั ทเ่ี กย่ี วข้องเพอ่ื ประสานกลุ่มเปา้ หมาย 9. การวางแผนกาหนดรปู แบบพิธีเปิด – ปิดการฝึกอบรม 10. กาหนดรปู แบบกจิ กรรมระหวา่ งการฝึกอบรมตลอดโครงการ 11. จดั ทาเอกสารประกอบการฝึกอบรม 12. เตรียมใบประกาศนียบัตรตามรายชอ่ื ผู้เข้ารับการฝกึ อบรม (ถ้าม)ี และขอแสกนลายมือ อธบิ ดลี งนามในใบประกาศฯ 13. เตรยี มผูด้ าเนนิ รายการ พิธกี ร/รูปแบบพิธีการ 14. เตรยี มกลอ้ งบนั ทกึ ภาพ/ภาพเคล่อื นไหว 15. ทาใบลงชือ่ ลงทะเบยี นผู้เขา้ อบรม/เอกสารการรับค่าพาหนะของผเู้ ข้าอบรม (ถ้ามี) 16. ทาแบบประเมนิ ผลรายวชิ า/ประเมินผลโครงการ และแบบทดสอบกอ่ น-หลังการอบรม 17. เตรียมเอกสารใบสาคัญรบั เงินคา่ วทิ ยากร 18. เตรยี มกิจกรรมกลุ่มสมั พนั ธ์ 19. จดั เตรยี มวัสดุอปุ กรณส์ ิง่ เบ็ดเตล็ดตา่ ง ๆ ประกอบการฝึกอบรมรายวชิ า และสาหรบั การ ฝกึ อบรมตลอดหลักสูตร 20. ประสานทีศ่ กึ ษาดงู าน/อาหาร/ทพ่ี ัก (กรณมี ีการศึกษาดงู านนอกสถานท่ีและมกี ารพั ค้างนอกศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนชลบุร)ี 21. ประสานผ้รู บั จ้างประกอบอาหาร 22. เตรียมชดุ ยาสามญั พร้อมเคร่ืองวัดความดัน
23. เตรียมห้องพยาบาล ห้องสมุด หอ้ งออกกาลังกาย ห้องละมาด (กรณีมีผู้นับถอื ศาสนา อสิ ลาม) 24. เตรียมจักรยาน 25. เชค็ ความพร้อมการให้บรกิ าร FIWI 26. จัดทาป้ายชอ่ื วทิ ยากร สาหรับต้งั โตะ๊ บรรยาย 27. จดั ทาปา้ ยชือ่ โครงการฝกึ อบรม หน้าเวทีห้องฝึกอบรม 28. เตรียมกระเป๋าพร้อมใส่สมดุ /ปากกา/เอกสาร/ปา้ ยช่ือผู้เข้าอบรม (กรณีโครงการมวี ัสดุ ดงั กล่าว) 29. จดั ทาคาส่งั เพอ่ื มอบหมายงาน จานวน 3 คาสงั่ ประกอบด้วย 1. คาส่งั แตง่ ต้ังคณะทางาน 2. คาส่ังแต่งต้ังผู้บริหาร ผู้จัดการ เจ้าหน้าท่ี วิทยากรวิชาหลัก/วิทยากรวิชาเสริม วิทยากรกลมุ่ (ถ้าม)ี 3. คาสั่งแต่งตั้งวิทยากรผู้รับผิดชอบเวรประจาวัน โครงการ เพ่ือให้เกิดความชัดเจนในการ ปฏิบัติงาน พร้อมท้ังติดประกาศให้ทราบโดยท่ัวกันเพ่ือให้ทุกคนรู้ว่าจะต้องปฏิบัติหน้าท่ีอย่างไร ในวันไหน และทาอยา่ งไรบ้างในการทาหน้าทีว่ ทิ ยากรเวรประจาวนั เพ่ือใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพในการดาเนินงานโครงการฯ 30. ประชมุ คณะทางานทกุ คณะฯเพื่อเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นดาเนินโครงการฯอยา่ งนอ้ ย 2 ครั้ง
ข้ันตอนดาเนนิ งานระหว่างการฝึกอบรม 1. สารวจความพรอ้ มกอ่ นการฝึกอบรม หอ้ งอบรม/วสั ดอุ ปุ กรณ์ในการฝึกอบรม/โสตทศั นูปกรณ์/หอ้ งพกั /โรงอาหาร 2. รับลงทะเบียน ลงทะเบียน รบั เอกสารประกอบการฝกึ อบรบ รับกุญแจหอ้ งพกั เบอรเ์ ตียงพรอ้ ม นากระเปา๋ ส่งทีห่ อพกั (กรณีมีการพกั คา้ งคนื ) 3. ตอ้ นรับและอานวยความสะดวก ประธาน/วทิ ยากร/ผ้เู ข้ารว่ มอบรม 4. การปฐมนิเทศโครงการฯ ทักทาย ช้ีแจงวัตถปุ ระสงค์รายละเอียดโครงการฝึกอบรม กจิ กรรม กาหนดการ การเขา้ ที่พัก อาคารสถานที่ ห้องอาหาร หอ้ งอบรม ห้องออกกาลังกาย กฏกิ าการอยูร่ ่วมกัน 5. พธิ ีเปดิ ตอ้ นรับประธาน คากล่าวรายงานตอ่ ประธาน คากลา่ วเปดิ ของประธาน 6. บันทกึ ภาพนิ่ง/เคลอ่ื นไหว ชว่ งมีการอบรมหรอื กจิ กรรมต่างๆระหวา่ งวนั 7. ควบคุมดูแลกระบวนการระหว่างการฝึกอบรมให้เปน็ ไปด้วยความเรยี บรอ้ ย เช่น การดแู ล กระบวนการเรียนรูร้ ายวิชา/กจิ กรรมนนั ทนาการในแต่ละชว่ งเวลา และกิจกรรมเสรมิ หลกั สูตรต่างๆ ฯลฯ 8. กลา่ วแนะนา และขอบคุณวิทยากรตามรายวิชา 8. บริการและอานวยความสะดวกในระหวา่ งการฝึกอบรม หากผู้เขา้ อบรมปว่ ยหรือไมส่ บาย กจ็ ะใหน้ อกพกั ที่หอ้ งพยาบาล หรอื นาสง่ โรงพยาบาลโดยรถยนต์ของศนู ยศ์ กึ ษาและพัฒนาชุมชนชลบรุ ี 9. ดูแลความพร้อมของอาหาร/อาหารวา่ ง และเคร่ืองด่ืม 10. ประสานสถานท่ีดูงานเกี่ยวกับค่าใช่จ่ายเกยี่ วค่าตอบแทนวิทยากร/ค่าทพ่ี ัก/อาหาร (กรณมี กี ารดูงานนอกสถานที่) 11. จา่ ยเงินคา่ ตอบแทนวิทยากร
12. ประชุมคณะทางานเพ่อื ทบทวนผลการดาเนินงานประจาวนั ด้วยเครอ่ื งมอื ทบทวนหลัง การปฏิบตั ิงาน AAR (After Action Review) เพ่ือหาแนวทางแกไ้ ขปัญหา/อปุ สรรค 13. การประเมินผลโครงการ 14. ฉายวดี ที ัศน์กระบวนการฝกึ อบรมพร้อมแจกแผน่ วดี ีทศั นใ์ ห้ผ้เู ข้าอบรม 15. มอบประกาศนยี บตั รแก่ผผู้ ่านการอบรม (ถ้าม)ี 16. พิธีปดิ การฝกึ อบรม ตอ้ นรบั ประธาน คากล่าวรายงานตอ่ ประธาน คากลา่ วปิดของประธาน 17. บันทึกภาพรว่ มกนั เพื่อเป็นท่ีระลกึ 18. จา่ ยค่าพาหนะผู้เข้ารบั การฝกึ อบรม 19. บรกิ ารขนสมั ภาระของผเู้ ข้าอบรมส่งที่จอดรถ 20. บรกิ ารสง่ กลุ่มเป้าหมายขนึ้ รถเพ่ือเดินทางกลับตามจดุ ตา่ งๆ (กรณีกลุ่มเป้าหมาย เดนิ ทางด้วยรถประจาทาง)
ข้นั ตอนดาเนนิ งานหลังเสร็จส้นิ การฝกึ อบรม 1. เก็บวัสด/ุ อุปกรณ์ต่างๆหลงั เสร็จสิ้นกระบวนการฝกึ อบรมให้เรียบรอ้ ย 2. สง่ หลกั ฐานใบสาคัญ เพือ่ ชดใชเ้ งินยืมราชการ (ค่าใชจ้ ่ายในโครงการฝกึ อบรม) 3. วเิ คราะห์ขอ้ มูลการประเมินผลโครงการ/การประเมินผลรายวชิ าดว้ ยโปรแกรม SPSS for Window เพื่อหาค่าความถ่ี ค่าร้อยละ และคา่ เฉล่ียของการประเมนิ ผลฯ 4. จัดทาเอกสารรายงานผลการดาเนินงานโครงการฝึกอบรมฯ 5. นาผลการประเมนิ โครงการฯ รายงานในการประชมุ ประจาเดอื นของหนว่ ยงาน เพื่อแจง้ ให้ ทกุ คน รผู้ ลการประเมิน/ระดับความพงึ พอใจแต่ละดา้ นของการบริหารงานโครงการฯ 6. เผยแพร่และประชาสัมพนั ธผ์ ลการดาเนินงานโครงการฯทางเว็บไซต์ของหนว่ ยงาน และ ส่อื ช่องทางตา่ งๆ 7. การติดตามและประเมนิ ผลโครงการ (Monitoring and Evaluation) เป็นข้นั ตอนที่มี ความสาคญั มากในการดาเนินงานโครงการฯเพราะเปน็ เคร่ืองมือที่จะช่วยให้ผ้บู ริหารโครงการ/ผจู้ ดั การ โครงการทราบถงึ ผลสาเร็จของโครงการว่าเป็นไปตามวตั ถุประสงคห์ รอื ไม่ มปี ญั หาอุปสรรคท่ีเกดิ ข้ึนจริง หลังจากนาความรทู้ ่ีไดร้ บั ไปปฏบิ ัติจริงในพ้นื ท่ี ซ่งึ การติดตามประเมินผลโครงการฯจะดาเนนิ การหลังจากเสร็จ สน้ิ โครงการฝึกอบรมแล้ว 8. นาข้อมลู ที่ได้รับจากการติดตามและประเมินผลมาใชใ้ นการพัฒนา แกไ้ ขปญั หาอปุ สรรค ในการดาเนนิ งานในครง้ั ต่อไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: