Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สังคมศึกษา ม.ต้น

สังคมศึกษา ม.ต้น

Published by aundaaphichai, 2019-03-05 03:14:00

Description: จัดทำโดย
นายอภิชัย ปานศรี
ศูนย์การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยอำเภอไชโย
จังหวัดอ่างทอง

Search

Read the Text Version

วชิ าสังคมศกึ ษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ สาระท่ี 2 หน้าท่พี ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ติ ในสงั คม

วฒั นธรรม ตามความหมายในพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 คอื ส่ิงทท่ี าความเจริญงอก งามแก่หมู่คณะ เช่น วฒั นธรรมไทย วฒั นธรรมในการแต่งกาย, วถิ ชี ีวติ ของหมู่คณะ เช่น วฒั นธรรมพนื้ ฐาน วฒั นธรรมชาวเขา พระราชบญั ญตั วิ ฒั นธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2553 ได้ให้ความหมายไว้ว่า “วถิ ีการดาเนินชีวติ ความเชื่อ ค่านิยม จารีตประเพณี พธิ ีกรรม และภูมปิ ัญญา ซึ่งกลุ่มชนและสังคมได้ร่วมสร้างสรรค์ ส่ังสม ปลูกฝัง สืบทอด ความรู้เพอื่ ให้เกดิ ความเจริญงอกงามท้งั ด้านจติ ใจและวตั ถุ...”

พระยาอมุ านราชธน (ตรี นาคะประทปี ) ได้ให้ ความหมายของคาว่า “วฒั นธรรม” ว่า วฒั นธรรม คอื วถิ หี รือ การดาเนินแห่งชีวติ ของชุมชนหมู่หนึ่งซ่ึงอยู่ร่วมกนั ในทหี่ นึ่ง หรือประเทศหน่ึงโดยเฉพาะ

ในแต่ละสังคมต่างกม็ เี อกลกั ษณ์ทแี่ ตกต่างกนั ไป ตาม ความแตกต่างกนั ทางด้านภูมศิ าสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และ ส่ิงแวดล้อม รวมท้งั ภูมหิ ลงั ทางประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรมไทย เกดิ จากวถิ ีการดาเนินชีวติ ของคนไทยใน อดตี ทม่ี กี ารเรียนรู้ มกี ารปรับใช้ให้เข้ากบั ความเป็ นไปในสังคม ตนเอง มกี ารถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนรุ่นหน่ึงจนถึง ปัจจุบนั เช่น มารยาทไทย อาหารไทย ประเพณไี ทย ภาษาไทย

ความสาคญั ของวฒั นธรรมไทย 1. พฒั นาการจากสังคมไทยในอดตี จนถงึ ปัจจุบนั นับตง่ั แต่สมัยสุโขทยั ได้ ส่ังสมความเจริญของชาติ และผสมผสาน กบั ชนชาตอิ นื่ ๆ จนทาให้สังคม และ เศรษฐกจิ ของสังคมไทยเจริญรุ่งเรืองมาถงึ ปัจจุบันนี้ 2. เป็ นมรดกของชาติไทย นับต้งั แต่อาณาจักรไทยเป็ นปึ กแผ่น กไ็ ด้ สร้างสรรค์ความเจริญทางด้านต่าง ๆ จนเป็ นเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม ไทย เช่น ภาษาไทย ศิลปกรรมไทย

3. สร้างความเป็ นอนั หนึ่งอนั เดยี วกนั ของสังคมไทย ทา ให้เกดิ ความภาคภูมใิ จของคนในชาติ ได้มกี ารเรียนรู้ จนทาให้ เกดิ ความดงี าม จนกลายเป็ นวถิ ีไทย เช่น มติ รภาพจากรอยยมิ้ การช่วยเหลอื เกอื้ กลู กนั การให้อภยั เป็ นต้น

การรับวฒั นธรรมจากชาตอิ น่ื เช่น วฒั นธรรมอนิ เดีย ท้งั ด้านความเชื่อทางศาสนา รูปแบบการปกครอง ภาษาและ วฒั นธรรม วฒั นธรรมจีน เช่น งานจิตกรรม อาหาร การค้าขาย วฒั นธรรมตะวนั ตก เช่น ระบอบการปกครองประชาธิปไตย วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เศรษฐกจิ แบบทุนนิยม เป็ นต้น ซึ่ง ท้งั หมดนีไ้ ด้นามาผสมผสานกบั วฒั นธรรมไทยได้อย่างลงตวั จนกลายเป็ นวถิ ชี ีวติ

เอกลกั ษณ์ความเป็ นไทย ภาษาไทย เป็ นเครื่องมือในการส่ือสารความคดิ ถ่ายทอด ออกมาเป็ นคาพูด ต่อมาได้มีการคดิ ประดษิ ฐ์ตวั อกั ษรขนึ้ มา เพอ่ื บันทกึ ให้เกดิ เป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร (พ่อขุนรามคาแหง ทรงประดษิ ฐ์ คดิ ค้นตวั อกั ษรไทยขนึ้ พ.ศ.1826) เกดิ หนังสือเรียนเล่มแรกของไทย คอื “จินดามณ”ี ในสมยั อยุธยา ภาษาไทยได้พฒั นาจนมรี ูปแบบ การ วางตวั อกั ษร ตาแหน่งของสระ และการใช้วรรณยกุ ต์ เร่ือยมาจนเป็ น ระบบแบบแผนในสมัยจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม

คาในภาษาไทยมคี วามสัมพนั ธ์กบั ค่านิยมความเชื่อ และ วถิ ชี ีวติ ของคนไทย มกี ารนาภาษาอน่ื ๆ มาใช้ เช่น ภาษาบาลี สันสกฤต ซึ่งเป็ นภาษาทเี่ กย่ี วข้องกบั ศาสนาพทุ ธ และมกี ารใช้ คายมื คาทบั ศัพท์ภาษาจีน องั กฤษของมารวมอยู่ด้วย การต้งั ถน่ิ ฐานของคนไทยในแต่ละท้องถิ่น ทาให้เกดิ ภาษาถ่ินในภาคต่าง ๆ เช่น ภาษาถ่ินในภาคใต้ ภาคเหนือ ภาค อสี าน

เจดยี ์ทรงพ่มุ ข้าวบิณฑ์ สมัยสุโขทยั

เจดยี ์ ทรงบาตรควา่ ได้รับอทิ ธิพลจากศิลปะอนิ เดีย พระปรางค์ ได้รับอทิ ธิพลจากศิลปะเขมร

พระท่นี ั่งจกั รีมหาปราสาท ได้รับอทิ ธิพลจากศิลปะยุโรป แบบตะวนั ตกผสมแบบไทย

สถาปัตยกรรมไทย เป็ นวฒั นธรรมทแี่ สดงออกทางวตั ถุ เกดิ จากความเชื่อความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา และความ จงรักภกั ดตี ่อสถาบันพระมหากษตั ริย์ ซ่ึงเป็ นผลงาน ศิลปวฒั นธรรม ทม่ี คี วามงดงาม ประณตี รูปแบบของ สถาปัตยกรรมได้รับอทิ ธิพลจากอนิ เดยี ลงั กา และเขมร และ ได้รับการพฒั นาจนกลายเป็ นพทุ ธศิลป์ แบบไทย เช่น เจดยี ์พ่มุ ข้าวบิณฑ์ เจดยี ์ทรงระฆงั ควา่ ทรงบาตรควา่ เป็ นต้น

วดั ในสมยั รัชกาลที่ 3 ได้สร้างรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทย ผสมกบั ศิลปะจนี ทม่ี งี ามงดงาม ตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3

สถาปัตยกรรมไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับเอาศิลปะยโุ รป เข้ามาใช้ในการก่อสร้าง เช่น พระทน่ี ่ังจักรีมหาปราสาท ไทยได้เลอื กรับเอาวฒั นธรรมจากต่างชาตมิ าปรับใช้ ตาม คตคิ วามเชื่อของตนเอง ให้เหมาะกบั วถิ ีการดาเนินชีวติ ของคน ไทย สาหรับในท้องถิ่นต่าง ๆ ส่วนใหญ่เกดิ ขนึ้ จากความเช่ือความ ศรัทธาในศาสนา ถอื เป็ นรากฐานทางวฒั นธรรมของชาติ

วฒั นธรรมท้องถิน่ ส่วนใหญ่มรี ากฐานมาจากศาสนา และการประกอบ อาชีพตามสภาพแวดล้อมทางภูมศิ าสตร์ ประเพณแี ห่งนางแมวขอฝน พธิ ีบุญข้าวจ่ี







ชาวไทยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร จาเป็ นต้อง อาศัยธรรมชาติ จนมปี ระเพณีต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องกบั สภาพ ภูมอิ ากาศ เช่น พธิ ีกรรมการขอฝน ประเพณแี ห่นางแมว ประเพณบี ุญบ้ังไฟ เพอ่ื ขอฝน เป็ นต้น

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2544 ได้ให้ ความหมายของภูมปิ ัญญาไว้ว่า “พนื้ ความรู้ความสามารถ”

ภูมปิ ัญญาเป็ นความรู้ ความคดิ ความเชื่อ ความสามารถ ทม่ี าจากการใช้สตปิ ัญญา ผ่านทางการลองผดิ ลองถูก จนทาให้เกดิ ประสบการณ์ทมี่ กี ระบวนการในการถ่ายทอด เพอื่ ใช้แก้ปัญหาใน ชีวติ ประจาวนั และพฒั นาวถิ ีการทาดาเนินชีวติ ให้ใช้ชีวติ อยู่กบั ธรรมชาตริ อบ ๆ ตวั ได้อย่างเป็ นสุข

ขอบข่ายภูมปิ ัญญาไทยตามทสี่ านักงานคณะกรรมการ วฒั นธรรมแห่งชาติ กระทรวงวฒั นธรรมกาหนด ได้แก่ 1. ภูมปิ ัญญาด้านเกษตรกรรม 2. ภูมปิ ัญญาด้านสิ่งแวดล้อม 3. ภูมปิ ัญญาด้านการจดั การ สวสั ดกิ ารและธุรกจิ ชุมชน 4. ภูมปิ ัญญาด้านการรักษาโรค และการป้ องกนั 5. ภูมปิ ัญญาด้านการผลติ และการบริโภค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook