วนิ ัยข้าราชการครู โดย ผศ.ดร. กลั ยาณี พรมทอง
ความหมายของวนิ ัยข้าราชการครู วนิ ัย คือ กฎหมาย กฎ ขอ้ บงั คบั ระเบียบ และ แบบธรรมเนียมที่กาหนดใหป้ ฏิบตั ิตามหรืองดเวน้ การ ปฏิบตั ิ วนิ ัยข้าราชการ คือ แบบแผนความประพฤติท่ี กาหนดใหข้ า้ ราชการควบคุมตนเอง และควบคุม ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาใหป้ ระพฤติดี ปฏิบตั ิดี ละเวน้ การ ประพฤติในทางไม่ชอบไม่ควร
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องรักษาวนิ ัยทีบ่ ญั ญัตเิ ป็ นข้อห้าม และข้อปฏิบัติไว้ ในหมวดนีโ้ ดยเคร่งครัด ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชามีหนา้ ที่เสริมสร้าง และพฒั นาใหผ้ อู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชามีวนิ ยั ป้ องกนั มิใหผ้ อู้ ยใู่ ต้ บงั คบั บญั ชากระทาผดิ วนิ ยั และดาเนินการทางวนิ ยั แก่ผอู้ ยู่ ใตบ้ งั คบั บญั ชาซ่ึงมีกรณีอนั มีมูลที่ควรกล่าวหาวา่ กระทาผดิ วนิ ยั หากผบู้ งั คบั บญั ชาละเลยการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีจะถือวา่ ผบู้ งั คบั บญั ชาทาผดิ วนิ ยั เสียเอง
โทษทางวนิ ัยมี 5 สถาน 1. ภาคทัณฑ์ 2. ตัดเงินเดอื น ความผดิ วนิ ัยไม่ร้ายแรง 3. ลดข้นั เงนิ เดอื น 4. ปลดออก ความผดิ วนิ ัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการ 5. ไล่ออก ไม่ใช่โทษทางวนิ ัย
สามารถอธิบายได้ดงั นี้ • การวา่ กล่าวตกั เตือนหรือการทาทณั ฑบ์ นเมื่อวา่ เป็นโทษทางวินยั ใชใ้ นกรณีที่เป็นความผดิ เลก็ นอ้ ยและ มีเหตุอนั ควรงดโทษ การว่ากล่าวตักเตือนไม่ต้องทาเป็ น หนังสือ แต่การทาทัณฑ์บนต้องทาเป็ นหนังสือ • โทษภาคทณั ฑ์ ใชล้ งโทษในกรณีที่เป็นความผดิ เลก็ นอ้ ยหรือมีเหตุอนั ควรลดหยอ่ น สาหรับโทษ ภาคทณั ฑไ์ ม่ตอ้ งามการเล่ือนข้นั เงินเดือน
• โทษตัดเงินเดอื นและลดข้นั เงนิ เดอื น ใชล้ งโทษใน คามผดิ ที่ไม่ถึงกบั เป็นความผดิ ร้ายแรงและไม่ใช่กรณีท่ีเป็น ความผิดเลก็ นอ้ ย • โทษปลดออกและไล่ออก ใชล้ งโทษในกรณีท่ีเป็น ความผดิ วนิ ยั ร้ายแรงเท่าน้นั • การลดโทษความผิดวนิ ยั ร้ายแรง ห้ามลดโทษตา่ กว่าปลดออก • ผถู้ ูกลงโทษปลดออกมสี ิทธิได้รับบาเหน็จบานาญ เสมือนลาออก การส่ังให้ออกจากราชการไม่ใช่โทษทางวนิ ัย
การผดิ วนิ ัยไม่ร้ายแรง มีท้งั หมด 13 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ไม่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทยดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ 2. ไม่ปฏบิ ตั หิ น้าทรี่ าชการด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต เสมอภาค และเท่ียงธรรม ไม่มีความวริ ิยะอุตสาหะ ขยนั หมน่ั เพียร ดูแลเอาใจใส่ รักษาประโยชนข์ องทาง ราชการ และปฏิบตั ิตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ วชิ าชีพ
3. อาศัยหรือยอมให้ผู้อน่ื อาศัยอานาจและหน้าที่ ราชการของตนไม่วา่ จะโดยทางตรง หรือทางออ้ ม หา ประโยชนใ์ หแ้ ก่ตนเองและผอู้ ื่น 4. ไม่ปฏบิ ัติหน้าที่ราชการให้เป็ นไปตาม กฎหมาย ระเบยี บแบบแผนของทางราชการและ หน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบาย ของรัฐบาลโดยถือประโยชนส์ ูงสุดของผเู้ รียน และ ไม่ใหเ้ กิดความเสียหายแก่ราชการ
5. ไม่ปฏบิ ัตติ ามคาสั่งของผู้บังคบั บัญชาซึ่งสั่งใน หน้าท่รี าชการโดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบียบของทาง ราชการ แต่ถา้ เห็นวา่ การปฏิบตั ิตามคาสง่ั น้นั จะทาให้ เสียหายแก่ราชการหรือจะไม่เป็นการรักษาประโยชนท์ าง ราชการ จะเสนอความเห็นเป็นหนงั สือภายใน 7 วนั เพื่อให้ ผบู้ งั คบั บญั ชาทบทวนคาสง่ั กไ็ ด้ และเม่ือเสนอความเห็นแลว้ ถา้ ผบู้ งั คบั บญั ชายนื ยนั เป็นหนงั สือใหป้ ฏิบตั ิตามคาสงั่ เดิม ผู้ อยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาตอ้ งปฏิบตั ิตาม
6. ไม่ตรงต่อเวลา ไม่อทุ ศิ เวลาของตนให้แก่ทาง ราชการและผู้เรียน ละทิ้งหรือทอดทิ้งหนา้ ที่ราชการ โดยไม่มีเหตุอนั สมควร 7. ไม่ประพฤตติ นเป็ นแบบอย่างทดี่ แี ก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม ไม่สุภาพเรียบร้อยและรักษาความสามคั คี ไม่ช่วยเหลือเก้ือกลุ ต่อผเู้ รียนและขา้ ราชการดว้ ยกนั หรือผรู้ ่วมงาน ไม่ตอ้ นรับหรือใหค้ วามสะดวก ให้ ความเป็นธรรมต่อผเู้ รียนและประชาชนผตู้ ิดต่อราชการ
8. กลน่ั แกล้ง กล่าวหา หรือร้องเรียนผู้อนื่ โดย ปราศจากความจริง 9. กระทาการหรือยอมให้ผู้อน่ื กระทาการหา ประโยชน์อนั อาจทาใหเ้ ส่ือมเสียความเที่ยงธรรมหรือ เสื่อมเสียเกียรติศกั ด์ิในตาแหน่งหนา้ ท่ีราชการของตน 10. เป็นกรรมการผจู้ ดั การ หรือผจู้ ดั การ หรือ ดารงตาแหน่งอ่ืนใดที่มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั น้นั ในหา้ ง หุน้ ส่วนหรือบริษทั
11. ไม่วางตนเป้ นกลางทางการเมืองในการปฏิบตั ิ หนา้ ที่ และการปฏิบตั ิการอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ประชาชน อาศยั อานาจและหนา้ ที่ราชการของตนแสดงการฝักใฝ่ ส่งเสริม เก้ือกลู สนบั สนุนบุคคล กลุ่มบุคคลหรือพรรคการเมืองใด 12. กระทาการอนั ได้ช่ือว่าเป็ นผู้ประพฤตชิ ่ัว 13. ไม่เสริมสร้างและพฒั นาให้ผู้อยู่ใต้บงั คบั บญั ชามี วนิ ัย ไม่ป้ องกนั มิใหผ้ อู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชากระทาผดิ วนิ ยั หรือ ละเลย หรือมีพฤติกรรมปกป้ อง ช่วยเหลือมิใหผ้ อู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาถกู ลงโทษทางวนิ ยั หรือปฏิบตั ิหนา้ ที่ดงั กล่าวโดยไม่ สุจริต
การผดิ วนิ ัยร้ายแรง มี 15 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ทุจริตต่อหน้าทร่ี าชการ 2. คงใจไม่ปฏิบัตติ ามกฎหมาย ระเบียบ แบบแผน ของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลินเล่อหรือขาดการเอาใจ ใส่ระมดั ระวงั รักษาประโยชนข์ องทางราชการ อนั เป็นเหตุ ใหเ้ กิดความเสียหายแก่ราชการอยา่ งร้ายแรง
3. ขดั คาสั่งหรือหลกี เลย่ี งไม่ปฏบิ ตั ิตามคาส่ังของ ผู้บงั คบั บัญชา ซ่ึงสงั่ ใหน้ า้ ท่ีราชการโดยชอบดว้ ยกฎหมาย และระเบียบของทางราชการ อนั เป็นเหตุใหเ้ สียหายแก่ ราชการอยา่ งร้ายแรง 4. ละทงิ้ หน้าที่หรือทอดทงิ้ หน้าทรี่ าชการโดยไม่มี เหตุผลอนั สมควร เป็นเหตุใหเ้ สียหายแก่ราชการอยา่ ง ร้ายแรง 5. ละทงิ้ หน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดยี วกนั เป็ นเวลา เกนิ กว่า 15 วนั โดยไม่มีเหตุผลอนั สมควร
6. กลนั่ แกล้ง ดูหมนิ่ เหยยี ดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงผู้เรียน หรือประชาชนผมู้ าติดต่อราชการอยา่ งร้ายแรง 7. กลน่ั แกล้ง กล่าวหา หรือร้องเรียนผู้อน่ื โดยปราศจากความ เป็ นจริง เป็นเหตุใหผ้ อู้ ื่นไดร้ ับความเสียหายอยา่ งร้ายแรง 8. กระทาการหรือยอมให้ผู้อนื่ กระทาการหาประโยชน์อนั อาจ ทาให้เส่ือมเสียความเทยี่ งธรรมและเสื่อมเสียเกยี รติศักด์ใิ นตาแหน่ง หน้าทร่ี าชการ โดยมุ่งหมายจะใหเ้ ป็นการซ้ือขาย หรือใหไ้ ดร้ ับ แต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งหรือวิทยฐานะใดโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย หรือเป็นการกระทาอนั มีลกั ษณะเป็นการใหห้ รือไดม้ าซ่ึงทรัพยส์ ิน หรือสิทธิประโยชนอ์ ่ืนเพื่อใหต้ นเองหรือผอู้ ่ืนไดร้ ับการบรรจุและ แต่งต้งั โดยมิชอบ
9. คดั ลอกหรือลอกเลยี นผลงานทางวชิ าการของผู้อน่ื โดยมชิ อบหรือนาเอาผลงานวชิ าการของผู้อน่ื หรือจา้ ง วาน ใชผ้ อู้ ื่นทาผลงานวชิ าการ เพื่อไปใชใ้ นการเสนอขอปรับปรุง การกาหนดตาแหน่ง การเล่ือนตาแหน่ง การเลื่อนวทิ ยฐานะ หรือการใหไ้ ดเ้ งินเดือนในระดบั ท่ีสูงข้ึน 10. ร่วมดาเนินการคดั ลอกหรือลอกเลยี นผลงานของ ผู้อน่ื โดยมชิ อบ หรือรับจดั ทาผลงานทางวชิ าการไม่วา่ จะมี ค่าตอบแทนหรือไม่ เพื่อใหผ้ อู้ ื่นนาผลงานน้นั ไปใช้ ประโยชนเ์ พ่ือปรับปรุงการกาหนดตาแหน่ง เลื่อนตาแหน่ง เล่ือนวิทยฐานะหรือใหไ้ ดร้ ับเงินเดือนท่ีสูงข้ึน
11. เข้าไปเกยี่ วข้องกบั การดาเนินการใดๆ อนั มี ลกั ษณะเป็ นการทุจริตโดยการซื้อสิทธิหรือขายเสียงในการ เลือกต้งั สมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาทอ้ งถิ่น ผบู้ ริหารทอ้ งถ่ิน หรือการเลือกต้งั อื่นท่ีมีลกั ษณะเป็นการส่งเสริมการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย รวมท้งั การส่งเสริม สนบั สนุน หรือชกั จูงใหผ้ อู้ ื่นกระทาการในลกั ษณะเดียวกนั 12. กระทาความผดิ อาญาจนได้รับโทษจาคุก หรือ โทษที่หนกั กวา่ จาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดใหจ้ าคุกหรือให้ ไดร้ ับโทษท่ีหนกั กวา่ จาคุก เวน้ แต่เป็นโทษสาหรับความผดิ ท่ีไดก้ ระทาโดยประมาท
13. เสพยาเสพติด หรือสนบั สนุนใหผ้ อู้ ่ืนเสพยาเสพติด 14. เล่นการพนนั เป็นอาจิณ 15. กระทาการล่วงละเมิดทางเพศต่อผเู้ รียนหรือ นกั ศึกษา ไม่วา่ จะอยใู่ นความดูแลรับผดิ ชอบของตนหรือไม่
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: