ร่วมเป็นเจ้าภาพ พมิ พ์ธรรมะเล่มนอ้ ยได้ท่ี หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปญั โญ โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐
รายชื่อหนังสอื ธรรมะเลม่ นอ้ ย ๑๒ เลม่ สำ� หรบั ปี ๒๕๕๕ ประกอบด้วย ๑. การมีอายุครบรอบปี...เป็นเช่นน้ันเอง ๒. สิ่งท่ีเป็นคู่ชีวิต ๓. มาฆบูชา วันน้ีเป็นการกระท�ำเพ่ือบูชาพระอรหันต์ ๔. ความถกู ต้องของการศึกษา ๕. ความหมายและคุณค่าของ ค�ำว่า “ล้ออายุ” ๖. การท�ำงานน้ันคือการปฏิบัติธรรม ๗. เศรษฐศาสตร์ของชาวพุทธ ๘. พระธรรมในทุกแง่ทุกมุม ๙. มอื ขวาทำ� บญุ อยา่ ใหม้ อื ซา้ ยรู้ ๑๐. ปวารณา คอื เครอ่ื งหมาย แหง่ คนดี ๑๑. ประโยชนข์ องความกตญั ญู ๑๒. ภมู ติ า่ งๆ และ แนวครองชวี ิต ๑๒ เล่ม ส�ำหรับปี ๒๕๕๖ ประกอบดว้ ย ๑. ธรรมะเผดจ็ การ ๒. ความเป็นไปของจิต ๓. ความเขา้ ใจถกู เก่ียวกับศาสนา ๔. พุทธบริษัทไม่ต้องใช้ยาระงับประสาท ๕. ธรรมท่ีลูกของพระพุทธเจ้าควรปฏิบัติ ๖. การบวช คือการบังคับตัวเอง ๗. โทษท่ีเกิดเพราะไม่มีวินัย ๘. อย่าง นั้นเอง ๙. มะพร้าวนาฬิเกร์ ๑๐. ชีวิตโวหาร ๑๑. สติ ๑๒. สันทิฏฐโิ ก ๑๒ เลม่ สำ� หรบั ปี ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๑. ธรรมะทำ� ไมกนั ๒. แผน่ ดนิ รองรบั รา่ งกาย ธรรมะรองรบั จติ ใจ ๓. สง่ิ ทเี่ รยี กวา่ กเิ ลส ๔. ธรรมคอื สง่ิ จำ� เปน็ แกม่ นษุ ยส์ ำ� หรบั ปอ้ งกนั และแกไ้ ข ๕. สงิ่ ซง่ึ เปน็ อปุ กรณแ์ กก่ ารเลกิ อายุ ๖. ทกุ สง่ิ อยเู่ หนอื ปญั หา ๗. รจู้ กั ธรรมะใหถ้ งึ ทส่ี ดุ ๘. เขา้ ใจพทุ ธศาสนาใหถ้ กู ตอ้ ง ๙. หลักธรรมท่ีทุกคนควรทราบ ๑๐. ธรรมที่เป็นเคร่ืองมือ การเดินทาง ๑๑. ผลพลอยได้ที่เน่ืองถึงกันและกันในโลก ๑๒. ธรรมะคือหน้าท่ี
สงิ่ ซง่ึ เปน็ อปุ กรณ์ แกก่ ารเลกิ อายุ โดย พทุ ธทาสภิกขุ ลำ� ดบั ท่ี ๕ ประจำ� ปี ๒๕๕๗ www.bia.or.th
บรรยายในงานวันลอ้ อายุ ปีพ.ศ. ๒๕๓๑ วนั ท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๓๑ ผถู้ อดคำ� บรรยาย คณุ ปรศิ นา ผตู้ รวจทาน คณุ วาสนา สมเนตร์
สง่ิ ซง่ึ เปน็ อปุ กรณ์ แกก่ ารเลกิ อายุ ท่านสาธชุ น ผู้สนใจในธรรม ท้ังหลาย, การบรรยายในภาคปลายนี้ อาตมา จะได้กล่าวถึงส่ิงซึ่งเป็นอุปกรณ์แก่การเลิก อายุ ดังที่ได้กล่าวแล้วกจ็ ะตอ้ งขอกลา่ วอีกวา่ อย่าเขา้ ใจผิดวา่ เลกิ อายุน้ันไม่ใช่ตาย ไม่ใช่ฆา่ ตัวตายแลว้ ก็จะเป็นการเลิกอายุ เลิกอายหุ มาย ถึงการไม่ผูกพันยึดม่ันติดม่ันอยู่กับสิ่งท่ีเรียกว่า ๑
อายุ จนต้องลำ� บากยุง่ ยากไปหมด เรื่องหลง อายมุ นั กไ็ ม่ไหว เรอ่ื งลวงอายุมนั ก็ไมไ่ หว จน ก ร ะ ท่ั ง ล ้ อ อ า ยุ ก็ ห ม า ย ค ว า ม ว ่ า ป ร ะ ก า ศ สงครามกบั มนั แลว้ ก็เลกิ เพิกถอนเสยี อย่าให้มี ปัญหายุ่งยากลำ� บากเกย่ี วกบั อายุ ค�ำว่าเลิกอายุก็หมายความว่ามันไม่มี ปญั หาใดๆ เกี่ยวกบั อายนุ น่ั เอง ไม่มีอทิ ธิพล ใดๆ มาทำ� ใหล้ ำ� บากยุ่งยาก เรอื่ งดเี รือ่ งช่วั เรื่องบุญเรอื่ งบาป เรือ่ งสขุ เรื่องทุกข์ เรอ่ื งได้ เรอ่ื งเสยี เร่ืองแพ้เรื่องชนะ อะไรก็ตาม มันไม่ มาท�ำความ… ไมม่ าทำ� ความยุ่งยากล�ำบากให้ กบั อายุ กไ็ ดแ้ กก่ ารเพกิ ถอนหรอื เลกิ ถอนปญั หา ทัง้ หลายเกยี่ วกบั อายุ เอา้ ทนี ้กี ็มาดวู ่ากนั ถงึ วา่ ทำ� ไมมันจึง เลิกไม่ได้ นก่ี จ็ ะพูดกันถึงข้อนี้ ความร้ทู ่เี ปน็ อปุ กรณ์จะทำ� ให้เลิกอายุได้นี่ มันสำ� คัญมนั จะ ๒
ได้แต่ความถูกต้อง ถกู ตอ้ ง อย่างทว่ี า่ มาแลว้ ไอช้ ว่ั มนั ก็ยงุ่ ไอด้ มี ันก็ยุ่ง ไอ้ถูกต้องนะ่ มันไมย่ ่งุ นกึ ถึงคำ� ว่าถกู ต้อง ถูกต้อง ไวใ้ ห้มากทส่ี ุด มัน จะทำ� ให้หมดปญั หา ดังนั้นเราจะตอ้ งมคี วาม ถูกต้องทุกเร่ืองที่เกี่ยวกับความเป็นพุทธบริษัท ของเรา เรอื่ งอะไรมนั เปน็ หัวใจหรือเร่ืองจ�ำเปน็ เกยี่ วกบั ความเป็นพุทธบรษิ ทั ของเรา เรอื่ งนนั้ ๆ จะตอ้ งถกู ตอ้ งจะตอ้ งมคี วามถกู ตอ้ ง คอื สำ� เร็จ ประโยชน์ไดจ้ รงิ ไมเ่ พียงแตช่ ่ือ ไมเ่ พยี งแต่พิธี วิธี วิธีนใ่ี ช้ได้ เปน็ พทุ ธศาสตรเ์ ปน็ วทิ ยาศาสตร์ แต่ว่าพิธี พธิ ีนีใ่ ช้ไมไ่ ด้ มนั เปน็ ไสยศาสตร์ ไอค้ นท่ีรูบ้ าลมี ันกร็ ู้นะวา่ พธิ กี ับวธิ ี น่มี ันค�ำเดียวกันแหละ แตพ่ อยังเปน็ วิธี วธิ ี เปน็ การกระท�ำใหส้ ำ� เรจ็ ประโยชน์นใี่ ช้ได้ มี ลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์หรือเป็นพุทธ- ศาสตร์ แต่ถ้าเปน็ พธิ ี พิธีนี่ไม่ไหวละมันเป็น ๓
ไสยศาสตร์ ถ้าใส่รตี องเข้าไปดว้ ยแล้วบ้าเลย นี่ พธิ รี ีตองไมไ่ หวมันพึ่งไมไ่ ด้ ทีน้ีก็มาดูว่าพวกเราน้ีมันยังไม่มีวิธีนะ มนั มแี ตพ่ ิธีเสียหมด มีแต่พอเปน็ พิธีหรือท�ำ ตามพธิ ี มีกนั ตามพธิ ีเสยี หมด เร่ืองต่างๆ มนั จงึ ไม่ส�ำเร็จประโยชน์แก่การที่จะเพิกถอนปัญหา เก่ยี วกับอายุ จะน�ำมากลา่ วเป็นตัวอยา่ งบาง เร่ือง เรื่องแรกก็อยากจะพูดถงึ เรื่องศีล ศลี ถา้ เปน็ พธิ ีกใ็ ชไ้ มไ่ ด้ แตถ่ ้าเปน็ วิธีมนั ใช้ได้ คำ� ว่าศีล ศลี นมี่ ันยงั เขา้ ใจผิดกันอยู่ ขออภัยที่อยากจะพูดว่าท่านทั้งหลายส่วนมาก ทีม่ อี ยู่ท่นี ีน่ ะ เขา้ ใจว่าศีลน้ันคือสกิ ขาบท สิกขา บทนน้ั คอื ศีล ขอใหเ้ ขา้ ใจเสยี ใหมว่ า่ คนละเรอ่ื ง คนละอนั คนละหนว่ ย แมว้ า่ มนั จะเนอ่ื งกนั กจ็ ริง ล่ะแตม่ ันคนละขน้ั ตอน สิกขาบท นัน้ หมายถงึ บททบ่ี ัญญตั ขิ ึ้นไว้อยา่ งไรๆ จะตอ้ งศกึ ษาปฏบิ ตั ิ ๔
อย่างไร น้เี รยี กวา่ สิกขาบท แต่ค�ำว่าศีล ศลี นี้ มนั หมายถงึ วา่ ภาวะปกติ ไม่มคี วามวุ่นวาย ระส่ำ� ระสายทางกายทางวาจากนั ได้ หรอื ภาวะ ปกตยิ ่ิงข้นึ ไปกไ็ ด้ แมท้ างวัตถกุ ไ็ ดถ้ า้ มันเปน็ ภาวะปกติแล้วมันกเ็ รียกว่าศลี หรอื ศีละ ถูกแล้วสิกขาบทน้ันเมื่อปฏิบัติดี ปฏบิ ัตถิ กู ต้อง ปฏิบตั ิจรงิ ส�ำเร็จประโยชน์แล้ว มนั ก็ท�ำใหเ้ กิดมศี ีลข้ึนมา คอื มภี าวะปกตขิ น้ึ มา แต่ถ้าไม่มีการกระท�ำที่ถูกต้องมันก็เป็น สกิ ขาบทอยู่น่ันแหละ มันไมเ่ ป็นศลี ขนึ้ มาได้ รักษาศลี จนตายก็ไมม่ ีศีล ขอใหฟ้ งั ดูให้ดีๆ รกั - ษาศลี จนตายกไ็ มม่ ศี ลี เพราะวา่ มนั ทำ� แตเ่ พียง เปน็ พิธีและกเ็ ก่ียวกบั สกิ ขาบทๆ สิกขาบท เท่านั้นแหละไมข่ ้นึ ไปถงึ ศลี มันท่องสกิ ขาบท มนั รู้แตเ่ รื่องสิกขาบท ยึดมั่นถือมนั่ ในสกิ ขาบท เป็นของขลังศกั ด์สิ ิทธ์ิอะไรไปเลย และกไ็ ม่มี ๕
ภาวะปกติแกจ่ ติ ใจมันเลยไม่มศี ีล อย่างนี้เรยี ก วา่ รักษาศลี จนตายกไ็ ม่มศี ีล เพราะมันมัวแต่ เทยี่ วคาบสกิ ขาบท หยาบคายหน่อย ได้แต่ท่องอยู่กับแค่ ปาก แค่ปาก สกิ ขาบทอย่างน้นั อยา่ งน้ี ๕ บ้าง ๘ บ้าง ๑๐ บ้าง ๒๒๗ บา้ ง ๓๓๑ บ้างถ้ามีเป็น ภกิ ษณุ ี มันไดแ้ ตค่ าบสกิ ขาบทว่าแต่ปาก บางที ก็หาบหามด้วยซ้ำ� ไป อีรุงตงุ นงั เรยี กวา่ หาบ สกิ ขาบทกนั เลย แต่แล้วมันก็ไม่มศี ลี คือไม่มี ภาวะปกติ และก็ไปยดึ มน่ั ถอื มนั่ สกิ ขาบทเปน็ ของขลังของศักด์สิ ิทธ์ิ อยา่ งนีม้ นั กเ็ ป็นพธิ ี พธิ ี ไมใ่ ช่วิธี บางแห่งพอจะทำ� สมาธิวิปสั สนา เขา บังคับให้รับศีลกันเดี๋ยวน้ันเลยคือรับสิกขาบท ห้าแปดอะไรก็ตามแล้วจงึ ทำ� สมาธิ อย่างน้ีมันก็ เปน็ เพยี งสกิ ขาบทเท่าน้นั แหละ มนั ไมเ่ ป็นศีล มันไม่เป็นภาวะปกติท่ีจะใช้เป็นเครื่องรองรับ ๖
สมาธิ มันไม่มภี าวะปกติมนั ก็ไม่มีศีล หรอื ถา้ จะ พดู ใหถ้ ูกก็ว่ามนั มศี ลี ที่ไม่ใช่ศีล มนั เปน็ เพียง สกิ ขาบทพอเป็นพธิ ี พอเปน็ พิธี ทีน้ดี ูใหด้ ี ดใู หด้ ี ท่ีเรารับศีลกันอยู่ทุก วันนี้เด๋ยี วนแ้ี หละ เชา้ เยน็ รบั ศลี อยทู่ กุ วนั น่ี เปน็ ศีลหรอื เปลา่ หรอื เป็นเพียงสิกขาบท เปน็ เพยี ง พิธีรับสิกขาบทศีลห้าศีลแปดศีลอุโบสถศีล อะไรก็ตาม มันเป็นเพียงพิธรี ับสกิ ขาบทเทา่ นน้ั หรือวา่ มนั ไดเ้ ลยไปจนกระท่งั มศี ีล คอื มีภาวะ ปกติแหง่ กายวาจา ซง่ึ จะเปน็ รากฐานของสมาธิ วปิ ัสสนาตอ่ ไปตามลำ� ดับ พดู กนั ดว้ ยใจจรงิ รสู้ กึ ตามความท่ีเปน็ จรงิ ว่าเรายงั มเี พยี งแตพ่ ิธรี ับ สกิ ขาบทๆ รบั สกิ ขาบท แล้วก็ไมม่ ศี ลี อย่างน้ี จรงิ หรือไม่ ถา้ อย่างน้ีละก็ทำ� จนตาย รับศลี จน ตาย รบั ศีลจนตายมนั ก็ไม่มีศีล มนั จะนา่ เศรา้ สกั เทา่ ไร ๗
อ ย า ก จ ะ พู ด ว ่ า แ ม ้ ไ ม ่ มี ก า ร รั บ สิกขาบทคือไม่มีการรบั ศลี นัน่ แหละ แตถ่ า้ ว่า กายวาจาของเขามีภาวะปกติ นน่ั แหละเขามี ศลี มีศลี ที่จะเปน็ พ้ืนฐานของการปฏบิ ัตสิ มาธิ ตอ่ ไป พดู เลยว่าไม่ไดร้ บั ศลี ไม่รับศลี หา้ ศลี แปดศีลสบิ อะไรแต่จิตมภี าวะปกติ คนน้พี รอ้ ม แลว้ ที่จะท�ำสมาธหิ รือวิปัสสนา เพราะว่าสมาธิ หรอื วิปัสสนาน้ันเรียกวา่ จิตตปริสทุ ธิ จติ ตปร-ิ สุทธิ ให้มันอาศัยสลี วสิ ุทธิ สีลวิสุทธิ สีลวสิ ุทธิน้ี เป็นบาทฐานของจติ ตวิสุทธิ เรียกใหต้ รงๆ เรียกให้ถูกก็ว่าจิตตวิสุทธิมีสีลวิสุทธิเป็นพ้ืน ฐาน เด๋ียวน้ีมันไม่มีศีลนี่แล้วจะมีสีลวิสุทธิ ได้อย่างไร มนั มีแตค่ าบสกิ ขาบท ปานาติปาตา อทินนาทานาอะไรกไ็ ม่รู้ มัวแตค่ าบสิกขาบท บางทีก็ยิ่งก็กว่าน้ันก็หาบหามหิ้วกันไปรุงรังตุง ๘
นังไปหมด สกิ ขาบทมากมายเหลือเกนิ มนั มแี ต่ สิกขาบทท่ีปากว่า มนั ก็ไมม่ ีสีลวิสุทธิ มนั มีแต่ พธิ รี ับสิกขาบท มนั ไมม่ สี ลี วิสทุ ธิ ไมม่ สี ีลวิสุทธิ แล้วมันก็ไม่มปี ัจจยั แหง่ จติ ตวิสทุ ธิ น่ันน่ะมันจึง ตายด้าน มนั ชะงักงนั อย่ทู ่ตี รงนัน้ กปี่ ๆี มาแลว้ มันก็ไม่ก้าวหน้าในทางของสมาธิหรือวิปัสสนา เพราะมนั ไมม่ ศี ีลท่เี ป็นตัวศีล มันมแี ต่สกิ ขาบท ตามพิธตี ามประเพณีบางทรี ีตองด้วย นค่ี อื ขอ้ ตดิ ขดั ขอ้ ขดั ขอ้ งทไ่ี มท่ ำ� ใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ในทางชวี ิตจิตใจ มนั มีไมไ่ ดแ้ ม้ แ ต ่ ศี ล น่ี แ ล ้ ว มั น จ ะ พู ด อ ะ ไ ร กั น ถึ ง ส ม า ธิ วิปสั สนา มันกเ็ ลยเพิกถอนกเิ ลสตณั หาอะไรไม่ ได้ มันติดชะงักงันอยทู่ ีต่ รงนั้น นี่มันกเ็ ลกิ อายุ ไม่ได้ เลิกความยดึ ม่นั ถอื มั่นด้วยอุปาทานในสิ่ง ตา่ งๆ ไมไ่ ด้ แล้วมนั ยังไปมอี ุปาทานในสกิ ขาบท เสยี อีกมันก็ไม่มศี ีล ๙
นเ่ี ปน็ ตวั อย่างอนั ท่ีหนงึ่ ท่วี ่าเราจะ ต้องรู้จักกันให้แน่ชัดลงไปว่าศีลนั้นเป็นอันหน่ึง สกิ ขาบทนั้นเป็นอีกอนั หนงึ่ มสี ิกขาบทไมม่ ีศลี ก็ได้ ถา้ มีศีลแลว้ กส็ �ำเร็จประโยชนโ์ ดยไมต่ ้องมี สิกขาบทกไ็ ด้ สกิ ขาบทนัน้ วางไว้ วางไวเ้ พื่อให้ มันเกดิ มีศีล ปฏิบตั ิแลว้ เกดิ มศี ีล แตค่ นกท็ �ำได้ เพียงรบั ทอ่ งจำ� สิกขาบทแล้วกค็ ดิ เอาวา่ มศี ลี นี้ระวงั ใหด้ ี ฉะน้ันถา้ รบั เอาศลี ก็ให้คอื ปฏบิ ตั ิ ตามสิกขาบทให้ครบถว้ นให้ถูกตอ้ ง ใหเ้ กดิ ภาวะ ปกติข้ึนมาในจิตใจนี่ ในทก่ี ายทว่ี าจา กายวาจา ปกตกิ ็หมายถงึ ใจมนั กป็ กตดิ ้วย น่ขี อให้ทกุ คน ชำ� ระศลี ใหม้ ีศีลหรอื วา่ จะชำ� ระสกิ ขาบทกไ็ ด้ แต่มันไม่ต้องช�ำระอะไรสิกขาบทมันมีอยู่อย่าง นน้ั แล้ว มีแตว่ า่ ชำ� ระการปฏิบัตติ ามสิกขาบท นัน้ จะต้องชำ� ระ ถา้ มันยงั ไม่มีถึงขนาดทจ่ี ะใหม้ ี ศีล ๑๐
นี่ตัวอย่างอย่างหนึ่งแล้วที่แสดงให้ เห็นวา่ ท�ำไมเราจงึ ไมก่ ้าวหนา้ ข้นึ ไป ไมก่ า้ ว หน้าขนึ้ ไป โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในการทจ่ี ะเพิก ถอนไอ้ส่งิ ยดึ ยัน่ ถอื ม่นั ด้วยอุปาทาน เอา้ ทีนีจ้ ะยกตัวอยา่ งมาอีกสกั เรอื่ ง หนึ่ง คือเรอ่ื งศรัทธา ศรัทธา แปลวา่ เช่อื ความ เชือ่ สลบั ซับซอ้ นมากไอศ้ รัทธานี่ ไอศ้ รทั ธา พธิ รี ีตองมันกน็ า่ สงสารมาก บงั คบั ใหเ้ ชือ่ หรอื พูดให้เช่ืออะไรใหเ้ ช่ือเหลา่ น้ี มันกเ็ ปน็ ศรทั ธา ประเภทหนึง่ ซึง่ ถูกบอกใหเ้ ชอ่ื หรือบางทีกถ็ กู บงั คับให้เชื่อตามลัทธขิ องศาสนา บางศาสนา บงั คบั ให้เชื่อ แม้ไมบ่ งั คับก็ได้แต่บอกๆๆ ไอ้ ความเชอื่ มันกม็ ีตามบอก แตถ่ า้ วา่ จะเปน็ ศรทั ธา จรงิ นัน้ นะ่ มนั ตอ้ งเป็นผูท้ ่มี องเหน็ หรือได้รบั ประโยชนน์ ้ันๆ มาแลว้ จากส่ิงนนั้ เช่นว่าจะมี ศรทั ธาในพระรัตนตรัย เขาไดร้ ับประโยชน์ได้ ๑๑
เห็นแจ้งได้ประจักษ์ในประโยชน์ท่ีได้รับจาก พระรตั นตรยั แล้วศรทั ธาอันแทจ้ ริงม่ันคงมันก็ เกดิ ข้ึนเองแหละ เกิดขึ้นเองไมต่ ้องมใี ครมา บอกหรอก น่ีก็ลองคดิ ดู ทนี ้ีศรัทธา ศรทั ธานี่ มนั มีหลายความ หมาย ศรทั ธาตอ่ สิ่งภายนอกอันจะเปน็ ทีพ่ ่งึ ได้ นีม้ นั กอ็ ยา่ งหน่ึง น้ีศรัทธาในภายในศรทั ธาตอ่ ตัวเองเชือ่ ตัวเองน้ีมันก็อีกอยา่ งหน่งึ ทา่ นทงั้ หลายลองคดิ วนิ จิ ฉยั ดเู ดย๋ี วนเ้ี ลยวา่ พระพทุ ธเจ้า ท่านตอ้ งการชนิดไหน พระพุทธเจ้าตอ้ งการให้ ศรทั ธามคี วามเชอื่ ในสิง่ ภายนอก หรอื วา่ ใหเ้ ชอื่ ตัวเองหรอื เปน็ สง่ิ ภายใน ข้อนมี้ ันจำ� เป็นกน็ ่าเห็นใจ กม็ นั ยังไม่ สามารถจะรจู้ ักตัวเอง จะเชือ่ ตวั เอง จะพงึ่ ตัว เอง มนั กต็ อ้ งพ่งึ สง่ิ ภายนอกไป สอนกนั ไปก่อน สอนกนั ไปกอ่ นใหเ้ ช่ือนัน่ เชอื่ นเ่ี ชอ่ื โน่น ดกู ไ็ ด้ ๑๒
ผลนอ้ ยมาก ถา้ ว่ามีความเชือ่ ในภายในเชือ่ ตวั เองมันจะเลยไปๆ ถงึ ความเชื่อในผลของการ ปฏบิ ตั ิ มคี วามเช่ือแนใ่ จว่าพ้นภัยวา่ ปลอดภยั ความเช่ือว่าพ้นภัยว่าปลอดภัยน่ีก็อย่างหนึ่ง ความเชื่อว่าม่ันคงในทางสุขภาพอนามัยน่ีก็ อย่างหนึ่ง ความเชอ่ื ว่ามั่นคงปลอดภยั ในทาง เศรษฐกิจการเงินการทองอะไรเหล่าน้ีมันก็เชื่อ นี้อะไรจะท�ำใหเ้ ชอื่ ไดถ้ งึ ขนาดนั้น น่นั มแี ต่การ ประพฤติปฏิบัติให้มันถูกต้องจนเกิดความเชื่อ เชน่ น้ัน ถ้าไมม่ คี วามเชื่อว่าปลอดภัยแลว้ มัน นอนไม่หลบั นะ มันผวาอยเู่ รื่อยนะมันสะด้งุ อยู่ เรื่อย แตถ่ ้าเรามคี วามเชอ่ื อย่างวา่ ปลอดภัยแน่ ในชีวิตทรัพย์สมบัติอะไรก็ตามแล้วมันนอน หลบั มนั นอนหลบั สนทิ น่ศี รทั ธามันจำ� เปน็ ที่จะตอ้ งมี ถา้ ไม่มี มันนอนไม่หลับมันจะเป็นโรคประสาทแล้วมัน ๑๓
จะเปน็ บา้ ศรัทธาไม่ใช่ของเล่นๆ ไม่ใชบ่ อกให้ ศรัทธาแลว้ ก็จะสำ� เรจ็ ประโยชน์ มนั ต้องมอง เหน็ ลกึ ซงึ้ ลงไปในสิง่ น้ัน ว่าไดป้ ฏบิ ตั ิอย่างถูก ตอ้ งครบถว้ นแล้วในสิง่ นั้นๆ จนมีความเชื่อ ได้ว่ามันปลอดภยั เดย๋ี วน้ใี ครมีศรทั ธาชนดิ นีบ้ า้ ง จะมี กันแตศ่ รทั ธาวา่ เชอ่ื เรามีศรัทธา เรามคี วาม เชื่อในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆแ์ ล้วก็ พอแลว้ ฉันมีความเชอื่ ฉันมศี รทั ธาอย่างนีม้ นั ก็ พอแล้ว ทจี่ รงิ มนั เปน็ ไปไมไ่ ดห้ รอกทจ่ี ะมศี รทั ธา ในพระพทุ ธ แทจ้ ริงมนั ต้องร้จู ักพระพทุ ธเจา้ แท้จรงิ เสยี ก่อน จะมีศรัทธาในพระธรรมก็รูจ้ กั พระธรรมแทจ้ รงิ ถงึ ที่สดุ เสยี กอ่ น ในพระสงฆ์ก็ เหมือนกนั ถา้ ไมอ่ ย่างน้ันก็เปน็ ศรัทธาทางพิธี รีตอง ศรทั ธาที่เข้ามาทางหทู างการบอกกล่าว อยา่ งนี้ไม่ส�ำเรจ็ ประโยชน์ แตก่ ย็ งั ดีกวา่ ไมม่ นี ะ ๑๔
เอากันเพยี งเทา่ นมี้ นั กย็ ังดกี ว่าไมม่ ี ศรัทธาในธรรมะอันแท้จรงิ ในธรรมะ อั น แ ท ้ จ ริ ง จ ะ มี ศ รั ท ธ า ไ ด ้ ก็ ต ่ อ เ ม่ื อ ไ ด ้ รั บ ประโยชนจ์ ากธรรมะนั้นแลว้ เหมอื นอย่างวา่ ยาแกโ้ รค ยาแกโ้ รคขนานหน่ึง เราศรัทธาคนท่ี เขามาขาย นมี่ ันก็ศรทั ธานิดหนึ่งเท่านั้นแหละ คอื ศรทั ธาไม่ใชศ่ รัทธากไ็ ด้ แต่ถ้าเราไดก้ นิ ยา น้ันหายจากโรคส้นิ เชิงแล้ว นศ่ี รัทธามนั จึงจะมี มาโดยแท้จริงในยาขนานนนั้ หรอื ในเรื่องอ่ืนๆ วตั ถุเครอื่ งใช้ไม้สอยอะไรก็ตาม การทเ่ี ราจะมี ความเชื่อลงไปวา่ จะเปน็ ทพ่ี งึ่ ได้นี่ ก็ตอ่ เมอ่ื ได้ รู้จักและใช้มันให้เป็นที่พ่ึงได้จึงจะมีศรัทธาโดย แท้จริง เด๋ยี วนี้ศรทั ธาในพระพทุ ธเจา้ ศรทั ธา ในพระธรรม ในพระสงฆ์น้ี มันเป็นแต่เพยี ง เรื่องบอก เขาบอกให้วา่ ดีอย่างน้ัน ดอี ยา่ งน้ี ๑๕
และจะเปน็ ที่พง่ึ ได้ แล้วมนั ก็ศรัทธา มันจะมี ศรัทธานิดเดียวเหมือนกับว่าคนเขาเอายามา ขายแลว้ เราลองซอื้ กินดนู ั้นน่ะ ศรทั ธามเี ทา่ นนั้ มันไม่มีศรัทธามากเหมือนกับได้กินแล้วหาย จากโรคแลว้ ก็มศี รทั ธาแทจ้ รงิ เดยี๋ วนี้เรามี ศรัทธาในพระพุทธในพระธรรมในพระสงฆ์กัน ในลักษณะอยา่ งไร ในลักษณะอยา่ งไรทา่ นไป คิดดู และควรจะทำ� กนั อย่างไรต่อไป จะปลกู ฝงั ศรทั ธา พอกพูนศรทั ธา ช�ำระสะสางศรทั ธา กันอยา่ งไรขอใหล้ องคดิ ดู จึงจะไดศ้ รัทธาทแี่ ท้ จรงิ มา อาตมาอยากจะพดู ว่า พระอรหนั ต์ เทา่ นนั้ แหละท่จี ะมศี รทั ธาแท้จริง ในพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือว่าศรทั ธาในความดบั ทุกข์ ศรทั ธาในพรหมจรรยอ์ ะไรกต็ ามเถอะ พระ อรหันต์เท่าน้นั แหละจะมีศรัทธาท่แี ท้จรงิ ไอ้ ๑๖
เราปถุ ุชนอยา่ งนมี้ ันก็… กศ็ รัทธาไปตามพธิ ี ตามประเพณี เหมอื นกบั ลองซื้อยากินอยา่ งน้นั เปน็ ตน้ ท�ำไมจงึ วา่ พระอรหนั ต์เปน็ ผ้มู ีศรัทธา สมบรู ณ์ ๑๐๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ เพราะวา่ ทา่ นไดด้ บั ทกุ ขไ์ ดแ้ ล้ว ท่านดบั ทุกข์สิน้ เชงิ ไม่มอี ะไรเหลือ แลว้ ความหมายแห่งพระพุทธะกม็ ใี นพระอร- หนั ต์ ความหมายแหง่ ธรรมะก็มใี นพระอรหนั ต์ ความหมายแหง่ สังฆะกม็ ใี นพระอรหันต์ ทา่ น อิ่มไปด้วยความรู้รสของความดับทุกข์ในทุก ประการ จงึ มคี วามเช่ือในความดับทุกข์หรอื พรหมจรรยเ์ ตม็ ๑๐๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ น่เี ราไม่ได้เป็นอยา่ งนัน้ น่ี และกย็ ังไม่รู้ วา่ อยูท่ ่ไี หนด้วยซ�ำ้ ไป มันเป็นศรทั ธาชนิดที่ตง้ั รากฐานอยูบ่ นความไม่ร้โู ดยประจกั ษ์ ตง้ั ราก ฐานอยเู่ ปน็ การบอกเล่า เขาเลยเรยี กศรทั ธา บางประเภทว่าศรทั ธาหวั เต่า หวั เตา่ นเ่ี ดย๋ี วหลบุ ๑๗
เดยี๋ วโผล่ เดีย๋ วหลุบเด๋ียวโผล่ ศรทั ธาแบบหวั เต่าก็หมายความว่าเด๋ียวมันหลุบเดี๋ยวมันโผล่ เดยี๋ วมนั แนเ่ ด๋ยี วมนั ไม่แน่ เพราะมันไมจ่ รงิ ยัง ไม่ถงึ ความจรงิ ศรัทธาแทจ้ ริงสมบูรณ์ถงึ ท่สี ุด จะมีได้กแ็ ต่พระอรหันต์ ผ้ดู บั ทกุ ข์ได้สิ้นเชิง แล้ว กม็ ศี รทั ธาในวธิ ดี บั ทุกข์ในพรหมจรรยอ์ ัน เป็นเครอ่ื งดบั ทกุ ข์ถงึ ที่สดุ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ น่เี รามีศรัทธาอยา่ งนกี้ นั หรือยงั ถ้ายงั ไม่ถึงนี้มันก็ยังไม่สามารถที่จะช�ำระชะล้าง ปัญหาตา่ งๆ หรือความทุกขไ์ ด้ มันไมอ่ าจจะ กล้าหาญพอจะเพิกถอนความยึดมั่นถือมั่นใน ส่งิ ทงั้ ปวง มนั ยงั กลัววา่ จะอดอยาก ยงั กลวั ว่า จะล�ำบาก จะกลวั ว่าจะไมไ่ ดอ้ ะไร ไมก่ ลา้ ปลง ศรัทธาลงไปให้หมดสิน้ มนั ไมก่ ล้าหรอกและ มันก็ท�ำไมไ่ ด้ดว้ ย เพราะมันไมม่ องเหน็ น่ี จึงขอ ให้พอกพนู ศรัทธา เพ่มิ เติมศรทั ธา ชำ� ระชะลา้ ง ๑๘
ซักฟอกศรัทธาให้ถูกต้องยิ่งขึ้น ใหม้ ีมากยิ่งข้นึ ให้ชดั เจนยง่ิ ขึ้น ให้ไดร้ บั คณุ ของพระรตั นตรยั เขา้ มาไว้ในจติ ใจ รคู้ วามดบั ทกุ ขเ์ ทา่ ไรกม็ ศี รทั ธา เทา่ น้ัน และเพม่ิ ข้ึนไปๆ จนกวา่ จะสมบูรณ์ นเี่ รอ่ื งศรัทธาเปน็ อยา่ งนี้ เรามีกนั แล้ว หรอื ยัง เรามกี นั ก่ีมากน้อย เราจะตอ้ งปรับปรุง สะสางกนั อกี สักเทา่ ไร น่ีขอให้สนใจฟังแม้แต่ เรื่องศรัทธา ศรทั ธา เช่นเดยี วกบั เร่ืองศีลที่พูด มาแลว้ มีกนั แตส่ กิ ขาบทน้ันไม่มีศีล ศรัทธาน้ีก็ เหมือนกันแหละมันจะมีกันแต่ศรัทธาแบบหัว เต่าเทา่ นัน้ มนั ไมแ่ น่นอนมนั ไม่แน่นแฟ้นมันไม่ เด็ดขาด จงพอกพูนศรทั ธา พิจารณาคุณของ ธรรมะ ของพรหมจรรย์ ของการทำ� ท่ีสุดแห่ง ความทกุ ขใ์ หช้ ัดเจน ให้แจม่ แจง้ แล้วกใ็ หเ้ ชอื่ ว่าตวั เองทำ� ได้ และตัวเองทำ� ไดม้ ันกช็ ่วยตัวเอง มันกพ็ ึ่งตวั เอง มีศรทั ธาในตวั เอง ดีกวา่ ศรทั ธา ๑๙
ในสิง่ เปน็ ภายนอกหรือเป็นบุคคลภายนอก ท่ีพระพุทธเจ้าท่านสอนให้มีศรัทธา นั่นน่ะ มศี รัทธาภายหลังปญั ญาทัง้ น้นั แหละ ไมใ่ ช่ๆ ศรัทธาล้วนๆ ศรทั ธาด้วยอวิชชาไม่ต้อง ไมต่ อ้ งการหรอก ศรัทธาด้วยวิชชา ศรัทธาด้วย ปญั ญา เหน็ แจ้งประจกั ษ์แล้ววา่ มนั เปน็ อะไร เปน็ อยา่ งไร นก่ี ศ็ รทั ธาไวเ้ ตม็ ทเี่ ทา่ นน้ั กอ่ น แลว้ ไปปฏิบตั ิดู ไปปฏิบัติ ปฏบิ ตั ิเอา กด็ บั ทกุ ข์ได้ จรงิ ทีนี้ศรัทธาเตม็ ที่ น่ีศรัทธามันมลี กั ษณะ อยา่ งนี้ ขอให้ช�ำระชะล้างซักฟอกศรัทธาให้ เปน็ อย่างนี้ กจ็ ะสามารถมีความกา้ วหนา้ ใน ทางธรรมะทางจติ ใจ สามารถจะเพิกถอนความ ผกู พนั ความยดึ มั่นอย่ใู นสิง่ ตา่ งๆ ไดจ้ ะสามารถ เลกิ อายไุ ดเ้ พราะมศี ลี ทแ่ี ทจ้ รงิ มศี รทั ธาทแ่ี ทจ้ รงิ ทีน้ีเรื่องที่สามท่ีอยากจะพูดก็เป็น เร่ืองทีเ่ กย่ี วขอ้ งกนั ก็คือสง่ิ ทีเ่ รยี กวา่ พระรัตน- ๒๐
ตรยั อันเป็นทีต่ ง้ั แห่งศรทั ธานน่ั แหละ พระ รัตนตรัยนี่กล่าวโดยสรุปแล้วก็มีสองรูปแบบ พระรตั นตรยั มีสองแบบ คือพระรตั นตรัยของผู้ ท่ีเหน็ ธรรมะดบั ทกุ ข์ได้ กับพระรัตนตรยั ท่ไี ม่ เหน็ ธรรมะทเ่ี ขาพึง่ บอก ทีเ่ ขาพง่ึ แนะ ทีพ่ ึ่งได้ ยินได้ฟงั เปน็ ครงั้ แรก เหมือนเดก็ ๆ ได้รับการ สอนใหร้ บั สรณาคมน์ พทุ ธงั สรณัง คจั ฉามิ ธมั มงั สรณงั คัจฉามิ ไอ้ลกู เดก็ ๆ เขาก็วา่ ไดส้ ิ ว่าด้วยเสยี งตามนน้ั ไปมันกว็ ่าได้ แลว้ เราก็ ถือว่าเขาได้รับสรณาคมน์ แล้วเขาก็มีพระรตั น- ตรยั จริงๆ มนั ก็มีพระรตั นตรยั แตพ่ ระรตั นตรยั ของลกู เดก็ ๆ ระวงั ให้ดี พระรตั นตรยั ของลกู เด็กๆ ตามท่ีเขาสอนใหว้ ่าด้วยซ้�ำไป ไมเ่ ข้าใจ เอาเสยี เลยกม็ ี แตว่ า่ ได้ ทอ่ งไดว้ า่ ไดต้ อบคำ� ถาม ได้อะไรได้ นีพ่ ระรัตนตรยั ของลูกเด็กๆ ซ่งึ เขา ไมร่ ูม้ ันอยู่ท่ีไหน ๒๑
ทีน้ีพระรัตนตรัยของผู้ท่ีเห็นธรรมะ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ดบั ทุกขไ์ ดแ้ ลว้ มนั เห็นชดั แลว้ กจ็ ะเกดิ ความรสู้ กึ วา่ เปน็ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ขึน้ มาในใจ แลว้ กอ็ อกปากนับถือพระ รตั นตรยั เปน็ สรณะจนตลอดชีวติ พระรัตนตรัย อ ย ่ า ง น้ี มั น ข อ ง ค น ท่ี ไ ด ้ ฟ ั ง ธ ร ร ม ะ จ า ก พระพทุ ธเจ้าหรอื จากใครก็ตาม เข้าใจธรรมะ เหน็ ธรรมะจนจิตใจเปลี่ยนไปจากเดิม เหน็ พระ พทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ในความหมายถกู ตอ้ งแท้จรงิ วา่ ดบั ทุกข์ไดอ้ ย่างนีๆ้ ๆ ผทู้ ด่ี บั ทกุ ข์ ด้วยตนเองและสอนผู้อื่นให้ดับทุกข์ได้ด้วยคือ อย่างนีๆ้ พระสงฆค์ อื ผไู้ ดป้ ฏบิ ัตจิ นรับได้รับ ประโยชนอ์ ยา่ งน้ีเตม็ ท่ีแล้ว อย่างน้ไี มต่ ้องมีใคร มาสอนใหว้ ่า ไม่ต้องมใี ครมาสอนใหว้ า่ พุทธงั สรณัง คัจฉามิ ไม่ต้องมีใครมาชกั ชักคำ� ชกั ถ้อย ชกั สวดให้วา่ เขาว่าออกมาเอง ๒๒
ในพระบาลมี ีปรากฏชดั อยู่ทั่วๆ ไป แหละ ในพระสตู รท่ีสำ� คัญๆ ว่าบุคคลนัน้ ได้ ฟังได้เข้าใจได้ซึมซาบได้ดื่มรสของธรรมะแล้ว เขาพูดออกมาเองแหละ ขา้ พเจา้ ขอรบั พระรตั น- ตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ทพี่ ง่ึ ตงั้ แตบ่ ัดน้เี ป็นต้นไปจนตลอดชีวิต ไมม่ ใี คร เคยสอนให้เขาวา่ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ พระพุทธเจา้ ท่านไมไ่ ดส้ อน แตท่ า่ นกไ็ ดแ้ สดง ธรรม แสดงธรรมชแ้ี จงชกั จูงจนบุคคลนน้ั เหน็ เอง มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรมในขณะที่นั่ง อยตู่ รงน้ัน ในทส่ี ุดเขากอ็ ดทนอย่ไู ม่ได้ ก็ออก ปากออกมาเองวา่ ข้าพเจ้า ขา้ พระองค์ ขอถึง พระรัตนตรยั เป็นทพ่ี ง่ึ เป็นสรณะจนตลอดชีวติ นพ่ี ระรตั นตรยั นม้ี นั อยา่ งหนงึ่ พระรตั น- ตรัยลูกเด็กๆ เขาสอนใหว้ ่าสรณาคมนน์ อี่ กี อยา่ งหนึง่ ใช่ไหม แล้วมนั ตา่ งกันกีม่ ากนอ้ ยน่ี ๒๓
ขอให้ลองคดิ ดู อันไหนจะเรยี กได้ว่าเป็นพระ รัตนตรัยจรงิ อนั ไหนเปน็ พระรตั นตรัยทสี่ มมติ ให้วา่ กันแตป่ าก แล้วพวกเราอุบาสกอุบาสิกา ท้ังหลายเหล่าน้ีก�ำลังมีพระรัตนตรัยชนิดไหน ถา้ มพี ระรัตนตรัยอยา่ งเหมือนกับลูกเดก็ ๆ มัน ก็ไมก่ ้าวหน้า มนั ไม่อาจละเลกิ เพกิ ถอนอายุได้ มนั เปน็ เร่ืองที่ลกึ เกินไป ไมม่ คี วามรูเ้ รอ่ื งพระ รัตนตรัยอย่างนแี้ ลว้ มันก็ไม่มศี รทั ธา มนั ก็ไมม่ ี ศีลชนดิ ทีแ่ ท้จริงอยา่ งท่วี า่ มาแล้ว มันกล็ ะเลกิ เพกิ ถอนอายุ หรืออปุ าทานในอายุ หรอื ความ เกี่ยวขอ้ งผกู พนั เป็นทกุ ขด์ ้วยอายไุ ม่ได้ มนั ละ ไม่ได้ ฉะนั้นเราจะพูดกนั เร่ืองเลกิ อายสุ กั เท่า ไหรม่ ันกไ็ ม่มีประโยชน์ เพราะวา่ เราไม่มีเคร่ือง มือท่จี ะเลกิ มัน ศรทั ธากไ็ ม่ถกู ตอ้ ง ศีลก็ไม่ถกู ต้อง พระรัตนตรัยกไ็ ม่ถูกต้อง กไ็ ม่มีเคร่ืองมือที่ จ ะ ล ะ เ ลิ ก เ พิ ก ถ อ น สิ่ ง ที่ เ รี ย ก ว ่ า อ า ยุ ห รื อ ๒๔
อุปาทานในอายุได้ มนั ก็ไมไ่ ด้ จะท�ำอย่างไร ศีลแทจ้ ริงมอี ยอู่ ยา่ งน้ี ศรัทธาแทจ้ รงิ มอี ยู่อย่างน้ี พระรัตนตรยั แท้จริงมอี ยูอ่ ย่างน้ี เราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยโดยแท้จริงแล้วหรือ ยัง เรายังเข้าถงึ กนั แตเ่ พียงพธิ เี ทา่ น้นั หรือว่า เราไดม้ ีวิธีทจ่ี ะไดเ้ ข้าถงึ โดยแทจ้ รงิ ถามสัน้ ๆ วา่ เรามวี ิธีหรือเรามพี ิธีเกย่ี วกบั สิง่ เหลา่ นี้ มีคน เขาชอบพธิ กี นั มากนะ แม้ทางราชการกด็ ูจะ มัวเมาหลงใหลในค�ำวา่ พธิ ีกันนักหนา พธิ นี น่ั พธิ นี ่ศี าสนพิธีอะไรพิธี อาตมาจะยนื ยนั ว่าถา้ พิธีนั้นเปน็ ไสยศาสตร์ ถา้ วิธจี ะเป็นพทุ ธศาสตร์ เพราะว่าวธิ ีมันกระท�ำไปจริงๆ เหมอื นกบั วทิ ยา- ศาสตรม์ ันกม็ ีผลแท้จรงิ มีผลจริงข้ึนมา ฉะนน้ั เราพุทธบริษัทน้ีเป็นพุทธศาสน์ถือพุทธศาสตร์ จงใช้วธิ ีตัดฟนั ลงไปให้จริงๆ จงั ๆ เถิด อย่าได้ ไปหวังพง่ึ พิธีเลย รตี องแล้วเลกิ เถิดอยา่ ใหม้ า ๒๕
เก่ยี วข้อง มีวธิ ี วธิ ปี ฏบิ ตั ทิ ถี่ กู ตอ้ งเปน็ สมั มา สมั มา ใหม้ นั ถูกต้อง จะส�ำเร็จประโยชนไ์ ดจ้ ริง ถา้ จะ มีศลี กข็ อให้เป็นศลี จรงิ ไมใ่ ช่เพยี งสิกขาบท ศลี จริงๆ นีก้ ย็ ังมเี ปน็ สองประเภท คอื ศลี ธรรมดา ศีลตามธรรมดา ทนี ีศ้ ีลที่มนั เป็นไปเพอื่ วริ าคะ นโิ รธะ วเิ วกะ –วริ าคนสิ สฺ ติ ํ วิราคนสิ ฺสิตํ วเิ วก- นิสฺสติ ํ ศีลนั้นใช้ได้ ศีลนน้ั แหละสงู สุด ถา้ อย่าง นตี้ ้องมีค�ำว่าสมั มาเข้ามากันหน้า ขอบอกเปน็ หลกั ไวว้ า่ ธรรมะทกุ ขอ้ ๆ มนั มีชอ่ื ของมันอย่างน้ันๆ หมายความว่าอยา่ ง นนั้ แตถ่ ้าจะให้เป็นที่พึ่งไดถ้ งึ ท่สี ดุ ไดใ้ ห้เติม สมั มาเข้าไป อย่างทฏิ ฐิอยา่ งนี้ มันจะเป็น สมั มาทฏิ ฐกิ ต็ อ่ เมอ่ื ทฏิ ฐนิ นั้ เปน็ วเิ วกนสิ สฺ ติ ํ ว-ิ ราคนิสสฺ ติ ํ นิโรธนสิ ฺสิตํ เป็นไปเพ่ือดบั ทุกขส์ น้ิ เชิง จงึ จะเป็นสมั มา สมั มาสงั กปั โป สมั มาวาจา ๒๖
สัมมา-กมั มนั โต นี่มีสัมมา สัมมา สมั มาแล้วก็ ให้รวู้ ่ามนั มอี าการเป็นไปเพอ่ื วิราคะ เพอื่ วิเวก เพอื่ นโิ รธะท้ังนนั้ สมาธิตามธรรมดาท่ไี มเ่ ปน็ ไปเพอ่ื วิเวก มีราคะ มีนิโรธะมันก็เป็นสมาธิ ตามธรรมดา แตถ่ า้ มนั เป็นไปเพ่อื วิราคะ วิเวก ะเปน็ ต้นแล้วกเ็ รยี กว่าสมั มา สัมมาขน้ึ มาทันที ให้รู้ไว้เสียเลยว่าไอ้ค�ำท่ีมีสัมมาน�ำ หน้ากับค�ำที่ไม่มีสัมมาน�ำหน้านั้นมันต่างกัน อยา่ งไร สัมมาทิฏฐกิ บั ทิฏฐเิ ฉยๆ มันตา่ งกัน อย่างไร สัมมาสังกปั ปะกับสังกปั ปะเฉยๆ มนั ต่างกนั อยา่ งไร สัมมาวาจากบั วาจาเฉยๆ มนั ต่างกนั อยา่ งไร สมั มากนั มันตะกับกมั มันตะ เฉยๆ สัมมาอาชีวะกับอาชีวะเฉยๆ สัมมาสติ กบั สตเิ ฉยๆ สมั มาสมาธิ สัมมาวายามะ สมั มา- สติ สัมมาสมาธนิ ะ่ กับทีม่ ันเฉยๆ ไม่มีสมั มามัน ตา่ งกนั ลบิ อันหนึ่งเปน็ ของธรรมดา เปน็ ของ ๒๗
ธรรมดาเรีย่ ราดอยู่ ทีนี้อย่างไร แตถ่ ้ามคี วาม หมายเปน็ ไปเพื่อนพิ พาน อาศยั วิราคะ อาศยั วเิ วกะ อาศยั วิโรธะแลว้ มนั มีเกียรติยศน�ำหนา้ เขา้ มาด้วยคำ� ว่าสัมมาๆ สมั มาๆ แมแ้ ตท่ านนถ่ี า้ มนั เปน็ ไปอยา่ งธรรมดาก็ เรยี กวา่ ทาน แตถ่ า้ ทานนั้นมนั เป็นไปเพ่ือชำ� ระ การยดึ มั่นถอื มั่น ช�ำระกเิ ลส ช�ำระอะไรก็… มัน จะไดช้ ่อื ว่าสัมมาทาน สัมมาทานะ สมั มาสีละ สัมมาปัญญา แต่วา่ ไม่เคยได้ยนิ เรียก ไมเ่ คย ได้ยินเรยี ก แต่มนั กไ็ ปเรยี กในทอี่ ีกแหง่ หนึ่ง ซง่ึ ไม่สนใจกนั เอง คือในอริยมรรคมอี งค์แปดนะ่ เติมสมั มาๆ เขา้ มา ถ้าไม่มสี มั มาน�ำหนา้ มันก็ เป็นของธรรมดาอยู่ในทท่ี ั่วไป พอมสี ัมมาเติม เข้าไปข้างหน้ามันกลายไปอยู่ในอริยมรรค อรยิ มรรคมีองคแ์ ปด ฉะนัน้ ขอให้ทุกอย่างทเี่ รามีนี้ มใี ห้ถงึ ๒๘
ขดี ท่ีจะเป็นไปเพื่อนิพพาน เป็นไปเพ่ือนพิ พทิ า เพอื่ วริ าคะ เพ่อื วิมุตติ นัน่ นะ่ จงึ จะพอ ฉะน้นั ศรัทธาก็ดีใหม้ ันถกู ตอ้ งถงึ ขนาด ศลี กด็ ีใหม้ ัน ถูกต้องถงึ ขนาด พระรัตนตรยั เปน็ ทีส่ ุด เบื้อง ตน้ นีก้ ข็ อใหถ้ ูกต้องถึงขนาด ใหม้ นั เปน็ จรงิ สำ� เรจ็ ดว้ ยการปฏบิ ตั ิ คอื จริง เป็นวธิ ี วิธปี ฏิบัติ ไมใ่ ช่ พิธี ไมใ่ ช่พิธี เอาละ เปน็ อันว่าวันนีไ้ มพ่ ูดอะไรกัน มากแล้ว เพยี งแต่ใหเ้ ขา้ ใจคำ� ว่าวธิ เี ปน็ ท่พี งึ่ ได้ ส่วนพิธีนัน้ พงึ่ ไม่ได้ อย่าไปพ่งึ มนั เลย วธิ ีกบั พิธี มันต่างกันอยา่ งน้ี ถ้าเป็นวิธีมันจะรนุ แรงเฉียบ ขาดไปเรอื่ ยๆๆ จนถงึ กบั วา่ มนั ตดั ออกไปได้ มนั จะไปถึงไออ้ ตัมมยตา ขอพูดถงึ อตัมมยตาอกี สักนดิ วา่ อตัมมยตาเปน็ ธรรมะอนั สูงสุดทจี่ ะ หลุดจากโลกียะไปสโู่ ลกตุ ตระสูงสดุ โนน่ เป็น พระอรหนั ตโ์ น่น แต่ขอยมื หนอ่ ยขอยืมมาใชท้ ี่ ๒๙
นี่ ขอยืมมาใช้ตามบา้ นเรือนนี่ คอื ความรสู้ ึกที่ เปน็ ไปถึงท่ีสดุ วา่ สิง่ นั้นเป็นอย่างไร จนรู้วา่ อาศัยมนั ไม่ไดอ้ ีกต่อไป แล้วเกดิ ความรสู้ ึกอนั นขี้ ้นึ มาแลว้ กเ็ รียกว่าอตมั มยตา เชน่ มนั ตดิ ยาเสพตดิ บหุ รบี่ า้ ง เหลา้ บา้ ง อะไรบ้างมนั หลงงมงาย แต่ถา้ ไดพ้ จิ ารณาเหน็ ถึงความเลวร้ายหลอกลวงมายาของมัน จะเหน็ วา่ โอ้ มันถงึ ขนาดน้ี เอากับมนั ไมไ่ หวอกี แลว้ เลกิ กนั ที เอากบั มนั ไมไ่ หวอกี แลว้ น่ีเรยี กว่า มอี ตมั มยตามาชว่ ย เลกิ บหุ ร่ีได้ เลกิ เหลา้ ได้ เลิกการพนนั ได้ แม้ทส่ี ดุ มันเกียจคร้าน คน เกียจครา้ นไมท่ �ำการงาน นสิ ยั มันมแี ต่นอน ถ้า มันมปี ญั ญาพจิ ารณากันจรงิ ๆ จงั ๆ ลงไปถงึ ความเกียจครา้ น ถึงโทษของความเกียจคร้าน ถงึ ผลท่ีได้รบั จากความเกยี จครา้ น จนมันเกิด ความรสู้ กึ วา่ โอ้ เอากบั มนั ไมไ่ หวแลว้ โวย้ ความ ๓๐
เกยี จคร้านเลิกกันที เลกิ กนั ที น้ีกเ็ รยี กวา่ เอา อตมั มยตามาใช้ เลิกได้หมดแหละอบายมุข ขอ้ ไหนก็ตาม ดื่มน�้ำเมา เทย่ี วกลางคืน ดูการละ เลน่ เลน่ การพนนั คบคนชวั่ เปน็ มติ ร เกยี จครา้ น ทำ� การงาน เลกิ ไดห้ มดดว้ ยอตมั มยตาอาวธุ วเิ ศษ ที่ขอยืมมาจากโนน่ เบอ้ื งบนมาใชก้ นั ทีน่ ่ี เดี๋ยวนีเ้ ราจะเอามาใช้ให้ดกี ว่านั้น เอา มาใช้เลิกพธิ ี เลิกพธิ ี มาเอาวิธี มนั มวั เมามัน ตดิ พนั หลงใหลในสง่ิ ทเี่ รียกว่าพธิ ี เปน็ ไสยศาสตร์ อย่ทู ัง้ เนอื้ ท้งั ตวั ถอนออกไมไ่ ดเ้ พราะความกลวั เพราะความไมร่ ู้ เพราะความไม่กลา้ เอามา ศกึ ษากนั เสียให้รู้ให้มันเดด็ ขาดวา่ พธิ เี ปน็ อยา่ งไร วธิ เี ป็นอยา่ งไร จนเขา้ ใจแจ่มแจง้ แล้วมันกจ็ ะ อยา่ กันเสียที ไอ้พธิ อี ย่าเอาเลย เอาวิธดี ีกว่า จะ ใหท้ าน จะรักษาศีล จะเจริญสมาธภิ าวนากใ็ ห้ มันเปน็ วิธแี ละถกู วธิ ี ไมต่ อ้ งเป็นเพยี งพิธี แต่ ๓๑
เดี๋ยวน้ีเหนียวแน่นอยู่กับพิธีติดอยู่กับพิธีด้วย ความเคยชินมาแต่อ้อนแต่ออกแต่ไหนแต่ไรมา แลว้ ขอยมื อาวธุ อันประเสรฐิ ของพระพทุ ธเจ้า คืออตัมมยตาเอามาใช้กบั มนั ตัดขาดจากพิธี รตี องมาสูพ่ ิธธี รรมดา ตัดขาดจากพธิ ธี รรมดา มาสูว่ ิธี วิธที ีถ่ กู ตอ้ ง วธิ ที ีเ่ ป็นธรรมะบริสทุ ธทิ์ ่ี ดบั ทกุ ขไ์ ดจ้ รงิ อาศยั อตัมมยตาทไ่ี ด้พูดกันมา พอเข้าใจแลว้ แหละ เอามาใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์ ให้สำ� เรจ็ ประโยชน์เถดิ เรอื่ งวันน้กี ็มอี ย่างน้ี อุปกรณท์ จ่ี ะช่วย ใหเ้ ราเลกิ อายไุ ด้ โดยใช้อตัมมยตามาตดั ไอส้ ง่ิ ที่ มนั ผกู พนั กันอย่กู ับส่ิงทีเ่ ป็นทีพ่ งึ่ ไมไ่ ด้ สง่ิ ท่ีเปน็ เพียงพธิ ีรตี องน้ีใหม้ นั ขาดไปเสีย ให้มาสวู่ ิธอี นั เฉยี บแหลม อันคมกรบิ ที่จะตัดกเิ ลสตดั อวิชชา อะไรได้ และในทส่ี ดุ เราก็จะเลกิ อายุได้ เพกิ ถอนปัญหาทุกอย่างทุกประการเกี่ยวกับอายุได้ ๓๒
อยู่เหนอื ปัญหาของอายุ เรียกวา่ เลิกอายุกนั ได้ เพราะเหตนุ ี้ นี่ก็สมควรแกเ่ วลา ไมค่ อ่ ยมีแรงจะพูด แล้ววนั นี้ กต็ อ้ งขอยตุ ิว่า จงชำ� ระสะสางศรทั ธา ศีล สรณาคมน์ของตน ใหส้ ูงข้ึนมาดว้ ยการตดั เย่อื ใยผกู พนั ที่ตดิ ตังอยู่ ใหม้ ันออกไปเสยี ด้วย อตมั มยตา การบรรยายสมควรแกเ่ วลา ขอยตุ ธิ รรม เทศนาวนั น้ไี ว้แต่เพียงเท่าน้ี. ๓๓
สมทบพิมพ ๘ บาท
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: