Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานบ้านนักวิทยศาสตร์น้อยโรงเรียนบ้านทับกุมารทอง

โครงงานบ้านนักวิทยศาสตร์น้อยโรงเรียนบ้านทับกุมารทอง

Published by arawan0101, 2021-02-24 04:42:16

Description: รูปเล่ม20โครงการ

Search

Read the Text Version

48 - เด็ก ๆ ได้ลงมือการทดลองด้วยตนเองซึ่งสามารถอธิบายสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้ เกย่ี วกับการพบั หรือตัดก็ทบั กันสนทิ ได้ตามลำดบั ข้นั ตอน - เด็กรู้จกั การตั้งคำถาม การสันนษิ ฐาน การสงั เกต 2.1.2 ดา้ นภาษา - เด็กสามารถส่ือสาร เล่าเรื่อง แสดงความคิดเห็น สนทนาโตต้ อบ พูดอธิบาย ข้ันตอนการทดลอง 2.1.3 ดา้ นสติปัญญา - เดก็ ได้รบั ความรเู้ ร่ือง แกนสมมาตร โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรใ์ นการทดลอง ศึกษาค้นควา้ 2.2 ด้านสังคม 2.2.1 เดก็ สามารถทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่นได 2.2.2 เดก็ แสดงความคดิ เห็นของตนเองและยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ่ืน 2.2.3 เด็ก ๆ ปฏบิ ัติตนตามขอ้ ตกลงได้ 2.3 ด้านอารมณ์ – จติ ใจ 2.3.1 เด็กมีความสขุ สนุกสนานและความสนใจกบั การทำการทดลองดว้ ยตนเอง 2.3.2 เดก็ มีความกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ 2.3.3 เดก็ มคี วามม่นั ใจในตนเอง 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว: 2.4.1 เดก็ ๆเคล่อื นไหวหยบิ จบั อปุ กรณใ์ นการทดลองไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว 2.4.2 เด็กสามารถเรียนรู้โดยการใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

49 รายงานผลการจัดกจิ กรรมการทดลองตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมท่ี 13 เร่อื ง เรอื สะเทินน้ำสะเทินบกและจรวด จดุ ประสงค์ 1. เพอื่ ใหเ้ ดก็ เรยี นรู้ว่าอากาศเคลอ่ื นไหวได้ 2. เพอ่ื ใหเ้ ด็กลงมือปฏบิ ัติการทดลอง “เรือสะเทนิ นำ้ สะเทินบกและจรวด” ด้วยตนเอง 3. เพอื่ ให้เดก็ ไดม้ ีความสขุ สนุกสนานกับการทดลอง ขนั้ ตอนการจัดกิจกรรม ขน้ั ที่ 1 ตัง้ คำถามท่ีอยากรู้ เด็กๆ และครูร่วมกันสนทนา เกี่ยวกับอากาศเคลื่อนไหวได้ ครูถามว่า เด็กๆ จะมีวิธีการ ใดบ้างที่จะทราบว่าอากาศเคลื่อนไหวได้ น้องน้ำขิงตอบว่า เวลาลมพัดมาทำให้ใบไม้ปลิว และต้นไม้ ไหวไปมาคะ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคดิ และคาดคะเนคำตอบ เด็กและครูร่วมสนทนากันว่า เมื่อเป่าลมจากด้านบนเข้าไปในแกนกระดาษ เด็กๆ คาดคะเน วา่ เรือสะเทนิ น้ำสะเทนิ บกจะลอยตัวขึน้ จาดกพ้นื และเคลื่อนทีไ่ ด้ ขั้นท่ี 3 ดำเนนิ การสำรวจตรวจสอบ เด็กๆ และครูร่วมกันวางแผนกำหนดขั้นตอนการทดลอง ออกแบบบันทึกผลการทดลอง จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินการทดลอง ตามแผนที่วางไว้ โดยวางพลาสติกไว้บนโต๊ะ แล้ววางแกน กระดาษให้ต้ังอยู่ตรงกลางของกน้ ถว้ ย จากนนั้ ใชป้ ากกาลากเส้นรอบแกนกระดาษ ใชม้ ีดคัตเตอร์กรีด ตามเส้นวงกลม สอดแกนกระดาษเข้าไปในรูตรงก้นภาชนะลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร ใช้ดินน้ำมัน อุดตรงช่องว่างระหว่างแกนกระดาษกับภาชนะให้มดิ ได้เรือสะเทินน้ำสะเทินบกทีพ่ ร้อมใช้งาน เด็กๆ เปา่ ลมจากดา้ นบนเข้าไปในแกนกระดาษ เดก็ ๆ และครรู ่วมกนั สงั เกตการทดลอง ข้นั ท่ี 4 การสงั เกตและบรรยาย เด็กๆ ชว่ ยกนั บอกลักษณะของการเคลื่อนที่ของเรือสะเทินนำ้ สะเทนิ บก ในการใช้เทคนิคการ เป่าทแ่ี ตกต่างกันออกไป ข้ันที่ 5 บันทกึ ผล เด็กๆ บนั ทึกผลการทดลองในแบบบนั ทึกเพอื่ นำมาเสนอให้เพื่อนฟังหนา้ ชั้นเรยี น ขน้ั ที่ 6 สรุปและอภิปราย ครู และเด็กๆช่วยกันสรุปว่า เมื่อเราเป่าลมเข้าไปในหลอดดูด เราจะรู้สึกถึงกระแสลมที่ผ่าน ออกมาทางปลายอีกด้านหนึ่ง กระแสลมนี้เกิดจากการเคลื่อนที่ของอนุภาคอากาศ การเป่าลมเข้าไป ในแกนกระดาษของเรือสะเทินน้ำสะเทินบกจะช่วยเพ่ิมความดันอากาศภายในตัวเรือ เนื่องจาก อนุภาคของอากาศออดแรงกระทำต่อพื้นเรือ ซึ่งเรียกว่าแรงกล ทำให้ตัวเรือยกขึ้น และลอยเหนือพ้ืน ได้

50 ภาพการดำเนินกิจกรรม อปุ กรณใ์ นการทดลอง เดก็ ทำกิจกรรมการทดลอง เด็กนำเสนอผลงาน

51 ผลงานทสี่ ำเร็จ ผลทเ่ี กดิ กับเด็ก ๑. ผลทเ่ี กิดขน้ึ ตามจดุ ประสงค์ 1. เดก็ ไดเ้ รยี นร้วู า่ อากาศเคลอ่ื นไหวได้ 2. เดก็ ได้ลงมือปฏิบตั ิการทดลอง เรื่องเรือสะเทนิ น้ำสะเทินบกและจรวดด้วยตนเอง 3. เด็กมีความรแู้ ละนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวิตได้ 4.เดก็ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๒. พัฒนาการความสามารถพืน้ ฐาน และพฒั นาการของเด็กปฐมวัย 2.1. ดา้ นการเรยี นร/ู้ ด้านภาษา /สตปิ ัญญา: ๒.๑.๑ ด้านการเรียนรู้ - เด็ก ๆ ไดล้ งมือการทดลองด้วยตนเองซง่ึ สามารถอธบิ ายส่ิงท่ีเดก็ ได้ เรียนรู้เกย่ี วกับกจิ กรรมการทดลอง เรื่องเรือสะเทินน้ำสะเทนิ บกเองได้ ตามลำดบั ขน้ั ตอ - เดก็ รูจ้ ักการตง้ั คำถาม การสันนษิ ฐาน การสังเกต 2.1.2 ด้านภาษา - เด็กสามารถส่ือสาร เลา่ เร่ือง แสดงความคิดเหน็ สนทนาโตต้ อบ พดู อธิบายขน้ั ตอนการทดลอง 2.1.3 ด้านสติปัญญา - เดก็ ได้รบั ความรู้เรื่องเด็กได้ลงมอื ปฏิบัติการทดลอง เร่อื งเรือสะเทินน้ำ สะเทนิ บก โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทดลอง ศึกษาค้นคว้า 2.2 ดา้ นสังคม: 2.2.4 เด็กสามารถทำงานร่วมกับผอู้ ่ืนได้ 2.2.5 เดก็ แสดงความคิดเหน็ ของตนเองและยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อ่ืน 2.2.6 เดก็ ๆปฏิบัติตนตามข้อตกลงได้ ๒.๓ ดา้ นอารมณ์ – จติ ใจ : 2.3.1 เดก็ มคี วามสขุ สนุกสนานและความสนใจกบั การทำการทดลองดว้ ยตนเอง

52 2.3.2 เดก็ มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ 2.3.3 เดก็ มคี วามมนั่ ใจในตนเอง 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว: 2.4.1 เด็กๆเคลอื่ นไหวหยบิ จบั อุปกรณ์ในการทดลองได้อยา่ งคล่องแคล่ว 2.4.2 เด็กสามารถเรียนรู้โดยการใชป้ ระสาทสัมผัสในการสังเกต การทดลองดว้ ย ตนเอง

53 รายงานผลการจดั กิจกรรมการทดลองตามโครงการบา้ นนกั วิทยาศาสตรน์ อ้ ย ประเทศไทย กจิ กรรมที่ 14 เร่อื ง การเผาไหม้ จดุ ประสงค์ 1. เพ่อื ใหเ้ ดก็ ได้เรยี นรู้ เก่ียวกับอากาศร้อนขยายตวั อากาศเยน็ หดตวั 2. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดท้ ำการทดลองปั๊มขวดและลิฟต์เทยี นไดด้ ว้ ยตนเอง 3. เพือ่ ใหเ้ ดก็ มเี จตคติที่ดตี ่อการเรยี นรู้โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ข้ันตอนการจดั กจิ กรรม ขนั้ ท่ี 1 ต้ังคำถามเกี่ยวกบั ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เดก็ และครรู ่วมกนั สนทนาเกย่ี วกบั สงิ่ ทพ่ี บในชีวิตประจำวันเกี่ยวกบั การลา้ งแกว้ ข้นั ที่ 2 รวบรวมความคดิ และขอ้ สันนษิ ฐาน ครูสนทนา และใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กตอบ มีใครเคยสังเกตหรือไมว่ ่าเมื่อล้างแก้วดว้ ยน้ำร้อน และนำไปควำ่ ไวบ้ นพน้ื โตะ๊ มีเสยี งอะไรเกิดขนึ้ นอ้ งอ๊ีฟ:มเี สยี งดงั เหมือนมีลมเข้าคะ ข้นั ที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสบื เสาะ เด็กและครูร่วมกันวางแผนการทดลองมีการกำหนดขั้นตอนการทดลองและร่วมออกแบบ บันทึกผลการทดลองจากนั้นจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์การทดลองและดำเนินการทดลองด้ว ยตนเองตาม ขั้นตอนโดยการนำวางจานไว้บนโต๊ะ จากนั้นรินน้ำเย็นลงไปเล็กน้อย วางเทียนถ้วยไว้ตรงกลางจาน จุดเทียนแล้วนำแก้วน้ำมาครอบเทียนถ้วยเด็กๆสังเกตการเปลี่ยนแปลง และเติมน้ำร้อนลงไปในขวด ปิดฝาเขย่าขวดจนทัว่ ขวดเทนำ้ รอ้ นออกแลว้ ควำ่ ปากขวดวางลงบนจานทม่ี นี ำ้ สีทนั ที เด็กๆสงั เกต ขั้นท่ี 4 การสังเกตและบรรยาย เด็กสังเกตเมื่อนำแก้วครอบลงบนเทียน เทียนจะดับ น้ำเข้าไปในแก้ว และนำขวดอุ่นตั้งไว้ บนจาน น้ำถูกดูดเข้าไปในขวดระดับน้ำในขวดจะเพิม่ ขึ้นในช่วงเวลาหน่ึง อุณหภูมิของขวดลดลงนำ้ ก็ ลดลงไป ขนั้ ที่ 5 บนั ทกึ ผล เด็กและครูร่วมกันสนทนาและเด็กๆบันทึกผลการทดลองโดยการวาดภาพกาทดลองปั๊มขวด และลิฟตเ์ ทยี น ลงในกระดาษเพอื่ นำเสนอหนา้ ชนั้ เรียนและจดั ป้ายนิเทศใหผ้ ู้ปกครองดู ขั้นท่ี 6 สรุปและอภิปราย เด็กและครูร่วมกันสนทนาจากข้อสันนิษฐานของเด็ก ๆ ว่าเมื่ออากาศเย็นลง อากาศจะ ต้องการพื้นที่น้อยลง เพราะอนุภาคของอากาศจะเคลื่อนที่ เข้ามาใกล้กันมากขึ้น จึงทำให้เกิดที่ว่าง และเกดิ การไหลของน้ำขึน้ แสดงให้เหน็ ว่าเม่ืออากาศเย็นตวั ลง อนุภาคของอากาศจะย่ิงเข้ามาชิดกัน มากขึ้น ในทางตรงกันข้าม เมื่ออากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้น อากาศซึ่งมีปริมาตรเท่าเดิมจึงต้องกรพื้นท่ี มากกว่าอากาศเยน็ น้ำในจานจะถูกแรงดันอากาศทั้งจากภายในขวดและรอบๆขวดกระทำแต่เนื่องจากแรงดัน อากาศในขวดนั้นมคี ่าน้อยกวา่ แรงดนั อากาศรอบๆขวด อากาศภายนอกจึงดนั น้ำเข้าไปในขวดได้

54 เทียนต้องการออกซิเจนช่วยให้ติดไฟเมื่อออกซิเจนภายในแก้วถูกใช้หมดไปอากาศจ าก ภายนอกไมส่ ามารถเขา้ ไปแทนทไี่ ด้ เทียนจงึ ดับเมอ่ื เทยี นดับ อากาศภายในแกว้ จะคอ่ ยๆเยน็ ลงและจะ ต้องการพื้นที่น้อยกว่าเดิม น้ำจึงถูกดันเข้าไปในแก้ว เพราะแรงดันอากาศภายนอกสูงกว่าแรงดัน อากาศภายในแกว้ ภาพการดำเนนิ กิจกรรม อุปกรณใ์ นการทดลอง เดก็ ทำกจิ กรรมการทดลอง

55 เดก็ นำเสนอผลงาน ผลงานที่สำเรจ็ \\ ผลทเี่ กิดกับเดก็ ๑. ผลทีเ่ กดิ ขน้ึ ตามจดุ ประสงค์ 1. เด็กไดเ้ รยี นรู้ เกี่ยวกับอากาศเคลื่อนทไี่ ด้และอากาศต้องการพนื้ ที่ 2. เดก็ ได้ทำการทดลองป๊มั ขวดและลิฟต์เทียนได้ด้วยตนเอง 3. เด็กมีเจตคตทิ ี่ดีตอ่ การเรียนรโู้ ดยใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๒. พฒั นาการความสามารถพน้ื ฐาน และพฒั นาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรยี นรู้/ด้านภาษา /สตปิ ญั ญา: ๒.๑.๑ ด้านการเรียนรู้ - เด็ก ๆ ได้ลงมือการทดลองด้วยตนเองซ่ึงสามารถอธบิ ายสิง่ ท่ีเด็กได้เรยี นรู้ เกี่ยวกับกิจกรรมการทดลองปั๊มขวดและลิฟต์เทียนเองได้ตามลำดับ ขนั้ ตอน - เด็กรู้จักการตง้ั คำถาม การสันนษิ ฐาน การสังเกต 2.1.2 ด้านภาษา - เด็กสามารถสื่อสาร เล่าเรื่อง แสดงความคิดเห็น สนทนาโต้ตอบ พูด อธิบายขน้ั ตอนการทดลอง 2.1.3 ดา้ นสติปัญญา

56 - เด็กได้รับความรู้เรื่อง แรงดันอากาศ โดยใช้ทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรใ์ นการทดลอง ศกึ ษาคน้ คว้า ๒.๒ ด้านสงั คม ๒.๒.๑ เด็กสามารถทำงานรว่ มกับผูอ้ นื่ ได้ ๒.๒.๒ เด็กแสดงความคดิ เห็นของตนเองและยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผ้อู น่ื ๒.๒.๓ เดก็ ๆปฏิบตั ิตนตามข้อตกลงได้ ๒.๓ ดา้ นอารมณ์ – จิตใจ 2.3.1 เดก็ มีความสขุ สนกุ สนานและความสนใจกับการทำการทดลองด้วยตนเอง 2.3.2 เด็กมคี วามกระตือรือร้นในการเรียนรู้ 2.3.3 เดก็ มีความม่ันใจในตนเอง 2.4 ดา้ นการเคล่อื นไหว 2.4.1 เด็กๆเคลอ่ื นไหวหยิบจบั อปุ กรณใ์ นการทดลองไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว 2.4.2 เด็กสามารถเรียนรู้โดยการใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

57 รายงานผลการจัดกจิ กรรมการทดลองตามโครงการบ้านนักวทิ ยาศาสตรน์ อ้ ย ประเทศไทย กิจกรรมท่ี 15 เรอื่ ง กักน้ำไวไ้ ด้ จุดประสงค์ 1. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เรยี นรูว้ ่าในอากาศมีแรงดัน 2. เพอื่ ใหเ้ ดก็ ลงมอื ปฏิบตั ิการทดลองการกักนำ้ ไวไ้ ด้ดว้ ยตนเอง 3. เพ่อื ใหเ้ ด็กได้มีความสขุ สนุกสนานกับการทดลอง ขั้นตอนการจัดกจิ กรรม ขั้นที่ 1 ตงั้ คำถามท่ีอยากรู้ เด็กๆ และครูรว่ มกนั สนทนา เก่ยี วกับอากาศมแี รงดนั ครถู ามวา่ เด็กๆ จะมวี ิธีการใดบ้างทจ่ี ะ ทราบว่าอากาศมีแรงดัน น้องฮอมสุขตอบ หนูเคยเอาแก้วน้ำใส่นำ้ แล้วคว่ำไว้ เวลายกขึ้นมาหนูต้องให้ แรงเยอะๆดึงข้นึ มา ขัน้ ท่ี 2 รวบรวมความคดิ และคาดคะเนคำตอบ เด็กและครูรว่ มสนทนากันว่า เมือ่ เทน้ำลงในแกว้ ขนาดตา่ งๆ แล้วใช้กระดาษปิดปากแก้ว แลว้ คว่ำแก้วลง เด็กๆ คาดคะเนว่ากระดาษจะเปียกน้ำ และหล่นลงสู่พื้น น้ำในแก้วจะตกลงมาพร้อมกับ กระดาษ ข้ันท่ี 3 ดำเนนิ การสำรวจตรวจสอบ เด็กๆ และครูร่วมกันวางแผนกำหนดขั้นตอนการทดลอง ออกแบบบันทึกผลการทดลอง จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินการทดลอง ตามแผนที่วางไว้ โดยใช้กระดาษรูปต่างๆ เช่น สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม แก้วที่ใช้มีขนาด สูง ใหญ่ และเล็กต่างกัน แล้วเทน้ำลงในแก้วที่เตรียมไว้ ใช้ กระดาษทเี่ ตรยี มไว้มาปดิ ปากแก้วแล้วควำ่ ลง เด็กๆ และครรู ว่ มกนั สงั เกตการทดลอง ขัน้ ที่ 4 การสังเกตและบรรยาย เด็กๆ ช่วยกันบอกลักษณะของการกักน้ำไว้ของแก้วแต่ละใบ ถ้าใช้กระดาษปิดปากแก้วไม่ สนิทเมื่อคว่ำแก้วลงจะทำให้กระดาษที่ปิดอยู่หล่นลง และน้ำจะออกจากแก้ว เด็กๆ และครูร่วมกัน สนทนาเกีย่ วกับแก้วแต่ละขนาด สามารถดูดกระดาษซง่ึ มลี กั ษณะหลายรูปแบบตดิ กบั แกว้ ได้ ขัน้ ที่ 5 บนั ทกึ ผล เด็กๆ บนั ทกึ ผลการทดลองลงในแบบบนั ทกึ เพือ่ นำมาเสนอให้เพือ่ นฟงั หน้าชน้ั เรียน ข้ันที่ 6 สรปุ และอภิปราย ครู และเด็กๆ ช่วยกันสรุปว่า แรงดันอากาศภายนอกแก้วจะออกแรงดันกับกระดาษ ที่ปิด ปากแก้วอยู่ตลอดเวลา และสามารถเอาชนะ แรงดัน อากาศภายในแก้วได้ น้ำจึง ถูกกัก อยู่ในแก้ว หากเราใชก้ ระดาษบางๆจะสังเกตเห็นได้ชดั เจนวา่ กระดาษแผน่ นน้ั โค้งเวา้ เขา้ ไปภายในแก้ว

58 ภาพการดำเนนิ กจิ กรรม อปุ กรณ์ในการทดลอง เดก็ ทำกิจกรรมการทดลอง เดก็ นำเสนอผลงาน ผลงานท่สี ำเร็จ

59 ผลทเี่ กิดกบั เดก็ ๑. ผลท่เี กดิ ขึ้นตามจดุ ประสงค์ 1. เดก็ ไดเ้ รียนรู้ว่าในอากาศมีแรงดัน 2. เด็กไดท้ ำการทดลองเรอื่ งกักน้ำไวไ้ ด้ ได้ดว้ ยตนเอง 3. เดก็ มีความร้แู ละนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชวี ติ ได้ 4.เดก็ มีเจตคตทิ ่ีดตี ่อการเรยี นร้โู ดยใชท้ ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๒. พฒั นาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเดก็ ปฐมวัย 2.1. ด้านการเรียนร/ู้ ดา้ นภาษา /สติปัญญา: 2.1.2 ด้านการเรยี นรู้ - เด็ก ๆ ได้ลงมือการทดลองด้วยตนเองซ่ึงสามารถอธบิ ายส่ิงทเี่ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้ เกีย่ วกบั กจิ กรรมการทดลอง เรอ่ื งกักนำ้ ไว้ได้เองได้ ตามลำดับขั้นตอน - เดก็ รูจ้ ักการต้ังคำถาม การสันนษิ ฐาน การสังเกต 2.1.2 ด้านภาษา - เด็กสามารถสอ่ื สาร เลา่ เร่ือง แสดงความคดิ เห็น สนทนาโตต้ อบ พดู อธิบายข้นั ตอนการทดลอง 2.1.3 ดา้ นสตปิ ัญญา - เด็กได้รับความรู้ เร่ืองกกั น้ำไว้ได้ โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการทดลอง ศึกษาคน้ ควา้ 2.2 ด้านสงั คม: ๒.๒.๑ เด็กสามารถทำงานร่วมกับผูอ้ ื่นได้ 2.2.1 เด็กแสดงความคดิ เห็นของตนเองและยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อน่ื 2.2.2 เดก็ ๆปฏิบัติตนตามข้อตกลงได้ ๒.๓ ดา้ นอารมณ์ – จติ ใจ : 2.3.1 เดก็ มคี วามสขุ สนกุ สนานและความสนใจกบั การทำการทดลองด้วยตนเอง 2.3.2 เดก็ มคี วามกระตือรือร้นในการเรียนรู้ 2.3.3 เด็กมีความม่นั ใจในตนเอง 2.4 ด้านการเคลอื่ นไหว: 2.4.1 เด็กๆเคลือ่ นไหวหยิบจับ อุปกรณ์ในการทดลองได้อย่างคล่องแคลว่ 2.4.2 เดก็ สามารถเรยี นรู้โดยการใช้ประสาทสัมผสั ในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

60 รายงานผลการจดั กจิ กรรมการทดลองตามโครงการบา้ นนักวทิ ยาศาสตร์นอ้ ย ประเทศไทย กจิ กรรมที่ 16 เรื่อง สถานเี ตมิ ลม จดุ ประสงค์ 1. เพอื่ ใหเ้ ดก็ เรียนรวู้ ่าอากาศมีตวั ตน และอากาศต้องการท่ีอยู่ 2. เพื่อให้เด็กลงมอื ปฏบิ ตั ิการทดลอง “สถานีเตมิ ลม” ด้วยตนเอง 3. เพื่อให้เด็กได้มีความสุขสนุกสนานกบั การทดลอง ขนั้ ตอนการจัดกิจกรรม ขน้ั ที่ 1 ตงั้ คำถามท่ีอยากรู้ เด็กๆ และครูร่วมกันสนทนา เกี่ยวกับเรามีชีวิตอยู่ท่ามกลางอากาศซึ่งเรามองไม่เห็น และ สัมผัสไม่ได้ แต่ที่บริเวณใต้น้ำ เราสามารถทำให้อากาศมีตัวตนได้ในรูปของฟองอากาศท่ีลอยขึ้นมา เหนอื ผวิ น้ำ นอกจากน้ีเด็กๆ ยังสามารถถ่ายเทอากาศบรเิ วณใตน้ ้ำจากภาชนะหน่ึงไปยังภาชนะอีกใบ ไดด้ ว้ ย ซ่ึงจะมีวิธกี ารอยา่ งไรนัน้ เราจะมาทำการทดลองกนั ขัน้ ท่ี 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคำตอบ เดก็ ๆ และครรู ่วมสนทนากันว่า เมือ่ เรากดแก้วเปลา่ ลงไปในน้ำในแนวตั้ง น่าจะต้องใช้แรงกด มากเป็นพิเศษ และถ้าเอียงแก้วเล็กนอ้ ย จะมีฟองอากาศผุดออกมา และลอยขึ้นมายังผิวน้ำ ทำให้นำ้ เขา้ ไปในแก้วได้ ดา้ นในของแก้วจงึ เปียก ขั้นที่ 3 ดำเนนิ การสำรวจตรวจสอบ เด็กๆ และครูร่วมกันวางแผนกำหนดขั้นตอนการทดลอง ออกแบบบันทึกผลการทดลอง จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินการทดลอง ตามแผนที่วางไว้ โดยให้เด็กๆ เติมน้ำลงไปในอ่างและใช้ หลอดดดู เปา่ อากาศลงไปในน้ำ สงั เกตการณ์ทดลอง จากนน้ั เตมิ นำ้ ใหส้ ูง และใสส่ ผี สมอาหาร นำแก้ว มา 1 ใบ คว่ำแก้ลง และค่อยๆกดแก้วลงไปในน้ำให้ตั้งฉากกับผิวน้ำ ค่อยๆดึงแก้วออกมาจากน้ำ สังเกตผิวด้านในของแก้วว่าเปียกหรือแห้ง หลังจากนั้นคว่ำแก้วลงเหมือนเดิม และกดแก้วลงไปใน แนวด่งิ จนแกว้ จมมดิ ลงไปใตน้ ้ำ จากนัน้ เอียงแก้วเลก็ นอ้ ย เด็กๆ และครูร่วมกนั สงั เกตการทดลอง ข้นั ที่ 4 การสงั เกตและบรรยาย การกดแก้วเปล่าคว่ำลงไปในน้ำในแนวตั้ง จะต้องใช้แรงกดมากเป็นพิเศษ หากไม่มี ฟองอากาศผุดออกมาภายในแก้วก็ยังจะคงแห้งเหมือนเดิม ถ้าเอียงแก้วเล็กน้อย จะมีก๊าซหรือ ฟองอากาศผดุ ออกมาและลอยข้นึ มายงั ผิวนำ้ จะทำให้น้ำเขา้ ไปในแกว้ ได้ ด้านในของแก้วจึงเปยี ก ขั้นท่ี 5 บันทึกผล เดก็ ๆ บนั ทึกผลการทดลองในแบบบันทกึ เพือ่ นำมาเสนอให้เพื่อนฟังหน้าชน้ั เรยี น ข้นั ท่ี 6 สรุปและอภิปราย ครู และเด็กๆ ช่วยกันสรุปว่า สสารทุกชนิดต้องการที่อยู่ อากาศเกิดจากอนภุ าคขนาดเลก็ ซง่ึ เราไมส่ ามารถมองเห็น และอากาศก็ต้องการที่อยเู่ ช่นเดียวกนั ดงั นัน้ แม้เราจะมองไมเ่ หน็ อากาศแต่ใน แก้วนำ้ ก็ไม่ได้วา่ งเปล่า เพราะมีอากาศอยู่เตม็ แก้ว

61 ภาพการดำเนินกิจกรรม อปุ กรณใ์ นการทดลอง เดก็ ทำกิจกรรมการทดลอง เด็กนำเสนอผลงาน

62 ผลงานท่ีสำเร็จ ผลท่ีเกิดกบั เดก็ ๑. ผลท่เี กิดขึน้ ตามจดุ ประสงค์ 1. เด็กได้เรยี นรู้ เกีย่ วกับเรอ่ื ง อากาศมีตัวตนและอากาศต้องการท่ีอยู่ โดยอากาศมี น้ำหนกั เบากวา่ น้ำ 2. เด็กไดท้ ำการทดลองกิจกรรมสถานีเติมลมไดด้ ว้ ยตนเอง 3. เด็กมีความรู้และนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวติ ได้ 4. เดก็ มเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรียนรู้โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๒. พัฒนาการความสามารถพน้ื ฐาน และพฒั นาการของเดก็ ปฐมวัย 2.1. ดา้ นการเรยี นร/ู้ ด้านภาษา /สติปญั ญา: ๒.๑.๑ ด้านการเรียนรู้ - เด็ก ๆ ได้ลงมือการทดลองด้วยตนเองซึ่งสามารถอธบิ ายสิ่งที่เด็กได้เรยี นรู้ เก่ียวกบั กิจกรรมการทดลองน้ำ ทราย น้ำมนั เองไดต้ ามลำดับขั้นตอน - เดก็ ร้จู กั การตง้ั คำถาม การสันนษิ ฐาน การสังเกต 2.1.2 ดา้ นภาษา - เด็กสามารถสื่อสาร เล่าเรื่อง แสดงความคิดเห็น สนทนาโต้ตอบ พูด อธบิ ายขัน้ ตอนการทดลอง 2.1.3 ด้านสติปญั ญา - เด็กได้รับความรู้เรื่อง สถานีเติมลม โดยใช้ทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรใ์ นการทดลอง ศึกษาคน้ ควา้ ๒.๒ ดา้ นสงั คม: ๒.๒.๑ เดก็ สามารถทำงานร่วมกับผอู้ ืน่ ได้ ๒.๒.๒ เด็กแสดงความคดิ เห็นของตนเองและยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผู้อื่น ๒.๒.๓ เด็กๆปฏบิ ัติตนตามข้อตกลงได้ ๒.๓ ดา้ นอารมณ์ – จิตใจ : 2.3.1 เดก็ มีความสุขสนกุ สนานและความสนใจกับการทำการทดลองด้วยตนเอง 2.3.2 เดก็ มีความกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ 2.3.3 เด็กมคี วามม่นั ใจในตนเอง

63 2.4 ดา้ นการเคลอ่ื นไหว: 2.4.1 เด็กๆเคลอื่ นไหวหยบิ จับ อุปกรณ์ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคลว่ 2.4.2 เด็กสามารถเรียนรู้โดยการใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

64 รายงานผลการจดั กิจกรรมการทดลองตามโครงการบา้ นนักวทิ ยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย กจิ กรรมที่ 17 เรอื่ ง น้ำมะนาวอัญชันโซดาแสนอรอ่ ย จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กเรียนรู้การใชป้ ระสาทสัมผสั การชิมรส 2. เพ่ือใหเ้ ดก็ ลงมือปฏิบัติการทดลอง “นำ้ มะนาวโซดาแสนอรอ่ ย” ดว้ ยตนเอง 3. เพื่อใหเ้ ด็กไดม้ ีความสุขสนุกสนานกับการทดลอง ขัน้ ตอนการจัดกจิ กรรม ขน้ั ท่ี 1 ตงั้ คำถามท่ีอยากรู้ เด็กๆ และครูร่วมกันสนทนา เกี่ยวกับการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ครูถามว่าเด็กๆ เคย ดื่มน้ำหวานไหมคะ น้องอี๊ฟบอกว่า เคยดื่มน้ำส้มคะ ครูต่อว่า แล้วเคยลองทำน้ำหวานเองหรือไม่คะ น้องไอแพดตอบว่า เคยทำนมสีชมพูครับ ครูจึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราจะมาทดลองทำน้ำหวาน ดื่มกนั เองดีไหมคะ เดก็ ๆตอบวา่ ดคี ะ่ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคดิ และคาดคะเนคำตอบ เด็กและครูร่วมสนทนากันว่า เมื่อนำเบกกิงโซดาผสมกับกรดมะนาวผง และน้ำหวาน เด็กๆ คาดคะเนว่า จะได้นำ้ มะนาวโซดา มีรสชาตเิ ปร้ียว ขน้ั ที่ 3 ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ เด็กๆ และครูร่วมกันวางแผนกำหนดขั้นตอนการทดลอง ออกแบบบันทึกผลการทดลอง จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินการทดลอง ตามแผนที่วางไว้ โดยเทเบกกิงโซดา กรดมะนาว และ นำ้ ตาลใส่ในแก้ว จากนั้นเตมิ น้ำลงไป สังเกตการทดลอง จากนนั้ เดก็ ๆเทเบกกิงโซดาลงในแก้วใบแรก ใบที่ 2 เทกรดมะนาว และเติมน้ำประมาณ ¼ แก้ว คนให้เข้ากัน สังเกตการณ์ทดลอง เทกรดมะนาว ผสมนำ้ ลงในแกว้ ที่มีเบกกงิ โซดาผสมน้ำ สังเกตการทดลอง จากน้ันใชห้ ลอดดดู ดูดเคร่ืองด่มื ข้ึนมาชิมดู วา่ มรี สชาติอยา่ งไร ขั้นท่ี 4 การสงั เกตและบรรยาย เด็กๆ ช่วยกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับผงมะนาวโซดาว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง และต้องใส่ ส่วนผสมในอัตราส่วนเท่าใดจึงจะทำให้ได้รสชาติดี รวมถึงการเกิดฟองฟู่ขึ้นที่ทำให้รู้ว่าก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นในเครื่องดื่มมะนาวโซดานั้นเกิดจากกรดมะนาวและเบกกิงโซดาทำ ปฏิกิริยากัน ขั้นที่ 5 บันทกึ ผล เด็กๆ บนั ทึกผลการทดลองลงในแบบบันทึก เพื่อนำมาเสนอใหเ้ พอื่ นฟงั หน้าชั้นเรียน ขน้ั ท่ี 6 สรปุ และอภิปราย เมื่อเบกกิงโซดาละลายน้ำผสมกับกรดมะนาวผงจะทำให้เกิดก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ข้ึน ถา้ ผสมสารทั้งสองชนิดน้ใี นแก้วน้ำ ใหใ้ ช้กรดมะนาว 1 ช้อน ต่อผงเบกกิงโซดาเพียงเล็กน้อย การเติม น้ำหวานทำให้มีความหวานพอดีอยู่แล้วจึงไม่ต้องเติมน้ำตาลลงไปอีก จากนั้นให้เด็กๆลองชิมรส รส หวานและเปรี้ยวนัน้ ไม่สามารถทำให้เจือจางด้วยการเติมสารอีกรสหนึ่งลงไปได้ เมื่อน้ำมะนาวโซดามี

65 รสหวานเกินไปมันจะคงสภาพความหวานไว้ ถึงแม้จะใส่กรดมะนาวเพิ่มลงไปจำนวนมากก็ตาม เชน่ เดียวกัน เมอื่ น้ำมะนาวโซดามีรสเปรยี้ วเกนิ ไป ถงึ จะใส่น้ำตาลเพ่มิ กไ็ ม่ช่วยใหร้ สเปรย้ี วหายไปได้ ภาพการดำเนนิ กิจกรรม อุปกรณใ์ นการทดลอง เด็กทำกิจกรรมการทดลอง

66 เดก็ นำเสนอผลงาน ผลงานทส่ี ำเร็จ ผลทเี่ กดิ กับเด็ก ๑. ผลท่ีเกดิ ขนึ้ ตามจุดประสงค์ 1. เด็กไดเ้ รยี นรู้ เกี่ยวกบั เร่ือง การใช้ประสาทสมั ผัสการชิมรส 2. เดก็ ได้ทำการทดลองเรอ่ื งน้ำนำ้ มะนาวโซดาแสนอร่อย 3. เด็กมคี วามรแู้ ละนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวติ ได้ 4.เด็กมีเจตคติที่ดตี อ่ การเรยี นรโู้ ดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๒. พฒั นาการความสามารถพ้นื ฐาน และพฒั นาการของเด็กปฐมวัย 2.1. ด้านการเรียนร/ู้ ด้านภาษา /สตปิ ญั ญา ๒.๑.๑ ดา้ นการเรียนรู้ - เด็ก ๆ ได้ลงมือการทดลองด้วยตนเองซึ่งสามารถอธิบายส่ิงที่เด็กได้เรยี นรู้ เกี่ยวกับกิจกรรมการทดลองเรื่องน้ำน้ำมะนาวโซดาแสนอร่อยเองได้ ตามลำดบั ขน้ั ตอน - เด็กรจู้ ักการต้ังคำถาม การสันนิษฐาน การสังเกต 2.1.2 ด้านภาษา - เด็กสามารถส่ือสาร เล่าเร่ือง แสดงความคดิ เหน็ สนทนาโต้ตอบ พดู อธบิ ายข้ันตอนการทดลอง 2.1.3 ดา้ นสติปัญญา - เด็กได้รับความรู้เรื่องการใช้ประสาทสัมผัสการชิมรส โดยใช้ทักษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทดลอง ศกึ ษาค้นคว้า

67 ๒.๒ ดา้ นสังคม ๒.๒.๑ เดก็ สามารถทำงานรว่ มกบั ผู้อื่นได้ ๒.๒.๒ เด็กแสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผ้อู ื่น 2.2.3 เด็กๆปฏบิ ตั ิตนตามข้อตกลงได้ ๒.๓ ด้านอารมณ์ – จิตใจ : 2.3.1 เดก็ มีความสุขสนุกสนานและความสนใจกับการทำการทดลองด้วยตนเอง 2.3.2 เดก็ มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรียนรู้ 2.3.3 เดก็ มีความมน่ั ใจในตนเอง 2.4 ดา้ นการเคลอ่ื นไหว: 2.4.1 เดก็ ๆเคล่ือนไหวหยบิ จับ อุปกรณ์ในการทดลองได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ 2.4.2 เดก็ สามารถเรยี นร้โู ดยการใช้ประสาทสัมผสั ในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

68 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านนักวทิ ยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 18 เรื่อง น้ำ ทราย และน้ำมนั จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กๆ รู้ว่า การจมและการลอย วัตถุที่จะสามารถลอยน้ำได้ จะต้องมีน้ำหนักน้อย กว่าหรือเท่ากับน้ำ เมื่อมีขนาดเท่ากัน ทรายหนักกว่าน้ำจึงจม น้ำมันเบากว่าน้ำจึงลอย น้ำมันกับน้ำ จะแยกชนั้ กนั เสมอ นำ้ มันจะอยู่ดา้ นบน และน้ำอยู่ด้านล่าง 2. เพ่อื ใหเ้ ดก็ ๆ ไดม้ ที ักษะท่ีเกดิ จากการจดั กิจกรรม สามารถปฏบิ ัติกจิ กรรมได้ 3. เพอื่ ใหเ้ ด็กๆ นำความรูท้ ไี่ ดไ้ ปใชใ้ นการดำรงชีวิตได้ ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรม ขัน้ ที่ 1 ตงั้ คำถามที่อยากรู้ ครู สนทนากับเด็กๆ ว่า เด็กๆ เคยเห็นน้ำมันและไขในที่ลอยอยู่ด้านบนของ น้ำซุป หรือไม่ ถา้ เราไม่อยากตักได้แค่น้ำ เราตอ้ งใชท้ ัพพีคน คนน้ำซปุ ใหท้ ัว่ ก่อน เราจะเห็นวา่ แครอท หรือเนื้อสัตว์ จะจม เด็กๆ รหู้ รอื ไม่ ทำไมไขมนั ถึงลอยน้ำได้ แลว้ ทราย ทำไมไม่ลอยนำ้ เราแยกทราย นำ้ นำ้ มัน ได้ อยา่ งไร ขน้ั ที่ 2 รวบรวมความคดิ และคาดคะเนคำตอบ ครูถามเด็กๆ ว่า ถ้าเราตักทรายลงในน้ำ เด็กๆ คิดว่าจะเป็นอย่างไร ทรายจะลอยหรือจะ จมน้ำ เด็กๆ ตอบคำถาม ครูถามเด็กๆ ว่า ถ้าเราเทน้ำมันลง ในน้ำจะเป็นอย่างอย่างไร น้ำมันจะลอย หรือว่าจะจม ทำไมถงึ เป็นเช่นนัน้ ครูและเดก็ ๆ ร่วมกัน คาดคะเน รวบรวมคำถาม ขั้นท่ี 3 ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ เมื่ออยากได้คำตอบจากการคาดเดาแล้ว ครูและเด็กร่วมกันจัดเตรียมวัสดุ ที่จะใช้ในการ ทดลอง เด็กๆ ทดลองการลอยของวัตถุ เด็กนำ ชา กาแพ แป้ง พริกไทย ทราย กรวด ล้างให้สะอาด เพือ่ ไมใ่ หน้ ้ำขุ่น เตรยี มนำ้ มันพืช ใสแ่ กว้ ไว้ดว้ ย ครใู ห้เดก็ ๆ เทนำ้ ลงในกล่องท่ีเตรียมไว้ ใส่ทราย และ วัสดุอื่น ลงในกล่อง และคนให้เข้ากัน แล้วเทน้ำมันพืชลงในกล่อง ปิดฝาให้แน่น แล้วให้เด็กๆ เขย่า แลว้ นำไปวางไวบ้ นโต๊ะ เด็กๆ สังเกตการเปลี่ยนแปลง ข้ันท่ี 4 การสังเกตและบรรยาย เด็กๆ สังเกต การเปลี่ยนแปลง และอธิบายว่า ทรายและกรวด จะตกตะกอนอย่างรวดเร็ว สว่ นน้ำมันพชื และฟองอากาศจะรวมตวั และหลงั จากนั้นนำ้ มันพืชจะแยกตวั ออกจากนำ้ อย่างเห็นได้ ชดั เจน ขั้นท่ี 5 บนั ทึกผล เดก็ ๆ บันทึกผล การลอย การจมของวสั ดุ โดยการวาดรูป แยกวัสดทุ ่ีอยู่ในน้ำและอธิบาย สาเหตกุ ารแยกของทราย นำ้ และนำ้ มัน ขน้ั ท่ี 6 สรุปและอภิปราย ครู และเดก็ ๆ ชว่ ยกนั สรปุ ว่า ทรายหนักกวา่ น้ำจงึ จมน้ำ แต่น้ำมันเบากว่าน้ำจึงลอยอยู่บนผิว น้ำได้ แต่ของเหลวทั้งสองชนิดคือ น้ำและน้ำมันไม่ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะน้ำและน้ำมันมี

69 โครงสร้างโมเลกุลแตกตา่ งกนั และไม่ชอบอยู่ร่วมกัน เมื่อเขย่าขวดที่มีน้ำและน้ำมันอยู่ น้ำมันจะแตก ตัวอยู่ในรูปทรงกลม และพยายามอยู่ด้านบน เมื่อทิ้งไว้สักครู่น้ำมันที่แตกตัวจะจับตัวกันเหมือนเดิม สสารชนิดเดยี วกันจะรวมตัวกันเสมอตามสมบัติทางเคมี และวตั ถจุ ะลอยน้ำได้ เม่อื ปริมาตรของน้ำถูก แทนท่ีเท่ากับปริมาตรของวัตถุที่จมในน้ำ ทำให้แรงลอยตัวหรือแรงพยุงของของเหลวเท่ากับน้ำหนัก ของวัตถุ ซง่ึ แรงลอยตวั ขึ้นอยู่กบั ขนาดของวตั ถุ ภาพการดำเนินกิจกรรม อปุ กรณใ์ นการทดลอง เดก็ ทำกิจกรรมการทดลอง เด็กนำเสนอผลงาน

70 ผลงานทสี่ ำเร็จ ผลท่เี กิดกบั เด็ก ๑. ผลที่เกดิ ขนึ้ ตามจุดประสงค์ 1. เด็กไดเ้ รียนรู้ เกีย่ วกับเรือ่ งการลอยการจม ของวตั ถุ วัตถุหนกั ก็จะจม วัตถุเบา กจ็ ะ ลอย 2. เด็กไดท้ ำการทดลองน้ำ ทราย น้ำมันไดด้ ้วยตนเอง 3. เด็กมีความรแู้ ละนำความรู้ไปใชใ้ นการดำรงชวี ิตได้ 4.เด็กมเี จตคตทิ ่ีดีตอ่ การเรียนรโู้ ดยใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๒. พฒั นาการความสามารถพนื้ ฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1. ด้านการเรียนร/ู้ ดา้ นภาษา /สตปิ ัญญา: ๒.๑.๑ ดา้ นการเรยี นรู้ - เด็ก ๆ ได้ลงมือการทดลองด้วยตนเองซ่ึงสามารถอธิบายสิง่ ท่ีเด็กได้เรียนรู้ เกี่ยวกบั กจิ กรรมการทดลองน้ำ ทราย นำ้ มนั เองไดต้ ามลำดับข้นั ตอน - เด็กร้จู กั การตง้ั คำถาม การสันนิษฐาน การสงั เกต 2.1.2 ด้านภาษา - เด็กสามารถส่อื สาร เลา่ เรื่อง แสดงความคิดเห็น สนทนาโต้ตอบ พดู อธบิ ายข้นั ตอนการทดลอง 2.1.3 ด้านสตปิ ญั ญา - เดก็ ได้รับความรู้เร่ือง น้ำ ทราย นำ้ มนั โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการทดลอง ศึกษาคน้ ควา้ ๒.๒ ดา้ นสังคม ๒.๒.๑ เด็กสามารถทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ ได้ ๒.๒.๒ เดก็ แสดงความคดิ เห็นของตนเองและยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผอู้ ่ืน ๒.๒.๓ เด็กๆปฏิบัติตนตามข้อตกลงได้ ๒.๓ ด้านอารมณ์ – จิตใจ 2.3.1 เดก็ มคี วามสุขสนกุ สนานและความสนใจกบั การทำการทดลองดว้ ยตนเอง 2.3.2 เดก็ มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ 2.3.3 เด็กมคี วามมน่ั ใจในตนเอง

71 2.4 ดา้ นการเคล่อื นไหว: 2.4.1 เดก็ ๆเคลอื่ นไหวหยิบจับ อปุ กรณ์ในการทดลองได้อย่างคล่องแคลว่ 2.4.2 เด็กสามารถเรยี นรู้โดยการใชป้ ระสาทสมั ผัสในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

72 รายงานผลการจดั กิจกรรมการทดลองตามโครงการบา้ นนักวทิ ยาศาสตร์นอ้ ย ประเทศไทย กจิ กรรมท่ี 19 เร่ือง อนิ ดเิ คเตอร์จากพชื จุดประสงค์ 1. เพ่อื ใหเ้ ดก็ เรยี นรูเ้ กี่ยวกบั “อินดเิ คเตอร์” 2. เพอ่ื ให้เดก็ ลงมือปฏิบัติการทดลอง “อนิ ดิเคเตอร์” ดว้ ยตนเอง 3. เพือ่ ใหเ้ ดก็ ไดม้ ีความสขุ สนุกสนานกบั การทดลอง ข้นั ตอนการจัดกจิ กรรม ขนั้ ท่ี 1 ตง้ั คำถามท่ีอยากรู้ เด็กๆ และครูรว่ มกันสนทนา เกีย่ วกับพืชทีใ่ หส้ ีต่างๆ ครถู ามเด็กๆวา่ รู้จักพืชที่ให้สีต่างๆไหม คะ น้องน้ำขิงตอบว่า รู้ค่ะ ใบเตยให้สีเขียวค่ะ ครูจึงบอกต่อ แล้วเด็กๆรู้ไหมว่าสีที่ได้จากพืชนั้น สามารถนำมาใช้ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้ น้องแฟร้งค์ถามว่า มีอะไรบ้างครับคุณครู ครูบอก ว่า เรามาลองดูด้วยกนั นะคะ ขัน้ ที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคำตอบ เดก็ ๆ และครูร่วมสนทนากันวา่ เมือ่ เรานำกะหล่ำปลสี มี ่วงมาแช่ในน้ำร้อน จะได้น้ำเป็นสีม่วง และเมอื่ ใสส่ ารตา่ งๆลงไปในน้ำกะหลำ่ ปลี นำ้ จะเป็นสีม่วงเหมือนเดิม แตจ่ ะจางลง ขน้ั ท่ี 3 ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ เด็กๆ และครูร่วมกันวางแผนกำหนดขั้นตอนการทดลอง ออกแบบบันทึกผลการทดลอง จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินการทดลอง ตามแผนที่วางไว้ โดยให้เด็กๆ หั่นกะหล่ำปลีม่วงเป็นชิ้น เล็กๆ เทน้ำเย็น และน้ำร้อน ใส่แก้ว นำกะหล่ำปลีที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว ใส่ลงไปในแก้วทั้งสอง สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง จากนั้นนำน้ำกะหล่ำปลีมาใส่ในแก้วแต่ละใบ หยดน้ำมะนาว และน้ำโซดา ลงไป สังเกตการทดลอง ขนั้ ท่ี 4 การสังเกตและบรรยาย เด็กๆ ช่วยกันสังเกตว่าเมื่อนำกะหล่ำปลีม่วงมาแช่ในน้ำร้อน สีของกะหล่ำปลีม่วงในน้ำร้อน จะเข้มกว่าที่แช่ในนำ้ เยน็ เมื่อนำน้ำกะหล่ำปลีม่วง มาทดสอบกับสารท่ีมีรสเปรีย้ ว น้ำจะเปลี่ยนเปน็ สี แดง น้ำมะนาวมีความเป็นกรดสูง น้ำกะหล่ำปลีม่วงจึงเปลี่ยนเปน็ สีแดงเข้ม ส่วนน้ำโซดามีความเป็น กรดเล็กน้อยนำ้ กะหลำ่ ปลีม่วงจึงเปลี่ยนสีเลก็ น้อย เมือ่ เป่าลมลงในแก้วนำ้ ที่มีนำ้ กะหล่ำปลีม่วง น้ำจะ เปลี่ยนเป็นสมี ว่ งแดงเล็กน้อย และถ้าเปา่ หลายๆครง้ั นำ้ จะเปลยี่ นสมี ากขึน้ ขน้ั ที่ 5 บนั ทึกผล เดก็ ๆ บนั ทกึ ผลการทดลองในแบบบนั ทึก เพ่ือนำมาเสนอให้เพือ่ นฟงั หนา้ ชนั้ เรียน ขน้ั ที่ 6 สรุปและอภปิ ราย ครู และเด็กๆ ช่วยกันสรุปว่า กะหล่ำปลีม่วงมีใบสีแดงทับทิมจนถึงม่วงเข้มซึ่งเกิดจากสารสี ตามธรรมชาติ สารมีนค้ี อื แอนโทไซยานนิ ซ่ึงเมือ่ นำพชื เหล่าน้ีมาละลายน้ำ จะได้สารสีแดงม่วงหรือสี น้ำเงินเข้ม สารสีนี้จะตอบสนองต่อกรด โดยเมื่อสัมผัสกับกรดจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ถ้าน้ำกะหล่ำปลี

73 ม่วงเปลย่ี นเป็นสีแดงเขม้ แสดงวา่ สารที่นำมาทดสอบมีคา่ ความเป็นกรดสูง เชน่ น้ำมะนาว ซ่งึ จะทำให้ น้ำเปล่ยี นเปน็ สแี ดงเข้ม ภาพการดำเนินกจิ กรรม อุปกรณ์ในการทดลอง เดก็ ทำกจิ กรรมการทดลอง เดก็ นำเสนอผลงาน

74 ผลงานทส่ี ำเรจ็ ผลท่เี กดิ กับเด็ก ๑. ผลทีเ่ กดิ ขึน้ ตามจุดประสงค์ 1. เด็กไดเ้ รยี นรู้ เกีย่ วกับอินดิเคเตอร์ คือสารทเ่ี ปลย่ี นสีได้เมอ่ื สัมผสั สารอนื่ ท่เี ปน็ กรด หรอื เบส 2. เด็กได้ทำการทดลองอินดิเคเตอรจ์ ากพชื ได้ด้วยตนเอง 3. เด็กมเี จตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรู้โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๒. พัฒนาการความสามารถพืน้ ฐาน และพัฒนาการของเดก็ ปฐมวัย 2.1. ด้านการเรียนร/ู้ ดา้ นภาษา /สติปญั ญา: ๒.๑.๑ ด้านการเรียนรู้ - เดก็ ๆ ได้ลงมือการทดลองด้วยตนเองซึง่ สามารถอธิบายส่ิงทเ่ี ด็กไดเ้ รียนรู้ เก่ียวกับกิจกรรมการทดลองปั๊มขวดและลิฟต์เทยี นเองได้ตามลำดบั ขั้นตอน - เดก็ รู้จกั การตัง้ คำถาม การสันนิษฐาน การสังเกต 2.1.2 ด้านภาษา - เด็กสามารถสอ่ื สาร เล่าเร่ือง แสดงความคดิ เห็น สนทนาโต้ตอบ พดู อธบิ ายขนั้ ตอนการทดลอง 2.1.3 ด้านสติปญั ญา - เดก็ ไดร้ บั ความรเู้ ร่ือง แรงดันอากาศ โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ในการทดลอง ศึกษาค้นควา้

75 ๒.๒ ดา้ นสังคม: ๒.๒.๑ เดก็ สามารถทำงานรว่ มกบั ผ้อู ่นื ได้ ๒.๒.๒ เด็กแสดงความคิดเหน็ ของตนเองและยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น ๒.๒.๓ เดก็ ๆปฏบิ ตั ิตนตามขอ้ ตกลงได้ ๒.๓ ดา้ นอารมณ์ – จิตใจ : 2.3.1 เด็กมคี วามสุขสนุกสนานและความสนใจกับการทำการทดลองด้วยตนเอง 2.3.2 เด็กมีความกระตือรอื ร้นในการเรียนรู้ 2.3.3 เด็กมีความม่นั ใจในตนเอง 2.4 ดา้ นการเคลื่อนไหว: 2.4.1 เดก็ ๆเคล่ือนไหวหยิบจับ อุปกรณ์ในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว 2.4.2 เด็กสามารถเรียนรู้โดยการใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

76 รายงานผลการจดั กจิ กรรมการทดลองตามโครงการบา้ นนักวทิ ยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 20 เรื่อง แสงเลีย้ วเบน จุดประสงค์ 1. เพอ่ื ให้เด็กเรียนรู้เกีย่ วกับการหักเหของแสง การเดินทางของแสงผ่านตัวกลางต่างชนดิ 2. เพ่อื ใหเ้ ดก็ ไดท้ ำการทดลองกจิ กรรมแสงเล้ียวเบนไดด้ ้วยตนเอง 3. เพอื่ ใหเ้ ดก็ มีเจตคติทีด่ ีต่อการเรยี นรูโ้ ดยใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ข้นั ตอนการจัดกิจกรรม ข้นั ท่ี 1 ตงั้ คำถามเกี่ยวกับปรากฏการณธ์ รรมชาติ เด็ก และครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่พบในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับการมองดูปลาอยู่ในนำ้ ลึกน้ำตน้ื การเลน่ นำ้ ในสระน้ำ แล้วครูจึงใหเ้ ดก็ คดิ คำถามทีเ่ ด็กอยากรู้ ทำไมเรามองปลาในน้ำลึกๆไม่ เหน็ คะ อยากทำการทดลองเกยี่ วกบั การมองดสู ิง่ ต่างๆผ่านน้ำ ขัน้ ที่ 2 รวบรวมความคดิ และข้อสันนิษฐาน ครูสนทนากับเด็ก ๆ ว่าการมองดูสิ่งต่างๆเป็นสิ่งที่เราทำตลอดในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อเรา เล่นน้ำในสระน้ำ หรือ เล่นจับปลา ดำน้ำหาสิ่งของในสระน้ำ ครูถามเด็ก ๆ ว่าหากเราลองนั่งมอง เหรียญที่มีแก้วน้ำทับไว้จากด้านข้างจะเกิดอะไรขึ้นค่ะ เด็ก ๆ ช่วยกันสันนิษฐาน เราจะมองเห็น เหรียญเป็นปกติค่ะ ครูจึงบันทึกลงในกระดาษชาร์ท หากเราเทน้ำลงไปในแก้วจะเกดิ อะไรขึ้นค่ะ เด็ก ๆ ชว่ ยกนั สันนษิ ฐาน เราจะมองเห็นเหรียญได้ไมช่ ดั คะ่ ครูจึงบันทึกลงในกระดาษชารท์ ขนั้ ที่ 3 ทดสอบและปฏบิ ัตกิ ารสืบเสาะ เด็กและครูร่วมกันวางแผนการทดลองมีการกำหนดขั้นตอนการทดลองและร่วมออกแบบ บันทึกผลการทดลองจากนั้นจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์การทดลองและดำเนินการทดลองด้วยตนเองตาม ขั้นตอนโดยการนำแก้วน้ำวางทับเหรียญแล้วค่อยๆเทน้ำลงในแก้วพร้อมช่วยกันสังเกตการ เปลี่ยนแปลงจากมุมมองของตนเอง นำแก้วน้ำ2ใบ มาวางข้างกัน แก้วใบที่1 ไม่เติมน้ำ แก้วใบที่2 เติมนำ้ เปล่าลงไปคร่งึ แก้ว จากนนั้ ใส่หลอดดูดลงไป สังเกตผลท่เี กิดข้ึน ใสห่ ลอดดูดในแก้วทรงเหล่ียม ให้เด็กสังเกตโดยการมองจากด้านบน ด้านข้างและมุมเฉียง เห็นอะไรบ้าง ให้เด็กหยิบหลอดดูดออก จากแก้ว เติมน้ำมันพืชเติมลงไปครึ่งแกว้ แล้วใส่หลอดดดู ลงไปในแก้ว สังเกตหลอดดูดยังมรี อยหักงอ อยหู่ รือไม่ และแตกต่างกนั อย่างไร จากน้นั เทนำ้ ลงไปในแก้วที่มีน้ำมันพืช ตง้ั ทง้ิ ไวจ้ นของเหลวแยกช้ัน จากนั้นใส่หลอดดูดลงไปในแก้ว สังเกตของเหลวชนิดใดลอยอยู่ข้างบน และหลอดดูดมีลักษณะ อยา่ งไร ซึ่งเปน็ การทดลองโดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ข้ันท่ี 4 การสงั เกตและบรรยาย ครูใหเ้ ดก็ สังเกตและช่วยกันบรรยายผลที่เกดิ ขึ้นจากการทดลองโดยใชท้ ักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ซึ่งสิ่งที่เด็กสังเกตเห็นคือ เมื่อเทน้ำลงไปในแก้ว จะเห็นเหรียญได้ไม่เหมือนกัน ในมุม ดา้ นขา้ งเหรียญจะหายไป และหลอดดดู มลี ักษณะหักงอ โดยรอยหักงอจะมากน้อยแตกตา่ งกนั

77 ขน้ั ที่ 5 บนั ทึกผล เด็กและครูร่วมกันสนทนาและเด็กๆบันทึกผลการทดลองโดยการวาดภาพการทดลอง เรื่อง แสงเล้ยี วเบน เพอื่ นำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี นและจัดป้ายนเิ ทศใหผ้ ปู้ กครองดู ขั้นท่ี 6 สรุปและอภิปราย เด็กและครูร่วมกันสนทนาจากข้อสันนิษฐานของเด็ก ๆ ว่าเรามองสิ่งของในน้ำลึก น้ำตื้นได้ ต่างกัน น้ำจะทำให้เรามองเห็นสิ่งของในน้ำได้ไม่เหมือนเดิม ผลการทดลองและข้อสันนิษฐานของ นักเรียนตรงกัน ซึ่งได้สรุปว่า “แสงเปลี่ยนแนวทางการเคลื่อนที่เมื่อเคลื่อนผ่านตัวกลางต่างชนิดกัน เรยี กวา่ การหักเหของแสง ” ภาพการดำเนินกจิ กรรม อปุ กรณ์ในการทดลอง เดก็ ทำกจิ กรรมการทดลอง เด็กนำเสนอผลงาน

78 ผลงานท่ีสำเร็จ ผลท่ีเกดิ กบั เดก็ 1. ผลท่เี กิดข้นึ ตามจดุ ประสงค์ 1. เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหกั เหของแสง การเดินทางของแสงผ่านตัวกลางต่างชนดิ กัน ทำให้เราสามารถมองเหน็ หลอดมกี ารหักงอในแกว้ นำ้ 2. เด็กไดป้ ฏบิ ัตกิ ารทดลองกิจกรรมแสงเลีย้ วเบนได้ด้วยตนเอง 3. เดก็ มีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรโู้ ดยใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1. ดา้ นการเรียนร/ู้ ดา้ นภาษา /สตปิ ญั ญา: 2.1.1 ด้านการเรยี นรู้ - เด็ก ๆ ไดล้ งมือการทดลองด้วยตนเองซ่งึ สามารถอธิบายส่ิงท่ีเด็กได้ เรียนรเู้ กีย่ วกับกิจกรรมการทดลองแสงเลยี้ วเบนได้ได้ตามลำดบั ข้นั ตอน - เดก็ รจู้ ักการตั้งคำถาม การสันนษิ ฐาน การสงั เกต 2.1.2 ด้านภาษา - เดก็ สามารถสื่อสาร เลา่ เรื่อง แสดงความคิดเห็น สนทนาโต้ตอบ พดู อธิบายข้นั ตอนการทดลอง 2.1.3 ด้านสติปญั ญา - เด็กได้รบั ความรู้เรื่อง การหักเหของแสง โดยใช้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการทดลอง ศึกษาคน้ คว้า 2.2 ดา้ นสังคม 2.1.1 เด็กสามารถทำงานรว่ มกับผู้อ่ืนได้ 2.1.2 เดก็ แสดงความคิดเหน็ ของตนเองและยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อืน่ 2.1.3 เด็กๆปฏบิ ัตติ นตามข้อตกลงได้ 2.3 ดา้ นอารมณ์ – จิตใจ 2.3.1 เดก็ มคี วามสขุ สนุกสนานและความสนใจกบั การทำการทดลองด้วยตนเอง 2.3.2 เด็กมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ 2.3.3 เดก็ มคี วามมั่นใจในตนเอง

79 2.4 ดา้ นการเคล่ือนไหว: 2.4.1 เด็กๆเคล่อื นไหวหยิบจับ อุปกรณ์ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคลว่ 2.4.2 เด็กสามารถเรยี นรูโ้ ดยการใช้ประสาทสัมผสั ในการสังเกต การทดลองด้วย ตนเอง

80 ภาคผนวก

81

82

83