การติดต้งั ไฟฟ้ า เรียบเรียงโดย นายณัฐพล เจริญศรี สาขาวิชาไฟฟ้ ากาลัง วทิ ยาลัยเทคนิคสุโขทยั
1.1 อนั ตรายท่ีเกิดจากไฟฟ้ า 1.2 การป้ องกนั อุบตั ิภยั จากกระแสไฟฟ้ า 1.3 หลกั การปฏิบตั ิเก่ียวกบัไฟฟ้ าเพอ่ื ความปลอดภยั 1.4 การช่วยเหลือผปู้ ระสบอุบตั ิภยั ทางไฟฟ้ า 1.5 ระบบการจ่ายกาํ ลงั ไฟฟ้ า1.6 สรุปสาระสาํ คญั1. ไฟฟ้ าจะทาํ อนั ตรายต่อร่างกายและชีวติ ของมนุษยไ์ ดต้ อ่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ คือ กระแสไฟฟ้ าใช้ ร่างกายเป็นทางผา่ นลงดิน ร่างกายต่อเป็นส่วนหน่ึงของวงจรไฟฟ้ าโดยไม่ผา่ นลงดิน และเกิดจากความร้อนและแสงสวา่ งท่ีเกิดจากกระแสไฟฟ้ าลดั วงจร ซ่ึงความรุนแรงของอุบตั ิภยั เกิดจากปริมาณกระแสไฟฟ้ า ระยะเวลาความตา้ นทานของร่างกาย แรงดนั ไฟฟ้ าและเส้นทางท่ีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นอวยั วะภายในร่างกาย2. การป้ องกนั อุบตั ิภยั จากไฟฟ้ า พอจาํ แนกวธิ ีป้ องกนั หลกั ๆ ไดค้ ือ การต่อลงดิน การใชฉ้ นวนป้ องกนัการสัมผสั และการใชเ้ ครื่องตดั ไฟรั่ว3. การปฏิบตั ิเพื่อใหเ้ กิดความปลอดภยั ขณะปฏิบตั ิงานเกี่ยวกบั ไฟฟ้ า เช่น คาํ นึงถึงความปลอดภยั เป็นลาํ ดบั แรก ช่างติดต้งั ตอ้ งเป็ นผมู้ ีความรู้และประสบการณ์ ทาํ งานร่วมกนั อยา่ งนอ้ ย 2 คน ตดั ไฟฟ้ าออกก่อนปฏิบตั ิงาน และติดต้งั ไฟฟ้ าตามมาตรฐานการติดต้งั ทางไฟฟ้ า เป็นตน้4. ระบบการจ่ายกาํ ลงั ไฟฟ้ าแรงดนั ต่าํ หมายถึง ระบบไฟฟ้ าท่ีมีแรงดนั ไฟฟ้ าระหวา่ งเฟส (Phase) ไม่เกิน 1,000 โวลต์ โดยทว่ั ไปมี 2 ระบบ คือ ระบบไฟฟ้ า 1 เฟส และระบบไฟฟ้ า 3 เฟสแสดงความรู้เก่ียวกบั การป้ องกนั อุบตั ิภยั ในการปฏิบตั ิงานทางไฟฟ้ าและระบบการจ่ายกาํ ลงั ไฟฟ้ า1. อธิบายอนั ตรายท่ีเกิดจากไฟฟ้ าได้2. อธิบายวธิ ีป้ องกนั อุบตั ิภยั จากกระแสไฟฟ้ าได้3. บอกหลกั ปฏิบตั ิเพื่อความปลอดภยั ขณะปฏิบตั ิงานติดต้งั ไฟฟ้ าไดไ้ มต่ ่าํ กวา่ 7 ขอ้ 4. บอกหลกั ปฏิบตั ิทว่ั ไปเพอ่ื ความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ ินไดไ้ มต่ ่าํ กวา่ 10 ขอ้ 5. อธิบายวธิ ีช่วยเหลือผปู้ ระสบอุบตั ิภยั ทางไฟฟ้ าได้6. อธิบายระบบการจา่ ยกาํ ลงั ไฟฟ้ าได้เน้ือหาสาระในหน่วยน้ีจะศึกษาถึงการปฏิบตั ิงานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ไฟฟ้ าเพือ่ ความปลอดภยั แก่ตนเอง ผรู้ ่วมปฏิบตั ิงาน และบุคคลอ่ืน รวมท้งั ความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ินอนั อาจเกี่ยวขอ้ งกบั ไฟฟ้ า ดงั น้นั ส่ิงแรกท่ีผปู้ ฏิบตั ิงานเก่ียวกบั ไฟฟ้ าจะตอ้ งคาํ นึงถึงเสมอคือ ปลอดภยั ไวก้ ่อน (Safety First) เพ่อื ป้ องกนั อุบตั ิภยั ท่ีอาจเกิดข้ึน1.1.1 ไฟฟ้ าทาํ อนั ตรายแก่ร่างกายไดอ้ ยา่ งไรผทู้ ี่ไดร้ ับอนั ตรายจากไฟฟ้ าเนื่องจากส่วนหน่ึงส่วนใดของร่างกายบงั เอิญไปสมั ผสั ส่วนของวงจร ท่ีมีกระแสไฟฟ้ าร่ัว (Leakage Current) ในขณะท่ีร่างกายอื่นสมั ผสั อยกู่ บั พ้ืนดินท่ีช้ืน กระแสไฟฟ้ า(Current) จะสามารถไหลผา่ นร่างกายลงสู่ดินครบวงจร ดงั รูปท่ี 1.1 ทาํ ใหเ้ กิดอนั ตราย แมเ้ วลาเพียง
เลก็ นอ้ ยก็อาจทาํ ให้ พิการหรือเสียชีวติ ได้ และยงั มีองคป์ ระกอบอื่น ๆ อีก เช่น จุดที่สัมผสั กล่าวคือ ถา้กระแสไฟฟ้ าผา่ นร่างกาย บริเวณอวยั วะทส่ี าํ คญั เช่น บริเวณหวั ใจ ศีรษะ หรือทรวงอก อนั ตรายทไี่ ดร้ ับจะมีมากกวา่ กระแสไฟฟ้ าไหล ผา่ นส่วนอ่ืนของร่างกายและถา้ ร่างกายถูกกระแสไฟฟ้ าเป็นบริเวณกวา้ ง อนั ตรายก็จะสาหสั มากข้ึน3ก)กระแสไฟฟ้ าร่ัวไหลผา่ นรา่่งกายลงดิน ข)กระแสไฟฟ้ ารั่วไหลผา่ นร่างกายรูปซา้ ยอนั ตรายมากกวา่่รูปขวา รูปที่ 1.1 ไฟฟ้ าทาํ อนั ตรายแกร่ า่่ งกายไดเ้ มื่อกระแสไฟฟ้ ารั่วไหลผา่ นร่างกายลงดินดงั น้นั ไฟฟ้ าจะทาํ อนั ตรายต่อร่างกายและชีวติ ของมนุษยไ์ ดเ้ มื่อเกิดเหตุการณ์ ดงั น้ี1. เกิดจากกระแสไฟฟ้ าใชร้ ่างกายเป็นทางเดินผา่ นลงดิน เนื่องจากระบบจาํ หน่ายไฟฟ้ าท้งั ดา้ นแรงดนัไฟฟ้ าสูงและแรงดนั ไฟฟ้ าต่าํ มีการตอ่ วงจรส่วนหนึ่งลงดินไว้ ไฟฟ้ าจึงพยายามจะไหลลงดิน เพอ่ื ให้ ครบวงจรกบั ดิน (Ground)42. เกิดจากการท่ีร่างกายตอ่ เป็นส่วนหน่ึงของวงจรไฟฟ้ าโดยไม่ผา่ นลงดิน เช่น บุคคลผหู้ น่ึง ยนื อยบู่ นพ้ืนท่ีเป็นฉนวนอยา่ งดี แลว้ ใชม้ ือท้งั สองขา้ งจบั ปลายสาย 2 ขา้ งของสายเส้นเดียวกนั ซ่ึงบงั เอิญขาด หรือใชม้ ือจบั สายเส้นมีไฟ 2 เส้นพร้อมกนั ทาํ ใหก้ ระแสไฟฟ้ าผา่ นอวยั วะของร่างกายออกไปครบวงจร บุคคลผ่้ ู น้นัอาจไดร้ ับอนั ตรายจนถึงเสียชีวติ ได้ เพราะกระแสไฟฟ้ าทาํ อนั ตรายต่ออวยั วะภายในร่างกายมนุษย์3. เกิดจากความร้อนและแสงสวา่ งที่เกิดจากกระแสไฟฟ้ าลดั วงจร ซ่ึงอาจเกิดอนั ตรายแก่ ดวงตา เนื่องจากแสงสวา่ งท่ีมีความเขม้ มากหรือเศษโลหะที่หลอมละลายมีความร้อนสูงกระเด็นเขา้ ตา ทาํ ใหต้ า บอดไดแ้ ละเกิดบาดแผลไหมแ้ ก่ร่างกายส่วนที่เขา้ ไปใกล้ หรือสัมผสั กบั จุดที่กระแสไฟฟ้ าลดั วงจร (Short–Circuit Current) เช่น ซ่อมไฟฟ้ าภายในบา้ นโดยไมต่ ดั ไฟฟ้ า ในขณะต่อสาย ปลายสาย 2 เส้นท่ีเตรียมไวไ้ ป สัมผสั กนั เขา้ เกิดไฟฟ้ าลดั วงจร และขณะยนื ไขสกรูนาํ สายไฟเขา้ หรือออกจากสวติ ช์โดยไมต่ ดัไฟฟ้ า ส่วนปลาย ของไขควงอาจพลาดไปสัมผสั สายไฟฟ้ าอีกเส้นหน่ึงเกิดไฟฟ้ าลดั วงจร เป็ นตน้1.1.2 องคป์ ระกอบท่ีก่อใหเ้ กิดความรุนแรงของอุบตั ิภยั จากไฟฟ้ าอนั ตรายจากกระแสไฟฟ้ ามีผลใหผ้ ปู้ ระสบอุบตั ิภยั เกิดอนั ตรายแตกตา่ งกนั อาจบาดเจบ็ เลก็ นอ้ ย บาดเจบ็สาหสั หรือถึงแก่ความตายได้ มีองคป์ ระกอบที่เป็นตวั กาํ หนดความรุนแรงของอุบตั ิภยั ดงั น้ี1. ปริมาณของกระแสไฟฟ้ าที่ไหลผา่ นร่างกาย เป็นองคป์ ระกอบที่มีความสาํ คญั มาก ถา้ กระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นร่างกายในปริมาณมาก ความรุนแรงของอุบตั ภิ ่ัยจะมากตามข้ึนไปดว้ ย ดงั ตารางที่ 1.1ตารางที่ 1.1 ปริมาณกระแสไฟฟ้ าและอาการที่เกิดข้ึนแกร่ ่่างกายปริมาณกระแสไฟฟ้ า (mA)อาการที่เกิดข้ึนแก่ร่างกาย
0.5ไมเ่ กิดความรู้สึก0.5–2เริ่มเกิดความรู้สึกวา่ ถูกกระแสไฟฟ้ าดูด2–10กลา้ มเน้ือหดตวั แตย่ งั ไมเ่ สียการควบคุมตวั เอง10–25รู้สึกเจบ็ ปวด ไม่สามารถขยบั ตวั ได้มากกวา่ 25กลา้ มเน้ือเกร็งและหดตวั อยา่ งรุนแรง50–100กลา้ มเน้ือหวั ใจกระตุกอยา่ งแรงหรือหวั ใจเตน้ ถ่ีรัว100ระบบการหายใจหยดุ ทาํ งานหรือเป็นอมั พาต2. ระยะเวลาท่ีกระแสไฟฟ้ าผา่ นร่างกายท่ีต่อเป็นส่วนหน่ึงของวงจรไฟฟ้ า เน่ืองจากผทู้ ่ีถูก ไฟฟ้ าดูดส่วนมากไมส่ ามารถควบคุมตวั เองใหห้ ลุดพน้ จากไฟฟ้ า จึงถูกกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นร่างกายเป็น เวลานานระยะเวลาท่ีกล่าวน้ีนบั แต่เร่ิมมีอาการระบบการหายใจและการทาํ งานของหวั ใจจะหยดุ ชะงกั การ หมุนเวยี นของโลหิตจะสิ้นสุดลง ถา้ สมองมนุษยข์ าดออกซิเจนประมาณ 5 นาที อาจจะเกิดความพิการทาง สมองหรือถึงแก่ความตายได้ ดงั น้นั ถา้ ไม่มีบุคคลอ่ืนช่วยเหลืออยา่ งทนั ท่วงทีอาจไดร้ ับอนั ตรายถึงชีวติ ถา้ ระยะเวลานานกวา่ กาํ หนดในตารางท่ี 1.2ตารางที่ 1.2 ระยะเวลาท่ีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นร่างกายท่ีทาํ ใหเ้ สียชีวติ ได้5ปริมาณกระแสไฟฟ้ า (mA)ระยะเวลา15นานกวา่ 2 นาที20นานกวา่ 1 นาที30นานกวา่ 35 วนิ าที100นานกวา่ 3 วนิ าที
500นานกวา่ 11/100 วนิ าที1,000นานกวา่ 1/100 วนิ าที3. ความตา้ นทานของร่างกายต่อไฟฟ้ า ผวิ หนงั เป็นตวั ควบคุมปริมาณของกระแสไฟฟ้ าใหไ้ หล ผา่ นเขา้ ได้มากหรือนอ้ ยได้ ถา้ ผวิ หนงั มีสภาพแหง้ สนิทจะมีความตา้ นทานร่างกาย (Body Resistance) ตอ่ไฟฟ้ าสูงมาก แต่ถา้ ผวิ หนงั เปี ยกหรือช้ืนความตา้ นทานจะลดต่าํ ลงเหลือเพยี งประมาณร้อยละ 1 ของผวิ หนงัแหง้ โดยผิวหนงั แหง้ มีความตา้ นทาน 100,000–600,000 โอห์มตอ่ ตารางเซนติเมตร และผวิ หนงัเปี ยก มีความ ตา้ นทาน 1,000 โอห์มต่อตารางเซนติเมตร โดยทวั่ ไปในทางปฏิบตั ิกาํ หนดค่าความตา้ นทานต่อไฟฟ้ าของคนที่ ทาํ งานกบั ไฟฟ้ าไวป้ ระมาณ 1,000 โอห์ม ดงั น้นั ถา้ ร่างกายโดยเฉพาะส่วนมือและเทา้ เปี ยกหรือช้ืนอยา่ จบั ตอ้ ง หรือใชเ้ ครื่องใชไ้ ฟฟ้ าเป็นอนั ขาด โดยเฉพาะถา้ ยนื อยบู่ นดินหรือในท่ีเปี ยกช้ืนจะยงิ่ มีอนั ตรายมาก4. แรงดนั ไฟฟ้ า มีส่วนช่วยใหเ้ กิดอนั ตรายเป็นอยา่ งมากเช่นกนั แรงดนั ไฟฟ้ า (Voltage) ท่ีคนประสบอุบตั ิภยั ส่วนใหญ่อยใู่ นประมาณ 110–400 โวลตเ์ พราะเป็ นแรงดนั ไฟฟ้ าที่ใชง้ านทว่ั ไปแรงดนั ไฟฟ้ า ต้งั แต่ 240 โวลตข์ ้ึนไปสามารถทาํ ใหผ้ วิ หนงั ท่ีสัมผสั ทะลุฉีกขาด ความตา้ นทานกระแสไฟฟ้ าในร่างกายที่ ปราศจากผวิ หนงั มีคา่ ประมาณ 400–600 โอห์ม หรือเฉล่ีย 500 โอห์มกระแสไฟฟ้ าจึงไหลผา่ นร่างกายไดม้ าก5. เส้นทางที่กระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นอวยั วะภายในร่างกาย ถา้ เส้นทางของกระแสไฟฟ้ าผา่ น สมอง หวั ใจและปอดจะเป็นอนั ตรายมาก ดงั ที่กล่าวในรูปที่ 1.1 ดงั น้นั ถา้ กระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นเขา้ ทางศีรษะ ออกทางฝ่ าเทา้ ท้งั สองขา้ งแลว้ จะมีอนั ตรายมากท่ีสุด6โดยธรรมชาติแลว้ กระแสไฟฟ้ าจะไหลไปในทางที่มีความตา้ นทานนอ้ ยท่ีสุด ดงั น้นั เพื่อใหร้ ่างกายมี ความตา้ นทานมากมีกระแสไฟฟ้ าผา่ นนอ้ ยหรือไมไ่ หลผา่ นเลย จึงพอจาํ แนกวธิ ีป้ องกนั หลกั ๆ ไดด้ งั น้ี1.2.1 การตอ่ ลงดิน (Ground)เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างภายนอกเป็นโลหะ เช่น เครื่องซกั ผา้ และตเู้ ยน็ เป็นตน้เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าเหล่าน้ีเมื่อเกิดชาํ รุด เช่น ฉนวนเส่ือมสภาพหรือมีการแตกหกั ของฉนวน ทาํ ใหส้ ายไฟฟ้ าไปสัมผสั กบั โครงโลหะของเครื่องไฟฟ้ าน้นั ๆ กระแสไฟฟ้ ากส็ ามารถรั่วไหลมายงั โครงน้นั ได้ และเม่ือไปสัมผสั ในขณะท่ี เครื่องใชไ้ ฟฟ้ าทาํ งานอยู่ กระแสไฟฟ้ าร่ัวจะไหลผา่ นตวั ผสู้ มั ผสั ลงดินทาํ ใหไ้ ดร้ ับอนั ตรายได้วธิ ีการป้ องกนั อุบตั ิภยั ดงั กล่าว คือ การต่อสายดินเขา้ กบั ระบบสายดิน เพ่อื เป็ นทางให้ กระแสไฟฟ้ าท่ีอาจจะรั่วไหลออกมาจากเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าเหล่าน้นั ลงดิน แทนท่ีจะไหลผา่ นตวั ผ่้ ู ไปสมั ผสั ซ่ึงวธิ ีการ ป้ องกนั โดย
ใชส้ ายดินน้ีเป็นวธิ ีมาตรฐานที่นิยมใชก้ นั อยทู่ วั่ ไป และจะกล่าวถึงรายละเอียดในหน่วยที่ 81.2.2การใชฉน้ วนป้ องกนั การสมั ผสั (Insulation)ฉนวนหุม้ สายไฟฟ้ าหรือหุม้ สายของเครื่องใชไ้ ฟฟ้ าตา่ ง ๆ น้นั เป็นสิ่งท่ีชาํ รุดฉีกขาดได้ จึงใชว้ สั ดุ ท่ีเป็นฉนวนไฟฟ้ ามาห่อหุม้ ป้ องกนั การสมั ผสั ได้ เช่น การใชเ้ ทปพนั สายไฟฟ้ า ซ่ึงมีความเป็นฉนวนสูง ใชง้ านง่ายและใชไ้ ดน้ าน ราคาถูกมีจาํ หน่ายท่ัวไป และการใชถ้ ุงมือยางหรือถุงมือหนงั ในขณะปฏิบตั ิงานเกี่ยวกบัไฟฟ้ า เป็นตน้1.2.3 การใชเ้ ครื่องตดั ไฟร่ัว (Residual Current Device: RCD)การใชเ้ ครื่องตดั ไฟรั่ว คือ การใชอ้ ุปกรณ์หรือเคร่ืองมือที่ช่วยเพ่มิ ความปลอดภยั ภายในบา้ น ซ่ึง วงจรไฟฟ้ าปกติทวั่ ไปทาํ ไม่ได้ หนา้ ท่ีของอุปกรณ์เหล่าน้ีคือช่วยตรวจสอบการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้ า โดยจะ ตดักระแสไฟฟ้ าอยา่ งรวดเร็วในกรณีที่เกิดการรั่วไหลหรือการลดั วงจรท่ีเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าจุดใด ๆ ภายในบา้ น ซ่ึงมี ประโยชนใ์ นการป้ องกนั อนั ตรายจากไฟดูด และป้ องกนั อคั คีภยั ท่ีจะเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงทีเคร่ืองตดั ไฟร่ัว ครอบคลุมถึงระบบและอุปกรณ์คือ เคร่ืองตดั ไฟร่ัวลงดินอตั โนมตั ิ เซอร์กิตเบรก– เกอร์ป้ องกนั กระแสไฟฟ้ ารั่ว และชุดควบคุมวงจรไฟฟ้ าแบบมีเครื่องตดั ไฟร่ัวลงดินอตั โนมตั ิเคร่ืองตดั ไฟรั่ว ทาํ หนา้ ท่ีตดั วงจรไฟฟ้ า เมื่อเกิดไฟฟ้ าร่ัว ไฟฟ้ าดูด ไฟฟ้ าลดั วงจร หรือใชไ้ ฟฟ้ า เกินขนาด มีหลกั การทาํ งานเบ้ืองตน้ ดงั รูปท่ี1.2 คือใชต้ รวจจบั ความไม่สมดุลระหวา่ งกระแสไฟฟ้ าเขา้ และ ออก เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าร่ัว อุปกรณ์ตรวจจบั ความผดิ ปกติคือ หมอ้ แปลงกระแส (Current Transformer:CT) จะเกิดกระแสเหน่ียวนาํ ไปสง่ั การทาํ งานของอุปกรณ์ควบคุมการตดั วงจร (TrippingDevice) ใหส้ วติ ช์ตดั วงจร (Switch) เป็นการส่ังตดั กระแสไฟฟ้ าท้งั หมดที่เขา้ วงจร และถา้ ตอ้ งการทดสอบการทาํ งานของอุปกรณ์วา่ อยใู่ นสภาพพร้อมทาํ งานเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่ สามารถทดสอบโดยการกดป่ ุมทดสอบ (Push toTest) เพื่อเป็น การทดสอบการรับสญั ญาณและใหก้ ลไกตา่ ง ๆ ทาํ งานตามการจาํ ลองท่ีสภาวะกระแสไฟฟ้ าร่ัวไดอ้ ีกดว้ ย และ แสดงตวั อยา่ งเครื่องตดั ไฟร่ัวลงดินอตั โนมตั ิ ดงั รูปท่ี 1.3รูปท่ี 1.2 วงจรการทาํ งานของเคร่ืองตดั ไฟรว่ั ลงดินอตั โนมตั ิรูปท่ี 1.3 ตวั อยา่่ งเครื่องตดั ไฟรว่ั ลงดินอตั โนมตั ิ1.3.1 การปฏิบตั ิเพือ่ ใหเ้ กิดความปลอดภยั ขณะปฏิบตั ิงานติดต้งั ไฟฟ้ า1. ช่างผตู้ ิดต้งั ระบบไฟฟ้ าตอ้ งเป็นผมู้ ีความรู้ ประสบการณ์ และความชาํ นาญเท่าน้นั และคาํ ถึง ถึงความปลอดภยั เป็นอนั ดบั แรกเสมอ2. การปฏิบตั ิงานเกี่ยวกบั การติดต้งั ไฟฟ้ าตอ้ งร่วมกนั อยา่ งนอ้ ย 2 คน เพื่อจะไดช้ ่วยเหลือกนั ได้ เมื่อเกิดอุบตั ิภยั7
83. การเดินสายไฟฟ้ าและติดต้งั อุปกรณ์ไฟฟ้ า ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐานการติดต้งั ไฟฟ้ าแห่ง ประเทศไทย(วสท.) หรือมาตรฐานอื่นที่การไฟฟ้ าฯ ยอมรับ4. ถา้ ผปู้ ฏิบตั ิงานเก่ียวกบั ไฟฟ้ าหยดุ พกั เมื่อกลบั มาปฏิบตั ิงานต่อ ตอ้ งตรวจสอบคตั เอาตห์ รือ เซอร์กิตเบรกเกอร์ก่อนที่จะปฏิบตั ิงานต่อไป ดงั รูปท่ี 1.4รูปท่ี1.4หลงั หยดุ พกตั อ้ งตรวจสอบคตั เอาตกอ่์ นทจี่ะปฏิบตั ิตอ่ ไป (ท่ีมา :http://www.pea.co.th/pdf/SB-B03-5001.pdf)5. ก่อนทาํ งานกบั เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า ตอ้ งแน่ใจวา่ เครื่องใชไ้ ฟฟ้ าเหล่าน้นั ไม่มีไฟ6. ผปู้ ฏิบตั ิงานติดต้งั ไฟฟ้ าตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ป้ องกนั อนั ตรายทุกคร้ัง เช่น ถุงมือยาง หมวกนิรภยั รองเทา้นิรภยั และป้ ายเตือนภยั ตา่ ง ๆ เป็นตน้7. ผ่้ ู ปฏิบตั ิงานติดต้งั ไฟฟ้ าในเขตท่ีกาํ ลงั ก่อสร้าง ควรสวมหมวกนิรภยั8. ผปู้ ฏิบตั ิงานติดต้งั ไฟฟ้ าควรยนื บนพ้นื ท่ีฉนวน เช่น พ้ืนไมแ้ หง้ และแผน่ ยาง เป็ นตน้ และไม่ ยนื ดว้ ยเทา้เปล่าบนพ้ืนปูนหรือพ้ืนท่ีเปี ยกแฉะ9. ผปู้ ฏิบตั ิงานติดตง้ั ไฟฟ้ าตอ้ งใชเ้ ครื่องมือและบาํ รุงรักษาใหถ้ ูกตอ้ งตามเครื่องมือน้นั ๆ เช่น ไม่ นาํ คีมมาใชเ้ ป็นคอ้ น เป็นตน้10. การทดสอบสายเส้นมีไฟหรือไม่มีไฟ หรือตรวจสอบกระแสรั่ว ใหใ้ ชเ้ คร่ืองมือ เช่น ไขควง– วดั ไฟเป็นตน้ หา้ มใชม้ ือแตะ11. ถา้ จาํ เป็นตอ้ งปฏิบตั ิงานในบริเวณท่ีไม่สามารถตดั ไฟออกได้ จะตอ้ งกนั้ เขตใหช้ ดั เจนเพอ่ื ป้ องกนับุคคลทไ่ี ม่เก่ียวขอ้ งเขา้ ใกลแ้ ละมีช่องทางหนีไฟได้1.3.2 การปฏบิ ่ัติเพือ่ ใหเ้ กิดความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ิน1. เครื่องใชไ้ ฟฟ้ าที่มีเปลือกห่อหุม้ ภายนอกทาํ ดว้ ยโลหะทุกชนิด ตอ้ งใชก้ บั เตา้ เสียบชนิดมีข้วั สายดินกบัเตา้ รับชนิดมีข้วั สายดินท่ีเป็นมาตรฐานเดียวกนั ในระบบสายดิน เช่น ตูเ้ ยน็ เครื่องซกั ผา้ และเคร่ือง ทาํ นา้ํ อุน่เปน็ ตน้2. อุปกรณ์ไฟฟ้ าที่จะนาํ ไปติดต้งั ใชง้ าน เช่น สายไฟฟ้ า สวติ ชต์ ดั ตอน คาร์ทริดจฟ์ ิ วส์ หลอด ฟลูออเรสเซนต์ บลั ลาสต์ เป็นตน้ เลือกใชแ้ ตช่ นิดท่ีมีคุณภาพดี และมีเครื่องหมายมาตรฐานแสดงไวจ้ าก สาํ นกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม ดงั รูปที่ 1.5 (กฎกระทรวงกาํ หนดลกั ษณะของเครื่องหมาย มาตรฐานสาํ หรับแสดงกบั ผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2549 โดยเครื่องหมายมาตรฐานจะมีขนาดเทา่ ไรหรือ จะใชส้ ีใดก็ได้ มีเพยี ง 2 เครื่องหมาย มีผลบงั คบั ใชต้ ้งั แต่ 29 พฤศจิกายน 2549)ก) เครื่องหมายมาตรฐานทวั่ ไป ข) เครื่องหมายมาตรฐานบงั คบั รูปที่1.5อุปกรณ์ไฟฟ้ าทีจ่ ะนา่ํไปติดต้งั
ใชง้ านตอ้ งมีเคร่ืองหมายมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม 3. อุปกรณ์ไฟฟ้ าที่ตากแดดตากฝนอยเู่ สมอ เชน่ สวติ ช์กระด่ิงไฟฟ้ าตอ้ งใชแ้ บบกนั นา้ํ 4. อยา่ เดินสายไฟฟ้ าท่ีตอ้ งใชแ้ บบชวั่ คราว เพราะอาจทาํ ใหเ้ กิดอนั ตรายได้ 5. อยา่ เดินสายไฟฟ้ าติดร้ัวสังกะสีหรือโครงเหล็กโดยไม่ใชว้ ธิ ีร้อยสายในท่อ หรือใชส้ ายที่มี ฉนวนหุม้ 2 ช้นั 6. เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าทุกชนิด ถา้ มีกระแสร่ัวไหลตอ้ งซ่อมทนั ที ดงั รูปท่ี 1.6 9 รูปที่ 1.6 เครื่องใชไ้ ฟฟ้ ามีกระแสร่ัว ตอ้ งรีบซ่อมทนั ที รูปท่ี 1.7 อยา่ ซ่อมเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าเองโดย ไมม่ ่คี วามรู้ (ที่มา : http://www.pea.co.th/pdf/SB-B02-5001.pdf) 7. อยา่ ซ่อมเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าเองโดยไม่มีความรู้ความชาํ นาญเพราะทาํ ให้เกิดอนั ตรายถึงแก่ชีวติ ได้ ดงั รูปที่ 1.7 8. ทุกคร้ังท่ีเลิกใชเ้ คร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า ใหป้ ิ ดสวติ ช์เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าก่อนและดึงเตา้ เสียบออกจาก เตา้ รับทุกคร้ัง เพื่อไมใ่ หเ้ คร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าชาํ รุดง่ายและยดื อายกุ ารใชง้ าน 9. หมน่ั ตรวจสอบอุปกรณ์ติดต้งั ทางไฟฟ้ าเป็ นประจาํ อยา่ งนอ้ ยปี ละ 1 คร้ัง 10. เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าท่ีเปิ ดปิ ดดว้ ยรีโมทคอลโทรล เมื่อปิ ดเคร่ืองจะมีไฟเลย้ี งวงจรควบคุมตลอด เวลา ดงั น้นั เมื่อเลิกใชจ้ ะตอ้ งดึงเตา้ เสียบออกจากเตา้ รับทุกคร้ัง เพื่อปลดไฟออก 11. อยา่ ใชส้ ายไฟเสียบเตา้ รับโดยไม่มีเตา้ เสียบ ดงั รูปที่ 1.8 จะเกิดอนั ตราย ตอ้ งซ่อมแกไ้ ขให้ เรียบร้อย ก่อนนาํ มาใชง้ าน รูปท่ี 1.8 อยา่ ใชส้ ายไฟเสียบแทนเตา้ เสียบ รูปท่ี 1.9 อยา่ ดึงเตา้ เสียบที่สายไฟฟ้ า ควรจบั ที่ตวั เตา้ เสียบ (ที่มา : http://www.pea.co.th/peac1/data/know/know1.htm)om/frpi/mohr/basic
การติดตงั้ ไฟฟ้ า. สืบค้นได้จาก (ออนไลน์)http://anyflip.com/frpi/mohr/basic
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: