ประวัติวันอัฏฐมีบูชา วันอัฏฐมีบูชา ตรงกับ วันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 คือ วันถวายพระเพลิง พระพุทธ สรีระของพระพุทธเจ้า หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน เมื่อพระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว 8 วัน มัลลกษัตริย์แห่งนครกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมี พระมหากัสสปเถระ เป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวาย พระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดี แห่งกรุงกุสินารา วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ชาว พุทธต้องมีความสังเวชสลดใจ และโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่ง พระพุทธสรีระ ห้องสมุดประชาชนอำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย
พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ วักุสินารา เป็น สังเวชนียสถานที่สำคัญ 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน ซึ่งตั้งอยู่ใน รัฐอุตระประเทศ ประเทศอินเดีย ที่นี่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นสถานที่เสด็จ ดับขันธปรินิพพาน ในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินารา ตั้งอยู่ในแคว้นมัลละ และสถาน ที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์ อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุ สินารา ชื่อว่า อุปวัตตนะสาลวัน ซึ่งในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สาลว- โนทยาน แปลว่า สวนป่าไม้สาละ ในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินารา ตั้งอยู่ในแคว้นมัลละ และสถานที่ปรินิพพาน ของพระพุทธองค์ อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา ชื่อว่า อุปวัตตนะสาลวัน ซึ่งในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สาลวโนทยาน แปลว่า สวนป่าไม้สาละ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จน หมดผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วย ดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า 4 คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจทำให้ไฟ ติดได้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย
พระอนุรุทธะ พระเถระ แจ้งว่า \"เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอ พระมหา กัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ 500 รูป ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสีย ก่อน ไฟก็จะลุกไหม้\" และเมื่อภิกษุหมู่ 500 รูปโดยมีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เดินทางมาพร้อมกัน ณ ที่ถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกโชนขึ้นเองโดยไม่ต้องมี ใครจุด หลังจากที่พระเพลิงเผาซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว บรรดา กษัตริย์มัลละทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทอง แล้วนำไปรักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่างๆ ของพระพุทธเจ้าได้ มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ และเมื่อบรรดากษัตริย์จากแคว้นต่างๆ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับ ขันธปรินิพพานที่กรุงกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทนไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อ นำกลับมาสักการะยังแคว้นของตน แต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงทำให้ทั้งสอง ฝ่ายขัดแย้งและเตรียมทำสงครามกัน ห้องสมุดประชาชนอำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย
แต่ในสุด โทณพราหมณ์ ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อยุติความ ขัดแย้งโดยเสนอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กัน ซึ่งกษัตริย์ แต่ละเมืองทรงสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามเมืองต่างๆ ดังนี้ กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองเวสาลี กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองกบิลพัสดุ์ กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองอัลลกัปปะ กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองรามคาม มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองเวฏฐทีปกะ กษัตริย์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองปาวา พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองราชคฤห์ มัลลกษัตริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ เมืองกุสินารา กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่ เมืองปิปผลิวัน โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่ เมืองกุสินารา ทำให้ต่อมา เมืองกุสินารา กลายเป็นเมืองสำคัญศูนย์กลางแห่งการสักการะ บูชาของพุทธศาสนิกชน เหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมาก ไว้รอบๆสถูปใหญ่ คือ มหาปรินิพานสถูป อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า และมหาสถูปนี้แห่งได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่นๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้นอีกด้วย ห้องสมุดประชาชนอำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย
สถูปปรินิพพาน สถูปปรินิพพาน เป็นศานสถานสำคัญในเมืองกุสินารา โดยมีลักษณะเป็นสถูป แบบทรงโอคว่ำ สร้างโดย พระเจ้าอโศกมหาราช บนสถูปมียอมมน มีฉัตรสามชั้น และมี มหาปรินิพพานวิหาร ตั้งอยู่ด้านหน้าในฐานเดียวกันกับสถูปปรินิพพาน ภายในประดิษฐาน พระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือพระพุทธรูป นอนบรรทมตะแคงเบื้องขวา ศิลปะมถุรา มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคน นอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไป อย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวงแล้ว ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้มีอายุกว่า 1,500 ปี มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิง ตั้งอยู่ห่างจากปรินิพพานสถูป 1 กิโลเมตร ชาวท้องถิ่นเรียกกันว่า รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธ สรีระ โดยเป็นเนินดินก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน รัฐบาลอินเดียได้เข้ามา บูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดีให้ชาวพุทธได้มาเยี่ยมชม และสักการะบูชา ที่มา: https://travel.trueid.net/detail/rXnaO3D0GP7V ห้องสมุดประชาชนอำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: