ก า ร เ งิ น ดิ จิ ทั ล
การเงินBlockchain (บล็อกเชน) ดิจิทัล \"บล็อกเชน\" คือเทคโนโลยีการเก็บข้อมูล ที่ไม่มีตัวกลาง ใช้รูปแบบการจัดเก็บ เป็นสำเนาไว้ในเครื่องของทุกคนที่ใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้ทุกคนรู้ว่าใครเป็น เจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลตัวจริง เมื่อมีการอัพเดทข้อมูลใดๆ สำเนาข้อมูลใน ฐานเดียวกันก็จะอัพเดทตามไปด้วยทันที ทำให้ปลอมแปลงข้อมูลได้ยาก
Cryptocurrency (คริปโทเคอร์เรนซี) \"คริปโทเคอร์เรนซี\" คือ \"สินทรัพย์ดิจิทัล\" ประเภทหนึ่งที่อยู่ในระบบบล็อกเชน เกิดขึ้นมาเพื่อใช้แลกเปลี่ยนคล้ายกับเงิน แต่ไม่มีรูปร่าง จับต้องไม่ได้ จึงจัดว่า เหรียญคริปโทฯ เหล่านี้ เป็นทรัพย์สินดิจิทัล ที่สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน และ สะสมได้
NFT (Non-Fungible Token) \"NFT\" คือสินทรัพย์ดิจิทัลอีกประเภทหนึ่งในระบบบล็อกเชน ที่มีจุดเด่น คือสามารถใช้แสดงความเป็นเจ้าของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถทำซ้ำ หรือทดแทนกันได้
DeFi (Decentralized Finance) ระบบการเงินแบบ \"ไม่มีศูนย์กลาง\" หรือ ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ต่างๆ ผ่านระบบ Blockchain ไม่ต้องผ่านตัวกลางที่เป็นธนาคาร
CBDC (Central Bank Digital Currency) \"สกุลเงินดิจิทัล\" ที่ออกโดยธนาคารกลาง หรือธนบัตรในรูปแบบดิจิทัล มี มูลค่าคงที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ช่วยลดค่าธรรมเนียมที่ไม่ จำเป็น ปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือสูง
Metaverse (เมตาเวิร์ส) \"เมตาเวิร์ส\" หรือ \"เทคโนโลยีเสมือนจริง\" คือเทคโนโลยีที่ผสมผสาน \"โลก ความจริง\" และ \"เทคโนโลยี\" ที่เป็นเรื่องจินตนาการเข้าด้วยกัน ทำให้มนุษย์ สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้ในโลกเสมือนที่สร้างขึ้น ที่เกิดเป็นการ ปฏิสัมพันธ์หรือมูลค่าต่างๆ ตามมา เช่น ไปทำธุรกรรมที่ธนาคารบนโลก เสมือนจริง แต่ตัวนั่งอยู่ที่บ้าน เป็นต้น
BIN attack ภัยทางไซเบอร์อย่างหนึ่ง ที่เป็นลักษณะการ \"หลอกขอข้อมูล\" สุ่มเลข บัตร หรือใช้ข้อรั่วไหลจากแพลตฟอร์มเสี่ยง เพื่อตัดเงินผ่านบัตรเดบิต/ เครดิตโดยที่เจ้าของบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
e-KYC (Electronic Know Your Customer) ระบบการระบุตัวตนและพิสูจน์ตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ให้บริการ ทางการเงินจะผู้ใช้บริการทำเพื่อป้องกันการสวมรอยแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่นการทำ NDID การจดจำใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ ฯลฯ
NDID (National Digital ID) \"NDID\" คือการบริการ \"ยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล\" เพื่อสมัครบริการ ทางการเงินต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การเปิดบัญชีเงินฝาก สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปแสดงตัวตนที่สาขา และปลอดภัยตาม มาตรฐานสากล
OTP (One Time Password) รหัสผ่าน ที่ใช้ครั้งเดียวในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อยืนยันตนก่อน ทำธุรกรรมออนไลน์
สกุลเงินดิจิทัล
BITCOIN Bitcoin ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 โดย Satoshi Nakamoto บุคคลลึกลับ ที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน Bitcoin เป็นหน่วยเงินใช้ชื่อย่อสกุลเงินว่า BTC ซึ่งใช้เครือข่ายบล็อกเชนแบบเปิดในการจัดเก็บข้อมูล ทําให้ไม่มีใคร สามารถควบคุมหรือแก้ไขข้อมูลที่บันทึกอยู่บน blockchain ได้
ETHEREUM Ethereum เป็นชื่อของบล็อกเชนหนึ่งซึ่งมีเหรียญหรือ cryptocurrency ชื่อ Ether (ชื่อย่อสกุลเงิน: ETH) ถูกสร้างในปี 2013 โดย Vitalik Buterin โปรแกรมเมอร์หนุ่ม ชาวรัสเซีย เขาเล็งเห็นศักยภาพของ crypto และ blockchain ที่มากว่าแค่เป็นสกุลเงินดิจิตัล โดย ETH จะเป็นเหมือน general purpose blockchain หรือ blockchain เอนกประสงค์ที่ทำได้หลายอย่างที่บล็อก เชนสามารถทำได้ เช่น Smart Contracts และข้อตกลงทางการเงินเป็นต้น
RIPPLE Ripple ถูกสร้างขึ้นในปี 2012 โดยบริษัท Ripple Labs ที่มี Chris Larsen เป็นผู้ ถือหุ้นใหญ่ สกุลเงินของ Ripple ใช้ชื่อย่อว่า XRP ที่มีไว้ใช้สําหรับการชำระเงิน หรือโอนเงินระหว่างสถาบันการเงินและธนาคารทั่วโลก แพลตฟอร์มของ Ripple จะแตกต่างจากสกุลเงินตัวอื่นๆ เพราะ XRP ใช้เครือข่าย RippleNet ซึ่งเป็นระบบ ปิดที่ให้ใช้งานเฉพาะธนาคารที่ลงทะเบียนกับ Ripple เท่านั้น และการยืนยัน ธุรกรรมทั้งหมดนั้น จะถูกควบคุมโดยบริษัท Ripple แต่เพียงผู้เดียว
BITCOIN CASH Bitcoin Cash (ชื่อย่อสกุลเงิน: BCH) คือสกุลเงินที่กำเนิดจากการแยกออกของตัว เหรียญ Bitcoin หรือการทำ Hard Fork นั่นเอง ซึ่งหมายความว่าเครือข่าย Blockchain ของ Bitcoin จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นของ BTC และ อีกส่วนเป็นของ BCH การเกิดขึ้นของ Bitcoin Cash เป็นเพราะว่า Bitcoin (BTC) นั้นรองรับได้แค่ 100 ธุรกรรมต่อบล็อก หรือ 1MB ซึ่งถือว่าช้าและมีปริมาณ ธุรกรรมที่รอการตรวจสอบเป็นจำนวนมาก จึงเกิดการโต้แย้งขึ้นระหว่างนักพัฒนา ของทั้งสองกลุ่ม สุดท้ายแล้วกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับปัญหาการ Scaling ของ BTC จำเป็นต้องแยกออกมาเป็นอีกเหรียญ นั่นก็คือ BCH
EOS EOS เป็นอีกสกุลเงินดิจิทัลที่มีความสามารถในการสร้างแอพพลิเคชันแบบ กระจาย (Decentralized Application)โดยใช้ Smart Contracts ในกา รกําหนดเงื่อนไขต่างๆ เทคโนโลยีที่ EOS ใช้จะคล้ายๆกับของ Ethereum แต่ EOS สามารถทําธุรกรรมได้มากกว่า 1 แสนต่อวินาที เมื่อเทียบกับ ETH ที่ ทำได้แค่ 13 ธุรกรรมต่อวินาที และที่สําคัญคือ EOS นั้นไม่มีค่าธรรมเนียม หรือค่า Gas เหมือน ETH
STELLAR Stellar (ชื่อย่อสกุลเงิน: XLM) เปิดตัวในปี 2014 โดยนาย Jed McCaleb เป็นสกุลเงินที่ถูกพัฒนาขึ้นต่อจากสกุลเงิน XRP (Ripple) ที่ เน้นให้บุคคลทั่วไปใช้ในการชําระเงินและโอนเงิน เช่น โอนเงินไป ต่างประเทศ ต่างสกุล หรือแม้กระทั่งเสนอขายสกุลเงินที่เรามีอยู่
LITECOIN Litecoin (ชื่อย่อสกุลเงิน: LTC) ถูกสร้างขึ้นในปี 2011 โดยนาย Charlie Lee ซึ่ง LTC นั้นมีคุณสมบัติคล้ายๆกับ Bitcoin แต่สิ่งที่แตก ต่างคือ LTC มีค่าธรรมเนียมในการโอนที่ถูกกว่า Bitcoin และมี ความเร็วในการยืนยันธุรกรรม โดยเฉลี่ย 2.5 นาที เมื่อเทียบกับ Bitcoin ที่ต้องใช้เวลาถึง 10 นาที
TETHER Tether (ชื่อย่อสกุลเงิน: USDT) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2014 โดย บริษัท Tether ที่มีนาย Brock Pierce เป็นผู้ก่อตั้ง USDT คือสกุลเงินดิจิทัล ประเภท Stablecoin หรือสกุลเงินที่มีค่าคงที่ โดยที่มาของทุกๆ 1 USDT จะถูกค้ำประกันด้วยเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ที่มีอยู่ในบัญชีของบริษัท Tether จุดประสงค์หลักของ USDT คือการรักษามูลค่าของเงินดิจิทัลที่มี อยู่ใน cryptocurrency exchange เพราะหลายที่ไม่สามารถเปลี่ยน เงินดิจิทัลมาเป็น fiat currency ได้
CARDANO Cardano (ชื่อย่อสกุลเงิน: ADA)คือ แพลตฟอร์ม Smart Contracts ที่ ถูกสร้างขึ้นในปี 2015 เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนา Cryptocurrency ให้มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม ทางผู้พัฒนา กล่าวว่า Cardano เป็น Blockchain Generation 3 ที่ระบุและแก้ไข ปัญหาหลักๆ ที่เกิดขึ้นในบล็อกเชนยุคก่อนๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ความ สามารถในการเพิ่มขยาย (Scalability), ความสามารถในการทำงาน ร่วมกัน (Interoperability) และ ความยั่งยืน (Sustainability) ผ่าน สถาปัตยกรรมแบบเป็นลำดับชั้น (layered architecture)
MONERO Monero (ชื่อย่อสกุลเงิน: XMR) เป็นเงินดิจิทัลสกุลนึงที่เปิดตัวในปี 2014 โดยเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการป้องกันความเป็น ส่วนตัวของผู้ใช้ เทคโนโลยีที่ Monero ใช้คือ ระบบ Ring Signature ที่ซ่อน address ของคนที่ทำการส่งธุรกรรม Ring Confidential Transactions (RingCT) เพื่อซ่อนปริมาณการทำ ธุรกรรม และ Stealth Address เพื่อซ่อน address ของคนที่ทำการ รับธุรกรรม
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: