171 การสร้างแหล่งเรยี นร้ใู นชมุ ชน แหล่งเรยี นรใู้ นชุมชน หมายถงึ “แหลง่ ” หรอื “ทร่ี วม” ขอ้ มลู ขา่ วสาร ความรู้ สารสนเทศ กจิ กรรมและประสบการณ์ต่าง ๆ ในชุมชนทส่ี นบั สนุน สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถหาความรแู้ ละเรยี นรู้ ดว้ ยตนเองไดต้ ามอธั ยาศยั การสรา้ งและพฒั นาชุมชนแห่งการเรยี นรู้ เป็นการจดั ใหม้ กี ารศกึ ษาทเ่ี กอ้ื หนุนใหบ้ ุคคลใน ชุมชนสามารถเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง ตลอดชวี ติ โดยการกระจายโอกาสทางการศกึ ษาใหท้ วั่ ถงึ ภายใตส้ ง่ิ ทม่ี อี ยใู่ นสงั คมรอบ ๆ ตวั ทงั้ ทม่ี ชี วี ติ และไมม่ ชี วี ติ เช่น จากประสบการณ์ของวทิ ยากรหรอื ปราชญช์ าวบา้ น จากแปลงสาธติ จากศูนยเ์ รยี นรู้ ฯลฯ โดยมงุ่ หวงั ใหเ้ กดิ การเรยี นรูจ้ ากประสบการณ์ จรงิ ในลกั ษณะของการศกึ ษานอกระบบหรอื การศกึ ษาอยา่ งไมเ่ ป็นทางการ ทไ่ี มเ่ น้นการเรยี นรู้ เฉพาะในหอ้ งเรยี น ดงั นนั้ การสรา้ งแหล่งเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายในชุมชนจงึ เป็นอกี สงิ่ หน่งึ ทจ่ี ะก่อ ประโยชน์ต่อกระบวนการเรยี นรทู้ ท่ี าํ ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาศกั ยภาพจากประสบการณ์ตรง ซง่ึ สมั ผสั และ จบั ตอ้ งได้ ทงั้ น้ี ความสาํ คญั ของแหลง่ เรยี นรใู้ นชุมชน ไมไ่ ดม้ เี ฉพาะต่อสมาชกิ ในชุมชนเท่านนั้ แต่ ยงั รวมถงึ บคุ คลทวั่ ไปและผทู้ ศ่ี กึ ษาอยใู่ นสถาบนั การศกึ ษาไดใ้ ชป้ ระโยชน์จากแหลง่ เรยี นรเู้ พอ่ื ดาํ เนิน กจิ กรรมต่าง ๆ ทก่ี ่อใหเ้ กดิ การเรยี นรรู่ ว่ มกนั และก่อใหเ้ กดิ การจารกึ ขอ้ มลู ชุมชนทเ่ี ป็นระบบดว้ ย เชน่ 1. ใชเ้ ป็นแหลง่ คน้ ควา้ หาความรเู้ พมิ่ เตมิ ทงั้ ทม่ี ใี นตําราเรยี นและทไ่ี มม่ ใี นตําราเรยี น 2. ใชเ้ ป็นสถานทใ่ี นการจดั การเรยี นการสอน การฝึกอบรม 3. ใชเ้ ป็นสถานทพ่ี บปะ แลกเปลย่ี นความรู้ ประสบการณ์ ความคดิ เหน็ 4. ใชเ้ ป็นแหลง่ สถานทศ่ี กึ ษาดูงาน ฝึกฝนอาชพี 5. ใชเ้ ป็นสอ่ื เรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นการสอนทม่ี มี ติ ิ มชี วี ติ เชน่ จติ กรรมฝาพนงั รอ่ งรอยประวตั ศิ าสตร์ นเิ วศวทิ ยา สตั วต์ ่าง ๆ ทม่ี อี ยใู่ นชุมชน (แมลง นก ปลา ฯลฯ) เป็นตน้ 6. ใชเ้ ป็นสถานทถ่ี ่ายทอดความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารทวั่ ๆ ไป รวมทงั้ เป็นสถานท่ี ประชาสมั พนั ธ์ เผยแพร่ หรอื แจง้ ขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการสอ่ื ไปถงึ คนในชุมชน 7. ใชเ้ ป็นศนู ยก์ ลางในการรวบรวมหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ ศลิ ปวฒั นธรรม โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ฯลฯ ไมใ่ หล้ บเลอื นสาํ หรบั สบื ต่อไปยงั ชนรนุ่ หลงั 8. ใชเ้ ป็นศนู ยก์ ลางในการดาํ เนนิ กจิ กรรมอ่นื ๆ อาทิ เป็นศูนยจ์ ดั จาํ หน่ายผลติ ภณั ฑช์ ุมชน เป็นจดุ รวบรวมผลผลติ พน้ื ทร่ี วมกลุ่มทาํ กจิ กรรมของแมบ่ า้ น ฯลฯ
172 องคป์ ระกอบของแหล่งเรียนร้ใู นชมุ ชน แหล่งการเรยี นรใู้ นชุมชน ควรจะประกอบดว้ ยสง่ิ ต่าง ๆ ดงั น้ี 1. แหลง่ ทมี่ าของความรแู้ ละเน้ือหาความรู้ แหลง่ ทม่ี ขี องความรู้ หมายถงึ ทม่ี า หรอื ตวั แทนของความรทู้ ส่ี ามารถอา้ งองิ ถงึ ความมอี ยขู่ ององคค์ วามรชู้ ุมชน ซง่ึ อาจอยใู่ นรปู แบบต่าง ๆ เชน่ ตวั บคุ คล วตั ถุสงิ่ ของ สถานท่ี ประเพณี ฯลฯ แหลง่ ทม่ี าของความรนู้ ้สี ามารถเส่อื มสลาย ผพุ งั หรอื ลม้ ตายได้ นอกจากน้ีบางแหล่งทม่ี าของความรยู้ งั ไมส่ ามารถใหเ้ รอ่ื งราวไดอ้ ยา่ งชดั เจนหากไมม่ ี คนมาบอกเลา่ หรอื ไม่มเี อกสารมาใหอ้ ่าน ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู องคค์ วามรู้ ออกมา เป็นภาพถ่าย เอกสาร หรอื เน้อื หาความรู้ เพ่อื เป็นหลกั ประกนั ความยงั่ ยนื ยาวนานและสามารถสบื ทอดขยายผลได้ เน้อื หาความรู้ คอื ขอ้ มลู หรอื เรอ่ื งราว หรอื สง่ิ ทจ่ี ดั เกบ็ ไดจ้ ากแหล่งทม่ี าของความรู้ทถ่ี ูก นํามาเรยี บเรยี งใหเ้ ป็นระบบ เป็นหมวดหมู่ สามารถทาํ ความเขา้ ใจไดแ้ ละพรอ้ มต่อการนําไปใช้ ประโยชน์เพ่อื เพมิ่ พนู ความรู้ ประสบการณ์ ทงั้ ความรทู้ ฝ่ี งั อยใู่ นคน (Tacit Knowledge) ซง่ึ เป็น ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากประสบการณ์ พรสวรรคห์ รอื สญั ชาตญาณของแต่ละบคุ คล เชน่ ทกั ษะในการทาํ งาน ความคดิ ทศั นคติ และทงั้ ความรทู้ ช่ี ดั แจง้ (Explicit Knowledge) ซง่ึ สามารถถ่ายทอดไดโ้ ดยผา่ นวธิ ี ต่าง ๆ เชน่ การบนั ทกึ ขอ้ มลู หรอื เรอ่ื งราวต่าง ๆ การเกบ็ ขอ้ มลู จากแหลง่ ความรขู้ น้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะของทม่ี า เช่น ถา้ เป็นสถานทอ่ี าจเกบ็ ภาพถ่าย พรอ้ มประวตั คิ วามเป็นมา ความสาํ คญั ของแหล่งความรู้ หรอื ถา้ เป็นตวั บุคคล กอ็ าจเกบ็ ประวตั ยิ อ่ บทสมั ภาษณ์ คณุ งามความดี บนั ทกึ ประสบการณ์หรอื ความรทู้ ม่ี ี แต่ถา้ หากอยใู่ นรปู แบบ ของประเพณี อาจบนั ทกึ ถงึ ความเป็นมา พธิ กี รรมหรอื ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิ เป็นตน้ 2. วธิ กี ารจดั กระบวนการเรยี นรู้ หมายถงึ ขนั้ ตอน วธิ กี ารจดั กระบวนการเรยี นรู้ รปู แบบ การเผยแพร่ หรอื การนําเน้ือหาความรจู้ ากแหลง่ ทม่ี าของความรมู้ าถ่ายทอดใหก้ บั ผูท้ ส่ี นใจ เช่น การ จดั ทําหลกั สตู ร การจดั ทาํ แปลงสาธติ ฯลฯ 3. อุปกรณ์สาหรบั การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ หมายถงึ อุปกรณ์สาธติ ส่อื รปู แบบต่าง ๆ ท่ี ทาํ ใหก้ ารเรยี นรมู้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากกวา่ การไดฟ้ งั บรรยายเพยี งอยา่ งเดยี ว เชน่ แผ่นพบั ภาพประกอบ โมเดลจาํ ลอง ภาพสไลด์ หนงั สนั้ สารคดสี นั้ ฯลฯ 4. สถานทเ่ี รยี นรู้ ส่วนใหญ่ใชบ้ รเิ วณแหล่งทม่ี าของความรเู้ ป็นสถานทจ่ี ดั การเรยี นรู้ เพราะ จะสามารถเรยี นรไู้ ดจ้ ากสถานทจ่ี รงิ ไมว่ ่าจะเป็นทบ่ี า้ นของผรู้ ู้ แปลงเกษตร ฟารม์ วดั ปา่ ฯลฯ โดย มกี ารปรบั สภาพแวดลอ้ มของแหล่งเรยี นรใู้ หเ้ ป็นหอ้ งเรยี นธรรมชาติ ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งเรยี นในหอ้ งเรยี น ทเ่ี ป็นทางการ แต่ถา้ หากแหล่งเรยี นรไู้ มส่ ะดวกต่อการจดั กระบวนการเรยี นรู้ กอ็ าจใชส้ ถานทอ่ี ่นื ท่ี ใกลเ้ คยี งหรอื เออ้ื ต่อการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ ป็นสถานทค่ี นพลกุ พล่านมาก เพราะจะทาํ ใหท้ งั้ ผจู้ ดั การ เรยี นรแู้ ละผเู้ รยี นรเู้ สยี สมาธไิ ดง้ า่ ย 5. การประเมนิ และตดิ ตามผลการเรยี นรู้ เป็นการวดั ผลว่าการจดั การเรยี นรนู้ นั้ ไดผ้ ลดมี าก น้อยเท่าใดเพ่อื จะไดน้ ํามาพฒั นาปรบั ปรงุ การจดั การเรยี นรใู้ นคราวต่อไป โดยควรวดั ผลทงั้ จากตวั
173 ผเู้ รยี นทไ่ี ดป้ ระเมนิ ความรขู้ องตนเอง และประเมนิ กระบวนการสอนของผจู้ ดั การเรยี นรู้ ซง่ึ รปู แบบ ของการวดั ผลนนั้ ขน้ึ อยกู่ บั วตั ถุประสงคข์ องการจดั การเรยี นรู้ 6. ผจู้ ดั การเรยี นรู้ หรอื ผทู้ ดี่ าเนนิ การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ในทน่ี ้ีจะเน้นใหช้ ุมชนเป็นผมู้ ี บทบาทสาํ คญั ในการดาํ เนินงานทกุ ขนั้ ตอนตงั้ แต่การวางแผน การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ทม่ี า ของความรู้ ไปจนถงึ การประเมนิ และตดิ ตามผลการเรยี นรู้ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ชุมชนจะตอ้ งเป็นกาํ ลงั หลกั ในการถ่ายทอดความรใู้ หผ้ ทู้ ส่ี นใจ (ขนั้ จดั กระบวนการเรยี นร)ู้ เพอ่ื ใหค้ วามรจู้ ากแหล่งเรยี นรู้ ชุมชนแผ่ขยายในวงกวา้ งในลกั ษณะชุมชนส่ชู ุมชน โดยไมต่ อ้ งพง่ึ พงิ ภาครฐั ดงั นนั้ ผจู้ ดั การเรยี นรจู้ งึ ควรจะตอ้ งมคี วามรเู้ ก่ยี วกบั เรอ่ื งนนั้ ๆ เป็นอยา่ งดี มที กั ษะในการสอ่ื สาร เขา้ ใจถงึ วธิ กี ารจดั กระบวนการเรยี นรแู้ บบมสี ่วนรว่ ม และรจู้ กั ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น เพอ่ื ใหส้ ามารถออกแบบกระบวนการ เรยี นรทู้ ส่ี อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผเู้ รยี นและถ่ายทอดความรไู้ ดอ้ ยา่ งชดั เจนมากทส่ี ุด 7. ผเู้ รยี น หมายถงึ สมาชกิ ในชุมชน และผสู้ นใจทวั่ ไปทต่ี อ้ งการเรยี นรู้ ประเภทของแหล่งการเรียนร้ใู นชมุ ชน กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น ไดแ้ บง่ ประเภทแหล่งเรยี นรใู้ นชุมชนออกเป็น 6 ประเภทดงั น้ี 1. หอ้ งสมดุ ต่าง ๆ เช่น หอ้ งสมดุ โรงเรยี น หอ้ งสมดุ ประชาชน หอ้ งสมุดวดั ฯลฯ หอ้ งสมดุ เป็นแหล่งรวบรวมความรแู้ ละบรกิ ารใหค้ วามรแู้ ก่ประชาชนทกุ เพศทกุ วยั ทม่ี คี วามสนใจและใฝห่ า ความรตู้ ่าง ๆ หอ้ งสมดุ ทกุ ประเภทประกอบดว้ ยกจิ กรรมสาํ คญั ๆ เชน่ บรกิ ารใหย้ มื หนงั สอื การจดั นิทรรศการ มมุ หนงั สอื ฯลฯ 2. เครอื ขา่ ยการเรยี นรใู้ นชมุ ชน ไดแ้ ก่ ศูนยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชน สถานอี นามยั สาํ นกั งาน เกษตรอําเภอ ทอ่ี ่านหนงั สอื ประจาํ หมบู่ า้ น แหล่งความรทู้ ม่ี อี ยตู่ ามธรรมชาติ หรอื ตามวถิ ชี าวบา้ น เชน่ วนอุทยาน สวนพชื สมนุ ไพร เป็นต้น 3. สอ่ื สารมวลชน ในปจั จบุ นั ส่อื สารมวลชน รวมทงั้ เทคโนโลยอี ยา่ ง ๆ มกี ารพฒั นาและ เขา้ ถงึ ประชาชนทุกเพศทุกวยั อยา่ งรวดเรว็ เช่น สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ (หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร นติ ยสาร ฯลฯ) สอ่ื วทิ ยุ ส่อื โทรทศั น์ จงึ ทาํ ใหส้ อ่ื สารมวลชนมคี วามสาํ คญั อยา่ งมากต่อการรบั รแู้ ละเรยี นรขู้ องชุมชน 4. ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น ไดแ้ ก่ ความรทู้ ท่ี ําสบื ทอดกนั มาในอดตี ปราชญช์ าวบา้ น วฒั นธรรม ฯลฯ ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นเป็นแหลง่ เรยี นรทู้ ส่ี ําคญั และถอื เป็นวทิ ยาการทม่ี คี ณุ คา่ ต่อสงั คม 5. สอ่ื พน้ื บา้ น เป็นการเรยี นรจู้ ากการแสดงหรอื การละเลน่ ทแ่ี ฝงไวด้ ว้ ยวฒั นธรรมของ ชาวบา้ น แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วถิ ชี วี ติ ความเป็นอยู่ โดยมเี ป้าหมายเพอ่ื ความบนั เทงิ ความสนุกสนาน เพลดิ เพลนิ ตลอดจนจรรโลงใจ เช่น ลเิ ก หมอลาํ ลาํ ตดั เพลงลกู ทุ่ง ฯลฯ ส่อื พน้ื บา้ นมบี ทบาทใน การถ่ายทอดความรู้ ค่านิยม และคุณธรรม
174 6. ครอบครวั ไดแ้ ก่ การบอกเล่า การอบรมสงั่ สอน การถ่ายทอดอาชพี การปลกู ฝงั คา่ นิยม และเจตคติ ฯลฯ ครอบครวั เป็นแหล่งเรยี นรตู้ งั้ แต่เกดิ ทจ่ี ะสอนใหม้ นุษยม์ แี บบแผนในการดาํ รงชวี ติ รจู้ กั คดิ และตดั สนิ ใจในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง นอกจากน้ี วรี ะเทพ ปทมุ เจรญิ วฒั นา (2545) ยงั ไดแ้ บง่ ประเภทของแหลง่ เรยี นรใู้ นชุมชน ออกเป็น 2 ดา้ น ตามกจิ กรรมการจดั การศกึ ษาแบบอธั ยาศยั ดงั น้ี 1. การจดั กจิ กรรม มดี งั น้ี 1) การเรยี นรจู้ ากภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นเป็นแหล่งการเรยี นรทู้ ส่ี าํ คญั ของชมุ ชน เป็นแหลง่ วทิ ยาการทม่ี คี ุณค่าต่อบุคคลและสงั คมเป็นอย่างยง่ิ ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น ประกอบดว้ ยภมู ปิ ญั ญาของผรู้ ู้ วฒั นธรรมและความรขู้ องชุมชน ซง่ึ ไดร้ บั การสงั่ สมและถ่ายทอดสบื ต่อมา 2) การจดั กลุม่ สนใจ เป็นการจดั การศกึ ษาตามสภาพปญั หา ความตอ้ งการและความ สนใจทแ่ี ตกต่างกนั ของแต่ละบคุ คล เพอ่ื ใหส้ ามารถนําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาํ วนั และ เป็นการยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ดว้ ย 3) กลมุ่ เสวนาหรอื อภปิ ราย เป็นการรวมกลุ่มคนทม่ี คี วามสนใจในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่งึ เหมอื นกนั และตอ้ งการแสดงความคดิ เหน็ โดยการเปิดเวทพี ดู คุย วพิ ากษ์วจิ ารณ์ในเรอ่ื งนนั้ ๆ อยา่ ง เสรี และเป็นประชาธปิ ไตยต่อสาธารณชน เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ คาํ ตอบ 4) กจิ กรรมดา้ นศาสนาและวฒั นธรรม เป็นรปู แบบพธิ กี ารทก่ี ระทาํ สบื ทอดจากบรรพ บุรษุ มาเป็นเวลานาน จนกลายเป็นจารตี ประเพณี และอนุรกั ษต์ ่อกนั ไป เช่น การรดน้ําดาํ หวั ใน ประเพณสี งกรานตเ์ ป็นตน้ 5) พอ่ แมส่ อนลกู เป็นรปู แบบการเรยี นรตู้ ามอธั ยาศยั ทช่ี ดั เจนทส่ี ุด เกดิ ขน้ึ ตาม ธรรมชาตแิ ละจากประสบการณ์ในชวี ติ ประจาํ วนั 6) การเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ของกลมุ่ อาชพี เชน่ การทาํ แชมพสู มนุ ไพรจาก ผชู้ าํ นาญการ เป็นต้น 7) การเขา้ ค่าย เป็นกจิ กรรมทน่ี กั เรยี น นกั ศกึ ษามคี วามสนใจทจ่ี ะเรยี นรใู้ นศาสตร์ แขนงใดแขนงหน่ึงรว่ มกนั และมวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ไปอยรู่ ่วมกนั และศกึ ษาในเรอ่ื งนนั้ ๆ เชน่ การเขา้ คา่ ยวทิ ยาศาสตร์ เป็นตน้ 8) คอมพวิ เตอรแ์ ละอเิ ลคทรอนิคส์ เป็นการสอ่ื สารทใ่ี หค้ วามรอู้ ย่างฉบั ไวสามารถ นํามาใชใ้ นการถ่ายทอดความรทู้ งั้ ในการจดั การศกึ ษาในโรงเรยี น การศกึ ษานอกโรงเรยี นและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
175 2. การใหบ้ รกิ าร มดี งั น้ี 1) ทอ่ี ่านหนงั สอื ประจาํ หม่บู า้ น/ชมุ ชน เป็นแหล่งบรกิ ารขา่ วสารขอ้ มลู ทเ่ี ป็นปจั จบุ นั เพ่อื สรา้ งนิสยั การอ่าน ป้องกนั การลมื หนังสอื และเสรมิ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองแก่ประชาชน 2) ศูนยก์ ารเรยี น เป็นสถานทจ่ี ดั กจิ กรรมทผ่ี เู้ รยี นสามารถศกึ ษาหาความรไู้ ดด้ ว้ ย ตนเองจากส่อื การสอนหลายรปู แบบ นอกจากน้ยี งั เป็นแหลง่ กลางทาํ หน้าทป่ี ระสานงานกบั แหล่ง วทิ ยาการ ความรขู้ ่าวสารแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในชมุ ชน 3) อนิ เตอรเ์ น็ต เป็นระบบการหาความรใู้ นศาสตรแ์ ละสาขาต่าง ๆ โดยวธิ กี ารสบื คน้ ขอ้ มลู จากคอมพวิ เตอร์ 4) นิทรรศการ เป็นการนําเน้อื หาทางวชิ าการมาจดั ในรปู ของสง่ิ แสดงซง่ึ อาจจะเป็นของ จรงิ ของจาํ ลอง เป็นตน้ 5) การทอ่ งเทย่ี ว เป็นกจิ กรรมทม่ี วี ตั ถุประสงคห์ ลกั เพอ่ื การพกั ผ่อนและความ เพลดิ เพลนิ แต่ในขณะเดยี วกนั ผทู้ อ่ งเทย่ี วกจ็ ะไดร้ บั ความรดู้ ว้ ย ทาํ ใหเ้ กดิ ประสบการณ์ตรงและได้ เรยี นรใู้ นขณะเดยี วกนั 6) พพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตร์ เป็นการเรยี นรทู้ ผ่ี เู้ รยี นสามารถเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองโดย ตลอดเวลา มโี อกาสสมั ผสั ดว้ ยตนเอง 7) หอ้ งสมดุ ประชาชน เป็นสถานทใ่ี หบ้ รกิ ารขอ้ มลู ข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ดว้ ยสอ่ื ประเภทสง่ิ พมิ พ์ ในบางแห่งอาจจะจดั การเรยี นการสอนดว้ ยสอ่ื ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ส่อื สง่ิ พมิ พ์ ส่อื โสตทศั น์ ส่อื อเิ ลคทรอนิคส์ เป็นตน้ 8) หน่วยภาพยนตรเ์ คล่อื นท่ี เป็นการออกหน่วยโดยทางรถยนตห์ รอื เรอื เคล่อื นทไ่ี ป ตามชุมชน เพอ่ื นําสอ่ื ภาพยนตรไ์ ปฉายเพ่อื ความเพลดิ เพลนิ ในขณะเดยี วกนั ผชู้ มกไ็ ดค้ วามรจู้ าก เน้อื หาในภาพยนตรน์ นั้ ๆ ดว้ ย ศูนย์การเรียนร้ชู มุ ชน ศูนยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชน หมายถงึ “สถานท”่ี ทเ่ี ป็นศูนยก์ ลางการจดั การเรยี นรู้ เป็นอกี รปู แบบ หน่งึ ของแหล่งเรยี นรใู้ นชุมชน ทป่ี จั จบุ นั นิยมจดั ตงั้ ขน้ึ เพ่อื สง่ เสรมิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ เสรมิ สรา้ ง โอกาสในการเรยี นรู้ ถ่ายทอด แลกเปลย่ี น ประสบการณ์ของประชาชนในชุมชน เป็นจดุ ถ่ายทอด ความรไู้ ปยงั ผทู้ ส่ี นใจภายนอกชุมชน และเป็นแหลง่ บรกิ ารชุมชนในการจดั กจิ กรรมต่าง ๆ ท่ี สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของประชาชน เน้นถ่ายทอดความรแู้ ละเรอ่ื งราวเกย่ี วกบั วถิ ชี วี ติ และ กจิ กรรมการพฒั นาของชุมชน
176 กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ กระทรวงมหาดไทย (2553) ไดจ้ าํ แนกรปู แบบของศนู ยก์ าร เรยี นรชู้ ุมชนประเภทต่าง ๆ ไว้ 8 ประเภท โดยแต่ละประเภทมจี ดุ มงุ่ หมายและกจิ กรรมแตกต่างกนั ออกไป สรปุ ไดด้ งั น้ี 1. หอ้ งแสดงวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เป็นส่วนทแ่ี สดงถงึ การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั ศลิ ปะ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ทแ่ี สดงออกถงึ วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชน ซง่ึ มอี ตั ลกั ษณ์ และความเช่อื ประเพณเี ป็นของทอ้ งถน่ิ ซง่ึ หอ้ งแสดงวฒั นธรรมมกี ารจดั แสดง เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ น การดํารงชวี ติ วฒั นธรรมเครอ่ื งแต่งกาย หรอื ประกอบอาชพี ของคนในชุมชน 2. หอ้ งอนิ เตอรเ์ น็ตชมุ ชน เป็นส่วนทส่ี ง่ เสรมิ การเรยี นรเู้ ท่าทนั โลกของเทคโนโลยที ไ่ี ร้ พรมแดน เปิดโอกาสใหค้ นในชุมชนไดเ้ ขา้ ถงึ เทคโนโลยแี ละมพี ฒั นาการสารสนเทศ เป็นศนู ยก์ าร เรยี นรชู้ ุมชนทส่ี ่งเสรมิ เครอื ขา่ ยแห่งการเรยี นรู้ และพฒั นาเป็นศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ สมอื นจรงิ โดยใช้ เทคโนโลยดี จิ ติ อล และเป็นแหลง่ รวมสารสนเทศอเิ ลคทรอนิคส์ โดยทวั่ ไปจะจดั บรกิ ารใหส้ บื คน้ ขอ้ มลู ทเ่ี ป็นความรทู้ ม่ี ปี ระโยชน์ต่อการพฒั นาการเรยี นรใู้ นเรอ่ื งต่าง ๆ ทบ่ี คุ คลในชมุ ชนสนใจผ่านเครอื ขา่ ย อนิ เตอรเ์ น็ต เช่น ขอ้ มลู ดา้ นวฒั นธรรม โดยเช่อื มโยงกบั หน่วยงานทม่ี ขี อ้ มลู ดา้ นวฒั นธรรม อาทิ หอ จดหมายเหตุ พพิ ธิ ภณั ฑ์ รวมทงั้ จดั บรกิ ารส่งเสรมิ การศกึ ษาในระบบทางไกล เช่น ใหบ้ รกิ ารศกึ ษา ดว้ ยตนเองผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ตโดยผมู้ าใชบ้ รกิ ารลงทะเบยี นเรยี นกบั สถานศกึ ษา ทจ่ี ดั การ เรยี นการสอนผ่านระบบออนไลน์ ทเ่ี ช่อื มโยงกบั เครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ น็ต 3. หอ้ งวชิ าการชุมชน เป็นสถานทจ่ี ดั ประชุมสมั มนา ฝึกอบรมหวั ขอ้ ต่าง ๆ เชน่ เรอ่ื งภาษา การเลย้ี งลกู แนะแนวการศกึ ษาต่อในระดบั อุดมศกึ ษา มุมพฒั นาการศกึ ษาดว้ ยตนเอง เชน่ มมุ สาย สามญั ของการศกึ ษานอกโรงเรยี น มมุ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช มุมมหาวทิ ยาลยั รามคําแหง เป็นตน้ เป็นสถานทจ่ี ดั กจิ กรรมกลุ่มพฒั นาความรใู้ นชุมชน และเป็นหอ้ งถ่ายทอดความรตู้ ่าง ๆ ซง่ึ จดั บรกิ ารแก่ชุมชน บุคคล หรอื หน่วยงานภายนอก นอกจากน้ยี งั เป็นจดุ ถ่ายทอดความรดู้ า้ นต่างๆ เช่น สารคดี ประวตั ศิ าสตรต์ ่าง ๆ องคค์ วามรทู้ เ่ี ป็นประโยชน์ต่อเดก็ เยาวชน และประชาชนในชมุ ชน หอ้ งวชิ าการชมุ ชนจดั ตงั้ โดยมงุ่ หวงั เพ่อื ใหเ้ กดิ กจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ สนบั สนุนใหช้ ุมชนสามารถแกไ้ ขปยั หาความขดั แยง้ และความเดอื ดรอ้ นโดยการเรยี นรแู้ ละรว่ มกนั แสวงหาคําตอบของปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ 4. หอ้ งเรยี นรกู้ ลุ่มอาชพี ชุมชน เป็นส่วนเผยแพรผ่ ลงานกลุ่มอาชพี การดาํ เนนิ งาน การ รวมกล่มุ การฝึกและพฒั นาอาชพี และเป็นการเปิดโอกาสทางการตลาดของกลมุ่ อาชพี ในชุมชน จะ ไดส้ มั ผสั กบั การทาํ งานกล่มุ อาชพี อยา่ งแทจ้ รงิ 5. รา้ นคา้ ชุมชน เป็นสว่ นสง่ เสรมิ การเรยี นรกู้ ารดําเนินเชงิ ธรุ กจิ รว่ มกนั เพอ่ื การพฒั นากา้ ว ไปเป็นรปู แบบของสหกรณ์ชมุ ชน และวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) ตามแนวทาง เศรษฐกจิ พอเพยี ง ตลอดจนเน้นการเช่อื มโยงเครอื ข่ายการผลติ จากชุมชน และดาํ เนินการตลาด รว่ มกบั ชุมชน ซง่ึ รา้ นคา้ ชุมชนจดั บรกิ ารสนิ คา้ ราคาตน้ ทุนต่าํ เพ่อื เป็นทางเลอื กของผบู้ รโิ ภคในชุมชน และเป็นศูนยจ์ ดั จาํ หน่ายผลติ ภณั ฑจ์ ากชุมชน หรอื สนิ คา้ หน่งึ ตําบลหน่งึ ผลติ ภณั ฑ์ มมี ุมขอ้ มลู สนิ คา้ มมุ แคตตาลอ็ กสนิ คา้ และผลติ ภณั ฑ์ ศูนยส์ าธติ ของดเี ดน่ ของชุมชน เป็นตน้
177 6. ลานกจิ กรรมชุมชน เป็นสถานทช่ี ่วยเสรมิ สรา้ งพฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ และ เยาวชน ใหม้ กี ารทาํ กจิ กรรมกลุ่มรว่ มกนั บรกิ ารเครอ่ื งเล่นสาํ หรบั เดก็ มกี ารจดั กจิ กรรมเรยี นรอู้ ยา่ ง สรา้ งสรรคแ์ ละสานสายใยครอบครวั เชน่ กจิ กรรมศลิ ปะ การรอ้ งเพลง การเลน่ เกมต่าง ๆ เวทสี าํ หรบั ปราชญช์ ุมชน คนเด่นคนดงั มาแสดงใหช้ มุ ชนทราบถงึ ความสามารถ 7. หอ้ งสมดุ ชมุ ชน/หอ้ งสมดุ ประชาชน เป็นรปู แบบของศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนประเภทหน่งึ ซง่ึ ปจั จุบนั การดาํ เนินงานหอ้ งสมดุ ประชาชนตําบล ไดม้ กี ารถ่ายโอนใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วน ทอ้ งถน่ิ เป็นผรู้ บั ผดิ ชอบ ศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชนประเภทน้ีจดั ตงั้ ขน้ึ โดยมจี ดุ มงุ่ หมายให้มกี ารจดั การ เรยี นรแู้ ละจดั กจิ กรรมทม่ี คี วามยดื หยุน่ ตามความตอ้ งการของประชาชนเพ่อื ใหส้ ามารถเรยี นรไู้ ด้ ตลอดชวี ติ และตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการการเรยี นรูข้ องประชาชนในชมุ ชน ใหบ้ รกิ ารหนงั สอื ทุก ประเภทตงั้ แต่พฒั นาการของเดก็ เลก็ เยาวชนผสู้ นใจเฉพาะดา้ น มบี รกิ ารส่อื วารสารสง่ิ พมิ พต์ ่าง ๆ ท่ี มคี วามทนั สมยั และควรจดั ใหม้ สี ่อื ซง่ึ สามารถก่อใหเ้ กดิ ลกั ษณะของการเรยี นรู้ ทร่ี ่นื รมยแ์ ละมี ชวี ติ ชวี า เช่น วดี ทิ ศั น์เทปบนั ทกึ ภาพ เทปบนั ทกึ เสยี งแผน่ เสยี ง ภาพสไลด์ Iรวมถงึ อนิ เตอรเ์ น็ตดว้ ย กไ็ ด้ แหล่งทม่ี าของหนงั สอื และส่อื ประเภทต่าง ๆ นอกเหนือจากงบประมาณขององคก์ รปกครองสว่ น ทอ้ งถน่ิ แลว้ ยงั ไดร้ บั การสนบั สนุนจากหน่วยงานเอกชน และประชาชนทวั่ ไป ทต่ี อ้ งการเหน็ คนมกี าร อ่านหนงั สอื และมคี วามรมู้ ากขน้ึ 8. ทอ่ี ่านหนงั สอื ประจาํ หมบู่ า้ น/ชมุ ชน เป็นศูนยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนอกี ประเภทหน่งึ ทไ่ี ดม้ กี าร ถ่ายโอนใหแ้ ก่องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ เป็นผดู้ าํ เนินงาน เป็นทใ่ี หป้ ระชาชนไดร้ บั ทราบขา่ วสาร และความรตู้ ่างๆ สง่ เสรมิ การอ่านหนงั สอื และป้องกนั การลมื หนังสอื รวมทงั้ เพ่อื สรา้ งนิสยั รกั การอ่าน หนงั สอื ของประชาชน แนวทางการดาเนินงานศนู ยเ์ รยี นรชู้ มุ ชน กรมพฒั นาชุมชน ไดจ้ ดั ทาํ แนวทางการดาํ เนินงานของศนู ยเ์ รยี นรชู้ ุมชน ใน 2 รปู แบบดงั น้ี ( http://www.chumchon.cdd.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=4 0 : 2 0 1 0 - 08-25-04-01-48&catid=41:2010-07-12-04-49-59&Itemid=9) พ้ืนทีท่ ีไ่ ม่มศี นู ยเ์ รียนร้ชู มุ ชน หมายถงึ เป็นพน้ื ทท่ี ไ่ี มเ่ คยมกี จิ กรรมดา้ นส่งเสรมิ การเรยี นรู้ เลย ไม่เคยมกี ารสํารวจปราชญ์ชาวบ้าน ไม่มอี าคาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหมู่บา้ นน้ีจะไม่มี ปราชญ์ชาวบ้านหรอื ความรู้ของหม่บู ้าน เพยี งแต่ไม่เคยสํารวจมาก่อนเท่านัน้ เป้าหมายในการ ดําเนินงานในพน้ื ท่ปี ระเภทน้ี ก็คอื การทําให้เกดิ จุดเรยี นรู้ ซ่งึ หมายถึงการระบุไดว้ ่า คนเก่ง ผู้รู้ ปราชญช์ าวบา้ น ในเรอ่ื งต่าง ๆ อยทู่ ใ่ี ด ขอ้ มลู ปจั จบุ นั ทเ่ี ป็นประโยชน์ในการพฒั นาหม่บู า้ นเท่าทม่ี อี ยู่ นนั้ อย่ทู ใ่ี ด แลว้ ทําแผนทแ่ี สดงเป็นจดุ เรยี นรู้ แสดงไวใ้ นสถานทท่ี เ่ี ป็นศูนยร์ วมของหม่บู า้ น อาจเป็น บา้ นผใู้ หญ่บา้ น วดั โรงเรยี น ศาลาประชาคม ฯลฯ และจดั ทําป้ายแสดงจุดเรยี นรไู้ วท้ บ่ี า้ นของผูท้ จ่ี ะ ใหค้ วามรนู้ นั้ ๆ
178 ขนั้ ตอนการดาํ เนินงาน จดั เวทปี ระชาคมเผยแพร่ความคดิ ช้แี จงวตั ถุประสงค์และประโยชน์ของศูนย์เรยี นรู้ ชุมชน สรรหาแกนนํา แต่งตงั้ คณะทาํ งานของหมบู่ า้ น สาํ รวจและจดั ทาํ จดุ เรยี นรู้ แกนนําเกบ็ ขอ้ มลู คนเก่ง ผรู้ ู้ ปราชญช์ าวบา้ น ในเรอ่ื งต่าง ๆ แกนนําคน้ หาผรู้ ทู้ จ่ี ะบอกเล่าประวตั ขิ องหมบู่ า้ นได้ จดั ทาํ แผนทจ่ี ดุ เรยี นรขู้ องหมบู่ า้ น พ้ืนทีท่ ีม่ ีจุดเรียนรู้ หมายถงึ พ้นื ท่ที ่ไี ม่มศี ูนย์เรยี นรู้ แต่สามารถระบุได้ว่า คนเก่ง ผู้รู้ ปราชญช์ าวบา้ นในเร่อื งต่าง ๆ อยทู่ ใ่ี ด ขอ้ มลู ปจั จุบนั ทเ่ี ป็นประโยชน์ในการพฒั นาหม่บู า้ นเท่าทม่ี อี ยู่ นนั้ อยทู่ ใ่ี ด มแี ผนทแ่ี สดงเป็นจุดเรยี นรแู้ สดงไวใ้ นสถานทท่ี เ่ี ป็นศูนยร์ วมของหม่บู า้ น อาจเป็นบา้ น ผใู้ หญ่บา้ น วดั โรงเรยี น ศาลาประชาคม ฯลฯ และมปี ้ายแสดงจุดเรยี นรไู้ วท้ บ่ี า้ นของผทู้ จ่ี ะใหค้ วามรู้ นนั้ ๆ เป้าหมายในการดาํ เนนิ งานในพน้ื ทป่ี ระเภทน้ี คอื การทําใหเ้ กดิ ศูนยร์ วมความรขู้ องหม่บู า้ นให้ ได้ ซง่ึ หมายถงึ มอี งคค์ วามรปู้ ระจาํ หมบู่ า้ นบนั ทกึ จาํ แนกเป็นเร่อื ง ๆ มบี นั ทกึ ประวตั หิ ม่บู ้านอย่าง ละเอยี ด ครอบคลุมอตั ลกั ษณ์และชาตพิ นั ธุ์ มกี ารบนั ทกึ เหตุการณ์สําคญั ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในหมบู่ า้ น วถิ ชี วี ติ ของชุมชนในอดตี ถงึ ปจั จบุ นั มขี อ้ มลู ปจั จบุ นั ของหมบู่ า้ นทเ่ี ป็นประโยชน์ในการพฒั นาหมบู่ า้ น ขนั้ ตอนการดาํ เนนิ งานศนู ยเ์ รยี นรชู้ ุมชน ประกอบดว้ ย ขนั้ ตอนท่ี 1 จดั เวทปี ระชาคมเพ่อื ชแ้ี จงให้เหน็ ความสําคญั ของศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนและกําหนด หวั ขอ้ ความรทู้ จ่ี าํ เป็นเพอ่ื ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน หาอาสาสมคั รบนั ทกึ ความรภู้ มู ปิ ญั ญา ขนั้ ตอนท่ี 2 อาสาสมคั รวางแผนปฏบิ ตั กิ ารจดั การความรขู้ องชุมชน คอื การจดั เก็บขอ้ มูล ประวตั หิ มบู่ า้ น จดั การความรขู้ องจดุ เรยี นรใู้ หเ้ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษรและปรบั ขอ้ มลู ของหมบู่ า้ น ขนั้ ตอนท่ี 3 อาสาสมคั รสบื คน้ บนั ทกึ ประวตั หิ มบู่ า้ นและวถิ ชี วี ติ ของชุมชนในอดตี ขนั้ ตอนท่ี 4 อาสาสมคั รจดั การความรขู้ องจดุ เรยี นรใู้ ห้เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร รวบรวมเป็น บนั ทกึ ภมู ปิ ญั ญาของหม่บู า้ น โดยมคี นเก่ง ผู้รู้ หรอื ปราชญช์ าวบา้ นเป็นเจา้ ของความรนู้ ัน้ และเป็น วทิ ยากรของชุมชนในการถ่ายทอดความรนู้ นั้ ๆ ขนั้ ตอนท่ี 5 อาสาสมคั รปรบั ขอ้ มลู สารสนเทศ เช่น ขอ้ มลู จปฐ. ขอ้ มลู พน้ื ฐานระดบั หมบู่ า้ น/ ชมุ ชน (กชช.2ค.) ทะเบยี นผนู้ ํา กลมุ่ องคก์ รกองทนุ ฯลฯ ใหเ้ ป็นปจั จบุ นั ขนั้ ตอนท่ี 6 รวบรวมผลจากขนั้ ตอนท่ี 3 - 5 เตรยี มนําเสนอประชาคมให้ตรวจสอบและ รบั รองความเทย่ี งตรง พ้ืนทีท่ ีม่ ีศนู ยร์ วมความร้ปู ระจาหม่บู ้าน หมายถงึ พน้ื ทท่ี ย่ี งั ไม่มอี าคารศูนยเ์ รยี นรู้ แต่มี แผนทจ่ี ุดเรยี นรู้ มอี งคค์ วามรปู้ ระจาํ หมบู่ า้ นบนั ทกึ จาํ แนกเป็นเร่อื ง ๆ มบี นั ทกึ ประวตั หิ มบู่ า้ นอย่าง ละเอยี ด ครอบคลุมอตั ลกั ษณ์และชาตพิ นั ธุ์ มกี ารบนั ทกึ เหตุการณ์สาํ คญั ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในหม่บู า้ น วถิ ชี วี ติ ของชุมชนในอดตี ถึงปจั จุบนั มขี ้อมูลปจั จุบนั ของหมู่บ้านท่ีเป็นประโยชน์ในการพฒั นาหมู่บ้าน
179 เป้าหมายในการดําเนินการ คอื การทําให้เกดิ ศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชน ซง่ึ หมายถงึ มอี าคารจดั แสดงองค์ ความรู้ ภูมปิ ญั ญา ขอ้ มลู ข่าวสารความรู้ มคี ณะกรรมการบรหิ ารศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชน มคี วามรทู้ จ่ี าํ เป็น ต่อการดาํ รงชวี ติ และการพฒั นาหมบู่ า้ น ละมกี ารสง่ เสรมิ การเรยี นรภู้ ายในชุมชน ขนั้ ตอนการดาํ เนนิ งานศูนยเ์ รยี นรชู้ มุ ชน ขนั้ ตอนท่ี 1 จดั เวทปี ระชาคม เพ่อื รบั รองความเทย่ี งตรงขององคค์ วามรู้ ภมู ปิ ญั ญา ประวตั ิ หมบู่ ้าน และชใ้ี หเ้ หน็ ความสาํ คญั ของการมศี ูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนเพ่อื เกบ็ รกั ษาองคค์ วาม รู้ ภูมปิ ญั ญา ประวตั หิ มบู่ า้ นและขอ้ มลู ใหอ้ ย่ใู นสถานทท่ี ท่ี ุกคนในชุมชนจะใชป้ ระโยชน์ได้ พรอ้ มกบั สรรหาคณะ กรรมการบรหิ ารและดาํ เนินการศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชน ขนั้ ตอนท่ี 2 จดั ประชุมร่วม แกนนํา อาสาสมคั รและคณะกรรมการบรหิ ารศูนยฯ์ เพ่อื ออกแบบการจดั ตงั้ และดําเนินงานศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชน วางแผนปฏบิ ตั กิ ารจดั ตงั้ และดําเนินงานศูนย์ เรยี นรชู้ ุมชน ในขนั้ ตอนน้ีต้องใหท้ ราบไดว้ ่าอาคารทจ่ี ะใชเ้ ป็นศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนจะใชอ้ าคารทม่ี อี ยใู่ น ชมุ ชนหรอื จะก่อสรา้ งอาคารใหม่ ถา้ จะก่อสรา้ งใหม่ จะใชท้ ใ่ี ด มคี วามเหมาะสมมากน้อยเพยี งใด ต้อง ใชง้ บประมาณเท่าใด จะหาเงนิ จากทใ่ี ด ถ้าใชอ้ าคารทม่ี อี ย่แู ลว้ จะตอ้ งปรบั ปรงุ เพ่อื ใชง้ านเพยี งใด ตอ้ งใชง้ บประมาณเทา่ ใด จะหาเงนิ จากทใ่ี ด ขนั้ ตอนท่ี 3 สาํ รวจแหล่งงบประมาณ ศกึ ษาระเบยี บของแหล่งงบประมาณ เขยี นโครงการ เสนอขอรบั การสนบั สนุน ขนั้ ตอนท่ี 4 สรา้ ง/ปรบั ปรงุ อาคาร แลว้ บรรจขุ อ้ มลู ขา่ วสารความรไู้ วใ้ นอาคาร ขนั้ ตอนท่ี 5 จดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ ายในชมุ ชน ขนั้ ตอนท่ี 6 คณะกรรมการบรหิ ารศูนยก์ ําหนดระเบยี บการบรหิ ารศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชน โดยใหม้ ี ประเดน็ สําคญั อย่างน้อย 2 เร่อื ง คอื การดแู ลบํารงุ รกั ษาอาคารศูนยจ์ ะทาํ อย่างไร และการใชอ้ าคาร จดั กจิ กรรมจะตอ้ งทาํ อยา่ งไร พ้ืนทีท่ ีม่ ศี นู ยเ์ รียนร้ชู ุมชน หมายถงึ พน้ื ทท่ี ม่ี อี าคารจดั แสดงองคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญา ขอ้ มลู ข่าวสารความรู้ มคี ณะกรรมการบรหิ ารศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชน มคี วามรทู้ จ่ี าํ เป็นต่อการดาํ รงชวี ติ และการ พฒั นาหม่บู า้ น และมกี ารส่งเสรมิ การเรยี นรภู้ ายในชุมชน แต่ยงั ไม่มกี ารดําเนินกจิ กรรมการเรยี นรู้ เทา่ ใดนกั ไมม่ กี ารพฒั นาความรใู้ หม่ ศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนยงั ไมม่ รี ะบบการจดั การทด่ี ี เป้าหมายของการ ดาํ เนินการ คอื ทาํ ใหเ้ ป็นศูนยเ์ รยี นรชู้ มุ ชนสมบรู ณ์แบบใหไ้ ด้ ซง่ึ มรี ปู แบบ ดงั น้ี 1. อาคาร เป็นเอกเทศ แบ่งสดั ส่วนของพ้นื ท่ที ํางาน พ้นื ทเ่ี กบ็ ขอ้ มลู ข่าวสารความรู้ พ้นื ท่ี บรกิ ารความรู้ Internet ชมุ ชน และ Website 2. ปราชญ์ มกี ารจดั ทําทะเบยี นปราชญ์ชาวบา้ น มบี ทเรยี นทจ่ี ดั ทําไวเ้ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร ปราชญแ์ สดงตนชดั แจง้ มศี กั ยภาพในการถ่ายทอด 3. สาระ มขี อ้ มลู ขา่ วสาร ความรู้ ครบถว้ น หลายรปู แบบ 4. องคก์ ร มกี รรมการ มวี าระการดาํ รงตําแหน่ง มแี ผนงาน มรี ะเบยี บ กตกิ า 5. กจิ กรรม มกี จิ กรรมจดั การความรคู้ รบวงจร มกี จิ กรรมจดั การเรยี นรู้
180 6. รปู แบบกจิ กรรม มสี ่วนจดั แสดงความรแู้ บบถาวร บางส่วนอาจจดั แสดงความรเู้ ป็นครงั้ คราว มกี ารฝึกอบรม มกี ารนําทศั นศึกษา มกี ารเสวนา/อภปิ ราย/สมั มนา และมกี ารเรยี นทาง อเิ ลค็ ทรอนกิ ส์ ฯลฯ ขนั้ ตอนการดาํ เนนิ งานศนู ยเ์ รยี นรชู้ มุ ชน ขนั้ ตอนท่ี 1 จดั เวทปี ระชาคม ชใ้ี หเ้ หน็ ว่าความรจู้ ะเป็นประโยชน์ต่อเม่อื มีการนํามาเรยี นรู้ และใชเ้ ป็นฐานในการตดั สนิ ใจ นอกจากน้ียงั ต้องพฒั นาหาความรใู้ หมท่ ท่ี นั กบั สถานการณ์รอบดา้ น เพมิ่ เตมิ อกี ด้วย ดงั นัน้ จากความรทู้ ม่ี อี ย่ใู นศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนขณะน้ีเพยี งพอหรอื ยงั ต่อการพฒั นา อาชีพ การแก้ปญั หาของครอบครวั และชุมชน การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งของชุมชนและการ เปลย่ี นแปลงวถิ ชี วี ติ ของคนในชมุ ชนใหด้ ขี น้ึ ถา้ ไมเ่ พยี งพอควรจะมอี ะไรเพม่ิ เตมิ อกี ควรจะมกี ารวจิ ยั ชมุ ชนหรอื ไม่ ขนั้ ตอนท่ี 2 จดั กจิ กรรมสรา้ งองคค์ วามรใู้ หมข่ องชุมชน ซง่ึ อาจอยใู่ นรปู การวจิ ยั และพฒั นา กจิ กรรมชุมชนทไ่ี ดม้ กี ารจดบนั ทกึ เป็นความรปู้ ระจาํ หมบู่ า้ นไวแ้ ล้ว หรอื การรบั ความรจู้ ากวทิ ยากร ภายนอกชมุ ชนกไ็ ด้ ในขนั้ น้ถี อื เป็นกจิ กรรมทางเลอื ก ขนั้ ตอนท่ี 3 วางแผนเพมิ่ ค่าองคค์ วามรขู้ องชมุ ชน (วางแผนธุรกจิ ของศนู ยเ์ รยี นรชู้ ุมชน) โดย ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารศูนย์ อาสาสมคั ร แกนนํา ท่รี ่วมทํางานกนั มาตงั้ แต่ต้นร่วมกนั พิจารณาว่า ความรชู้ ุดใดของชุมชนเป็นทต่ี ้องการของคนนอกชุมชน จะนํามาเพมิ่ ค่าใหเ้ ป็นสนิ คา้ ของชุมชนได้ อย่างไร จะพมิ พอ์ อกมาจาํ หน่าย จะเปิดฝึกอบรมโดยเรยี กเกบ็ ค่าลงทะเบยี น หรอื วธิ อี ่นื ตามความ เหมาะสม ขนั้ ตอนท่ี 4 จดั ทาํ ปฏทิ นิ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เพ่อื ใหม้ กี จิ กรรมการเรียนรอู้ ย่างต่อเน่ือง ใน สว่ นความรภู้ ายในชุมชนควรใหว้ ทิ ยากรของชุมชนกําหนดตารางเวลาทจ่ี ะใหค้ วามรไู้ วล้ ่วงหน้า และ ในส่วนความรทู้ จ่ี ะเพมิ่ เตมิ จากภายนอกกค็ วรมกี ารวางแผนอย่างเป็นระบบและมตี ารางเวลาชดั เจน รวมทงั้ การจดั กิจกรรมฝึกอบรมท่ตี ้องมกี ารเก็บค่าลงทะเบยี นจากบุคคลภายนอกชุมชนท่ถี ือเป็น ธุรกจิ ของศูนย์เรยี นรูช้ ุมชน ก็ควรมกี ําหนดเวลาท่แี น่นอน แล้วใหค้ ณะกรรมการรวบรวมทําเป็น ปฏทิ นิ กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องชุมชนประกาศไวใ้ นศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนใหท้ ราบทวั่ กนั ขนั้ ตอนท่ี 5 กําหนดระเบยี บการใหบ้ รกิ ารบุคคลภายนอกชุมชน เพ่อื ใหช้ ุมชนมคี วามเป็น ส่วนตวั และคนในชมุ ชนสามารถดํารงชวี ติ ไดต้ ามปกติ รวมทงั้ เพ่อื ใหก้ ารดาํ เนินธุรกจิ ของศูนยเ์ รยี นรู้ ชุมชนเป็นไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย คณะกรรมการกําหนดระเบยี บการใหบ้ รกิ ารบุคคลภายนอกไวเ้ ป็น ลายลกั ษณ์อกั ษรว่า จะเปิดบรกิ ารการเรยี นรสู้ ําหรบั บุคคลภายนอกชุมชนในวนั ใด การขอเขา้ อบรม หรอื มาศกึ ษาดงู านจะตอ้ งเสยี ค่าใชจ้ า่ ยอะไรบา้ ง ผมู้ าอบรมหรอื มาศกึ ษาดงู านจะต้องประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ อยา่ งไรในหมบู่ า้ น ฯลฯ ขนั้ ตอนท่ี 6 เช่อื มโยงเครอื ข่ายกบั ศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนอ่นื พฒั นาการจดั ประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร กรรมการบรหิ ารศูนยเ์ รยี นรชู้ ุมชนในระดบั ตําบล หรอื พฒั นาการอําเภอจดั ในระดบั อําเภอ เพ่อื ใหม้ ี การแลกเปลย่ี นประสบการณ์ระหว่างหมบู่ า้ น ซ่งึ จะก่อใหเ้ กดิ เครอื ข่ายความร่วมมอื และแลกเปลย่ี น ทรพั ยากรในการพฒั นาการดาํ เนินงานศนู ยเ์ รยี นรไู้ ดต้ ่อไป
181 นอกจากน้ี กรมส่งเสรมิ การปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ กระทรวงมหาดไทย ได้กําหนดแนวทางและ ขนั้ ตอนการดาํ เนินงานศูนยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนโดยทวั่ ไป เพอ่ื เป็นแนวทางปฏบิ ตั ใิ หแ้ ก่องคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถนิ่ ดงั น้ี 1. การจดั ทําแผนยทุ ธศาสตร์ ในระดบั แผนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา ควรกําหนดใหม้ ปี ระเดน็ การพฒั นาศูนยก์ ารเรยี นรู้ ชมุ ชนในการประชุมคณะกรรมการพฒั นาทอ้ งถนิ่ และนําเสนอประเดน็ ดงั กล่าว เพ่อื สอบถาม ขอ้ คดิ เหน็ ของประชาชนผา่ นเวทปี ระชาคม 2. การจดั ทําแผนเพ่อื พฒั นาศูนยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชน เป็นการแปลงแผนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นามาเป็นแผนพฒั นาศูนยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชนเพอ่ื นําไปสกู่ ารจดั ตงั้ งบประมาณ โดยมกี ารกําหนดขนั้ ตอนการจดั ทําแผน ดงั น้ี 2.1) ศกึ ษาความตอ้ งการของประชาชนในชุมชนเกย่ี วกบั การใชศ้ นู ยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชน ตลอดจนการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งและทศิ ทางการเจรญิ เตบิ โตของชมุ ชน จาํ นวนประชากร อตั ราการ เจรญิ เตบิ โต ลกั ษณะการใชเ้ วลาวา่ ง ประเมนิ ปญั หาและความตอ้ งการ และศกึ ษาแหล่งการเรยี นรใู้ น ชมุ ชน เพอ่ื นําไปเป็นขอ้ มลู พน้ื ฐานในการจดั ทาํ แผนพฒั นาศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชนใหส้ อดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของประชาชนพน้ื ท่ี ปญั หาและความตอ้ งการของชมุ ชน รวมทงั้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั แหล่งการ เรยี นรชู้ ุมชนและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ 2.2) จดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของความตอ้ งการของประชาชน เพอ่ื กําหนดประเภทของศนู ย์ การเรยี นรชู้ ุมชน และกจิ กรรมตามความตอ้ งการและความสนใจของประชาชน โดยพจิ ารณาขดี ความสามารถดา้ นงบประมาณและบุคลากร 3. การดําเนินการตามแผน นํากจิ กรรมทจ่ี ะดาํ เนนิ งานเกย่ี วกบั ศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนซง่ึ กําหนดไวใ้ นแผนพฒั นา มา จดั ทาํ แผนพฒั นาประจาํ ปี และจดั ทาํ โครงการเพอ่ื บรรจใุ นขอ้ บญั ญตั งิ บประมาณประจาํ ปี เพอ่ื ดาํ เนินการต่อไป 4. การตดิ ตามประเมนิ ผลควรมกี ารประเมนิ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลในการปฏบิ ตั งิ าน ของเจา้ หน้าทแ่ี ละประเมนิ ความพงึ พอใจของประชาชนผใู้ ชบ้ รกิ าร สาํ หรบั รปู แบบของศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนท่กี รมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ ไดถ้ ่ายโอนใหแ้ ก่ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ รบั ไปดแู ล ประกอบดว้ ย หอ้ งสมดุ ชุมชน/หอ้ งสมดุ ประชาชน และทอ่ี ่าน หนงั สอื ประจาํ หม่บู า้ น/ชมุ ชนนนั้ มแี นวทางและขนั้ ตอนการดาํ เนนิ งาน รวมทงั้ มาตรฐานทก่ี รมฯ ได้ กาํ หนดไวเ้ พอ่ื ใหก้ ารดาํ เนินงานเป็นไปในทศิ ทางเดยี วกนั ดงั น้ี
182 ห้องสมดุ ประชาชน กจิ กรรมของหอ้ งสมดุ ประชาชน เป็นสว่ นในการส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนเกดิ การศกึ ษาตาม อธั ยาศยั ประกอบดว้ ยการดาํ เนนิ งานต่าง ๆ ดงั น้ี 1. ใหบ้ รกิ ารหนงั สอื สอ่ื ประเภทต่าง ๆ เป็นกจิ กรรมการใหบ้ รกิ ารหนังสอื และส่อื ของ หอ้ งสมดุ โดยมุ่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนใชบ้ รกิ าร ซง่ึ จะเกดิ กระบวนการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองและสามารถ นําไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาํ วนั หรอื เป็นการเสรมิ ความรเู้ พม่ิ เตมิ สําหรบั หลกั สตู รการศกึ ษา ประเภทต่าง ๆ กจิ กรรมทใ่ี หบ้ รกิ ารมดี งั น้ี 1) การใหบ้ รกิ ารหนงั สอื เอกสาร วารสาร สง่ิ พมิ พ์ 2) การใหบ้ รกิ ารโสตทศั นูปกรณ์ สอ่ื การเรยี นการสอน วทิ ยกุ ารศกึ ษา และโทรทศั น์ การศกึ ษา เป็นตน้ 3) การใหบ้ รกิ ารเชงิ รกุ ไดแ้ ก่ โทรทศั น์ โทรสาร และการทาํ สาํ เนาเอกสารเป็นตน้ 2. การจดั นิทรรศการ เป็นกจิ กรรมการใหก้ ารศกึ ษารปู แบบหน่งึ ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ กระบวนการ ของเรอ่ื งนนั้ ๆ ใหป้ ระชาชนไดศ้ กึ ษาเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง อาจจะจดั ในอาคารหรอื ภายนอกอาคารกไ็ ด้ ซง่ึ นทิ รรศการจะประกอบดว้ ยการแสดงของจรงิ สงิ่ จาํ ลอง ภาพถ่าย แผนภมู ิ เทป วดี ทิ ศั น์ เพ่อื ใหผ้ ู้ ศกึ ษาไดเ้ หน็ ไดฟ้ งั ไดส้ มั ผสั จบั ตอ้ ง เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรตู้ ามวตั ถุประสงคท์ ก่ี าํ หนด โดยหอ้ งสมดุ ประชาชนสามารถจดั บรกิ ารไดด้ งั ต่อไปน้ี 1) จดั ใหค้ วามรเู้ รอ่ื งวนั สําคญั ต่าง ๆ วนั นกั ขตั ฤกษ์ หรอื เทศกาลของชมุ ชน 2) จดั เผยแพรว่ ชิ าการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ และการประกอบอาชพี ของประชาชนใน ทอ้ งถน่ิ 3) จดั ตามความตอ้ งการของชุมชนและกลมุ่ เป้าหมายผใู้ ชบ้ รกิ าร แนวทางและขนั้ ตอนการดาเนินงานห้องสมดุ ประชาชน 1. กาํ หนดแผนการดาํ เนนิ งานหอ้ งสมดุ ประชาชน เป็นแหล่งการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ 2. ประสานกบั คณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชนชุดเดมิ ในการรว่ มมอื กนั พฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชนทม่ี อี ยู่ หรอื ในกรณที ย่ี งั ไมม่ คี ณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชนอยา่ งเป็นทางการ ควร ประสานกบั ผวู้ ่าราชการจงั หวดั หรอื นายอําเภอ หรอื กาํ นนั ซง่ึ เป็นประธานคณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชนโดยตําแหน่งของหอ้ งสมดุ ประชาชนแต่ละระดบั (ระดบั จงั หวดั อาํ เภอ และตาํ บล) และ หวั หน้าบรรณารกั ษข์ องหอ้ งสมดุ ซง่ึ มตี าํ แหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการ ในการคดั เลอื ก คณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชนอกี จาํ นวนหน่งึ คอื 2-6 คน โดยพจิ ารณาคดั เลอื กจากตวั แทนของ ประชาชนในทอ้ งถนิ่ ในสาขาอาชพี ต่าง ๆ เพ่อื รว่ มมอื กนั พฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชนทม่ี อี ยู่ ทงั้ น้ี คณะกรรมการทม่ี าจากการคดั เลอื กนนั้ จะมวี าระอยใู่ นตําแหน่งคราวละ 4 ปี
183 3. จดั หาและจดั สรรงบประมาณเพ่อื ดแู ลและพฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชน เพอ่ื จดั ซอ้ื วสั ดุ สารนิเทศ อาทิ หนงั สอื วารสาร นิตยสาร หนงั สอื พมิ พ์ ครภุ ณั ฑแ์ ละวสั ดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ตาม มาตรฐานทก่ี าํ หนด 4. จดั หาบคุ ลากรผปู้ ฏบิ ตั งิ านในหอ้ งสมดุ ตามมาตรฐานดา้ นบุคลากรทก่ี ําหนด 5. สง่ เสรมิ และสนบั สนุนการดาํ เนินงาน การใหบ้ รกิ าร และการจดั กจิ กรรมต่าง ๆ ของ หอ้ งสมดุ ประชาชน ใหเ้ ป็นศูนยก์ ารเรยี นรขู้ องชุมชนทส่ี ่งเสรมิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ของคนในชุมชน 6. ตดิ ตามและประเมนิ คุณภาพการดําเนินงานของหอ้ งสมดุ ประชาชน และการปฏบิ ตั งิ าน ของบคุ ลากรของหอ้ งสมุดประชาชน มาตรฐานห้องสมดุ ประชาชน 1. การบรหิ ารจดั การหอ้ งสมดุ ประชาชน: มกี ารบรหิ ารจดั การหอ้ งสมุดประชาชนถูกตอ้ ง ตามระเบยี บและหลกั เกณฑ์ ทงั้ ในดา้ นการวางแผน คณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชน และ งบประมาณ ตวั ช้วี ดั ขนั้ พน้ื ฐาน 1) มแี ผนพฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชน เพ่อื เป็นแนวทางในการพฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชน ใหเ้ ป็นศูนยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชนทส่ี ่งเสรมิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ อนั นําไปสสู่ งั คมแหง่ การเรยี นรู้ แนวทางปฏบิ ตั ิ ตอ้ งจดั ทาํ แผนงาน ในการพฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชนใหเ้ ป็นแหลง่ การ เรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ทม่ี ลี กั ษณะดงั ต่อไปน้ี 1.1) เป็นศนู ยข์ อ้ มลู ข่าวสารของชุมชน 1.2) เป็นศูนยส์ ่งเสรมิ การเรยี นรขู้ องชุมชน 1.3) เป็นศูนยก์ ารจดั กจิ กรรมของชมุ ชน 1.4) เป็นเครอื ข่ายการเรยี นรขู้ องชมุ ชน 1.5) การใหก้ ารศกึ ษาแก่ประชาชน 1.6) การสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรกั การอ่าน การคน้ ควา้ และใชเ้ วลาว่าง 1.7) การสง่ เสรมิ และเผยแพรว่ ฒั นธรรม 1.8) การมสี ่วนรว่ มของประชาชนในการดําเนนิ งาน และการทาํ งานกบั บุคคลหลายฝา่ ย เพอ่ื นรว่ มงานและหุน้ สว่ น 1.9) ระบบการใหบ้ รกิ ารทเ่ี น้นผรู้ บั บรกิ ารเป็นสาํ คญั ยดื หยนุ่ ในการบรกิ าร เหน็ ความ ตอ้ งการของผรู้ บั บรกิ ารทงั้ เรอ่ื งเวลาและวธิ กี าร 1.10) การจดั สภาพแวดลอ้ มใหป้ ระชาชนมาใชบ้ รกิ าร 1.11) การกําหนดวตั ถุประสงคแ์ ละพนั ธกจิ ของการจดั ตงั้ แหล่งการเรยี นรอู้ ย่างชดั เจน
184 1.12) การสรา้ งเอกลกั ษณ์ของชุมชนและความเป็นพลเมอื งดี จากลกั ษณะทงั้ 12 ขอ้ ดงั กล่าว องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ จะตอ้ งกําหนดแผน ดาํ เนินการใหห้ อ้ งสมดุ ประชาชนมอี งคป์ ระกอบในการดําเนนิ การเพ่อื ใหห้ อ้ งสมดุ เป็นแหลง่ การเรยี นรู้ ตลอดชวี ติ ดงั น้ี (1) จดั ใหม้ ขี อ้ มลู ขา่ วสารของชุมชนอยา่ งครอบคลมุ และครบถว้ น โดยใหบ้ รกิ ารใน รปู แบบต่าง ๆ ทงั้ ส่อื สงิ่ พมิ พแ์ ละส่อื อเิ ลคทรอนิกส์ (2) จดั บรกิ ารผใู้ ชห้ อ้ งสมดุ ใหร้ วดเรว็ ทนั ใจ สามารถสบื คน้ ขอ้ มลู สารสนเทศดว้ ย โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ งั้ ในและนอกหอ้ งสมดุ ตลอดเวลา และสามารถยมื -คนื หนงั สอื จากหอ้ งสมดุ ดว้ ยระบบออนไลน์ตลอด 24 ชวั่ โมง มกี ารนําส่งเอกสารสงิ่ พมิ พแ์ ละเอกสารอเิ ลคทรอนกิ สโ์ ดยทาง e-mail (3) จดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ งั้ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั เพอ่ื ส่งเสรมิ การเรยี นรขู้ องชุมชนเน้นการสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรกั การอ่าน คน้ ควา้ และใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็น ประโยชน์ โดยจดั ทาํ แผนการจดั กจิ กรรมเป็นรายปีทช่ี ดั เจน แลว้ ประชาสมั พนั ธแ์ ละรณรงคใ์ ห้ ประชาชนในชมุ ชนทราบอย่างทวั่ ถงึ ผ่านทางสอ่ื ต่าง ๆ เช่น วทิ ยชุ ุมชน ป้ายประกาศและ อนิ เตอรเ์ น็ต เป็นตน้ รวมทงั้ เป็นสถานทห่ี น่วยงาน บคุ คลอ่นื ๆ สามารถมาใชเ้ ป็นสถานทจ่ี ดั กจิ กรรม เพอ่ื ส่งเสรมิ ความรใู้ หแ้ ก่ชุมชน (4) จดั ใหม้ กี จิ กรรมต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ชุมชนในหอ้ งสมดุ ประชาชน เช่น มมุ สาธติ ของ ดเี ด่นในชุมชน มมุ ขอ้ มลู สนิ คา้ ในชุมชน มมุ อาชพี ชุมชน มมุ เผยแพรว่ ฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ มุมแนะแนว การศกึ ษาของทุกกลุ่มในชุมชน มมุ พฒั นาการศกึ ษาของตนเอง มมุ สรา้ งสรรคแ์ ละพฒั นาการของเดก็ และผใู้ หญ่วยั ต่าง ๆ (5) จดั ใหช้ ุมชนมสี ่วนรว่ มในการจดั การเรยี นรขู้ องหอ้ งสมดุ ประชาชน สรา้ งพนั ธมติ ร และเครอื ขา่ ยเพ่อื ใชท้ รพั ยากรและทุนทางสงั คมในการจดั การเรยี นรใู้ นหอ้ งสมดุ ประชาชน รวมถงึ ภมู ิ ปญั ญาในชุมชนมารว่ มจดั การเรยี นรู้ (6) จดั สรา้ งเครอื ขา่ ยการเรยี นรรู้ ะดบั ทอ้ งถนิ่ โดยใชป้ ระโยชน์ของขอ้ มลู ขา่ วสารและ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เพ่อื ใหช้ ุมชนในทอ้ งถน่ิ มโี อกาสเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ของหอ้ งสมดุ ประชาชน ในทุก พน้ื ทต่ี อ้ งประสานเช่อื มโยงกนั เพ่อื เป็นเครอื ขา่ ยการเรยี นรรู้ ะดบั ภาคและระดบั ประเทศต่อไป (7) จดั สภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ต่อการเรยี นรทู้ ุกรูปแบบใหม้ บี รรยากาศของการเรยี นรทู้ ่ี น่าสนใจ การจดั มมุ ความรดู้ า้ นต่าง ๆ มมุ ผ่อนคลาย มมุ กาแฟและของว่าง หมนุ เวยี นกจิ กรรมการ เรยี นรตู้ ่าง ๆ และสอ่ื อยา่ งหลากหลาย (8) จดั อบรมและพฒั นาบคุ ลากรในหอ้ งสมดุ ประชาชนใหม้ คี วามเขา้ ใจและสามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรอู้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (9) จดั ระบบการประเมนิ ผลการดาํ เนินกจิ กรรมการเรยี นรขู้ องหอ้ งสมดุ ประชาชน โดย ประชาชน
185 (10) กระตุน้ ใหป้ ระชาชนและบคุ ลากรในหอ้ งสมดุ ประชาชนทุกคนเหน็ ความสาํ คญั ของ หอ้ งสมดุ ประชาชนในฐานะแหล่งการเรยี นรขู้ องชุมชน โดยรว่ มมอื กบั หุน้ สว่ นในชุมชน จดั กจิ กรรม การเรยี นรรู้ ว่ มกนั (11) จดั การวจิ ยั เพอ่ื พฒั นากจิ กรรมการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรมส่งเสรมิ หอ้ งสมดุ ประชาชน ในฐานะเป็นแหล่งการเรยี นรใู้ นชุมชนอย่างสม่าํ เสมอและต่อเน่อื ง 2) มคี ณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชนทม่ี คี วามรคู้ วามเขา้ ใจในการดาํ เนินงานเพอ่ื พฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชน แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ควรประสานกบั คณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชนชดุ เดมิ ในกรณที ย่ี งั ไมม่ คี ณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชนอยา่ งเป็นทางการควรประสาน กบั ผวู้ ่าราชการจงั หวดั หรอื นายอําเภอ หรอื กํานนั ซง่ึ เป็นประธานคณะกรรมการหอ้ งสมดุ ประชาชน โดยตําแหน่งของหอ้ งสมดุ ประชาชนแต่ละระดบั (ระดบั จงั หวดั อาํ เภอ และตําบล) และหวั หน้า บรรณารกั ษ์ของหอ้ งสมดุ ซง่ึ มตี ําแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการ ในการคดั เลอื กคณะกรรมการ หอ้ งสมดุ ประชาชนอกี จาํ นวนหน่งึ คอื 2-6 คน โดยอยใู่ นตาํ แหน่งวาระละ 4 ปี โดยพจิ ารณาคดั เลอื ก จากตวั แทนของประชาชนในทอ้ งถนิ่ ในสาขาอาชพี ต่าง ๆ 3) หอ้ งสมดุ ประชาชนควรไดร้ บั งบประมาณประจาํ อยา่ งเพยี งพอ เพ่อื ใหส้ ามารถ ปฏบิ ตั งิ านในหน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ควรจดั สรรงบประมาณใหก้ บั หอ้ งสมุด ประชาชนทต่ี นดแู ลอยา่ งพอเพยี ง นอกจากน้คี วรประสานและใหข้ อ้ แนะนําแก่หอ้ งสมุดประชาชนใน การหางบประมาณจากแหล่งอ่นื ๆ ดว้ ย เชน่ เงนิ บรจิ าค เงนิ บํารงุ หอ้ งสมดุ จากสมาชกิ และเงนิ รายได้ อ่นื ๆ 2. บคุ ลากร: มบี คุ ลากรทจ่ี าํ เป็นในการดาํ เนินงานหอ้ งสมดุ ประชาชนอย่างเพยี งพอ ตวั ชว้ี ดั ขนั้ พ้นื ฐาน 1) มบี ุคลากรทจ่ี าํ เป็นในการดาํ เนินงานหอ้ งสมดุ ประชาชนอยา่ งเพยี งพอ แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ควรมรี ะบบการบรหิ ารดา้ นบุคลากรใหม้ ี บคุ ลากรตามทก่ี ําหนดอยา่ งครบถว้ น โดยตอ้ งกาํ หนดกรอบอตั ราและจดั สรรงบประมาณในการจดั จา้ งบางตาํ แหน่ง เชน่ นกั การภารโรง เป็นตน้ ในกรณที ม่ี กี รอบอตั ราและงบประมาณจาํ กดั ควรจะ ประสานกบั สถาบนั การศกึ ษาเพ่อื รบั นกั เรยี นนกั ศกึ ษามาฝึกงานดา้ นโสตทศั นศกึ ษาคอมพวิ เตอร์ การเป็นเจา้ หน้าทห่ี อ้ งสมดุ และงานดา้ นธุรการ ในการคดั เลอื กบุคคลเขา้ ทาํ งานในแต่ละตาํ แหน่ง จะตอ้ งพจิ ารณาจากวุฒกิ ารศกึ ษา เป็นไปมาตรฐานการกําหนดตาํ แหน่ง และความสามารถในการ ปฏบิ ตั งิ านตามลกั ษณะงานทม่ี ใี นแต่ละตาํ แหน่ง 2) มบี ุคลากรทม่ี คี ุณสมบตั เิ หมาะสมกบั ลกั ษณะงานทเ่ี ป็นไปตามมาตรฐาน
186 แนวทางปฏบิ ตั ิ ควรส่งเสรมิ ใหม้ กี ารคดั เลอื กหวั หน้าบรรณารกั ษ์และบรรณารกั ษใ์ ห้ ไดค้ ณุ สมบตั ทิ ก่ี าํ หนด สว่ นการคดั เลอื กบคุ คลในตําแหน่งอ่นื ๆ ใหเ้ ป็นไปตามวุฒิ การปฏบิ ตั งิ าน ของแต่ละตําแหน่ง และความตอ้ งการองคก์ ร 3) มกี ารส่งเสรมิ ใหบ้ คุ ลากรไดร้ บั การฝึกอบรมในเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั งานดา้ นหอ้ งสมดุ และสอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะงานตามตําแหน่งและหน้าทแ่ี นวทางปฏบิ ตั ิ 3. วสั ดุสารนิเทศ และครภุ ณั ฑ:์ ควรมวี สั ดุสารนิเทศทจ่ี าํ เป็นในการใหบ้ รกิ ารของหอ้ งสมดุ ประชาชน และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของคนในชุมชน มมี าตรฐาน มคี ุณภาพดี ทนั สมยั รวมทงั้ มจี าํ นวนเพยี งพอทเ่ี ป็นสดั ส่วนกบั จาํ นวนประชากร และควรมคี รุภณั ฑท์ ไ่ี ดม้ าตรฐานคงทน สะดวก ต่อการเคล่อื นยา้ ย และรกั ษาความสะอาด มจี าํ นวนทไ่ี ดส้ ดั สว่ นเพยี งพอกบั ผใู้ ชบ้ รกิ าร และบคุ ลากร ของหอ้ งสมดุ โดยตอ้ งคาํ นงึ ถงึ เน้อื ทข่ี องหอ้ งสมดุ ทจ่ี ะรองรบั ครภุ ณั ฑ์ ตวั ชว้ี ดั ขนั้ พน้ื ฐาน 1) มวี สั ดสุ ารนิเทศทจ่ี าํ เป็นในการใหบ้ รกิ ารของหอ้ งสมดุ ประชาชน และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของคนในชุมชน มมี าตรฐาน มคี ณุ ภาพดี ทนั สมยั รวมทงั้ มจี าํ นวนเพยี งพอทเ่ี ป็น สดั สว่ นกบั จาํ นวนประชากร ดงั น้ี 1.1) วสั ดุตพี มิ พ์ (1) หนงั สอื (1.1) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดใหญ่ สาํ หรบั ชุมชนทม่ี ปี ระชากร 20,000 คนขน้ึ ไป ใหม้ หี นงั สอื จาํ นวนอยา่ งน้อย 80,000 เล่ม และใหเ้ พม่ิ ขน้ึ 500 เลม่ ต่อปี (1.2) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดกลาง สาํ หรบั ชุมชนทม่ี ปี ระชากร 10,000 คนขน้ึ ไป ใหม้ หี นงั สอื จาํ นวนอยา่ งน้อย 60,000 เลม่ และใหเ้ พม่ิ ขน้ึ 500 เลม่ ต่อปี (1.3) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดเลก็ สาํ หรบั ชุมชนทม่ี ปี ระชากร 5,000 คน ขน้ึ ไป ใหม้ หี นงั สอื จาํ นวนอยา่ งน้อย 40,000 เลม่ และใหเ้ พมิ่ ขน้ึ 300 เล่มต่อปี ทงั้ น้ใี หเ้ ป็นหนงั สอื วชิ าการและสารคดรี อ้ ยละ 50 หนงั สอื สาํ หรบั เดก็ รอ้ ยละ 30 หนงั สอื อา้ งองิ รอ้ ยละ 10 และหนงั สอื บนั เทงิ คดรี อ้ ยละ 10 (2) วารสาร หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเลก็ ควรมี วารสารทงั้ ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ พอเพยี งกบั จาํ นวนของประชากรทม่ี อี ยใู่ นชมุ ชน (3) หนงั สอื พมิ พ์ (3.1) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดใหญ่ ใหม้ หี นงั สอื พมิ พ์ 10 ชอ่ื โดยเป็น หนงั สอื พมิ พภ์ าษาต่างประเทศ 2 ช่อื (3.2) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดกลาง ใหม้ หี นงั สอื พมิ พ์ 8 ช่อื โดยเป็น หนงั สอื พมิ พภ์ าษาต่างประเทศ 1 ช่อื (3.3) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดเลก็ ใหม้ หี นงั สอื พมิ พ์ 5 ชอ่ื โดยเป็น หนงั สอื พมิ พภ์ าษาต่างประเทศ 1 ชอ่ื
187 ทงั้ น้ี ตอ้ งจดั หาหนงั สอื พมิ พท์ อ้ งถนิ่ ไวบ้ รกิ ารดว้ ย 1.2) วสั ดไุ มต่ พี มิ พ์ หอ้ งสมดุ ประชาชนทกุ ขนาด ควรมวี สั ดุไมต่ พี มิ พ์ ดงั น้ี รปู ภาพ เทปบนั ทกึ เสยี ง วดี ทิ ศั น์ ดวี ดี ี วซี ดี ี แผนท่ี แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ควรพจิ ารณาจดั สรรงบประมาณ ทเ่ี พยี งพอในการจดั ซอ้ื หรอื จดั ทําสอ่ื ตามทก่ี ําหนด หรอื ควรใชส้ ่อื รว่ มกบั โรงเรยี นทอ่ี ยใู่ นชุมชน เน่อื งจากโรงเรยี นมสี อ่ื อยแู่ ลว้ นอกจากน้คี วรสง่ เสรมิ ใหห้ อ้ งสมดุ เป็นหอ้ งสมดุ แบบ E-Library ตวั ชว้ี ดั 2) หอ้ งสมดุ ประชาชน ควรมคี รุภณั ฑท์ ไ่ี ดม้ าตรฐาน คงทน สะดวกต่อการเคลอ่ื นยา้ ย และรกั ษาความสะอาด มจี าํ นวนทไ่ี ดส้ ดั สว่ นเพยี งพอกบั ผใู้ ชบ้ รกิ ารและบคุ ลากรของหอ้ งสมดุ โดย ตอ้ งคาํ นึงถงึ เน้อื ทข่ี องหอ้ งสมดุ ทจ่ี ะรองรบั ครภุ ณั ฑ์ ซง่ึ ครภุ ณั ฑท์ ห่ี อ้ งสมดุ ประชาชนควรมดี งั น้ี 2.1) ชนั้ (1) ชนั้ วางวารสารและนิตยสารขนาดสูง (2) ทว่ี างหนงั สอื พมิ พว์ างไดป้ ระมาณ 10-12 ฉบบั พรอ้ มทห่ี นีบ (3) ชนั้ วางวารสารฉบบั เยบ็ เล่ม (4) ชนั้ วางหนงั สอื สาํ หรบั เดก็ (5) ชนั้ วางหนงั สอื 2 หน้า ขนาดสงู (6) ชนั้ วางหนงั สอื ขนาดเตย้ี (7) ชนั้ เกบ็ โสตทศั นวสั ดุ (8) แท่นวางพจนานุกรม 2.2) โต๊ะ เกา้ อ้ี (1) โต๊ะอ่านหนังสอื พรอ้ มเกา้ อ้ี (2) โต๊ะอ่านเฉพาะบคุ คลพรอ้ มเกา้ อ้ี (3) โต๊ะอ่านหนังสอื สาํ หรบั เดก็ พรอ้ มเกา้ อ้ี (4) เคาน์เตอรโ์ ต๊ะยมื -คนื หนงั สอื (5) ชดุ รบั แขก (6) โต๊ะซอ่ มหนงั สอื 2.3) ครภุ ณั ฑส์ ํานกั งาน (1) คอมพวิ เตอรพ์ รอ้ มโต๊ะและเกา้ อ้ี (2) เครอ่ื งถ่ายเอกสาร (3) เครอ่ื งปรบั อากาศสาํ หรบั หอ้ งโสตทศั นศกึ ษา (4) พดั ลม (5) เครอ่ื งทาํ น้ําเยน็ 2.4) อุปกรณ์ซอ่ มและเยบ็ เล่ม (1) เครอ่ื งอดั หนงั สอื
188 (2) เครอ่ื งตดั กระดาษ (3) สวา่ นไฟฟ้า 2.5) ครภุ ณั ฑอ์ ่นื ๆ (1) ป้ายนเิ ทศ (2) รถเขน็ หนงั สอื (3) ทป่ี ีนหยบิ หนงั สอื (4) ชนั้ วางสง่ิ ของก่อนเขา้ หอ้ งสมุด ตวั ช้วี ดั ขนั้ พฒั นา หอ้ งสมดุ ประชาชน ควรมโี สตทศั นูปกรณ์ทไ่ี ดม้ าตรฐาน คงทน สะดวกต่อการเคลอ่ื นยา้ ยและรกั ษาความสะอาด มจี าํ นวนทไ่ี ดส้ ดั ส่วนเพยี งพอกบั ผใู้ ชบ้ รกิ ารและ บคุ ลากรของหอ้ งสมุด ซง่ึ โสตทศั นูปกรณ์ทค่ี วรมี ไดแ้ ก่ เครอ่ื งฉายภาพขา้ มศรี ษะ จอสาํ หรบั ฉาย เครอ่ื งรบั โทรทศั น์ เครอ่ื งเล่นวดี ทิ ศั น์ เครอ่ื งเลน่ วซี ดี ี หรอื ดวี ดี ี เครอ่ื งแอลซดี ี เครอ่ื งรบั วทิ ยแุ ละ บนั ทกึ เสยี ง หฟู งั ชนิดครอบศรี ษะ แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ควรพจิ ารณาจดั สรรงบประมาณท่ี เพยี งพอในการจดั ซอ้ื หรอื จดั ทาํ ครภุ ณั ฑต์ ามทก่ี ําหนดใหก้ บั หอ้ งสมดุ ประชาชน 4. อาคารสถานทแ่ี ละสภาพแวดลอ้ ม: มที าํ เลทต่ี งั้ และอาคารสถานทท่ี เ่ี ป็นไปตามมาตรฐาน ตวั ช้วี ดั ขนั้ พน้ื ฐาน 1) มที ต่ี งั้ ใกลแ้ หล่งชมุ ชน และการคมนาคมสะดวก 2) มเี น้อื ทใ่ี ชส้ อยทพ่ี อเพยี งกบั จาํ นวนประชาชนในพน้ื ท่ี กล่าวคอื 2.1) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดใหญ่ มเี น้อื ทใ่ี ชส้ อยภายในอาคารอยา่ งน้อย 900 ตารางเมตร และมที น่ี งั่ อ่านหนงั สอื ประมาณ 250 ทน่ี งั่ 2.2) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดกลาง มเี น้อื ทใ่ี ชส้ อยภายในอาคารอยา่ งน้อย 700 ตารางเมตร และมที น่ี งั่ อ่านหนงั สอื ประมาณ 200 ทน่ี งั่ 2.3) หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดเลก็ มเี น้อื ทใ่ี ชส้ อยภายในอาคารอย่างน้อย 500 ตารางเมตร และมที น่ี งั่ อ่านหนงั สอื ประมาณ 150 ทน่ี งั่ 3) อาคารใชว้ สั ดุก่อสรา้ งทม่ี นั่ คง แขง็ แรง สามารถกนั แดดกนั ฝนไดด้ ี 4) ภายนอกอาคารมกี ารตกแต่งทด่ี สู วยงาม ปลกู ตน้ ไมป้ ระดบั หรอื มตี น้ ไมใ้ หญ่ใหร้ ม่ เงา และมสี ง่ิ แวดลอ้ มทด่ี งึ ดดู ความสนใจ 5) หอ้ งสมดุ มที างเขา้ ออกอยใู่ กลโ้ ต๊ะยมื -คนื หนงั สอื 6) ภายในหอ้ งสมดุ สามารถเปลย่ี นแปลงการจดั ผงั วางหนงั สอื และสง่ิ พมิ พไ์ ดเ้ พ่อื ไมเ่ กดิ ความจาํ เจ 7) ภายในหอ้ งสมดุ ตอ้ งมแี สงสว่างอยา่ งพอเพยี ง มกี ารระบายอากาศและการควบคมุ ความชน้ื ทด่ี ี 8) หอ้ งสมดุ ตอ้ งมรี ะบบป้องกนั สาธารณภยั อย่างเหมาะสมและมมี าตรฐาน
189 9) มกี ารทาสภี ายในอาคารดว้ ยสอี ่อน เยน็ ตาและดสู วา่ ง และมกี ารตกแต่งภายใน หอ้ งสมดุ ทด่ี สู วยงาม 10) หอ้ งสมดุ ทม่ี บี คุ ลากรจาํ นวนน้อย ควรมลี กั ษณะโปรง่ ไม่กนั้ หอ้ งโดยไมจ่ าํ เป็น 11) ทท่ี าํ งานดา้ นเทคนิค (ซ่อมหนงั สอื ) อยดู่ า้ นในหอ้ งสมดุ เพอ่ื ไมใ่ หม้ เี สยี งรบกวน 12) หอ้ งโสตทศั นศกึ ษา ควรจดั เป็นเอกเทศหรอื กนั้ หอ้ ง เพ่อื ไมใ่ หเ้ กดิ เสยี งดงั รบกวน 13) ทว่ี างหนงั สอื ควรเป็นชนั้ เปิด มคี วามสะดวกในการคน้ หา และมชี นั้ วางหนงั สอื สาํ หรบั ผใู้ หญ่และเดก็ 14) ทอ่ี ่านหนงั สอื มโี ต๊ะ เกา้ อ้ี ทม่ี จี าํ นวนเพยี งพอเหมาะสมกบั ผทู้ ใ่ี ชบ้ รกิ าร และควรมี ขนาดทเ่ี หมาะสมกบั เดก็ และผใู้ หญ่ มคี วามมนั่ คงและแขง็ แรง 15) มมี มุ อ่านหนงั สอื ส่วนตวั 16) มกี ารจดั มุมวารสารทเ่ี ป็นสดั ส่วน มคี วามสะดวกสบายในการนงั่ อ่าน 17) มปี ้ายประกาศ เชน่ ป้ายบอกหมวดหมหู่ นงั สอื ป้ายแนะนําการใชห้ นงั สอื ป้ายบอก ระเบยี บ มารยาทในการใชห้ อ้ งสมดุ วธิ กี ารยมื -คนื ควรอยใู่ นทท่ี ส่ี ามารถเหน็ ไดง้ ่ายและมคี วาม สวยงามดงึ ดดู ความสนใจ 18) มที เ่ี กบ็ ส่อื ต่าง ๆ เป็นสดั ส่วน มคี วามเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยและมคี วามมนั่ คง แขง็ แรง ตวั ชว้ี ดั ขนั้ พฒั นา 1) ทจ่ี ดั นิทรรศการ ควรอยใู่ นทม่ี องเหน็ ง่าย และมกี ารจดั นิทรรศการอยา่ งสม่าํ เสมอ 2) มมี มุ กจิ กรรมต่าง ๆ เชน่ มมุ เดก็ มมุ ครอบครวั มุมวชิ าการ มมุ ศลิ ปวฒั นธรรม ทอ้ งถนิ่ มมุ การศกึ ษานอกโรงเรยี น มมุ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช มมุ มหาวทิ ยาลยั รามคาํ แหง มมุ โสตทศั นศกึ ษา และมุมการศกึ ษาทางไกล แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ควรพจิ ารณาการออกแบบอาคารสถานท่ี ของหอ้ งสมดุ ประชาชน และจดั หาวสั ดแุ ละครภุ ณั ฑ์ ใหเ้ หมาะสมกบั ตวั ชว้ี ดั ทก่ี ําหนดและเหมาะสม กบั สภาพของทอ้ งถน่ิ 5. การใหบ้ รกิ ารและการจดั กจิ กรรม: 5.1 หอ้ งสมดุ ประชาชนควรใหบ้ รกิ ารแก่ประชาชนในชุมชนทร่ี บั ผดิ ชอบอยา่ งกวา้ งขวาง และเทา่ เทยี มกนั ตวั ช้วี ดั ขนั้ พ้นื ฐาน 1) หอ้ งสมดุ ประชาชนตอ้ งกําหนดวนั -เวลาเปิดทาํ การทแ่ี น่นอน โดยมวี นั ทําการ อยา่ งน้อยสปั ดาหล์ ะ 5 วนั และมเี วลาปฏบิ ตั กิ ารอยา่ งน้อยสปั ดาหล์ ะ 40 ชวั่ โมง ทงั้ น้คี วรเปิดทาํ การ ในวนั เสารแ์ ละอาทติ ยด์ ว้ ย 2) หอ้ งสมดุ ประชาชนตอ้ งจดั บรกิ ารและกจิ กรรมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของกลมุ่ ผใู้ ชบ้ รกิ ารและชุมชน
190 3) หอ้ งสมดุ ประชาชนตอ้ งจดั บรกิ ารและกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย ดงั น้ี (1) บรกิ ารยมื -คนื (2) บรกิ ารแนะนําการใชว้ สั ดสุ ารนเิ ทศ (3) บรกิ ารตอบคาํ ถาม ชว่ ยคน้ ควา้ และบรกิ ารสารนเิ ทศ (4) บรกิ ารแนะแนวการอ่าน (5) บรกิ ารสารนเิ ทศทางไปรษณยี แ์ ละโทรศพั ท์ (6) จดั กจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่าน เชน่ จดั นิทรรศการ การเล่าเรอ่ื งหนงั สอื การ ฉายภาพยนตร/์ วดิ ที ศั น์/วซี ดี /ี ดวี ดี ี การโตว้ าทแี ละอภปิ ราย เป็นตน้ ตวั ช้วี ดั ขนั้ พฒั นา หอ้ งสมดุ ประชาชนควรจดั บรกิ ารและกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย ดงั น้ี 1) บรกิ ารยมื -คนื และบรกิ ารระหว่างหอ้ งสมดุ 2) บรกิ ารชุมชน เชน่ จดั หอ้ งสมดุ สาขา หอ้ งสมดุ ประชาชนเคล่อื นท่ี หรอื การรบั นิสติ นกั ศกึ ษาฝึกงาน การใหค้ วามรเู้ ก่ยี วกบั หอ้ งสมดุ แก่โรงเรยี นทอ่ี ยใู่ กลเ้ คยี ง หรอื กลมุ่ ผสู้ นใจ 3) จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่าน โดยประสานกบั สถานศกึ ษาในชุมชน เพ่อื เป็น เครอื ขา่ ยกจิ กรรม 4) การใหบ้ รกิ ารสารนเิ ทศทาง e-mail แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ควรทจ่ี ะส่งเสรมิ ใหห้ อ้ งสมดุ ประชาชน ใหบ้ รกิ ารและกจิ กรรมต่าง ๆ ตามทต่ี วั ชว้ี ดั ทก่ี ําหนด โดยอาจประสานความรว่ มมอื กบั โรงเรยี นและ ชมุ ชนเป็นเครอื ขา่ ยกจิ กรรม 5.2 หอ้ งสมดุ ประชาชนควรพฒั นาตนเองใหเ้ ป็นศูนยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชน ตวั ชว้ี ดั ขนั้ พฒั นา หอ้ งสมดุ ประชาชนควรมแี ผนทจ่ี ะพฒั นาตนเองเป็นศูนยก์ าร เรยี นรชู้ ุมชน โดยใหบ้ รกิ ารการเรยี นรทู้ ม่ี คี วามหลากหลายทกุ ๆ ดา้ น กล่าวคอื หลากหลายในดา้ น สถานท่ี ดา้ นกจิ กรรม ดา้ นกระบวนการ ดา้ นสอ่ื ดา้ นเน้ือหาสาระ และความจงู ใจอ่นื ๆ ทท่ี าํ ใหเ้ กดิ ประโยชน์แก่คนในชมุ ชนนนั้ ๆ มากยง่ิ ขน้ึ แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ ารปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ควรมแี ผนทจ่ี ะสง่ เสรมิ ใหห้ อ้ งสมดุ ประชาชนเป็นศูนยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชน และควรดาํ เนินการจดั กจิ กรรมต่าง ๆ เพอ่ื การเป็นศนู ยก์ าร เรยี นรชู้ ุมชน ต่อไปน้ี 1) มศี ูนยส์ าธติ ของดเี ด่นของชุมชน 2) มเี วทสี าํ หรบั ปราชญช์ ุมชน คนเด่นคนดงั มาแสดงใหช้ ุมชนทราบถงึ ความสามารถของท่าน 3) มนี ิทรรศการของดมี ปี ระโยชน์และของมโี ทษ สบั เปลย่ี นหมนุ เวยี น 4) มกี ารอบรมในหวั ขอ้ ต่าง ๆ เช่น เรอ่ื งภาษา หนงั สอื การเลย้ี งลกู การเตรยี มตวั เป็นแม่ เป็นตน้
191 5) จดั มุมนิเทศ เรอ่ื งการศกึ ษาต่อของลกู เรอ่ื งการศกึ ษาต่อของตนเอง เรอ่ื งการหา อาชพี เป็นตน้ 6) มมี ุมพฒั นาการศกึ ษาของตนเอง เช่น มมุ สายสามญั ของการศกึ ษานอกโรงเรยี น มมุ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช มมุ มหาวทิ ยาลยั รามคาํ แหง เป็นตน้ 7) มมี ุมทดสอบสขุ ภาพดว้ ยตนเอง มมุ ทดสอบเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นบา้ น มมุ ทดสอบผลผลติ นานาประเภท 8) มรี า้ นคา้ ชุมชนทแ่ี สดงและจาํ หน่ายสนิ คา้ ทอ้ งถนิ่ หรอื สนิ คา้ หน่ึงตาํ บลหน่ึง ผลติ ภณั ฑ์ มมี ุมขอ้ มลู สนิ คา้ มมุ แคตตาลอ็ กสนิ คา้ และผลติ ภณั ฑ์ เป็นตน้ 9) มมี ุมบรกิ ารส่อื สาํ หรบั โรงเรยี นทด่ี อ้ ยโอกาส ทงั้ ระดบั เดก็ เลก็ ประถมศกึ ษา และ มธั ยมศกึ ษา โดยเฉพาะส่อื ทดลองและสอ่ื สาธติ 10) มมี ุมบรกิ ารส่อื สาํ หรบั กจิ กรรมสายใยสมั พนั ธข์ องเดก็ และครอบครวั เพ่อื ใหใ้ ชใ้ น หอ้ งสมดุ และยมื ออกไปนอกหอ้ งสมดุ 11) มมี มุ สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการของเดก็ วยั ต่า งๆ 12) มหี อ้ งแสดงวฒั นธรรมของทอ้ งถนิ่ ทเ่ี ป็นแหล่งขอ้ มลู ทางศลิ ปวฒั นธรรม และภมู ิ ปญั ญาทอ้ งถนิ่ 13) มหี อ้ งอนิ เตอรเ์ น็ตชมุ ชน ทเ่ี ป็นแหล่งใหค้ นในชมุ ชนเขา้ ถงึ เทคโนโลยี และหา ขอ้ มลู ทม่ี ปี ระโยชน์ต่อการพฒั นาการเรยี นรู้ 14) มหี อ้ งวชิ าการชุมชน ทเ่ี ป็นสถานทส่ี ําหรบั การจดั ประชุมสมั มนา ฝึกอบรม จดั กจิ กรรมกลุ่มพฒั นาความรใู้ นชุมชน เป็นสถานทถ่ี ่ายทอดความรตู้ ่าง ๆ ผ่านสอ่ื วดี ทิ ศั น์ วซี ดี ี หรอื ดวี ี ดี นอกจากน้ยี งั เป็นสถานทถ่ี ่ายทอดความรดู้ า้ นต่าง ๆ ทเ่ี ป็นประโยชน์ ต่อเดก็ เยาวชน และ ประชาชนในชุมชนทส่ี นใจ 15) มหี อ้ งเรยี นรกู้ ลุ่มอาชพี ชมุ ชน เพ่อื เป็นทเ่ี ผยแพรง่ านกลุ่มอาชพี ในชุมชน และ เป็นการเปิดโอกาสทางการตลาดของกลุ่มอาชพี ต่างๆ 16) มลี านกจิ กรรมชุมชน เพอ่ื เป็นสถานทเ่ี สรมิ สรา้ งพฒั นาการและการเรยี นรขู้ อง เดก็ และเยาวชน โดยใหม้ กี ารทาํ กจิ กรรมรว่ มกนั เช่น กจิ กรรมศลิ ปะ กจิ กรรมการรอ้ งเพลง การเล่น เกมต่าง ๆ เป็นตน้ 6. การประเมนิ ผล: มกี ารตดิ ตามและประเมนิ ผลการดาํ เนินงานของหอ้ งสมดุ ประชาชน และ บุคลากรของหอ้ งสมุดประชาชนอย่างต่อเน่อื งและครบถ้วน ตวั ชว้ี ดั ขนั้ พน้ื ฐาน 1) มกี ารประเมนิ คณุ ภาพการปฏบิ ตั งิ านของบุคลากรของหอ้ งสมดุ ประชาชนทงั้ ในรปู ของการประเมนิ ภายในดว้ ยบคุ ลากรของหอ้ งสมุดเอง และประเมนิ โดยประชาชนตามลกั ษณะงานท่ี แต่ละบุคคลทาํ และการทาํ งานนนั้ ส่งผลใหบ้ รรลเุ ป้าหมายของการใหบ้ รกิ ารหอ้ งสมดุ หรอื ไม่
192 2) มกี ารประเมนิ ทงั้ กระบวนการดาํ เนนิ งาน และผลการดาํ เนินงานของหอ้ งสมดุ ประชาชนว่าสนองวตั ถุประสงคข์ องการจดั ตงั้ หอ้ งสมดุ ประชาชนเหลา่ น้เี พยี งไร โดยใชก้ ารประเมนิ ดว้ ยบุคลากรของหอ้ งสมดุ เอง และประเมนิ โดยประชาชน โดยประเมนิ วา่ (1) ประชาชนรกั การอ่านเพม่ิ มากขน้ึ หรอื ไม่ (2) หอ้ งสมดุ ประชาชนมกี ารจดั กจิ กรรมทเ่ี หมาะสมหรอื ไม่ เพยี งไร แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ควรเยย่ี มเยยี นและมกี ารตดิ ตามผลและ ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านของบุคลากรของหอ้ งสมดุ ประชาชน และการดาํ เนนิ งานของหอ้ งสมดุ ประชาชนอย่างต่อเน่อื งและเป็นรปู ธรรม ควรเชญิ เจา้ หน้าทจ่ี ากหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งมาเยย่ี มเยยี น ใหค้ าํ แนะนํา ใหก้ ําลงั ใจบุคลากรของหอ้ งสมดุ ประชาขนเป็นครงั้ คราวตามโอกาสอนั ควร และประสาน ใหม้ กี ารประชุมปรกึ ษาหารอื รว่ มกนั ระหวา่ งบุคลากรของหอ้ งสมดุ เพอ่ื หาทางปรบั ปรงุ แกไ้ ขปญั หา ต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ อยา่ งสม่าํ เสมอ 7. การมสี ว่ นรว่ มของชุมชน: มกี ลุ่มคนหรอื องคก์ รในชุมชนเขา้ มามสี ่วนรว่ มกนั จดั กจิ กรรม หรอื บรกิ ารรปู แบบต่างๆ รว่ มกบั หอ้ งสมดุ ประชาชน 7.1 การเปิดโอกาสใหช้ ุมชนเขา้ มามสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมของหอ้ งสมดุ ประชาชน แนวทางปฏบิ ตั ิ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ส่งเสรมิ ใหก้ จิ กรรมบางอยา่ งของชุมชน อาจนํามาจดั ในหอ้ งสมดุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เช่น กจิ กรรมวนั พ่อ กจิ กรรมวนั แม่ และกจิ กรรมวนั เดก็ เป็นตน้ และส่งเสรมิ ใหผ้ มู้ คี วามรคู้ วามสามารถในชุมชนนําความรมู้ าถ่ายทอดใหก้ บั บุคคลอ่นื ท่ี หอ้ งสมดุ ได้ 7.2 มหี น่วยงานและองคก์ รในทอ้ งถน่ิ มสี ่วนรว่ มในการดําเนินงานหอ้ งสมดุ ประชาชน แนวทางปฏบิ ตั ิ 1) องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ควรประสานในการจดั หาหนังสอื ประเภทต่าง ๆ เพมิ่ เตมิ ใหแ้ ก่หอ้ งสมดุ โดยวธิ กี ารรบั บรจิ าคจากประชาชนและหน่วยงานทวั่ ไป หรอื ควรสนบั สนุน การจดั ตงั้ ศนู ยข์ อ้ มลู ออนไลน์ วฒั นธรรมออนไลน์ เชอ่ื มโยงกบั หอจดหมายเหตุ พพิ ธิ ภณั ฑ์ หอ้ งสมดุ อ่นื ๆ สอ่ื กระจายเสยี ง ตลอดจนส่งเสรมิ การศกึ ษาในระบบทางไกลและการเรยี นรอู้ อนไลน์ของ ประชาชนในหอ้ งสมดุ 2) องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ควรประสานงานเป็นเครอื ข่ายกบั องคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถน่ิ ขา้ งเคยี ง ในการหมุนเวยี นทรพั ยากรทม่ี ใี นหอ้ งสมดุ ทต่ี นดแู ลรว่ มกนั 3) องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ควรรว่ มมอื กบั สถาบนั ศาสนาในทอ้ งถนิ่ เพอ่ื จดั หา หนงั สอื เพมิ่ เตมิ ใหแ้ ก่หอ้ งสมดุ 4) องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ควรส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนในชุมชนไดม้ สี ่วนรว่ มใน การควบคุมดแู ลหนงั สอื การหาหนงั สอื เพมิ่ เตมิ โดยอาศยั กล่มุ มวลชนทม่ี ใี นชุมชน เชน่ กล่มุ หนุ่ม สาว กลมุ่ เยาวชน ครู นกั เรยี น นกั ศกึ ษา คณะกรรมการหมบู่ า้ น/ชมุ ชน กลุม่ แมบ่ า้ น ฯลฯ เพอ่ื เป็น อาสาสมคั รดแู ลรกั ษาหอ้ งสมดุ ประชาชนใหอ้ ยใู่ นสภาพดอี ยเู่ สมอ
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: