Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การรวมอิตาลีและสงครามไครเมีย

การรวมอิตาลีและสงครามไครเมีย

Published by G A M M M M, 2018-09-19 10:24:02

Description: การรวมอิตาลี1

Search

Read the Text Version

การรวมอติ าลีและสงครามไครเมยี

กอ่ นการรวมอติ าลี ความคดิ ในการรวมอติ าลี ความลม้ เหลวของขบวนการ เขา้ ดว้ ยกนั 3 แนวทาง 1815-1848 เสรนี ิยมอติ าลี 1820-1849 หนทางทจี่ ะนาไปสูก่ ารรวมอติ าลใี นระหวา่ งปี 1852-1870 การปฏวิ ตั ใิ นปี ความวนุ่ วายทเี่ กดิ ขนึ้ การกอ่ การปฏวิ ตั ใิ น ค.ศ.1831 ในปิ ดมองทใ์ นปี ค.ศ.1821 เนเปิ้ ลสใ์ นปี ค.ศ.1820การนาไปสูก่ ารเกดิ สงคราม สงครามระหวา่ งออสเตรยี กบั สนธสิ ญั ญาไมตรรี ะหวา่ ง สงครามระหวา่ งออสเตรยี กบั ไครเมยี 1853-1856 ซารด์ เิ นีย 1858 ฝรง่ั เศสกบั รสั เซยี 1859 ซารด์ เิ นียและฝรง่ั เศส 1859การสถาปนาอาณาจกั ร การสละอานาจของ การลงประชามตขิ องรฐั ทอี่ ยู่ทาง การขยายอานาจของ อติ าลี 1861 การบิ อลดี 1860 ตอนกลางของแหลมอติ าลี 1860 ซารด์ เิ นีย 1860 การบุกกรุงโรมของกา การประชมุ ในเดอื น การยดึ ครองเวเนเทยี ปัญหาของประเทศอติ าลี รบิ อลดี 1862 กนั ยายนใน ค. ศ. 1864 ในปี ค ศ 1866 ทเี่ กดิ ใหม่ 1866 การยดึ กรุงโรม 1870 + Law Of ปัญหากรุงโรม 1867 Papal Guarantees

กอ่ นการรวมอติ าลี ในปี ค.ศ.1863 ดนิ แดนในอติ าลไี ม่เคยประสบความสาเรจ็ ในการรวมเขา้ ดว้ ยกนั อติ าลใี นอดตี เคยเป็ น ศนู ยก์ ลางของอาณาจกั รโรมนั ตอ่ มาถกู ทาลายโดยอารยชนเยอรมนั และถกู แบง่ ออกเป็ นรฐั เล็กๆในยุคกลาง บรรดานครรฐั ไดก้ ลายเป็ นรฐั ผูน้ า ทางดา้ นการคา้ และการฟื้นฟศู ลิ ปะวทิ ยาการหลงั จากปีค.ศ.1494 กลายเป็ นสนามประลองระหวา่ งประเทศมหาอานาจในยโุ รปตะวนั ตกเมอื่ เกดิ การปฏวิ ตั ฝิ รง่ั เศสขนึ้ ในปี ค.ศ. 1789อทิ ธพิ ลของเสรนี ิยมเรอื่ งแพรข่ ยายในอติ าลแี ละความคดิ ในการรวมประเทศเขา้ ดว้ ยกนัเมอื่ นโปเลยี น ขยายอานาจในอติ าลจี งึ ถอื เป็ นประสบการณค์ รงั้ แรกทที่ าใหช้ าวอติ าเลยี นเรยี นรกู ้ ารทจี่ ะรวมชาตเิ ขา้ ดว้ ยกนั ความหวงั ในการรวมอติ าลเี ขา้ ดว้ ยกนั ตอ้ งสลายไปเมอื่ นโปเลยี น หมดอานาจเพราะการประชมุ ทเี่ วยี นนาใน ปี ค.ศ. 1814-1815 กลบั

ความคดิ ในการรวมอติ าลเี ขา้ ดว้ ยกนั 3 แนวทาง 1815-1848 ในระหวา่ งค.ศ.1815ถงึ 1848 เกดิ ความคดิ ในการรวมอติ าลเี ขา้ ดว้ ยกนั 3 แนวทางคอื1. การรวมอติ าลใี หเ้ ป็ นสาธารณะรฐั ภายใตก้ ารนาแมชชนิ ี ผูน้ า กลมุ่ รฐั ชาตหิ วั รนุ แรงภายใตร้ ปู แบบการเลอื กตงั้ ทว่ั ไปทงั้ ชายและหญงิ ทบี่ รรลนุ ิตภิ าวะ2. การรวมอติ าลใี หเ้ ป็ นสหพนั ธรฐั ภายใตก้ ารนาของ สนั ตะปาปา3. การรวมอติ าลใี หเ้ ป็ นอาณาจกั รภายใตก้ ารนาของกษตั รยิ ์ ทศั นคตขิ องประเทศมหาอานาจตอ่ การรวมกจิ การไดร้ บั ความเห็นใจจากองั กฤษและฝรง่ั เศส องั กฤษไม่หวน่ั วติ กตอ่ การเกดิ ใหม่ของประเทศอติ าลีเพราะไดป้ ระโยชนจ์ ากประเทศเกดิ ใหม่หลงั จาก หลยุ สน์ โปเลยี น ไดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็ นประธานาธบิ ดีทศั นคตขิ องฝรง่ั เศสจงึ เปลยี่ นแปลงไป กลบั

ความลม้ เหลวของขบวนการเสรนี ิยมอติ าลี 1820-1849 ขบวนการคารโ์ บนารหี่ รอื กรรมกรเผาถา่ นหนิ สมาคมลบั ทมี่ ชี อื่ เสยี งทสี่ ดุ ในอติ าลดี ขี นึ้ หลงั จากการใช ้ อานาจของราชวงศบ์ รู บ์ อง เป็ นกลมุ่ สาธารณรฐั นิยม ทตี่ อ้ งไปเยอื นอติ าลโี ดยการโคน่ อานาจของรฐั บาลตา่ งๆทปี่ กครองอยู่ในแหลมอติ าลี เรมิ่ กอ่ ตวั ขนึ้ ในอาณาจกั รเนเปิ ลสแ์ ละขยายตวั ขนึ้ ไปทางตอนเหนือของแหลมอติ าลโี ดยกอ่ การปฏวิ ตั แิ ตไ่ ม่ประสบผลสาเรจ็ ทง้ั ในเนเปิ ลสใ์ นปี ค.ศ.1820 และในปิ ดมองท ์ ในปี ค.ศ.1821 กลบั

การกอ่ การปฏวิ ตั ใิ นเนเปิ้ ลสใ์ นปี ค.ศ.1820 หลงั ความสาเรจ็ ของขบวนการเสรนี ิยมทสี่ ามารถบงั คบั ใหพ้ ระเจา้ เฟอรด์ นิ านที่ 7 นาเอา รฐั ธรรมนูญฉบบั ปี ค.ศ.1812 กลบั มาใชใ้ นสเปน ขบวนการคารโ์ บนารใี่ นเนเปิ้ลสจ์ งึ กอ่ การปฏวิ ตั ิ ขนึ้ เพอื่ ตอ่ ตา้ นการปกครองระบบเผด็จการของพระเจา้ เฟอรด์ นิ านที่ 1(ค.ศ.1751-1825) ในการ ประชมุ ทเี่ มอื งไลบาท (Congress of Laibach) ประเทศออสเตรยี มกี ารสง่ ทหารเขา้ ไปจดั การกบั การปฏวิ ตั ใิ นเนเปิ้ล และในทสี่ ดุ ก็ปราบขบวนการคารโ์ บนารไี่ ดส้ าเรจ็ พระเจา้ เฟอรด์ นิ านที่ 1 ทรง กลบั ไปปกครองในระบอบเกา่ อกี ครงั้ ในเดอื น ม.ี ค.1821 กลบั

ความวนุ่ วายทเี่ กดิ ขนึ้ ในปิ ดมองทใ์ นปี ค.ศ.1821 ในปี ค.ศ.1821 ขบวนการคารโ์ บนารไี่ ดบ้ งั คบั ใหพ้ ระเจา้ วคิ เตอร ์เอมมานูเอลที่ 1 (VictorEmmanuel I 1802-1821) พระราชทานรฐั ธรรมนูญและสละราชบลั ลงั ก ์ พระองคจ์ งึ ทรงสละราชบลั ลงั ก ์ใหแ้ กพ่ ระเจา้ ชาลส ์ ฟิ ลกิ ซ ์(Charles Felix 1821-1831) แตใ่ นทสี่ ดุ ขบวนการคารโ์ บนารกี่ ็ถกูปราบปรามโดยกลมุ่ เจา้ ขนุ นางปิ ดมองทด์ ว้ ยความชว่ ยเหลอื ของกองทพั ออสเตรยี กลบั

การปฏวิ ตั ใิ นปี ค.ศ.1831 ในปี ค.ศ.1831 ขบวนการคารโ์ บนารไี่ ดก้ อ่ การปฏวิ ตั ขิ นึ้ ในโมดนี า ปารม์ า และรฐั สนั ตปาปา การปฏวิ ตั คิ รง้ั นีเ้ ป็ นทรี่ จู ้ กั ในนามของกบฏโบนาปารต์ (Banaparte Rebellion) เพราะหลยุ ส ์ นโปเลยี นไดเ้ ขา้มามสี ว่ นรว่ มในการกบฏครง้ั นี้ แตภ่ ายหลงั ถกู ปราบปรามไดโ้ ดยกองทพั ออสเตรยี ขบวนการคารโ์ บนารี่คอ่ ยๆสลายตวั ไป กลบั

หนทางทจี่ ะนาไปสูก่ ารรวมอติ าลใี นระหวา่ งปี 1852-1870 คารว์ วั ดารงตาแหน่งรฐั มนตรตี ง้ั แตค่ .ศ.1852 เป็ นเวลา 7 ปี จนกระทง่ั เสยี ชวี ติ ขณะดารงตาแหน่งได ้พฒั นายทุ ธศาสตร ์สรา้ งทางรถไฟ คคู ลองตา่ งๆ แต่คารว์ วั ไม่ยอมรบั ทฤษฎกี ารรวมอติ าลขี องแมซซนิ ีและเชอื่ วา่ การปฏวิ ตั ดิ ว้ ยพลงั ประชาชนน้ันจะไม่สาเรจ็ ดงั นั้น ในปี ค.ศ.1855 คารว์ วั จงึ นาอาณาจกั รซาร ์ดเิ นียเขา้ รว่ มในสมยั สงครามทกี่ าลงั เกดิ ขนึ้ ในคาบสมทุ รไครเมยี กลบั

การนาไปสูก่ ารเกดิ สงครามไครเมยี 1853- 1856 เกดิ ขนึ้ ในปี ค.ศ.1853 สาเหตมุ าจากรสั เซยี เขา้ รกุ รานตรุ กี ตอ่ มาองั กฤษและฝรง่ั เศสไดเ้ ขา้ รว่ มสงครามโดยอยฝู่ ่ ายตรุ กี ในเดอื นมกราคมค.ศ.1855 คารว์ วั ไดส้ ง่ ทหารซารด์ เิ นียจานวน 1,000 คน ไปชว่ ยเหลอื ฝ่ ายพนั ธมติ รทาสงครามกบั รสั เซยี สงครามไครเมยี ยุตลิ งเมอื่ รสั เซยี ยอมยตุ สิ งครามในเดอื นกมุ พาพนั ธ ์ ค.ศ.1856 และอกี สามอาทติ ย ์ตอ่ มาไดม้ กี ารเจรจาเพอื่ ทาสนธสิ ญั ญาสงบศกึ ทกี่ รงุ ปารสี คารว์ วั ไดถ้ อื โอกาสนาเอาปัญหาทเี่ กดิ ขนึ้ ที่แหลมอติ าลนี าเสนอตอ่ ทปี่ ระชมุ ทาใหน้ โปเลยี นที่ 3 ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทง้ั นีก้ เ็ พราะพระองคท์ รงเคยลภี้ ยัทางการเมอื งมาอยู่ทแี่ หลมอติ าลี กลบั

สงครามระหวา่ งออสเตรยี กบั ซารด์ เิ นีย 1858 ซารด์ เิ นียชว่ ยเหลอื ฝรง่ั เศสจากการถกู ออสเตรยี เขา้ โจมตจี นไดร้ บั ชยั ชนะในเดอื นมถิ นุ ายนค.ศ.1859 ตอ่ มาปรสั เซยี สง่ั ระดมพลบรเิ วณลมุ่ แม่นา้ ไนลแ์ ละพวกพระในฝรง่ั เศสเรมิ่ มกี ารตอ่ ตา้ นนโปเลยี นจงึ ทาใหพ้ ระองคท์ รงตดั สนิ พระทยั ยตุ สิ งครามกบั โจเซฟโดยไม่ไดป้ รกึ ษาคารว์ วั และอา้ งวา่ ทรงสลดพระทยั ทเี่ ห็นทหารลม้ ตายเป็ นจานวนมาก คารว์ วั ผดิ หวงั อยา่ งมากตอ่ การกระทาของนโปเลยี นท3ี่ จงึตดั สนิ ใจลาออกจากตาแหน่งนายกรฐั มนตรขี องซารด์ เิ นีย กลบั

สนธสิ ญั ญาไมตรรี ะหวา่ งฝรง่ั เศสกบั รสั เซยี 1859 -การดาเนินงานทางการทตู ของจกั รพรรดนิ โปเลยี นท3ี่ -สนธสิ ญั ญาไมตรรี สั เซยี ในเดอื นมนี าคม ค.ศ.1859 กลบั

สงครามระหวา่ งออสเตรยี กบั ซารด์ เิ นียและ ฝรง่ั เศส 1859 -เกดิ จากการแสดงออกทไี่ ม่เดน่ ชดั ทางการเมอื งระหวา่ งประเทศองั กฤษกบั ปรสั เซยี -คาววั รป์ ระกาศสงครามในเดอื นเมษายน ค.ศ.1859 -กองทพั ออสเตรยี เขา้ โจมตปี ิ ดมองท ์ -ซารด์ เิ นียร-์ ฝรง่ั เศสไดร้ บั ชยั ชนะในเดอื นมถิ นุ ายน ค.ศ.1859 -จกั รพรรดนิ โปเลยี นท3ี่ พระองคต์ ดั สนิ ใจยุตสิ งครามและเจรจาสงบศกึ ในปี ค.ศ.1859 -คาววั รล์ าออกจากตาแหน่ง กลบั

การขยายอานาจของซารด์ เิ นีย 1860-ถกู ตอ่ ตา้ นอยา่ งรนุ แรงโดยพวกคาทอลกิ-ค.ศ.1859 เกดิ การชมุ นุมขนึ้ ในบรเิ วณตอนกลางของแหลมอติ าลี-การเขา้ รบั ตาแหน่งของคาววั ร ์ กลบั

การลงประชามตขิ องรฐั ทอี่ ยู่ทางตอนกลาง ของแหลมอติ าลี 1860 ในเดอื นมนี าคม ค.ศ. 1860 ไดม้ กี ารลงประชามตขิ องรฐั ทอี่ ยทู่ างตอนกลางของแหลมอติ าลซี งึ่ประชามตสิ ว่ นใหญ่ตอ้ งการทจี่ ะรวมเขา้ กบั อาณาจกั รซารด์ เิ นีย หลงั จากนั้นคาววั รจ์ งึ ยกเมอื งนีซ กบัแควน้ ซาวอยใหก้ บั ฝรง่ั เศสโดยมกี ารลงนามในสนธสิ ญั ญาตรู นิ (Treaty Of Turin) ในวนั ที่ 24 มนี าคมค.ศ.1860 การกระทาดงั กลา่ วถอื เป็ นละเมดิ ขอ้ ตกลงเวยี นนา ในปี ค.ศ. 1815 ซงึ่ จะสง่ ผลกระทบตอ่เสถยี รภาพของปรสั เซยี ในบรเิ วณลมุ่ แม่นา้ ไรน์ จงึ ทาใหป้ รสั เซยี ตอ้ งหนั ไปดาเนินนโยบายทางการทตูใกลช้ ดิ กบั ออสเตรยี ในเวลาตอ่ มาการสญู เสยี เมอื งนีซ

การลงประชามตขิ องรฐั ทอี่ ยูท่ างตอนกลาง ของแหลมอติ าลี 1860 นอกจากนีก้ ารเขา้ ยดึ กรงุ โรมยงั อาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ ความแคน้ เคอื งขนึ้ กบั พวกคาทอลกิ ในยโุ รปซงึ่ อาจสง่ ผลกระทบทาใหก้ ารรวมอติ าลไี มป่ ระสบผลสาเรจ็ และจะเป็ นการเปิ ดโอกาสใหอ้ อสเตรยี เขา้แทรกแซงโดยอา้ งการใหค้ วามชว่ ยเหลอื แกส่ นั ตปาปาไพอสั ที่ 9 นอกจากนีค้ าววั รย์ งั เกรงวา่ ความมีชอื่ เสยี งและความเป็ นทนี่ ิยมของหมู่ประชาชนของการบิ อลดอี าจทาใหก้ ารบิ อลดี ตงั้ ตวั ขนึ้ เป็ นผูน้ าของสาธารณรฐั ทางภาคใตข้ องแหลมอติ าลี ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ วคาววั รจ์ งึ แนะนาใหพ้ ระเจา้ วคิ เตอร ์เอมมานูเอลที่ 2 นากองทพั ซารด์ เิ นียเดนิ ทพั ผ่านรฐั สนั ตปาปาไปยงั เมเปิ ลส ์ กลบั

การสละอานาจของการบิ อลดี 1860 ในขณะเดยี วกนั ก็ไดเ้ กดิ การปฏวิ ตั ภิ ายในรฐั สนั ตปาปาในเดอื นกนั ยายน ค.ศ. 1860 จงึ เป็ นขอ้ อา้ งของคาววั รท์ จี่ ะสง่ ทหารเขา้ ไปในแควน้ อมั เบรยี และมารช์ ส ์ โดยไม่เขา้ ไปแตะตอ้ งกรงุ โรม กองทหารซารด์ เิ นียสามารถยดึ ครองรฐั สนั ตปาปาไวไ้ ดท้ ง้ั หมดโดยอา้ งวา่ จะเขา้ มารกั ษาความสงบและปราบปรามความวนุ่ วายทเี่ กดิ ขนึ้ ในบรเิ วณนี้ กองทหารซารด์ เิ นียจงึ รบี เดนิ ทพั เขา้ สอู่ าณาจกั รเมเปิ ลส ์เพอื่ ไปสมทบกบั กองทพั ของการบิ อลดี และ จากเหตกุ ารณค์ วามวนุ่ วายทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในรฐั สนั ตปาปาจงึทาใหก้ ารบิ อลดตี ดั สนิ ใจทจี่ ะไม่เดนิ ทพั เขา้ สกู่ รงุ โรม เมอื่ การบิ อลดไี ดพ้ บและเจรจากบั พระเจา้ วคิ เตอร ์เอมมานูเอลที่ 2 แลว้ การเรยี นดจี งึ มอบอาณาจกั รเมเปิ ลสแ์ ละซซิ ลิ ซี งึ่ เขายดึ ไดท้ งั้ หมด ใหแ้ กพ่ ระเจา้ วคิเตอร ์ เอมมานูเอลที่ 2 โดยปฏเิ สธทจี่ ะขอรบั รางวลั หรอื เกยี รตยิ ศใดๆ เป็ นสงิ่ ตอบแทน ภายหลงั จากน้ันการบิ อลดจี งึ เดนิ ทางกลบั บา้ นทเี่ กาะคาปรรี า ซงึ่ อยทู่ างตะวนั ตกเฉียงเหนือของเกาะซารด์ เิ นีย กลบั

การสถาปนาอาณาจกั รอติ าลี 1861 การผนวกแควน้ อมั เบรยี มารช์ ส ์ และอาณาจกั รเมเปิ ลสแ์ ละซซิ ลี ี เขา้ กบั อาณาจกั รซารด์ เิ นียถอืเป็ นความสาเรจ็ ของการรวมอติ าลเี ขา้ ดว้ ยกนั ดนิ แดนสว่ นทยี่ งั ไม่ไดร้ วมเขา้ ประเทศอติ าลที เี่ กดิ ใหม่ไดแ้ ก่ แควน้ เวเนเทยี และกรงุ โรม ในวนั ที่ 17 มนี าคม ค.ศ. 1861 ไดม้ กี ารประกาศสถาปนาอาณาจกั รอติ าลขี นึ้ อย่างเป็ นทางการโดยมพี ระเจา้ วคิ เตอร ์ เอมมานูเอลที่ 2 ขนึ้ ดารงตาแหน่งกษตั รยิ แ์ หง่ อติ าลีประเทศอติ าลที เี่ กดิ ขนึ้ ใหม่มเี มอื งตรู นิ ซงึ่ เป็ นเมอื งทอี่ ยู่ในอาณาเขตของปิ ดมองท ์ และรฐั ธรรมนูญของอาณาจกั รซารด์ เิ นียไดป้ ระกาศใชม้ าตงั้ แต่ ค.ศ. 1848 ไดก้ ลายมาเป็ นกฎหมายบรรทดั ฐานของอาณาจกั รอติ าลที เี่ กดิ ใหม่ ตอ่ มาวนั ที่ 6 มถิ นุ ายน ค.ศ.1861 คาววั รร์ ฐั บรุ ษุ ผูม้ บี ทบาทสาคญั ในการรวมประเทศอติ าลเี ขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยวธิ ที างการทตู ไดถ้ งึ อสญั กรรม กลบั

การบกุ กรุงโรมของการบิ อลดี 1862 ใน ค.ศ.1862 รฐั บาลอติ าลแี ละประชาชนชาวอติ าเลยี นตา่ งกอ้ มคี วามคดิ ในการทจี่ ะ ผนวกกรงุ โรมและแคว้ นเวเนเทยี เขา้ กบั ประเทศอติ าลี และในเดอื นมถิ นุ ายน ค.ศ. 1862 การบิ อดไี ดเ้ ดนิ ทางสซู่ ซิ ลี ี โดยการรเู ้ ห็นเป็ นใจจากรฐั บาลอติ าลเี มอื่ การบิ อดรี วบรวม อาสาสมคั รไดป้ ระมาณ 3,000 คนจงึ เดนิ ทพั มุ่งสกู่ รงุ โรม เมอื่ กองกาลงั อาสาสมคั รของ การบิ อดไี ดป้ ะทะกบั กองทหารของรฐั บาลอติ าลี จงึ ทาใหแ้ ผนการเขา้ ยดึ กรงุ โรมของการิ บอดตี อ้ งลม่ สลายไปก็เป็ นเพราะรฐั บาลอติ าลนี ้ันเกดิ การเปลยี่ นใจกลวั วา่ การเขา้ ยดึ กรงุ โรมของการบิ อลดี อาจส่งผลตอ่ การแทรกแซงจากภายนอกไม่วา่ จะเป็ นพวกคาทอลกิ ออสเตรยี หรอื ฝรง่ั เศส อปุ สรรคสาคญั ทที่ าใหอ้ ติ าลไี ม่สามารถผนวกกรงุ โรมเขา้ มาเป็ นส่วนหนึ่งของอาณาจกั ร อติ าลี เพราะจกั รพรรดนิ โปเลยี นท3ี่ ทรงเคยสญั ญากบั พวกคาทอลกิ ทฝี่ รง่ั เศสไวว้ า่ ประเทศ อติ าลที เี่ กดิ ใหม่จะไม่มกี ารผนวกเอากรงุ โรมเขา้ ดว้ ยกนั จากการใหค้ าสญั ญาดงั กลา่ ว จงึ ทาใหจ้ กั รพรรดนิ โปเลยี นที่ 3 คดิ ทจี่ ะใหร้ ฐั บาลฝรง่ั เศสถอนกองทหารฝรง่ั เศส ออกจากกรงุ โรม ทงั้ นีจ้ งึ ทาใหอ้ ติ าลไี ม่สามารถผนวกกรงุ โรมเขา้ มาเป็ นส่วนหนึ่งของอาณาจกั รอติ าลไี ด้้ กลบั

การประชมุ ในเดอื นกนั ยายนใน ค. ศ. 1864 (SEPTEMBER CONVENTION) ในวนั ที่ 15 กนั ยายน ค.ศ.1864ไดม้ กี ารเจรจาตกลงกนั ระหวา่ งผูแ้ ทนรฐั บาลฝรง่ั เศสกบั ผูแ้ ทนรฐั บาลอติ าลี ฝรง่ั เศสตกลงทจี่ ะถอนกองทหารออกจากกรงุ โรมภายใน 2 ปี โดยมี เงอื่ นไขวา่ รฐั บาลอติ าลีจะตอ้ งยา้ ยเมอื งหลวงจากเมอื งตรู นิ ไปยงั เมอื งฟลอเรนซ ์และในทสี่ ดุ ขอ้ ตกลงดงั กลา่ วไดร้ บั การรบั รองจากรฐั บาลทง้ั สองฝ่ าย โดยกองทหารฝรง่ั เศสจะถอนกาลงั ออกจากกรงุ โรมในปี ค.ศ.1866 กลบั

การยดึ ครองเวเนเทยี ในปี ค.ศ. 1866 - ค.ศ.1866 บสิ มารค์ อคั รมหาเสนาบดขี องปรสั เซยี มแี ผนการทจี่ ะทาสงครามกบั ออสเตรยี เพอื่ ทจี่ ะรวมเยอรมนีเขา้ ดว้ ยกนั - ค.ศ.1865 ไดม้ กี ารพบปะเจรจากนั ระหวา่ งบสิ มารค์ กบั จกั รพรรดนิ โปเลยี นท3ี่ โดยจกั รพรรดนิ โปเลยี นท3ี่ ไดต้ กลงทจี่ ะไม่ขดั ขวางถา้ ปรสั เซยี จะรว่ มมอื กบั อติ าลเี พอื่ ทาสงครามกบั ออสเตรเลยี เพราะขอ้ ตกลงดงั กลา่ วจะเป็ นการชว่ ยใหอ้ ติ าลสี ามารถผนวก แควน้ เวเนเทยี เขา้ กบั อติ าลไี ดส้ าเรจ็ - วนั ท1ี่ 2 พฤษภาคม ค ศ 1866 ไดม้ กี ารทาสญั ญาเป็ นพนั ธมติ รกนั ระหวา่ งอติ าลกี บั รสั เซยี และตอ่ มากอ้ ไดม้ กี ารทาสงครามระหวา่ งออสเตรยี กบั ปรสั เซยี ซงึ่ จกั พรรดนิ โปเลยี นท3ี่ เป็ นคนกลางในการเจรจายตุ สิ งคราม จงึ ทาใหอ้ ติ าลสี ามารถผนวกแควน้ เวนาเทยี เขา้ มาเป็ นสว่ นหนึ่งของของอาณาจกั รอติ าลไี ดส้ าเรจ็ . กลบั

ปัญหาของประเทศอติ าลที เี่ กดิ ใหม่ 1866 ปัญหาความออ่ นแอของกองทพั อติ าลมี สี าเหตสุ าคญั มาจากการขาดการฝึ กฝนทดี่ ี ผูน้ าดเี ดน่ขาดอาวธุ และขาดวญิ ญาณแหง่ การเป็ นนักรบทดี่ ี รวมไปถงึ ความยากจนยงั เป็ นปัญหาสาคญั ของประเทศเกดิ ใหม่ อย่างไรก็ตามปัญหาดงั กลา่ วก็มคี วามสาคญั ไม่เทา่ กบั การนาเอากรุงโรมใหก้ ลบั มาเป็ นเมอื งหลวงของอติ าลี มกี ารประชมุ ระหวา่ งอติ าลกี บั ฝรง่ั เศสโดยจกั รพรรดนิ ะโปเลยี นที่ 3 ทรงเห็นวา่อติ าลมี กี ารยา้ ยเมอื งหลวงจากตรู นิ ไปยงั เมอื งฟลอเรนซ ์พระองคท์ รงม่นั ใจวา่ รฐั บาลอติ าลคี งจะยกเลกิความคดิ ทนี่ าเอากรงุ โรมมาเป็ นเมอื งหลวงของอติ าลี จงึ สง่ั ถอนกองทหารฝรง่ั เศสออกจากกรงุ โรม กลบั

ปัญหากรุงโรม 1867 เมอื่ รฐั บาลฝรง่ั เศสถอนทหารออกจากกรงุ โรม รฐั บาลอติ าลจี งึ มแี ผนการเขา้ ยดึ กรงุ โรมเพอื่ กอ่ การปฏวิ ตั ขิ นึ้ ในกรงุ โรม แตแ่ ผนดงั กลา่ วลม้ เหลวไปเพราะการบิ อลดไี ดเ้ ขา้ ยดึ กรงุ โรมกอ่ นการปฏวิ ตั ขิ องรฐั บาลอติ าลี จงึ ทาใหใ้ นเดอื นตลุ าคม ค.ศ.1867 กองทหารฝรง่ั เศสกลบั ทพั ไปยงั กรงุ โรม เพอื่ ชว่ ยเหลอืกองทพั ขององคส์ นั ตปาปาจนไดร้ บั ชยั ชนะตอ่ กองทพั ของการบิ อลดที สี่ มรภมู เิ มนทานา (Mentana)หลงั จากนั้นนโปเลยี นที่ 3 จงึ ทรงยตุ ปิ ญั หากรงุ โรมโดยการจดั ใหม้ กี ารประชมุ นานาชาติ กลบั

การยดึ กรุงโรม 1870 + Law Of Papal Guarantees เมอื่ เกดิ สงครามระหวา่ งฝรง่ั เศสกบั รสั เซยี (Franco-Rrussian War) กองทหารฝรง่ั เศสในกรงุ โรมตอ้ งถอนกองทพั ออกจากกรงุ โรมในวนั ที่ 19 สงิ หาคม ค.ศ. 1870 เพอื่ กลบั ไปยงั ฝรง่ั เศส จงึ ทาให ้กองทพั อติ าลถี อื โอกาสนีย้ ดึ ครองยดึ กรงุ โรม ในวนั ที่ 20 สงิ หาคม ค.ศ. 1870 หลงั จากน้ันรฐั บาลอติ าลไี ดจ้ ดั ใหม้ กี ารลงประชามตใิ นวนั ที่ 2 ตลุ าคม ค.ศ 1870 ผลของการลงประชามตปิ รากฏวา่ประชาชนสว่ นใหญ่ตอ้ งการใหผ้ นวกกรงุ โรมเขา้ กบั ประเทศอติ าลี รฐั บาลอติ าลจี งึ สถาปนากรงุ โรมขนึ้ เป็ นเมอื งหลวงของอติ าลี เพอื่ เป็ นการเอาใจตอ่ สนั ตปาปาไพอสั ที่ 9 และชาวคาทอลกิ ทว่ั โลกรฐั บาลอติ าลไี ด ้ผ่านกฎหมาย Law Of Papal Guarantees ในวนั ที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1871

การยดึ กรุงโรม 1870 + Law Of Papal Guarantees Law Of Papal Guarantees โดยมสี าระสาคญั คอื 1. สนั ตปาปายงั คงมเี สรภี าพในการประกอบศาสนกจิ 2. ผูแ้ ทนหรอื ทูตตา่ งชาตทิ จี่ ะเดนิ ทางมาสสู่ านักวาตกิ นั จะไดร้ บั การประกนั สทิ ธทิ างการทตู 3. สนั ตะปาปาจะไดร้ บั เงนิ ปี ละ 3,250,000 ลรี ์ เพอื่ แลกเปลยี่ นกบั ดนิ แดนทพี่ ระองคต์ อ้ งสญู เสยีใหก้ บั ประเทศอติ าลี อย่างไรก็ตาม สนั ตปาปาไพอสั ที่ 9 สง่ ปฏเิ สธทจี่ ะยอมรบั กฎหมายฉบบั นี้ สว่ นสนั ตปาปาองค ์ตอ่ ๆมา ก็ยงั ปฏเิ สธทจี่ ะยอมรบั ในสถานภาพทรี่ ฐั บาลอติ าลมี อบให ้ และทรงคดิ วา่ สนั ตปาปามสี ถานภาพเป็ นเพยี งนักโทษทถี่ กู กกั ขงั อย่ภู ายในสานักวาตกิ นั จนกระทง่ั ถงึ สมยั สนั ตปาปาไพอสั ที่ 11 จงึ ไดม้ กี าร1ท8าส7น0ธซสิ งึ่ญั มญผี ลาทลาาใเตหอส้ รานนั ักกวบั ารตฐั กิ บนั ากลลมาุสโยสมลานิเปี ็ในนนคคร.ศร.ฐั อ1สิ9ร2ะ9 เพอื่ ยุตปิ ัญหาขอ้ พพิ าททมี่ มี าตงั้ แตป่ ี ค.ศ. กลบั

สมาชกิ ในกลมุ่ คณะรฐั ศาสตร ์ สาขาวชิ าความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ1. นางสาวปรดี าพร จนั วนั ทนะ 59207100662. นางสาวรตั นา สนิทมจั โร 59207100693. นางสาวชนิษฏาภกั ดิ์ จุลพนั ธ ์ 59207102304. นางสาวภชั ฎา ทองจานงค ์ 59207102665. นางสาวอรพรรณ โดดชว่ ย 59207102796. นางสาวอไุ หมรี หวงั นะ๊ 5920710283


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook