Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือสารบบเรื่องร้องเรียน ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน

คู่มือสารบบเรื่องร้องเรียน ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน

Published by contact, 2020-09-16 23:17:49

Description: การร้องเรียนถือเป็นเสียงสะท้อนให้หน่วยงานของรัฐทราบว่าการบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากน้อยเพียงใด คณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเรื่องและติดตามเรื่องร้อง ในคณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน วุฒิสภา ได้ตระหนักและให้ความสาคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสีย จึงได้จัดทารายงานผลการดาเนินการในประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน วุฒิสภา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับผลการดาเนินการเกี่ยวกับประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนที่ได้รับจากการลงพื้นที่ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน วุฒิสภา รวมทั้งเนื้อหาเกี่ยวกับการเข้าชมสารบบเรื่องร้องเรียนตามโครงการสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งประกอบด้วย ขั้นตอนกระบวนการ หลักเกณฑ์ แนวปฏิบัติ และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองข้อร้องเรียน เพื่อให้ประชาชนที่สนใจและผู้ปฏิบัติงานใช้อ้างอิงและถือปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน และเพื่อประโยชน์ในการจัดการหรือตอบสนองตามข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสียอย่างเหมาะสมและทันท่วงที

Search

Read the Text Version

รายนามคณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเรื่องและติดตามเรื่องรอ้ งเรียน พลเอก โปฎก บุนนาค ประธานอนุกรรมการ พลโท จเรศักณ์ิ อานุภาพ ศาสตราจารย์พเิ ศษกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ รองประธานอนุกรรมการ คนท่ีหนึ่ง รองประธานอนุกรรมการ คนทส่ี อง นายถวิล เปลี่ยนศรี นายธานี สโุ ชดายน พลเอก วสนั ต์ สุริยมงคล รองประธานอนกุ รรมการ คนท่สี าม รองประธานอนกุ รรมการ คนท่สี ี่ รองประธานอนกุ รรมการ คนทีห่ ้า นายสมชาย ชาญณรงคก์ ุล นางสวุ รรณี สิรเิ วชชะพนั ธ์ รองศาสตราจารย์ทวีศักดิ์ สทู กวาทิน อนกุ รรมการ อนกุ รรมการ อนุกรรมการ

๒ นางสาวปรียาภรณ์ ดวงพิกุล นายอนิ ทัช ยุวชิต นางสาวรัชนก เกสรทอง อนุกรรมการ อนุกรรมการ ผู้บงั คับบัญชากลุ่มงานเรื่องราวรอ้ งทกุ ข์ อนุกรรมการ นายบรรหาร กาลา นางกษมา เอีย่ มสกลุ นายยทุ ธนากรณ์ ผมหอม อนกุ รรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ผู้บงั คับบญั ชากลุ่มงานรองประธานวฒุ ิสภา คนทีห่ นึง่ อนกุ รรมการและเลขานุการ อนกุ รรมการ นางสาวภาวนา คารศ นายกาญจนส์ ุชล หลงวงศ์ นายณฐั วุฒิ เพชรดาดี อนุกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นายปิยชน ธรรมชาติ อนกุ รรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ

(ก) คำนำ การร้องเรียนถือเป็นเสียงสะท้อนให้หน่วยงานของรัฐทราบว่าการบริหารราชการ แผ่นดินมีประสิทธิภาพและมปี ระสทิ ธผิ ลมากน้อยเพยี งใด คณะอนุกรรมการดา้ นรวบรวม แยกเรอื่ งและ ติดตามเร่ืองร้อง ในคณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน วุฒิสภา ได้ตระหนักและให้ความสาคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสีย จึงได้จัดทารายงานผลการดาเนินการ ในประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน วุฒิสภา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับผลการดาเนินการเกี่ยวกับประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนท่ีได้รับ จากการลงพื้นท่ีตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน วุฒิสภา รวมท้ังเน้ือหาเก่ียวกับการเข้าชม สารบบเร่ืองร้องเรียนตามโครงการสมาชิกวุฒิสภา ซ่ึงประกอบด้วย ข้ันตอนกระบวนการ หลักเกณฑ์ แนวปฏิบัติ และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองข้อร้องเรียน เพ่ือให้ประชาชนท่ีสนใจ และผู้ปฏิบัติงานใช้อ้างอิงและถือปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน และเพ่ือประโยชน์ในการจัดการหรือ ตอบสนองตามข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อความต้องการ ของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสยี อย่างเหมาะสมและทนั ท่วงที ในการนี้ คณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเรื่องและติดตามเร่ืองร้อง ในคณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน วฒุ สิ ภา หวงั เปน็ อย่างย่งิ ว่า รายงาน ผลการดาเนินการในประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนตาม โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบ ประชาชน วุฒิสภา เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรของสานักงานเลขาธิการ วุฒิสภา ผู้ปฏิบัติงานและผู้เก่ียวข้องกับเร่ืองร้องเรียน ตลอดจนผู้รับบริการหรือผู้มีส่วนได้เสีย หากมี ข้อผิดพลาดหรือข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทาพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อดาเนินการแกไ้ ขปรับปรุง ในโอกาสตอ่ ไป คณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเรอื่ งและตดิ ตามเร่ืองรอ้ งเรยี น ในคณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน วุฒิสภา

(ข) สารบญั หนา้ คานา.................................................................................................................................... ก สารบญั ................................................................................................................................ ข บทที่ 1 บทนา ..................................................................................................................... ๑ 1.1 หลกั การและเหตุผล........................................................................................ ๑ 1.2 วัตถุประสงค์................................................................................................... ๒ 1.3 ขอบเขต ......................................................................................................... ๒ 1.๔ ประโยชนท์ ี่ได้รับ............................................................................................. ๓ บทที่ 2 หลกั ความคิดเกี่ยวกับการดาเนนิ การตามขอ้ รอ้ งเรียน ......................................... ๔ ๒.๑ หลัก Good Governance ๒.๒ หลักธรรมาภิบาล บทที่ ๓ สารบบเรอ่ื งร้องเรยี น ................. ....... ๖ ๓.๑ ความหมาย “สารบบเรื่องร้องเรยี น” ...................................................... ....... ๖ ๓.๒ การเข้าดูสารบบเรื่องร้องเรียน ........................................................................ ๖ บทที่ ๔ ข้ันตอนการดาเนนิ งานตามเรอื่ งร้องเรียน............................................................. ๑๐ ๔.๑ ขน้ั ตอนการดาเนินงานของกลุ่มจงั หวัด .......................................................... ๑๐ ๔.๒ ขัน้ ตอนการดาเนินงานของคณะอนกุ รรมการด้านรวบรวม แยกเร่ืองและติดตามเรอ่ื งร้องเรียน......................................................................... ๑๓ บทที่ ๕ ผลการดาเนนิ การตามเรือ่ งร้องเรียนและขอ้ เสนอแนะของประชาชน ................. ๑๖ ๕.๑ พ้ืนท่กี ลุ่มจงั หวัดภาคเหนอื (ตอนบน) ............................................................ ๑๘ ๕.๒ พื้นทีก่ ลมุ่ จังหวัดภาคเหนอื (ตอนล่าง) ........................................................... ๒๒ ๕.๓ พื้นท่กี ลมุ่ จงั หวดั ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื (ตอนบน) .................................... ๒๔ ๕.๔ พ้ืนทีก่ ลมุ่ จังหวัดภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (ตอนลา่ ง) ................................... ๒๖ ๕.๕ พ้นื ท่ีกลุ่มจงั หวัดภาคกลาง.............................................................................. ๒๘ ๕.๖ พ้นื ที่กลมุ่ จังหวัดภาคตะวันออก...................................................................... ๓๒ ๕.๗ พน้ื ท่กี ลมุ่ จงั หวดั ภาคใต้................................................................................... ๓๕

(ข) ภาคผนวก............................................................................................................................ ๓๗ - แบบฟอรม์ ข้อมูล กรณเี รื่องรอ้ งเรียนเกย่ี วกบั ปญั หาที่ดนิ - มติคณะรัฐมนตรี (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) - พระราชบัญญตั คิ ณะกรรมการท่ดี นิ แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พระราชบัญญัติปา่ ชมุ ชน พ.ศ. ๒๕๖๒ - พระราชบัญญัตปิ า่ ไม้ พทุ ธศักราช ๒๔๘๔ - พระราชบัญญัติปา่ สงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ - พระราชบญั ญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสัตว์ปา่ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พระราชบญั ญตั ิอทุ ยานแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒

บทที่ ๑ บทนำ ๑. หลกั กำรและเหตุผล รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มีเจตนารมณ์ท่ีสาคัญต่อการ ปฏิบัติหน้าท่ีของสมาชิกวุฒิสภาไว้หลายประการ ซ่ึงเจตนารมณ์ท่ีสาคัญประการหนึ่ง ตามมาตรา ๖๕ ที่บัญญัติให้มียุทธศาสตร์ชาติเพ่ือเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยสร้างกลไกไว้ใน หมวด ๑๖ ได้แก่ การปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย และด้านกระบวนการ ยุติธรรม ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สาคัญท่ีส่งผลต่อการดาเนินการเพื่อให้บรรลุตามเจตนารมณ์ดังกล่าว นอกจากนั้น ยังได้สร้างกลไกใหม่ที่มีผลโดยตรงต่อกระบวนการตรากฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย เนื้อหา รวมทั้งการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ดังจะเห็นได้จากการท่ีมาตรา ๒๖ บัญญัติให้ กฎหมายท่ีมีผลเป็นการจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องระบุเหตุผลความจาเป็นไว้ด้วย และการ ท่ีมาตรา ๗๗ วรรคหนึ่ง บัญญัติให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จาเป็นและยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมด ความจา เป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือท่ีเป็นอุปสรรคต่อการดา รงชีวิต หรือการประกอบ อาชีพโดยไม่ชักช้า เพ่ือไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน มาตรา ๗๗ วรรคสอง ที่บัญญัติให้ต้องมีการรับฟัง ความคิดเห็นของผู้เกย่ี วข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดข้ึนอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งต้อง เปิดเผยให้ประชาชนทราบและนามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน และเมื่อกฎหมายมผี ลใช้บังคับแล้ว ต้องจดั ใหม้ ีการประเมินผลสมั ฤทธ์ิของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาท่ี กาหนด กลไกและกระบวนการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลโดยตรงต่อการปฏิบัติหน้าท่ีของ สมาชิกวุฒิสภาในฐานะท่ีเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยตามมาตรา ๑๑๔ ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และร่างพระราชบัญญัติการพิจารณาอนุมัติ หรือไม่อนุมัติพระราชกาหนด การกระทากิจการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเร่ืองใด ๆ อันอยู่ในหน้าท่ีและอานาจของวุฒิสภา การพิจารณาให้บุคคลดารงตาแหน่งตามบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย การให้ความเห็นชอบให้บุคคลพ้นจากตาแหน่ง รวมท้ังภารกจิ ด้านการปฏริ ูป ประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ที่มาตรา ๒๗๐ บัญญัติเพ่ิมขึ้นให้เป็นหน้าที่และอานาจของวุฒิสภาในช่วง ๕ ปีแรก อีกด้วย ดังนั้น การจะปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าวให้เกิดผลสัมฤทธิ์สมตามเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญฯ และกฎหมายอื่นที่เก่ียวข้องได้นั้น จาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีการแลกเปล่ียนเรียนรู้เพื่อ สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเหมาะสมกับลักษณะของสังคมไทยและประเพณีการปกครองของ ไทยตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยต้องมีการรับฟังความคิดเห็น และขอ้ เสนอแนะ หรือความตอ้ งการของประชาชนทกุ ภาคสว่ นและเจา้ หนา้ ที่ของรัฐในทุกระดับ ซง่ึ การ จะดา เนินการให้ไปสู่ผลสัมฤทธิ์นั้นต้องอาศัยกลไกหรือวิธีการ ที่มีลักษณะเป็นการพูดคุยหรือหารือ แลกเปลี่ยนกนั ระหว่างสมาชิกวุฒิสภา กบั ประชาชนทุกภาคส่วน และเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกระดับ โดย

๒ การลงไปในพื้นท่ีเพ่ือให้ได้ข้อมูล ปัญหา และความต้องการที่แท้จริงจากทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นผู้ท่ีต้อง ประสบกับปัญหา อุปสรรค หรือความเดือดร้อนอย่างแท้จริงแทนการรอรับฟังข้อคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะ หรือความต้องการจากการรายงานมาตามระบบที่เป็นอยู่ วุฒิสภาจึงเห็นควรจัดให้มี “โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน” เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในทุกระดับ สามารถใชเ้ ป็นเวทีที่ไดเ้ ข้ามารว่ มกนั แลกเปลี่ยนเรียนรู้และชว่ ยกนั ขับเคลื่อนประเทศต้ังแต่ ระดับ ฐานราก ชุมชน สังคม และระดับประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างสอดคล้องกันและเป็น ระบบ เพ่ือให้เกิดความตระหนักสานึกรบั ผดิ ชอบต่อประเทศชาติและสังคมโดยรวม อนั จะนา ไปสู่สังคม ที่ประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตท่ีดีมีสังคมที่มีความสงบสุข เป็นธรรม ประเทศชาติมีความสงบ เรียบร้อย มีความสามัคคีปรองดอง และมกี ารพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกด้าน บนพื้นฐานของการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การรับฟังข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียน จากประชาชน ภาคเอกชน หรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องล้วนเป็นข้อมูลสาคัญในกระบวนการปฏิบัติงานของ วุฒิสภาตามหน้าที่และอานาจ ผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น การพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ เป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณาตรากฎหมาย เป็นข้อมูลในการตั้งกระทู้ถามต่อฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นกระบวนการ ทางนติ บิ ญั ญัติในการตรวจสอบและถว่ งดุล ตามหลักการประชาธิปไตย คณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเร่ืองและติดตามเรื่องร้องเรียน ในคณะกรรมการ อานวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ซึ่งมีบทบาทหน้าท่ี ดังนี้ ๑) รวบรวมเร่ืองร้องเรียน หรือความคิดเห็นที่ได้รับฟังจากการลงพื้นท่ีของคณะกรรมการอานวยการฯ และที่คณะกรรมการ โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคต่าง ๆ ส่งมายังคณะกรรมการอานวยการฯ ๒) จัดแบ่งประเภทของเร่ืองร้องเรียนหรือความคิดเห็นที่ได้รับฟังจากการลงพ้ืนที่ รวมทั้งจัดทาระบบ ทะเบียนข้อมูลเรื่องร้องเรียนหรือความคิดเห็นดังกล่าว ๓) พิจารณาดาเนินการส่งเรื่องร้องเรียนหรือ ความคิดเห็นที่ได้รับฟังจากการลงพ้ืนที่ไปยังคณะกรรมาธิการสามัญประจาวุฒิสภา หรือหน่วยงานท่ี เก่ียวข้อง ๔) ติดตามผลการดาเนินการเก่ียวกับเร่ืองร้องเรียนหรือความคิดเห็นที่ได้รับฟังจากการลง พื้นท่ี ซึ่งได้ส่งไปยังคณะกรรมาธิการสามัญประจาวุฒิสภา หรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และรายงานผล การดาเนินงานให้คณะกรรมการอานวยการฯ ทราบ และ ๕) ดาเนินการอ่ืน ๆ ตามท่ีคณะกรรมการ อานวยการฯ มอบหมาย ดังนน้ั การดาเนนิ การตอ่ เร่อื งร้องเรียนและขอ้ คดิ เห็นของประชาชนในโครงการสมาชิก วุฒิสภาพบประชาชน จึงเป็นกระบวนการท่ีมีความสาคัญในการจัดการข้อมูลเพื่อสนับสนุนภารกิจของ วุฒสิ ภา ให้ไดร้ ับขอ้ มลู อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป ๒. วัตถปุ ระสงค์ ๒.๑ เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง เปน็ ขอ้ มูล ประกอบการพิจารณากลั่นกรองในการตรากฎหมาย ให้สอดคล้องกับหลักการตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย มาตรา ๗๗ และพัฒนาใหส้ อดคล้องกับหลกั สากล

๓ ๒.๒ เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เป็นข้อมลู ประกอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว และพัฒนากฎหมายทุก ฉบบั ให้สอดคลอ้ งและเหมาะสมกบั บรบิ ทตา่ ง ๆ ทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป ๒.๓ เพ่ือรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นท่ีและสะท้อนข้อคดิ เห็น ข้อเสนอแนะไปสู่การแก้ไข โดยอาศัยกลไกของวุฒิสภาและเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการกากับ ติดตาม และประเมนิ ผล การปฏบิ ตั งิ านของเจา้ หน้าทใี่ ห้เป็นไปตามขัน้ ตอน และมาตรฐานงานทกี่ าหนดไว้ ๓. ขอบเขต แนวทางในการปฏิบัติงานการจัดการเรื่องร้องเรียนท่ีได้รับมาตามโครงการสมาชิก วุฒิสภาพบประชาชนของคณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเรื่องและติดตามเร่ืองร้องเรียน และฝ่าย เลขานุการในคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ครอบคลุมข้ันตอนการการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งประชาชนได้ร้องทุกข์ผ่านคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบ ประชาชนในกลุ่มพ้ืนท่ีจังหวัดท่ีรับผิดชอบ ต้ังแต่ขั้นตอนการรับเร่ือง การพิจารณาเรื่อง การขอทราบ ข้อมูลเพิ่มเติม การแจ้งหน่วยงานให้พิจารณาดาเนินการตามหน้าที่และอานาจ การแจ้งให้ผู้ร้องทราบ ผลการดาเนินการ รวมถึงการประสานงานกับผู้รอ้ งหรอื หนว่ ยงาน ๔. ประโยชน์ที่ไดร้ บั เพ่ือให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็วและตอบสนองต่อสิทธิการรับรู้ข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนของประชาชนอย่ามีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นคู่มือในการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าท่ีของสานักงานประธานวุฒิสภา รวมท้ังส่งเสริมความเข้าใจอันดีและสมานฉันท์ระหว่าง ประชาชนในพน้ื ทแี่ ละตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนไดอ้ ย่างแท้จริง

บทที่ ๒ หลกั ความคดิ เกีย่ วกบั การดาเนินการตามข้อรอ้ งเรียน การดาเนินการต่อเรื่องร้องเรียนและข้อคิดเห็นของประชาชนในโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน เป็นกระบวนการท่ีมีความสาคัญในการจัดการข้อมูลเพ่ือสนับสนุนภารกจิ ของวุฒิสภา และการดาเนินการดังกล่าว มหี ลักความคิดเกย่ี วกับการดาเนนิ การตามข้อรอ้ งเรยี นท่ีสาคญั ดังน้ี ๒.๑ หลัก Good Governance การบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี หรือธรรมาภิบาล (Good Governance) หมายถึง การปกครอง การบริหาร การควบคุมดูแลกิจการต่าง ๆ ให้เป็นไปในครรลองธรรม พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และ วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ประกอบด้วย 9 หมวด ตราขึ้นมา เพื่อเอื้อต่อการปฏิรูประบบ ราชการ ให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการในแง่ของการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งข้ึนและ ตอบสนองต่อการพัฒนาของประเทศ โดยพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ได้กาหนดการบริหารราชการไว้เป็นประเด็น สาคัญจานวน 7 ประเด็น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 3/1 ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 โดยหมวดที่ 1 มาตรา 6 การบริหารกจิ การบ้านเมอื งทด่ี ีได้แก่การบริหารราชการเพื่อบรรลุเปา้ หมาย ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) เกดิ ประโยชน์สขุ ของประชาชน (2) เกิดผลสมั ฤทธต์ิ อ่ ภารกิจของรฐั (3) มปี ระสทิ ธภิ าพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ (4) ไม่มขี ้นั ตอนการปฏิบตั ิงานเกนิ ความจาเป็น (5) มีการปรับปรงุ ภารกจิ ของสว่ นราชการให้ทันต่อสถานการณ์ (6) ประชาชนไดร้ บั การอานวยความสะดวกและไดร้ บั การตอบสนองความตอ้ งการ (7) มกี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ัตริ าชการอย่างสม่าเสมอ ๒.๒ หลักธรรมาภิบาล ประกอบด้วยหลักการสาคญั 6 ประการ ดังนี้ (1) หลักนิติธรรม เป็นหลักท่ีถือเป็นกฎกติกาในสังคมท่ีทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น การตรา กฎหมายท่ีถูกต้อง เป็นธรรม การบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยคานึงถึงสิทธิเสรีภาพของสมาชิก ระบบ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทด่ี ีมคี วามเป็นธรรมและมคี วามชัดเจน (2) หลักคุณธรรม เป็นการพัฒนาให้บุคลากรของภาครัฐยึดมั่นในความถูกต้องดีงามการส่งเสริม สนับสนนุ ใหป้ ระชาชนพัฒนาตนเองเพื่อใหเ้ ปน็ ผูท้ ่มี ีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทนมรี ะเบยี บวนิ ยั ประกอบอาชีพ สุจริต (3) หลักความโปร่งใส การทางานท่ีเปิดเผยและสามารถตรวจสอบได้ จะส่งผลใหก้ ารทจุ ริตคอรปั ชั่น และความด้อยประสทิ ธิภาพในการปฏบิ ัตงิ านของข้าราชการลดลง (4) หลักการมีส่วนร่วม เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมรับรู้ มีส่วนเก่ียวข้องกับ กระบวนการตัดสินใจ กระบวนการดาเนินการของโครงการ รวมถึงได้รับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการ เขา้ มามสี ว่ นรว่ ม

๕ (5) หลักความคุ้มค่า การพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้ เกิดประโยชน์สุขแก่ส่วนรวมคานึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า สร้างสรรค์สินค้า และบริการที่มีคุณภาพ โดยยดึ ถือประชาชนเปน็ เป้าหมายสูงสดุ ในการทางาน (6) หลักความสานึกรับผิดชอบ เป็นกระบวนการทางานที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการ ทางานให้ดีขึ้น ความสานึกรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานจะต้องมีลักษณะสาคัญ 6 ประการ คือ การ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน การปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการพฤติกรรมท่ีไม่เอื้อ อานวยให้เกิดการรบั ผดิ ชอบ การทางานอยา่ งไมห่ ยุดย้ัง การมแี ผนสารอง การติดตามประเมินผลการทางาน

บทที่ ๓ สารบบเรอ่ื งร้องเรยี นตามโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน ๓.๑ ความหมาย “สารบบเร่ืองร้องเรียน” คอื บญั ชีเรอ่ื งร้องเรยี น ซงึ่ ในท่ีน้ีหมายถึง บัญชีเร่อื งรอ้ งเรยี นตาม โครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชนเท่านนั้ ไมร่ วมถึงเรอื่ งรอ้ งเรยี นทรี่ ้องผา่ นชอ่ งทางตามสารบบสารสนเทศของ สานักงานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภาตามชอ่ งทางปกติ เพราะเปน็ เร่อื งรอ้ งเรยี นหรอื ขอ้ เสนอแนะที่คณะกรรมการโครงการ สมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนได้จากการลงพ้นื ท่ีพบประชาชนในภมู ิภาคตา่ ง ๆ และได้นามารวบรวม แยกเรื่องและ จัดเรยี งลงสารบบสารสนเทศทท่ี างคณะอนกุ รรมการฯ ได้จัดทาขึน้ เปน็ การเฉพาะ เพอื่ ใหป้ ระชาชนท่วั ไปสามารถ เข้าถึงได้โดยง่าย ๓.๒ การเขา้ ดูสารบบเรอื่ งรอ้ งเรยี น เรือ่ งรอ้ งเรยี นทผี่ ่านเขา้ สูส่ ารบบเรอื่ งรอ้ งเรยี นตามโครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชน สามารถ เข้าดูสถานะว่าผลการดาเนินการตามข้อร้องเรยี นอยู่ในข้นั ตอนไหนมีการแก้ไขปญั หาความเดอื ดรอ้ นของประชาชน ได้มากน้อยเพียงใด ซ่ึงในขั้นตอนนี้ สามารถเขา้ ดไู ด้ทางเวบ็ ไซต์“คณะอนุกรรมการดา้ นรวบรวม แยกเรือ่ งและ ติดตามเรือ่ งร้องเรียน” สามารถเขา้ ดูได้ ๒ ช่องทาง ไดแ้ ก่ ๑. เข้าเว็บไซต์สานกั งานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา www.senate.go.th ๒. เขา้ เวบ็ ไซต์ www.google.com แล้วพิมพ์คาวา่ “คณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเร่อื ง และตดิ ตามเรื่องรอ้ งเรียน” ๓.๒.๑ เว็บไซต์“คณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเรื่องและตดิ ตามเรอื่ งร้องเรียน”

๗ ๓.๒.๒ ข้นั ตอนและวิธีการเข้าดูสารบบเร่อื งร้องเรยี น ๑. ขนั้ ตอนและวิธีการ ๒. คลิก “google” ๓. พิมพ์ “คณะอนกุ รรมการฯ”

๘ ๓.๒.๒ ขน้ั ตอนและวิธีการเข้าดสู ารบบเร่อื งรอ้ งเรยี น ๔. หนา้ เวบ็ ไซต์ ๕. คลกิ ดสู ารบบเร่อื งรอ้ งเรยี น ๖. พบเรอ่ื งรอ้ งเรยี นท่ีตอ้ งการ

๙ ๓.๒.๒ ขั้นตอนและวธิ กี ารเข้าดสู ารบบเร่อื งรอ้ งเรยี น ๗. ดเู รอ่ื งรอ้ งเรียนภาคเหนือ ๘. พบเร่อื งรอ้ งเรยี นภาคเหนือ ๙. เล่อื นดจู งั หวดั ท่ีตอ้ งการ

บทที่ ๔ ข้นั ตอนการดําเนินงานตามข้อเรื่องรอ้ งเรียน ๔. ข้นั ตอนการดาํ เนินงานตามขอ้ เรือ่ งร้องเรียน การดําเนนิ งานตามข้อเรอื่ งรอ้ งเรียนหรอื ตามประเด็นปญั หาข้อคดิ เหน็ ของประชาชนท่ี ไดร้ บั จากกลุ่มจังหวดั ในการลงพน้ื ทภ่ี าคตา่ ง ๆ โดยเรื่องร้องเรยี นหรอื ประเดน็ ปญั หาขอ้ คดิ เห็นของ ประชาชนดังกล่าว จําแนกออกได้เปน็ ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. เรือ่ งร้องเรียนทเ่ี ปน็ หนงั สือ และ ๒. เรอื่ งที่ เป็นประเดน็ ปัญหาขอ้ คดิ เหน็ ของประชาชน (วาจา) สามารถดาํ เนินการได้ ๒ ขน้ั ตอน ดังนี้ ๑) ขัน้ ตอนการดาํ เนนิ งานของกลุ่มจังหวดั ๒) ขนั้ ตอนการดําเนนิ งานของคณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเร่อื งและตดิ ตาม เร่อื งรอ้ งเรียน ๔.๑ ขน้ั ตอนการดาํ เนนิ งานของกลุ่มจังหวดั การดาํ เนนิ การตามข้อเรอื่ งรอ้ งเรยี นหรอื ตามประเดน็ ปัญหาข้อคดิ เหน็ ของประชาชน กลมุ่ จงั หวดั สามารถดาํ เนนิ การได้ ๓ กรณี ดงั นี้ ๑) กรณเี รอื่ งร้องเรยี นทเ่ี ปน็ หนงั สือ ให้ฝ่ายเลขานุการของแต่ละกลมุ่ ภาคจังหวดั นาํ เรอ่ื งรอ้ งเรยี นทีเ่ ป็นหนงั สือที่ ไดร้ บั มาจากการลงพ้นื ทด่ี ังกลา่ ว เขา้ สทู่ ่ปี ระชุมคณะกรรมการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน เพื่อพิจารณา และนําเรอื่ งรอ้ งเรยี นทีเ่ ปน็ หนังสอื ไปลงรบั ทส่ี าํ นกั บรหิ ารงานกลาง โดยระบุดว้ ยวา่ เปน็ เรอื่ งร้องเรียนทไ่ี ดร้ บั มาจากกลมุ่ พ้ืนท่ีภาคใด และเมอื่ ไดอ้ อกเลขรับ ณ สาํ นักบริหารงานกลาง ให้จัดทาํ บันทึกสง่ เร่ืองไปยงั สํานักงานประธานวฒุ สิ ภา ซึง่ เปน็ ฝา่ ยเลขานุการในคณะอนกุ รรมการด้านรวบรวม แยกเรอื่ งและตดิ ตามเรื่องรอ้ งเรียน เพื่อใหก้ ลุ่มงานรบั เรอ่ื งราวรอ้ งทกุ ข์ ลงระบบสารสนเทศรบั เร่อื งราว ร้องทกุ ข์ ท้ังน้ี หนงั สอื รอ้ งเรยี นดงั กลา่ วอยา่ งนอ้ ยต้องมรี ายการและลกั ษณะ1 ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ชอ่ื และทอ่ี ย่ขู องผรู้ อ้ งทกุ ข์ (๒) ระบเุ รอื่ งอนั เปน็ เหตใุ ห้ต้องรอ้ งทกุ ข์ พรอ้ มท้งั ขอ้ เทจ็ จริงหรือพฤตกิ ารณ์ ตามสมควรเกีย่ วกบั เร่อื งทีร่ อ้ งทกุ ข์ (๓) ใชถ้ อ้ ยคําสุภาพ (๔) ลายมอื ชอื่ ผูร้ อ้ งทุกขห์ รอื ผซู้ ่งึ รอ้ งทกุ ขแ์ ทน 1 ระเบียบสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา วา่ ดว้ ยการจดั การเรือ่ งราวร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (ขอ้ ๑๑)

๑๑ ๒) กรณีเรือ่ งทีเ่ ปน็ ประเดน็ ปัญหาข้อคิดเหน็ ของประชาชน (วาจา) ใหฝ้ ่ายเลขานุการของแต่ละกลมุ่ ภาคจังหวดั นาํ ประเดน็ ปญั หาข้อคดิ เหน็ ของ ประชาชน (วาจา) ทไ่ี ดร้ ับมาจากการลงพนื้ ทด่ี ังกลา่ ว เสนอเขา้ สูท่ ีป่ ระชมุ คณะกรรมการฯ พรอ้ มทัง้ สรุปรายงานผลเบื้องตน้ เพอ่ื พจิ ารณา และนาํ เร่ืองรอ้ งเรยี นท่ีเปน็ หนงั สือไปลงรับทสี่ ํานักบริหารงาน กลาง โดยระบดุ ว้ ยว่าเปน็ เรอ่ื งรอ้ งเรียนทไี่ ดร้ บั มาจากกลุม่ พน้ื ทภ่ี าคใด และเมื่อไดอ้ อกเลขรบั ณ สาํ นกั บรหิ ารงานกลาง ให้จดั ทาํ บนั ทกึ สง่ เรื่องไปยงั สาํ นักงานประธานวฒุ ิสภา ซ่งึ เปน็ ฝ่ายเลขานกุ ารใน คณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเร่ืองและตดิ ตามเร่อื งรอ้ งเรยี น เพือ่ ใหก้ ลมุ่ งานรบั เรอื่ งราวร้องทุกข์ ลงระบบสารสนเทศรับเรอ่ื งราวรอ้ งทกุ ข์ (๓) กรณีเรอ่ื งรอ้ งเรียนทม่ี ีความสําคญั หรอื เร่ืองเรง่ ดว่ น คณะกรรมการโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน เหน็ วา่ เรื่องรอ้ งเรียนท่ี ได้รบั มาจากการลงพื้นทไ่ี มว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งร้องเรยี นทีเ่ ปน็ หนังสอื หรอื เรือ่ งทีเ่ ปน็ ประเดน็ ปญั หา ขอ้ คดิ เหน็ ของประชาชน (วาจา) มคี วามสําคญั หรือเปน็ เร่ืองเรง่ ด่วนและมีความประสงค์จะรับไป ดําเนนิ การเอง ก็สามารถกระทําได้ แต่ต้องรายงานไปยงั คณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวบ แยกเรอื่ งและ ติดตามเรอื่ งรอ้ งเรยี น เพอ่ื จะได้จดั ลงในสารบบสารสนเทศรับเร่ืองราวรอ้ งทกุ ขต์ ่อไป

๑๒ แผนผังแสดงข้นั ตอนกระบวนงาน : การดาํ เนินงานของกล่มุ จงั หวดั ฝ่ายเลขานุการของกลุ่มภาคจังหวัด เรอ่ื งรอ้ งเรยี นทีเ่ ปน็ หนังสือ กรณีเร่ืองท่ีเป็นประเดน็ ปญั หา กรณเี รอ่ื งร้องเรียนที่มี ขอ้ คดิ เห็นของประชาชน ความสําคญั หรือเร่อื งเรง่ ด่วน คณะกรรมการโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน พิจารณา เรื่องรอ้ งเรยี นทเี่ ป็นหนงั สอื กรณีเรือ่ งที่เปน็ ประเด็นปญั หา กรณเี รอื่ งร้องเรียนท่ีมี ขอ้ คดิ เห็นของประชาชน ความสําคัญหรอื เรื่องเรง่ ด่วน คณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเร่อื ง และติดตามเรอ่ื งรอ้ งเรียน พิจารณาแลว้ เหน็ ควรดําเนนิ การเอง ใหร้ ายงานไปยังคณะอนกุ รรมการ ดา้ นรวบรวบ แยกเร่ืองฯ เพื่อ ทราบและใหฝ้ า่ ยเลขานุการจดั ลง ในสารบบสารสนเทศตอ่ ไป

๑๓ ๔.๒ ขนั้ ตอนการดาํ เนินงานของคณะอนุกรรมการดา้ นรวบรวม แยกเรือ่ งและ ตดิ ตามเร่ืองรอ้ งเรียน สําหรับกระบวนการดําเนินการตามข้อเร่ืองร้องเรียนหรือตามประเด็นปัญหา ข้อคิดเห็นของประชาชนของคณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเรื่องและติดตามเร่ืองร้องเรียน ในคณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน ภายใต้บทบาทหน้าท่ีและอานาจใน เรอ่ื งดงั ต่อไปนี้ ๑) รวบรวมเรื่องร้องเรียนหรือความคิดเห็นที่ได้รับฟังจากการลงพ้ืนท่ีของ คณะกรรมการอานวยการฯ และที่คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพ้ืนที่จังหวัด ภาคตา่ ง ๆ สง่ มายังคณะกรรมการอานวยการฯ ๒) จัดแบ่งประเภทของร้องเรียนหรือความคิดเห็นท่ีได้รับฟังจากการลงพ้ืนที่ รวมทงั้ จดั ทาระบบทะเบียนข้อมลู เร่ืองร้องเรียนหรือความคดิ เหน็ ดงั กลา่ ว ๓) พิจารณาดาเนินการส่งเรื่องร้องเรียนหรือความคิดเห็นท่ีได้รับฟังจากการลง พืน้ ทีไ่ ปยังคณะกรรมาธกิ ารสามัญประจาวุฒิสภา หรือหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ๔) ติดตามผลการดาเนินการเกี่ยวกับเร่ืองร้องเรียนหรือความคิดเห็นท่ีได้รับฟัง จากการลงพื้นท่ี ซึ่งได้ส่งไปยังคณะกรรมาธิการสามัญประจาวุฒิสภา หรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและ รายงานผลการดาเนนิ งานให้คณะกรรมการอานวยการฯ ทราบ ๕) ดาเนนิ การอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการอานวยการฯ มอบหมาย ส่วนข้ันตอนการดําเนนิ งานของคณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเรอ่ื งและ ติดตามเรื่องร้องเรียน ซง่ึ เปน็ เรอื่ งทีไ่ ด้รบั จากกลมุ่ จังหวดั ทไี่ ดล้ งพนื้ ท่ี ประกอบดว้ ย ๔ ข้นั ตอน ดงั นี้ (๑) ขัน้ ตอนการรับเรอ่ื งและแยกเรอื่ งร้องเรียน กระบวนการดําเนนิ การของฝา่ ยเลขานกุ ารคณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเรอื่ งและติดตามเรื่องรอ้ งเรียน ในคณะกรรมการอาํ นวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน เมอื่ กรณที ่ีไดร้ ับเรอื่ งร้องเรยี นไมว่ ่าจะเปน็ เรื่องรอ้ งเรยี นทีเ่ ป็นหนงั สือหรอื เรอื่ งที่เปน็ ประเดน็ ปญั หา ข้อคดิ เหน็ ของประชาชน (วาจา) จากกลมุ่ ภาคจังหวดั สาํ นักงานประธานวฒุ สิ ภา ในฐานะฝา่ ย เลขานกุ ารของคณะอนุกรรมการฯ โดยกลมุ่ งานรบั เรื่องราวร้องทกุ ข์ จะตรวจสอบเรอ่ื งเบ้อื งตน้ และลง ระบบสารสนเทศรับเรื่องราวร้องทุกข์ จากนน้ั จะนําเรอ่ื งรอ้ งเรยี นดังกลา่ วจากจา่ ยใหก้ ับนติ ิกรหรอื วทิ ยากรทร่ี บั ผดิ ชอบในแต่ละภาค ดาํ เนนิ การจดั ทาํ ความเหน็ เบอื้ งตน้ และแยกเรอ่ื งรอ้ งเรียนออกเปน็ ๗ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑) ดา้ นปัญหาทดี่ ิน ๒) ดา้ นปัญหาแหลง่ น้าํ ๓) ด้านปัญหาการเกษตร ๔) ด้านปญั หาการคมนาคม ๕) ดา้ นปัญหาเศรษฐกิจ

๑๔ ๖) ดา้ นปญั หาสิง่ แวดลอ้ ม ๗) ดา้ นปญั หาสังคมและด้านอน่ื ๆ (๒) ขน้ั ตอนการจดั ทําความเห็นเบอื้ งตน้ สาํ หรบั ข้นั ตอนการจัดทาํ ความเหน็ เบอ้ื งตน้ ในชนั้ น้ี นติ กิ รหรอื วิทยากร เจ้าของเรอื่ งทร่ี ับผดิ ชอบ จะศกึ ษากฎหมายทเี่ กี่ยวข้อง ไดแ้ ก่ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย กฎหมาย และข้อบงั คบั การประชมุ วฒุ สิ ภา นาํ มาปรบั เขา้ กบั ขอ้ เท็จจริงในการจดั ทาํ ความเหน็ เบอื้ งตน้ เสนอเข้าสทู่ ี่ประชมุ คณะคณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเรอ่ื งและติดตามเร่ืองรอ้ งเรยี น เพือ่ พจิ ารณา หากทีป่ ระชมุ เห็นชอบดว้ ยกับความเหน็ เบ้ืองต้น ดงั กลา่ ว นติ ิกรหรอื วทิ ยากรเจา้ ของเรอ่ื งท่ี รบั ผดิ ชอบ จะดาํ เนนิ การจดั ทาํ หนงั สือสง่ ออกไปยงั หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ ง เพอ่ื พิจารณาดาํ เนินการตาม บทบาทหนา้ ทแี่ ละอาํ นาจตอ่ ไป พรอ้ มทัง้ จดั ทําหนงั สือแจง้ ผ้รู อ้ งทราบถงึ สถานะเกย่ี วกบั เรอื่ งทไี่ ด้ รอ้ งเรียนมา แตส่ ําหรบั ประเด็นปญั หาข้อคดิ เหน็ ของประชาชน (วาจา) ท่ไี ดร้ ับมานน้ั ทาง คณะอนกุ รรมการฯ จะสง่ เรอื่ งไปยงั คณะกรรมาธกิ ารหน่วยงานทเี่ กีย่ วขอ้ ง เพอ่ื ทราบ และเพอ่ื ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลประกอบการพจิ ารณากฎหมายตอ่ ไป (๒) ข้ันตอนการเสนอเรือ่ งเขา้ สทู่ ี่ประชมุ คณะอนกุ รรมการ เพื่อพิจารณา สาํ หรบั ข้ันตอนการจัดทาํ ความเหน็ เบอ้ื งตน้ ในชน้ั น้ี นติ กิ รหรือวิทยากร เจ้าของเร่อื งทร่ี ับผดิ ชอบ ภายหลงั การจดั ทาํ ความเหน็ เบือ้ งตน้ เสร็จเรียบร้อยแลว้ จะจัดทาํ บันทกึ เสนอ ตอ่ ที่ประชมุ คณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเร่อื งและตดิ ตามเรอื่ งรอ้ งเรียน เพอื่ พจิ ารณาให้ความ เห็นชอบ ซ่งึ หากทปี่ ระชุมคณะอนุกรรมการฯ เหน็ ชอบดว้ ยกบั ฝา่ ยเลขานกุ ารหรอื มมี ตเิ ป็นอยา่ งอนื่ ฝ่ายเลขานกุ าร ก็จะดําเนนิ การส่งออกเรือ่ งไปยังคณะกรรมาธิการหรือหน่วยงานทเี่ กีย่ วขอ้ งตามมติของ ที่ประชมุ ในโอกาสตอ่ ไป (๔) ขน้ั ตอนการสง่ ออกเร่ืองไปยังคณะกรรมาธิการหรอื หนว่ ยงานท่เี ก่ยี วข้อง สําหรบั ขัน้ ตอนการจัดทาํ ความเหน็ เบอ้ื งต้น ในชนั้ นี้ ใหน้ ติ ิกรหรอื วิทยากร เจา้ ของเรอ่ื งท่รี บั ผดิ ชอบ จดั ทําบนั ทกึ เสนอประธานคณะกรรมการอาํ นวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภา เพ่อื โปรดลงนามในหนงั สอื รอ้ งเรยี นส่งออกไปยงั คณะกรรมาธกิ ารหรือหนว่ ยงานท่ีเกย่ี วข้อง และทาํ หนังสอื แจ้งผลการดําเนนิ การเพ่ือทราบ ต่อจากนัน้ ใหค้ ณะอนกุ รรมการด้านรวบรวม แยกเรื่องและ ติดตามเร่อื งรอ้ งเรยี นรายงานผลดําเนนิ การเรือ่ งดงั กลา่ ว ให้คณะกรรมการอาํ นวยการโครงการสมาชกิ วุฒิสภาเพือ่ ทราบตอ่ ไป

๑๕ แผนผังแสดงขนั้ ตอนกระบวนงาน : การดาํ เนินงาน ของคณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเร่ืองและตดิ ตามเรอื่ งรอ้ งเรยี น ฝา่ ยเลขานกุ ารของคณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเรื่องและตดิ ตามเรอื่ งรอ้ งเรยี น เรอื่ งรอ้ งเรยี นที่เป็นหนงั สือ จดั ทําความเหน็ เบอื้ งต้น เร่อื งที่เปน็ ประเดน็ ปัญหา ข้อคิดเหน็ ของประชาชน คณะอนุกรรมการดา้ นรวบรวม แยกเร่อื งและตดิ ตามเรอ่ื งร้องเรียน พจิ ารณา เรื่องรอ้ งเรยี นทเี่ ปน็ หนังสอื กรณเี ร่อื งทเี่ ป็นประเด็นปญั หา ข้อคิดเห็นของประชาชน คณะกรรมาธิการหรือหนว่ ยงานที่ ส่งออกไปยังคณะกรรมาธกิ าร เก่ียวขอ้ ง/แจง้ ผู้ร้องเพื่อทราบ เพือ่ ทราบ รายงานคณะกรรมการอาํ นวยการโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาเพือ่ ทราบ

บทที่ ๕ ผลการดาเนนิ การตามเร่ืองร้องเรียนและข้อเสนอแนะของประชาชน นับต้ังแต่ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเรื่อง และติดตามเร่ืองร้องเรียนใน คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน เม่ือวนั ท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นมาจนถึง ปัจจุบัน (๙ กันยายน ๒๕๖๓) และจากการลงพื้นท่ีกลุ่มภาคจังหวัด ๗ ภาค ได้แก่ ๑) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) ๒) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ (ตอนล่าง) ๓) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) ๔) กลุ่ม จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนล่าง) ๕) กลุ่มจังหวัดภาคกลาง ๖) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก และ ๗) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ มีเร่ืองร้องเรียนและข้อเสนอแนะของประชาชนผ่านเข้าสู่การพิจารณาของ คณะอนุกรรมการฯ ท้ังหมด จานวน ๙๖๕ เรื่อง จาแนกออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ ๑. เร่ืองร้องเรียนที่เป็น หนังสือ จานวน ๒๙๗ เรื่อง และ ๒. เร่ืองท่ีเป็นประเด็นความเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน (วาจา) ทั้งหมด ๖๖๘ เรื่อง ทั้งน้ี ในจานวน ๙๖๕ เรื่อง คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาตามบทบาทอานาจหน้าที่ โดยไดด้ าเนินการส่งเร่ืองไปยังคณะกรรมาธิการประจาวุฒิสภา ฝ่ายบริหารหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และซ่ึง ปรากฏผลการดาเนินการตามเรื่องรอ้ งเรยี นและขอ้ เสนอแนะของประชาชน ดังนี้ (แผนภูมแิ สดงจานวนเร่อื งร้องเรยี นทงั้ หมดท่ีเขา้ สกู่ ารพิจารณาตามโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน ขอ้ มลู ณ วันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๓)

๑๗ แผนภมู ิสารบบเร่อื งร้องเรียนท่เี ข้าสู่ การพิจารณาตามโครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชน (จานวน ๙๖๕ เรอื่ ง) 13% ปัญหาที่ดิน 30% ปัญหานา้ ปัญหาเกษตร 19% ปัญหาคมนาคม ปัญหาเศรษฐกิจ 6% 14% ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสงั คม,อืน่ ๆ 6% 12% จากแผนภมู สิ ารบบเรอื่ งรอ้ งเรยี นท่เี ขา้ สู่การพิจารณาตามโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน แสดงให้เห็นวา่ ประชาชนส่วนใหญป่ ระสบปญั หาดงั ต่อไปน้ี ๑. ปญั หาดา้ นสงั คมและปญั หาด้านอ่นื ๓๐ % อาทิ ปัญหาด้านยาเสพติด ปัญหาด้านความเหล่ือมล้าในด้านการกระจายโอกาสในการ เข้าถึงโครงสร้างพ้ืนฐานและการบริการทีม่ ีคุณภาพ ท้งั ในด้านการศกึ ษา การเขา้ ถงึ แหล่งเงินทนุ รวมถงึ ความเหลื่อมล้าในด้านการเข้าถึงทรัพยากรส่งผลให้การจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม การได้รับการปฏิบตั ติ อ่ เจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐอย่างไม่เป็นธรรม ปัญหาคนไร้สญั ชาติ เปน็ ต้น ๒. ปัญหาการขาดแคลนแหล่งนา้ ๑๙ % ๓. ปัญหาด้านการเกษตร ๑๔ % ๔. ปญั หาการไมม่ ีท่ีดนิ ทา้ กนิ เปน็ ของตนเอง ๑๓ % ๕. ปัญหาด้านการคมนาคม ๑๒ % ๖. ปัญหาด้านสิง่ แวดลอ้ ม ๖ % ๗. ปญั หาด้านเศรษฐกจิ ๖ %

๑๘ ๕.๑ พื้นทกี่ ลุม่ จงั หวดั ภาคเหนอื (ตอนบน) (๑) ดา้ นปัญหาที่ดิน เร่ือง ร้องขอความเปน็ ธรรมในการปฏิบัตงิ านของเจ้าหน้าที่ของรัฐ กรณีตัวแทนเกษตรกรผู้ถือครองที่ดินเดิม จ้านวน ๑๖ คน ร้องเรียนว่า ผู้ร้องและพวก เป็นเกษตรกรไดถ้ ือครองที่ดินและท้าประโยชน์ในทีด่ ินแปลง NO ๑๔๖ ตง้ั อยู่หมทู่ ่ี ๘,๑๔,๑๖ ต้าบลแม่ยาว อ้าเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เนื้อที่ประมาณ ๒๙๖ ไร่ ซึ่งแต่เดิมที่ดินดังกล่าวเป็นท่ีดิน ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ถูกกลมุ่ นายทุนขบั ไล่พืน้ ที่ และไม่ไดร้ บั ความเปน็ ธรรมจากการปฏิบัตงิ านของเจ้าหน้าทีข่ องรัฐ โดยได้มีหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานเกี่ยวกับปัญหาการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นท่ี ดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข รวมถึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ คดีหมายเลขด้าที่ ๑๑๒/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่องดังกล่าว คณะกรรมการ ฯ ได้มีหนังสือหนังสือที่ สว ๐๐๐๑/๓๘๔๙ ลงเมื่อวันท่ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๖๒ สง่ ไปยงั รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพอื่ พิจารณาดา้ เนินการ ตามหน้าท่แี ละอา้ นาจ ต่อมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งใหส้ า้ นกั งานการปฏริ ปู ทดี่ นิ เพอ่ื การเกษตรกรรม พิจารณา และได้ตรวจสอบขอ้ มลู เรื่องดงั กล่าวอกี คร้ังหนง่ึ สรปุ ความไดด้ ังนี้ ๑) ผู้ร้องและพวก มิได้ยื่นคำร้องพร้อมพยำนหลักฐำนกำรถือครองที่ดิน ภำยในระยะเวลำ ๑๕ วัน นบั แต่วันปิดประกำศของสำนกั งำนกำรปฏิรูปท่ีดินเพื่อกำรเกษตรกรรม (๑ สงิ หำคม ๒๕๕๙) ๒) เมื่อผู้ร้องและพวกร้องขอควำมเป็นธรรมภำยหลังมีประกำศสำนักงำนกำรปฏิรูปท่ีดิน จังหวัดเชียงรำย ได้รับไว้พิจำรณำจึงได้ให้ผู้ร้องและพวกย่ืนเอกสำรหลักฐำนต่ำง ๆ แล้ว ปรำกฏว่ำ หลักฐำนทย่ี ่นื เข้ำมำไม่ต้องดว้ ยคำสั่งหวั หนำ้ คณะรกั ษำควำมสงบแหง่ ชำติ ประกำศกระทรวงเกษตรและ

๑๙ สหกรณ์ ประกำศสำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดินเพ่ือกำรเกษตรกรรม จึงยกคำร้องทั้งหมดและได้แจ้งผู้ร้องให้ ทรำบแลว้ ๓) กรณีดังกล่ำว ศำลปกครองเชียงใหม่ ได้มีคำส่ังไม่รับคำร้องของผู้ร้องและพวก เมอื่ ๒๗ สงิ หำคม ๒๕๖๒ (๒) ดา้ นปญั หาการคมนาคม เร่ือง ขอความอนเุ คราะหใ์ หค้ วามชว่ ยเหลือ เร่ือง การใช้ถนนใชร้ ถสญั จร ไป - มา ของ ถนนในชุมชนห้วยปลากัง้ กรณีนายปาแล ฉินหลง และนายอานนท์ จาดิ ผู้ร้อง ราษฎรในหมู่บ้านชุมชนห้วยปลากั้ง หมู่ท่ี ๓ ต้าบลริมกก อ้าเภอเมืองเชยี งราย จังหวัดเชียงราย ขอร้องทุกข์เพื่อขอให้ความช่วยเหลือเรื่อง การใช้ถนนในการใช้รถสัญจรไป - มา เน่ืองจากปัจจุบันมีการพัฒนาก่อสร้างถนนอ้อมเมืองหรือถนน บายพาสท่ีได้ตัดผ่านถนนเดิม ท้าให้ชาวบ้านและผู้สัญจรถนนในซอย ๓ ชุมชนห้วยปลากั้ง ๗๕ หลัง คาเรือน เดินทางไม่สะดวกต้องไปกลับรถระยะทางถึง ๔ กิโลเมตร จากเดิมมีระยะทางเพียง ๑๒ เมตร เร่ืองดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้มีหนังสือหนังสือ ที่ สว ๐๐๐๑.๐๑/๑๓๑๒ ลงวันท่ี ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ส่งไปยังคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา จากน้ัน คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา พิจารณาแล้วเห็นว่า เร่ืองดังกล่าวอยู่ในหน้าท่ีและอ้านาจของกรมทางหลวง จึงได้มีมติให้ส่ง เร่ืองไปยงั กรมทางหลวง เพอ่ื พิจารณาด้าเนินการหนา้ ที่และอ้านาจตอ่ ไป ต่อมาเมอื่ วันท่ี ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ อธบิ ดีกรมทางหลวง ไดม้ ีหนงั สอื ท่ี คค ๐๖๑๔๓/ม.๔๒๔๔/๑๐๖๒๗ แจ้งผลการด้าเนนิ การวา่ แขวงการทางเชียงรายท่ี ๑ ไดป้ ระสานกับผนู้ ้าชุมชนเพื่อหาแนวทางแก้ไขและบรรเทาปัญหา กรมทางหลวง ได้ดา้ เนนิ การก่อสร้างดงั กลา่ วเสร็จเรยี บร้อยแลว้ (๓) ดา้ นปัญหาแหล่งนา้ เร่อื ง ขอความอนเุ คราะหต์ ดิ ตามเรง่ รดั โครงการกอ่ สรา้ งอ่างแมส่ ะป้วด กรณีนางฉัตรทิวา ตากาศ รองนายกเทศมนตรีต้าบลทาสบชัย ปฏิบัติราชการแทน นายกเทศมนตรีต้าบลทาสบชัย ร้องขอความอนุเคราะห์ให้ติดตามเร่งรัดโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้า แม่สะป้วด ตั้งอยู่ในพ้ืนท่ีบ้านแมส่ ะป้วด หมู่ที่ ๒ ต้าบลทาสบเส้า อ้าเภอแม่ทา จังหวัดล้าพูน ซ่ึงได้รับ พระราชทานเป็นโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ เมื่อวันที่ ๑๙ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๓๒ ปัจจุบันส้านัก ชลประทานไดด้ ้าเนินการจัดท้าโครงการเสรจ็ เรียบร้อยแลว้ คงเหลือแตเ่ พียงการเข้าดา้ เนนิ การในพื้นที่ ป่าไม้ ซ่ึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอธิบดีกรมป่าไม้ เร่ืองดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้มีหนังสือ ท่ี สว ๐๐๐๑.๐๑/๑๔๖๔ ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ส่งไปยังคณะกรรมาธิการการเกษตรและ สหกรณ์ วุฒิสภา จากนั้น คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ได้มีหนังสือวุฒิสภา ด่วน ที่สุด ท่ี สว (กมธ ๑) ๐๐๐๙/๐๑๘๘๗ ลงวนั ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ส่งไปยังกรมชลประทาน ต่อมากรม ชลประทาน ได้มีหนังสือ ท่ี กษ ๐๓๓๗/๗๔๓ ลงวันท่ี ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ แจ้งผลการด้าเนินการว่า โครงการดังกล่าวได้ด้าเนินการศึกษา ส้ารวจ ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีแผนการก่อสร้าง

๒๐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๗ ปัจจุบนั อยู่ในชั้นตอนการขออนญุ าตใชพ้ ้ืนทต่ี ามกฎหมายและ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ชี้แจงว่า ได้แจ้งให้ผู้ขออนุญาตตรวจสอบข้อมูลและ เอกสารหลักฐานแนบค้าขอใช้พื้นท่ีปาไม้ให้ครบถ้วนและถูกต้อง รวมท้ังจะประสานหน่วยงานท่ี เก่ยี วข้องเร่งรัดด้าเนนิ การให้เปน็ ไปตามกฎหมายโดยดว่ นตอ่ ไป (๔) ดา้ นปญั หาสังคมและด้านอื่น ๆ จานวน ๒ เรอ่ื ง ๑) เรอ่ื ง ขอความอนุเคราะหช์ ่วยเหลอื ความเดือดร้อน กรณีนายศุกร์ ไทยธนสุกานต์ นายกองค์การบริหารส่วนต้าบลบ้านดง จังหวัดล้าปาง ไดม้ ีหนังสอื ท่ี ลป ๗๔๙๐๑/๑๒๒๖ ลงวันท่ี ๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ เรอ่ื ง ขอความอนุเคราะห์ชว่ ยเหลือความ เดือดร้อน เพอ่ื แก้ไขปญั หาให้กับราษฎรต้าบลบา้ นดง โดยขอช่วยตดิ ตามผลกั ดนั ใหโ้ รงพยาบาลสง่ เสริม สุขภาพต้าบลบ้านดง เปน็ โรงพยาบาลชุมชนสาขาโรงพยาบาลแม่เมาะ เรื่องดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้มีหนังสือที่ สว ๐๐๐๑.๐๑/๑๒๙๗ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม๒๕๖๒ ส่งไปยังคณะกรรมาธิการการ สาธารณสุข วุฒิสภา จากน้ัน คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ได้มีหนังสือวุฒิสภา ส่งไปยังกระทรวงสาธารณสุข ต่อมากระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งผลการพิจารณาว่ากระทรวง สาธารณสุข ไดใ้ หผ้ ตู้ รวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพท่ี ๑ มอบหมายเจ้าหน้าท่ีทเี่ กย่ี วขอ้ ง จัดท้าแผนพัฒนาบริการสุขภาพระหว่างโรงพยาบาลแม่เมาะ ซึ่งเป็นแม่ข่าย และโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพต้าบลบ้านดง เพื่อให้การสนับสนุนทรัพยากรในการบริการปฐมภูมิให้มีศักยภาพเพิ่มข้ึน ท้ังน้ี กำรผลักดันให้โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบลบ้ำนดงใหเ้ ป็นโรงพยำบำลชุมชนสำขำแม่เมำะเป็นกำร บริหำรจดั กำรภำยในจังหวดั ลำปำง ซงึ่ สำมำรถดำเนนิ กำรได้ตำมควำมเหมำะสม ส่วนงบประมำณท่ีใช้ สำหรับกำรก่อสร้ำงเพ่ือพัฒนำศักยภำพโรงพยำบำล ให้เขตบริกำรสุขภำพที่ ๑ เป็นผู้พิจำรณำจัดทำ คำขอในปีงบประมำณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตำมขั้นตอนต่อไป ๒) เรื่อง ขอความเป็นธรรมการอพยพ กรณีนายประจักษ์ ชาติสืบ ผู้ใหญ่บ้านสวนป่าแม่เมาะ และคณะ ผู้ร้อง ได้มหี นังสือลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เรียน สมาชิกวุฒิสภา เรอ่ื ง ขอความเป็นธรรมการอพยพ ผา่ นคณะกรรมการโครงการ สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพ้ืนท่ีจังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) เมื่อวันท่ี ๓ – ๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดล้าปาง เพื่อขอความอนุเคราะห์จากสมาชิกวุฒิสภาให้ช่วยเหลือให้ทางการไฟฟ้าฝา่ ยผลติ แห่ง ประเทศไทย (แม่เมาะ) และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง จ่ายเงินชดเชยค่าเวนคืนท่ีดินให้แก่ราษฎร หมู่ ๗ บ้านสวนป่าแม่เมาะ ที่มีพ้ืนที่ท้ากินบริเวณปากอุโมงค์เพ่ือส้ารองน้าจากเข่ือนก่ิวลม เรื่องดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้มีหนังสือ ท่ี สว ๐๐๐๑/๔๐๙๔ ลงเม่ือวันท่ี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ส่งเรื่องให้เลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ต่อมาวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ นางอุดมพร เอกเอี่ยม รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏบิ ัตริ าชการแทน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือที่ นร ๐๕๐๑/ท๗๓๑๑ ลงวันท่ี ๑๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ แจ้งผลการด้าเนินการเก่ียวกับกรณีดังกล่าวว่า ได้ส่งเร่ืองดังกล่าวให้ส้านักงานปลัดส้านัก นายกรัฐมนตรี ซ่ึงเป็นหน่วยงานกลางที่ด้าเนนิ การเก่ยี วกับการร้องทุกข์ ร้องเรียน ขอความเป็นธรรมและ

๒๑ การขอความช่วยเหลอื รวมทั้งปัญหาความเดอื ดรอ้ นของประชาชน พิจารณาดา้ เนินการในส่วนท่ีเก่ยี วขอ้ ง และแจง้ ผลการพิจารณาให้ผู้รอ้ งเรยี นทราบด้วยแล้ว (๕) ดา้ นปัญหาส่ิงแวดล้อม เร่ือง ขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือความเดือดร้อน (กรณี แก้ไขปัญหาให้กับราษฎร ตาบลบา้ นดง ประเด็นการตดิ ตามเร่งรดั ในการเพกิ ถอนพื้นท่ปี ่าสงวนแห่งชาติ ปา่ แมเ่ มาะ กรณี นายศุกร์ ไทยธนสุกานต์ นายกองค์การบริหารส่วนต้าบลบ้านดง ได้มีหนังสือท่ี ลป ๗๔๙๐๑/๑๒๒๖ ลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ เร่ือง ขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือความเดือดร้อน เพื่อ บรรเทาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาให้กับราษฎรต้าบลบ้านดง ประเด็นการติดตามเร่งรัดในการเพิกถอน พ้ืนที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่เมาะเพื่อจัดท้าเอกสารสิทธ์ิท่ีอยู่อาศัยให้กับราษฎรที่อพยพและพื้นที่อยู่ อาศัยปัจจุบันของราษฎร ที่ไม่ได้อพยพเพ่ือให้การใช้ประโยชน์ที่ดินสอดคล้องกับสภาพพ้ืนที่จริง เร่ืองดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้มีหนังสือ ท่ี สว ๐๐๐๑.๐๑/๑๒๙๖ ลงวันที่ ๒๑ ต.ค. ๒๕๖๒ ส่งไปยัง คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม วุฒสิ ภา ได้แจง้ ผลการพิจารณาวา่ การตดิ ตามเรง่ รัดการเพิกถอนพ้ืนที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่เมาะ เพื่อจัดท้าเอกสารสิทธิ์ที่อยู่อาศัยให้กับราษฎร เน่ืองจากปัจจุบันมีการประกาศใช้บังคับ พระราชบัญญัตคิ ณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซงึ่ ก้าหนดให้คณะกรรมการนโยบาย ทดี่ ินแหง่ ชาติ มีหนา้ ที่และอา้ นาจในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้ที่ดินของประเทศให้ เหมาะสมกบั สภาพทด่ี ินและศักยภาพท่ีดินทุกประเภท คณะกรรมาธิการ จึงเห็นควรสง่ เร่อื งดงั กล่าวให้ คณะกรรมการนโยบายท่ีดนิ แห่งชาติ พิจารณาด้าเนินการตามหนา้ ที่และอ้านาจตอ่ ไป

๒๒ ๕.๒ พนื้ ทีก่ ลมุ่ จังหวัดภาคเหนอื (ตอนลา่ ง) (๑) ด้านปญั หาทด่ี นิ เร่ือง ปัญหาที่ดินส่วนใหญ่เป็นปัญหาท่ีดินทากินของราษฎรทับซ้อนกับแนวเขตที่ดิน ของรฐั ได้แก่ จงั หวัดสโุ ขทัยมเี น้ือที่ป่าไม้ ๑,๒๓๒,๔๔๙.๔๕ ไร่ หรอื ประมาณ รอ้ ยละ ๒๙.๕๖ ของเน้ือ ท่ีทงั้ หมดของจังหวดั มีป่าสงวนแห่งชาติ จานวน ๑๒ แหง่ เนอ้ื ท่ี ๑,๙๒๓,๔๙๙.๗๕ ไร่ อทุ ยานแห่งชาติ จานวน ๒ แห่ง เน้ือที่ ๓๔๖,๓๗๕ ไร่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า จานวน ๑ แห่ง เนื้อท่ี ๑๕,๘๗๕ ไร่ และวน อทุ ยาน จานวน ๑ แห่ง เน้ือท่ี ๑๑,๒๕๐ ไร่ ซ่ึงที่ดนิ ของรัฐแต่ละแห่ง มีแนวเขตท่ีไม่ชัดเจน ทาให้เกิด ปัญหาที่ดินทากินของราษฎรทับซ้อนกับแนวเขตที่ดินของรัฐ เร่ืองดังกล่าว คณะกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าว อยู่ในอยู่ในหน้าที่และอานาจ ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้ท่ีดินของ ประเทศให้เหมาะสมกับสภาพทีด่ นิ และศักยภาพท่ดี ินทุกประเภท คณะกรรมาธกิ าร จึงส่งเรอื่ งรอ้ งเรียน ไปยังคณะกรรมการนโยบายท่ีดนิ แหง่ ชาติ เพ่ือพิจารณาดาเนนิ การตามหนา้ ท่ีและอานาจตอ่ ไป (๒) ปญั หาแหล่งนา้ เร่อื ง ปญั หาการบรหิ ารจดั การน้าเพือ่ แก้ไขปญั หาภยั แล้งและนา้ กรณี จังหวัดพิษณุโลกต้องเผชิญกับวิกฤติภัยแล้ง เนื่องจากฝนตกลงมาปริมาณน้อย และ กาลังเกิดผลกระทบกับผู้ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรมเป็นจานวนมาก ประกอบกับระดับน้า ในเขื่อนสาคัญทส่ี ่งน้าให้จังหวัดพิษณุโลก ไดแ้ ก่ เข่ือนสิริกติ ิ์ และเข่ือนแควน้อยบารุงแดน มีปริมาณน้า

๒๓ ค่อนขา้ งน้อย ขณะน้ีพื้นที่ประสบปัญหาพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้า ได้แก่ อาเภอบางกระทุ่ม อาเภอบางระกา และอาเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลกได้ประกาศ เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทด รองราชการเพ่ือช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ทาให้ปัจจุบันจังหวัดพิษณุโลกมี พ้ืนที่ที่ได้รับความเสียหายจากภาวะฝนแล้ง จานวน ๓ อาเภอ ๑๑ ตาบล ๗๘ หมู่บ้าน ซึ่งจังหวัด พิษณุโลกยังขาดแคลนงบประมาณเพื่อพัฒนาแหล่งกักเก็บน้า เร่ืองดังกล่าวคณะกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้พิจารณาแล้วเห็นควรส่งเร่อื งดังกล่าวไปยังองค์การบริหารส่วน ต้าบลเพชรชมภู และกรมทรัพยากรน้าบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เพือ่ พจิ ารณาตามหน้าทแ่ี ละอา้ นาจตอ่ ไป (๓) ปัญหาดา้ นเศรษฐกิจ เร่อื ง ปัญหามคั คเุ ทศกท์ อ้ งถิน่ กรณีสืบเน่อื งมาจาก มัคคุเทศกท์ ้องถน่ิ ซง่ึ ผ่านการอบรมแล้วไม่สามารถปฏิบัติงานได้ กรณี ดังกล่าว คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว ได้เชิญผู้แทนกรมการท่องเท่ียวเข้าร่วมประชุมกับ คณะกรรมาธิการ และได้รับทราบข้อมูลว่า กรณีขั้นตอนในการขอเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ของคนในชมุ ชนหรอื ปราชญช์ าวบา้ นตอ้ งมีการประกาศเขตพ้ืนท่นี ั้นเปน็ เขตทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนหรอื ทอ้ งถน่ิ ก่อน โดยเขตตาบลเมืองเก่า อยู่ระหว่างรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาแล้วคนในท้องถ่ิน สามารถย่ืนคาขออนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นได้ทันที ซ่ึงได้ดาเนินการเสนอไปยังสานักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๓ เมอื่ ประกาศแลว้ สามารถแจ้งให้ชาวบา้ นรบั ทราบไดท้ ันที

๒๔ ๕.๓ พน้ื ทีก่ ลมุ่ จงั หวดั ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื (ตอนบน) ๑) ด้านปญั หาที่ดนิ เรื่อง ขอให้เร่งรัดหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องดาเนินการ จัดสรรท่ีดินทากินให้ราษฎร ทีผ่ า่ นกระบวนการพิสจู นแ์ ล้ว จานวน ๙๕ คน ในพืน้ ท่ีจงั หวัดกาฬสินธุ์ตามมติ คทช. และมติ ครม. กรณรี าษฎรในพ้ืนท่จี ังหวดั กาฬสินธ์ุ และจังหวดั ใกลเ้ คียง เคยทากินในพน้ื ท่ปี า่ นาจารย์ – ดงขวาง อาเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อมาเมื่อปี ๒๕๐๗ รัฐได้ประกาศให้ป่านาจารย์ - ดงขวางเป็น ป่าสงวนแห่งชาติ ต่อมาปี ๒๕๑๗ อ.อ.ป. นาพ้นื ท่ีปา่ นาจารย์ - ดงขวางไปสร้างสวนปา่ สมเดจ็ ทับทท่ี า กินของราษฎรและถูกให้ออกจากพน้ื ที่ท่เี คยทากิน เร่ืองดังกลา่ ว คณะกรรมาธกิ ารทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้ พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นปัญหาเกี่ยวกับท่ีดิน ซ่ึงพระราชบัญญัติ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กาหนดให้คณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ มีหน้าที่และอานาจในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้ท่ีดินของประเทศให้เหมาะสมกับ สภาพท่ีดินและศักยภาพที่ดินทุกประเภท ดังน้ัน คณะกรรมาธิการฯ จึงส่งเรื่องร้องเรียนดงั กล่าวไปยัง คณะกรรมการนโยบายที่ดินแหง่ ชาติพจิ ารณาดาเนนิ การตามหน้าที่และอานาจ โดยคณะกรรมาธิการฯ จะไดต้ ดิ ตามการดาเนนิ งานของคณะกรรมการนโยบายทดี่ ินแห่งชาติในภาพรวมตอ่ ไป

๒๕ ๒) ดา้ นปัญหาแหลง่ นา้ (๑) เรื่อง ขอความอนเุ คราะหต์ ิดตามการดาเนินงานโครงการอนรุ กั ษ์ฟน้ื ฟหู นองปฏิรปู พร้อมระบบกระจายน้า กรณสี บื เนื่องมาจากองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลศรีสงครามได้รับแจง้ จากผใู้ หญ่บ้าน หมู่ท่ี ๕ และหมทู่ ่ี ๙ วา่ การดาเนินงานโครงการอนุรกั ษ์ฟืน้ ฟูหนองปฏริ ูปพรอ้ มระบบกระจายน้า ของสานกั งาน ทรัพยากรน้า ภาค ๓ อุดรธานี ซ่ึงได้ดาเนินการก่อสร้างมาต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และในสัญญาจ้างได้ สิน้ สดุ เมอ่ื วันท่ี ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ แต่โครงการดงั กล่าวยังก่อสร้างไมแ่ ลว้ เสร็จ ราษฎรประสบปัญหา ขาดแคลนนา้ อุปโภคบริโภค จึงขอให้ชว่ ยประสานงานไปยังหนว่ ยงานทีร่ ับผิดชอบ ให้เร่งดาเนินงานให้ แล้วเสร็จ เพ่ือประชาชนในพ้ืนท่ีบ้านปฏิรูป หมู่ที่ ๕ และหมู่ที่ ๙ จะได้ใช้งานจากระบบกระจายน้า คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเร่ือง เกี่ยวกับสัญญาทางปกครองซึ่งอยู่ในเขตอานาจของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่ง พระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเรื่องดังกล่าวอยู่ใน หน้าท่ีและอานาจของกรมทรัพยากรน้า ดังน้ัน คณะกรรมาธิการฯ จึงส่งเร่ืองร้องเรียนดังกล่าวไปยัง กรมทรัพยากรน้าพิจารณาและดาเนินในสว่ นทเี่ กย่ี วขอ้ งตอ่ ไป (๒) ขอยกระดับสนั เขอื่ น เพ่อื เพ่มิ ความจุในการกกั เกบ็ น้าห้วยเสียว บรเิ วณพ้นื ท่ี บ้านโคก รวมถงึ ภเู ขาของหมบู่ า้ น ไม่มีแหล่งนา้ กรณีโครงการชลประทานมุกดาหารได้ประสานโครงการก่อสร้าง สานักงาน ชลประทานที่ ๗ และมีบันทึกสอบถาม ส่วนวศิ วกรรม สานักงานชลประทานท่ี ๗ ซึ่งได้พิจารณาขอ้ มูล ด้านอทุ กศาสตรแ์ ละทางภมู ิประเทศแลว้ ใหค้ วามเหน็ ว่า อา่ งเกบ็ น้าหว้ ยเสียว ได้ออกแบบเต็มศกั ยภาพ ของภูมิประเทศแล้ว โดยมีระดับกักเก็บท่ีไม่ส่งผลกระทบต่อพ้ืนที่น้าท่วมบริเวณเหนืออ่างและการ ระบายน้าด้านท้ายอ่าง อีกทั้งพ้ืนท่ีอ่างเก็บน้าห้วยเสียวยังติดกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าดงหมู) ดังน้ัน การเพิ่มระดับความจุอ่างอาจจะส่งผลกระทบต่อเขตพ้ืนที่ป่าบริเวณน้ัน แนวทางการช่วยเหลือ โครงการชลประทานมุกดาหาร ได้ตรวจสอบแผนงานโครงการดังกล่าวแล้ว พบว่า มีแผนงานใน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โครงการแก้มลิงห้วยเสียวพร้อมอาคารประกอบ ด้านท้ายอ่างเก็บน้าห้วย เสียว ตามคาร้องขอของราษฎรในพื้นท่ี เพื่อรองรับการขาดแคลนน้าของราษฎรบ้านโคกและราษฎร หมบู่ า้ นใกลเ้ คียง ๓) ปัญหาด้านการเกษตร เรื่อง ขอรบั การสนบั สนนุ ปัจจัยการผลติ กลุ่มเล้ียงปลาหมอไทยแปลงเพศ บ้านดอนดู่ หมทู่ ี่ ๖ ตาบลตน้ ผึ้ง อาเภอพงั โคน จงั หวดั สกลนคร เพ่ือเลยี้ งปลาหมอไทยแปลงเพศในบอ่ ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมประมงพิจารณาดาเนินการ โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้าจืด เขต ๓ (สกลนคร) ได้สารวจพื้นท่ีเพาะเลี้ยงสัตว์น้าและร่วม ประชมุ กับกลุม่ เกษตรกรเรียบรอ้ ยแล้ว พบวา่ เกษตรกรส่วนใหญใ่ ชน้ ้าฝนในการเพาะเลย้ี งสัตว์นา้ และมี เกษตรกร จานวน ๔-๕ ราย ใช้ระบบไฟฟ้าสูบน้าจากห้วยลาปลาหาง มาใช้ในการเพาะเล้ียงสัตว์น้า

๒๖ โดยในช่วงเดือนมกราคม ๒๕๖๓ จะดาเนินการสนับสนุนพันธ์ุปลาหมอไทยให้กับเกษตรกร จานวน ๕ ราย และในช่วงเดอื นมีนาคม ๒๕๖๓ จะดาเนินการสนับสนุนพนั ธ์ุปลากินพืช (นิล/ตะเพยี น) ให้กบั เกษตรกร จานวน ๑๑ ราย ๕.๔ พื้นทก่ี ลุ่มจงั หวัดภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (ตอนล่าง) ๑) ดา้ นปญั หาท่ดี นิ กรณีสืบเนื่องมาจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ขอรับการแก้ไขปัญหาที่ดิน สาธารณประโยชน์โนนป่ายาง จานวน ๔,๑๒๕ ไร่ ซึ่งในพื้นท่ีดังกล่าว ผู้ร้องเรียนได้ให้ข้อมูลว่า ประชาชนในพื้นที่ได้อาศัยและทากินในที่ดิน มาตั้งแต่ปี ๒๔๕๐ จนถึงปัจจุบันชาวบ้านอาศัยอยู่ ประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน ซ่ึงในการประกาศที่ดินสาธารณประโยชน์แปลงโนนป่ายาง น้ัน ไม่สามารถ พิสูจน์ขอบเขตตามท่ีได้อ้างอิงไว้ ตลอดจนไม่สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ คณะกรรมาธิการ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม วุฒสิ ภา พิจารณาแลว้ เห็นวา่ เร่ืองดังกลา่ วอยูใ่ นหนา้ ทีแ่ ละอานาจ ของกระทรวงมหาดไทย ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกัน ท่ีดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสาหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. ๒๕๕๓ และกฎหมายอ่ืนท่ี เกี่ยวข้อง ตลอดจนตามพระราชบญั ญตั คิ ณะกรรมการนโยบายท่ดี ินแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไดก้ าหนดให้ คณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ มีหน้าที่และอานาจในการตรวจสอบ และประเมินผลการใช้ที่ดิน ของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพทดี่ ินและศักยภาพท่ดี ินทุกประเภท ดังนั้น คณะกรรมาธิการ จึงได้มี

๒๗ หนงั สอื สง่ เรอื่ งดังกลา่ วไปยงั กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการนโยบายทีด่ ินแหง่ ชาติเพอ่ื พิจารณา ตามหน้าท่ีและอานาจตอ่ ไป ๒) ดา้ นปัญหาน้า กรณีเกษตรกรพน้ื ที่ตาบลชีวึก อาเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา ได้เกิดปัญหาภัย แล้งมาเป็นระยะเวลานาน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล รวมท้ัง ไม่มีแหล่งน้าธรรมชาติในการอุปโภค บริโภค และไม่เพียงพอตอ่ การประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตวจ์ ึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อ จัดทาโครงการระบบประปาหมู่บ้าน แต่เน่ืองจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซ่ึงเกินศักยภาพขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นและอาเภอ จึงขอสนับสนุนงบประมาณในการดาเนินโครงการฯ ดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้มีหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพ่ือพิจารณาดาเนินการตามหน้าที่ และอานาจต่อไป ๓) ปญั หาดา้ นสิง่ แวดล้อม กรณีประชาชนหมู่ที่ ๑๕ บ้านลาดวังม่วง ตาบลหนองบัวแดง อาเภอหนองบัวแดง จังหวัด ชัยภูมิ นาเสนอปัญหาเพ่ือขอคัดค้านการก่อสร้างโรงงานน้าตาลเกษตรสมบูรณ์ เน่ืองจากมีในพ้ืนที่ อาเภอหนองบัวแดงเป็นพ้ืนท่ีภูเขาและแหล่งต้นน้า ตลอดจนมีพื้นที่ติดต่อกับเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า และเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านมลพิษทางอากาศ ฝุ่นละออง การใช้ ทรัพยากรน้า ตลอดจนวิถีชีวิตของชุมชน คณะกรรมการฯ ส่งเร่ืองไปยังคณะกรรมาธิการทรัพยากร ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม วุฒิสภา เพ่ือพิจารณา ต่อมา คณะกรรมาธิการฯ ได้มีหนังสือแจ้งว่า ได้มี หนังสือส่งเร่ืองดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกเทศมนตรีตาบลหนองบัวแดง และเลขาธิการสานกั งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม เพอื่ พจิ ารณาดาเนนิ การ ในสว่ นทเ่ี ก่ียวข้อง

๒๘ ๕.๕ พน้ื ทกี่ ลมุ่ จงั หวัดภาคกลาง ๑) ดา้ นปญั หาแหลง่ น้า จากการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้วยวาจาของประชาชน ทาให้ทราบ ปัญหาแหล่งน้าในพื้นท่ีจังหวัดภาคกลาง โดยในภาพรวมจะมีการนาเสนอปัญหาเก่ียวกับภัยแล้ง การขาดแคลนน้าเพ่ือการอุปโภค - บริโภค และมีการเสนอให้มีการจัดสรรงบประมาณเพ่ือสร้างแหล่ง กักเก็บน้าหรือการวางท่อส่งน้า ซึ่งปัญหาแหล่งน้าส่วนใหญ่จะเก่ียวข้องกับปัญหาด้านการเกษตร เช่น ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ขอให้ติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้าเพ่ือการอุปโภค - บริโภค และน้าเพ่ือการเกษตร โดยเสนอให้มีการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในพื้นท่ี จังหวดั ดงั กล่าว ซึ่งไดร้ ับความเดอื ดร้อนไม่สามารถเพาะปลกู พชื ผลทางการเกษตรได้ ประชาชนในพ้นื ที่ จงั หวดั กาญจนบรุ ีขอให้หน่วยงานที่เกย่ี วขอ้ งกับการแกไ้ ขปญั หาเรอ่ื งภัยพิบตั ใิ นเขตพน้ื ทดี่ งั กลา่ วสารวจ พน้ื ทท่ี ่ีเปน็ ไปได้ในการสร้างแหล่งกักเก็บนา้ ขนาดเล็กหรือฝายสาหรับการเกบ็ น้าช่วงฤดฝู นไว้ใช้ในช่วง ฤดูแล้ง ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ท้ังในเร่ืองน้าท่วมและน้าแล้ง และขอให้มีการพิจารณาอุดหนุน งบประมาณให้กับการประปาส่วนภูมิภาค เพื่อนาไปจัดสรรสาหรับการวางท่อขยายเขตจ่ายน้าบริเวณ ตาบลดอนตาเพชร อาเภอพนมทวน จังหวดั กาญจนบุรี ทง้ั น้ี คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชน ได้ส่งข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้วยวาจาของประชาชนไปยังผู้ว่า ราชการจังหวัดในพ้ืนที่ทีไ่ ดม้ ีการรับฟังความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะดงั กล่าว เพื่อพิจารณาดาเนินการ ตามหนา้ ที่และอานาจตามควรแก่กรณตี ่อไป

๒๙ ๒) ด้านปญั หาการเกษตร สภาพปัญหาด้านการเกษตรในพื้นท่ีจังหวัดภาคกลางในภาพรวม เป็นปัญหาเก่ียวกับ การขาดแคลนนา้ ในการทาเกษตรกรรม ปญั หาราคาผลผลติ ทางการเกษตรตกต่า เชน่ จากการลงพื้นท่ี ในจังหวดั กาญจนบุรีทาใหไ้ ด้รับเร่ืองร้องเรียนจากประชาชนกรณพี ื้นท่ีตาบลหนองโรง อาเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพ้ืนที่ประสบปัญหาภัยแห้งแล้ง ทาให้ประชาชนในพื้นที่ไม่มีน้าท่ีใช้ในการทา เกษตรกรรม ส่งผลให้พืชผลทางเกษตรได้รับความเสียหาย โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหา คือ ต้องมี การประสานงานกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางที่เหมาะสม ในการส่งน้าไปยังพื้นท่ีทา การเกษตร รวมทงั้ ประสานงานเพื่อให้มีการจดั หางบประมาณสนับสนนุ ในการสง่ น้าใหก้ ับพืน้ ทด่ี ังกล่าว จากการลงพื้นที่ในจังหวัดอ่างทอง มีประชาชนย่ืนหนังสือเพ่ือแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับแนวทางการ บรหิ ารจดั การนา้ เพื่อการเกษตร คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ได้ส่ง เร่ืองไปยังคณะกรรมาธิการและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ได้แก่ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วฒุ สิ ภา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพือ่ พิจารณาดาเนนิ การตามหนา้ ทแี่ ละอานาจตอ่ ไป ๓) ปัญหาด้านการคมนาคม สภาพปญั หาดา้ นการคมนาคมในพ้ืนท่จี ังหวัดภาคกลางในภาพรวม เป็นปัญหาเกี่ยวกับ การที่ประชาชนมีข้อเสนอใหภ้ าครัฐกอ่ สร้างถนนในพื้นทีต่ า่ งๆ เพ่ือแก้ไขปญั หาจราจรตดิ ขัด รวมทั้งยัง มปี ญั หาขอ้ ร้องเรียนเก่ยี วกับการกอ่ สร้างสนามบินทีอ่ าจมผี ลกระทบตอ่ ประชาชน เชน่ จากการลงพ้นื ท่ี ในจังหวัดนครปฐม ได้มีประชาชนย่ืนหนังสือร้องเรียน เรื่อง ข้อเสนอภาคประชาชนเพื่อทบทวน การศึกษาฯ ก่อสร้างสนามบินนครปฐม เพ่ือร้องเรียนกรณีกรมท่าอากาศยาน กระทรว งคมนาคม ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพ่ือศึกษาความเหมาะสมในการก่อสร้างสนามบินพาณิชย์แห่งใหม่ในจังหวัด นครปฐม โดยได้มีการกาหนดพื้นท่ีท่ีเหมาะสมในการก่อสร้างสนามบินแล้ว คือ ที่อาเภอบางเลนและ อาเภอนครชยั ศรี โดยประชาชนในพ้นื ทมี่ ีความวิตกกงั วลตอ่ ความเหมาะสมของพื้นท่ที ถี่ กู คดั เลอื กหลาย ประการ เช่น เป็นพื้นที่เกษตรกรรมท่ีสาคญั อย่างยิ่ง เป็นพนื้ ที่แก้มลิงตะวันตกของแมน่ ้าเจ้าพระยาใน การป้องกันอุทกภัย เป็นพ้ืนที่ท่ีในระยะยาวจะมีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เป็นต้น ดังนั้น จึงขอให้ วุฒิสภาพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการให้ข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เก่ียวข้องเพื่อทบทวนความ เหมาะสมของการก่อสรา้ งสนามบนิ ดังกล่าว จากการลงพืน้ ท่ีในจังหวดั อา่ งทอง มีประชาชนแสดงความ คิดเห็นและเสนอแนะดว้ ยวาจาใหช้ ่วยประสานเพอื่ ให้มกี ารเร่งดาเนนิ การกอ่ สรา้ งถนนสายโพธิ์พระยา - ทา่ เรือ และถนนสายป่าโมกข์ - บางปะหัน ใหแ้ ล้วเสรจ็ โดยเร็ว ทัง้ น้ี คณะกรรมการอานวยการโครงการ สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ได้ส่งเร่ืองไปยังคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา และ คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว โดยรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากกรมท่าอากาศ ยาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จากัด (มหาชน) และสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แหง่ ชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการมคี วามเห็นต่อกรณีดงั กล่าว สรุปไดว้ ่า กระทรวงคมนาคมควรมุ่งเน้นการ พัฒนาและขยายศกั ยภาพของสนามบินสุวรรณภมู ิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา ให้เต็มขีด ความสามารถ เพื่อบรรเทาความแออัดของผู้โดยสาร แทนการก่อสร้างสนามบินในพ้ืนท่ีดังกล่าว

๓๐ เน่ืองจากการก่อสร้างสนามบินในพ้ืนที่ดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนมีผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการเกษตรอย่างมาก กระทรวงคมนาคมจึงควร ทบทวนความเหมาะสมของโครงการดังกล่าว โดยพิจารณาถึงความคิดเห็นของประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบ รวมทั้งข้อมูลจากภาควิชาการ หน่วยงานด้านการบิน และภาคส่วนต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้ทาหนังสอื แจง้ ผลการพิจารณาไปยงั ผู้ร้อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอธบิ ดกี รมทา่ อากาศยาน ด้วยแล้ว ๔) ดา้ นปญั หาเศรษฐกจิ จากการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้วยวาจาของประชาชน ทาให้ทราบถึง สภาพปญั หาด้านเศรษฐกจิ ในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง ซ่ึงในภาพรวมเปน็ ปญั หาเกย่ี วกบั ราคาผลผลิตทาง การเกษตรตกตา่ สง่ ผลให้เกษตรกรมีหนี้สนิ เพิ่มมากขนึ้ การเสนอให้รัฐผลกั ดนั ใหพ้ น้ื จงั หวัดของตนเป็น พนื้ ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การเสนอให้รัฐบาลมมี าตรการตา่ งๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ประชาชนใน จังหวัดสุพรรณบุรี มีความเห็นว่า ปัญหาราคาข้าวตกต่า ซึ่งสวนทางกับต้นทุนในการทานาข้าวที่เพ่ิม สูงข้ึน ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคเพ่ิมสูงขึ้น ส่งผลทาให้ชาวนามีหน้ีสินในครัวเรือนเพ่ิมมากข้ึน เน่ืองจากชาวนาไม่สามารถกาหนดราคาขายข้าวได้เอง และไม่มีอานาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลางหรือ นายทุนได้ ประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ เสนอให้ภาครัฐช่วยผลักดันให้จังหวัดสมุทรปราการซึ่ง เป็นจังหวัดที่มีความพร้อมทั้งด้านการคมนาคมขนส่ง ด้านอุตสาหกรรมและด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้ เป็นพื้นท่ีที่ได้รับการประกาศให้เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ หรือเข้าสู่โครงการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ดังเช่นพื้นท่ีจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ประชาชนใน จังหวัดนนทบุรี เสนอให้รัฐบาลมีมาตรการเพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การส่งเสริมให้มีการจัด ประชมุ สมั มนาทัว่ ประเทศ หรอื จดั กิจกรรมท่ีเป็นการอบรมใหค้ วามรแู้ ก่ประชาชน เพื่อเป็นการกระจาย รายได้ ท้ังนี้ คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ได้ส่งความคิดเห็น และข้อเสนอแนะของประชาชนไปยังคณะกรรมาธิการที่เกีย่ วข้องเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ศึกษาตามหน้าท่ีและอานาจ เช่น คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมาธิการการ พาณชิ ย์และการอตุ สาหกรรม คณะกรรมาธกิ ารการเศรษฐกิจ การเงนิ และการคลัง เปน็ ต้น ๕) ด้านปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม สภาพปัญหาด้านส่ิงแวดล้อมในพ้ืนที่จังหวัดภาคกลางในภาพรวม เป็นปัญหาเก่ียวกับ การปล่อยน้าเสียลงสู่แหล่งน้าธรรมชาติและการต้ังโรงงานในพื้นท่ีท่ีอาจส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม ปัญหาสัตวป์ ่าทาลายทรพั ย์สินและพืชผลทางการเกษตรของประชาชน เชน่ จากการลงพ้ืนทีใ่ นจังหวัด ราชบุรี ได้มีประชาชนย่นื หนังสอื รอ้ งเรยี น เร่ือง วกิ ฤตน้าเสียจากฟารม์ สกุ รไหลลงน้าใตด้ นิ และแหล่งนา้ ธรรมชาติสู่ทะเล กรณีประชาชนท่ีอาศัยอยู่ในพ้ืนที่จังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม และเพชรบุรี ได้รับ ผลกระทบและความเดือดร้อนจากฟาร์มสุกรท่ีลักลอบระบายน้าเสียลงสู่พื้นท่ีทาการเกษตรและแม่น้า ลาคลอง จนเป็นเหตุให้ทรัพยากรในแหล่งน้าและชายฝั่งทะเลเสียหาย เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของ

๓๑ ประชาชน โดยขอให้มีการนาปัญหาดังกล่าวน้ีเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา และต้องการให้มีการ กาหนดพ้ืนท่ีการเลี้ยงสุกรให้ชัดเจน มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และปรับปรุงกฎหมายว่า ด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและเพ่ิม อัตราโทษให้มีความรุนแรงมากขึ้นเพื่อป้องปรามให้ผู้กระทาความผิดเกรงกลัวต่อกฎหมาย ท้ังน้ี คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ได้ส่งเร่ืองร้องเรียนไปยัง คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม วุฒิสภา เพื่อพิจารณาดาเนินการตามหน้าที่ และอานาจ และคณะกรรมาธกิ ารฯ ไดส้ ่งเร่ืองใหห้ น่วยงานที่เก่ียวเพื่อพิจารณาดาเนนิ การแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน กล่าวคือ กรณีเรื่องร้องเรียนของประชาชนในจังหวัดราชบุรี คณะกรรมาธิการฯ ได้ส่งเร่ืองไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม ส่วนเรื่องร้องเรยี นของประชาชนในจังหวัดสงิ ห์บรุ ี คณะกรรมาธิการฯ ได้ส่งเรอื่ งไปยัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์การบริหารส่วนตาบลโพกรวม เพ่ือแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนตอ่ ไป

๓๒ ๕.๖ พน้ื ทกี่ ลุม่ จังหวัดภาคตะวันออก ๑) ด้านปญั หาทดี่ ิน เรอ่ื ง ปัญหาที่ดนิ ทางการเกษตรทไ่ี ม่มีเอกสารสิทธิ์ การประกาศเขตที่ดินทับท่ีดินทากิน ของราษฎร และการขอใช้ท่ีดนิ ซ่ึงเปน็ ของรฐั กรณปี ระเดน็ การขอใชท้ ี่ราชพัสดุ เพอื่ กอ่ สรา้ งสานักงานเทศบาลคลองใหญ่ ซ่ึงแต่เดิมสมยั ท่ี เป็นสุขาภิบาล ได้กันพื้นท่ีไว้และได้ถมที่ดินจานวน ๑๘ ไร่ แต่จาเป็นต้องใช้งบประมาณจานวนมาก จึงต้องใช้วิธีการกู้เงินเพื่อการถมดินและการก่อสร้างสานักงาน โดยในการกู้เงินจะต้องมีเอกสารสิทธ์ิ ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงแนะนาให้โอนพ้ืนท่ีสุขาภิบาลเป็นท่ีราชพัสดุและให้ดาเนินการทาเรื่องขอใช้ใน ภายหลงั แตเ่ ม่ือดาเนนิ การโอนเป็นที่ราชพัสดุเรียบรอ้ ยแล้วปญั หา คือ ไม่สามารถขอใชท้ ่ีราชพัสดุได้ เน่ืองจากติดข้อกฎหมายของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่ินและกฎหมายของกรมการปกครอง ท้ังนี้ คณะกรรมาธิการการปกครองท้องถ่ิน วุฒิสภา ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการโครงสร้าง หน้าท่แี ละอานาจสาหรบั ทอ้ งถิ่นรูปแบบทั่วไป พจิ ารณาศึกษา รวบรวมข้อมูลและตดิ ตามความคบื หน้า กรณีเทศบาลตาบลคลองใหญ่ขอใช้ท่ีราชพัสดุในความครอบครองใช้ประโยชน์ของกรมการปกครอง ไปยงั กรมการปกครองและจังหวดั ตราด ทง้ั น้ี กรมการปกครองได้มหี นังสอื แจ้งมายงั คณะกรรมาธิการ

๓๓ ว่าได้มีหนังสือยินยอมให้เทศบาลตาบลคลองใหญ่ใช้ท่ีราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนท่ี ตร.๔๗๒ เนอื้ ท่ี ๑๒-๒-๒๕ ไร่แลว้ ๒) ดา้ นปญั หาแหล่งนา้ เร่ือง ปัญหาด้านการคมนาคมเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเดือดร้อนจากการโครงการทาง หลวงพเิ ศษ การกอ่ สรา้ งถนน สะพานและเขื่อนปอ้ งกันตล่ิง การซ่อมแซมถนน การเชา่ ที่ดนิ ของ การรถไฟ ถนนไมม่ ีไหลแ่ ละทางเทา้ ถนนไมม่ ีไฟสอ่ งสวา่ ง และการจราจรหนาแน่น ได้แก่ (๑) เรือ่ งรอ้ งเรยี นของนายณฐั ธรี ะธร พงคธ์ นบญุ ปรดี า จานวน ๒ ฉบบั (๑.๑) กรณีความเดือดร้อนจากมลพิษของจุดพักรถบรรทุกตามโครงการทางหลวง พิเศษระหว่างเมืองสายชลบุรี – หนองคาย ตอนชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง) – ปราจีนบุรี (ทางหลวง หมายเลข ๓๕๙) และผลกระทบจากการก่อสร้างถนน ชบ ๓๐๐๙ ของทางหลวงชนบท (กาลัง ดาเนนิ การก่อสรา้ ง) ทาให้เกิดน้าทว่ ม (๑.๒) กรณีผลกระทบจากโครงการกอ่ สร้างถนนเช่ือมต่อทางหลวงแผน่ ดิน หมายเลข ๗ (ถนน ๓๐๐๙ บริเวณ กม.๑๐๗+๒๐๐) -ท่าเรือแหลมฉบัง อาเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ของทาง หลวงชนบท (กาลังดาเนินการก่อสร้าง) เนื่องจากถนนมีความสูง ไม่สามารถระบายน้าตามซอยได้ ความกวา้ งของถนน จานวน ๖ ชอ่ งจราจร มจี ดุ รับโคง้ จานวนมาก เปน็ อปุ สรรคต่อการต้ังร้านขายของ ชาของประชาชน และถนนเข้าซอยติดกับโครงการ มีปัญหาช่วงทางเข้าออก เน่ืองจากถนนมีความ ลาดชนั คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ได้พิจารณาโดยเชิญผู้แทนกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และผู้ร้องเรียนเข้าร่วมประชุมเพ่ือช้ีแจงข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏผลการ พิจารณาเป็นดังน้ี กรมทางหลวงชนบทได้ดาเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้แก่ ผ้รู ้องเรยี น ซึ่งผู้ร้องเรียนมีความพอใจในแนวทางการแกไ้ ขปัญหาดงั กลา่ ว และกรมทางหลวงได้ช้ีแจง กระบวนการในการรับฟงั ความคิดเห็นของประชาชนโดยช้ีแจงเป็นเอกสาร ซึ่งผู้รอ้ งเรยี นแถลงวา่ ไมต่ ดิ ใจในประเด็นดังกล่าว ๓) ด้านปญั หาเศรษฐกจิ เร่ือง ขอความอนุเคราะห์ประสานโครงการเพ่ือแก้ไขปัญหาและการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพื่อจัดทาโครงการศึกษาออกแบบและก่อสร้างเขื่อนก้ันคลื่น บริเวณ หน้าหาดหนองแฟบและหนา้ หาดสนกระซบิ กรณีปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังบริเวณหาดหนองแฟบและ หาดสนกระซิบ ชมุ ชนหนองแฟบ เขตเทศบาลเมอื งมาบตาพุด มีระยะความยาวประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร คณะกรรมาธิการการคมนาคม วฒุ ิสภา พจิ ารณาแล้วเหน็ ควรประสานไปยังกรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง จังหวัดระยอง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง และได้รับรายงานความคืบหน้าการพิจารณา ประเด็นเรื่องร้องเรียนดังกล่าวว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพปัญหาพร้อม ศึกษาออกแบบโครงการศึกษาและก่อสร้างเขื่อนก้ันคลื่นหน้าหาดหนองแฟบและห าดสนกระซิบ

๓๔ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้ถูกบรรจุอยู่ในแผนงานงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ผกู พันงบประมาณปี พ.ศ.๒๕๖๕ และปี พ.ศ.๒๕๖๖ วงเงนิ งบประมาณจานวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๔) ดา้ นปญั หาสงั คมและอ่นื ๆ ปัญหาสังคมและอ่ืนๆ เป็นเร่ืองเก่ียวกับความเดือดร้อนจากการไม่มีน้าประปาใช้ของ หมู่บ้านจัดสรร การขนย้ายวัสดุกัมมันตรังสีออกจากพ้ืนท่ี การเตรียมความพร้อมในการรองรับ กฎหมายที่จะมีผลใช้บงั คับ การควบคุมและกากับดูแลเรอื่ งกัญชา การขยายหรือปรับปรงุ โรงพยาบาล ผลกระทบจากปัญหาแรงงานย้ายถิ่น ผลกระทบจากการดาเนินการของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาค ตะวันออก การกัดเซาะชายฝ่ังในพื้นท่ีจังหวัดระยอง เรือประมงพาณิชย์ลักลอบทาประมงในเขต ประมงพ้ืนบ้าน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว งบประมาณในการกอ่ สร้างบอ่ ขยะ การขาดแคลนแรงงาน ในช่วงเก็บเก่ยี วผลผลิตทางการเกษตร ไฟฟ้า – ประปาไมเ่ พยี งพอ ยาเสพตดิ ในกลุม่ เดก็ และเยาวชน

๓๕ ๕.๗ พื้นทก่ี ลุ่มจังหวดั ภาคใต้ เรอ่ื ง การสนับสนนุ การเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เข้าสู่บญั ชีมรดกโลก กรรีสบื เนื่องมาจากสานักงานสภาวฒั นธรรมจงั หวัดนครศรีธรรมราช วัดมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการรับรองจากยูเนสโก เม่ือปี ๒๕๕๖ ให้อยู่ใน “บัญชีรายช่ือเบ้ืองต้น” และจะต้องจัดทาเอกสารนาเสนอ แหล่งมรดกโลกที่เรียกว่า Nomination Dossier เสนอ คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมพิจารณา ซึ่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ไดจ้ ัดทาเอกสารเสนอตอ่ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม เม่ือวันท่ี ๒๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๒ และท่ีประชมุ มขี ้อสังเกตใหป้ รับปรุงเอกสารเก่ียวกบั การจัดทาแผนการอนุรักษ์แหลง่ มรดกทาง วฒั นธรรมเพ่ิมเติม ท้ังน้ี คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน สง่ เร่ืองไปยัง คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรม วุฒิสภา เพ่ือพิจารณาตาม หน้าทแี่ ละอานาจ โดยมีผลการดาเนินการของคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ดังน้ี ๑) คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและ วัฒนธรรม พิจารณาและรวบรวมข้อมูลดังกล่าว ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลว่า วัดมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการรับรองจากยูเนสโก เมื่อปี ๒๕๕๖ ให้อยู่ใน “บัญชีรายช่ือเบื้องต้น” และจะต้องจัดทาเอกสารนาเสนอแหล่งมรดกโลกที่เรียกว่า Nomination Dossier เสนอคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมพิจารณา ซึ่งผู้ช่วย ศาสตราจารย์ ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ได้จัดทาเอกสารเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลก

๓๖ ทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และทป่ี ระชุมมขี ้อสังเกตให้ปรับปรุงเอกสารเกี่ยวกับ การจดั ทาแผนการอนุรักษ์แหลง่ มรดกทางวฒั นธรรมเพ่มิ เติม ๒) การประชุมคณะกรรมาธิการ ครั้งท่ี ๔ /๒๕๖๒ วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ท่ี ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพ่ือให้การจัดทาเอกสารดังกล่าวมีความครบถ้วน สมบูรณ์ เป็นไปตาม หลักเกณฑ์การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก จึงเห็นควรให้กรมศิลปากรในฐานะหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ใหค้ าปรกึ ษาและแนะนาการจดั ทาเอกสารแกผ่ รู้ อ้ ง และใหจ้ งั หวดั นครศรีธรรมราช เร่งรดั การ จดั ทาเอกสารให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท้ังน้ี คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ได้มีหนังสือแจ้งอธิบดี กรมศิลปากรและผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ดาเนินการความเห็นของที่ประชุมข้างต้นด้วยแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งใหผ้ ้รู อ้ งได้ทราบถึงผลการดาเนนิ การดงั กล่าวดว้ ยแลว้ ขอ้ สงั เกตกรณกี ารดาเนินการเรอ่ื งร้องเรยี น ๑. เร่ืองร้องเรยี นที่ไดร้ บั การพจิ ารณาสว่ นใหญ่เป็นเรือ่ งร้องเรียนประเภทท่ีเปน็ หนังสือ ส้าหรับ เร่อื งร้องเรียนท่ีเป็นการเสนอข้อคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของประชาชน คณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเรื่องและติดตามเรื่องร้องเรียน จะส่งไปยังคณะกรรมาธิการเพ่ือเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ตามบทบาทหน้าท่ีต่อไป ดังน้ัน ในการลงพื้นท่ีเพื่อรับเร่ืองร้องเรียน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่อง ร้องเรียน ใดมีประเด็นส้าคัญควรแก่การได้รับการพิจา รณาโ ดยคณะกรรมาธิการหรือห น่วยงาน ท่ี เกีย่ วข้อง เห็นควรแนะนา้ ให้ผู้ร้องเรยี นส่งเร่อื งร้องเรียนเป็นหนังสือ ๒. การลงพื้นทพ่ี บปะสว่ นราชการ ซึ่งเปน็ การปรกึ ษาหารอื กนั ภายในของสว่ นราชการ ปัญหา ส่วนใหญ่ของส่วนราชการเป็นเรื่องการของบประมาณ หรือเป็นเรื่องท่ีอยู่ในอ้านาจหน้าที่ของฝ่าย บริหาร ประกอบกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะฝ่ายบริหารท่ีเข้าร่วมการสัมมนาในครั้งน้ันด้วย เหน็ ควรมอบเรื่องดังกลา่ วให้จังหวดั (ผู้ว่าราชการจังหวัด) รับไปพจิ ารณาด้าเนินการ ยกเวน้ ประเดน็ ที่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายท่ีเป็นอุปสรรคในการบริหารราชการของหน่วยงานภาครัฐ กใ็ ห้จัดท้าเปน็ หนังสือส่งเร่ืองมายังคณะอนุกรรมการด้านรวบรวม แยกเร่ืองและตดิ ตามเรอ่ื งร้องเรียน เพอ่ื พจิ ารณาสง่ เรอ่ื งไปยงั คณะกรรมาธิการหรือหน่วยงานทเี่ กีย่ วข้องตอ่ ไป ๓. ส้าหรับประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะท่ีได้รับมาจากการลงพื้นท่ี สมาชิกวุฒิสภา หรือ กรรมาธิการท่ีเก่ียวข้องสามารถน้าประเด็นปัญหาดังกล่าวไปหารือต่อท่ีประชุมวุฒิสภาได้อีกช่องทางหนึ่ง เพอ่ื สะท้อนปญั หานน้ั ไปยังฝ่ายบรหิ าร เพ่อื ให้ปญั หาน้ันได้รับการแกไ้ ขใหก้ ับประชาชนต่อไป

ภาคผนวก

มติคณะรัฐมนตรี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เรื่อง พ้ืนที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทํากินในพื้นท่ีป่าไม้ (ทุกประเภท) คณะรฐั มนตรมี ีมตเิ หน็ ชอบ ดงั นี้ ๑. เห็นชอบในหลักการพื้นท่ีเป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและ ทํากินในพ้ืนท่ีป่าไม้ (ทุกประเภท) ตามนัยมติคณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ (คทช.) คร้ังที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันท่ี ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ตามท่ีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสํานักงบประมาณไปดําเนินการต่อไปด้วย ท้ังน้ี ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มและหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งดาํ เนนิ การให้เป็นไปตามข้ันตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลกั เกณฑ์ และมตคิ ณะรัฐมนตรที ี่เกย่ี วขอ้ งตามขอ้ สังเกตของสาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย ๒. ในการดาํ เนินการตามกรอบมาตรการฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงให้ราษฎรกลุ่มเป้าหมายทราบเก่ียวกับเจตนารมณ์ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ในการจัดสรรท่ีดินของแต่ละกลุ่มพ้ืนท่ีให้ถูกต้องและชัดเจน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในส่วนของการปฏิบัติตาม ข้อกฎหมายท่ีเกีย่ วข้องและสิทธิของผู้ไดร้ บั จัดสรรท่ีดนิ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา กําหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขการบุกรุกพื้นที่ป่าให้ชัดเจนและดําเนินก ารอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ มกี ารบกุ รกุ พน้ื ทปี่ ่าเพิม่ เตมิ อกี สาระสําคัญของเรื่อง พ้ืนท่ีเป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและ ทํากินในพื้นทป่ี ่าไม้ (ทุกประเภท) เพ่ือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ท่ียังไม่ได้นํามาดําเนนิ การจัดท่ดี ินทํากนิ ฯ เฉพาะ ในส่วนท่ีอยู่ในอํานาจหน้าท่ีของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ก่อน แล้วให้ครอบคลุมปัญหาท้ังหมดตามมติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในคราวประชุม คร้ังท่ี ๒/ ๒๕๖๑ ซึ่งกรอบมาตรการฯ จาํ แนกเปน็ ๕ กลุม่ สรุปสาระสําคญั ได้ ดังนี้ พนื้ ท่ีเปา้ หมาย กรอบมาตรการแกไ้ ขปญั หา ป่าสงวนแหง่ ชาติ กลุ่มที่ ๑ ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติท่ีอยู่ใน อนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์อยู่อาศัย/ทํากิน แบบ พื้นท่ีลุ่มนํ้า ชั้นท่ี ๓-๕ ก่อน มติคณะรัฐมนตรี แปลงรวม (ให้สิทธิทํากนิ มิให้เอกสารสิทธิ) เม่อื วันที่ ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๔๑ กลุ่มที่ ๒ ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ อนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์อยู่อาศัย/ทํากิน แบบ ใน พ้ืนที่ลุ่มนํ้าช้ันที่ ๓-๕ หลังมติคณะรัฐมนตรี แปลงรวม (ให้สิทธิทํากิน มิให้เอกสารสิทธิ) โดยอยู่ เมื่อ วันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ และต้องปฏิบัติ ภายใต้ข้อกําหนดและเง่ือนไขท่ีกําหนดร่วมกันใน ตาม คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลักษณะท่ีเกื้อกูลต่อการอนุรักษ์ เช่น ให้ปลูกป่า เพื่อ ท่ี ๖๖/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ เศรษฐกิจไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นท่ี และอื่นๆ ควบคไู่ ป กบั ให้ใช้ประโยชนอ์ ยอู่ าศยั และทาํ กิน กลุ่มท่ี ๓ กําหนดให้เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติงานประจําพ้ืนที่โครงการ ๑. ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ในพื้นท่ี เพอ่ื ควบคมุ การ ใช้ทรัพยากรและทด่ี ินและดาํ เนนิ การ ลุ่มน้ําช้ันที่ ๑-๒ ก่อนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ จัดระเบียบการใช้ที่ดินอยู่ อาศัย/ทํากินเป็นหลัก ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๔๑ แหล่งอย่างเหมาะสม (ออกแบบรูปแบบในการอยู่ อาศัยร่วมกับชุมชนและราษฎร) เช่น ฟื้นฟูสภาพป่า

-๒- พน้ื ที่เป้าหมาย กรอบมาตรการแกไ้ ขปัญหา แบบมีส่วนร่วม ส่งเสริมราษฎรปลูกป่า ๓ อย่าง ร้อย ละ ๒๐ ของพื้นที่ ๒. ชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ในพ้ืนที่ ถือเป็นพื้นท่ีที่ต้องทําการฟื้นฟูสภาพป่า ราษฎรใน ลุ่มน้ําชั้นท่ี ๑-๒ หลังมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันท่ี พื้นท่ีนี้ถือว่าบุกรุกใหม่และต้องดําเนินคดีตาม ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ และต้องปฏิบัติตามคําสั่ง กฎหมาย โดยกรมป่าไม้มอบหมาย เจ้าหน้าที่ประจํา คสช. ท่ี ๖๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ้ืนท่ีและดําเนินการฟ้ืนฟูสภาพป่าร่วมกับราษฎร ๒๕๕๗ ส่วนราษฎรที่เคยใช้ที่ดินดังกล่าวและประสงค์จะเข้า ร่วมดําเนินการ จะจัดทําบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรม ป่าไม้โดยมีหน้าที่ดูแล บํารุงรักษาป่าและจะขอรับ ผลผลิตจากไม้ที่ปลูกและใช้ประโยชน์ที่ดนิ ในระหว่าง แถวของตน้ ไม้ได้ ปา่ อนรุ ักษ์ กลุ่มที่ ๔ ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ท้ังก่อน ชุมชนท่ีจะได้รับการพิจารณาต้องเป็นชุมชนท่ีอาศัย และหลงั มตคิ ณะรัฐมนตรเี มือ่ วนั ที่ ๓๐ มิถนุ ายน อยู่เดิม มีการกําหนดขอบเขตพื้นท่ีทํากินเป็นที่ ๒๕๔๑ ยอมรับร่วมกันและให้สิทธิทํากิน มิให้เอกสารสิทธิ แนวทางท่ดี ําเนินการ คือ ๑) การสํารวจการ ครอบครองทีด่ นิ และ ๒) การตรวจสอบและการบรหิ ารจัดการพ้ืนที่ โดยจัด ระเบียบพ้ืนที่กรณีสํารวจแล้วเป็นพื้นท่ีล่อแหลม คกุ คามตอ่ ระบบนิเวศ นอกนน้ั ให้พจิ ารณาตามความ จําเป็นเพื่อการดํารงชีพ โดยส่งข้อมูลให้กรมอุทยาน แห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์ุพืช พิจารณา อนุญาตตาม กฎหมาย ป่าชายเลน กลุ่มที่ ๕ ชุมชนในพ้ืนที่ป่าชายเลน – พื้นที่ ดําเนินการสํารวจตรวจสอบการครอบครองพื้นที่ เพาะเล้ียงสัตว์น้ํา และพ้ืนท่ีเกษตรกรรม - พ้ืนท่ี จัดทําข้อมูล จําแนกตามรูปแบบการใช้ประโยชน์ เมืองและส่ิงก่อสร้างถาวรให้ กับราษฎรท่ี จัดทําแผนการบริหารจัดการ และโครงการเพื่อการ ครอบครองมาก่อนคําสั่ง คสช. ท่ี ๖๖/๒๕๕๗ อนุญาต จากน้ันจะเสนอขอยกเว้นมติ คณะรัฐมนตรี ราษฎรท่ีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์พ้ืนทป่ี ่าชายเลนได้และให้ คณะกรรมการนโยบายท่ีดนิ แหง่ ชาติ (คทช.) และ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ ดําเนินการอนุญาตตาม ไม่รวมราษฎรท่ีอยู่ในพื้นที่ทวงคืนผืน ป่าท่ีคดียัง กฎหมายใช้พื้นทต่ี ่อไป ไม่สิ้นสุด ทั้งน้ี ในการดําเนินการตามกรอบมาตรการดังกล่าวแต่ละหน่วยงานที่เก่ียวข้อง จะดาํ เนินการให้เปน็ ไปตามขน้ั ตอนของกฎหมาย โดยผู้มอี าํ นาจตามทก่ี ฎหมายบทบญั ญตั จิ ะอนุญาตการเขา้ ใชป้ ระโยชน์หรอื การดําเนินการในกล่มุ พืน้ ทีเ่ ป้าหมายตา่ งๆ ข้างตน้ ตอ่ ไป