Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มหัศจรรย์สมุนไพรไทยสู่การนำไปใช้ประโยชน์

มหัศจรรย์สมุนไพรไทยสู่การนำไปใช้ประโยชน์

Published by jariya5828.jp, 2021-07-13 03:21:38

Description: มหัศจรรย์สมุนไพรไทยสู่การนำไปใช้ประโยชน์

Search

Read the Text Version

สกู่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใ์สชม้ปนุ รไพะโยรไชทนย์ ลักษณะภายนอกของเคร่ืองยา : ผลแก่แหง้ รูปทรงกลม (mericarps) สนี ำ้� ตาลออ่ น ประกอบดว้ ย cremocarp 2 อนั ผลแก่แหง้ แลว้ แตก แตล่ ะ cremocarp มีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-4 มิลลเิ มตร ผิวนอก สีเหลืองนำ้� ตาลถงึ สนี ำ้� ตาล มีสนั ประมาณ 10 อนั ผนงั เป็นคล่นื พบสว่ นกลีบเลยี้ งและ เกสรตวั เมียหลงเหลืออยู่ ผลมีกล่นิ หอมเฉพาะ รสเผ็ด สรรพคณุ : ต�ำรายาไทย : ผล รสหวานฝากรอ้ นหอม (สขุ มุ ) แกพ้ ิษตานซาง ขบั ลม แกท้ อ้ งอืด เฟอ้ บำ� รุงธาตุ แกส้ ะอกึ แกก้ ระหายนำ้� แกค้ ล่นื ไสอ้ าเจียน เป็นนำ้� กระสาย ยาแกอ้ าเจียน แกต้ าเจ็บ แกล้ มวิงเวียน บำ� รุงกระเพาะอาหาร ทำ� ใหเ้ จรญิ อาหาร แกบ้ ดิ ถ่ายเป็นเลือด ค่วั บดผสมสรุ ากินแกร้ ดิ สีดวงทวารมีเลอื ดออก ตม้ เอานำ้� อมบว้ นปาก แกป้ วดฟัน แกเ้ จ็บ ในปากคอ รปู แบบและขนาดวิธีใชย้ า: ไมม่ ีขอ้ มลู 45

โครงการอนรุ กั ษ์พันธุกรรมพืชอนั เน่ืองมาจากพระราชด�ำ ริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) มะกรูด (ผิวผล) ได้จาก ผิวผลชนั้ นอก ผล นำ้� จากผล ช่อื พชื ท่ีให้เครื่องยา มะกรูด ช่ืออน่ื (ของพืชที่ใหเ้ คร่อื งยา) มะขนุ มะขดู (พายพั ) สม้ กรูด สม้ ม่วั ผี (ใต)้ มะหดู (หนองคาย) ชือ่ วิทยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. ชื่อพ้อง Citrus auraria Michel, C. balincolong (Yu.Tanaka) Yu.Tanaka, C. boholensis (Wester) Yu.Tanaka, C. celebica Koord., C. combara Raf., C. hyalopulpa Yu.Tanaka, C. kerrii (Swingle) Yu.Tanaka, C. kerrii (Swingle) Tanaka, C. latipes Hook.f. & Thomson ex Hook.f., C. macroptera Montrouz., C. micrantha Wester, C. papeda Miq., C. papuana F.M.Bailey, C. southwickii Wester, C. torosa Blanco, C. tuberoides J.W.Benn., C. ventricosa Michel, C. vitiensis Yu.Tanaka, C. westeri Yu.Tanaka, Fortunella sagittifolia K.M.Feng & P.Y.Mao, Papeda rumphii Hassk. ชอื่ วงศ ์ Rutaceae 46

สู่กมาหรศั นจ�ำรไรปยใส์ ชมป้ ุนรไพะโยรไชทนย์ ลักษณะภายนอกของเครอ่ื งยา : ผลคอ่ นขา้ งกลม ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-7 เซนตเิ มตร ผิวขรุขระมีจกุ ท่ีหวั และ ทา้ ยของผล ผลสดเปลือกฉ่ำ� นำ้� มีต่อมนำ้� มนั มาก ผิวขรุขระ เม่ือสกุ มีสีเหลือง มีเมล็ด ขนาดเลก็ หลายเมลด็ ผิวมะกรูด มีรสปรา่ หอมรอ้ น รสขม นำ้� ในผลรสเปรยี้ ว สรรพคุณ : ต�ำรายาไทย : ผิว มีรสปรา่ หอม รอ้ น เป็นยาขบั ลมในลำ� ไส้ แกแ้ นน่ ขบั ระดู ขบั ผายลม เป็นยาบำ� รุงหวั ใจ ผล ดองเป็นยาฟอกเลือดในสตรี ช่วยขบั ระดู ขบั ลมในลำ� ไส้ แกจ้ กุ เสยี ด ลกั ปิดลกั เปิด นำ้� มนั จากผวิ ชว่ ยปอ้ งกนั รงั แค และทำ� ใหเ้ สน้ ผมดกดำ� เป็นเงางาม ผล รสเปรยี้ ว กดั เสมหะ แกน้ ำ้� ลายเหนียว กดั เถาดานในทอ้ ง แกร้ ะดเู สีย ฟอกโลหิตระดู ขบั ระดู ขบั ลมในลำ� ไส้ ถอนพิษผิดสำ� แดง ผล ปิ้งไฟใหส้ กุ ผา่ ครง่ึ ลกู เอาถฟู อกสระผม ทำ� ใหผ้ มดกดำ� เป็นเงางาม น่ิมสลวย แกค้ นั แกร้ งั แค แกช้ นั นะตุ ทำ� ใหผ้ มสะอาดแพทย์ ตามชนบทใชผ้ ลเอาไสอ้ อก ใสม่ หาหิงคแุ์ ทน สมุ ไฟใหเ้ กรยี ม บดกวาดปากลนิ้ เดก็ ออ่ น ขบั ขีเ้ ทา ขบั ลม แกป้ วดทอ้ งในเดก็ หรอื ใชผ้ ลสดนำ� มาผิงไฟใหเ้ กรยี ม แลว้ ละลายใหเ้ ขา้ กบั นำ้� ผงึ้ ใชท้ าลนิ้ ใหเ้ ดก็ ท่ีเกิดใหม่ ยาพืน้ บา้ นบางถ่ินใชน้ ำ้� มนั มะกรูดดองยาท่ีเรยี กวา่ “ยาดองเปรย้ี วเคม็ ” ท่ีใชก้ ินเป็นยาฟอกโลหิตในสตรี นำ้� ผลมะกรูด มีรสเปรยี้ ว แกเ้ สมหะ ในลำ� คอ แกเ้ ลอื ดออกตามไรฟัน ฟอกโลหติ ระดู ขบั ลมในลำ� ไส้ และใชถ้ นอมยาไมใ่ หบ้ ดู เนา่ แกอ้ าการทอ้ งอืด ชว่ ยเจรญิ อาหาร ใชส้ ระผมกนั รงั แค เนือ้ ของผล แกป้ วดศีรษะ รูปแบบและขนาดวิธีใชย้ า : 1. ขบั ลมในลำ� ไส้ แกแ้ น่น แก้เสมหะ ฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิน้ เล็กๆ 1 ชอ้ นแกง เติมการบรู หรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงดว้ ยนำ้� เดือดแชท่ ิง้ ไว้ ด่ืมแตน่ ำ้� รบั ประทาน 1-2 ครงั้ ถา้ ยงั ไมท่ เุ ลากินตดิ ตอ่ กนั 2-3 วนั 2. สระผม ให้ดกด�ำ เงางาม รักษาชนั นะตุ ใหผ้ า่ มะกรูดเป็น 2 ชิน้ เม่ือสระผมเสรจ็ แลว้ เอามะกรูดมาสระซำ้� โดยยีไปบนผม นำ้� มะกรูดเป็นกรดจะทำ� ใหผ้ มสะอาด แลว้ ลา้ งเอาสมนุ ไพรออกใหห้ มด หรอื ใชผ้ ลเผาไฟ นำ� มาผา่ ซีกใชส้ ระผม 47

โครงการอนุรกั ษพ์ ันธกุ รรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชด�ำ ริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) มะตูม ได้จาก ผล ชอ่ื พืชที่ใหเ้ ครอื่ งยา มะตมู ชื่ออืน่ (ของพืชที่ให้เคร่ืองยา) มะปิน (เหนือ) มะตูมบา้ น, กะทันตาเถร, ตูม (ใต)้ , บกั ตมู (อีสาน), ตมุ่ ตงั ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Aegle marmelos (L.) Corr. ชือ่ พ้อง Belou marmelos (L.) Lyons, Bilacus marmelos (L.) Kuntze, Crateva marmelos L., Feronia pellucida Roth ชือ่ วงศ ์ Rutaceae 48

สูก่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใส์ ชมป้ ุนรไพะโยรไชทนย์ ลกั ษณะภายนอกของเครอ่ื งยา : ผลรูปไข่ หรอื รูปกลม ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 8-10 เซนตเิ มตร ยาว 12-18 เซนตเิ มตร เปลอื กหนา แขง็ มาก สเี ขยี วอมนำ้� ตาล ผวิ เปลอื กเรยี บ เมอ่ื ยงั ดบิ เปลอื กสเี ขยี ว แตเ่ มอ่ื สกุ มสี เี หลอื งอมนำ้� ตาล ภายในผลมเี นอื้ หนาสเี หลอื งสม้ และมนี ำ้� เหนยี วๆ อยรู่ อบเมลด็ มีเมลด็ จำ� นวนมากฝังอยใู่ นเนือ้ ผลแก่มีกล่นิ หอมออ่ นๆ ผลออ่ นรสฝาดรอ้ นปรา่ ข่ืน ผลแก่ ท่ียงั ไมส่ กุ รสฝาดหวาน สรรพคณุ : ตำ� รายาไทย : ผลออ่ น รสฝาดรอ้ นปรา่ ข่ืน ฝานบางๆ สดหรอื แหง้ ชงนำ้� รบั ประทาน แกท้ อ้ งเสยี แกบ้ ดิ แกโ้ รคกระเพาะอาหาร ฝาดสมาน เจรญิ อาหาร เป็นยาธาตุ แกธ้ าตุ พิการ ขบั ผายลม บำ� รุงกำ� ลงั และรกั ษาโรคลำ� ไสเ้ รอื้ รงั ในเดก็ ผลแก่ท่ียงั ไมส่ กุ รสฝาด หวาน แกบ้ ดิ แกเ้ สมหะ แกล้ ม บำ� รุงไฟธาตุ ชว่ ยยอ่ ยอาหาร ผลแก่สกุ ทบุ ใหเ้ ปลือกแตก ตม้ ทงั้ ลกู กบั นำ้� ตาลแดง เป็นยาระบายทอ้ ง เหมาะกบั ผสู้ งู อายหุ รอื ผทู้ ่ีทอ้ งผกู เป็นประจำ� ชว่ ยขบั ผายลม แกร้ อ้ นในกระหายนำ้� แกล้ มเสยี ดแทงในทอ้ ง แกม้ กู เลอื ด แกบ้ ดิ เรอื้ รงั บำ� รุงไฟธาตุ แกโ้ รคไฟธาตอุ อ่ น แกค้ ร่นั เนือ้ ตวั ชว่ ยยอ่ ยอาหาร มะตมู ทงั้ 5 สว่ น (ราก ลำ� ตน้ ใบ ดอก และผล) รสฝาดปรา่ ซา่ ข่ืน ใชแ้ กป้ วดศีรษะ ตาลาย เจรญิ อาหาร ลดความ ดนั โลหิตสงู รูปแบบและขนาดวิธีใชย้ า : แกค้ ล่นื ไส้ อาเจียน จากธาตไุ มป่ กติ ใชผ้ ลดบิ สดห่นั เป็นแวน่ ยา่ งไฟพอเหลอื ง หรอื ใชผ้ ลดบิ ท่ีห่นั เป็นแวน่ ตากแหง้ ไวก้ ็ได้ นำ� มายา่ งไฟพอเหลอื ง ใชค้ รงั้ ละ 1 กำ� มือ หรอื ประมาณ 25 กรมั (2-3 ชิน้ ) ตม้ เอานำ้� ด่ืม 49

โครงการอนุรักษพ์ นั ธุกรรมพืชอนั เน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) มะขามปอ้ ม ได้จาก ผล ชอ่ื พชื ท่ีใหเ้ ครอื่ งยา มะขามปอ้ ม ชื่ออืน่ (ของพชื ที่ใหเ้ ครอ่ื งยา) กนั โตด (เขมร) กำ� ทวด (ราชบรุ )ี ม่งั ลู่ สนั ยาสา่ (กะเหรย่ี ง แมฮ่ อ่ งสอน) ชอื่ วิทยาศาสตร ์ Phyllanthus emblica L. ช่ือพอ้ ง Cicca emblica (L.) Kurz, Diasperus emblica (L.) Kuntze Dichelactina nodicaulis Hance Emblica arborea Raf. E. officinalis Gaertn., Phyllanthus mairei H.Lév., P. mimosifolius Salisb., P. taxifolius D.Don ช่ือวงศ์ Euphorbiaceae 50

สู่กมาหรัศนจ�ำรไรปยใ์สชมป้ นุ รไพะโยรไชทนย์ ลักษณะภายนอกของเคร่อื งยา : ผลสดกลม มีเนือ้ ผิวเรยี บ ใส ฉ่ำ� นำ้� เม่ือดบิ สีเขียวออกเหลอื ง ผลสกุ สเี หลอื งออก นำ้� ตาล เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-2 เซนตเิ มตร มีเสน้ พาดตามความยาวของลกู 6 เสน้ เมลด็ กลมแขง็ มี 1 เมลด็ เนอื้ ผลมรี สฝาด เปรยี้ ว ขม หวาน รบั ประทานเป็นอาหารได้ ทำ� ใหช้ มุ่ คอ รบั ประทานนำ้� ตามไป ทำ� ใหม้ ีรสหวานดีขนึ้ สรรพคณุ : ตำ� รายาไทย : เนอื้ ผลแหง้ รสเปรยี้ วฝาดขม ขบั เสมหะ ทำ� ใหช้ มุ่ คอ เป็นยาฝาดสมาน แกร้ ดิ สดี วง แกบ้ ดิ ทอ้ งเสยี ใชค้ วบกบั ธาตเุ หลก็ แกโ้ รคดีซา่ น และชว่ ยยอ่ ยอาหาร ยาง จากผล รสเปรยี้ วฝาดขม ชว่ ยยอ่ ยอาหาร ขบั ปัสสาวะ ใชเ้ ป็นยาแกไ้ อ รปู แบบและขนาดวธิ ีใชย้ า: แกไ้ อ ชว่ ยกระตนุ้ ใหน้ ำ้� ลายออก ชว่ ยละลายเสมหะ มีวิธีใชด้ งั นี้ 1. ใชเ้ นือ้ ผลสด ครงั้ ละ 2-5 ผล โขลกพอแหลก แทรกเกลือเลก็ นอ้ ย อม หรอื เคีย้ ว วนั ละ 3-4 ครงั้ 2. ผลสดฝนกบั นำ้� แทรกเกลอื จิบบอ่ ยๆ หรอื ใชผ้ ลสดจิม้ เกลอื รบั ประทาน 3. ผลสดตำ� คนั้ เอานำ้� ด่ืม หรอื ผลแหง้ 6-12 กรมั (ผลสด 10-30 ผล) คนั้ นำ้� ด่ืม หรอื เคีย้ วอมบอ่ ยๆ 51

โครงการอนรุ ักษ์พันธกุ รรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) สมอไทย ช่อื อื่นๆของเครอื่ งยา สมอ ไดจ้ าก ผล ชื่อพืชที่ใหเ้ ครือ่ งยา สมอไทย ช่ืออืน่ (ของพืชที่ใหเ้ ครื่องยา) กกสม้ มอ สมอ มาแน่ สมออพั ยา หมากแนะ่ ชอ่ื วิทยาศาสตร ์ Terminalia chebula Retz. ช่ือพ้อง T. acuta Walp., T. gangetica Roxb., T. parviflora Thwaites, T. reticulata Roth, T. zeylanica Van Heurck & Müll. Arg., Buceras chebula (Retz.) Lyons, Myrobalanus chebula (Retz.) Gaertn., M. gangetica (Roxb.) Kostel. ชือ่ วงศ ์ Combretaceae 52

สู่กมาหรศั นจ�ำรไรปยใส์ ชม้ปนุ รไพะโยรไชทนย์ ลักษณะภายนอกของเครอ่ื งยา : ผลรูปทรงกลม หรอื รูปไข่ กวา้ ง 1-2.5 เซนตเิ มตร ยาว 2-4 เซนตเิ มตร ผลสดสเี ขียว อมเหลือง หรอื บางครงั้ มีสแี ดงปน ผิวเรยี บ มีสนั 5 สนั เมลด็ เด่ียว แขง็ รูปรี ขนาดใหญ่ ผล แหง้ สีดำ� เขม้ ผิวยน่ ผลออ่ นรสเปรยี้ ว ผลแก่มีรสฝาดตดิ เปรยี้ ว ขม ไมม่ ีกล่นิ เนือ้ ผลรส ฝาดเปรยี้ ว เม่ือชิมจะขมเลก็ นอ้ ยในตอนแรกและจะหวานในตอนหลงั เมลด็ มีรสขม สรรพคณุ : ต�ำรายาไทย : ผล ระบายอ่อนๆ แกล้ มป่ วง แกพ้ ิษรอ้ นใน คมุ ธาตุ แกล้ มจกุ เสียด รูผ้ ายธาตุ รูร้ ะบายรูถ้ ่ายอจุ จาระ ถ่ายพิษไข้ คมุ ธาตใุ นตวั เสรจ็ แกไ้ ขเ้ พ่ือเสมหะ ผลออ่ น มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ถ่ายอุจจาระ ถ่ายเสมหะ ลดไข้ ขับลมในลำ� ไส้ แกโ้ ลหิตในทอ้ ง แกน้ ำ้� ดี ผลแก่ เป็นยาฝาดสมาน แกท้ อ้ งเดนิ แกไ้ ขเ้ พ่ือเสมหะ แกโ้ ลหิตในอทุ ร แกน้ ำ้� ดี ถา่ ยอจุ จาระ รูถ้ า่ ยรูป้ ิดเอง(ระบายแลว้ หยดุ เอง) แกล้ มป่วง แกพ้ ษิ รอ้ นภายใน แกล้ มจกุ เสยี ด ถ่ายพิษไข้ คมุ ธาตุ แกไ้ อเจ็บคอ ขบั นำ้� เหลืองเสีย แกเ้ สมหะเป็นพิษ แกด้ ีพลงุ่ แกอ้ าเจียน บำ� รุงรา่ งกาย แกน้ อนสะดงุ้ ผวา บดเป็นผงโรยแผลเรอื้ รงั เนือ้ ผล รสฝาดเปรยี้ ว แกบ้ ดิ แก้ ทอ้ งผกู แกท้ อ้ งขนึ้ อืดเฟอ้ แกโ้ รคเก่ียวกบั นำ้� ดี แกโ้ รคทอ้ งมาน แกต้ บั มา้ มโต แกอ้ าเจียน แกส้ ะอกึ แกห้ ืดไอ แกท้ อ้ งรว่ งเรอื้ รงั ทำ� เป็นยาชงใชอ้ มกลวั้ คอแกเ้ จ็บคอ เมลด็ รสขม ทำ� ใหเ้ จรญิ อาหาร รปู แบบและขนาดวิธีใชย้ า : ยาระบายถ่ายทอ้ ง ใชผ้ ลออ่ น 5-6 ผล หรอื 30 กรมั ตม้ กบั นำ้� 1 ถว้ ยแกว้ ใสเ่ กลือ เลก็ นอ้ ย รบั ประทานครงั้ เดียว จะถ่ายหลงั ใหย้ าประมาณ 2 ช่วั โมง 53

โครงการอนรุ กั ษพ์ ันธุกรรมพชื อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) สมอพิเภก ไดจ้ าก ผล ชอื่ พืชท่ีให้เคร่อื งยา สมอพิเภก ช่ืออื่น (ของพชื ที่ใหเ้ ครอื่ งยา) ลนั สมอแหน แหน แหนขาว แหนตน้ สะคู้ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Terminalia bellirica (Gaertn.) Roxb. ช่อื พ้อง - ชื่อวงศ์ Combretaceae 54

สูก่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใ์สชมป้ ุนรไพะโยรไชทนย์ ลักษณะภายนอกของเครื่องยา : ผลรูปกลมหรอื รี แขง็ กวา้ งประมาณ 1.5-2 เซนตเิ มตร ยาว 2.5-3 เซนตเิ มตร มีสนั 5 สนั ผิวนอกปกคลมุ ดว้ ยขนสนี ำ้� ตาลหนาแนน่ เมลด็ เด่ียวแข็ง ผลออ่ นรสเปรยี้ ว ผลแก่รส เปรยี้ วฝาดหวาน(ฝาดสขุ มุ ) เมลด็ ในรสฝาด สรรพคณุ : ตำ� รายาไทย : ผลออ่ น แกไ้ ขเ้ พ่ือเสมหะ และไขเ้ จือลม เป็นยาระบาย ยาถ่าย ผลแก่ แกเ้ สมหะจกุ คอ ทำ� ใหช้ มุ่ คอ แกโ้ รคตา แกธ้ าตกุ ำ� เรบิ บำ� รุงธาตุ แกไ้ ข้ แกร้ ดิ สดี วง แกท้ อ้ งรว่ ง ทอ้ งเดนิ รกั ษาโรคทอ้ งมาน เมลด็ ใน แกบ้ ดิ แกบ้ ดิ มกู เลอื ด รปู แบบและขนาดวิธีใชย้ า : 1. ยาระบายถ่ายทอ้ ง ใชผ้ ลอ่อน 2-3 ผล ตม้ กับนำ้� 1 ถว้ ยแกว้ ใส่เกลือเล็กนอ้ ย รบั ประทานครงั้ เดียว 2. แกท้ อ้ งรว่ ง ทอ้ งเดิน ใชผ้ ลแก่ 2-3 ผล ตม้ กบั นำ้� 2 ถว้ ยแกว้ ใส่เกลือเล็กนอ้ ย เค่ียวจนเหลือ 1 ถว้ ยแกว้ รบั ประทาน 55

โครงการอนรุ ักษ์พันธุกรรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชด�ำ ริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ส้มปอ่ ย ได้จาก ใบ ฝัก ชื่อพืชที่ให้เครอ่ื งยา สม้ ป่อย ชื่ออื่น(ของพืชท่ีให้เครอื่ งยา) สม้ ขอน ชื่อวทิ ยาศาสตร ์ Acacia concinna (Willd.) DC. ชื่อพ้อง A. hooperiana Miq., A. philippinarium Benth., A. poilanei Gagnep., A. polycephala DC., A. quisumbingii Merr., A. rugata (Lam.) Merr., Guilandina microphylla DC., Mimosa concinna Willd., M. rugata Lam., Nygae sylvarum-minimae Rumph. ชือ่ วงศ ์ Leguminosae-Mimosoideae 56

สกู่ มาหรศั นจ�ำรไรปยใ์สชม้ปนุ รไพะโยรไชทนย์ ลกั ษณะภายนอกของเคร่อื งยา : ใบประกอบแบบขนนก ก่ิงกา้ นมีหนาม ใบย่อยรูปขอบขนาน ขนาดเล็ก ปลาย และโคนมน ผลเป็นฝักรูปขอบขนาน แบน หนา ฝักแก่สีนำ้� ตาลดำ� ผิวฝักเป็นคล่ืน ยน่ ขรุขระมากเม่ือแหง้ ขอบเป็นคล่นื เมลด็ สดี ำ� รูปกลมรถี งึ รูปกลมแบน ผิวมนั ใบมีรส เปรยี้ ว ฝาดรอ้ นเลก็ นอ้ ย เปลือกฝักรสขมเปรยี้ ว เผด็ ปรา่ ฝักมีรสเปรยี้ ว สรรพคุณ : ตำ� รายาไทย : ใบ แกโ้ รคตา ชำ� ระเมอื กมนั ในลำ� ไส้ ยาถา่ ยเสมหะ ถา่ ยระดขู าว แกบ้ ดิ ฟอกลา้ งโลหิตระดู ประคบใหเ้ สน้ เอน็ หยอ่ น ใบใชใ้ นสตู รยาอบสมนุ ไพร มีฤทธิ์เป็นกรด ออ่ นๆ ชว่ ยชะลา้ งส่งิ สกปรก เพ่ิมความตา้ นทานโรคใหก้ บั ผิวหนงั บำ� รุงผิวพรรณ แกห้ วดั แกป้ วดเม่ือย สตู รยาลกู ประคบสมนุ ไพร ชว่ ยบำ� รุงผิว แกโ้ รคผิวหนงั ลดความดนั ใบตำ� หอ่ ผา้ ประคบเสน้ ใหเ้ สน้ ออ่ น ยากลางบา้ นใชใ้ บออ่ น ตม้ เอานำ้� ผสมกบั นำ้� ผงึ้ กินเป็นยา ขบั ปัสสาวะ ฝัก มรี สเปรยี้ ว เป็นยาถา่ ย ขบั เสมหะ แกไ้ อ แกไ้ ขจ้ บั ส่นั ฝักปิง้ ใหเ้ หลอื ง ชงนำ้� จิบแกไ้ อ ขบั เสมหะ แกน้ ำ้� ลายเหนียว เป็นยาถ่ายทำ� ใหอ้ าเจียน ใชส้ ระผม ทำ� ใหผ้ มชมุ่ ชืน้ เป็นเงางาม ไมม่ ีรงั แค ตม้ นำ้� อาบหลงั คลอด ฝักตำ� พอกหรอื ชบุ สำ� ลีปิดแผลโรคผิวหนงั เปลือกฝัก รสขมเปรยี้ วเผด็ ปรา่ เจรญิ อาหาร กดั เสมหะ แกไ้ อ แกท้ รางเดก็ รูปแบบและขนาดวธิ ีใชย้ า: ไมม่ ีขอ้ มลู 57

โครงการอนรุ ักษพ์ ันธุกรรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) หญา้ คา ชอ่ื อ่นื ๆ ของเครื่องยา Alang-alang, Blady grass (หญา้ ใบมดี ), Cogongrass, Japanese bloodgrass, Kunai grass, Lalang, Thatch grass ได้จาก ราก ดอก ขน (ดอกแก่) และใบ ช่ือพืชท่ีให้เคร่อื งยา หญา้ หลวง หญา้ คา (ท่วั ไป) ชอ่ื อน่ื (ของพืชที่ใหเ้ คร่ืองยา) หญา้ คา คาหลวง (ท่วั ไป) ลาลาง (มะลาย)ู สาแล (มลาย-ู ยะลา-ตาน)ี : แปะเมา่ กงึ เตย่ี มเซากงึ (จนี -แตจ้ ๋วิ ); Thatch Grass. ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Imperata cylindrica (L.) Raeusch. ชื่อพ้อง - ชือ่ วงศ ์ Gramineae 58

สูก่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใ์สชมป้ ุนรไพะโยรไชทนย์ ลักษณะภายนอกของเคร่อื งยา : เป็นพวกพชื พวกหญา้ มลี ำ� ตน้ ใตด้ นิ เป็นเสน้ กลม สขี าวทอดยาว มขี อ้ ชดั เจน ผวิ เรยี บ หรอื อาจมขี นบา้ งเลก็ นอ้ ย แตกก่งิ กา้ นสาขาเลอื้ ยแผแ่ ละงอกเป็นกอใหมม่ ากมายหลายกอ ใบแตกจากลำ� ตน้ ใตด้ ิน ลกั ษณะแบนเรียวยาว มีใบยาว 20-50 เซนติเมตร กวา้ ง 5-9 มลิ ลเิ มตร ตอนแตกใบออ่ นใหมๆ่ จะมปี ลอกหมุ้ แหลม แขง็ ทย่ี อด ยาวประมาณ 1 มลิ ลเิ มตร งอกแทงขนึ้ มาจากดนิ ดอกออกเป็นชอ่ ทรงกระบอก ยาว 5-20 เซนตเิ มตร เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 1.5-3 เซนตเิ มตร มีดอกยอ่ ยอยตู่ ดิ กนั แนน่ เม่ือแก่จะเป็นขนฟสู ีขาว เมลด็ จะหลดุ รว่ งปลวิ ไปตามลม แพรพ่ นั ธไุ์ ปไดไ้ กลๆ พวกท่ีขนึ้ ในทงุ่ หญา้ ออกดอกในฤดรู อ้ น พวกท่ีขนึ้ ในท่ีชืน้ แฉะออกดอกปลายฤดรู อ้ นหรือฤดหู นาว นอกจากแพรพ่ นั ธุโ์ ดยเมล็ดแลว้ ยงั แพรพ่ นั ธุ์ โดยลำ� ตน้ ใตด้ นิ ท่ีงอกลามไปแลว้ เจรญิ เป็นตน้ ใหมอ่ ีก เป็นพืชชอบแดด และทนทานมาก เผาก็ไมต่ ายและดเู หมือนวา่ ไฟจะไปชว่ ยกระตนุ้ ใหม้ นั งอกมากขนึ้ และออกดอกแพรพ่ นั ธุ์ มากขนึ้ ไปอีก จงึ กลายเป็นวชั พืชท่ีขนึ้ ลกุ ลามไปตามไรแ่ ละปราบไดย้ ากชนิดหนง่ึ พบขนึ้ เป็นทงุ่ ท่วั ไป ตามพืน้ ท่ีรา้ งวา่ งเปลา่ ตามหบุ เขาและรมิ ทางท่วั ไป การเก็บมาใช้ : ใชร้ าก ดอก ขน (ดอกแก)่ และใบ เปน็ ยา ดอก เด็ดทงั้ กา้ นตอนดอกบานในฤดรู อ้ นหรือหนาว ใชส้ ดหรือตากแหง้ เก็บไวใ้ ช้ ลกั ษณะดอกแหง้ ท่ีดี เป็นแทง่ ทรงกระบอกยาว 5-20 เซนตเิ มตร มีขนท่ีโคนดอกยอ่ ย ขนมี มากเป็นสว่ นใหญ่ของชอ่ ดอก สีขาวออกเทา เป็นปยุ เบาๆ คลา้ ยนนุ่ ดอกยอ่ ยมีสีเหลอื ง ออกเทา มีกา้ นเกสรตวั เมียเป็นเสน้ ยาวๆ 2 เสน้ มีกล่นิ ออ่ นๆ รสจืด ควรแหง้ สนิท มีกา้ น ดอกสนั้ ๆ จงึ ดี ขน (ดอกแก)่ เก็บเม่ือชอ่ ดอกแก่เตม็ ท่ี เป็นขนสขี าวฟู เก็บมาตากแหง้ เก็บไวใ้ ช้ ราก เก็บในฤดฝู น หรอื ฤดหู นาว ตดั สว่ นเหนือดนิ ทิง้ ขดุ เอารากและลำ� ตน้ ใตด้ นิ ลา้ งสะอาด ขดู รากฝอยๆ ออก ใชส้ ดหรอื ตากแหง้ เก็บไวใ้ ช้ ลกั ษณะรากแหง้ ท่ีดี เป็นเสน้ กลมๆ ยาว 30-60 เซนตเิ มตร เสน้ ผา่ -ศนู ยก์ ลางประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร ผิวนอกมีสขี าว หรอื เหลืองขาว มีขอ้ สนี ำ้� ตาลออ่ นนนู ออกมา แตล่ ะขอ้ หา่ งกนั ประมาณ 3 เซนตเิ มตร เนือ้ เหนียว หกั ยาก เนือ้ ในตรงกลางมีสีเหลอื งออ่ น มีรูเลก็ ๆ 1 รู รอบนอกมีสขี าว มีรูเลก็ ๆ เรยี ง เป็นวงรอบ มีกล่นิ ออ่ นๆ ตน้ ท่ีอวบใหญ่สขี าว ไมม่ ีรากฝอย มีรสหวานจงึ ดี ก่อนใชผ้ สมยา ใชร้ ากแหง้ เลอื กสง่ิ แปลกปนออก ลา้ งสะอาดพรมนำ้� ใหช้ มุ่ ห่นั เป็นทอ่ น เอาไปตากใหแ้ หง้ รอ่ นเศษผงทิง้ ช่งั ไปใชผ้ สมยา อีกวิธีหนง่ึ ห่นั เป็นทอ่ นๆ ใสห่ มอ้ ดนิ เผาดว้ ยไฟแรงๆ จนดำ� พรมนำ้� ใหเ้ ยน็ เอามาตากใหแ้ หง้ เรยี กวา่ ถา้ หญา้ คา ผสมใชเ้ ป็นยา ใบ ตดั มาผง่ึ ใหแ้ หง้ เก็บไวใ้ ช้ 59

โครงการอนุรกั ษ์พันธุกรรมพืชอันเนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) สรรพคุณ : ต�ำรายาไทย : ช่อดอก รสชมุ่ สขุ มุ ใชห้ า้ มเลือด แกป้ วด อาเจียนเป็นเลือด บาดแผลจากของมีคม ขน (ดอกแก่) รสช่มุ สขุ มุ ไม่มีพิษ ใชห้ า้ มเลือดกำ� เดาออก ปัสสาวะเป็นเลือด อจุ จาระเป็นเลอื ด ใชส้ ด แกแ้ ผลบวมอกั เสบ ฝีมีหนอง ราก รสชมุ่ เยน็ ใชห้ า้ มเลอื ด ขบั ปัสสาวะ แกไ้ ข้ ไอ กระหายนำ้� อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำ� เดาออก ความดนั เลือดสงู ปัสสาวะเป็นเลอื ดหนองในปัสสาวะขดั บวมนำ้� ดีซา่ น ประจำ� เดือนมามากเกินไป ใบ ใชภ้ ายนอก ตม้ นำ้� อาบ แกล้ มพิษ ผ่ืนคนั ปวดเม่ือยหลงั คลอด รปู แบบและขนาดวธิ ีใชย้ า: ชอ่ ดอกแหง้ 10-15 กรมั ตม้ นำ้� กิน ใชภ้ ายนอก ตำ� พอกหรอื อดุ รูจมกู ขน (ดอกแก่) แหง้ 10-15 กรมั ตม้ นำ้� กิน ใชภ้ ายนอก ตำ� พอกหรอื อดุ รูจมกู รากแหง้ 10-15 กรมั (สด 30-60 กรมั ) ตม้ นำ้� กนิ หรอื คนั้ เอานำ้� กนิ หรอื บดเป็นผงกนิ ใบ ใชภ้ ายนอก ตม้ หรอื แชน่ ำ้� อาบ 60

สกู่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใ์สชมป้ นุ รไพะโยรไชทนย์ อบเชย ไดจ้ าก เปลอื กตน้ ชนั้ ใน ชอ่ื พืชท่ีให้เครือ่ งยา อบเชย ชื่ออ่นื (ของพืชท่ีใหเ้ ครือ่ งยา) อบเชยตน้ มหาปราบ เซียด ฝักดาบ พญาปราบ ฮกั แกง สรุ ามรดิ โมง โมงหอม เคียด กะทงั หนั ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Cinnamomum spp. ชือ่ พอ้ ง - ชอ่ื วงศ์ Lauraceae ชือ่ วทิ ยาศาสตร ์ Cinnamomum spp. 1. อบเชยเทศ หรอื อบเชยลงั กา (Cinnamomum verum J. Presl.) มีช่ือพอ้ ง Cinnamomum zeylanicum Nees. 2. อบเชยไทย (Cinnamomum bejolghotha (Buch-Ham.) Sweetหรอื ไดจ้ าก Cinnamomum inersReinw.ExBlume. 61

โครงการอนุรักษ์พนั ธกุ รรมพชื อันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ลักษณะภายนอกของเครื่องยา: อบเชยเป็นเครอ่ื งยา และเครอ่ื งเทศ ท่ีไดจ้ ากการขดู เอาเปลือกชนั้ นอกออกใหห้ มด แลว้ ลอกเปลอื กชนั้ ในออกจากแกน่ ลำ� ตน้ โดยใชม้ ดี กรดี ตามยาวของก่งิ แลว้ รวบรวมนำ� ไป ผง่ึ ท่ีรม่ สลบั กบั การนำ� ออกตากแดดประมาณ 5 วนั ขณะตากใชม้ ือมว้ นขอบทงั้ สองขา้ ง เขา้ หากนั จนเปลอื กแหง้ จงึ มดั รวมกนั เปลอื กอบเชยทด่ี จี ะมสี นี ำ้� ตาลออ่ น (สสี นมิ ) มคี วามตรง และบางสม่ำ� เสมอ ยาวประมาณ 1 เมตร มีกล่นิ หอมเฉพาะ รสสขุ มุ เผด็ หวานเลก็ นอ้ ย สรรพคุณ : ตำ� รายาไทย : นำ้� ตม้ เปลอื กตน้ ดม่ื แกต้ บั อกั เสบ อาหารไมย่ อ่ ย แกท้ อ้ งเสยี ลำ� ไสเ้ ลก็ ทำ� งานผดิ ปกติ ขบั พยาธิ มสี รรพคณุ บำ� รุงดวงจติ แกอ้ อ่ นเพลยี ชกู ำ� ลงั ขบั ผายลม บำ� รุงธาตุ แกบ้ ดิ แกล้ มอณั ฑพฤกษ์ แกไ้ ขส้ นั นิบาต ใชป้ รุงเป็นยานตั ถแุ์ กป้ วดหวั รบั ประทานแกเ้ บอ่ื อาหาร แกจ้ กุ เสยี ด แนน่ ทอ้ ง อาหารไมย่ อ่ ย แกไ้ อ แกไ้ ขห้ วดั ลำ� ไสอ้ กั เสบ ทอ้ งเสยี ในเดก็ อาการหวดั ปวดปะจำ� เดือน แกอ้ อ่ นเพลยี คล่นื ไสอ้ าเจียน แกป้ วดประจำ� เดือน หา้ มเลอื ด บดเป็นผงโรยแผลกามโรค สมานแผล รูปแบบและขนาดวธิ ีใชย้ า : ไมม่ ีขอ้ มลู 62

ส่กู มาหรัศนจ�ำรไรปยใส์ ชมป้ ุนรไพะโยรไชทนย์ ผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพรเพ่ือสขุ ภาพ โดย อาจารยส์ ภุ าพร วสิ ุงเร หลักสูตรการแพทยแ์ ผนไทยบณั ฑิต สาขาการแพทย์แผนไทย คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์ สมนุ ไพร เป็นภมู ปิ ัญญาทน่ี ำ� มาแปรรูปหรอื ผลติ ภณั ฑท์ ใ่ี ชใ้ นการดแู ลสขุ ภาพ สามารถ ผลิตใชเ้ องในครวั เรือนและสรา้ งรายได้ การพฒั นาผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรเป็นการต่อยอด ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ เพอ่ื ใหม้ กี ารพง่ึ ตนเองและสามารถดแู ลสขุ ภาพตามภมู ปิ ัญญา ผลติ ภณั ฑ์ สมนุ ไพรไดร้ บั ความนิยมเป็นอยา่ งมาก ไดแ้ ก่ นำ้� มนั ไพล นำ้� มนั เหลือง ยาหมอ่ งสมนุ ไพร และยาดมสมนุ ไพร โดยมีรายละเอียด ดงั นี้ 63

โครงการอนุรกั ษพ์ นั ธุกรรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) นำ�้ มันไพล นำ้� มนั ไพล มสี ว่ นประกอบหลกั คอื ไพล เป็นสมนุ ไพรทถ่ี กู บรรจเุ ป็น บญั ชียาจากสมนุ ไพร ในบญั ชียาหลกั แหง่ ชาติ ปี 2559 กลมุ่ ท่ี 2 บญั ชี ยาพฒั นาจากสมนุ ไพร กลมุ่ ยารกั ษาอาการทางกลา้ มเนือ้ และกระดกู ยา สำ� หรบั ใชภ้ ายนอก ไดแ้ ก่ ตำ� รบั ยาครมี ไพล และยานำ้� มนั ไพล โดยยานำ้� มนั ไพลมสี ารสกดั นำ้� มนั ไพลทไ่ี ดจ้ ากการทอด (Hot oil extract) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ย ละ 90 ในตำ� รบั มีสรรพคณุ บรรเทาอาการบวม ฟกชำ้� เคลด็ ยอก ในอดีตการเตรียมนำ้� มนั ไพลไวใ้ ชใ้ นครวั เรือนสามารถเตรียมได้ ดว้ ยวธิ ีการทอดเหงา้ ไพลและขมิน้ ชนั โดยใชน้ ำ้� มนั พืชชนิดอ่ิมตวั ไดแ้ ก่ นำ้� มนั มะพรา้ วหรอื นำ้� มนั ปาลม์ ไมค่ วรใชน้ ำ้� มนั พชื ชนดิ ไมอ่ ม่ิ ตวั ไดแ้ ก่ นำ้� มนั งา นำ้� มนั มะกอก นำ้� มนั คำ� ฝอย นำ้� มนั ทานตะวนั หรอื นำ้� มนั รำ� ขา้ ว เน่ืองจากนำ้� มนั ชนิดไม่อ่ิมตวั จะไม่ทนต่อความรอ้ น ทำ� ใหพ้ นั ธะค่ใู น โมเลกลุ เกดิ การแตกและรวมตวั เป็นสาร “โพลเี มอร”์ เกดิ ขนึ้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความหนดื เกดิ ควนั ไดง้ า่ ยและนำ้� มนั เหมน็ หนื การสกดั ไพลดว้ ยนำ้� มนั พชื เนอ่ื งจาก นำ้� มนั ทป่ี ระกอบดว้ ยกรดไขมนั (Fatty acids) เป็นสารประกอบทางเคมที ม่ี ขี วั้ นอ้ ย เป็นตวั ทำ� ละลายท่ีดีในการสกดั สารท่ีมีขวั้ นอ้ ยดว้ ย ดงั เช่นไพล ท่ีมีนำ้� มนั หอมระเหยท่ีมี ขวั้ นอ้ ยและโมเลกลุ เลก็ ได้ พรอ้ มทงั้ สกดั สารประกอบทม่ี ขี วั้ นอ้ ยแตม่ โี มเลกลุ ใหญไ่ ดอ้ กี ดว้ ย การทอดไพลจึงถือว่าเป็นการสกดั สารสำ� คญั ท่ีอยู่ในไพลไดเ้ ป็นอย่างดี ทำ� ใหไ้ ดน้ ำ้� มนั หอมระเหยและสารท่ีมีโมเลกลุ ใหญ่ (นพมาศ สนุ ทรเจรญิ นนท,์ 2555) 1. สว่ นประกอบ 1.1 นำ�้ มันไพล ไพลสด 1 กิโลกรมั ขมิน้ ออ้ ย 500 กรมั นำ้� มนั ปาลม์ 1 ลติ ร ดอกกานพล ู 50 กรมั 1.2 สารแตง่ กลิ่น พิมเสน 100 กรมั การบรู 100 กรมั เมนทอล 200 กรมั นำ้� มนั ระกำ� 120 ซีซี. นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั 120 ซีซี. หมายเหตุ ในกรณที ไี่ มม่ ดี อกกานพลูและสารแตง่ กล่นิ ไมใ่ สก่ ไ็ ด้ 64

สูก่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใส์ ชม้ปนุ รไพะโยรไชทนย์ 2. วัสดแุ ละอปุ กรณ์ 2.1 กระทะ เตาแก๊ส หรอื กระทะไฟฟา้ 2.2 ทพั พีหรอื ตะหลวิ 2.3 กระชอนและผา้ ขาวบางสำ� หรบั กรอง 2.4 ขวดบรรจนุ ำ้� มนั ไพล 2.5 มีด เขียง และถาด 2.6 กะละมงั หรอื เหยือกสแตนเลส 3. วิธที ำ� 3.1 นำ� ไพลและขมิน้ ออ้ ยมาลา้ งนำ้� ใหส้ ะอาด ผง่ึ ลมใหแ้ หง้ 3.2 ห่นั ไพลและขมิน้ ออ้ ยใหม้ ีขนาดเทา่ กนั ประมาณ 1-2 มิลลเิ มตร จะทำ� ให้ ไพลและขมิน้ ออ้ ยสกุ สม่ำ� เสมอกนั 3.3 ตงั้ นำ้� มนั ใหร้ อ้ นแลว้ นำ� ไพลและขมิน้ ออ้ ยลงไปทอด โดยใชไ้ ฟออ่ นๆ ทอด จนกรอบ จากนนั้ ปิดไฟหรอื ยกลงจากเตานำ� กานพลใู สล่ งไปทอด 3.4 นำ� นำ้� มนั ไพลมากรองใส่กะละมงั หรือเหยือกสแตนเลส โดยการพบั ผา้ ขาวบางหลายๆ ชนั้ เพ่ือกรองเอาเศษฝ่นุ และละอองขนาดเลก็ ออก หาก ไมใ่ สก่ ล่นิ ก็บรรจใุ สข่ วดไดเ้ ลย 3.5 นำ� พมิ เสน การบรู เมนทอล นำ้� มนั ระกำ� นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั มาผสมใหเ้ ขา้ กนั จากนนั้ ผสมกบั นำ้� มนั ไพล ปรุงกล่นิ ตามความตอ้ งการ และบรรจขุ วด 65

โครงการอนรุ กั ษ์พนั ธุกรรมพชื อันเนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) นำ้� มันเหลือง นำ้� มนั เหลืองเป็นนำ้� มนั ท่ีไดร้ บั ความนิยมเป็นอย่างมากและมี วิธีการผลิตไม่ย่งุ ยาก ส่วนใหญ่เตรียมไดจ้ ากสมนุ ไพรประเภทหวั เหงา้ ท่ีมีลกั ษณะสเี หลือง เชน่ ขิง เปราะหอม ขมิน้ ชนั วา่ นนางคำ� วา่ นเอน็ เหลอื ง ขมิน้ ออ้ ย วา่ นสาวหลง เป็นตน้ เม่ือเค่ียวเสรจ็ แลว้ ก็ จะไดน้ ำ้� มนั สีเหลือง หากใชส้ มนุ ไพรจำ� พวกใบสดสีเขียว มาเค่ียว กบั นำ้� มนั ก็จะเรยี กวา่ นำ้� มนั เขียว เชน่ พญายอ เสลดพงั พอน หญา้ เอน็ ยืด ทองพนั ช่งั เป็นตน้ จากนนั้ นำ� มาเตมิ สารละลายทต่ี อ้ งการ นำ้� มนั เหลอื ง มสี รรพคณุ บรรเทาอาการคดั จมูก นำ้� มูกไหล แกว้ ิง เวียนศีรษะ แกเ้ คล็ดขัดยอก ปวดเม่ือยตามร่างกาย ทั้งนีข้ ึน้ อยู่ กับสรรพคุณของสมุนไพรและคณุ สมบตั ขิ องสารละลาย 1. คณุ สมบัติของสารละลาย 1.1 นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั สรรพคณุ มีกล่นิ หอม บรรเทาอาการหวดั คดั จมกู 1.2 นำ้� มนั ระกำ� สรรพคณุ มกี ลน่ิ หอมฉนุ แกป้ วดเมอ่ื ย เคลด็ ขดั ยอก คลายเสน้ และทำ� ใหร้ อ้ น 1.3 เมนทอล สรรพคณุ กล่นิ หอม แกอ้ าการปวดเม่ือย ฆา่ เชือ้ และใชเ้ ป็นยา ขบั ลม ท่ีใหค้ วามเยน็ ซาบซา่ 1.4 พิมเสน สรรพคณุ กล่นิ หอมเยน็ ใชส้ ตู รดมแกล้ มวงิ เวียน ทาภายนอกแก้ เคลด็ ขดั ยอก 1.5 การบรู สรรพคณุ ขบั ลม แกจ้ กุ เสยี ดแนน่ เฟอ้ แกป้ วดทอ้ ง ขบั เหง่ือ แก้ เคลด็ บวม ขดั ยอก แพลง แกพ้ ิษ แมลงสตั วก์ ดั ตอ่ ย และโรคผิวหนงั เรอื้ รงั 1.6 นำ้� มนั สะระแหน่ สรรพคณุ มกี ลน่ิ หอม ทำ� ใหส้ ดช่นื ระงบั อาการปวดศรี ษะ บรรเทาอาการวงิ เวียนศีรษะ แกค้ ล่นื ไส้ อาเจียน 1.7 นำ้� มนั อบเชย สรรพคณุ กระตนุ้ การไหลเวียนของเลอื ด สดู ดมบรรเทาโรค ระบบทางเดนิ หายใจ แกล้ มวงิ เวียน 1.8 นำ้� มนั เขียว สรรพคณุ บรรเทาอาการหายใจตดิ ขดั หวดั ไอ ลดการปวด กลา้ มเนือ้ บรรเทาอาการอกั เสบใชเ้ ป็นยาภายนอก 1.9 นำ้� มนั กานพลู สรรพคณุ บรรเทาอาการปวด ฆา่ เชือ้ ลดอาการเกรง็ และ ปวดทอ้ ง  66

สกู่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใส์ ชมป้ ุนรไพะโยรไชทนย์ 2. สว่ นประกอบ นำ้� มนั เหลอื ง 50 มิลลลิ ติ ร นำ้� มนั สะระแหน่ 120 มิลลลิ ติ ร นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั 120 มิลลลิ ติ ร เมนทอล 200 กรมั พิมเสน 100 กรมั การบรู 100 กรมั 3. วัสดุและอปุ กรณ์ บีกเกอร์ แทง่ แกว้ สำ� หรบั คน ขวดบรรจุ 4. วธิ ที ำ� 1. นำ� พมิ เสน การบรู เมนทอล นำ้� มนั ระกำ� นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั มาผสมใหเ้ ขา้ กนั ใชแ้ ทง่ แกว้ คนใหเ้ ขา้ กนั 2. ผสมสารจากขอ้ 1 กบั นำ้� มนั เหลือง คนใหเ้ ขา้ กนั บรรจขุ วด 67

โครงการอนุรักษ์พันธกุ รรมพชื อันเนือ่ งมาจากพระราชด�ำ ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ยาหม่องสมุนไพร ยาหมอ่ งสมนุ ไพร มีลกั ษณะเป็นเนือ้ เหลวออ่ นนมุ่ มีทงั้ สีเหลอื ง สีขาว สเี ขียวขนึ้ อยกู่ บั ชนิดของสมนุ ไพรท่ี เตมิ ลงไป มีกล่นิ หอม สามารถใชท้ า ถนู วด แกป้ วดเม่ือย เคลด็ ขดั ยอก และแกว้ งิ เวียนศีรษะ คล่นื ไส้ อาเจียน โดย มีสว่ นผสมท่ีสำ� คญั ดงั นี้ 1. องคป์ ระกอบของยาหม่อง 1.1 เนือ้ ยาหม่องและสารท่ีทำ� ใหย้ าหม่องแข็งตวั  ไดแ้ ก่ วาสลีน (White soft paraffin) มลี กั ษณะเป็นเนอื้ เหลวสขี าว และพาราฟิน (Hard paraffin) มลี กั ษณะ เป็นกอ้ นแขง็ สขี าว ทงั้ นเี้ มอ่ื นำ� วาสลนี และพาราฟินมาหลอมดว้ ยความรอ้ น จะเป็นเนือ้ ยาหม่อง หากใส่พาราฟิ นมากจะทำ� ใหเ้ นือ้ ยาหม่องแข็ง หาก ใสว่ าสลนิ มากเกินไปก็จะทำ� ใหเ้ นือ้ ยาหมอ่ งเหลว 1.2 สารชว่ ยเพ่ิมการดดู ซมึ ผิว ไดแ้ ก่ ลาโนลนิ (Lanolin) ชว่ ยทำ� ใหย้ าหมอ่ ง ถกู ดดู ซมึ เขา้ สผู่ ิวไดเ้ รว็ เม่ือทาจะรูส้ กึ รอ้ น 1.3 สารท่ีทำ� ใหร้ อ้ นหรอื ใชท้ าถนู วดใหร้ อ้ นแดง ไดแ้ ก่ นำ้� มนั ระกำ� 1.4 สารแตง่ กลน่ิ ชว่ ยแตง่ กลน่ิ ของยาหมอ่ งใหม้ กี ลน่ิ หอม ไดแ้ ก่ นำ้� มนั สะระแหน่ เมนทอล การบรู พิมเสน นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั นำ้� มนั เขียว นำ้� มนั กานพลู 1.5 ตวั ยาสำ� คญั  นิยมใชไ้ ดแ้ ก่ ไพล เสลดพงั พอน ถา้ ตอ้ งการสมนุ ไพรชนิดอ่ืน นำ� มาสกดั ในแอลกอฮอลร์ อ้ ยละ 95 แลว้ ระเหยใหแ้ หง้ นำ� สารสกดั มาใส่ ในยาหมอ่ ง 2. ส่วนประกอบ พาราฟิน 200 กรมั วาสลีน 500 กรมั พิมเสน 100 กรมั เมนทอล 100 กรมั นำ้� มนั ไพล 120 ซีซี. การบรู 100 กรมั นำ้� มนั ระกำ� 120 กรมั นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั 120 กรมั 68

สูก่ มาหรศั นจ�ำรไรปยใส์ ชมป้ นุ รไพะโยรไชทนย์ 3. วัสดุและอปุ กรณ์ 3.1 กระทะไฟฟา้ 3.2 เหยือกสแตนเลส 3.3 ทพั พี 3.4 มีดและเขียง 3.5 บีกเกอรแ์ ละแทง่ แกว้ 3.6 ขวดบรรจยุ าหมอ่ ง 4. วธิ ีทำ� 4.1 นำ� วาสลีนและพาราฟิ นมาหลอมโดยการตุ๋นในเหยือกสแตนเลสหรือ กระทะไฟฟา้ หลอมจนละลายจงึ ยกลง 4.2 นำ� พมิ เสน การบรู เมนทอล นำ้� มนั ระกำ� นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั มาผสมใหเ้ ขา้ กนั 4.3 นำ� นำ้� มันไพล และสารปรุงกล่ินในขอ้ 4.2 ผสมกับวาสลีนและพาราฟิ น ท่ีหลอมแลว้ คนใหเ้ ขา้ กนั บรรจขุ วด 69

โครงการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพืชอนั เน่อื งมาจากพระราชดำ�ริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ยาดมสมนุ ไพร ยาดมสมนุ ไพร เป็นการนำ� สมนุ ไพรหลายชนิด ท่ีมีกล่ินหอมมารวมกันและเติมพิมเสนนำ้� ลงไปใหม้ ี กลน่ิ หอม ยาดมสมนุ ไพร มสี รรพคณุ บรรเทาอาการหวดั คดั จมกู วิงเวียนศีรษะ หนา้ มืด ตาลาย โดยมีสมนุ ไพร ท่ีนิยมใช้ ไดแ้ ก่ 1. สมุนไพรท่นี ยิ มใช้ ดอกจนั ทน์ รสหอมสขุ มุ บำ� รุงโลหิต ขบั ลม บำ� รุงธาตุ กระจายเลือดลม บำ� รุง ผิวหนงั ใหเ้ จรญิ กระวาน รสเผด็ รอ้ นหอม ขบั เสมหะ ขบั โลหิต ขบั ลม บำ� รุงธาตุ กานพลู รสเผ็ดหอมรอ้ นปรา่ แกป้ วดฟัน แกล้ ม แกร้ ำ� มะนาด แกป้ วดทอ้ ง แกเ้ ลือดออกตามไรฟัน แกห้ ืด พรกิ ไทดำ� รสหอมเผด็ รอ้ น แกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ชว่ ยบำ� รุงธาตุ เป็นยาอายวุ ฒั นะ โกฐหวั บวั รสมนั สขุ มุ หอม แกล้ มในกองรดิ สีดวง ขบั ลมในลำ� ไส้ โกฐสอ รสสขุ มุ หอม แกไ้ ข้ แกห้ ืดไอ บำ� รุงหวั ใจ แกเ้ สมหะเป็นพิษ โป๊ ยก๊ัก รสหอมรอ้ น ขบั ลม ขบั เสมหะ บำ� รุงธาตุ แกธ้ าตพุ ิการ อบเชย รสหอมสขุ มุ ขบั ลม ปลกุ ธาตใุ หเ้ จรญิ ผิวมะกรูด กล่นิ หอม ขบั ลมในลำ� ไส้ 2. ส่วนประกอบ ดอกจนั ทน์ 20 กรมั สมุนไพร กระวาน 20 กรมั กานพล ู 20 กรมั พรกิ ไทยดำ� 20 กรมั โกฐหวั บวั 20 กรมั โกฐสอ 20 กรมั โป๊ ยก๊กั 20 กรมั อบเชย 20 กรมั ผิวมะกรูด 20 กรมั 70

สกู่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใส์ ชมป้ นุ รไพะโยรไชทนย์ สารปรุงกลิ่น พิมเสน 100 กรมั การบรู 100 กรมั เมนทอล 100 กรมั นำ้� มนั ยคู าลปิ ตสั 120 กรมั 3. วสั ดุและอปุ กรณ์ 3.1 ถว้ ยแกว้ 3.2 ทพั พี 3.3 เขียง 3.4 มีด 3.5 ขวดบรรจุ 4. วิธีท�ำ 4.1 นำ� สมนุ ไพรท่ีมีขนาดใหญ่ห่นั หรอื ตำ� ใหม้ ีขนาดเลก็ 4.2 นำ� สมุนไพรทงั้ หมดมาใส่ในถว้ ยแกว้ เติมสารปรุงกล่ินใหท้ ่วมและคน ใหเ้ ขา้ กนั 4.3 บรรจขุ วด 71

โครงการอนุรักษพ์ ันธุกรรมพชื อันเนือ่ งมาจากพระราชดำ�ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) บรรณานกุ รม ไชยยง รุจจนเวท ดวงตา กาญจนโพธิ์ ดวงพร อมรเลิศพิศาล และรชั นี สมวงค.์ 2558. 20 ปี สวนสมุนไพร สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. อีทีซี ไอเดีย. บรษิ ัท ปตท. จำ� กดั (มหาชน). นพมาศ สนุ ทรเจริญนนท.์ 2555. บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน น�้ำมันไพล ทอดตา่ งจากนำ้� มนั ไพลกล่นั อยา่ งไร?. https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/ knowledge/files/0109.pdf, 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2562. มณฑา ลมิ ปิยประพนั ธ.์ 2554. การผลิตสมุนไพร. กรุงเทพฯ: ซีเอด็ ยเู คช่นั . 320 น. มณฑา ลมิ ปิยะประพนั ธ.์ 2555. อาหารเป็ นยา ยาเป็ นอาหาร. กรุงเทพฯ: ซเี อด็ ยเู คช่นั . 228 น. สดุ ารตั น์ หอมหวน. 2554. ฐานขอ้ มลู เครอื่ งยาไทยอสี าน. คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธาน.ี http://www.thaicrudedrug.com/main.php, สบื คน้ วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2562. 72

สูก่ มาหรัศนจ�ำรไรปยใ์สชม้ปุนรไพะโยรไชทนย์ 73

โครงการอนรุ ักษ์พันธกุ รรมพืชอนั เน่ืองมาจากพระราชด�ำ ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่ปรกึ ษา คณะผู้จัดทำ� นายพรชัย จุฑามาศ รองผอู้ ำ� นวยการ อพ.สธ. ดร. ปิ ยรัฐฎ์ ปริญญาพงษ์ เจริญทรัพย์ รองหวั หนา้ สำ� นกั งาน อพ.สธ. ฝ่ายวชิ าการและเลขานกุ ารคณะกรรมการ อพ.สธ. ประธาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ประยูร ลิม้ สุข อธิการบดีมหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบรู ณ์ รองประธาน รองศาสตราจารย์ ดร. ธีระภทั รา เอกผาชัยสวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวจิ ยั และบรกิ ารวิชาการ บรรณาธกิ าร ผู้ช่วยศาสตราจารยธ์ รรมณ์ ชาติ วันแตง่ ผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา กองบรรณาธิการ อาจารย์ ดร. นชุ จรี สงิ หพ์ นั ธ ์ รองผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา อาจารย์ ดร. กญั ญารตั น์ เดือนหงาย รองผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วิจยั และพฒั นา อาจารย์ ดร. สวุ ฒั น์ อินทรประไพ รองผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วิจยั และพฒั นา เรยี บเรียง รองผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา อาจารย์ ดร. นชุ จรี สงิ หพ์ นั ธ ์ อาจารย์ อาจารยส์ ภุ าพร วสิ งุ เร เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นายเกือ้ กลู พิมพด์ ี เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางสาวศริ นิ ทิพย์ ผลประเสรฐิ เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางสาวภสั ราภรณ์ เกตแุ กว้ เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางสาวชตุ มิ า พฒุ ออ่ น เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางรดั ดา สำ� ราญพนั ธ ุ์ เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางสาวมณีนชุ เกตแุ ฟง เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางกฤษวีณภ์ คั ทองส ี เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางสาวรมิดา สายทอง เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป นางสาวปิยนนั ท์ โอค่ ำ� เจา้ หนา้ ท่ีคอมพิวเตอร์ นายบรรจง สรุ นิ ทร ์ 74


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook